“อีกครั้งดีหรือไม่”
“พอแล้วเจ้าค่ะ เก็บไว้วันเข้าหอบ้าง”
“เท่าที่พี่ทราบมาสตรีสามารถปลดปล่อยได้อย่างต่อเนื่องไม่ต้องพักให้หายเหนื่อยเช่นบุรุษ” เมื่อเขากล่าวจบนางทำท่าจะลุกหนีเมื่อเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้างดงามไร้ที่ติของเขา แต่คนอย่างชินอ๋องมีหรือจะยอมให้นางปฏิเสธ
เขาปลุกเร้าอารมณ์ปรารถนาอีกครั้งเรือนร่างเปลือยเปล่าถูกรุกเร้าจนนางอ่อนระทวยไร้แรงต่อต้าน
ชินอ๋องทำให้นางปลดปล่อยน้ำหวานเช่นเดิมอีกหลายครั้งจนนางหมดแรงหลับไปทั้งที่ร่างกายไร้อาภรณ์ปกปิด
คุณหนูจางถูกปลุกตั้งแต่เช้าเพื่อแต่งตัวขึ้นเกี้ยวแปดคนหาม ขบวนรับเจ้าสาวยิ่งใหญ่อลังการโดยเ
“คืนเข้าหอมีค่าดั่งทองพันชั่ง ขอบคุณพี่ชายที่มาส่งน้องเขยผู้นี้” ชินอ๋องที่ยืนโอนเอนไปมากล่าวก่อนจะผลักประตูแล้วเดินเข้าห้องหอไป “ชิงหนี่ว์ ชินอ๋องเมามากแล้ว คืนนี้เจ้ารีบเข้านอนอย่าได้รบกวนเขา” ‘เจ้าค่ะ’ เสียงตอบรับของน้องสาวทำให้พี่ชายได้แต่ขอโทษขอโพยนางในใจที่อาจจะทำให้คืนเข้าหอต้องเลื่อนออกไปเพราะเจ้าบ่าวเมามายมากเกินไป ภายในห้องหอที่ประดับด้วยสีมงคลอย่างสีแดงสว่างไสวด้วยเทียนคู่มังกรหงส์ สตรีในอาภรณ์บางเบาที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยจับจ้องบุรุษที่พี่ชายบอกว่าเมามาย หากเขาเมามายดั่งเช่นที่พี่ใหญ่กล่าวจริง คงไม่ยืนจับจ้องนางด้วยสายตาหื่นกระหายเช่นนี้&nbs
“เจ้าคับแน่นเช่นนี้ พี่จะทนได้นานสักเพียงใด” แม้จะอยากแนบชิดฝังส่วนนั้นอยู่ในโพรงนุ่มให้เนิ่นนาน แต่ทว่าความคับแน่นอาจจะทำให้เขาปลดปล่อยเร็วกว่าที่คิดไว้ “อ๊า...” ชิงหนี่ว์ส่งเสียงร้องครวญคราง ดวงหน้าหวานหันไปมาอย่างกระสับกระส่าย ในขณะที่มือเรียวกลับขยุ้มผมของเขาเพื่อกดศีรษะเอาไว้ เรือนร่างเปลือยเปล่าเริ่มแข็งเกร็งก่อนที่โพรงนุ่มจะกระตุกตอดรัดนิ้วแกร่งพร้อมกับน้ำหวานที่ทะลักเอ่อล้นออกมา ช่างเป็นภาพที่งดงาม ดอกไม้ที่ขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อยจากการดูดดึงฉ่ำวาวไปด้วยน้ำหวาน ราวกับถังหูลู่[1]หน้าตาน่ากิน เมื่อเห็นนางพร้อมรับการบุกรุกของตนแล้ว เขาจึงจับแท่งหยกของตนที่ใหญ่โตจนปวดหนึบถูไถกับดอกไม้ตรงกลางตัวนาง
“พี่รักเจ้าเหลือเกินชิงหนี่ว์” คำบอกรักของเขาไม่ได้เข้าหูสตรีที่กำลังมึนงงและไร้สติ ความปรารถนาที่ครอบงำทำให้นางได้แต่เพียงตอบรับสัมผัสจากเขา แท่งหยกที่ใหญ่โตไม่ยอมผละออกจากโพรงนุ่มที่รัดรึงบีบคั้นราวกับไม่ต้องการให้เขาแยกจาก ทุกอย่างเริ่มต้นอีกครั้งแต่คราวนี้นางถูกจับพลิกให้เป็นฝ่ายนอนอยู่ด้านบน เรือนร่างเปลือยเปล่าที่ไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน ได้แต่นอนซบอยู่บนอกปล่อยให้เขาขยับเอวกระแทกกระทั้นแท่งหยกเข้าออกอยู่เช่นนั้น กว่าชินอ๋องจะยอมปล่อยให้ชินหวางเฟยได้นอนพักอาทิตย์ก็ย่ำรุ่ง เรื่องราวความโปรดปรานของชินอ๋องที่มีต่อพระชายาทำให้ทุกคนได้ประจักษ์แล้ว ส่วนชินหวางเฟย สกุลจางได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ปีศาจราคะตนนั้นทำให้นางหมดเรี่ยวแรง ท่าทางไร้ประสบการณ
ตอนพิเศษฮูหยินของจางชิงเทียน ตั้งแต่เกิดมาจนสวมกวานและได้รับตำแหน่งราชเลขาธิการของฮ่องเต้ เขาพบเจอสตรีที่หวังจะมาทอดสะพานให้มากมาย แต่ในสายตาเขาสตรีที่สำคัญที่สุดในชีวิตมีเพียงหนึ่งเดียวคือชิงหนี่ว์ นางเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเขา ซึ่งเขาคิดว่าหากนางไม่อยากแต่งงานและจะอยู่ให้พี่ชายเช่นเขาเลี้ยงดูไปตลอดชีวิต เขาก็ยินดีที่จะเป็นบุรุษครองพรหมจรรย์ไร้คู่ครองเช่นกัน แม้ฮ่องเต้จะพยายามถามไถ่และแนะนำสตรีงดงามให้มากมายแต่ทว่าเพราะเป็นห่วงว่าสตรีเหล่านั้นจะรับไม่ได้หากต้องเลี้ยงดูน้องสามีไว้ในจวน เขาจึงบ่ายเบี่ยงและปฏิเสธฮ่องเต้มาโดยตลอด จนกระทั่งได้เจอสตรีซุกซนผู้หนึ่ง สตรีผู้นั้นเป็นสหายของน้องสาวเขาที่มักจะชอบเอ่ยปากชื่นชมขนมที่เขาทำให้ฟังอยู่บ่อยครั้งยามพบเจอตามงานเลี้ยง แต่ในง
“ข้าเห็นเจ้าเดินออกจากโรงเตี๊ยมจึงเดินตามเพียงเท่านั้น” กล่าวจบสายตาของท่านราชเลขาฯ ก็จับจ้องดวงหน้าหวานที่มักจะส่งยิ้มให้เขาอยู่เสมอ แต่ทว่าวันนี้กลับบึ้งตึง “ท่านป้าเจ้าขา วันนี้ข้าต้องไปแล้ว ท่านมาเก็บโต๊ะเถิดเจ้าค่ะ คุณชายพวกนี้จะได้มีโต๊ะนั่งไม่ต้องมายืนจ้องผู้อื่นให้เสียมารยาทเช่นนี้” กล่าวจบนางก็วางเหรียญอีแปะลงบนโต๊ะก่อนจะเดินออกจากร้านไป ตั้งแต่ต้นจนจบนางไม่ทักทายเขาเช่นที่เคยทำ ต้องเป็นเพราะที่เขากล่าววาจาไม่ดีใส่นางในวันนั้นเป็นแน่ “ชิงเทียนเจ้ารู้จักคุณหนูผู้นั้นหรือ” “เจ้าชอบนางหรือ” “ใช่ ข้าอยากเกี้ยวพานาง ในเมืองหลวงนี้จะมีคุณหนูส
“ข้าอิ่มแล้วเจ้าค่ะ ได้โปรดยกเท้าที่เหยียบชายอาภรณ์ข้าด้วยเจ้าค่ะ” “เจ้ารู้หรือไม่ มีขอทานและคนยากจนที่ไม่มีแม้แต่ข้าวจะกิน หากคนพวกนั้นมาเห็นเจ้ากินเหลือเช่นนั้น พวกเขาคงตัดพ้อ พวกเขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้กินบะหมี่น้ำธรรมดา แต่เจ้าที่เป็นคุณหนูกลับกินทิ้งกินขว้าง กินเพียงคำสองคนไม่ถูกใจก็ทิ้ง จะว่าไปก็น่าสงสารชาวบ้านที่เขาทำปลูกพืชผักและเลี้ยงสัตว์นะ พวกเขาลำบากเพียงใดกว่าจะปลูกพืชผักและเลี้ยงสัตว์มาเพื่อเป็นอาหารให้พวกเราได้กิน...” “พอแล้วเจ้าค่ะ ข้ากินให้หมดก็ได้” คุณหนูหวังกล่าวก่อนจะนั่งลงตามเดิม มือเรียวหยิบตะเกียบมาคีบกินบะหมี่เนื้อที่ตนกินค้างไว้ พร้อมกับบะหมี่เนื้อที่เขาสั่งถูกนำมาให้พอดี มุมปากของเขาหยักยิ้มเมื่อเห็นท่าทางของนาง จางชิงเทียนกินบะหมี่เนื้อไปลอบมองสหายของน้องสาวไป เขาเพิ่งสังเกตว่าคุณหน
“เอ่อ...ท่านช่วยพาข้าลงจากหลังม้าได้หรือไม่เจ้าคะ” สิ้นเสียงนาง รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าไร้ที่ติแม้จะหล่อเหลาน้อยกว่าชินอ๋องซื่อจื่อ แต่ทว่าก็มีสตรีไม่น้อยที่ชื่นชอบบุรุษผู้นี้ หลังจากที่นางได้ขี่ม้าตัวเดียวกับบุรุษที่สตรีหลายคนหมายปอง นางก็มักจะเจอเขาที่เหลาอาหารหรือโรงเตี๊ยมอยู่บ่อยครั้ง เพราะไม่สบายใจกับสายตาจาบจ้วงของบุรุษในวันนั้นนางจึงไม่กล้าไปที่ร้านบะหมี่เนื้อของท่านป้าผู้นั้นอีก แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องแปลกหรือไม่ นางมักจะเจอท่านราชเลขาฯจางผู้นั้นอยู่บ่อยครั้ง วันนี้ก็เช่นกัน “ดูเหมือนเจ้าจะชื่นชอบการออกมากินข้าวนอกจวน มิทราบว่าพ่อครัวจวนหวังทำอาหารไม่อร่อยหรือ” เขามานั่งร่วมโต๊ะโดยที่นางไม่ต้องเชิญทุกครา จนกลายเป็นความเคยชิ
ฮ่องเต้ผู้เด็ดขาดกับฮองเฮา (แค่บนเตียง) นัยน์ตาดำของบุรุษสูงศักดิ์จับจ้องใบหน้าของสตรีที่ตนรักอย่างไม่ละสายตา มือใหญ่ช่วยคีบอาหารใส่ชามให้นางอย่างเอาใจ “ท่านพี่กินบ้างเถิดเจ้าค่ะ อย่ามัวแต่คีบให้ข้าเลยเจ้าค่ะ” แม้ยามนี้ทั้งสอ
การแต่งฮูหยินที่เร่งรีบของท่านราชครู มีคนมากมายที่อาจจะสงสัยว่าเหตุใดท่านราชครูจางเหว่ยถึงได้เร่งรีบตบแต่งเถ้าแก่เนี้ยร้านขายภาพวาดซือซือเข้าจวนจาง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีข่าวลือว่าคบหากัน หรืออาจจะเป็นเพราะได้เห็นบทเรียนจากการเล่าลือเรื่องของคุณหนูสวี่ ที่จู่ๆ คนเหล่านั้นบังเอิญลิ้นขาดกลายเป็นคนพูดไม่ได้ แต่โชคดีหนึ่งในนั้นมีคนเขียนอักษรได้ จึงได้เขียนเตือนคนรอบตัวไม่ให้เล่าลือเรื่องราวเกี่ยวกับเชื้อพระวงศ์หรือตระกูลที่ใกล้ชิดราชวงศ์ สุดท้ายจึงไม่มีใครกล้าเล่าลือหรือสงสัยถึงความเร่งรีบของท่านราชครู “พี่เหว่ย ท่านจะไม่เสียใจทีหลังห
ฮองเฮาพบปะสหาย ภายในจวนท่านราชเลขาฯจาง วุ่นวายไม่น้อยเมื่อมีผู้สูงศักดิ์มาเยือนโดยได้นัดหมายกันล่วงหน้า “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” ชินอ๋องที่เพิ่งลงจากรถม้าแสดงความเคารพโอรสสวรรค์และฮองเฮา “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” พระชายาสกุลจางที่ลงรถม้ามาภายหลังทำความเคารพอีกฝ่ายเช่นกัน “ตามสบายเถิด พวกเจ้าเป็นสหายของเราใช้คำธรรมดาสามัญเถิด”
“เจ้าโอบอุ้มบุตรชายของเราให้แน่นๆ ส่วนเจ้าพี่จะจับให้แน่นๆ เอง” กล่าวจบเขาก็ใช้วิชาตัวเบาโอบอุ้มพานางและบุตรชายกลับตำหนัก ทันทีที่ถึงตำหนักโจวหลี่หมิงถูกส่งตัวให้ซานจี สาวใช้ประจำตัวคนใหม่ของนางที่ทางพระสวามีหามาให้ แน่นอนว่านางมิใช่สาวใช้ธรรมดา เพราะสตรีผู้นี้คือองครักษ์เงาที่ถูกฝึกมาอย่างหนักเพื่อดูแลดวงใจของท่านอ๋อง “นำไปซื่อจื่อไปมอบให้แม่นมแล้วเจ้าไปพัก ข้าจะดูแลพระชายาเอง” บุรุษที่ชื่นชอบการปรนนิบัติฮูหยินกล่าว “แงๆ” แม้จะดีดดิ้นเพียงใด แต่บุตรชายมีหรือจะต่อต้านบิดาได้ “ท่านพี่ หากลูกไม่อยากไป...” ไม่มีมาร
เรื่องเล่าหลังเป็นพระชายาของชิงหนี่ว์ ดวงตาเมล็ดซิ่งทอดมองผืนดินที่เขียวชอุ่มไปด้วยพืชผัก ที่ดินผืนนี้นางใช้เงินที่ได้จากการวาดภาพขายมาซื้อเก็บไว้ เพื่อสร้างรายได้ให้กับบ่าวรับใช้ผู้ภักดีทั้งสอง ก่อนหน้าที่นางจะแต่งเข้าตำหนักอ๋องไม่นาน นางก็จัดการให้จื่อรั่วและจื่อเป่าที่ความสัมพันธ์คืบหน้าไปอย่างรวดเร็วได้เข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกันก่อนจะคืนสัญญาทาสแล้วให้ทั้งสองคนย้ายมาปลูกจวนอยู่บนที่ผืนนี้ “พระชายาท่านนั่งพักดื่มน้ำก่อนเถิดเพคะ รอแดดร่มลมตกค่อยออกไปเดินดูด้านนอก”&
“เช่นนั้นก่อนจะลงโทษน้อง ท่านพี่กินข้าวก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ” “มิต้อง” กล่าวจบเขาก็รั้งนางเข้าไปแนบชิด มือใหญ่จับยึดคางเรียวเอาไว้ริมฝีปากร้อนกดลงบนกลีบปากบาง ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนางอย่างเอาแต่ใจ ในขณะที่มือช่วยปลดเปลื้องอาภรณ์ให้นางอย่างรวดเร็ว ช่างใจร้อนเสียจริง... ดวงหน้าหวานแดงก่ำด้วยความเขินอาย เมื่อพระสวามีของตนที่เพิ่งถอนจุมพิตเร่าร้อนเมื่อครู่ จับจ้องนางราวกับหมาป่าหิวกระหาย “น้องหญิงของพี่เลิศรสกว่าอาหารใดๆ” กล่าวจบเขาก็ช้อนเรือนร่างเปลือยเปล่าเข้าหลังฉากกั้น ว่ากันว่าฮองเฮาชื่นชอบการแช่น้ำร้อน ภายในตำหนักจึงมีบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่อยู่ติดห้องบรรทม 
ฮ่องเต้ผู้เด็ดขาดกับฮองเฮา (แค่บนเตียง) นัยน์ตาดำของบุรุษสูงศักดิ์จับจ้องใบหน้าของสตรีที่ตนรักอย่างไม่ละสายตา มือใหญ่ช่วยคีบอาหารใส่ชามให้นางอย่างเอาใจ “ท่านพี่กินบ้างเถิดเจ้าค่ะ อย่ามัวแต่คีบให้ข้าเลยเจ้าค่ะ” แม้ยามนี้ทั้งสอ
“เอ่อ...ท่านช่วยพาข้าลงจากหลังม้าได้หรือไม่เจ้าคะ” สิ้นเสียงนาง รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าไร้ที่ติแม้จะหล่อเหลาน้อยกว่าชินอ๋องซื่อจื่อ แต่ทว่าก็มีสตรีไม่น้อยที่ชื่นชอบบุรุษผู้นี้ หลังจากที่นางได้ขี่ม้าตัวเดียวกับบุรุษที่สตรีหลายคนหมายปอง นางก็มักจะเจอเขาที่เหลาอาหารหรือโรงเตี๊ยมอยู่บ่อยครั้ง เพราะไม่สบายใจกับสายตาจาบจ้วงของบุรุษในวันนั้นนางจึงไม่กล้าไปที่ร้านบะหมี่เนื้อของท่านป้าผู้นั้นอีก แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องแปลกหรือไม่ นางมักจะเจอท่านราชเลขาฯจางผู้นั้นอยู่บ่อยครั้ง วันนี้ก็เช่นกัน “ดูเหมือนเจ้าจะชื่นชอบการออกมากินข้าวนอกจวน มิทราบว่าพ่อครัวจวนหวังทำอาหารไม่อร่อยหรือ” เขามานั่งร่วมโต๊ะโดยที่นางไม่ต้องเชิญทุกครา จนกลายเป็นความเคยชิ
“ข้าอิ่มแล้วเจ้าค่ะ ได้โปรดยกเท้าที่เหยียบชายอาภรณ์ข้าด้วยเจ้าค่ะ” “เจ้ารู้หรือไม่ มีขอทานและคนยากจนที่ไม่มีแม้แต่ข้าวจะกิน หากคนพวกนั้นมาเห็นเจ้ากินเหลือเช่นนั้น พวกเขาคงตัดพ้อ พวกเขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้กินบะหมี่น้ำธรรมดา แต่เจ้าที่เป็นคุณหนูกลับกินทิ้งกินขว้าง กินเพียงคำสองคนไม่ถูกใจก็ทิ้ง จะว่าไปก็น่าสงสารชาวบ้านที่เขาทำปลูกพืชผักและเลี้ยงสัตว์นะ พวกเขาลำบากเพียงใดกว่าจะปลูกพืชผักและเลี้ยงสัตว์มาเพื่อเป็นอาหารให้พวกเราได้กิน...” “พอแล้วเจ้าค่ะ ข้ากินให้หมดก็ได้” คุณหนูหวังกล่าวก่อนจะนั่งลงตามเดิม มือเรียวหยิบตะเกียบมาคีบกินบะหมี่เนื้อที่ตนกินค้างไว้ พร้อมกับบะหมี่เนื้อที่เขาสั่งถูกนำมาให้พอดี มุมปากของเขาหยักยิ้มเมื่อเห็นท่าทางของนาง จางชิงเทียนกินบะหมี่เนื้อไปลอบมองสหายของน้องสาวไป เขาเพิ่งสังเกตว่าคุณหน
“ข้าเห็นเจ้าเดินออกจากโรงเตี๊ยมจึงเดินตามเพียงเท่านั้น” กล่าวจบสายตาของท่านราชเลขาฯ ก็จับจ้องดวงหน้าหวานที่มักจะส่งยิ้มให้เขาอยู่เสมอ แต่ทว่าวันนี้กลับบึ้งตึง “ท่านป้าเจ้าขา วันนี้ข้าต้องไปแล้ว ท่านมาเก็บโต๊ะเถิดเจ้าค่ะ คุณชายพวกนี้จะได้มีโต๊ะนั่งไม่ต้องมายืนจ้องผู้อื่นให้เสียมารยาทเช่นนี้” กล่าวจบนางก็วางเหรียญอีแปะลงบนโต๊ะก่อนจะเดินออกจากร้านไป ตั้งแต่ต้นจนจบนางไม่ทักทายเขาเช่นที่เคยทำ ต้องเป็นเพราะที่เขากล่าววาจาไม่ดีใส่นางในวันนั้นเป็นแน่ “ชิงเทียนเจ้ารู้จักคุณหนูผู้นั้นหรือ” “เจ้าชอบนางหรือ” “ใช่ ข้าอยากเกี้ยวพานาง ในเมืองหลวงนี้จะมีคุณหนูส