20
ความพยายามของจางชิงเทียน
บุรุษชุดดำคุกเข่าลงตรงหน้าผู้เป็นนายก่อนจะเอ่ยรายงานในสิ่งที่ตนได้รับมอบหมายให้ไปสืบมา
“ท่านราชเลขาฯจาง ตอนนี้ไปมาหาสู่บัณฑิตที่สอบได้อันดับสาม แซ่เหยียนพ่ะย่ะค่ะ” ซานเหวินที่ได้รับหน้าที่ตามดูคุณชายใหญ่จางอยู่ห่างๆ กล่าวรายงาน
&
“แต่จัดรวดเร็วถึงเพียงนี้ ตระกูลของพี่สาวหยุนซือที่แคว้นสือเจ้าจะเดินทางมาร่วมงานทันหรือเจ้าคะ เอ่อ...ท่านปู่ทราบหรือไม่เจ้าคะ ว่าแท้จริงพี่สาวหยุนซือเป็นใคร” “องค์หญิงหยุนว่านซือ พระขนิษฐาในฮ่องเต้หลี่จิ้ง นางเป็นสตรีเพียงคนเดียวที่ท่านลุงเจ้าพึงใจ เรียกขานสนิทสนมเช่นนั้น คงเป็นเจ้าที่นำพานางให้กลับมาเจอลุงเจ้าสินะ” “มันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเจ้าค่ะ” แท้จริงแล้วเคยคิดจะชักนำให้ทั้งคู่มาพบเจอกัน แต่เป็นท่านลุงที่ปฏิเสธ “ส่วนเรื่องตระกูลของนางนั้น เห็นว่ามีเพียงหลานชายของนางที่เข้าร่วม” “ท่านลุงใจร้อนราวกับบุรุษเพิ่งสวมกวานเลยนะเจ้าคะ” “ทำอย่างไรได้ ชั่วทั้งชีวิตข
“ได้ๆ พี่จะรอ” นับวันยิ่งลุ่มหลงยากถอนตัว เหตุใดสตรีผู้นี้ถึงได้ทำให้เขาหลงใหลมากเช่นนี้ ความพยายามของจางชิงเทียนยังไม่จบสิ้น ทันทีที่ได้ข่าวว่าคุณชายหลิวเดินทางกลับจากต่างแคว้น จึงรีบส่งเทียบเชิญขอเข้าพบ และเพื่อแสดงไมตรีจิต ท่านราชครูจางจึงพาน้องสาวไปเยี่ยมเยียนคุณชายหลิวถึงจวน “คารวะคุณชายหลิวเจ้าค่ะ” “ท่านราชเลขาฯ คุณหนูจางเชิญตามสบาย” “ขอบคุณเจ้าค่ะ” “วันนี้ต้องขออภัยที่ต้องมารบกวนคุณชายหลิว” “มิได้ๆ ขอ
จะหน้าตาย หรือน่าตาย มันก็หมายถึงคนผู้นั้นเช่นกัน คิดแล้วก็รู้สึกหงุดหงิด เมื่อใดกันที่เจ้านั่นเริ่มเข้าหาชิงหนี่ว์ หากรู้ตัวเร็วกว่านี้เจ้านั่นคงไม่ได้เข้าใกล้แก้วตาดวงใจของเขาเป็นแน่ ‘ได้เจ้าค่ะ ว่าแต่ท่านเถิดที่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ เป็นเพราะเจอสตรีที่น่าเอ็นดูกว่าน้องสาวผู้นี้แล้วใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นพี่ใหญ่ควรยอมเปิดใจก่อนที่นางจะยอมแพ้แล้วหายไปนะเจ้าคะ’ คุณหนูจางตวัดพู่กันเขียนตอบพี่ชาย ‘เจ้าไปรู้อันใดมา สตรีผู้นั้นบอกเจ้าหรือ’ ‘นางมิได้บอกข้าแม้แต่เพียงครึ่งคำเจ้าค่ะ ในระยะนี้ข้าไม่ได้เจอนาง เพราะนางคงกำลังวุ่นวายอยู่กับการเกี้ยวพาบุรุษผู้หนึ่งที่แสนเย็นชา แต่เท่าที่ข้ารู้จักนาง ข้าว่าสตรีอย่างนางคงมิคิดรอความรักจากบุรุษที่ไม่ได้รักตนหรอก หากวันหนึ่งนางเหนื่อยที่จะตามแล้ว นางคงจะหยุดเองท่านอย่าได้ห่วง&
21 สตรีมีชะตาหงส์ คุณชายหลิวมาเยือนจวนจางตามคำเชื้อเชิญ ส่วนสหายของตนก็คงเกาะเกี่ยวอยู่ตามต้นไม้สักต้นหวังสอดแนมความเป็นไปที่เกิดขึ้น “คุณชายหลิว อาหารจวนข้าไม่อร่อยหรือเจ้าคะ เหตุใดท่านไม่ค่อยกินเลย” จางชิงหนี่ว์เอ่ยถาม 
“อย่าได้กล่าวเช่นนั้น เจ้าเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพี่ พี่จะรีบเร่งให้เจ้าแต่งออกไปเช่นนั้นได้อย่างไร พี่เพียงแต่อยากทำให้เรื่องทุกอย่างถูกต้อง บุรุษผู้นั้นจะได้ไม่ต้องเกาะต้นไม้จวนข้างๆ เฝ้ามองหลังคาจวนเราทุกค่ำคืน” ‘ท่านคิดว่าคนอย่างชินอ๋องซื่อจื่อจะทำเพียงแค่เฝ้ามองหรือเจ้าคะ ท่านประเมินเขาต่ำเกินไปแล้ว’ แม้จะคิดเห็นเช่นนั้น แต่ทว่านางก็ต้องกล่าวออกไปราวกับไม่รู้เรื่องราวอันใด “เขามาเฝ้ามองข้าทุกวันหรือเจ้าคะ” “อืม อย่าได้ยิ้มดีใจเช่นนั้น เพราะมันอาจจะทำให้พี่รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา” “ขออภัยเจ้าค่ะ มื้ออาหารจบแล้วข้าขอตัวไปดูเรื่องอาภรณ์ที่จะจัดเตรียมให้พวกท่านก่อนนะเจ้าคะ”
‘กล่าวว่าตนฉลาดไม่หลงกลสตรีดอกบัวขาว แล้วที่เฝ้าปีนหน้าต่างจวนผู้อื่นนี้เล่า เรียกว่าอันใด’ บอกแล้วอย่างไรกุหลาบมีหนาม สตรีงามย่อมมีมารยา อยู่ที่ว่านางจะเลือกใช้กับใครเพียงเท่านั้น ก่อนจะถึงพิธีกราบไหว้ฟ้าดินของท่านลุงและว่าที่ป้าสะใภ้ คุณหนูจางรับหน้าที่เตรียมการเรื่องอาภรณ์ให้กับบุรุษตระกูลจางทุกคนไม่เว้นแม้แต่ชุดบ่าวสาวนางก็เป็นผู้จัดเตรียม หลังจากจัดการนำอาภรณ์ไปส่งที่จวนจางของท่านปู่เรียบร้อยแล้ว นางก็ขอตัวไปเยี่ยมเยียนสหายที่ได้นัดหมายกันไว้ “มาแล้วหรือชิงหนี่ว์ข้ากำลังรอเจ้าอยู่เลย” คุณหนูเจิ้งทักทายเมื่อเห็นสหายเดินเข้ามาใกล้ คู่หมั้นนางก็นี่กระไร นางบอกแล้วว่าตนแค่เอ็นดูชิงหนี่ว์เพราะสหายผู้นี้งดงามน่
ทั้งสามคนอยู่สนทนากันอีกเพียงหนึ่งเค่อ นางและคุณหนูหวังก็ขอตัวกลับด้วยเกรงว่าจะทำให้องค์รัชทายาทที่รอสนทนากับพระคู่หมั้นมีโทสะ ภายในรถม้าตระกูลหวังที่กำลังวิ่งไปตามทาง สองสาวกำลังนั่งสนทนากันถึงชะตาหงส์ยากจะหลีกพ้นของเจิ้งเข่อชิง “สุดท้ายเข่อชิงก็ต้องหมั้นหมายกับองค์รัชทายาทตามเดิม แต่ดูเหมือนความรู้สึกที่มีจะแตกต่างไปจากเดิม” ในสายตาของสหายเช่นตน วันนี้เข่อชิงดูมีความสุขมาก แววตาของนางฉายชัดด้วยความสุขที่เปี่ยมล้น “อืม ข้าก็ดีใจที่นางจะกลายเป็นฮองเฮาที่มีความสุขที่สุด” “ส่วนเจ้าอีกไม่นานก็คงแต่งเข้าตำหนักชินอ๋องซื่อจื่อ เหลือเพียงข้าแล้วสิ ที่ยังไร้คู่” บุรุษที่มาดหมายก็เอาแต่เพิกเฉยใส่จนนางเริ่มถอดใจ 
22 อย่ามือสั่นเช่นนั้น งานแต่งของท่านราชครูจางแม้จะเป็นการจัดงานเล็กๆ ในจวนของตระกูล แต่ทว่าด้วยตำแหน่งที่เป็นถึงราชครูขององค์รัชทายาทและชินอ๋องซื่อจื่อ และมีลูกศิษย์ที่เป็นบุตรชายขุนนางคนสำคัญอีกหลายคน ภายในงานจึงคับคั่งไปด้วยบุคคลสำคัญ ไหนจะแขกจากผู้เป็นบิดาที่เป็นถึงอดีตราชครูของฮ่องเต้และชินอ๋องอีก ส่วนฝั่งเถ้าแก่เนี้ยหยุนซือแม
การแต่งฮูหยินที่เร่งรีบของท่านราชครู มีคนมากมายที่อาจจะสงสัยว่าเหตุใดท่านราชครูจางเหว่ยถึงได้เร่งรีบตบแต่งเถ้าแก่เนี้ยร้านขายภาพวาดซือซือเข้าจวนจาง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีข่าวลือว่าคบหากัน หรืออาจจะเป็นเพราะได้เห็นบทเรียนจากการเล่าลือเรื่องของคุณหนูสวี่ ที่จู่ๆ คนเหล่านั้นบังเอิญลิ้นขาดกลายเป็นคนพูดไม่ได้ แต่โชคดีหนึ่งในนั้นมีคนเขียนอักษรได้ จึงได้เขียนเตือนคนรอบตัวไม่ให้เล่าลือเรื่องราวเกี่ยวกับเชื้อพระวงศ์หรือตระกูลที่ใกล้ชิดราชวงศ์ สุดท้ายจึงไม่มีใครกล้าเล่าลือหรือสงสัยถึงความเร่งรีบของท่านราชครู “พี่เหว่ย ท่านจะไม่เสียใจทีหลังห
ฮองเฮาพบปะสหาย ภายในจวนท่านราชเลขาฯจาง วุ่นวายไม่น้อยเมื่อมีผู้สูงศักดิ์มาเยือนโดยได้นัดหมายกันล่วงหน้า “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” ชินอ๋องที่เพิ่งลงจากรถม้าแสดงความเคารพโอรสสวรรค์และฮองเฮา “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” พระชายาสกุลจางที่ลงรถม้ามาภายหลังทำความเคารพอีกฝ่ายเช่นกัน “ตามสบายเถิด พวกเจ้าเป็นสหายของเราใช้คำธรรมดาสามัญเถิด”
“เจ้าโอบอุ้มบุตรชายของเราให้แน่นๆ ส่วนเจ้าพี่จะจับให้แน่นๆ เอง” กล่าวจบเขาก็ใช้วิชาตัวเบาโอบอุ้มพานางและบุตรชายกลับตำหนัก ทันทีที่ถึงตำหนักโจวหลี่หมิงถูกส่งตัวให้ซานจี สาวใช้ประจำตัวคนใหม่ของนางที่ทางพระสวามีหามาให้ แน่นอนว่านางมิใช่สาวใช้ธรรมดา เพราะสตรีผู้นี้คือองครักษ์เงาที่ถูกฝึกมาอย่างหนักเพื่อดูแลดวงใจของท่านอ๋อง “นำไปซื่อจื่อไปมอบให้แม่นมแล้วเจ้าไปพัก ข้าจะดูแลพระชายาเอง” บุรุษที่ชื่นชอบการปรนนิบัติฮูหยินกล่าว “แงๆ” แม้จะดีดดิ้นเพียงใด แต่บุตรชายมีหรือจะต่อต้านบิดาได้ “ท่านพี่ หากลูกไม่อยากไป...” ไม่มีมาร
เรื่องเล่าหลังเป็นพระชายาของชิงหนี่ว์ ดวงตาเมล็ดซิ่งทอดมองผืนดินที่เขียวชอุ่มไปด้วยพืชผัก ที่ดินผืนนี้นางใช้เงินที่ได้จากการวาดภาพขายมาซื้อเก็บไว้ เพื่อสร้างรายได้ให้กับบ่าวรับใช้ผู้ภักดีทั้งสอง ก่อนหน้าที่นางจะแต่งเข้าตำหนักอ๋องไม่นาน นางก็จัดการให้จื่อรั่วและจื่อเป่าที่ความสัมพันธ์คืบหน้าไปอย่างรวดเร็วได้เข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกันก่อนจะคืนสัญญาทาสแล้วให้ทั้งสองคนย้ายมาปลูกจวนอยู่บนที่ผืนนี้ “พระชายาท่านนั่งพักดื่มน้ำก่อนเถิดเพคะ รอแดดร่มลมตกค่อยออกไปเดินดูด้านนอก”&
“เช่นนั้นก่อนจะลงโทษน้อง ท่านพี่กินข้าวก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ” “มิต้อง” กล่าวจบเขาก็รั้งนางเข้าไปแนบชิด มือใหญ่จับยึดคางเรียวเอาไว้ริมฝีปากร้อนกดลงบนกลีบปากบาง ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนางอย่างเอาแต่ใจ ในขณะที่มือช่วยปลดเปลื้องอาภรณ์ให้นางอย่างรวดเร็ว ช่างใจร้อนเสียจริง... ดวงหน้าหวานแดงก่ำด้วยความเขินอาย เมื่อพระสวามีของตนที่เพิ่งถอนจุมพิตเร่าร้อนเมื่อครู่ จับจ้องนางราวกับหมาป่าหิวกระหาย “น้องหญิงของพี่เลิศรสกว่าอาหารใดๆ” กล่าวจบเขาก็ช้อนเรือนร่างเปลือยเปล่าเข้าหลังฉากกั้น ว่ากันว่าฮองเฮาชื่นชอบการแช่น้ำร้อน ภายในตำหนักจึงมีบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่อยู่ติดห้องบรรทม 
ฮ่องเต้ผู้เด็ดขาดกับฮองเฮา (แค่บนเตียง) นัยน์ตาดำของบุรุษสูงศักดิ์จับจ้องใบหน้าของสตรีที่ตนรักอย่างไม่ละสายตา มือใหญ่ช่วยคีบอาหารใส่ชามให้นางอย่างเอาใจ “ท่านพี่กินบ้างเถิดเจ้าค่ะ อย่ามัวแต่คีบให้ข้าเลยเจ้าค่ะ” แม้ยามนี้ทั้งสอ
“เอ่อ...ท่านช่วยพาข้าลงจากหลังม้าได้หรือไม่เจ้าคะ” สิ้นเสียงนาง รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าไร้ที่ติแม้จะหล่อเหลาน้อยกว่าชินอ๋องซื่อจื่อ แต่ทว่าก็มีสตรีไม่น้อยที่ชื่นชอบบุรุษผู้นี้ หลังจากที่นางได้ขี่ม้าตัวเดียวกับบุรุษที่สตรีหลายคนหมายปอง นางก็มักจะเจอเขาที่เหลาอาหารหรือโรงเตี๊ยมอยู่บ่อยครั้ง เพราะไม่สบายใจกับสายตาจาบจ้วงของบุรุษในวันนั้นนางจึงไม่กล้าไปที่ร้านบะหมี่เนื้อของท่านป้าผู้นั้นอีก แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องแปลกหรือไม่ นางมักจะเจอท่านราชเลขาฯจางผู้นั้นอยู่บ่อยครั้ง วันนี้ก็เช่นกัน “ดูเหมือนเจ้าจะชื่นชอบการออกมากินข้าวนอกจวน มิทราบว่าพ่อครัวจวนหวังทำอาหารไม่อร่อยหรือ” เขามานั่งร่วมโต๊ะโดยที่นางไม่ต้องเชิญทุกครา จนกลายเป็นความเคยชิ
“ข้าอิ่มแล้วเจ้าค่ะ ได้โปรดยกเท้าที่เหยียบชายอาภรณ์ข้าด้วยเจ้าค่ะ” “เจ้ารู้หรือไม่ มีขอทานและคนยากจนที่ไม่มีแม้แต่ข้าวจะกิน หากคนพวกนั้นมาเห็นเจ้ากินเหลือเช่นนั้น พวกเขาคงตัดพ้อ พวกเขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้กินบะหมี่น้ำธรรมดา แต่เจ้าที่เป็นคุณหนูกลับกินทิ้งกินขว้าง กินเพียงคำสองคนไม่ถูกใจก็ทิ้ง จะว่าไปก็น่าสงสารชาวบ้านที่เขาทำปลูกพืชผักและเลี้ยงสัตว์นะ พวกเขาลำบากเพียงใดกว่าจะปลูกพืชผักและเลี้ยงสัตว์มาเพื่อเป็นอาหารให้พวกเราได้กิน...” “พอแล้วเจ้าค่ะ ข้ากินให้หมดก็ได้” คุณหนูหวังกล่าวก่อนจะนั่งลงตามเดิม มือเรียวหยิบตะเกียบมาคีบกินบะหมี่เนื้อที่ตนกินค้างไว้ พร้อมกับบะหมี่เนื้อที่เขาสั่งถูกนำมาให้พอดี มุมปากของเขาหยักยิ้มเมื่อเห็นท่าทางของนาง จางชิงเทียนกินบะหมี่เนื้อไปลอบมองสหายของน้องสาวไป เขาเพิ่งสังเกตว่าคุณหน
“ข้าเห็นเจ้าเดินออกจากโรงเตี๊ยมจึงเดินตามเพียงเท่านั้น” กล่าวจบสายตาของท่านราชเลขาฯ ก็จับจ้องดวงหน้าหวานที่มักจะส่งยิ้มให้เขาอยู่เสมอ แต่ทว่าวันนี้กลับบึ้งตึง “ท่านป้าเจ้าขา วันนี้ข้าต้องไปแล้ว ท่านมาเก็บโต๊ะเถิดเจ้าค่ะ คุณชายพวกนี้จะได้มีโต๊ะนั่งไม่ต้องมายืนจ้องผู้อื่นให้เสียมารยาทเช่นนี้” กล่าวจบนางก็วางเหรียญอีแปะลงบนโต๊ะก่อนจะเดินออกจากร้านไป ตั้งแต่ต้นจนจบนางไม่ทักทายเขาเช่นที่เคยทำ ต้องเป็นเพราะที่เขากล่าววาจาไม่ดีใส่นางในวันนั้นเป็นแน่ “ชิงเทียนเจ้ารู้จักคุณหนูผู้นั้นหรือ” “เจ้าชอบนางหรือ” “ใช่ ข้าอยากเกี้ยวพานาง ในเมืองหลวงนี้จะมีคุณหนูส