ชิงเยี่ยนเดินมาพร้อมกับผ้าห่มและเครื่องนอน ในคราแรกนางคิดว่าจะหอบมานอนเฝ้าเขาเพื่อง้อท่านอ๋อง แต่ไม่คิดว่าจะได้ยินที่เขาบอกว่า “ไม่มีเวลามาเอาใจผู้ใด”“ท่านอ๋องมิต้องเสียเวลาปั้นพระพักตร์เพื่อเอาใจผู้ใด จะได้มิทรงเหน็ดเหนื่อยมากกว่านี้ จางจื่อท่านรับไปเถิด”ชิงเยี่ยนส่งเครื่องนอนนั้นให้จางจื่อที่รับไปอย่างตกใจระคนแปลกใจ นี่มิใช่ว่าพระชายาตั้งใจจะมาง้อท่านอ๋องหรอกหรือ กลับกลายเป็นว่านางมาได้ยินในสิ่งที่ไม่ควรได้ยินเสียแล้วท่านอ๋องเองก็ดูเหมือนจะทรงทราบว่าหลุดปากพูดแรงไปเสียแล้วเมื่อนางเดินหันหลังกลับไปเขาจึงรีบเรียกเอาไว้ทันที“นั่นเจ้าจะไปที่ใด”ชิงเยี่ยนหันกลับมา สายตานางมิได้อบอุ่นอย่างที่เขาเคยเห็นอีกแล้ว ดวงตานางบวมเล็กน้อยซึ่งมองก็รู้ว่าคงผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก เสียงที่ขึ้นจมูกนั้นทำให้เขารู้ได้ทันที “ทูลลาเพคะ”ท่านอ๋องพยายามยันตัวลุกขึ้นแต่กลับทำแท่นฝนหมึกและพู่กันหกรดราดงานบนโต๊ะจนจางจื่อต้องรีบเอาเครื่องนอนนั้นวางที่ข้างห้องและรีบวิ่งเข้ามาช่วยท่านอ๋องเก็บโต๊ะ“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน โธ่เว้ย!!”สุดท้ายท่านอ๋องก็นอนพลิกไปพลิกมา สายตาบวมเป่งที่เขาเห็นบนใบหน้าชิงเยี่ยนทำให้
ท่านอ๋องมีท่าทีโมโหทันทีเมื่อได้ยินชื่อนี้ เขาหันไปมองหน้าชิงเยี่ยนที่เพียงแค่ยกผ้ามาเช็ดปากและวางลงไป ชิงเยี่ยนเองก็ตกใจแต่นางรักษาท่าทีได้ดีกว่าท่านอ๋อง แต่ในใจนางนั้นกังวลอยู่ไม่น้อย แต่นางก็ใคร่รู้ว่าเหตุใดจางลู่หยวนจึงเลือกมาพบนางในวันนี้“พระชายาเพคะ…ให้หม่อมฉัน…”“ไปบอกเขาให้รอข้าสักครู่ อีกเดี๋ยวข้าจะไปพบเขา”ท่านอ๋องตกใจและหันมามองหน้านาง เขาไม่คิดว่านางจะกล้าไปพบจางลู่หยวนอีกในเมื่อนางรับปากกับเขามั่นเหมาะแล้วก่อนหน้านี้“พระชายา นี่เจ้าจะ….”“หม่อมฉันอิ่มแล้วเชิญท่านอ๋องเสวยเถิดต่อเพคะ”มีหรือที่เขาจะกินลงได้อีก ท่านอ๋องลุกขึ้นและดึงแขนนางเอาไว้ จนชิงเยี่ยนทำหน้ามุ่ยด้วยความเจ็บแต่นางก็มิได้ร้องออกมา ท่านอ๋องเองก็พอจะรู้ตัวว่าทำรุนแรงเกินไปจึงรีบคลายออกแต่ยังไม่ยอมปล่อย“เจ้าจะไปพบเขาเช่นนั้นหรือ”ชิงเยี่ยนหันมามองพระพักตร์ท่านอ๋องสายตาของนางในตอนนี้เขาไม่อาจเดาได้เลยว่านางคิดสิ่งใดอยู่กันแน่ เขาทั้งไม่แน่ใจ หวาดระแวง และกลัวไปหมดเรื่องเมื่อคืนที่เขากับนางทะเลาะกันก็ยังมิได้ปรับความเข้าใจ นี่นางยังไปพบกับศัตรูหัวใจอันดับหนึ่งที่เป็นดั่งหนามยอกอกเขาและยิ่งกว่านั้นคือเขากล้า
จวนสกุลฟ่าง“เจ้า….เจ้าว่าอย่างไรนะ พูด…พูดใหม่อีกที”“เรียนฮูหยิน…คุณหนูรอง….หาย…หายตัวไปแล้วเจ้าค่ะ”“นางหายไปได้อย่างไร!! หายไปเมื่อใดเหตุใดไม่มีคนรู้เห็น”“บ่าว…บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ เมื่อเช้าบ่าวไปเคาะเรียกตามปกติ แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับ จึงได้…เปิดประตูเข้าไปก็เห็นว่าคุณหนูรองไม่อยู่แล้วเจ้าค่ะ”แม่ทัพฟ่างที่นั่งนิ่งสงบอยู่ไล่สาวใช้ออกไปพร้อมกับหันหน้ามามองที่ฮูหยินรองที่เป็นมารดาของบุตรีที่หายไป นางหันมามองหน้าท่านแม่ทัพราวกับจะขอความช่วยเหลือ “ท่านพี่เจ้าคะ ได้โปรด…”“เจ้าไม่ต้องพูดสิ่งใด ข้า…เป็นคนปล่อยให้นางไปจากที่นี่เอง”“แต่ว่า ราชโองการแจ้งว่าให้นางแต่งเข้าจวนอ๋อง”“เรามิได้มีบุตรีแค่คนเดียว นางเป็นบุตรของเจ้าและข้า การส่งนางแต่งเข้าจวนอ๋องเจ้าเล่ห์ผู้นั้น ถือว่า….ส่งเนื้อเข้าปากเสือ”“แต่เราจะทำอย่างไรเจ้าคะ แจ้งไปตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว หากว่าพวกเขาทราบ นี่เป็นอาญาแผ่นดิน ขัดราชโองการหมายถึงตัดหัวนะเจ้าคะท่านพี่”“ข้า…ย่อมคิดหาวิธีได้จึงวางแผนเช่นนี้”ฮูหยินหันมามองผู้เป็นสามีที่ยังมีสายตาเรียบสงบนิ่ง “หรือว่า…ท่านพี่คิดจะ…”“นี่คือวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดในยามนี้ ส่งฟ่างชิง
“น้องห้า…เจ้า…ตัดสินใจแน่แล้วงั้นหรือ”“เจ้าค่ะ"ชิงเยี่ยนคำนับให้พี่ใหญ่ก่อนจะเดินกลับมาที่เรือนพัก ของตนเอง นางมองไปรอบๆเรือนพักของนางอีกครั้ง ก่อนหน้านี้หลังจากมารดานางเสียไปนางก็ถูกย้ายมาที่เรือนหลังนี้ทันทีด้วยคำสั่งของฮูหยินใหญ่ ระหว่างที่บิดานางไปทำศึก แต่เมื่อเขากลับมาก็มิได้สั่งย้ายหรือช่วยเหลืออะไรนาง ทุกอย่างก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฮูหยินใหญ่จัดการทั้งหมด แม้ว่านางจะได้ร่ำเรียนทุกอย่างเหมือนกับพี่น้องทุกคน แต่ความแตกต่างกันก็เห็นได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับและสถานะในจวนสกุลฟ่าง“บางทีการไปตายเอาดาบหน้าเช่นนี้ก็อาจจะดีกว่า”วันแต่งงาน“ช่างน่าสงสารอะไรเช่นนี้นะ”“เห็นว่านางเป็นบุตรสาวคนสุดท้องของท่านแม่ทัพ”“นางไม่มีแม่ จะว่าไปแล้วข้าแทบจะไม่เคยเห็นนางมาก่อนเลยนะ หากวันนี้มิได้แต่งออกไปข้าคงคิดว่าท่านแม่ทัพมีบุตรสาวเพียงคนเดียวเสียอีก”“จุดประทัดไล่เสียงน่ารำคาญนี่ที”ฟ่างหลิงเทียนรีบสั่งคนให้จุดประทัดที่หน้าจวนด้วยรำคาญเสียงพูดจาเกี่ยวกับน้องสาวของเขา ก่อนจะออกเรือนเขาไม่อยากให้นางได้ยินเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ เมื่อเสียงประทัดดังขึ้นเสียงครหานั้นก็เงียบลงไปท
“กระหม่อมคิดว่า….เรื่องนี้พระองค์ทรงตรัสกับพระชายาเองจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”ผู้เป็นนายหันมามองหน้าองครักษ์หนุ่มคู่กายด้วยความหงุดหงิดอีกครั้ง เขาเดินออกจากห้องทรงงานและมุ่งตรงไปยังห้องส่งตัวที่ถูกจัดเตรียมไว้ดูยิ่งใหญ่กว่าเดิมก่อนหน้านั้นรับพระสนม เขาไม่เคยมาห้องส่งตัวพวกนางมาก่อนเลย แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน เพราะเป็นการรับพระชายา พิธีส่งตัวจึงจำเป็นต้องทำ“เปิดประตู”“ท่านอ๋อง หากว่ากระหม่อมปิดประตูนี้แล้ว คืนนี้พระองค์ต้องอยู่ในห้องจนถึงเช้าวันพรุ่งขึ้นนะพ่ะย่ะค่ะ”“จางจื่อเจ้าอยากเปลี่ยนอาชีพไปเป็นพ่อสื่องั้นหรือ”“ท่านอ๋อง คือเรื่องนี้…”“ข้ารู้แล้ว ออกไปเถอะ”“พ่ะย่ะค่ะ”ท่านอ๋องเดินเข้ามายังห้องส่งตัว เขามองไปยังเตียงที่มีเจ้าสาวในชุดสีแดงนั่งอยู่พร้อมกับผ้าปิดหน้า นางนั่งตัวเอียงแปลกๆเมื่อเทียบกับเจ้าสาวที่ตื่นเต้นในคืนส่งตัว “นี่นางคงไม่ใช่ว่า…กำลังหลับอยู่หรอกนะ”ลั่วอ๋องลำพึงเบาๆเมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้ เขายืนตรงหน้านางอยู่นานจนฟังเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของคนตรงหน้า นางหลับไปแล้วจริงๆเขาจึงเดินไปหยิบไม้มงคลมาเพื่อเปิดดูหน้าของนาง อย่างน้อยเขาก็ควรจะรู้ว่าเขาแต่งงานกับผู้ใด เขาเด
ท่านอ๋องไม่เคยถูกจู่โจมเช่นนี้มาก่อน เขาไม่ทันระวัง ตอนนี้ชิงเยี่ยนเริ่มลงมือบางอย่างกับร่างเปลือยของเขาแล้วมังกรของเขาจากที่หลับใหลอยู่เริ่มผงาดขึ้นมาเพราะถูกถูไถไปมาจนมันเริ่มตื่น เจ้าสาวของเขาร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆแม้ว่าเขาจะแข็งแรงกว่านาง แต่ดูเหมือนจะไม่อยากจะต่อต้านนางสักเท่าใด “ฟ่างชิงเยี่ยน ข้า….จะทนไม่ไหวแล้ว”“ไม่ไหว…ก็อย่าทน…สัมผัสข้าสิเพคะ ท่านอ๋อง….อย่ากลั้นสิ อ๊าาา”“ฟ่างชิงเยี่ยน!! ตั้งสติหน่อย นี่เรากำลังถูกวางยานะ!!”“วางยา แล้วอย่างไร ข้าแต่งมาท่านก็ต้องทำเช่นนี้ ไม่ต่างกับพระสนมก่อนหน้านี้ทุกคน และอีกไม่นานก็จะฆ่าข้า จะทำอย่างไรก็แล้วแต่ท่าน จริงสิ ก่อนที่ท่านจะฆ่าข้า ก็ขอล้างแค้นก่อนก็แล้วกัน อยู่เฉย ๆ!!”“พระชายา ข้า..ขอเตือนเจ้า นั่นเจ้าจะทำอะไร!!”ชิงเยี่ยนดึงสายรัดผ้าม่านลงและดึงแขนของเขาตรึงขึ้นด้านบนพร้อมกับมัดเอาไว้“เจ้าจะทำอะไร ปล่อยข้านะ!! ข้าเตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย…ฟ่างชิงเยี่ยน!!”นางไม่ฟังสิ่งใดจากเขาอีก ชิงเยี่ยนเริ่มล้วงลงไปเรื่อยๆลุกลามไปทั้งร่างของบุรุษหนุ่มที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อที่น่าหลงใหลนี้ นางเผลอกัดเขาไปที่ไหล่ข้างหนึ่งอย่างนึกหมั่นเขี้ยว
“ข้ายังไม่รู้แน่ชัด เจ้ารีบให้คนของเราไปสืบดู ได้เรื่องแล้วรีบมารายงานข้า”“เอ่อ…แล้วเรื่องอีกสามเดือนจากนี้…”“รอสืบเรื่องนี้ให้กระจ่างก่อนแล้วค่อยคิดกันต่อ ไปได้แล้ว”“แล้วพระองค์..”“ในตัวข้ายังหลงเหลือพิษอยู่ ข้าจะไปใช้ปราณขับออก ห้ามผู้ใดรบกวน”“พ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ จางจื่อ”“พ่ะย่ะค่ะ”“ไปบอกแม่นมว่า…หาสาวใช้มาคอยรับใช้นางด้วย”“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”ลั่วหมิงจ้านเดินกลับไปยังห้องบรรทมของตนเองทิ้งให้องครักษ์หนุ่มยืนยิ้มอย่างนึกพอใจ ในที่สุดภูเขาน้ำแข็งเช่นลั่วอ๋องก็เริ่มละลายแล้วสินะก่อนหน้านี้แม้ว่าจะเคยรับสนมเข้ามาหลายคน แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะสั่งให้คนเอาใจใส่ดั่งที่ทำกับพระชายาวันถัดมาชิงเยี่ยนขยับตัวด้วยความเมื่อยล้าเต็มที เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาและพบว่าชุดที่สวมอยู่ไม่ใช่ชุดเจ้าสาว“นี่มัน!!….หรือว่า…”นางเริ่มลูบๆคลำๆตามตัวพร้อมกับรู้สึกว่ามิได้เจ็บปวดตรงที่ใด มีเพียงรอยจูบสองสามรอยที่เกิดขึ้นแต่รู้ทันทีว่าเมื่อคืนนี้ไม่ได้มีสิ่งใดเกิดขึ้น แล้ว…“ท่านอ๋องโลหิตนั่น….หน้าตาเป็นเช่นไรแล้วนะ”นางจำหน้าตาเขาไม่ได้เพราะเพียงเห็นแค่แวบเดียวและรู้สึกว่าจะทำเครื่องประดับติดกับเข็มกลัดท
สาวใช้ถอยหลังพร้อมก้มหน้า ชิงเยี่ยนเองก็เริ่มทำตัวไม่ถูก นางจึงลุกขึ้นด้วยพร้อมกับยืนรอเขาในห้อง ขายาวนั้นก้าวเข้้ามาในห้องเสวยและหันมามองนาง แต่ว่า….เหตุใดวันนี้เขาจึงสวมหน้ากากครึ่งหน้าเช่นนั้นกันนะ!!""ถวายบังคมท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ""ชิงเยี่ยนก็ก้มคำนับเขาเช่นกัน ลั่วอ๋องหันมามองนางที่ยืนก้มหน้าและหันไปที่สาวใช้ เขานึกขำในใจที่นางคงทำตัวไม่ถูก แม้ว่าจะอยู่ในสกุลฟ่างแต่ดูเหมือนว่านางจะมิค่อยได้ออกงานทางการเท่าใดนัก“ตามสบายเถิด พวกเจ้าออกไปได้แล้ว ไม่ต้องเฝ้าพวกข้า”“ขอบพระทัยท่านอ๋อง”ชิงเยี่ยนเงยหน้าขึ้นพร้อมกับหันหาความช่วยเหลือแต่ไม่มีผู้ใดสบตานางเลยสักคน พวกเขารีบพากันออกไปจนหมด บัดนี้เหลือเพียงนางกับท่านอ๋องที่สวมเพียงหน้ากากสีเงินตรงหน้าเท่านั้น“พระชายา เจ้าไม่กินข้าวงั้นหรือ นั่งลงสิ ข้าหิวแล้ว”“เพคะ หม่อมฉันก็หิวแล้ว รอนานแล้วด้วยเช่นกัน พระองค์มาสายนะเพคะ อาหารจะเย็นหมดแล้ว”“หุบปาก!!”ชิงเยี่ยนหยุดพูดทันที เมื่อใดที่นางตื่นเต้นนางมักจะพูดมากเกินความจำเป็น ไม่นึกว่าพอออกมาจากจวนสกุลฟ่างแล้วนางกลับรู้สึกว่าที่นี่ดูเป็นบ้านมากกว่าที่สกุลฟ่าง ขาดแต่เพียงว่า…คนตรงหน้านี้
ท่านอ๋องมีท่าทีโมโหทันทีเมื่อได้ยินชื่อนี้ เขาหันไปมองหน้าชิงเยี่ยนที่เพียงแค่ยกผ้ามาเช็ดปากและวางลงไป ชิงเยี่ยนเองก็ตกใจแต่นางรักษาท่าทีได้ดีกว่าท่านอ๋อง แต่ในใจนางนั้นกังวลอยู่ไม่น้อย แต่นางก็ใคร่รู้ว่าเหตุใดจางลู่หยวนจึงเลือกมาพบนางในวันนี้“พระชายาเพคะ…ให้หม่อมฉัน…”“ไปบอกเขาให้รอข้าสักครู่ อีกเดี๋ยวข้าจะไปพบเขา”ท่านอ๋องตกใจและหันมามองหน้านาง เขาไม่คิดว่านางจะกล้าไปพบจางลู่หยวนอีกในเมื่อนางรับปากกับเขามั่นเหมาะแล้วก่อนหน้านี้“พระชายา นี่เจ้าจะ….”“หม่อมฉันอิ่มแล้วเชิญท่านอ๋องเสวยเถิดต่อเพคะ”มีหรือที่เขาจะกินลงได้อีก ท่านอ๋องลุกขึ้นและดึงแขนนางเอาไว้ จนชิงเยี่ยนทำหน้ามุ่ยด้วยความเจ็บแต่นางก็มิได้ร้องออกมา ท่านอ๋องเองก็พอจะรู้ตัวว่าทำรุนแรงเกินไปจึงรีบคลายออกแต่ยังไม่ยอมปล่อย“เจ้าจะไปพบเขาเช่นนั้นหรือ”ชิงเยี่ยนหันมามองพระพักตร์ท่านอ๋องสายตาของนางในตอนนี้เขาไม่อาจเดาได้เลยว่านางคิดสิ่งใดอยู่กันแน่ เขาทั้งไม่แน่ใจ หวาดระแวง และกลัวไปหมดเรื่องเมื่อคืนที่เขากับนางทะเลาะกันก็ยังมิได้ปรับความเข้าใจ นี่นางยังไปพบกับศัตรูหัวใจอันดับหนึ่งที่เป็นดั่งหนามยอกอกเขาและยิ่งกว่านั้นคือเขากล้า
ชิงเยี่ยนเดินมาพร้อมกับผ้าห่มและเครื่องนอน ในคราแรกนางคิดว่าจะหอบมานอนเฝ้าเขาเพื่อง้อท่านอ๋อง แต่ไม่คิดว่าจะได้ยินที่เขาบอกว่า “ไม่มีเวลามาเอาใจผู้ใด”“ท่านอ๋องมิต้องเสียเวลาปั้นพระพักตร์เพื่อเอาใจผู้ใด จะได้มิทรงเหน็ดเหนื่อยมากกว่านี้ จางจื่อท่านรับไปเถิด”ชิงเยี่ยนส่งเครื่องนอนนั้นให้จางจื่อที่รับไปอย่างตกใจระคนแปลกใจ นี่มิใช่ว่าพระชายาตั้งใจจะมาง้อท่านอ๋องหรอกหรือ กลับกลายเป็นว่านางมาได้ยินในสิ่งที่ไม่ควรได้ยินเสียแล้วท่านอ๋องเองก็ดูเหมือนจะทรงทราบว่าหลุดปากพูดแรงไปเสียแล้วเมื่อนางเดินหันหลังกลับไปเขาจึงรีบเรียกเอาไว้ทันที“นั่นเจ้าจะไปที่ใด”ชิงเยี่ยนหันกลับมา สายตานางมิได้อบอุ่นอย่างที่เขาเคยเห็นอีกแล้ว ดวงตานางบวมเล็กน้อยซึ่งมองก็รู้ว่าคงผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก เสียงที่ขึ้นจมูกนั้นทำให้เขารู้ได้ทันที “ทูลลาเพคะ”ท่านอ๋องพยายามยันตัวลุกขึ้นแต่กลับทำแท่นฝนหมึกและพู่กันหกรดราดงานบนโต๊ะจนจางจื่อต้องรีบเอาเครื่องนอนนั้นวางที่ข้างห้องและรีบวิ่งเข้ามาช่วยท่านอ๋องเก็บโต๊ะ“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน โธ่เว้ย!!”สุดท้ายท่านอ๋องก็นอนพลิกไปพลิกมา สายตาบวมเป่งที่เขาเห็นบนใบหน้าชิงเยี่ยนทำให้
ชิงเยี่ยนหน้าแดงก่ำเมื่อเขาเอ่ยเช่นนี้ แต่มิใช่เพียงแค่คำพูดแต่นางพึ่งรู้สึกว่าถูกท่านอ๋องรังแกเมื่อเขาเริ่มสอดใส่กายล่างเข้ามาและเริ่มกระแทกจนนางเริ่มพูดไม่เป็นคำ“อื้ออ….อ๊าา”“ชิงเยี่ยน ข้ารักเจ้ายิ่งนัก”“หมิงจ้าน อ๊าา”เสียงของชิงเยี่ยนถูกกลืนหายไปทันทีเมื่อท่านอ๋องก้มลงจูบนาง ลิ้นของเขาควานหาความอบอุ่นในปากนางอย่างไม่สิ้นสุดแม้คนในอ้อมกอดจะเริ่มต้านทานแรงกระแทกเริ่มไม่ไหวเล็บนางเริ่มจิกเขาเป็นสัญญาณให้เขาเร่งจังหวะขึ้นเพราะนางใกล้จะถึงฝั่งแล้ว ลั่วหมิงจ้านรู้ดีว่าชิงเยี่ยนทนได้ไม่นานเพราะสำผัสที่ร้อนแรงของเขานั้นถูกเก็บกดมาหลายวัน“อ๊าา…ท่านอ๋องเพคะ”“เรียกชื่อข้าชิงเยี่ยน เอ่ยนามของข้า..เร็วเข้า”“หมิง..หมิงจ้าน อ๊าาา”เสียงดังของกล้ามเนื้อที่กระแทกถี่ๆทำเอาชิงเยี่ยนทนไม่ไหวอีกต่อไป นางส่งเสียงร้องดังจะจังหวะสุดท้ายที่แทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความเสียวซ่านราวกับถูกปลดปล่อยจากบางอย่าง“ชิงเยี่ยน เจ้าคงไม่ทิ้งข้าใช่หรือไม่ ข้าบอกแล้วว่าคืนนี้เจ้าต้อง…”“หมิงจ้าน คือว่า…อ๊าา….พระองค์….ใจร้อนไปแล้ว อ๊าาา”เมื่อส่งพระชายาถึงฝั่งแล้ว ท่านอ๋องจึงไม่รีบร้อน เขาเริ่มจัดการกับยอดปทุมสีสวย
ตำหนักท่านอ๋อง“พวกเจ้าไปทำแผลก่อนเถอะ”“พระชายาเพคะ นี่…พวกเจ้าบาดเจ็บมางั้นหรือ พระชายาเล่า”“พระชายาปลอดภัยดี”“ป้าเจา พาพวกนางไปทำแผล ข้าจะพาชิงเยี่ยนกลับห้องแล้ว”“ทะ…ท่านอ๋อง…พะ..พระองค์มาทันเวลา ขอบคุณสวรรค์”“ชิงเยี่ยน ข้าอุ้มเจ้าไปนะ”ชิงเยี่ยนมิได้พูดสิ่งใดแต่ก็ยอมให้ท่านอ๋องอุ้มนางขึ้นไปเงียบเงียบๆ จนนางเข้ามาในห้องกับท่านอ๋อง เขาพานางไปนั่งที่เตียงและนั่งลงข้างๆกาย“ชิงเยี่ยน เจ้า….เป็นอย่างไรบ้าง”“ทุกอย่าง…จบแล้วสินะเพคะท่านแม่ตายตาหลับเสียที”“มันจบแล้ว ชิงเยี่ยนจากนี้ไม่มีสิ่งใดที่เจ้าต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว แม่ทัพฟ่างจะให้คนนำป้ายวิญญาณแม่เจ้าไปที่สุสานบรรพชนสกุลฟ่างในวันพรุ่งนี้ หากว่าเจ้าอยากจะไปเคารพศพนาง ข้าจะพาเจ้าไป”“ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงจัดการเรื่องทุกอย่างนี้แทนหม่อมฉันนะเพคะ”“เจ้าเป็นพระชายาของข้า เรื่องที่เจ้าไม่สบายใจข้าผู้เป็นพระสวามีย่อมมีหน้าที่ดูแลเจ้า ข้าอยากให้เจ้ายิ้มเหมือนครั้งที่…ในตอนที่เจ้า…”“พระองค์คิดถึงนางสินะเพคะ นางที่จำพระองค์ไม่ได้ และเอาแต่ทำตัวเหมือนเด็กอยู่ข้างๆพระองค์”“ไม่ใช่นะชิงเยี่ยน เจ้า…”“หม่อมฉันอยากแช่น้ำอุ่นเสียหน่อยเพคะ”
ฟ่างฮูหยินสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้ว่าเป็นผู้ใดที่พึ่งก้าวเข้ามา แม้ว่าตาจะมองไม่เห็น แต่ความอำมหิตนี้กลับแผ่กระจายจนนางรู้สึกได้ ฝูเยว่ในยามนี้ทรุดตัวลงกับพื้น ไม่ร้องโวยวายอีกแล้วแม้ว่านิ้วก้อยที่ขาดไปจะเจ็บปางตายเช่นไร “ท่านพี่…ท่าน..”“ชิงเยี่ยน”ท่านอ๋องเดินไปและดึงนางมากอดท่ามกลางสายตาของเหล่าทหารทั้งกองและฟ่างฝูเยว่ที่ได้แต่มองตามเขาไป เหตุใดจึงไม่ใช่นางเหตุใดต้องเป็นฟ่างชิงเยี่ยน…..“ข้าเตือนเจ้าแล้วว่า…”"ข้าดูแลตัวเองดี ไม่บาดเจ็บเพคะแต่ว่าจงลี่ กับ…“เจ้าคิดหรือว่าสาวใช้ในตำหนักอ๋องจะเป็นแค่สาวใช้ธรรมดา พวกนางล้วนฝึกวรยุทธ์และเป็นทหารกล้าที่พร้อมรบได้ทุกเมื่อ เจ้าคิดหรือว่าข้าจะส่งสาวใช้ธรรมดามาอยู่ข้างกายคนที่ข้ารักที่สุด”“พระองค์ปลอดภัย ช่างดียิ่งนัก”“จัดการขยะที่นี่ก่อน กลับตำหนักแล้วค่อยคุยกัน”“เพคะ”“ฟ่างฮูหยิน ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะไม่ได้จดจำเลยสินะถึงได้กล้าลอบสังหารพระชายาของข้าอีก”“มะ…ไม่นะเพคะท่านอ๋อง นาง…นางต่างหากที่พาคนมา…”“หุบปาก!! ฟ่างฝูเยว่เจ้าคิดว่าโง่ที่จะเชื่อคำพูดปลิ้นปล้อนของเจ้าที่พ่นออกมางั้นหรือ ปากสุนัข!!”“ท่านอ๋องเพคะ!!”“หึ เจ้าคิดว่าการที่ข้ามิได
สองชั่วยามผ่านไป หมอหลวงรีบกลับมาแจ้งอาการให้พระชายาทรงทราบว่าบัดนี้แม่ทัพฟ่างมีอาการเหมือนถูกพิษ และเป็นพิษที่ไม่สามารถรักษาได้ และเหลือเวลาอีกไม่นานเท่าใดแล้ว หากว่าพระชายาไปเยี่ยมได้ ในยามนี้ก็ควรจะรีบไปก่อนจะสายเกินแก้“พระชายาเพคะ เช่นนั้น…”“เช่นนั้นเราก็ไปกันเถอะ ไม่ต้องนำขบวนติดตามไปมากเกรงว่าชาวบ้านจะแตกตื่น”“เพคะ”ป้าเจาให้สาวใช้สองคนและทหารองครักษ์สิบคนติดตามพระชายาไปเท่านั้นตามคำสั่งนาง ชิงเยี่ยนเดินขึ้นรถม้าและออกเดินทางไปยังสกุลฟ่างในทันทีจวนสกุลฟ่าง“ฮูหยิน พระชายาเสด็จมาแล้วเพคะ”“มาแล้วสินะ เช่นนั้นเราก็ควรจะไปรับเสด็จนางหน่อยนะฝูเยว่”“ได้สิเจ้าคะ ลูกก็รอรับนางอยู่เช่นกัน”สองแม่ลูกเดินออกไปที่หน้าจวนเพื่อรอรถม้าของพระชายาท่านอ๋องมาจอด เมื่อชิงเยี่ยนเดินลงจากรถม้า ฮูหยินที่ยืนรออยู่ก็เดินเข้ามาหานางทันที“เจ้ามาได้เสียทีสินะ”“บังอาจ เห็นพระชายาแล้วยังไม่รีบคุกเข่าอีก”“จงลี่ ไม่ต้องเกรงว่าคนของที่นี่เป็นไม้แก่ที่ดัดยากเสียแล้ว คงลืมรถแส้ที่ฟาดลงหลังและไม้โบยไปแล้วกระมัง”“นัง…”“ฝูเยว่ ระวังกิริยาเจ้าด้วยพระชายาเสด็จมาเยี่ยมอาการท่านพ่อ เราก็ถือเป็นครอบครัวเดียวกั
ชิงเยี่ยนลุกขึ้นมามองหน้าท่านอ๋องที่นอนตะแคงคุยกับนางอยู่และลุกนั่งข้างๆนางพร้อมกับจับมือเอาไว้“ท่านพ่อเจ้ารู้ว่าฟ่างฮูหยินต้องคิดไม่ดีกับหลุมศพนั้น เขาจึงสั่งให้จื่อหนานย้ายศพแม่เจ้าออก ที่หลุมศพที่ถูกทำลายนั่น มิได้มีร่างผู้ใดอยู่แต่แรกแล้ว”“เช่น…เช่นนั้น….แม่ของข้า…”“พ่อเจ้านำร่างแม่ของเจ้าไปฝังที่สุสานสกุลฟ่างโดยมิได้บอกให้ฮูหยินทราบ เจ้าไม่ต้องห่วงแม่ทัพฟ่างมิใช่ผู้ที่ทำสิ่งใดไม่มีเหตุผลการที่เขาส่งเจ้ามาที่นี่ก็เช่นกัน”“พระองค์ทรงหมายความว่าท่านพ่อ…”“นี่เป็นวิธีเดียวที่จะปกป้องเจ้า ในฐานะพ่อที่เขาพึงจะทำได้ เขาตระหนักรู้ดีว่าเจ้าถูกรังแก จึงหาทางให้เจ้าออกจากจวนนั้นมา เดิมทีคิดว่าสกุลจางจะพึ่งพาได้แต่เพราะเรื่องของข้าเลยทำให้แม่ทัพฟ่างส่งเจ้ามาที่นี่”“แต่ท่านพ่อ..ข่าวลือนั่น..”“เขารู้ดีว่าข่าวลือเป็นเพียงข่าวลือ เขารู้อีกว่าหากข้ากับเจ้าอยู่ร่วมกันไม่ได้ ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป พระสนมคนก่อนออกจากตำหนักนี้ไปเพราะข้าให้นางแฝงตัวไปกับกองทัพแม่ทัพฟ่างบิดาของเจ้าน่ะ เขารู้เรื่องนี้ดีเพราะทหารคนรักของนาง อยู่ในกองทัพของบิดาเจ้า”“ที่แท้….มิได้มีเพียงพี่ใหญ่และพี่สาม…”“พี่ใหญ่เจ้าทำ
“แต่ว่าชิงเยี่ยน…”“ไม่นึกว่าแม้แต่ชิงเยี่ยนท่านพ่อก็ไม่กล้าบอก”“เจ้ากำลังจะบอกว่า หลุมศพที่ตั้งบนภูเขานั่น มิได้มี…”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านพ่อกระหม่อมนำร่างแม่รองไปฝังที่สุสานบรรพชนสกุลฟ่างโดยมิได้บอกให้ผู้ใดทราบ มีเพียงกระหม่อมที่ทราบเพราะจัดการเรื่องนี้ลับๆ ส่วนหลุมศพบนเขานั่น ก็มีเอาไว้หลอกท่านแม่เท่านั้น แต่นึกไม่ถึงจริงๆว่านางจะกล้าบุกไปทำลาย ท่านพ่อคาดการณ์เอาไว้แม่นยำนัก”“เหตุใดแม่ทัพฟ่าง…จึงไม่บอกเรื่องนี้กับชิงเยี่ยน”“ท่านพ่อนำแม่รองไปฝังเอาไว้โดยมิได้แจ้งชื่อบนหลุมศพ มีเพียงที่นั่นที่จะพ้นข้อสงสัย ท่านแม่ก็จะไม่ตามไปทำลายได้ ท่านพ่อช่างรอบคอบยิ่งนักเพราะเรื่องนี้ พระองค์จึงได้…”“ใช่ ข้าไม่รู้ว่า….”“เรื่องนั้นช่างเถิดพ่ะย่ะค่ะ สกุลฝางหลายปีมานี้ก็ใช่ว่าจะสะอาดนัก พวกเขาแอบทำการค้าผิดกฎหมายเพราะอ้างจวนแม่ทัพอยู่หลายครั้งแต่ท่านพ่อกลับยังทำสิ่งใดไม่ได้ ไฟไหม้คลังสินค้าครานี้คงได้สอบสวนกันอีกยาว”“เรื่องนี้เจ้าควรบอกชิงเยี่ยน”“กระหม่อมมาที่นี่ก็เพื่อจะบอกนางเรื่องนี้ แต่ดูแล้ว…ให้พระองค์บอกนางเองจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ ท่านพ่อที่ทำห่างเหินกับนางเพราะเหตุผลนี้ ท่านแม่ข้าเกลียดแม่ของนาง
“สมน้ำหน้า แกล้งเป็นลมดีนักแทนที่จะได้พักกลับถูกเพิ่มโทษ เอาพวกเรามาดูน้ำหน้าคนใจร้ายเร็วทำร้ายผู้อื่นแล้วยังกล้ามาขอความเห็นใจอีก”ฟ่างฮูหยินและฟ่างฝูเยว่ไม่เคยรู้สึกอัปยศและอับอายเช่นนี้มาก่อนในชีวิตนี้ แม้แต่แค่คิดก็ไม่เคยว่าจะตกต่ำได้ถึงเพียงนี้ฝูเยว่ในตอนนี้อย่าว่าแต่กลับไปใช้ชีวิตปกติเลย ข่าวที่แพร่ออกไปในยามนี้จะมีบุรุษใดกล้ามาสู่ขอนางอีกหรือไม่“ขะ…ข้าจะ..ฆ่ามัน…ข้าอยากจะฆ่ามัน..ให้ตายคามือ”“ฝูเยว่ เจ้าหุบปากก่อน”“ท่านแม่…ข้า…เจ็บใจ”“รอให้พวกมันกลับไปก่อน…”เสียงก่นด่าพวกนางดังอย่างไม่หยุดหย่อน บรรดาสาวใช้เองก็เริ่มทนพิษบาดแผลจากการโบยและถูกขว้างปาสิ่งของไม่ไหวก็ทยอยล้มลงแต่มิได้มีผู้ใดถูกน้ำสาดเหมือนสองแม่ลูกสกุลฟ่างจนครบกำหนดเวลา ทหารจึงเดินมาโอบรอบบริเวณหน้าจวนเอาไว้และให้คนพาพวกนางเข้าไป“เอาล่ะ เช่นนั้นก็ได้เวลากลับแล้ว แม่ทัพฟ่าง ขอบคุณที่ให้การรับรองข้าและพระชายาเป็นอย่างดี”“เอ่อ ท่านอ๋องจะเสด็จกลับเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ”“พระชายาข้าไม่ค่อยอยากจะอยู่ที่นี่นานเท่าใดนัก เอาเป็นว่าข้า…จะมาเยี่ยมท่านบ่อยๆเมื่อมีโอกาสก็แล้วกัน”“น้อมส่งเสด็จท่านอ๋องและพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”“ท่าน