Share

บทที่ 18 ประทับตรา

last update Last Updated: 2025-04-06 08:58:57

ฟางเมี่ยวลุกขึ้นยืนก่อนจะทำความเคารพเขาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยเหมือนเช่นเคย เย่จิ้นหยางที่เห็นเช่นนั้นก็ยิ้ม ก่อนจะเอ่ยทักทายนาง

"คุณหนูฟางนี่เอง ข้าก็คิดว่าสตรีที่ใดกันที่อาเยี่ยนพามาที่นี่ด้วย ดีเลยวันนี้เจ้าอยู่พอดี แนะนำอาหารที่อร่อยให้ข้าด้วยเถิด ได้ยินว่าภัตตาคารแห่งนี้เป็นของมารดาเจ้า ที่ตกทอดมาถึงเจ้า อีกทั้งเจ้ายังคิดที่จะขายอาหารในราคาที่จับต้องได้ให้ราษฎรระดับล่างอีกด้วย ช่างมีจิตใจที่ดีงามยิ่งนัก"

เย่จิ้นหยางเอ่ยชมฟางเมี่ยวจากใจจริง ฟางเมี่ยวเพียงยิ้มออกมาเล็กน้อยเท่านั้น

เหอะ!! ชาติก่อนเขาด่านางราวกับนางไม่ใช่คน นางยังจำได้ดี คืนนั้นที่นางวางยาปลุกกำหนัดเขา และยามรุ่งสางที่เขาตื่นขึ้นมาพบว่าได้กลายเป็นสามีภรรยาที่แท้จริงกับนางไปเสียแล้ว

"ฟางเมี่ยว สตรีหน้าไม่อาย แพศยา ต่ำช้า เจ้าวางยาข้าหรือ"

"ท่านอ๋อง เมี่ยวเอ๋อร์รักพระองค์นะเพคะ"

"แต่ข้าเกลียดเจ้า เกลียดจนแทบอยากจะอาเจียน ข้าเกลียดเจ้าได้ยินหรือไม่!!! ใครอยู่ข้างนอกเข้ามาลากนางไปขังเอาไว้ที่เรือนเล็กท้ายจวน ห้ามให้อาหารนางจนกว่าข้าจะสั่ง!!!"

"ท่านอ๋อง!!!"

นางถูกเขาสั่งขังในเรือนโกโรโกโส ไม่มีอาหารกิน นางหิวจนปวดแสบท้องไปหมด จนกระทั่งมีสตรีนางหนึ่งเปิดประตูก้าวเดินเข้ามาหานาง

"ฟางเมี่ยว เจ้ารีบกินก่อนเถิด ก่อนที่ท่านอ๋องจะกลับมา พวกเจ้าเร็วเข้า ช่วยกันพยุงนางหน่อย"

"จางเสวี่ยฮุ่ย เจ้ามาเพื่อเยาะเย้ยข้า เจ้ามันสารเลว นังชั่ว!!! ข้าไม่มีวันยอมแพ้เจ้า"

ฟางเมี่ยวหลับตาลงคราหนึ่ง ยามนั้นนางช่างโง่เง่าโดยแท้ โง่อย่างไม่มีอันใดมาเทียบได้

"คุณหนูฟาง"

เย่จิ้นหยางที่เห็นว่าฟางเมี่ยวเงียบไปจึงเอ่ยเรียกนาง ฟางเมี่ยวจึงหันไปมองเขา

"ที่นี่อาหารรสชาติดีทุกอย่าง อีกเดี๋ยวหม่อมฉันจะให้พ่อครัวทำอาหารที่รสชาติไม่เผ็ดมากมาให้ท่านอ๋องเพคะ"

"คุณหนูฟาง เจ้ารู้ได้เช่นไรว่าข้าไม่ชอบกินอาหารรสเผ็ด?"

ฟางเมี่ยวชะงักไปครู่หนึ่ง ด้านหลี่เยี่ยนเฉินเองก็หรี่ตามองฟางเมี่ยวเช่นกัน นางกระแอมไอคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย

"เสวี่ยเสวี่ยบอกหม่อมฉันน่ะเพคะ นางชอบเอ่ยถึงท่านอ๋องให้หม่อมฉันฟังบ่อยๆ"

"อ้อ ข้าลืมไปได้อย่างไรว่าพวกเจ้าเป็นสหายกัน"

"เชิญท่านอ๋องตามสบายนะเพคะ หม่อมฉันขอตัว"

"คุณหนูฟาง เชิญเจ้ากับอาเยี่ยนตามสบายเถิด ข้าเพียงแวะมาซื้อกลับไปกินที่จวนเท่านั้น อีกอย่างข้าจะให้คนนำไปส่งให้จางเสวี่ยฮุ่ยด้วย"

ฟางเมี่ยวที่ได้ยินเช่นนั้น จึงเอ่ยกับเย่จิ้นหยาง

"เช่นนั้นหม่อมฉันจะให้พ่อครัวทำอาหารเพิ่มเองเพคะ ในส่วนของจางเสวี่ยฮุ่ย ท่านอ๋องไม่ต้องจ่าย นางเป็นสหายข้า ข้าย่อมไม่คิดเล็กคิดน้อย"

"จะดีหรือ?"

"ดีสิเพคะ"

ดีสิ!!! รีบซื้อรีบไสหัวไปเสีย

หลังจากที่เย่จิ้นหยางจากไป ฟางเจี๋ยก็กลับมาพอดี คนทั้งสามจึงนั่งกินอาหารด้วยกันต่อ หลี่เยี่ยนเฉินถลึงตาใส่ฟางเมี่ยวเป็นครั้งคราว

จะไม่ให้เขาทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน นางลอบเอาเท้าตนมาถูไถขาของเขา ส่วนมือของนางก็ลอบเขียนนิ้วมือของเขาเป็นระยะ พอเขาจับได้นางก็ยักคิ้วให้เขา แล้วส่งยิ้มไร้เดียงสาราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

เขารู้แล้วสตรีนางนี้มีโรคอีกโรคหนึ่งที่เขาเพิ่งรู้นั่นก็คือ

นางเป็นโรคจิตอย่างไรเล่า!!!

"มื้อนี้ข้าอิ่มยิ่งนัก อาหารก็อร่อยเหลือเกิน พี่ใหญ่ พ่อครัวข้าเป็นเช่นไร"

"ดีมาก"

"ข้าบอกท่านแล้ว อ้อ อีกเดี๋ยวข้าจะสั่งให้ลุงเจินทำอาหารเพิ่มอีกสองสามอย่างแล้วส่งไปที่จวนตระกูลหลี่ ข้าอยากจะให้ท่านลุงท่านป้าได้ลองชิม"

"ที่จวนข้ามีแม่ครัวอยู่ อีกอย่างท่านแม่ติดรสมือของแม่ครัวผู้นั้นมาก เจ้าไม่ต้องลำบากก็ได้"

หลี่เยี่ยนเฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย ฟางเจี๋ยที่ได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาทันที

"อาเยี่ยน เจ้าไม่ต้องเกรงใจ เมี่ยวเอ๋อร์ตั้งใจมากเลยนะ ท่านลุงท่านป้าย่อมชอบอาหารที่นี่เป็นแน่"

"พี่ใหญ่พูดถูกเจ้าค่ะ เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น"

ฟางเมี่ยวยิ้มตาหยี ก่อนจะย่นหน้าไปมองขาหมูในชามใบใหญ่คราหนึ่ง นางชอบขาหมูที่สุด จึงคิดจะยื่นมือไปหยิบถ้วยขาหมูมาวางไว้ตรงหน้าตน แต่ทว่าโต๊ะกว้างเกินไป นางจึงต้องโน้มตัวเอื้อมมือไปหยิบมันมา หลี่เยี่ยนเฉินเองก็กำลังจะยื่นมือมาหยิบจานรากบัวยัดไส้พอดี เขาโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย คนทั้งสองที่ไม่ทันระวังจึงพุ่งเข้าหากันทันที

ริมฝีปากของหลี่เยี่ยนเฉินประทับรอยจูบลงไปบนหน้าผากของฟางเมี่ยวอย่างรวดเร็ว ฟางเมี่ยวชะงักไปชั่วขณะก่อนจะยิ้มตาหยีและเอ่ยตอบ

“ให้ตายสิพี่เยี่ยน กินให้อิ่มก่อนแล้วค่อยจูบหน้าผากข้าก็ยังไม่สาย”

หลี่เยี่ยนเฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจจนทำสิ่งใดไม่ถูก ตะเกียบในมือของเขาร่วงหล่นลงไปบนพื้น ใบหน้ามีท่าทางเหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัด

"อาเยี่ยน อาเยี่ยน เจ้าไม่สบายใช่หรือไม่!!!"

ฟางเจี๋ยที่เห็นท่าทีของสหายดูแปลกพิกลก็เอ่ยถามด้วยความห่วงใย ฟางเมี่ยวยิ้มตาหยี ก่อนจะเอ่ยตอบ

"คงเพราะอาหารมื้อนี้ดีเยี่ยมมากๆ น่ะเจ้าค่ะ พี่เยี่ยนจึงมีท่าทีเช่นนี้ ข้าบอกแล้วว่าพ่อครัวข้าน่ะฝีมือเป็นเลิศ"

หลี่เยี่ยนเฉินหมดคำจะกล่าว เขาจ้องมองนางอย่างหวาดหวั่น ใจก็เต้นถี่ระรัวอย่างบ้าคลั่ง

หน้าผากนางหอมเหลือเกิน

มารดามันเถิด! นี่เขาคิดสิ่งใดอยู่กัน

เมื่อคิดได้เช่นนั้น หลี่เยี่ยนเฉินก็ทนไม่ไหวแล้ว เขาจึงรีบขอตัวกลับจวนในทันที ฟางเมี่ยวมองตามแต่ไม่คิดที่จะรั้งเขาเอาไว้ ยามนี้นางจะต้องค่อยๆ รุกเข้าไปในหัวใจของเขาให้จงได้

เมื่อฟางเมี่ยวกลับมาถึงจวน ลู่ชิงก็รีบเข้ามารายงานนางทันที

"คุณหนู เรื่องที่ท่านให้บ่าวไปตามสืบได้ความแล้วเจ้าค่ะ"

"ว่ามา"

"ระยะนี้คุณชายหลี่ดูจะชอบเก็บตัวเจ้าค่ะ นอกจากอยู่ที่ค่ายทหาร เขาก็อยู่แค่ที่จวน ไม่กินไม่ดื่ม นานๆ ครั้งน่ะเจ้าค่ะที่จะดื่มสุรา แม้แต่งานเลี้ยงเขาก็ไม่ไป อีกทั้งระยะนี้เขายังสนิทสนมกับสตรีนางหนึ่งอีกด้วยนะเจ้าค่ะ"

ลู่ชิงลอบมองสีหน้าของฟางเมี่ยวเป็นระยะ นางเกรงว่าหากตนเอ่ยวาจาใดที่ทำให้คุณหนูอารมณ์เสีย คุณหนูอาจจะถีบยอดหน้านางได้

ฟางเมี่ยวปรายตามองลู่ชิงคราหนึ่งก่อนจะเอ่ย

"ข้ารอฟังอยู่ หากวันนี้เจ้าเล่าไม่ครบ ข้าตบหน้าหันแน่!!"

"เล่าแล้วเจ้าค่ะเล่าแล้ว สตรีนางนั้นมีนามว่าสวีเซียวเหยา นางเป็นบุตรสาวของท่านเสนาบดีสวีเจ้าค่ะ ได้ยินว่าหลี่ฮูหยินเอ็นดูนางมากเจ้าค่ะ เอ่อ อีกอย่างนางเก่งงานเรือนทุกอย่าง ทั้งยังไม่ดื่มสุราไม่ติดการพนัน แต่บ่าวคิดนะเจ้าคะ นางน่ะสู้คุณหนูของบ่าวไม่ได้ หากให้มาแข่งดื่มสุรากับคุณหนู นางย่อมแพ้คุณหนูของบ่าวแน่นอนเจ้าค่ะ"

"เจ้าออกไปเถิด ก่อนที่ข้าจะอดไม่ไหวยกเท้าถีบเจ้าจริงๆ"

"คุณหนู!!!"

"จะออกไปดีๆ หรือจะออกไปทั้งน้ำตา"

"ไปก็ได้เจ้าค่ะ"

ฟางเมี่ยวถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิด

สวีเซียวเหยา เป็นบุตรสาวคนเดียวที่เกิดจากภรรยาเอก บิดานางรั้งตำแหน่งเสนาบดีกรมขุนนาง มีหน้าที่ตรวจตราเหล่าขุนนางที่มีใจคิดไม่ซื่อ ค่อนข้างเป็นบุคคลที่มีอำนาจในแวดวงขุนนางอยู่ไม่น้อย

นางจำได้สตรีนางนี้คอยเกาะแกะหลี่เยี่ยนเฉิน แต่เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย เพราะวันๆ เอาแต่ตามติดนาง

ฟางเมี่ยวจำหน้าสวีเซียวเหยาได้ไม่ชัดนักในชาติก่อน แต่ทว่าชาตินี้เมื่อได้มองสวีเซียวเหยาอย่างชัดๆ ในวันนั้น นางก็รู้ว่าสวีเซียวเหยาเป็นสตรีที่งดงามไม่น้อย

อีกทั้งท่าทีที่ดูสนิทสนมกับหลี่เยี่ยนเฉินในวันที่จวนตระกูลหลี่จัดงานเลี้ยงนั่น มันก็ทำให้ใจของนางไม่สงบ

ชาตินี้นางจะไม่ใช้แผนการต่ำช้าเช่นในชาติก่อนอีก นางจะรอดูสถานการณ์ไปก่อน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 19 ปรับทุกข์

    ด้านจางเสวี่ยฮุ่ยในยามนี้นั้น นางกำลังนั่งอ่านตำราอยู่ภายในห้อง ตั้งแต่ได้รับราชโองการให้นางได้แต่งเข้าจวนอ๋อง เหล่าฮูหยินรองและบรรดาอนุของท่านพ่อก็ไม่กล้ามาสร้างความลำบากใจให้นางและท่านแม่อีก เห็นจะมีแต่จางลี่อิงที่แสดงท่าทีไม่พอใจเพียงเท่านั้น แต่ก็ไม่กล้าหาเรื่องนางเท่าแต่ก่อน"คุณหนูเจ้าคะ นายท่านเรียกให้ท่านไปพบที่ห้องตำราเจ้าค่ะ"จางเสวี่ยฮุ่ยละสายตาจากตำราตรงหน้า ก่อนจะพยักหน้าให้หลิงหลิง สาวใช้คนสนิทของนางคราหนึ่ง แล้วจึงมุ่งหน้าไปพบบิดาของตนที่ห้องตำราในทันทีเมื่อมาถึงก็พบว่าท่านพ่อกำลังรอนางอยู่ จางเสวี่ยฮุ่ยทำความเคารพบิดาตนคราหนึ่ง จางหยวนจ้องมองบุตรสาวคนโตด้วยแววตาที่เรียบเฉยก่อนจะเอ่ย"นั่งลงเถิด""เจ้าค่ะ"จางเสวี่ยฮุ่ยยิ้มเล็กน้อย จางหยวนที่เห็นเช่นนั้น จึงเอ่ยกับบุตรสาวตนด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย"เรื่องที่พ่อสั่งสอนเจ้าเอาไว้ เจ้าจำได้หรือไม่?"จางเสวี่ยฮุ่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าไปมองบิดาของตนทันที ใบหน้าสวยหวานของนางซีดเผือดขึ้นมา ก่อนจะละล่ำละลักเอ่ย"ท่านพ่อ คือว่า..."เพียะ!!ยังไม่ทันที่นางจะเอ่ยตอบ จางหยวนก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะตรงเข้ามาตบนางจนนางเซล้มลงตกจากเก้า

    Last Updated : 2025-04-06
  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 20 ทุบตีคน

    "คุณหนูฟาง วันนี้ข้าแวะมาฟังบทละครที่โรงน้ำชาของเจ้า มิสู้เจ้ามานั่งเป็นเพื่อนข้าดีหรือไม่?""ขออภัยคุณชายมู่หรง ข้าไม่ว่างเจ้าค่ะ ขอตัวก่อน""อย่าเล่นตัวเลยน่า เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้า เจ้ายังส่งสายตายั่วยวนให้ข้าอยู่เลยนะฟางเมี่ยว""ตอนนั้นข้าตาบอด แต่ตอนนี้ตาข้าสว่างแล้ว"ฟางเมี่ยวกำลังจะเดินจากไป แต่ทว่ามู่หรงฟังกลับยื่นมือมาจับแขนของนางเอาไว้ ฟางเมี่ยวหันไปมองมู่หรงฟังด้วยแววตาที่เย็นเยียบ ก่อนจะเอ่ย"ปล่อยข้านะมู่หรงฟัง""ไม่ปล่อย ฟางเมี่ยวคนงาม พวกเราไปที่โรงพนันกันเถิด ข้าคิดถึงเจ้ายิ่งนัก""มู่หรงฟัง ข้าจะหมดความอดทนกับเจ้าแล้วนะ""ฟางเมี่ยวคนงาม เราไปโรงพนันกันเถิด โอ๊ย!!!"มู่หรงฟังแหกปากร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อถูกฟางเมี่ยวยกขาเตะเข้ามาที่หว่างขาของเขาอย่างเต็มแรง นางยิ้มตาหยี ก่อนจะเอ่ย"อย่ามายุ่งกับข้า!!!"ฟางเมี่ยวปรายตามองมู่หรงฟังคราหนึ่ง ก่อนจะเดินหนีเขาไป นางรำคาญยิ่งนักที่ต้องมาเจอคนเช่นนี้ แต่ทว่ามู่หรงฟังกลับไม่ยอมปล่อยนางไป"ไปกับข้า ฟางเมี่ยวคนงาม เราไปโรงพนันกันเถิด""มู่หรงฟัง!!""ไปเถิด หากวันนี้เจ้าทำเงินได้มากกว่าข้า ข้าจะเลิกยุ่งกับเจ้า ข้าสัญญา"ฟางเมี่

    Last Updated : 2025-04-06
  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 21 งานแต่ง

    ข่าวที่ฟางเมี่ยวทุบตีมู่หรงฟังแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว นอกจากจะไม่มีคนติฉินนินทาฟางเมี่ยวแล้ว มู่หรงฟังยังถูกผู้คนโจษจันว่าเป็นบุรุษเฮงซวยอีกด้วย ท้ายที่สุดเรื่องนี้ก็จบลงเพียงแค่ทั้งสองฝ่ายยอมความกัน ด้วยเพราะทั้งสองตระกูลต่างก็รู้จักกันมานาน เสนาบดีมู่หรงรู้จักนิสัยบุตรชายของตนดี นอกจากจะไม่เข้าข้างบุตรชายของตนแล้ว ยังส่งของกำนัลมาที่จวนตระกูลฟางเพื่อเป็นการไถ่โทษอีกด้วย ฟางเมี่ยวไม่ได้สนในสิ่งของเหล่านี้มากนัก เพียงเก็บเอาไว้ในห้องเก็บของเพียงเท่านั้นอีกไม่กี่วันก็จะถึงงานมงคลระหว่างเย่จิ้นหยางและจางเสวี่ยฮุ่ยแล้ว ฟางเมี่ยวได้รับเทียบเชิญให้ไปงานแต่งที่จวนอ๋องเช่นเดียวกัน นางสั่งให้คนเตรียมของขวัญเอาไว้ นางจะนำไปมอบให้จางเสวี่ยฮุ่ยในงานแต่งงานหลี่เยี่ยนเฉินในยามนี้นั้นเขากำลังกลับจากค่ายทหารและกำลังมุ่งหน้ามาที่จวนของตน ระหว่างทางเขาครุ่นคิดถึงบุรุษผู้นั้นที่เขาเห็นว่าเป็นนักฆ่าในชาติก่อน เขาส่งคนไปสืบอย่างลับๆ แต่ทว่ากลับไร้วี่แววอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เขาก็ยังไม่ยอมละความพยายาม ยังคงให้คนสืบค้นต่อไปเมื่อกลับมาถึงจวนเขาก็พบว่ามีรถม้าจอดอยู่ที่ด้านหน้าจวน เขามองเพียงครู่เดียวก็ร

    Last Updated : 2025-04-06
  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 22 พบเจอ

    นางเดินมาได้ครู่หนึ่ง ก็พบกับหลี่เยี่ยนเฉินที่กำลังยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เขาหันมามองเมื่อเห็นว่าเป็นนางดวงตาคมก็ฉายแวววูบไหวครู่หนึ่ง ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติฟางเมี่ยวยิ้มตาหยี ก่อนจะเดินเข้าไปหาหลี่เยี่ยนเฉิน พลางมองสำรวจเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า จนคนถูกมองรู้สึกปะหม่า"ฟางเมี่ยว เจ้าจะมองข้าอีกนานหรือไม่?""ก็เจ้าหล่อนี่ ข้าจึงชอบมอง ไม่ได้หรือ?"หลี่เยี่ยนเฉินหมดคำจะกล่าวแล้ว เขาเถียงนางไปก็เท่านั้น เขาจึงเปลี่ยนมาลอบสังเกตท่าทีของนาง ก็พบว่าในแววตาของนางไม่ได้มีแววเสียใจหรือเศร้าโศกเลยแม้แต่น้อย แม้แต่ความริษยาก็ไม่มีให้เห็นหลี่เยี่ยนเฉินขมวดคิ้วมุ่น เขารู้สึกดีใจอย่างแปลกประหลาดที่เห็นว่าฟางเมี่ยวไม่รู้สึกอันใดกับการแต่งงานของเย่จิ้นหยางและจางเสวี่ยฮุ่ย ไม่ทันรู้ตัวก็พบว่ายามนี้ฟางเมี่ยวยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขาเสียแล้ว เขาลนลานคิดจะหนีกลับพบว่าแผ่นหลังของตนยามนี้ชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ไร้หนทางหลีกหนีจากนางเสียแล้วฟางเมี่ยวเอียงคอมองหลี่เยี่ยนเฉิน ก่อนจะเอ่ย"อยากแต่งงานหรือไม่?""ฮะ?"หลี่เยี่ยนเฉินมีท่าทีตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก ยามที่เข้าใกล้ฟางเมี่ยวเขาคล้ายกับสูญเสียการควบคุมอย่

    Last Updated : 2025-04-06
  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 23 ล่าสัตว์

    ใช้เวลาเดินทางราวสามชั่วยามขบวนล่าสัตว์ก็เดินทางมาถึงยังที่หมาย ซึ่งเป็นเขาที่ใช้ล่าสัตว์ในทุกๆ ปี เขาแห่งนี้ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์และเขียวชอุ่ม เนื่องจากมีฝนตกและอากาศเย็นตลอดทั้งปี บนใบไม้ยังคงมีหยดน้ำค้างเกาะอยู่ให้ได้เห็นประปรายฟางเมี่ยวสั่งให้ลู่ชิงนำสัมภาระและข้าวของมาเก็บที่กระโจมที่พักของตน เมื่อมาถึงนางจึงได้รู้ว่านางพักอยู่ใกล้ๆ กับหลิวจือ ส่วนกระโจมถัดไปเป็นกระโจมของจางลี่อิง น้องสาวของจางเสวี่ยฮุ่ย ด้านจางเสวี่ยฮุ่ยนั้น นางแต่งงานแล้ว อีกทั้งยังเป็นคนของเชื้อพระวงศ์ จึงได้พักที่กระโจมใกล้ๆ กับเชื้อพระวงศ์ซึ่งนับว่าเป็นเครือญาติกันหลิวจือนั้นเบ้ปากให้ฟางเมี่ยวแต่ไม่กล้าทำสิ่งใด ส่วนจางลี่อิงนั้นก็ปรายตามองฟางเมี่ยวด้วยความไม่ชอบใจเช่นเดียวกัน การมาล่าสัตว์ในครานี้ มีคุณหนูในห้องหอไม่น้อยที่ได้มีโอกาสออกมาเปิดหูเปิดตา แต่ทว่านางกลับไม่พบกับสวีเซียวเหยา หรือว่านางจะไม่ได้ร่วมเดินทางมาในครั้งนี้ด้วยฮ่องเต้เย่หมิงหล่างเป็นฮ่องเต้ที่ค่อนข้างมีเมตตา อีกทั้งยังสนับสนุนให้สตรีในแคว้นต้าอู๋ขี่ม้าจับดาบได้อย่างเสรีอีกด้วย นับว่าเป็นฮ่องเต้ที่เห็นแก่ความเท่าเทียมของบุรุษและสตรีอย่างหา

    Last Updated : 2025-04-06
  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 24 ที่แห่งเดิม

    "ช่วยข้าด้วย!!! ข้ายังไม่อยากตาย!!!"ฟางเมี่ยวหันไปมองมืออีกข้างของตนที่ยามนี้ถูกหลิวจือคว้าจับเอาไว้ หลิวจือหน้าซีดตัวสั่นจนแทบจะล้มลงไปกองกับพื้นแล้ว ฟางเมี่ยวหันไปมองก็พบกับสาวใช้ของหลิวจือและจางเสวี่ยฮุ่ยที่ยามนี้ถูกฆ่าตายไปแล้วก็หวาดหวั่นไม่น้อยนับว่ายังโชคดีที่นางไม่ได้ให้ลู่ชิงสาวใช้ซื่อบื้อของนางติดตามมาด้วย!!!แม้ลู่ชิงจะเป็นสาวใช้ที่ไม่ได้เรื่อง แต่ก็อยู่กับนางมานาน"ฮือ!!!""เงียบนะหลิวจือ!!! ไป!!! ไปกับข้า หาที่ซ่อนเร็ว!!"ฟางเมี่ยวจับมือจางเสวี่ยฮุ่ยและหลิวจือวิ่งหนีตายอย่างไม่คิดชีวิต นางมองซ้ายมองขวาก่อนจะต้องตื่นตระหนกที่นี่คือสถานที่โล่ง ที่ซ่อนตัวล้วนมีไม่มาก!!เมื่อหันกลับไปมอง ก็พบว่ายามนี้มีเหล่าสตรีที่ติดตามมากับการล่าสัตว์ในครั้งนี้ถูกสังหารไปไม่น้อย ฟางเมี่ยวรอช้าไม่ได้แล้ว นางลากจางเสวี่ยฮุ่ยและหลิวจือมาหลบที่พุ่มไม้ด้านหนึ่งไม่ไกลออกไปนัก"เมี่ยวเอ๋อร์ ข้ากลัว!!!"จางเสวี่ยฮุ่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ฟางเมี่ยวยื่นมือของตนไปจับมือของจางเสวี่ยฮุ่ยเอาไว้ก่อนจะเอ่ย"ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องกลัว"แม้ปากจะปลอบสหาย แต่ทว่านางกลับใจเสียไม่ต่างกัน ยามนี้บนตัวนางมี

    Last Updated : 2025-04-06
  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 25 ตายพร้อมกันอีกคราก็ย่อมได้

    หลี่เยี่ยนเฉินร่วมเดินทางมาในครั้งนี้ด้วย ระหว่างทางเข้าครุ่นคิดมาตลอดทาง ก่อนหน้านี้ก็ได้เอ่ยเรื่องบางอย่างให้เย่จิ้นหยางได้ฟัง เขาไม่ได้บอกไปตามตรงว่ามีนักฆ่า เพียงแต่บอกว่าระยะนี้สงครามยังไม่สงบ เกรงว่าอาจจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมาได้ จะต้องระวังให้มาก เย่จิ้นหยางเองก็เห็นด้วย เพราะศัตรูเหลียงไท่นั้นชอบลอบกัด เรื่องนี้ฝ่าบาทเองก็ทรงทราบดี จึงสั่งให้นำทหารติดตามมามากเสียหน่อยเขาเองเอ่ยสิ่งใดได้ไม่มากนัก อีกทั้งยังบอกสถานที่และลักษณะของนักฆ่าตัวก่อเรื่องไม่ได้ นอกจากจะไม่มีคนเชื่อแล้ว ฝ่าบาทอาจจะยังสงสัยว่าเขาอยู่เบื้องหลังนักฆ่าเหล่านี้หรือไม่ ตระกูลหลี่อาจจะตกที่นั่งลำบากเอาได้เขาทำได้เพียงเท่านี้ ที่เหลือคงต้องวัดดวงกันแล้วเมื่อครุ่นคิดถึงฟางเมี่ยว เขาก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ภาพที่นางถูกนักฆ่าสังหารยังติดตาเขา หลี่เยี่ยนเฉินขมวดคิ้วมุ่นพลางครุ่นคิดฟางเมี่ยวไม่ได้มีฐานะสูงศักดิ์อันใด เป็นเพียงบุตรสาวขุนนางเท่านั้น แต่กลับถูกนักฆ่าสังหาร มันดูแปลกประหลาดเกินไปหรือไม่ช่างเถิด เรื่องในครานั้นก็มีคนล้มตายไปไม่น้อยเช่นกัน เขาสงสัยมากไปก็เปล่าประโยชน์คืนนั้นเขานอนไม่หลับทั้งคืน

    Last Updated : 2025-04-07
  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 26 ได้สหายใหม่

    ยามนี้ทั่วทั้งลานล่าสัตว์มีแต่ความวุ่นวาย หมอหลวงต่างวิ่งเข้าออกกระโจมของฟางเมี่ยวด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าใดนัก ฟางเจี๋ยจับแขนบิดาของตนเอาไว้ ในยามนี้เสนาบดีฟางเหลียนแทบล้มทั้งยืน ดวงตาของเขาแดงก่ำ รู้สึกเอ่ยวาจาใดๆ ไม่ออก เพราะเป็นห่วงบุตรสาวอย่างที่สุดด้านฮ่องเต้เย่หมิงหล่างนั้นก็สั่งให้หมอหลวงรักษาคนเจ็บอย่างสุดกำลัง เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า การออกมาล่าสัตว์ในครั้งนี้จะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้ขึ้น"จิ้นเอ๋อร์ เจ้าจับตัวคนร้ายได้หรือไม่"ฮ่องเต้เย่หมิงหล่างหันไปเอ่ยถามเย่จิ้นหยางหลานชายของตนคราหนึ่ง เย่จิ้นหยางส่ายหน้าก่อนจะตอบ"ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ พวกมันบางส่วนหนีรอดไปได้ บางส่วนก็กัดยาพิษในปากจนตาย บางส่วนก็ถูกฆ่าตาย หลานคิดว่าจะต้องเป็นฝีมือของกบฏเหลียงไท่เป็นแน่ เสด็จลุง เป็นความผิดของหลานเอง""อย่าโทษตนเอง เจ้าก็พยายามแล้วข้ารู้"ฮ่องเต้เย่หมิงหล่างจับไหล่หลานชายตนคราหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองเสนาบดีฟางเหลียน"เป็นห่วงก็แต่อาเหลียน ข้าเป็นสหายกับเขามานาน เพิ่งเคยเห็นเขามีท่าทีน่าเวทนาเช่นนี้เป็นครั้งแรก ได้ยินว่าคุณหนูฟางผู้นั้นเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยหลานสะใภ้เอาไว้ อาจิ้น ให้หมอหลว

    Last Updated : 2025-04-07

Latest chapter

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   เสิ่นจื่อหลาง1-4

    หลายเดือนต่อมา เจียงซูซูมาส่งใบลาให้เสิ่นจื่อหลาง บอกเพียงว่านางต้องติดตามท่านพ่อท่านแม่ไปจัดการธุระที่บ้านเดิมซึ่งอยู่นอกเมืองหลวงเสิ่นจื่อหลางให้นางลาสามวัน และบอกให้นางรีบกลับระหว่างทางที่มุ่งหน้ากลับบ้านเดิมนั้นไม่มีปัญหา จนกระทั่งยามที่นางและครอบครัวกำลังจะเดินทางกลับ กลับมีโจรบุกเข้ามาปล้นชิงครอบครัวของนาง พวกมันจับตัวพวกนางเอาไว้ เจียงซูซูหวาดกลัวไม่น้อย แต่ก็พยายามคิดในแง่ดีเอาไว้นางไม่รู้ว่าพวกมันจับตัวนางมาไว้ที่ใด ได้ยินเพียงพวกมันบอกว่าจะสังหารท่านพ่อท่านแม่ของนางและส่งนางไปขายที่หอนางโลมเจียงซูซูพลันนึกถึงเสิ่นจื่อหลางขึ้นมา จู่ๆ ขอบตาของนางก็ร้อนผ่าว เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่านางกับเขาชาตินี้อาจะไม่ได้เจอนางอีก นางสัญญากับเขาเอาไว้แล้วว่าจะกลับไปอยู่เคียงข้างเขาเขาเป็นถึงฮ่องเต้ผู้สูงส่งแต่นางเป็นเพียงขุนนางหญิงต่ำต้อย กลับอาจหาญที่จะไปหลงรักเขาภายใต้ใบหน้าที่แสนเย็นชาของเขามันซ่อนความอบอุ่นเอาไว้ เขาไม่เคยตำหนินาง ไม่เคยลงโทษนาง อีกทั้งยังไม่ถือตัวกับนาง นางชอบทุกอย่างที่เป็นเขา รักทุกอย่างของเขาจู่ๆ เจียงซูซูที่เข้มแข็ง น้อยครั้งนักที่นางจะร้องไห้ แต่ทว่ายามนี้นางกลับ

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   เสิ่นจื่อหลาง 1-3

    วันเวลาเช่นนี้ผ่านไปวันแล้ววันเล่าเดือนแล้วเดือนเล่าจนล่วงมาเป็นปี เขาไม่ทันรู้ตัวว่าเปิดรับนางเข้ามาในใจตั้งแต่ยามใด รู้ตัวอีกคราสายตาของเขาก็เอาแต่มองหานางเสียแล้ว“ถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ”เสิ่นจื่อหลางที่กำลังนั่งอ่านตำราพลันเงยหน้าขึ้นไปมองโจวกุ้ยเฟยที่กำลังเดินเข้ามาโจวกุ้ยเฟย นามเดิม โจวเย่หลัน นางเป็นหลานสาวของนายท่านโจว เป็นทายาทที่เกิดจากบุตรชายเพียงคนเดียวของโจวชิงเหยา บุตรชายของนายท่านโจวเขารับนางเข้ามาเป็นสนมได้ร่วมสองปีแล้ว นิสัยของนางค่อนข้างอ่อนหวาน เอาอกเอาใจ และมีเมตตาแต่ทว่าเขารู้ดีว่านี่คือเปลือกนอกที่นางแสดงให้เขาดูเพียงเท่านั้นสตรีวังหลังมีผู้ใดบ้างไม่ฝักใฝ่ในอำนาจ หากไม่สนอำนาจเช่นนั้นจะเข้าวังหลวงมาทำไมกัน ไปบวชชีคงเหมาะเสียกว่า!!“โจวกุ้ยเฟย เจ้ามาหาข้ามีเรื่องใดหรือ?”โจวกุ้ยเฟยฉีกยิ้มอ่อนหวาน ก่อนจะเอ่ย“ทูลฝ่าบาท วันนี้หม่อมฉันคิดค้นสูตรอาหารขึ้นมาใหม่ จึงอยากมาชวนพระองค์ไปลองชิมที่ตำหนักเพคะ”“อืม ไว้มีเวลาข้าจะไป”“ฝ่าบาทเพคะ”เสิ่นจื่อหลางที่ได้ยินว่าโจวกุ้ยเฟยเอาแต่เรียกเขา ก็เงยหน้าไปมองนางด้วยแววตาที่เย็นชาจนนางลนลานหวาดกลัวไม่น้อย“เอ่อ หม่อมฉันขอทูล

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   เสิ่นจื่อหลาง 1-2

    วังหลวงท้องพระโรงยามนี้เจียงซูซูอยากจะมุดแผ่นดินหนีหรือไม่ก็แทรกตัวเข้าไปหลบในเสาต้นใดต้นหนึ่งยิ่งนักบุรุษที่นางยืนด่าฉอดๆ เมื่อไม่นานมานี้ แท้จริงเขาคือฮ่องเต้ของต้าอู๋พระนามเสิ่นจื่อหลางเจียงซูซูเบะปากทำท่าคล้ายคนจะร้องไห้ เห็นทีตำแหน่งขุนนางหญิงที่นางใฝ่ฝันคงจะจบเห่แล้ว!!!เสิ่นจื่อหลางปรายตามองเจียงซูซูคราหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองสตรีอีกสองนางที่สอบได้ลำดับรองลงไป สตรีที่ได้อันดับสองมาจากจวนตระกูลหาน ได้ยินว่านางเก่งกาจด้านการใช้อาวุธ เขาจึงมอบตำแหน่งองค์รักษ์หญิงให้แก่นาง ส่วนสตรีอีกนางมาจากจวนตระกูลสวี ได้ยินว่านางรอบรู้ อีกทั้งยังช่างสังเกต เขาจึงให้นางไปเรียนรู้การทำงานที่ศาลต้าหลี่ ดูว่านางมีความสามารถเหมาะกับตำแหน่งใดในศาลต้าหลี่แล้วค่อยมอบตำแหน่งนั้นให้นางส่วนผู้ที่สอบได้อันดับหนึ่ง เขาตั้งใจที่จะให้นางทำงานอยู่ข้างกายเขา เขาไปที่ใดนางต้องไปตามคอยเป็นหูเป็นตาแทนเขา สามารถเป็นตัวแทนเขาในการทำงานต่างๆ ได้ สตรีมักจะทำงานรอบคอบและละเอียดมากกว่าบุรุษสตรีน้อยสองนางออกไปแล้ว ยามนี้เหลือเพียงเจียงซูซู เสิ่นจื่อหลางโบกมือให้คนอื่นๆ ออกไป ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหานาง เจียงซูซูที่เห็นเช

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   ตอนพิเศษ เสิ่นจื่อหลาง 1-1

    (เรื่องราวเกิดขึ้นหลังขึ้นครองราชย์6ปี)“ฝ่าบาท จะออกไปจริงๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ”ขันทีคนสนิทเอ่ยถามเสิ่นจื่อหลางอย่างร้อนรน ได้ยินว่าวันนี้ฝ่าบาทจะออกไปชิมอาหารที่ภัตตาคารโหยวเย่ว์อีกแล้ว“ไม่ต้องตามข้า ข้าเพียงไปพบสหายเท่านั้น”เขาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะปลอมตัวเป็นองค์รักษ์เสื้อแพรออกไปที่นอกวังหลวงยามนี้อาอวี้รั้งตำแหน่งผู้บัญชาการองค์รักษ์เสื้อแพร อีกทั้งยังตงฉิน ทำงานอุทิศตนเพื่อบ้านเมือง มันทำให้เขามองเห็นตนเองเมื่อสมัยก่อนปีนี้เขามีอายุยี่สิบเจ็ดปีแล้ว ครองราชย์มาก็หลายปี แต่ทว่ายังคงไม่มีทายาทสืบทอดวันนี้เขามีนัดกับฟางเมี่ยวที่ภัตตาคารโหยวเย่ว์ นางบอกมีสูตรอาหารแปลกใหม่อยากให้เขาได้ลิ้มลองเมื่อมาถึงเขาก็พบกับหลี่เยี่ยนเฉิน น่าแปลกที่ยามนี้เขากับหลี่เยี่ยนเฉินกลายเป้นสหายสนิทกันไปเสียแล้ว“อาจื่อ เจ้าว่างมากหรือ จึงนัดพวกข้ามาพบ”“แน่นอนสิ ข้าไม่มีสิ่งใดทำ”“เหอะ”“เหอะอันใด รีบสั่งอาหารมาสิ แล้วนี่เมี่ยวเมี่ยวเล่า นางไปที่ใด?”“มาถึงก็เรียกหาภรรยาผู้อื่นเช่นนี้ใช้ได้หรือ กลับไปหาสนมเจ้าสิ!!!”“เจ้าหึงหวงหรือ ช่วยไม่ได้ เมี่ยวเมี่ยวสนิทกับข้านี่เจ้าก็รู้”“อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าทุบ

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   ตอนพิเศษ หลี่เยี่ยนเฉินและฟางเมี่ยว

    เขาจำได้ดีว่าในปีนั้นเป็นช่วงฤดูร้อน ฮ่องเต้เย่หมิงหล่างมีรับสั่งให้เหล่าขุนนางตามออกไปล่าสัตว์อีกครา หลังจากที่เกิดเหตุการณ์น่ากลัวที่เหล่านักฆ่าลอบสังหาร ก็มีการเพิ่มกำลังการคุ้มกันแน่นหนาขึ้น“วันนี้พี่เยี่ยนช่างรูปงามยิ่งนัก”หลี่เยี่ยนเฉินปรายตามองฟางเมี่ยวคราหนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหนี นางตามมาเกี้ยวพาเขาอีกแล้วฟางเมี่ยวจ้องมองหลี่เยี่ยนเฉินด้วยท่าทีหยอกเย้า ไม่ได้ใส่ใจท่าทีที่เอือมระอาของเขาเลยแม้แต่น้อย“พี่เยี่ยน”“หยุดเรียกข้าสักที”เขารีบควบม้าหนีนางไปทันที ฟางเมี่ยวไม่ยอมลดละรีบควบม้าตามเขาไปอย่างรวดเร็วแต่ทว่าม้าของนางกลับพยศ มันวิ่งเข้าป่าไม่หยุดจนเกือบจะชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ หลี่เยี่ยนเฉินตื่นตระหนกยิ่ง รีบกระโดดเข้ามาคว้าตัวนางลงจากหลังม้า ก่อนที่คนทั้งสองจะกลิ้งตกลงเขาไปด้วยกันฮ่องเต้เย่หมิงหล่างสั่งให้คนออกตามหาพวกเขาทั้งสองคนแต่กลับไม่พบฟางเมี่ยวขยับกายเล็กน้อย นางรู้สึกปวดไปทั้งตัว แต่ว่าเมื่อได้มองเห็นหลี่เยี่ยนเฉินที่นอนสลบอยู่ ก็ตกใจไม่น้อย บนหน้าผากของเขามีเลือดไหลซึมออกมา คาดว่าอาจจะถูกกิ่งไม้แหลมขูดหน้าผาก ฟางเมี่ยวรีบใช้ผ้าสะอาดที่นางนำติดมาด้วยซับเลือดให้เขา

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 56 บทสรุป

    รัชศกจื่อหลางปีที่ 1ยามนี้เสิ่นจื่อหลางขึ้นเป็นฮ่องเต้ได้หนึ่งปีแล้ว นับแต่ที่เขาขึ้นครองราชย์นั้นนับว่าเป็นช่วงที่รุ่งเรืองไม่น้อย แคว้นต่างๆ ยอมศิโรราบ แคว้นใดคิดเป็นกบฏจะถูกสังหารอย่างไม่ละเว้น ผู้ทำผิดถูกลงโทษไม่เว้นว่าจะเกิดในตระกูลใด เด็กๆ ที่ยากจนได้มีสถานที่เรียน ซึ่งทางราชสำนักเป็นคนต่อตั้งขึ้นสำหรับครอบครัวที่ยากจนสามปีต่อมาอาอวี้ที่มีอายุจะครบสิบห้าปีแล้วสามารถสอบเป็นจอหงวนได้สำเร็จ หลังจากนั้นอีกหลายปี เพราะความสามารถของเขาที่เก่งกาจทั้งบุ๋นและบู๊ จึงได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร ทำงานรับใช้ฝ่าบาทอย่างใกล้ชิดฟางเจี๋ยพี่ชายของนางได้รับตำแหน่งเสนาบดีกรมกลาโหม ส่วนท่านพ่อนั้นก็ออกมาพักผ่อนและเลี้ยงลูกๆ ของฟางเจี๋ยและหลิวจืออยู่ที่จวนส่วนหลี่เยี่ยนเฉินนั้นยามนี้สงครามสงบ ไม่มีสิ่งใดให้ต้องทำ เขาจึงติดตามภรรยาไปค้าขายต่างแคว้นอย่างมีความสุข ทั้งคู่ยังไม่มีบุตรจนหลี่ฮูหยินร้อนใจ สั่งให้ฟางเมี่ยวห้ามออกจากจวนไปทำงาน อยู่ทำลูกกับหลี่เยี่ยนเฉินทุกวันยามที่มีเวลาว่าง ฟางเมี่ยวมักจะไปที่หลุมศพของจางเสวี่ยฮุ่ย บอกเรื่องราวความเป็นไปในแต่ละช่วงเวลาให้นางฟังฟางเมี่ยวเชื

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 55 ความฝันของเย่จิ้นหยาง

    ฟางเมี่ยวเมื่อกลับมาถึงจวนก็พบกับหลี่เยี่ยนเฉินที่กำลังยืนรดน้ำดอกกุหลาบอยู่ ฟางเมี่ยวที่เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยถามเขาทันที“ท่านพี่ เหตุใดจึงทำเอง บ่าวไพร่ไปที่ใดหมดเจ้าคะ?”หลี่เยี่ยนเฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันมาส่งยิ้มให้ฟางเมี่ยว ก่อนจะเช็ดมือให้สะอาดแล้วเดินเข้ามาหาฟางเมี่ยว แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้นางอย่างใส่ใจ“ดอกไม้เหล่านี้เมี่ยวเอ๋อร์ของข้าชอบมากที่สุด ข้าย่อมต้องดูแลเองไม่อาจวางใจให้ผู้อื่นดูแลได้ ไหนมาให้ข้าซับเหงื่อให้ เจ้าเหนื่อยหรือไม่?”“ไม่เหนื่อยเจ้าค่ะ ท่านพี่ข้าพบสวีเซียวเหยา นางสารภาพมาเองว่าเคยส่งคนมาฉุดข้า”ฟางเมี่ยวคล้ายจะลืมตัวว่าตนเอ่ยสิ่งใดออกไป นางไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับหลี่เยี่ยนเฉินเพราะเกรงว่าเขาจะเป็นห่วงและคิดมาก อีกอย่างนางก็ปลอดภัยดีจึงไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญอันใด หลี่เยี่ยนเฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยถามทันที“นี่เจ้าถูกนางส่งคนมาฉุดเช่นนั้นหรือ?”“เอ่อ...”“ตอบมา!!!”“ท่านพี่ เรื่องมันนานมากแล้วเจ้าค่ะ ข้าเองไม่อยากให้ท่านกังวล นับว่าโชคยังดีที่ข้าปลอดภัย สหายเสิ่นไปช่วยข้าเอาไว้ได้ทันเวลา”สหายเสิ่นอีกแล้ว?หลี่เยี่ยนเฉินหรี่ตามองฟางเมี่ยว ก่อนจะมี

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 54 ที่พึ่งพิงชั่วชีวิต

    รัชศกจิ้นหยางปีที่ 1เย่จิ้นหยางขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่ของแคว้นต้าอู๋ นับตั้งแต่เขาได้สติกลับคืนมาก็ตั้งใจทำเพื่อบ้านเมืองอย่างสุดกำลัง เขากวาดล้างเหล่าขุนนางโลภออกไปจากราชสำนักได้ไม่น้อย อีกทั้งยังลดภาษีให้กับราษฎรอีกด้วย ไม่กี่ปีต่อมาแคว้นต้าอู๋ก็กลับมางดงามและยิ่งใหญ่เช่นเดิมเขานึกถึงคำเตือนของเสิ่นจื่อหลางได้ไม่ลืม อีกทั้งยังชื่นชมเสิ่นจื่อหลางอีกด้วย เขาไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเสด็จลุงจึงไว้วางใจเสิ่นจื่อหลางถึงเพียงนี้นับตั้งแต่เริ่มแผนการที่ท่านลุงวางไว้ แผนการนั้นจะไม่สำเร็จและแยบยลเลย หากไม่มีขุนนางที่ตงฉินและไว้ใจได้ และยอมทำงานถวายชีวิตเช่นเสิ่นจื่อหลางที่ผ่านมาเสด็จลุงส่งเสิ่นจื่อหลางมาคอยจับตาดูเขาและขุนนางทุกคน สุดท้ายเสด็จลุงไว้วางใจที่จะมอบแผ่นดินนี้ให้กับเขา เขาเองก็จะไม่ทำให้ความไว้วางใจนั้นของเสด็จลุงต้องสูญเปล่ายามนี้ต้าอู๋นับว่าคึกคักไม่น้อยเลย ฟางเมี่ยวกลับมาเปิดกิจการใหม่อีกครา อีกทั้งรายได้ครึ่งหนึ่งของการค้าขาย นางก็จะบริจาคเข้าคลังหลวงเพื่อช่วยราชสำนักทุกเดือน ระยะหลังมานี้กิจการของนางได้ส่งออกไปขายต่างแคว้น นับว่าได้กำไรงามไม่น้อยตั้งแต่แคว้นเห

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 53 เสียสติ

    ฟางเมี่ยวเดินออกจากจวนอ๋องมาพร้อมกับหลิวจือ ยามนี้เย่จิ้นหยางเสียใจอย่างหนัก ไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าใกล้ร่างของจางเสวี่ยฮุ่ย เขาเอาแต่กอดร่างไร้ลมหายใจของนางเอาไว้เช่นนั้นไม่ยอมปล่อย ปากก็พร่ำเพ้อว่ายามนี้นางกำลังนอนพักผ่อน ห้ามผู้ใดรบกวนนางฟางเมี่ยวทนมองภาพที่น่าสลดใจเช่นนี้ไม่ไหว นางจึงรีบขอตัวกลับจวนตนทันทีหลิวจือนั้นขอตัวกลับจวนของตนเช่นเดียวกัน เนื่องจากมีเรื่องที่ต้องจัดการ ส่วนฟางเมี่ยวนั้นยามนี้ก็กำลังนั่งรถม้ามุ่งหน้ากลับจวนตระกูลหลี่เช่นเดียวกันเมื่อกลับมาถึงจวน นางก็พบกับหลี่เยี่ยนเฉินที่กำลังนั่งรอนางอยู่ในเรือน เขาได้ยินข่าวที่จางเสวี่ยฮุ่ยจากแล้ว ในใจก็นึกเวทนาไม่น้อย ข่าวการตายของจางเสวี่ยฮุ่ยแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักข่าวนี้ก็แพร่สะพัดไปถึงในวังหลวงเมื่อเห็นว่าฟางเมี่ยวกลับมาแล้ว เขาจึงลุกขึ้นเดินเข้าไปหานางทันที ก่อนจะพบว่ายามนี้ใบหน้าของฟางเมี่ยวเปรอะเปื้อนไปด้วยหยดน้ำตา เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าคือหลี่เยี่ยนเฉิน ฟางเมี่ยวก็โผเข้ากอดเขาทันที ก่อนจะปล่อยโฮออกมาอีกครา“ฮืออ หลี่เยี่ยนเฉิน จางเสวี่ยฮุ่ยตายแล้ว ข้าช่วยนางไม่ได้ ฮือ ข้าช่วยนางไม่ได้ ข้าไม่อยากให้นางตาย

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status