คำสั่งซื้อที่ได้รับจากเถ้าแก่หง ทำให้ทุกคนในครอบครัวตื่นเต้นดีใจกันมาก ครั้งนี้ส่วนแบ่งจากการขายสินค้าคงได้มากกว่าเดิมแน่ ๆ ยามเช้ามืดของวันที่สองลู่ชิงตื่นมาชวนทุกคน เพื่อช่วยกันเตรียมสินค้าตามคำสั่งซื้อและตอนสาย ๆ หลังจากเปิดร้าน ค่อยให้ลู่จื้อกับก้งเจี้ยนำไปส่งเถ้าแก่หงที่จวน เมื่อรับสินค้าครบตา
แต่ข้าขอเตือนพวกท่านสักหน่อยว่า อย่าได้ใส่พริกป่นนี้มากจนเกินไปเพราะมันเผ็ดจนน้ำตาไหล เคยมีลูกค้าใส่ลงไปเยอะจนต้องกินก๋วยเตี๋ยวกับน้ำตามาแล้วขอรับ” อาไจ้อธิบายพร้อมคำเตือนและยกตัวอย่างลูกค้าที่ใส่พริกจนเผ็ดเกินไป“อ่อ เป็นเช่นนี้นี่เอง พวกข้าเพิ่งจะเคยเจออาหารแบบนี้ครั้งแรก มีวิธีการปรุงรสชาติของอาห
“คุณหนูเจ้าคะบุรุษทั้งหกคนนี้เป็นสหาย ที่เคยทำการฝึกร่วมกันในค่ายทหารเจ้าค่ะ พวกเจ้าหกคนนี่ก็คือคุณหนูลู่ชิง บุตรสาวเพียงคนเดียวของนายท่านสวี ผู้ที่เป็นเจ้าของร้านอาหารรวมถึงร้านก๋วยเตี๋ยวที่พวกเจ้าเห็น” ก้งเยว่แนะนำให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกัน“สวัสดีพี่ชายทั้งหกคนเจ้าค่ะในเมื่อเป็นสหายของพี่ก้งเยว่ เช่
“พี่ชายเซียวกำลังปรับปรุงร้านค้าทั้งสองร้าน ป่านนี้คงใกล้จะเสร็จแล้วกระมังเจ้าคะ นำสินค้าไปเปิดขายที่เมืองหลวงย่อมดีแน่นอน การเดินทางอาจจะใช้เวลาสักหน่อยแต่ไม่เป็นปัญหา ต่อไปพวกท่านไม่ต้องเดินทางมารับสินค้าเองนะเจ้าคะ”“ไม่เป็นปัญหาอย่างไรหรือน้องเล็ก จากที่นี่ไปถึงเมืองหลวงก็ไกลอยู่พอสมควรนะ เจ้ามี
ก้งคุนปล่อยให้เจียวมิ่งนั่งอยู่กับพวกเต๋อหลิน ส่วนตัวเขากลับไปช่วยงานต่อ เพราะถึงอย่างไรเจียวมิ่งย่อมนำเรื่องที่คุยกันมาบอกพวกเขาสามคนอยู่ดี การได้นั่งดูสหายผู้มาจากเมืองหลวงทานอาหารเช่นนี้ ช่างคล้ายกับพวกตนตอนที่มาถึงตำบลหย่งฝูครั้งแรกจริง ๆ เมื่ออาหารทุกอย่างบนโต๊ะลงไปอยู่ในท้องของแต่ล่ะคนหมดแล้ว
“พวกเจ้าอุตส่าห์มารับสินค้าตั้งไกลข้ากับครอบครัวสมควรแล้วที่ต้องดูแลพวกเจ้า ยังต้องเดินทางอีกไกลอย่างไรก็ระมัดระวังตัวกันด้วย” ลู่เวินไม่ถือเป็นบุญคุณอะไร เขาคิดว่าพวกเต๋อหลินเป็นแขกมาเยือนจึงต้องดูแลอย่างดี“ขอรับ”“พี่เต๋อหลินกล่องนี้รบกวนท่านช่วยมอบให้ถึงมือของพี่ชายเซียวด้วยนะเจ้าคะ ห้ามแอบเปิดด
รอเพียงพวกเต๋อหลินนำสินค้ามาถึง ก็สามารถจัดวางสินค้าภายในร้านและเปิดกิจการได้ทันที ข้าจะรบกวนท่านพ่อช่วยอวยพรในวันเปิดกิจการและข้าได้ตั้งชื่อร้านค้าไว้ว่าสวีเฟิงฟู่ขอรับ” เซียวหนิงหลงบอกที่มาของขบวนสินค้าที่บิดาของตนสงสัย“อืม สินค้าของว่าที่ลูกสะใภ้จะวางขายที่เมืองหลวงแล้วงั้นรึ เช่นนั้นเจ้าต้องขาย
หลังจากไทเฮาเสด็จกลับมาถึงวังหลวง ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้จัดงานเลี้ยงอีกสองวันต่อจากนี้ เพื่อให้ไทเฮาได้พักผ่อน คลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล เพราะพระองค์ก็ทรงมีพระชนมพรรษามากแล้วนั่นเองฮ่องเต้กับฮองเฮาจึงไปส่งไทเฮาถึงตำหนักหนิงจิ้งกง แต่ด้านหลังยังมีนางสนมตำแหน่งต่าง ๆ องค์ชายองค์หญิงอีกหลายพ
“เมื่อครู่พวกเจ้ายังไม่มีท่าทีจะยอมสักนิด ต้องให้เจ็บตัวเสียก่อนถึงจะยอมเปิดปากงั้นรึ หากทำตามที่บอกตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องบาดเจ็บเช่นนี้” หลี่เมิ่งยังไม่ยอมหยุดบ่นใส่พวกสีว์เปียว ที่ดื้อด้านในตอนแรกแต่พอเจ็บตัวก็เปลี่ยนท่าทีทันใด“พวกข้าผิดเองที่ทะนงตนคิดว่าคงจะสู้พวกเจ้าได้ อยากให้ข้าตอบคำถามอันใดถ้าต
“ข้าจะคอยดูแลร้านระหว่างท่านไม่อยู่เอง หากมีปัญหาอะไรข้าย่อมไม่ปล่อยไว้หรอก” หลี่เมิ่งอยากจะเจอกับพวกที่มาก่อเรื่องนานแล้ว คนแบบนี้จะพูดดีไปทำไมกันเมื่อเยวี๋ยนจิ้งห้าวแยกตัวกลับบ้านไปแล้ว พวกหลี่เฉียงกำลังจะกลับที่พักเช่นกันแต่กลับมีเสียงแปลก ๆ ดังขึ้นเสียก่อน ทั้งสามคน จึงหยุดฟังว่ามันคือเสียงอะไร
หลังจากพาตัวอู๋เจียงสงออกไปส่งด้านนอก ชินอ๋องและคนอื่นจึงออกมาจากด้านหลังฉากกั้น การสนทนาเมื่อครู่นั้นล้วนได้ยินกันทั่วหน้า แต่ไม่มีใครอยากพูดถึงมันอีกในเมื่อมันจบไปแล้ว จากนี้คือการเริ่มต้นใหม่อย่างแท้จริงบ้านตระกูลสวีจึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่อปัญหาที่ค้างคาใจนั้นได้คลี่คลายแต่ที่แดนเหนือต
ให้ดี และประโยคสุดท้ายหันไปพูดกับเซียวหนิงหลง“มะ มะ ไม่จริง ปะ ปะ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ซื่อจื่อจะมาอยู่กับครอบครัวพวกเจ้าได้อย่างไรกัน ไหนผู้คนที่เมืองหลวงบอกว่าซื่อจื่อติดตามท่านอ๋อง เพื่อไปตรวจความเป็นอยู่ของชาวบ้านตามรับสั่งของฮ่องเต้” ตอนนี้อู๋เจียงสงจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกแล้วเขาพูดพึมพำก
“ถึงพวกข้าจะยังไม่เป็นผู้ใหญ่มากนัก แต่อย่างน้อยก็พอจะรู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว ครอบครัวพวกเราอยู่ที่นี่มีความสุขกันดี จะกลับไปตระกูลที่เห็นแก่ตัวของท่านทำไมกัน อาหารการกินก็แค่เศษของเหลือจากเรือนของท่าน เสื้อผ้าก็ไม่เคยได้ผ้าไหมอย่างดีเหมือนหลานคนอื่น ๆแม้แต่เรือนแยกพวกเรายังไม่มีให้อยู่ ท่านคิดว่านี่ม
“นายท่านขอรับพวกเราเดินตามไปเงียบ ๆ จะดีกว่า ดูท่าทางสองคนนี้จะพูดจริงทำจริงนะขอรับ ดูดาบที่อยู่ตรงเอวพวกเขาสิน่าจะคมมากทีเดียว ข้าว่าอย่าไปท้าทายตามที่พวกเขาเตือนไว้ดีกว่าขอรับ” พ่อบ้านอู๋ที่ขี้ขลาดพอตัวสังเกตเห็นดาบที่เอวของก้งคุน ก็ขนลุกขนชันเกรงว่ามันจะมาพาดอยู่ที่คอของเขาแทน“ขี้ขลาดไม่เข้าเรื่
การฉลองงานหมั้นหมายของสองครอบครัวเป็นไปอย่างชื่นมื่น ทุกคนลิ้มลองสุราหมักท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย ซึ่งย้ายสถานที่นั่งดื่มสุราขึ้นมายังชั้นสอง ที่ลู่ชิงทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นชมทิวทัศน์เอาไว้ โดยมีเพียงกลุ่มของเจียวมิ่งที่ขึ้นมาคอยดูแลส่วนเต๋อหลินต้องคอยดูแลกลุ่มที่ติดตามชินอ๋อง แต่รสชาติของสุราหมักทำ
“ถึงเจ้าไม่พูดข้าก็คิดจะลงมืออยู่แล้ว เมื่ออู๋เจียงสงกลับไปถึงเมืองหลวง อาจตายเพราะความตกใจจนเกินเหตุ หรือไม่ก็คงตรอมใจจนตายก็เป็นได้ เจ้าอย่าห่วงเลยข้าจะจัดการให้เมืองหลวงไม่มีชื่อตระกูลอู๋อีกต่อไป” เซียวหนิงหลงพูดคำไหนคำนั้นและเขาไม่เคยทำไม่สำเร็จ“ขอบคุณมากขอรับ รอให้ข้าฝึกวรยุทธ์ได้เก่งมากกว่านี
“ชิงเอ๋อร์เจ้ายื่นมือมาพี่จะช่วยสวมให้เจ้าเอง เมื่อใส่กำไลหยกชิ้นนี้แล้วก็ถือว่าเจ้าเป็นคู่หมั้นของพี่ เป็นว่าที่สะใภ้ของราชวงศ์เซียวแห่งแคว้นฉู่ หากมีใครคิดปองร้ายเจ้าโทษของคนเหล่านั้น ย่อมร้ายแรงมากกว่าปกติหลายเท่าการลงโทษย่อมมีหนักเบา หวังว่าเจ้าจะเข้าใจกฎเกณฑ์พวกนี้ บางครั้งเราไม่อาจใจดีกับคนที่