“ทำตามวิธีที่ก้งคุนพูดมาเถอะ มันไม่ควรเก็บไว้ที่นั่นเพื่อความปลอดภัยและความลับที่พวกเราทำด้วย” ก้งเยว่เห็นด้วยกับวิธีของก้งคุน“ตกลง เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยพวกเราช่วยกันนำค่าทำขวัญกลับมาให้หมด และวันถัดไปค่อยตามไปเก็บเพิ่มจากคนที่สนับสนุนไฉเถาเยี่ยนอีกครั้ง” เจียวมิ่งและสหายลงความเห็นกันเสร็จ ก
เจียวมิ่งกับก้งคุนจะแยกกันจัดการสองคนที่เหลือ และให้ก้งเจี้ยเข้าไปสำรวจในบ้านเช่าว่ามีสมบัติเงินทองเก็บไว้หรือไม่“เจ้ารู้จักชื่อของข้าได้อย่างไรใครส่งพวกเจ้ามากันแน่?” อาโตว่ที่ได้ยินเจียวมิ่งเอ่ยชื่อของตนก็เกิดความสงสัย“ข้ารู้ก็แล้วกันไม่ต้องถามให้มากความ ถึงเวลาชดใช้กรรมของเจ้าแล้ว” เจียวมิ่งไม่
“เจียวมิ่งเจ้าเข้าไปจัดการไฉเถาเยี่ยนก่อนเถิด ข้ากับก้งเจี้ยจะไปเอารถม้าของจวนมาขนหีบพวกนี้รอ” ก้งคุนที่ทรมานคนเพื่อระบายความโกรธไปแล้ว ยกหน้าที่จัดการไฉเถาเยี่ยนให้กับเจียวมิ่งแทน“ได้ ข้าจะถามเรื่องที่น่าสงสัยเพิ่มอีกสักหน่อย หากพวกเจ้าขนหีบพวกนี้เสร็จแล้วจะเอาออกไปก่อนก็ได้ ไว้ข้าค่อยตามไปทีหลัง”
ยามใกล้รุ่งอรุณวันใหม่ ชาวบ้านที่ตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวทำมาหากิน ได้กลิ่นควันโชยมาเบา ๆ คล้ายกับมีการเผาไหม้เสร็จใหม่ ๆ จึงเดินตามกลิ่นควันนั้นไป พบว่ามันลอยมาจากบ้านเช่าหลังหนึ่ง ที่ตอนนี้ไม่มีเหลือแม้แต่กองฟืนกลางลานบ้านก็มีกองเถ้าถ่านคล้ายคนนอนอยู่ หลายคนที่มาดูต่างแปลกใจว่าเกิดเหตุไฟไหม้
“โอ้โห!! ท่านพ่อหีบไม้พวกนี้มาจากไหนหรือเจ้าคะ ทำไมถึงเยอะแยะมากมายนักล่ะ” ลู่ชิงถามบิดาที่นั่งมองหีบเหล่านี้อยู่ก่อนแล้ว“เจียวมิ่งบอกว่าเป็นค่าทำขวัญของเจ้าที่เก็บมาจากคนชั่วน่ะ คืนพรุ่งนี้จะไปเก็บมาเพิ่มให้อีกแต่ว่าต้องแบ่งออกมาส่วนหนึ่ง เพื่อนำไปมอบให้ครอบครัวที่เคยถูกเถ้าแก่ไฉทำร้ายไว้ก่อนหน้าพ
“พวกเรารีบเข้าวังเถิด ป่านนี้จินจูคงเตรียมของไว้เรียบร้อยแล้ว”“ขอรับท่านแม่” เซียวหนิงหลงเข้าไปประคองมารดา เดินออกไปขึ้นรถม้าที่หน้าจวนเซียวหนิงหลงเรียนรู้วิธีการปลอมแปลงใบหน้ามาจากอาจารย์ที่สอนวรยุทธ์แก่เขา การเดินทางเข้าวังหลวงในวันนี้เซียวหนิงหลงเป็นองครักษ์คู่กับชุนชาน ส่วนตันเจียงนั้นไปร่วมภา
เมื่อแม่นมเว่ยนำสิ่งที่พระชายาไป๋ต้องการ มาวางบนโต๊ะตรงกลางห้องรับรอง นางก็ไม่รอช้าลงมือเทน้ำร้อน และตักผงจมูกข้าวกับนมผงถั่วเหลืองลงในถ้วย ใช้ช้อนคนให้ละลายจนเข้ากันดีแล้ว จึงให้นางกำนัลคนสนิทของเหล่าพระสนม เป็นเดินมายกถ้วยนมเหล่านั้นเอง แม่นมเว่ยยกถ้วยผงจมูกข้าวไปถวายแก่ฮองเฮา“อืม เปิ่นกงถูกใจเจ้
เซียวหนิงหลงไม่คิดว่าพิษที่พระสนมเยี่ยซูเฟยได้รับจะออกฤทธิ์รวดเร็วเช่นนี้ ฮ่องเต้เห็นหลานคนโปรดขมวดคิ้วคล้ายมีข้อสงสัย จึงตรัสกับเซียวหนิงหลงไปตามความจริง“หลานรักเจ้าไม่ต้องคิดสงสัยถึงสาเหตุที่พิษกำเริบเร็วเช่นนี้ เป็นคำสั่งของลุงที่ให้จ้าวกงกงเพิ่มยาพิษลงไปในน้ำแกง อย่างน้อยเมื่อนางไม่สามารถลุกขึ้
“เมื่อครู่พวกเจ้ายังไม่มีท่าทีจะยอมสักนิด ต้องให้เจ็บตัวเสียก่อนถึงจะยอมเปิดปากงั้นรึ หากทำตามที่บอกตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องบาดเจ็บเช่นนี้” หลี่เมิ่งยังไม่ยอมหยุดบ่นใส่พวกสีว์เปียว ที่ดื้อด้านในตอนแรกแต่พอเจ็บตัวก็เปลี่ยนท่าทีทันใด“พวกข้าผิดเองที่ทะนงตนคิดว่าคงจะสู้พวกเจ้าได้ อยากให้ข้าตอบคำถามอันใดถ้าต
“ข้าจะคอยดูแลร้านระหว่างท่านไม่อยู่เอง หากมีปัญหาอะไรข้าย่อมไม่ปล่อยไว้หรอก” หลี่เมิ่งอยากจะเจอกับพวกที่มาก่อเรื่องนานแล้ว คนแบบนี้จะพูดดีไปทำไมกันเมื่อเยวี๋ยนจิ้งห้าวแยกตัวกลับบ้านไปแล้ว พวกหลี่เฉียงกำลังจะกลับที่พักเช่นกันแต่กลับมีเสียงแปลก ๆ ดังขึ้นเสียก่อน ทั้งสามคน จึงหยุดฟังว่ามันคือเสียงอะไร
หลังจากพาตัวอู๋เจียงสงออกไปส่งด้านนอก ชินอ๋องและคนอื่นจึงออกมาจากด้านหลังฉากกั้น การสนทนาเมื่อครู่นั้นล้วนได้ยินกันทั่วหน้า แต่ไม่มีใครอยากพูดถึงมันอีกในเมื่อมันจบไปแล้ว จากนี้คือการเริ่มต้นใหม่อย่างแท้จริงบ้านตระกูลสวีจึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่อปัญหาที่ค้างคาใจนั้นได้คลี่คลายแต่ที่แดนเหนือต
ให้ดี และประโยคสุดท้ายหันไปพูดกับเซียวหนิงหลง“มะ มะ ไม่จริง ปะ ปะ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ซื่อจื่อจะมาอยู่กับครอบครัวพวกเจ้าได้อย่างไรกัน ไหนผู้คนที่เมืองหลวงบอกว่าซื่อจื่อติดตามท่านอ๋อง เพื่อไปตรวจความเป็นอยู่ของชาวบ้านตามรับสั่งของฮ่องเต้” ตอนนี้อู๋เจียงสงจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกแล้วเขาพูดพึมพำก
“ถึงพวกข้าจะยังไม่เป็นผู้ใหญ่มากนัก แต่อย่างน้อยก็พอจะรู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว ครอบครัวพวกเราอยู่ที่นี่มีความสุขกันดี จะกลับไปตระกูลที่เห็นแก่ตัวของท่านทำไมกัน อาหารการกินก็แค่เศษของเหลือจากเรือนของท่าน เสื้อผ้าก็ไม่เคยได้ผ้าไหมอย่างดีเหมือนหลานคนอื่น ๆแม้แต่เรือนแยกพวกเรายังไม่มีให้อยู่ ท่านคิดว่านี่ม
“นายท่านขอรับพวกเราเดินตามไปเงียบ ๆ จะดีกว่า ดูท่าทางสองคนนี้จะพูดจริงทำจริงนะขอรับ ดูดาบที่อยู่ตรงเอวพวกเขาสิน่าจะคมมากทีเดียว ข้าว่าอย่าไปท้าทายตามที่พวกเขาเตือนไว้ดีกว่าขอรับ” พ่อบ้านอู๋ที่ขี้ขลาดพอตัวสังเกตเห็นดาบที่เอวของก้งคุน ก็ขนลุกขนชันเกรงว่ามันจะมาพาดอยู่ที่คอของเขาแทน“ขี้ขลาดไม่เข้าเรื่
การฉลองงานหมั้นหมายของสองครอบครัวเป็นไปอย่างชื่นมื่น ทุกคนลิ้มลองสุราหมักท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย ซึ่งย้ายสถานที่นั่งดื่มสุราขึ้นมายังชั้นสอง ที่ลู่ชิงทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นชมทิวทัศน์เอาไว้ โดยมีเพียงกลุ่มของเจียวมิ่งที่ขึ้นมาคอยดูแลส่วนเต๋อหลินต้องคอยดูแลกลุ่มที่ติดตามชินอ๋อง แต่รสชาติของสุราหมักทำ
“ถึงเจ้าไม่พูดข้าก็คิดจะลงมืออยู่แล้ว เมื่ออู๋เจียงสงกลับไปถึงเมืองหลวง อาจตายเพราะความตกใจจนเกินเหตุ หรือไม่ก็คงตรอมใจจนตายก็เป็นได้ เจ้าอย่าห่วงเลยข้าจะจัดการให้เมืองหลวงไม่มีชื่อตระกูลอู๋อีกต่อไป” เซียวหนิงหลงพูดคำไหนคำนั้นและเขาไม่เคยทำไม่สำเร็จ“ขอบคุณมากขอรับ รอให้ข้าฝึกวรยุทธ์ได้เก่งมากกว่านี
“ชิงเอ๋อร์เจ้ายื่นมือมาพี่จะช่วยสวมให้เจ้าเอง เมื่อใส่กำไลหยกชิ้นนี้แล้วก็ถือว่าเจ้าเป็นคู่หมั้นของพี่ เป็นว่าที่สะใภ้ของราชวงศ์เซียวแห่งแคว้นฉู่ หากมีใครคิดปองร้ายเจ้าโทษของคนเหล่านั้น ย่อมร้ายแรงมากกว่าปกติหลายเท่าการลงโทษย่อมมีหนักเบา หวังว่าเจ้าจะเข้าใจกฎเกณฑ์พวกนี้ บางครั้งเราไม่อาจใจดีกับคนที่