“นี่น้องชายเจ้ามาต่อแถวรอชิมอาหารร้านนี้ แล้วทำไมต้องถือชามติดมือมาด้วยเล่า”“อ่อ เถ้าแก่น้อยบอกว่าหากใครเอาชามมาจากบ้าน จะคิดราคาอาหารให้เป็นพิเศษน่ะ พวกข้าหลายคนบ้านอยู่แถว ๆ นี้ก็เลยพากัน กลับไปเอาชามมาต่อแถวอย่างที่ท่านเห็นนี่แหล่ะ”“แล้วร้านนี้ขายอะไรหรือถึงต้องใช้ชามใส่อาหาร ทำไมไม่ใช้จานใส่อา
การเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวสาขาแรก สามารถมัดใจลูกค้าได้อยู่หมัด ด้วยการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าจากลูกจ้างของทางร้าน การพูดจาที่ไพเราะรู้จักพูดแนะนำวิธีการกินก๋วยเตี๋ยว ไหนจะขนมบัวลอยน้ำกะทิ แม้ชื่อจะบอกว่าเป็นขนมหวาน เมื่อได้ชิมจะรู้ว่ารสชาติมิได้หวานจนเลี่ยนบาดคอคนกินทุกคนที่เข้ามาเป็นลูกค้าร้านก๋วยเตี๋ยว เห็
“ขอรับคุณหนู”“อืม ข้ากับครอบครัวต้องกลับแล้วไว้เจอกันพรุ่งนี้” ลู่เวินกับครอบครัวเดินออกมาขึ้นรถม้าเพื่อกลับตำบลหย่งฝูเมื่อครอบครัวของนายจ้างกับสหายร่วมรบ บังคับรถม้าไปไกลจากร้านแล้ว ทุกคนจึงช่วยกันปิดร้านตรวจตราให้ละเอียด ว่ามีตรงไหนยังปิดไม่สนิทหรือไม่ จากนั้นจึงเหลือเพียงอาไจ้กับภรรยาที่พักอยู่
เมื่อกลับมาถึงที่ร้านอาหารกลางยามเซิน ก้งเยว่จึงขอตัวกับสหายกลับบ้านเช่า และค่อยมาที่ร้านอีกครั้งในตอนเย็น ฟางซินที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะบอกเรื่องที่ลู่ชิงเล่าให้ฟังกับสามี พอเข้ามาด้านในร้านจึงรีบจูงมือสามีขึ้นไปคุยกันยังชั้นบนทันทีลู่เวินที่ไม่รู้ว่าฟางซินรีบพาเขาขึ้นไปทำไมแต่ก็ยอมเดินตามไป ฟางซินพา
เจียวมิ่งคาดการณ์ได้ถูกต้องยามนี้เซียวหนิงหลงใกล้จะถึงเมืองหลวงเข้าไปทุกที ก่อนจะเข้าเมืองเซียวหนิงหลงแวะไปที่หมู่บ้านนอกเมือง เพื่อคัดเลือกหน่วยลับเข้าไปช่วยติดตามขุนนางทั้งหมด แม้ว่าจะมีหน่วยลับแฝงตัวอยู่ในจวนเหล่านั้นแล้วก็ตาม ใช่ว่าพวกเขาจะติดตามออกจากจวนได้เซียวหนิงหลงจึงต้องใช้คนเพิ่มและยามจื
เมื่อวานนี้เริ่มมีข่าวว่าหลายครอบครัว มีบุตรหลานที่เป็นสตรีหายตัวไปบ้างแล้ว อีกอย่างข้าน้อยได้นำเรื่องนี้เข้าไปกราบทูลให้ฮ่องเต้ได้ทรงทราบแล้วขอรับ” ชุนชานกับสหายออกไปสังเกตการณ์ หลังจากพาท่านหญิงกลับมาส่งที่จวน และเข้าไปรายงานเรื่องนี้กับฮ่องเต้“อืม เสด็จลุงทรงทราบแล้วแต่คงยังทำอะไรไม่ได้ พรุ่งนี้
“เชิญเถ้าแก่ไฉนั่งดื่มชาก่อนขอรับ ไม่ทราบว่าท่านมาพบข้าวันนี้มีธุระอันใดหรือ” ลู่เวินที่เชิญเถ้าแก่ไฉมานั่งดื่มชาที่โต๊ะรับแขกเพียงครู่เดียวก็ถามความต้องการทันที“เมื่อเจ้าถามข้าย่อมไม่อ้อมค้อม ที่ข้ามาวันนี้เพราะต้องการซื้อสูตรอาหารของเจ้าทั้งหมด เจ้าจะขายสูตรล่ะเท่าไหร่ก็ตั้งราคามาได้ ข้าจะพิจารณา
ก้งเยว่รีบพาลู่ชิงกลับมาหาลู่เวินเพราะเห็นว่าลู่ชิงมีสีหน้าซีดเซียวลงไปทุกที พอลู่เวินเห็นอาการของบุตรสาว ก็รับตัวนางมากอดไว้อยู่กันมาหลายเดือน นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นท่าทางหวาดกลัวของนาง“ไม่เป็นไรแล้วพ่ออยู่กับเจ้าตรงนี้ ถ้าเจ้าอยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเถิด” ลู่เวินยังไม่อยากถามอะไรกับบุตรสาวในตอนนี้
“เมื่อครู่พวกเจ้ายังไม่มีท่าทีจะยอมสักนิด ต้องให้เจ็บตัวเสียก่อนถึงจะยอมเปิดปากงั้นรึ หากทำตามที่บอกตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องบาดเจ็บเช่นนี้” หลี่เมิ่งยังไม่ยอมหยุดบ่นใส่พวกสีว์เปียว ที่ดื้อด้านในตอนแรกแต่พอเจ็บตัวก็เปลี่ยนท่าทีทันใด“พวกข้าผิดเองที่ทะนงตนคิดว่าคงจะสู้พวกเจ้าได้ อยากให้ข้าตอบคำถามอันใดถ้าต
“ข้าจะคอยดูแลร้านระหว่างท่านไม่อยู่เอง หากมีปัญหาอะไรข้าย่อมไม่ปล่อยไว้หรอก” หลี่เมิ่งอยากจะเจอกับพวกที่มาก่อเรื่องนานแล้ว คนแบบนี้จะพูดดีไปทำไมกันเมื่อเยวี๋ยนจิ้งห้าวแยกตัวกลับบ้านไปแล้ว พวกหลี่เฉียงกำลังจะกลับที่พักเช่นกันแต่กลับมีเสียงแปลก ๆ ดังขึ้นเสียก่อน ทั้งสามคน จึงหยุดฟังว่ามันคือเสียงอะไร
หลังจากพาตัวอู๋เจียงสงออกไปส่งด้านนอก ชินอ๋องและคนอื่นจึงออกมาจากด้านหลังฉากกั้น การสนทนาเมื่อครู่นั้นล้วนได้ยินกันทั่วหน้า แต่ไม่มีใครอยากพูดถึงมันอีกในเมื่อมันจบไปแล้ว จากนี้คือการเริ่มต้นใหม่อย่างแท้จริงบ้านตระกูลสวีจึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่อปัญหาที่ค้างคาใจนั้นได้คลี่คลายแต่ที่แดนเหนือต
ให้ดี และประโยคสุดท้ายหันไปพูดกับเซียวหนิงหลง“มะ มะ ไม่จริง ปะ ปะ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ซื่อจื่อจะมาอยู่กับครอบครัวพวกเจ้าได้อย่างไรกัน ไหนผู้คนที่เมืองหลวงบอกว่าซื่อจื่อติดตามท่านอ๋อง เพื่อไปตรวจความเป็นอยู่ของชาวบ้านตามรับสั่งของฮ่องเต้” ตอนนี้อู๋เจียงสงจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกแล้วเขาพูดพึมพำก
“ถึงพวกข้าจะยังไม่เป็นผู้ใหญ่มากนัก แต่อย่างน้อยก็พอจะรู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว ครอบครัวพวกเราอยู่ที่นี่มีความสุขกันดี จะกลับไปตระกูลที่เห็นแก่ตัวของท่านทำไมกัน อาหารการกินก็แค่เศษของเหลือจากเรือนของท่าน เสื้อผ้าก็ไม่เคยได้ผ้าไหมอย่างดีเหมือนหลานคนอื่น ๆแม้แต่เรือนแยกพวกเรายังไม่มีให้อยู่ ท่านคิดว่านี่ม
“นายท่านขอรับพวกเราเดินตามไปเงียบ ๆ จะดีกว่า ดูท่าทางสองคนนี้จะพูดจริงทำจริงนะขอรับ ดูดาบที่อยู่ตรงเอวพวกเขาสิน่าจะคมมากทีเดียว ข้าว่าอย่าไปท้าทายตามที่พวกเขาเตือนไว้ดีกว่าขอรับ” พ่อบ้านอู๋ที่ขี้ขลาดพอตัวสังเกตเห็นดาบที่เอวของก้งคุน ก็ขนลุกขนชันเกรงว่ามันจะมาพาดอยู่ที่คอของเขาแทน“ขี้ขลาดไม่เข้าเรื่
การฉลองงานหมั้นหมายของสองครอบครัวเป็นไปอย่างชื่นมื่น ทุกคนลิ้มลองสุราหมักท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย ซึ่งย้ายสถานที่นั่งดื่มสุราขึ้นมายังชั้นสอง ที่ลู่ชิงทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นชมทิวทัศน์เอาไว้ โดยมีเพียงกลุ่มของเจียวมิ่งที่ขึ้นมาคอยดูแลส่วนเต๋อหลินต้องคอยดูแลกลุ่มที่ติดตามชินอ๋อง แต่รสชาติของสุราหมักทำ
“ถึงเจ้าไม่พูดข้าก็คิดจะลงมืออยู่แล้ว เมื่ออู๋เจียงสงกลับไปถึงเมืองหลวง อาจตายเพราะความตกใจจนเกินเหตุ หรือไม่ก็คงตรอมใจจนตายก็เป็นได้ เจ้าอย่าห่วงเลยข้าจะจัดการให้เมืองหลวงไม่มีชื่อตระกูลอู๋อีกต่อไป” เซียวหนิงหลงพูดคำไหนคำนั้นและเขาไม่เคยทำไม่สำเร็จ“ขอบคุณมากขอรับ รอให้ข้าฝึกวรยุทธ์ได้เก่งมากกว่านี
“ชิงเอ๋อร์เจ้ายื่นมือมาพี่จะช่วยสวมให้เจ้าเอง เมื่อใส่กำไลหยกชิ้นนี้แล้วก็ถือว่าเจ้าเป็นคู่หมั้นของพี่ เป็นว่าที่สะใภ้ของราชวงศ์เซียวแห่งแคว้นฉู่ หากมีใครคิดปองร้ายเจ้าโทษของคนเหล่านั้น ย่อมร้ายแรงมากกว่าปกติหลายเท่าการลงโทษย่อมมีหนักเบา หวังว่าเจ้าจะเข้าใจกฎเกณฑ์พวกนี้ บางครั้งเราไม่อาจใจดีกับคนที่