หลิ่วอานเห็นว่าลู่เวินยืนยันอย่างหนักแน่น จึงวางใจกับเรื่องนี้และเริ่มเคาะเกราะไม้ เพื่อส่งสัญญาณให้ชาวบ้านทุกคน รีบมายังลานกลานหมู่บ้าน หนึ่งเค่อต่อมาทุกครอบครัว ล้วนมารวมตัวกันครบทุกคน “ทุกคนเงียบ ๆ กันหน่อย ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาประชุมร่วมกัน ตอนนี้มีคนต้องการจ้างงานพวกเจ้าทุกครอบครัว และการทำงานก
กองทัพที่มีหลายแสนนายของแคว้นฉู่ นำโดยแม่ทัพใหญ่เซียวชินอ๋อง ที่เคลื่อนทัพจากเมืองหลวง มายังชายแดนของเมืองหย่งจิน การเดินทางไกลครั้งนี้ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว เหลืออีกเพียงสองสัปดาห์เท่านั้น ทหารทุกนายจะได้พักผ่อนให้เต็มที่ ก่อนจะเริ่มทำศึกกับแคว้นตงหนานแม้จะเป็นการเดินทางที่เร่งรีบอยู่บ้าง แต่ทหารนับแ
เมื่อได้รู้ว่ามีวิธีเตรียมดินและการบำรุงดินก่อนเพาะปลูก พวกเขาก็จดจำเอาไว้เพื่อนำกลับไปทำในที่ดินของตนเองบ้าง และผลที่ได้ก็เป็นที่น่าพอใจมาก นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้มีผักสีเขียวสดใส ในที่ดินของครอบครัวเพื่อใช้ทำอาหาร ทุกคนจึงได้ทำตามวิธีนี้กันอย่างถ้วนหน้าการเพาะปลูกพืชผักจากการจ้างชาวบ้านแถบเมื
หน้าที่เก็บกวาดรวมถึงการทำความสะอาด เป็นของลู่จื้อกับลู่เสียน เพราะลู่ชิงกับมารดาทำอาหารไปแล้ว จึงสมควรนั่งพัก พูดคุยกับบิดา และพี่ชายเซียวไปก็พอ“ท่านพ่อเมื่อครู่ท่านกับพี่ชายเซียว กำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่หรือเจ้าคะ บอกพวกเราด้วยจะได้หรือไม่” ลู่ชิงที่สงสัยอยู่ก่อนแล้วรีบถามกับบิดาทันที“ไม่มีอะไ
ผ่านมาอีกหลายวันจนถึงวันที่ต้องเก็บเกี่ยวผัก ที่ปลูกเอาไว้ยังเมืองหย่งจินและตำบลหย่งฝู ชาวบ้านเตรียมมีดตัดผักและตะกร้าสานใบใหญ่มากมาย เพื่อนำมาใส่ผักรวมถึงใบของเซียงเจียว สำหรับรองด้านล่างของตะกร้าใส่ผัก เซียวหนิงหลงมอบหมายให้ตันเจียงกับเจียวมิ่ง นำวิธีของลู่ชิงไปใช้ที่แปลงผักเมืองหย่งจินส่วนตัวเขา
เมื่อเข้าปลายยามเซินผักที่เขียวขจีเต็มแปลงดิน ตอนนี้ได้จัดลงในตะกร้าทั้งหมดแล้ว ที่เมืองหย่งจินจะยกขึ้นเกวียนวัวเตรียมเอาไว้ด้านในกำแพงเมืองใกล้กับประตู ด้านตำบลหย่งฝูมีทั้งรถม้าและเกวียนวัว ที่ฝากเอาไว้ด้านในพื้นที่ของศาลาว่าการ ซึ่งยามเฉินของวันพรุ่งนี้เซียวหนิงหลงกับตันเจียง จะต้องออกเดินทางไปชาย
“สามีของน้าพูดถูกแล้วล่ะ อาเซียวอย่าได้คิดเช่นนั้นเลย พวกเราดีใจมากกว่าที่ได้ยื่นมือช่วยเหลือเจ้า” ฟางซินเองก็คิดไม่ต่างกับสามี ครอบครัวของตนเป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่อาจไปสู้รบกับทหารที่แข็งแกร่งได้ เพียงการช่วยเหลือเล็ก ๆ ก็ถือว่าได้ช่วยอย่างเต็มที่แล้ว“พี่ชายเซียวท่านต้องจัดการแคว้นตงหนานให้ได้นะขอรั
ระยะเวลาจากตำบลหย่งฝูจนมาถึงชายแดน เซียวหนิงหลงใช้เวลาเพียงเจ็ดวันเท่านั้น เมื่อเข้าใกล้บริเวณที่กองทัพตั้งกระโจม ทหารที่ยืนเวรอยู่ด้านหน้าเขตทางเข้ากองทัพ สังเกตเห็นว่ามีกลุ่มคนขี่ม้า และด้านหลังยังมีรถม้ากับเกวียนวัวอีกหลายเล่มตามมาด้วย จึงรีบวิ่งขึ้นม้าควบมันตรงไปที่กลุ่มนั้นทันที แต่พอเข้าไปใกล้
“เมื่อครู่พวกเจ้ายังไม่มีท่าทีจะยอมสักนิด ต้องให้เจ็บตัวเสียก่อนถึงจะยอมเปิดปากงั้นรึ หากทำตามที่บอกตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องบาดเจ็บเช่นนี้” หลี่เมิ่งยังไม่ยอมหยุดบ่นใส่พวกสีว์เปียว ที่ดื้อด้านในตอนแรกแต่พอเจ็บตัวก็เปลี่ยนท่าทีทันใด“พวกข้าผิดเองที่ทะนงตนคิดว่าคงจะสู้พวกเจ้าได้ อยากให้ข้าตอบคำถามอันใดถ้าต
“ข้าจะคอยดูแลร้านระหว่างท่านไม่อยู่เอง หากมีปัญหาอะไรข้าย่อมไม่ปล่อยไว้หรอก” หลี่เมิ่งอยากจะเจอกับพวกที่มาก่อเรื่องนานแล้ว คนแบบนี้จะพูดดีไปทำไมกันเมื่อเยวี๋ยนจิ้งห้าวแยกตัวกลับบ้านไปแล้ว พวกหลี่เฉียงกำลังจะกลับที่พักเช่นกันแต่กลับมีเสียงแปลก ๆ ดังขึ้นเสียก่อน ทั้งสามคน จึงหยุดฟังว่ามันคือเสียงอะไร
หลังจากพาตัวอู๋เจียงสงออกไปส่งด้านนอก ชินอ๋องและคนอื่นจึงออกมาจากด้านหลังฉากกั้น การสนทนาเมื่อครู่นั้นล้วนได้ยินกันทั่วหน้า แต่ไม่มีใครอยากพูดถึงมันอีกในเมื่อมันจบไปแล้ว จากนี้คือการเริ่มต้นใหม่อย่างแท้จริงบ้านตระกูลสวีจึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่อปัญหาที่ค้างคาใจนั้นได้คลี่คลายแต่ที่แดนเหนือต
ให้ดี และประโยคสุดท้ายหันไปพูดกับเซียวหนิงหลง“มะ มะ ไม่จริง ปะ ปะ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ซื่อจื่อจะมาอยู่กับครอบครัวพวกเจ้าได้อย่างไรกัน ไหนผู้คนที่เมืองหลวงบอกว่าซื่อจื่อติดตามท่านอ๋อง เพื่อไปตรวจความเป็นอยู่ของชาวบ้านตามรับสั่งของฮ่องเต้” ตอนนี้อู๋เจียงสงจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกแล้วเขาพูดพึมพำก
“ถึงพวกข้าจะยังไม่เป็นผู้ใหญ่มากนัก แต่อย่างน้อยก็พอจะรู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว ครอบครัวพวกเราอยู่ที่นี่มีความสุขกันดี จะกลับไปตระกูลที่เห็นแก่ตัวของท่านทำไมกัน อาหารการกินก็แค่เศษของเหลือจากเรือนของท่าน เสื้อผ้าก็ไม่เคยได้ผ้าไหมอย่างดีเหมือนหลานคนอื่น ๆแม้แต่เรือนแยกพวกเรายังไม่มีให้อยู่ ท่านคิดว่านี่ม
“นายท่านขอรับพวกเราเดินตามไปเงียบ ๆ จะดีกว่า ดูท่าทางสองคนนี้จะพูดจริงทำจริงนะขอรับ ดูดาบที่อยู่ตรงเอวพวกเขาสิน่าจะคมมากทีเดียว ข้าว่าอย่าไปท้าทายตามที่พวกเขาเตือนไว้ดีกว่าขอรับ” พ่อบ้านอู๋ที่ขี้ขลาดพอตัวสังเกตเห็นดาบที่เอวของก้งคุน ก็ขนลุกขนชันเกรงว่ามันจะมาพาดอยู่ที่คอของเขาแทน“ขี้ขลาดไม่เข้าเรื่
การฉลองงานหมั้นหมายของสองครอบครัวเป็นไปอย่างชื่นมื่น ทุกคนลิ้มลองสุราหมักท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย ซึ่งย้ายสถานที่นั่งดื่มสุราขึ้นมายังชั้นสอง ที่ลู่ชิงทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นชมทิวทัศน์เอาไว้ โดยมีเพียงกลุ่มของเจียวมิ่งที่ขึ้นมาคอยดูแลส่วนเต๋อหลินต้องคอยดูแลกลุ่มที่ติดตามชินอ๋อง แต่รสชาติของสุราหมักทำ
“ถึงเจ้าไม่พูดข้าก็คิดจะลงมืออยู่แล้ว เมื่ออู๋เจียงสงกลับไปถึงเมืองหลวง อาจตายเพราะความตกใจจนเกินเหตุ หรือไม่ก็คงตรอมใจจนตายก็เป็นได้ เจ้าอย่าห่วงเลยข้าจะจัดการให้เมืองหลวงไม่มีชื่อตระกูลอู๋อีกต่อไป” เซียวหนิงหลงพูดคำไหนคำนั้นและเขาไม่เคยทำไม่สำเร็จ“ขอบคุณมากขอรับ รอให้ข้าฝึกวรยุทธ์ได้เก่งมากกว่านี
“ชิงเอ๋อร์เจ้ายื่นมือมาพี่จะช่วยสวมให้เจ้าเอง เมื่อใส่กำไลหยกชิ้นนี้แล้วก็ถือว่าเจ้าเป็นคู่หมั้นของพี่ เป็นว่าที่สะใภ้ของราชวงศ์เซียวแห่งแคว้นฉู่ หากมีใครคิดปองร้ายเจ้าโทษของคนเหล่านั้น ย่อมร้ายแรงมากกว่าปกติหลายเท่าการลงโทษย่อมมีหนักเบา หวังว่าเจ้าจะเข้าใจกฎเกณฑ์พวกนี้ บางครั้งเราไม่อาจใจดีกับคนที่