Chapter 3
[3/1] หลังจากที่เดินลงไปหยิบเอกสารมาแล้ว เลขาฯ สาวอย่างญารินก็รีบหอบแฟ้มต่างๆ ขึ้นมายังห้องเดิมของชั้นบนสุด “อ่ะนี่! คุณรีบอ่านรีบเซ็นซะ ฉันจะได้รีบกลับซักที” “รีบนักทำไมไม่มาให้เซ็นตั้งแต่เมื่อวานเลยล่ะ” “อย่ามากวนประสาทนะคุณ” หญิงสาวยื่นแฟ้มเอกสารให้เจ้านายหนุ่มพร้อมปากกา ทว่ายังไม่เซ็นก็โดนยั่วโมโหขึ้นมาเสียดื้อๆ จะมีสักครั้งไหมที่เธอและเขาจะพูดจากันอย่างเป็นมิตร “คุณไม่คิดจะอ่านมันซักหน่อยหรอ? พรุ่งนี้คุณเองก็ต้องตอบคำถามทุกคนในห้องประชุมด้วยนะ” เจ้านายหนุ่มลงมือเซ็นทุกฉบับตามที่มีรอยปากกาสีจางมาร์คเอาไว้ อย่างไม่ทันได้อ่านรายละเอียดงานเลยแม้แต่น้อย จนทำให้ญารินอดคิดไม่ได้ว่าหากเป็นเอกสารอย่างอื่นที่จะนำความเดือดร้อนมาให้เขา แล้วดันมาเซ็นรับสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่อ่านให้ไตร่ตรองแบบนี้ ก็คงจะวุ่นวายน่าดู “พรุ่งนี้ฉันไม่เข้า เธอก็ทำหน้าที่แทนฉันก็แล้วกัน” “เดี๋ยวนะ! ได้ไงอ่ะคุณ? ยังไงก็ไม่ได้” “ได้ไม่ได้เดี๋ยวก็รู้” ณัฐกานต์ไหวไหล่เล็กน้อยใส่คนตรงหน้า พรุ่งนี้มีนัดแข่งสำคัญที่สนามแข่งรถเขาจะพลาดได้อย่างไร ถึงจะแข่งตอนบ่ายอย่างไรเสียเขาก็ต้องเตรียมรถให้พร้อมก่อนลงสนาม “ถ้าเกิดคุณไม่เข้าประชุมพรุ่งนี้นะ ฉันจะมาเผาที่นี่ซะ!!” ร่างเพรียวบางลุกขึ้นยืนเต็มความสูงจ้องหน้าเอาเรื่องเจ้านายหนุ่มอย่างไม่เกรงกลัว มีอย่างที่ไหนต้องให้ลูกน้องเข้าไปนั่งอธิบายงานในที่ประชุมแทน นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นเจ้านาย เธอคงด่าให้ยับไปกว่านี้แล้ว “พูดเป็นเล่น ไป... กลับได้แล้ว ฉันเหม็นขี้หน้าเธอจะตายห่าอยู่แล้ว” “ฉันก็ไม่อยากอยู่มากหรอกค่ะ ดูสินี่ห้องหรือแหล่งมั่วสุมกามของคุณกันแน่ อี๋!! ที่พื้นยังมีซากถุงยางอีก แหวะ!” ญารินมองไปรอบๆ ห้องขนาดกว้างแล้วก็ดูจะน่าอยู่หรอกนะ ทั้งเฟอร์เจอร์ราคาแพงทั้งสไตล์การตกแต่งหรูหรา ทว่าลองก้มมองบริเวณห้องรับแขกที่เธออยู่ ตอนนี้มีทั้งเศษถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วถูกทิ้งซากอยู่ที่พื้น และยังมีอุปกรณ์เสริมความเร่าร้อนตัณหาหน้าตาประหลาดๆ อีก 2-3 อย่างที่วางเอาไว้บนโต๊ะ บ่งบอกได้ถึงรสนิยมทางเพศของเจ้านายคนนี้จนหญิงสาวรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก “ทำไม? ก็มันห้องของฉันแล้วเธอมีสิทธิ์อะไรมาวิจารณ์เจ้านายแบบนี้ เหอะ! หรืออยากลองก็บอกมาตรงๆ เลย เอาไหม...? ฉันจัดให้เธอได้นะ ถึงฉันจะไม่ชอบขี้หน้าเธอเท่าไหร่แต่ก็พอหลับตาลูบๆ คำๆ ได้อยู่แหละ” “นี่คุณ! อย่ามาพูดจาดูถูกฉัน แล้วก็อย่ามาคิดอะไรบ้าๆ แบบนี้ด้วย” “ไม่ได้บ้า แต่นี่เอาจริง” มือหนาเริ่มอยู่ไม่เป็นสุขแล้วตอนนี้ ณัฐกานต์มองต่ำลงไปที่กระโปรงทรงเอสั้นเสมอเข่า ตอนนี้ยิ่งนั่งลงกระโปรงก็ยิ่งถกขึ้นสูงกว่าเดิมเผยให้เห็นขาขาวเนียนสวย จนมือหนาต้องลูบวนเวียนอยู่แบบนั้น ถ้าตัดเรื่องไม่ชอบนิสัยของเลขาฯ คนนี้ไป เขายอมรับเลยว่ารูปร่างหน้าตาของเธอก็ไม่ได้แย่แถมยังทำให้เขาชอบมองจุดสำคัญๆ ของเธออยู่บ่อยครั้ง "ฉันจะกลับแล้ว" ญารินเริ่มขนลุกไปทั้งตัวจนต้องผลักมือหนาออกจากขาอ่อนของตัวเอง และเธอรู้ตัวแล้วว่าไม่ควรเข้าใกล้หรืออยู่กันสองต่อสองแบบนี้กับคนอย่างเขา "หึ! ฉันก็แค่ล้อเล่นหน่า อย่างเธอน่ะฉันเอาไม่ลงหรอก" "งั้นก็ออกไปจากตัวฉันได้แล้วค่ะท่านรองฯ" เธอรู้ว่าณัฐกานต์เป็นคนที่กวนประสาทคนหนึ่งเลย แต่เพิ่งจะรู้อีกอย่างก็วันนี้ว่าชายหนุ่มอันตรายแค่ไหนหากอยู่ใกล้ แล้วแบบนี้อีก 4 เดือนข้างหน้าจนกว่าพี่สาวของเธอจะกลับมาทำงานได้ตามปกติ เธอจะหลุดรอดไปจากมือเขาได้หรือไม่ "แต่เอ๊ะ! ถ้าเธอร้อนเงินเมื่อไหร่ก็บอกฉันได้นะ สรุปแล้วพี่ชายฉันจ้างเธอเท่าไหร่? ฉันให้เธอมากกว่านั้นเลย ถ้าเธอลาออกจากบริษัท บอกตรงๆ นะว่าฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตฉัน โดยเฉพาะผู้หญิงแบบเธอน่ะ หึ!" "นี่คุณ! ฉันแค่ทำตามหน้าที่ของฉัน ส่วนคุณก็ทำหน้าที่ของคุณให้ดี แค่นี้มันไม่เห็นยากอะไรเลย แค่ 2 เดือน ที่มาทำงานกับคุณเนี้ย ฉันก็เจอแต่เรื่องวุ่นๆ กับคุณมากเกินไปแล้วนะ ฉันเหนื่อย!" เธอรู้ว่าตัวเองผิดพลาดครั้งใหญ่มากที่ตอบตกลงกับเงื่อนไขพี่ชายของเขาไป แถมยังรับเงินมาจ่ายค่าเทอมให้สาวของเธอแล้วด้วย ส่วนที่เหลือเธอก็ยังเก็บไว้ก่อน แต่ถ้าวันๆ เจอแต่เรื่องที่ปวดหัวอยู่แบบนี้ต่อไปใครจะรับมือไหว "เหนื่อยก็ลาออกแค่นั้น ดีซะอีก" "ไม่!" ถ้าลาออกเธอจะเอาเงินที่ไหนจุนเจือครอบครัว ที่อดทนอดกลั้นอยู่แบบนี้ก็เพื่อครอบครัวของเธอทั้งนั้น ชีวิตคนจนมันไม่ได้มีตัวเลือกที่ดีมากนักหรอกนะ "ออกไปได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้" ร่างสูงเหยีดกายยืนขึ้นเต็มความสูง หลังจากที่คร่อมร่างเพรียวมานานซักพัก แผงอกหนาที่ถูกปกคลุมไปด้วยไรขนมันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทำให้เขาเซ็กซี่เพียงใด ซิกแพ็คด้านล่างตรงนั้นอีกที่เป็นรอนน่าจับ บวกกับรอยสักเท่ๆ อีกหลายจุด จนหญิงสาวแอบเผลอมองด้วยอารมณ์วาบหวิว "คุณก็บอกมาก่อนสิ ว่าพรุ่งนี้คุณจะเข้าประชุม" "ถ้าเธอยังไม่หยุดบงการฉันแล้วกลับบ้านไป รับรอง... คืนนี้ฉันกับเธอได้สนุกแน่ เอาไหม?" "กรี๊ดดด!!! คุณจะแก้ผ้าทำไม?" "เหอะ! อยากดูก็บอกมาตรงๆ ไม่เห็นต้องเอามือปิดหน้า" ณัฐกานต์รู้ว่าโดนสายตาคู่สวยมองท่อนบนของเขาอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว มันเป็นเรื่องที่เขาชินมากแล้วด้วยที่ใครๆ ก็เคยชมว่าหุ่นของเขาดูดีราวกับนายแบบ ก็แหงล่ะ... เขาไม่ปฏิเสธ "ฉันจะกลับแล้ว!" ปังงง!! ร่างเพรียวบางรีบเดินหยิบกระเป๋าของตนเองที่วางไว้ แล้วรีบบึ่งออกไปจากห้องของเจ้านายหนุ่มโดยเร็ว การที่เขายืนแก้ผ้าต่อหน้าจงใจให้เธอดูส่วนสงวนของเขาแบบนี้ช่างไม่อายฟ้าอายดินเสียเลย ต่อให้เธอจะปากเก่งมากแค่ไหนเอาเข้าจริงแล้ว ก็สู้เขาไม่ได้หากจะเล่นกันแบบนี้ "เตี้ยแล้วไง! ...ลืมเอกสาร" พอเดินออกมาแล้วญารินหยุดชะงักเล็กน้อยเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองหยิบเพียงแค่กระเป๋าสะพายออกมา แต่ดันลืมหยิบแฟ้มออกมาด้วย 'เอ๊ะ... แต่ช่างเถอะ! ให้เขาเอาเข้าบริษัทเองพรุ่งนี้ก็แล้วกัน หึ! ดีซะอีกจะได้เข้าประชุม' ทว่าขณะนั้นเองหญิงสาวก็คิดขึ้นมาได้ว่าเป็นเรื่องดีที่จะทำให้อีกคนต้องไปทำงาน เพราะเอกสารสำคัญอยู่ที่เขา ถ้าหากไม่มาก็คงจะไม่ได้ ญารินเดินออกมาจนถึงถนนที่มีป้ายรถเมล์อยู่หน้าคลับ เวลาล่วงเลยมาจนถึง 4 ทุ่มแล้ว รถโดยสารประจำทางก็ยิ่งน้อยลง หากจะโบกแท็กซี่กลับก็กลัวอันตรายเพราะเธอเองก็เห็นข่าวออกจะบ่อยเรื่องที่ผู้โดยสารหญิงโดนแท็กซี่ฉุดกลางดึก ซึ่งเธอก็ต้องระวังตัวเองเอาไว้ก่อน ด้วยนิสัยที่เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทำให้นึกถึงสมัยที่เธอยังเป็นเด็กเวลาขึ้นรถไปไหนมาไหนกับผู้เป็นแม่แล้ว ถ้าหากแม่ของเธอยังอยู่ก็คงจะได้นั่งรถเมล์กลับบ้านด้วยกัน ไม่ปล่อยให้เธอต้องกลับบ้านอยู่คนเดียวแบบนี้ พอนึกถึงช่วงเวลานั้นมันก็ยิ่งตอกย้ำความเศร้าภายในใจของเธอขึ้้นมาเสียดื้อๆ ระหว่างนั่งรอรถประจำทางหญิงสาวแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีมืดในยามค่ำคืนนี้ มีสายฟ้าแลบโฉบไปๆมาๆ ทั่วแผ่นฟ้า ก้อนที่เมฆที่ลอยต่ำลงมา พร้อมๆ กับลมหนาวเย็นพัดเอาใบไม้ที่อยู่รอบบริเวณนี้ให้ลอยขึ้นสูงปลิวว่อนไปทั่ว ญารินแอบหวั่นว่าคืนนี้จะกลับบ้านทันก่อนที่ฝนจะเทลงมาหรือไม่ แล้วนี่ก็ดึกมากแล้วเธอแอบลังเลอยู่ว่าจะโบกขึ้นแท็กซี่เลยหรือไม่ ซ่าาาาส์~~~ "เฮ้ย!! ตกมาอะไรตอนนี้เนี้ย" ยังไม่ทัันได้ตัดสินใจอะไร สายฝนก็เทหนักลงมาเสียก่อน คร่ึ่มม!! เสียงฟ้าเริ่มคำรามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ร่างเพรียวบางที่ติดอยู่ตรงป้ายรถประจำทางเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข บรรยากาศรอบข้างมันเปลี่ยวจนเกินไป มีเพียงแสงไฟด้านหลังที่เป็นคลับของณัฐกานต์เปิดสว่างไสวเด่นสะดุดตาเพียงเท่านั้น ทันทีที่นึกขึ้นได้ขาเรียวยาวของหญิงสาวก็เริ่มก้าวออกจากตรงจุดนี้ ก่อนจะมุ่งหน้ากลับไปที่ที่ตัวเองเพิ่งจะออกมาได้ไม่นาน "เอาวะ! กลับเข้าไปอีกก็ได้"Chapter 3[3/2]ญารินรีบวิ่งเข้ามาหลบฝนด้านในคลับที่ตอนนี้ยังมีผู้คนหนาแน่นอยู่เหมือนเดิม ถึงแม้ว่าตอนนี้ใกล้จะเที่ยงคืนเข้าไปแล้วก็ตามโชคดีที่ตอนวิ่งออกมาเธอยังไม่ได้เช็คเอ้าท์ออกจากห้องพักเสียก่อน จึงถือว่าเป็นโชคดีสำหรับคืนนี้ อย่างน้อยเธอเองก็จะได้มีที่หลับนอน“เฮ้ออ” ร่างเพรียวบางยืนมองตัวเองอยู่ด้านหน้ากระจกภายในห้องพักของโรงแรมหลังจากที่เข้ามาในห้องหญิงสาวก็รีบอาบน้ำเช็ดตัวจนเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว จึงเดินมาสำรวจตัวเองที่หน้ากระจกบานใสตอนนี้เธอเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่า ตัวเองไม่ได้มีชุดมาเปลี่ยนแล้วในห้องนี้ก็มีแค่ผ้าขนหนูกับชุดคลุมสำหรับใช้อาบน้ำเพียงเท่านั้น“เอาวะ ใส่ๆ ไปก่อน” อย่างไรเสียเธอก็อยู่ในห้องนี้เพียงแค่คนเดียวจะใส่ชุดแบบไหนก็คงจะไม่มีใครเห็นคร่อกกก~เสียงท้องร้องในขณะที่ร่างเพรียวบางกำลังนั่งเช็ดผมให้แห้งก่อนจะเตรียมนอน ก่อนที่เธอจะใช้โทรศัพท์ของห้องพักโทรไปยังพนักงานของโรงแรมเพื่อจะได้สั่งอาหาร ทว่ากลับโชคร้ายเมื่อไม่มีสัญญาณตอบรับจากปลายสายเลยญารินตัดสินใจเดินเปิดประตูออกไปด้วยชุดคลุมอาบน้ำเพียงชิ้นเดียวที่ปกปิดร่างกายตนเองอยู่ จุดมุ่งหมายของเธอคือเคาท์เตอร์ของโรงแ
Chapter 4[4/1]@The Willington N group10.00 น.ภายในห้องประชุมขนาดใหญ่ของวันนี้ บรรยากาศรอบๆ ช่างน่าอึดอัดใจสำหรับญารินอยู่ไม่ใช่น้อย การประชุมงานในครั้งถือว่าสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันไม่ใช่การประชุมงานทั่วไปที่จะมีแค่ผู้บริหารระดับสูงแต่วันนี้มีผู้ถือหุ้นมากมายจากภายนอกองค์กร ที่เสียสละเวลามาฟังบริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ เพื่อที่จะเสนอร่างงบประมาณและจัดแผนการระดมทุนเพิ่มจากเหล่าผู้ถือหุ้นทั้งรายใหญ่และรายย่อยร่างเพรียวบางยืนเตรียมสคริปต์มากมายที่จะใช้ในการนำเสนอสำหรับวันนี้ด้วยความตื่นเต้นและปนไปด้วยความกดดัน เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะทำอยู่ต่อจากนี้จะออกมาดีหรือไม่ที่จริงแล้วเธอไม่ควรได้รับเกียรตินี้ด้วยซ้ำ ทว่าคนที่จะต้องนำเสนอมันจริงๆ กลับผลักภาระมาให้ลูกน้องอย่างเธอแทน ส่วนตนเองน่ะเหรอก็คงจะไปมีความสุขอยู่แถวๆ สนามแข่งรถแล้ว“คุณญารินพร้อมไหมคะ?” เลขาฯ ของท่านประธานบริษัทเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นอากัปกิริยาที่ไม่ค่อยสู้ดีนักของร่างเพรียวบางผู้เป็นเลขาฯ หน้าใหม่“พอไหวอยู่ค่ะพี่วจี ขอบคุณนะคะ”“ถ้าพร้อมแล้วงั้นเราก็ออกไปเถอะ ทุกคนพร้อมแล้ว”“ค่ะ!!” ใบหน้าที่
Chapter 4[4/2]@สนามแข่งรถกว่าที่ญารินจะหาตำแหน่งที่ณัฐกานต์อยู่ได้ก็ใช้เวลาเกือบเป็นชั่วโมงเลย โชคดีที่วจีเลขาฯ สาวรุ่นใหญ่ของภัทรกาฬเป็นคนให้ข้อมูลกับเธอมา ไม่อย่างนั้นญารินคงจะหาไม่เจอและคงไม่ทันเวลาเข้างานตอนบ่ายแน่นอน“นี่ค่ะพี่ ไม่ต้องทอนนะคะ”“จะทอนได้ไงล่ะน้อง ก็มันพอดีแล้วนี่ ฮ่าๆๆ”“อู๊ยย! แฮร่ๆ” ร่างเพรียวบางกำลังเดินลงจากรถแท็กซี่มาหลังจากที่ชำระค่าเดินทางเสร็จแล้ว จะบอกว่าเมื่อสักครู่นี้ไม่ได้ขายขำแต่อย่างใด เพราะเธอเองก็ไม่ทันรู้เลยปล่อยไก่ตัวโตใส่คนขับไปเลยตอนนี้ญารินเข้ามาด้านในสนามแข่งรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเดินเข้ามาในงานก็ต้องเสียเงินอีกรอบ เพราะรู้สึกว่าวันนี้จะเป็นงานแข่งรถด้วยหญิงสาวเองก็เพิ่งรู้จากพนักงานขายบัตรด้านหน้าร่างเพรียวบางกำลังมองหาที่นั่งตามเลขบัตรที่ตนเองได้มา แสงแดดส่องลงกลางหัวแบบนี้ทั้งร้อนทั้งเหนื่อย ยังจะต้องทนแบกหน้าหาที่นั่งอีกเธอเองก็เริ่มจะหมดความอดทนแล้วแต่ทันใดนั้นหญิงสาวก็กลับฉุดคิดได้ว่าหากมัวแต่รอให้ถึงเวลาเริ่มแข่งก็คงจะเลยเวลางานหรือไม่ ญารินจึงเกิดความคิดว่าจะต้องไปหาเจ้านายหนุ่มของตนก่อนที่งานจะเริ่มให้ได้ และแล้วขาเรียวย
Chapter 5[5/1]เวลาผ่านไปเกือบ 10 นาที ชายหนุ่มที่อาสาตัวไปเรียกเพื่อน ก็เดินกลับเข้ามาหาญารินพร้อมกับคนที่เธอต้องการเจอตัวร่างเพรียวบางลุกขึ้นยืนออกจากโซฟาที่นั่งอยู่ก่อนหน้านี้ พร้อมกับเดินเข้าไปหาชายทั้งที่เพิ่งเดินเข้ามาด้านในเธอนึกอยากจะขอบคุณคนที่ชื่อโอมเสียจริงที่ช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ นอกจากจะหล่อมากแล้วยังใจบุญใจกุศลอีกพ่อคุณทูนหัว“เธอมาที่นี่คงไม่ใช่เพราะว่าจะมาดูเขาแข่งรถกันหรอก ใช่ไหม?”“กว่าจะเจอตัวได้นะคุณ รู้ไหมว่าวันนี้ฉันต้องเจอกับอะไรบ้าง ห๊ะ!?”ทันทีที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ากันและกัน ทั้งญารินและเจ้านายหนุ่มก็เริ่มมีปากมีเสียงกันอีกเช่นเคยญารินอยากจะด่าคนตรงหน้าให้เหมือนกับที่เธอโดนพี่ชายของเขาเรียกไปอบรมสั่งสอนในช่วงเช้าของวันนี้ ดูสิว่าเขาจะรู้สึกเหมือนที่เธอรู้สึกบ้างไหม“พี่ชายคุณเรียกให้คุณกลับบริษัทให้ได้เลยวันนี้ จนฉันต้องหอบสังขารมาถึงที่นี่ยังไงเล่า!” ประโยคสนทนาระหว่างณัฐกานต์และหญิงสาว อยู่ในสายตาของอัครเดชในตอนนี้ซึ่งเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมญารินถึงได้กล้าต่อปากต่อคำกับเพื่อนของเขาได้โดยไม่เกรงกลัวเลย ก่อนที่ประโยคต่อไปจะทำให้เขาเริ่มเข้าใจอะไรๆ มากย
Chapter 5[5/2]ทางฝั่งของณัฐกานต์เองหลังจากที่เช็คความเรียบร้อยทุกอย่างก่อนลงสนามแข่งแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาเข้าสู่สนามแข่งกันแบบจริงจังเสียที ระหว่างเตรียมพร้อมในจุดสตาร์ทคนนั่งอยู่ด้านใน Ford Mustang TA2 ม้าเหล็กคู่ใจคันนี้ ที่ถูกปรับแต่งเครื่องยนต์ทรงสมรรถนะ 5.2 ลิตร ฝีมือจากวิศวะกรคนเก่งของเมืองไทย ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนเลยนอกจากเจ้าของรถคันนี้เอง ....แข่งเองแต่งเองไปเลยสิครับด้วยความที่ณัฐกานต์เองก็เรียนจบด้านวิศวะฯ เครื่องกล มาเองกับมือ ทุกอย่างที่อยู่บนรถคันนี้เขาเป็นคนสรรหามาใส่เพิ่มความแรงของรถหมดทุกสิ่งอย่าง โดยมีลูกมืออย่างอัครเดชเพื่อนที่เรียนด้วยมาด้วยกันเป็นคนช่วยอีกแรง“แกล้งแพ้บ้างก็ได้นะมึง กูสงสารสปอนเซอร์คู่แข่งว่ะ” อัครเดชที่ยืนอยู่นอกรถแซวเพื่อนอย่างเซ็งๆ“แสดงว่ามึงอยากเสียตังค์?”“หึ! เบื่อแม่ง มึงแข่งทีไรกูไม่มีลุ้นเลย วินตั้งแต่ยังไม่สตาร์ทเครื่องแล้วไอ้สัสณัฐ”เป็นอย่างที่อัครเดชพูดทุกอย่างเลย ตั้งแต่ที่จัดการแข่งขันมานับครั้งไม่ถ้วนในทุกสนามและทุกรายการณัฐกานต์ไม่เคยแพ้เลยแม้ครั้งเดียว คู่แข่งขันจะชนะก็ต่อเมื่อเขาจะยอมสละสิทธิ์ไม่ลงแข่งก็เท่านั้น“เหอะ! งั้นพ
Chapter 6[6/1]หลังจากงานวันนี้เสร็จลงไปแล้วร่างเพรียวบางของญารินก็ความทุลักทุเลอยู่พอสมควร เนื่องจากเธอเองก็ยังอยู่ในความมันงงเพราะงานนี้มันก็กะทันหันมาก ถึงแม้ว่าเธอเอ่ยปากจะช่วยเจ้ผักหวานไปแล้วก็ตามร่างเพรียวบางเปลี่ยนชุดที่เธอใส่ในงานวันนี้ออกจนหมดแล้วเพื่อเตรียมตัวจะกลับบ้าน พอนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้แล้วเธอก็อดสงสารตัวเองไม่ได้ แต่เอาเถอะถือว่าวันนี้เป็นวันเฮ็งซวยของตัวเธอเองเธอยังจำภาพที่ในสนามแข็งได้ดีเลย ตอนที่เธอกำลังถือป้ายอยู่ในงาน พอตอนใกล้จะจบรถของณัฐกานต์ก็ขึ้นนำทุกคันมาได้ทั้งๆ ที่ตอนสตาร์ทเขาออกตัวช้าสุดแล้วพอได้เห็นอีกมุมความเป็นตัวตนของเขาในวันนี้แล้ว จริงๆ ญารินแอบคิดว่าเขาคงเหมาะกับงานแบบนี้มากกว่าจะไปทำงานบริษัทเสียด้วยซ้ำ“หนูญารินจ๊ะ วันนี้เจ้ต้องขอบใจหนูมากๆ เลยนะที่อุตส่าห์ช่วย ไม่งั้นเจ้คงแย่แน่ๆ เลย” เจ้ผักหวานเดินเข้ามาหาเธอในห้องแต่งตัว ขณะที่เธอเองก็เปลี่ยนชุดเตรียมตัวกลับแล้ว“ไม่เป็นไรเลยค่ะ หนูบอกจะชดใช้ให้เจ้ที่ทำเสื้อเจ้เลอะนี่คะ”ถือซะว่าเป็นการชดใช้ที่คุ้มค่ามาก ทั้งโดนลากมาเป็นพริตตี้ ทั้งต้องยืนตากฝนจนเกือบจะเป็นไข้แล้ว“อ่ะนี่! เรื่องเสื้
Chapter 6[6/2]ญารินไม่สนใจว่าเจ้านายของเธอจะมานั่งทานอาหารกับใครในตอนนี้ เพราะเขาคนเดียวเลยที่ทำให้เธอต้องมาลำบากวุ่นวายตามหาตัว แล้วก็เพราะเขาที่ทำให้เธอต้องมายืนตากฝนในวันนี้ เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะเขา“คุณญารินสั่งเลยนะครับ มื้อนี้ผมเป็นเจ้าภาพเอง”“อุ๊ย! ไม่ได้หรอกค่ะ คุณอุตส่าห์ให้รินติดรถมาด้วย มื้อนี้รินเลี้ยงค่ะ” ร่างเพรียวบางบอกกับอีกคนไปด้วยน้ำเสียงแหบลงเรื่อยๆ เธอรู้สึกว่าอาการของตัวเองคงจะไม่พ้นคืนนี้แน่ๆ“ไหวไหมครับ เดี๋ยวผมสั่งซุปสาหร่ายให้เอาไหม?”“ก็ดีค่ะ ฮัดชิ่ววว!!”“ถ้าคุณรินไม่ไหว ผมพาไปโรงพยาบาลได้นะครับ”อัครเดชประเมินอาการของคนตรงหน้าแล้วคิดว่าเธอควรจะไปหาหมอได้แล้ว กลัวว่าเธอจะเป็นหนักส่วนในฐานะที่เขาเป็นเพื่อนของณัฐกานต์เขาเองก็มีส่วนผิด ที่ทำให้ญารินไม่ยอมกลับเข้าบริษัท“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะรินก็ไม่สบายบ่อยแบบนี้แหละ สั่งอาหารกันเถอะค่ะ”ทั้งสองลงมือสั่งเมนูอาหารคนละอย่างสองอย่างด้วยกัน จากนั้นก็นั่งรอจนไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟจนครบ ระหว่างที่เธอและอัครเดชกำลังนั่งทานอาหารกันอยู่ ก็มีสายตาคู่หนึ่งมองมาที่โต๊ะของเธอและเมื่อกำลังถูกมองอยู่ญารินก็ชะโงก
Chapter 7[7/1]“นี่คุณฉันบอกให้หยุดไง จะขยับเข้ามาทำไมเนี่ย? ” ร่างเพรียวบางไม่รู้ว่าจะหนีเขาไปมุมไหนได้อีกแล้ว เพราะอีกฝ่ายต้อนเขาจนมุมญารินไม่รู้ว่าเจ้านายโกรธหนักขนาดนี้ได้อย่างไร ก็ในเมื่อเขาก็พูดเหยียดหยามเธอเหมือน แล้วพอโดนเอาคืนบ้างกลับเปราะบางรับไม่ได้เอง“ฉันขอโทษแล้วไง”“หึ! งั้นหรอ?” เหมือนว่าเขาไม่สนใจคำพูดของเธอเลยแม้แต่น้อย ณัฐกานต์ตอนนี้เอาแต่อารมณ์ของตัวเองเป็นใหญ่ร่างสูงโน้มตัวเข้าหาญารินที่กำลังนั่งตัวสั่นอยู่บนโซฟา ก่อนที่จะขยับริมฝีปากหยักเข้าหาใบหน้ามนของหญิงสาว“นี่คุณ! อื้ออ!! อย่าทำแบบนี้นะ”ผลั่ก!! ญารินรวบรวมแรงทั้งหมดเท่าที่นี้มีผลักร่างสูงออกไปจากตัวเธอ ทว่าแรงของผู้หญิงตัวเล็กๆ มีหรือจะสู้คนตัวใหญ่อย่างเขาได้“จ๊วบ~~” ณัฐกานต์โน้มลงไปฉกชิงริมฝีปากบางอีกรอบพร้อมกับขบเม้มรสจูบลงไปหนักๆ จนญารินรู้สึกเจ็บปากด้านใน“คุณ!! ฉันผิดไปแล้ว ....อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ขอร้องล่ะ ฉันขอโทษๆ” ร่างเพรียวบางยกมือขึ้นไหว้ชายหนุ่มตรงหน้าจนตัวสั่น“เหอะ! ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันก็แค่ขู่เธอ อย่างเธอน่ะฉันเอาไม่ลงหรอก” ร่างสูงขยับตัวออกจากร่างเพรียวบางที่ก่อนหน้านี้นั่งคร่อมและจูบเธออ
Chapter 7[7/2]Line~~เสียงข้อความในโทรศัพท์ของร่างสูงที่นอนเหยียดกายบนโซฟา รอคนที่อยู่ในครัวทำของว่างให้ทานอยู่ ทันใดนั้นเจ้าของเครื่องก็กดเข้าไปอ่านดูเมื่อเห็นชื่อของคนที่ส่งข้อความมาหาเขา‘พี่ณัฐ อยู่ห้องไหม? น้องดาเข้าไปหาได้ไหม?’‘จะมาหรอ?’‘เปิดประตูให้หน่อย น้องดากำลังจะขึ้นลิฟต์แล้ว’ร่างสูงรีบดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาในทันทีที่ได้อ่านข้อความ อะไรกันทำไมเธอต้องมาหาเขาในตอนนี้ด้วยจากนั้นณัฐกานต์จึงรับตรงดิ่งเข้าไปหาอีกคนในครัว ที่ตอนนี้กำลังจดจ่ออยู่กับขนมของเธอ“เธอ มานี่ๆ อย่าเพิ่งทำ วางเอาไว้ก่อนเดี๋ยวนี้เลย” ร่างสูงจับไหล่ของญารินหันหน้าเข้าหากัน แล้วรีบอธิบายให้อีกคนรู้ว่ากำลังจะมีผู้มาเยือนที่นี่และเขาต้องบอกเธอด่วน“ห๊ะ!? อะไรกันน่ะคุณ” ญารินงงกับการกระทำของเจ้านายเธอมากในตอนนี้ ไม่รู้ว่าเขาทำแบบนี้ทำไม“คือตอนนี้มีคนกำลังจะมาที่นี่ เธอรีบกลับไปเลย อ่อ! ไม่สิกลับไปไม่ได้ ....เอาไงดี? งั้นเธอก็เข้าไปในห้องนอนฉันก่อน เอ๊ะ! ไม่ได้สิ ไปอยู่ระเบียงก่อนนะ นะๆๆ ไปๆๆ”ณัฐกานต์ดูลนลานไปหมดในตอนนี้ ดูเหมือนว่าใครอีกคนที่กำลังจะมาที่นี่มีอิทธิพลต่อชายหนุ่มอยู่ไม่น้อย ถึงขั้นต้องบอกให้
Chapter 7[7/1]“นี่คุณฉันบอกให้หยุดไง จะขยับเข้ามาทำไมเนี่ย? ” ร่างเพรียวบางไม่รู้ว่าจะหนีเขาไปมุมไหนได้อีกแล้ว เพราะอีกฝ่ายต้อนเขาจนมุมญารินไม่รู้ว่าเจ้านายโกรธหนักขนาดนี้ได้อย่างไร ก็ในเมื่อเขาก็พูดเหยียดหยามเธอเหมือน แล้วพอโดนเอาคืนบ้างกลับเปราะบางรับไม่ได้เอง“ฉันขอโทษแล้วไง”“หึ! งั้นหรอ?” เหมือนว่าเขาไม่สนใจคำพูดของเธอเลยแม้แต่น้อย ณัฐกานต์ตอนนี้เอาแต่อารมณ์ของตัวเองเป็นใหญ่ร่างสูงโน้มตัวเข้าหาญารินที่กำลังนั่งตัวสั่นอยู่บนโซฟา ก่อนที่จะขยับริมฝีปากหยักเข้าหาใบหน้ามนของหญิงสาว“นี่คุณ! อื้ออ!! อย่าทำแบบนี้นะ”ผลั่ก!! ญารินรวบรวมแรงทั้งหมดเท่าที่นี้มีผลักร่างสูงออกไปจากตัวเธอ ทว่าแรงของผู้หญิงตัวเล็กๆ มีหรือจะสู้คนตัวใหญ่อย่างเขาได้“จ๊วบ~~” ณัฐกานต์โน้มลงไปฉกชิงริมฝีปากบางอีกรอบพร้อมกับขบเม้มรสจูบลงไปหนักๆ จนญารินรู้สึกเจ็บปากด้านใน“คุณ!! ฉันผิดไปแล้ว ....อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ขอร้องล่ะ ฉันขอโทษๆ” ร่างเพรียวบางยกมือขึ้นไหว้ชายหนุ่มตรงหน้าจนตัวสั่น“เหอะ! ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันก็แค่ขู่เธอ อย่างเธอน่ะฉันเอาไม่ลงหรอก” ร่างสูงขยับตัวออกจากร่างเพรียวบางที่ก่อนหน้านี้นั่งคร่อมและจูบเธออ
Chapter 6[6/2]ญารินไม่สนใจว่าเจ้านายของเธอจะมานั่งทานอาหารกับใครในตอนนี้ เพราะเขาคนเดียวเลยที่ทำให้เธอต้องมาลำบากวุ่นวายตามหาตัว แล้วก็เพราะเขาที่ทำให้เธอต้องมายืนตากฝนในวันนี้ เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะเขา“คุณญารินสั่งเลยนะครับ มื้อนี้ผมเป็นเจ้าภาพเอง”“อุ๊ย! ไม่ได้หรอกค่ะ คุณอุตส่าห์ให้รินติดรถมาด้วย มื้อนี้รินเลี้ยงค่ะ” ร่างเพรียวบางบอกกับอีกคนไปด้วยน้ำเสียงแหบลงเรื่อยๆ เธอรู้สึกว่าอาการของตัวเองคงจะไม่พ้นคืนนี้แน่ๆ“ไหวไหมครับ เดี๋ยวผมสั่งซุปสาหร่ายให้เอาไหม?”“ก็ดีค่ะ ฮัดชิ่ววว!!”“ถ้าคุณรินไม่ไหว ผมพาไปโรงพยาบาลได้นะครับ”อัครเดชประเมินอาการของคนตรงหน้าแล้วคิดว่าเธอควรจะไปหาหมอได้แล้ว กลัวว่าเธอจะเป็นหนักส่วนในฐานะที่เขาเป็นเพื่อนของณัฐกานต์เขาเองก็มีส่วนผิด ที่ทำให้ญารินไม่ยอมกลับเข้าบริษัท“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะรินก็ไม่สบายบ่อยแบบนี้แหละ สั่งอาหารกันเถอะค่ะ”ทั้งสองลงมือสั่งเมนูอาหารคนละอย่างสองอย่างด้วยกัน จากนั้นก็นั่งรอจนไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟจนครบ ระหว่างที่เธอและอัครเดชกำลังนั่งทานอาหารกันอยู่ ก็มีสายตาคู่หนึ่งมองมาที่โต๊ะของเธอและเมื่อกำลังถูกมองอยู่ญารินก็ชะโงก
Chapter 6[6/1]หลังจากงานวันนี้เสร็จลงไปแล้วร่างเพรียวบางของญารินก็ความทุลักทุเลอยู่พอสมควร เนื่องจากเธอเองก็ยังอยู่ในความมันงงเพราะงานนี้มันก็กะทันหันมาก ถึงแม้ว่าเธอเอ่ยปากจะช่วยเจ้ผักหวานไปแล้วก็ตามร่างเพรียวบางเปลี่ยนชุดที่เธอใส่ในงานวันนี้ออกจนหมดแล้วเพื่อเตรียมตัวจะกลับบ้าน พอนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้แล้วเธอก็อดสงสารตัวเองไม่ได้ แต่เอาเถอะถือว่าวันนี้เป็นวันเฮ็งซวยของตัวเธอเองเธอยังจำภาพที่ในสนามแข็งได้ดีเลย ตอนที่เธอกำลังถือป้ายอยู่ในงาน พอตอนใกล้จะจบรถของณัฐกานต์ก็ขึ้นนำทุกคันมาได้ทั้งๆ ที่ตอนสตาร์ทเขาออกตัวช้าสุดแล้วพอได้เห็นอีกมุมความเป็นตัวตนของเขาในวันนี้แล้ว จริงๆ ญารินแอบคิดว่าเขาคงเหมาะกับงานแบบนี้มากกว่าจะไปทำงานบริษัทเสียด้วยซ้ำ“หนูญารินจ๊ะ วันนี้เจ้ต้องขอบใจหนูมากๆ เลยนะที่อุตส่าห์ช่วย ไม่งั้นเจ้คงแย่แน่ๆ เลย” เจ้ผักหวานเดินเข้ามาหาเธอในห้องแต่งตัว ขณะที่เธอเองก็เปลี่ยนชุดเตรียมตัวกลับแล้ว“ไม่เป็นไรเลยค่ะ หนูบอกจะชดใช้ให้เจ้ที่ทำเสื้อเจ้เลอะนี่คะ”ถือซะว่าเป็นการชดใช้ที่คุ้มค่ามาก ทั้งโดนลากมาเป็นพริตตี้ ทั้งต้องยืนตากฝนจนเกือบจะเป็นไข้แล้ว“อ่ะนี่! เรื่องเสื้
Chapter 5[5/2]ทางฝั่งของณัฐกานต์เองหลังจากที่เช็คความเรียบร้อยทุกอย่างก่อนลงสนามแข่งแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาเข้าสู่สนามแข่งกันแบบจริงจังเสียที ระหว่างเตรียมพร้อมในจุดสตาร์ทคนนั่งอยู่ด้านใน Ford Mustang TA2 ม้าเหล็กคู่ใจคันนี้ ที่ถูกปรับแต่งเครื่องยนต์ทรงสมรรถนะ 5.2 ลิตร ฝีมือจากวิศวะกรคนเก่งของเมืองไทย ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนเลยนอกจากเจ้าของรถคันนี้เอง ....แข่งเองแต่งเองไปเลยสิครับด้วยความที่ณัฐกานต์เองก็เรียนจบด้านวิศวะฯ เครื่องกล มาเองกับมือ ทุกอย่างที่อยู่บนรถคันนี้เขาเป็นคนสรรหามาใส่เพิ่มความแรงของรถหมดทุกสิ่งอย่าง โดยมีลูกมืออย่างอัครเดชเพื่อนที่เรียนด้วยมาด้วยกันเป็นคนช่วยอีกแรง“แกล้งแพ้บ้างก็ได้นะมึง กูสงสารสปอนเซอร์คู่แข่งว่ะ” อัครเดชที่ยืนอยู่นอกรถแซวเพื่อนอย่างเซ็งๆ“แสดงว่ามึงอยากเสียตังค์?”“หึ! เบื่อแม่ง มึงแข่งทีไรกูไม่มีลุ้นเลย วินตั้งแต่ยังไม่สตาร์ทเครื่องแล้วไอ้สัสณัฐ”เป็นอย่างที่อัครเดชพูดทุกอย่างเลย ตั้งแต่ที่จัดการแข่งขันมานับครั้งไม่ถ้วนในทุกสนามและทุกรายการณัฐกานต์ไม่เคยแพ้เลยแม้ครั้งเดียว คู่แข่งขันจะชนะก็ต่อเมื่อเขาจะยอมสละสิทธิ์ไม่ลงแข่งก็เท่านั้น“เหอะ! งั้นพ
Chapter 5[5/1]เวลาผ่านไปเกือบ 10 นาที ชายหนุ่มที่อาสาตัวไปเรียกเพื่อน ก็เดินกลับเข้ามาหาญารินพร้อมกับคนที่เธอต้องการเจอตัวร่างเพรียวบางลุกขึ้นยืนออกจากโซฟาที่นั่งอยู่ก่อนหน้านี้ พร้อมกับเดินเข้าไปหาชายทั้งที่เพิ่งเดินเข้ามาด้านในเธอนึกอยากจะขอบคุณคนที่ชื่อโอมเสียจริงที่ช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ นอกจากจะหล่อมากแล้วยังใจบุญใจกุศลอีกพ่อคุณทูนหัว“เธอมาที่นี่คงไม่ใช่เพราะว่าจะมาดูเขาแข่งรถกันหรอก ใช่ไหม?”“กว่าจะเจอตัวได้นะคุณ รู้ไหมว่าวันนี้ฉันต้องเจอกับอะไรบ้าง ห๊ะ!?”ทันทีที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ากันและกัน ทั้งญารินและเจ้านายหนุ่มก็เริ่มมีปากมีเสียงกันอีกเช่นเคยญารินอยากจะด่าคนตรงหน้าให้เหมือนกับที่เธอโดนพี่ชายของเขาเรียกไปอบรมสั่งสอนในช่วงเช้าของวันนี้ ดูสิว่าเขาจะรู้สึกเหมือนที่เธอรู้สึกบ้างไหม“พี่ชายคุณเรียกให้คุณกลับบริษัทให้ได้เลยวันนี้ จนฉันต้องหอบสังขารมาถึงที่นี่ยังไงเล่า!” ประโยคสนทนาระหว่างณัฐกานต์และหญิงสาว อยู่ในสายตาของอัครเดชในตอนนี้ซึ่งเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมญารินถึงได้กล้าต่อปากต่อคำกับเพื่อนของเขาได้โดยไม่เกรงกลัวเลย ก่อนที่ประโยคต่อไปจะทำให้เขาเริ่มเข้าใจอะไรๆ มากย
Chapter 4[4/2]@สนามแข่งรถกว่าที่ญารินจะหาตำแหน่งที่ณัฐกานต์อยู่ได้ก็ใช้เวลาเกือบเป็นชั่วโมงเลย โชคดีที่วจีเลขาฯ สาวรุ่นใหญ่ของภัทรกาฬเป็นคนให้ข้อมูลกับเธอมา ไม่อย่างนั้นญารินคงจะหาไม่เจอและคงไม่ทันเวลาเข้างานตอนบ่ายแน่นอน“นี่ค่ะพี่ ไม่ต้องทอนนะคะ”“จะทอนได้ไงล่ะน้อง ก็มันพอดีแล้วนี่ ฮ่าๆๆ”“อู๊ยย! แฮร่ๆ” ร่างเพรียวบางกำลังเดินลงจากรถแท็กซี่มาหลังจากที่ชำระค่าเดินทางเสร็จแล้ว จะบอกว่าเมื่อสักครู่นี้ไม่ได้ขายขำแต่อย่างใด เพราะเธอเองก็ไม่ทันรู้เลยปล่อยไก่ตัวโตใส่คนขับไปเลยตอนนี้ญารินเข้ามาด้านในสนามแข่งรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเดินเข้ามาในงานก็ต้องเสียเงินอีกรอบ เพราะรู้สึกว่าวันนี้จะเป็นงานแข่งรถด้วยหญิงสาวเองก็เพิ่งรู้จากพนักงานขายบัตรด้านหน้าร่างเพรียวบางกำลังมองหาที่นั่งตามเลขบัตรที่ตนเองได้มา แสงแดดส่องลงกลางหัวแบบนี้ทั้งร้อนทั้งเหนื่อย ยังจะต้องทนแบกหน้าหาที่นั่งอีกเธอเองก็เริ่มจะหมดความอดทนแล้วแต่ทันใดนั้นหญิงสาวก็กลับฉุดคิดได้ว่าหากมัวแต่รอให้ถึงเวลาเริ่มแข่งก็คงจะเลยเวลางานหรือไม่ ญารินจึงเกิดความคิดว่าจะต้องไปหาเจ้านายหนุ่มของตนก่อนที่งานจะเริ่มให้ได้ และแล้วขาเรียวย
Chapter 4[4/1]@The Willington N group10.00 น.ภายในห้องประชุมขนาดใหญ่ของวันนี้ บรรยากาศรอบๆ ช่างน่าอึดอัดใจสำหรับญารินอยู่ไม่ใช่น้อย การประชุมงานในครั้งถือว่าสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันไม่ใช่การประชุมงานทั่วไปที่จะมีแค่ผู้บริหารระดับสูงแต่วันนี้มีผู้ถือหุ้นมากมายจากภายนอกองค์กร ที่เสียสละเวลามาฟังบริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ เพื่อที่จะเสนอร่างงบประมาณและจัดแผนการระดมทุนเพิ่มจากเหล่าผู้ถือหุ้นทั้งรายใหญ่และรายย่อยร่างเพรียวบางยืนเตรียมสคริปต์มากมายที่จะใช้ในการนำเสนอสำหรับวันนี้ด้วยความตื่นเต้นและปนไปด้วยความกดดัน เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะทำอยู่ต่อจากนี้จะออกมาดีหรือไม่ที่จริงแล้วเธอไม่ควรได้รับเกียรตินี้ด้วยซ้ำ ทว่าคนที่จะต้องนำเสนอมันจริงๆ กลับผลักภาระมาให้ลูกน้องอย่างเธอแทน ส่วนตนเองน่ะเหรอก็คงจะไปมีความสุขอยู่แถวๆ สนามแข่งรถแล้ว“คุณญารินพร้อมไหมคะ?” เลขาฯ ของท่านประธานบริษัทเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นอากัปกิริยาที่ไม่ค่อยสู้ดีนักของร่างเพรียวบางผู้เป็นเลขาฯ หน้าใหม่“พอไหวอยู่ค่ะพี่วจี ขอบคุณนะคะ”“ถ้าพร้อมแล้วงั้นเราก็ออกไปเถอะ ทุกคนพร้อมแล้ว”“ค่ะ!!” ใบหน้าที่
Chapter 3[3/2]ญารินรีบวิ่งเข้ามาหลบฝนด้านในคลับที่ตอนนี้ยังมีผู้คนหนาแน่นอยู่เหมือนเดิม ถึงแม้ว่าตอนนี้ใกล้จะเที่ยงคืนเข้าไปแล้วก็ตามโชคดีที่ตอนวิ่งออกมาเธอยังไม่ได้เช็คเอ้าท์ออกจากห้องพักเสียก่อน จึงถือว่าเป็นโชคดีสำหรับคืนนี้ อย่างน้อยเธอเองก็จะได้มีที่หลับนอน“เฮ้ออ” ร่างเพรียวบางยืนมองตัวเองอยู่ด้านหน้ากระจกภายในห้องพักของโรงแรมหลังจากที่เข้ามาในห้องหญิงสาวก็รีบอาบน้ำเช็ดตัวจนเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว จึงเดินมาสำรวจตัวเองที่หน้ากระจกบานใสตอนนี้เธอเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่า ตัวเองไม่ได้มีชุดมาเปลี่ยนแล้วในห้องนี้ก็มีแค่ผ้าขนหนูกับชุดคลุมสำหรับใช้อาบน้ำเพียงเท่านั้น“เอาวะ ใส่ๆ ไปก่อน” อย่างไรเสียเธอก็อยู่ในห้องนี้เพียงแค่คนเดียวจะใส่ชุดแบบไหนก็คงจะไม่มีใครเห็นคร่อกกก~เสียงท้องร้องในขณะที่ร่างเพรียวบางกำลังนั่งเช็ดผมให้แห้งก่อนจะเตรียมนอน ก่อนที่เธอจะใช้โทรศัพท์ของห้องพักโทรไปยังพนักงานของโรงแรมเพื่อจะได้สั่งอาหาร ทว่ากลับโชคร้ายเมื่อไม่มีสัญญาณตอบรับจากปลายสายเลยญารินตัดสินใจเดินเปิดประตูออกไปด้วยชุดคลุมอาบน้ำเพียงชิ้นเดียวที่ปกปิดร่างกายตนเองอยู่ จุดมุ่งหมายของเธอคือเคาท์เตอร์ของโรงแ