“คุณแม่ยังไม่ตื่นเหรอคะ?”
“เปล่าหรอกค่ะ…แต่คุณผู้หญิงยังไม่ได้กลับบ้านเลยตั้งแต่เมื่อวานค่ะ…”ป้าแพรก้มหน้าต่ำลงไม่มองสบตาฉันพร้อมกับเอ่ยตอบคำถามที่ฉันถามเธอไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “ยังไม่กลับเหรอคะ?” “คุณแม่ไปไหน?”ฉันเอ่ยออกมาอย่างสงสัยใบหน้าของฉันร้อนผ่าวขึ้นมาหางคิ้วข้างขวากระตุกบ่งบอกถึงสิ่งที่ฉันกลัว ตึกๆๆๆ “คุณผู้หญิงกลับมาแล้วจ๊ะป้าแพร!”เสียงฝีเท้าที่วิ่งมาจากทางหน้าบ้านและเสียงตื่นเต้นและร้อนรนใจของผินเด็กรับใช้หลานสาวของป้าแพรเอ่ยตะโกนลั่นมาแต่ไกลทำให้ป้าแพรหันไปจ้องมองหน้าผินด้วยแววตาดุๆ พรึบ “ขอโทษค่ะ..คุณหนู”ผินที่โดนป้าแพรดุทางสายตาก็หันมามองหน้าฉันที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทานอาหารถึงกับหน้าเสียเอามือกุมกันไว้ด้านหน้าหน้าตาซีดเชียวอย่างเห็นได้ชัด “ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ…คุณแม่กลับมาแล้วเหรอ?”ฉันเอ่ยบอกผินไปและเอ่ยถามถึงคุณแมา “ค่ะ…คุณผู้หญิงกลับมาแล้วค่ะ…” “ป้าแพร!…นังผิน!”เสียงที่คุ้นหูของฉันเอ่ยดังมาจากหน้าประตูทางเข้าห้องอาหารพร้อมกับร่างสูงสวยสง่าของคุณผู้หญิงของบ้านนี้กำลังเดินตรงดิ่งเข้ามาในห้องอาหารแห่งนี้ “ขาาาคุณผู้หญิง”ผินเด็กสาวสิบเจ็ดเอ่ยขานรับคุณแม่ของฉัน เธอยังคงอยู่ในชุดนักเรียนของมหาวิทยาลัยเทคนิคสายอาชีพที่อยู่ติดกับมหาลัยของฉัน “ยัยเอย?” “คุณแม่^_^”ฉันเอ่ยเรียกคุณแม่ไปด้วยสีหน้าและนำ้เสียงดีใจที่สายตาของเราทั้งคู่สบกัน คุณแม่ของฉันยิ้มให้ฉันก่อนจะเดินตรงดิ่งมาหาฉันที่โต๊ะอาหารใหญ่ ท่านนั่งลงตรงหัวโต๊ะด้านข้างของฉัน ฉันก็มองหน้าท่านและยิ้มให้ท่าน “เอากาแฟให้ฉันแก้วหนึ่ง”คุณแม่ละสายตาจากฉันและหันไปสั่งผิน “ค่ะ…คุณผู้หญิง^_^”ผินก้มศีรษะลงเล็กน้อยพร้อมตอบรับคำสั่งของคุณแม่ฉันและเดินออกไปจากห้องอาหารแห่งนี้ และคุณแม่ก็หันกลับมามองหน้าฉันเหมือนเดิม “ลูกยังไม่ไปเรียนอีกเหรอจ๊ะ?” “รอพี่คีรีมารับนะคะ^_^”ฉันตอบคุณแม่ไปและยื่นมือไปหยิบแก้วน้ำส้มคั้นของฉันมาดื่ม “แม่มีเรื่องอยากจะคุยกับหนูนะจ๊ะ” “เรื่องอะไรเหรอคะ?”ฉันวางแก้วน้ำส้มลงและหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาซับไปที่ริมฝีปากของฉันแทน คุณแม่มีสีหน้าที่ดูเป็นกังวลอยู่นิดหน่อย ทำให้ฉันอยากจะรู้เรื่องที่คุณแม่จะบอกฉันซะเหลือเกิน พรึบพรึบคุณแม่หันไปเปิดกระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นดังและหยิบซองสีชมพูออกมาจากกระเป๋าและยื่นมันมาให้ฉัน ฉันก็ยิ้มบางๆให้คุณแม่ของฉันสลับกับมองซองจดหมายสีชมพูนี้ด้วยแววตาสงสัย“อะไรคะ?”“เดี๋ยวนี้จะให้เงินเดือนหนูเป็นซองสีชมพูแบบนี้เลยเหรอคะ?”ฉันพูดเชิงเล่นเชิงจริงใส่คุณแม่ไป แต่สีหน้าของท่านก็ไม่ได้เล่นขำไปกับคำพูดของฉันเลยสักนิด พรึบฉันที่เห็นคุณแม่ทำสีหน้าเคร่งเครียดจึงยื่นมือไปรับซองจดหมายสีชมพูมาจากมือของท่านแทน ฉันมองหน้าคุณแม่ของฉันอีกครั้งก่อนจะเปิดซองจดหมายดูเนื้อหาข้างในพรึบทันทีที่ฉันเปิดซองจดหมายออกก็พบกับกระดาษสีชมพูที่ถูกตกแต่งให้เป็นรูปหัวใจเต็มดวง เนื้อหาในจดหมายเชื้อเชิญให้ไปร่วมงานมงคลสมรสของ“งานมงคลสมรสระหว่างนางขณิฐา ลิ้มเกียรติและนายมงคล ณรงค์เดช”ฉันอ่านออกเสียงดังน้ำเสียงสั่นเครือแววตาสั่นไหวริมฝีปากสั่นระริก หัวใจเจ็บจี๊ดใบหน้าชาไปทั้งหน้า ฉันค่อยๆละสายตาจากกระดาษรูปหัวใจในมือขึ้นไปมองหน้าผู้เป็นแม่ของฉัน“นี่มันอะไรกันคะ?”ฉันพยายามทำน้ำเสียงให้แผ่วเบาที่สุดอย่างคนที่กำลังพยายามระงับอารมณ์กรุ่นโกรธของตัวเองไม่ให้มันระเบิดออกมา“หนูถามว่ามันอะไรกันคะ!!!”ฉันตะโกนเสียงดัง
เคนโซ คิณภพ….พรึบตุ๊บ “ไอ้สัส…ถุย!”ผมสบถคำด่าพร้อมกับถุยน้ำลายลงไปบนร่างของเด็กช่างกลต่างสถาบันกับผมที่มันสวมใส่ช็อปสีน้ำเงินเข้มส่วนผมสวมใส่ชุดช็อปสีแดงออกเลือดหมูนิดๆตุ๊บ“อึก!”เสียงสะอึกสุดท้ายก่อนที่ร่างของมันจะนอนแน่นิ่งหมดสติไป ผมก็กระตุกรอยยิ้มที่มุมปากและหันหลังเดินออกมาจากซอกตึกร้างเก่าๆที่อยู่ในตัวของตลาดนัดที่ใกล้วิทยาลัยของผม ผมเอามือปัดเสื้อช็อปและเดินผิวปากกลับไปคร่อมรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์500ccคันใหญ่สีดำสลับสีน้ำเงินของผมพร้อมกับสตาร์ทรถและบิดออกมาจากที่แห่งนั้นมุ่งหน้าไปยังวิทยาลัยของผมเพื่อจะเข้าเรียนพรึบผมจอดรถของผมในที่จอดรถประจำก็พบกับเพื่อนๆในแก๊งของผมที่มันกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะประจำของพวกเรา“เห้ย…ไอ้เคน”เสียงตะโกนทักทายผมดังมาจากเพื่อนๆของผมทันทีที่พวกมันเห็นผม ผมก็ยักคิ้วและยกมือทักทายพวกมันกลับไปก่อนจะเดินตรงดิ่งไปหาพวกมัน“ได้ข่าวว่าไอ้ครามยกพวกไปตีมึงเหรอวะ..”“ที่ไปยุ่งยามกับเด็กมัน?”ไอ้ธารเพื่อนหนึ่งในห้าของผมเอ่ยขึ้น ไอ้ครามที่พวกมันถามถึงก็คือคนที่ผมเพิ่งจะกระทืบมันเสร็จก่อนที่จะมาวิทยาลัยนี่แหละครับ“อืม…”ผมตอบมันสั้นๆก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งและหยิบบุหรี
“ของกูโว้ย!!” “ระดับดาววิทยาลัยเลยนะเว้ย!”ผมก็ส่ายศีรษะพร้อมกับพ่นควันบุหรี่ลอยขึ้นเหนือหัวของผมก่อนจะแสยะยิ้มเมื่อนึกถึงเรือนร่างของน้องน้ำใสที่เพื่อนๆผมพูดถึงกัน หึๆเธอต้องเป็นของผมตั้งหากล่ะครับ ตึกๆๆๆ “พี่เคนโซคะ^_^”เสียงหวานใสดังขึ้นทำให้เสียงของเพื่อนๆผมที่มันเถียงกันอยู่ต้องหยุดชะงักลงและหันไปมองต้นเสียงของเจ้าของเสียงหวานและเจ้าของตัวเล็กน่ารักผมยาวสยายที่ยืนยิ้มหวานให้ผมอยู่ “น้องมีนา^_^”ผมยิ้มละมุนก่อนจะเอ่ยเรียกชื่อของเจ้าของใบหน้าหวานสวยไปก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะและเดินตรงดิ่งไปหาเธออย่างรวดเร็ว “ไอ้สัสเคน…พอแฟนมาทิ้งพวกกูทันที!” “น้องมีนาครับบบบบ”เสียงของเพื่อนๆผมเอ่ยแซวผมและมีนาแฟนของผมที่เธอเพิ่งจะอยู่ ปวช.ปีสามผมเดินไปหาเธอและพร้อมกับยื่นมือไปจับปลายผมด้านหน้าของเธอให้ไปทัดหูเธอเพื่อผมจะได้มองโครงหน้าสวยหวานของเธอได้อย่างชัดเจนขึ้น “พี่เคนโซทานข้าวหรือยังคะ?” “ยังเลยครับ….หิวมากเลย^_^” “แล้วน้องมีนาล่ะครับ…ทานอะไรมารึยัง?” “ยังเลยค่ะ…พอดีอาจารย์เพิ่งจะปล่อยให้พัก^_^” “งั้นดีเลยครับ…เราไปหาอะไรอร่อยๆทานกันไหมครับ^_^”ผมเอ่ยเชื้อชวนมีนา เธอก็ยิ้มหวานให้ผมอย่างเขินอ
บ้านเช่า A ย่านสลัม...... ขวัญเอย กมลวรรณ… พรึบ “บ้านหลังนี้แหละหนู…” “ในย่านนี้ก็เหลือแค่หลังนี้หลังเดียว…”เสียงทุ้มต่ำของคุณป้าวัยห้าสิบต้นๆเอ่ยขึ้น ฉันก็ละสายตาจากบ้านไม้สองชั้นที่ด้านบนเป็นไม้ด้านล่างเป็นปูนกลับมามองหน้าป้าเจ้าของบ้านเช่าหลังนี้และอีกหลายๆหลังที่อยู่ในซอยนี้ “สองห้องนอน…หนึ่งห้องน้ำ…หนึ่งห้องครัว…” “หนึ่งห้องนั่งเล่น….”ป้าเจ้าของบ้านเช่าเอ่ยต่อ “เดือนละสองพันห้า…น้ำไฟต่างหาก…” “สองพันห้าเหรอคะ?”ฉันเอ่ยทวนคำพูดของป้าเจ้าของบ้านเช่าไปด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแววตาเป็นประกาย เพราะมันถูกมากสองพันห้าน้ำไฟตั้งหากเนี่ย ได้บ้านทั้งหลังเลยนะ มันถือว่าถูกแสนถูกมาก หาถูกกว่านี้ไม่ได้อีกแล้วจ้ะ “ใช่จ้า…จ่ายล่วงหน้าสองเดือนเข้าอยู่ได้ทันที…” “ถ้าเธอไม่เอา…แถวนี้ก็คงจะไม่ให้เช่าแล้วล่ะ…เหลือแต่หอ…” “แต่ค่าเช่าก็น่าจะแพงเพิ่มจากของฉันเป็นอีกเท่าตัว…” “งั้นตกลงค่ะ…หนูตกลง^_^”ฉันรีบตอบทันที ป้าเจ้าของบ้านก็ฉีกยิ้มกว้างให้ฉัน “งั้นไปที่บ้านฉันไปเซ็นสัญญากัน…” “อ้อได้ค่ะ^_^”ฉันพยักหน้ารับคำป้าเจ้าของบ้านพร้อมกับเดินตามหลังป้าเขาไปต้อยๆและทอดสายตามองไปรอบๆบ้านหลังที่ฉันตกล
“พี่ขอตัวไปรับโทรศัพท์ก่อนนะคะ…”พี่คีรีหันมาเอ่ยบอกฉันพร้อมกับชูโทรศัพท์เครื่องหรูของเขาให้ฉันดู “ค่ะ^_^”ฉันยิ้มพร้อมกับพยักหน้าให้พี่คีรี เขาก็ยิ้มให้ฉันอย่างสุภาพบุรุษและเดินออกไปจากห้องนอนบนชั้นสองของฉัน ฉันเมื่อพี่คีรีไปแล้วก็หันกลับมาจัดแจงข้าวของของฉันต่ออย่างไม่ให้เสียเวลส“ที่นอนก็ใช้ได้นะ…ถึงจะไม่นุ่มเหมือนที่บ้านเราก็เถอะ…”ฉันพึมพำออกมาพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งบนที่นอนของฉันที่เป็นขนาดเตียงนอนห้าฟุตได้ถูกปูด้วยผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาดตา มีหมอนสองใบหมอนข้างหนึ่งลูกและผ้านวมอีกหนึ่งผืน ฉันเอามือลูบไปบนที่นอนและนึกถึงความสุขสบายเวลาที่อยู่บ้านของฉันที่ฉันอยู่มาตั้งแต่เกิด แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อคุณแม่ของฉันท่านไม่ได้แคร์ความรู้สึกของฉันเลยสักนิดท่านไม่ถามฉันสักนิด…ว่าฉันอยากจะมีพ่อใหม่หรือเปล่าพรึบ“น้องเอยคะ!”“คะ?”ฉันรีบหันไปมองหน้าพี่คีรีที่เขาวิ่งกระหืดกระหอบมาตรงหน้าของฉันด้วยท่าทางรีบร้อนหน้าตาของเขาดูเคร่งเครียดนะ“พี่คีรีมีอะไรหรือเปล่าคะ?”“คือว่าพี่…มีธุระด่วนนะคะ…”พี่คีรีตอบฉันมาด้วยสีหน้าวิตกกังวล“อ้อค่ะ…งั้นพี่คีรีไปทำธุระเถอะค่ะ..ที่เหลือเดี๋ยวเอยจัดการต่อเองค่ะ…”
เช้าวันต่อมาบ้านเช่า Aห้องนอน ขวัญเอย…ขวัญเอย กมลวรรณ….08:30น.พรึบตุ๊บ!!!“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!”“เฮือก!”ฉันสะดุ้งตื่นสุดตัวลุกขึ้นนั่งจากที่นอนหลับอย่างสบายด้วยความตกใจกับเสียงกรี๊ดของผู้หญิงที่ดังสนั่นอยู่ในบ้านของฉัน ใช่มันต้องดังอยู่ในบ้านของฉันแน่ๆ“ใครเข้ามากรี๊ดในบ้านฉันเนี่ย!”ฉันโวยขึ้นและลุกออกมาจากที่นอนด้วยท่าทางฉุนเฉียวเมื่อคืนฉันก็ล็อคประตูบ้านแล้ว แล้วใครเข้ามาในบ้านของฉัน จะว่าเป็นเสียงจากข้างบ้านก็ไม่ใช่ เพราะบ้านข้างๆทั้งซ้ายและขวาอยู่ห่างจากบ้านฉันตั้งห้าร้อยเมตรน่ะ ไม่มีทางที่เสียงมันจะดังใกล้ขนาดนี้ได้พรึบ“หึย!หงุดหงิดโว้ย!!”ฉันสบถขึ้นอย่างหัวเสียพร้อมกับเดินตรงดิ่งไปยังประตูห้องนอนของฉันและหมุนลูกบิดพร้อมกับเปิดประตูออกไปดูเหตุการณ์ข้างนอกด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด จะไม่ให้โมโหได้ยังไงคนกำลังนอนกลับสบายแต่กลับมีทั้งเสียงกรี๊ดกร๊าดและเสียงเขวี้ยงปาข้าวของพรึบ“นี่!…ไอ้พี่เคน…”“แกจะหลอกเอาฉันฟรีเหรอห๊ะ!”เสียงผู้หญิงแหลมสูงปี๊ดเอ่ยขึ้นทำให้ฉันขมวดคิ้วงุนงงเพราะต้นตอของเสียงนั้นดังมาจากห้องนอนฝั่งตรงข้ามกับห้องของฉัน ซึ่งห้องนั้นมีคนอยู่ด้วยเหรอ? ทำไมฉันไม่รู้?
“เอ่อ…เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่สินะครับ…”เสียงทุ้มละมุนเอ่ยขึ้นทำให้ฉันเผลอสะดุ้งตกใจและรู้สึกตัวว่าเผลอจ้องเรือนร่างของผู้ชายตรงหน้านี้นานเกินไปแล้วพรึบทันทีที่ฉันเงยหน้าขึ้นไปหมายจะก่นด่าเขาแต่แล้วฉันก็ต้องเข้าสู่โหมดตกตะลึงเป็นรอบที่สอง กับใบหน้าหล่อเหลาจมูกโด่งเป็นสันดวงตาสองชั้นกลมโตริมฝีปากหยักสีชมพูอวบอิ่มปลายคางเรียวใบหน้าเรียวยาวราวกับเป็นใบหน้าที่ฟ้าประทาน รวมไปถึงเรือนผมของผู้ชายคนนี้ที่ออกสีน้ำตาลเข้มๆจัดว่าเขาคนนี้เป็นผู้ชายที่หล่อมากจริงๆ ถึงที่มุมปากของเขาจะมีรอยฟกช้ำอยู่แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อของผู้ชายคนนี้ลดน้อยลงเลย“เอ่อออ….”ฉันอ้ำๆอึ้งๆพูดอะไรไม่ออก “นี่…แกจะยืนอยู่อีกนานไหม…ฉันมีธุระจะเคลียร์กับผู้ชายคนนี้!”เสียงแหลมเฟี้ยวของผู้หญิงดังเรียกสติฉันให้กลับมา ฉันก็ละสายตาจากหนุ่มหน้าหล่อสไตล์เกาหลีไปมองหน้าคู่อริของเขาแทน ก็พบกับผู้หญิงร่างเล็กที่มีผ้าขนหนูผืนจิ๋วพันเรือนร่างของเธอทำให้ฉันรู้ได้ทันที ว่าสองคนนี้เพิ่งผ่านอะไรกันมา“ฉันแค่จะบอกว่า..บ้านฉันไม่ใช่โรมแรมม่านรูด…”ฉันเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบตรึงทำให้ผู้ชายหน้าหล่อถึงกับขมวดคิ้วงุนงงและสงสัยพร้อมกับมองเรือนร่
วันเดียวกัน12:30น.บ้านของคุณป้าเจ้าของบ้านเช่าขวัญเอย กมลวรรณ….พรึบ“ทำไมคุณป้าไม่บอกหนูล่ะค่ะว่าหนูมีรูมเมท?”ฉันเอ่ยถามคุณป้าเจ้าของบ้านไปอย่างเอาเรื่อง ที่เธอไม่ยอมบอกฉันในตอนที่ฉันไปดูบ้านและตกลงเซ็นสัญญาเช่าบ้านกับเธอ“ถ้าป้าบอก…หนูก็ไม่เอาน่ะสิ”คุณป้าเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าแหยๆ เพราะเธอคงจะเห็นสีหน้าที่ไม่พอใจของฉันน่ะ “ถือว่าช่วยๆกันนะ…หนูก็มีห้องนอนส่วนตัวหนิ…พ่อหนุ่มเขาไม่ยุ่งหรอกนะ…”“เขาเป็นเด็กดี^_^”“เด็กดีอะไรคะ…ไม่มีตังค์มาจ่ายค่าเช่าคุณป้าน่ะ?”“ก็เพราะเรื่องนี้ไงจ๊ะ…ป้าถึงต้องหาทางออกให้กับตัวป้าเองและพ่อหนุ่มคนนั้น…”คุณป้าว่าเสียงอ่อนพร้อมกับทำสีหน้าเศร้าลงให้ฉันรู้สึกเห็นใจเธอ ซึ่งมันก็ได้ผล ฉันเห็นใจเธอจริงๆ“แม่หนูเองก็เดือดร้อนไม่ใช่เหรอจ๊ะ….และแม่หนูก็จ่ายค่าเช่าล่วงหน้าให้ป้าแล้วด้วย…”“อดทนอยู่ต่อเถอะนะจ๊ะ…”“ค่ะ…ก็คงต้องเป็นแบบนั้นแหละค่ะ…”ฉันเอ่ยเสียงแผ่วเบาบอกคุณป้าไป เพราะยังไงๆฉันก็ไม่มีเงินมากพอที่จะไปเช่าบ้านเดี่ยวหรือคอนโดอยู่อยู่แล้วล่ะ ฉันต้องจำใจอยู่ในบ้านเช่าหลังน้อยที่มีรูมเมทเป็นผู้ชายนี้ต่อไป เขาคงจะไม่ทำอะไรฉันหรอกมั้ง น่าตาเขาก็ไม่ได้ดูเลวร้าย
“เออๆๆอดีตแฟนก็อดีตแฟน….”“เธอจะกลับมาอยู่ที่นี้ถาวร…เพราะเห็นว่าคุณลุงพ่อของเธอ….ล้มป่วยน่ะ…”“ล้มป่วย?”ผมเอ่ยทวนคำพูดของพี่ติณห์ไปอย่างตกใจและเป็นห่วงคุณลุงภวัตพ่อของวิเวียนอดีตผู้หญิงที่ผมรักเธอมากและครั้งหนึ่งเราเคยใช้ชีวิตร่วมกันแต่มันก็เป็นแค่อดีตที่ผมไม่อยากจะจำ“อืม…ใช่…เมื่ออาทิตย์ก่อนฉันเข้าไปหาท่าน…เอาการ์ดงานแต่งไปให้ท่านน่ะ…”“อาการท่านมองหนักเอาเรื่อง….”“สงสัยท่านคงไม่มีเงินส่งไปให้ลูกสาวท่านผลาญอีกแล้วน่ะ…”พี่ติณห์พูดถูกทุกอย่าง ผมก็พยักหน้าเข้าใจ ลุงภวัตเคยเป็นเลขาของคุณพ่อผมมาตั้งแต่พ่อผมก่อตั้งบริษัทเหมืองเพชรใหม่ๆจนกิจการของพ่อผมเติบใหญ่อย่างทุกวันจนทำให้ผมและวีเวียนลูกสาวของลุงภวัตได้รู้จักกันและสนิทสนมกันจนผมรักเธอเพราะเธอเป็นความรักครั้งแรกของผมและก็ยังเป็นคนแรกของผมอีกด้วย ผมรักเธอมาจึงไปขอร้องอ้อนวอนให้คุณพ่อผมไปขอหมั้นวิเวียนให้ผม จนผมกับวิเวียนได้หมั้นหมายกัน เราสองคนจึงตัดสินใจไปใช้ชีวิตกันสองคนที่ต่างประเทศเพื่อไปเรียนต่อเกรดสิบที่แอลเอ ปีแรกเรามีความสุขกันมากแต่พอเข้าปีที่สองปีสามวิเวียนผู้หญิงที่แสนดีของผมก็เปลี่ยนไป เธอเริ่มกลับบ้านมืดเริ่มเที่ยว และใ
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา…โรงแรมหรูระดับห้าดาวใจกลางเมืองชั้น5 โซนภัตตาคาร…20:00น.เคนโซ คิณภพ….พรึบ“อะไรครับ?”ผมที่ก้มหน้าก้มตากินอาหารค่ำสุดหรูในภัตตาคารหรูแห่งนี้ด้วยความเอร็ดอร่อยก็ต้องหยุดชะงักลงและเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าพี่ชายสุดที่รักของผม(มั้ง)พรึบพี่ติณห์ไม่ตอบคำถามผมเขากลับยักคิ้วให้ผมและพยักหน้าให้ผมเปิดอ่านซองจดหมายสีชมพูที่เขาเป็นคนยื่นให้ผมดูเอง ผมก็ขมวดคิ้วงุนงงก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบซองจดหมายมาจากมือของพี่ติณห์ พี่ชายคนเดียวของผม“การ์ดแต่งงานเหรอพี่?”ผมที่เปิดซองจดหมายออกก็พบกับการ์ดรูปหัวใจและพอผมอ่านข้อความในจดหมายก็พอจะรู้ว่าเป็นการเชื้อเชิญให้ไปงานแต่งงาน ผมเลยมองหน้าพี่ติณห์และถามเขาออกไปด้วยความตกใจปนตื่นเต้นและดีใจรวมๆกันไป ที่พี่ชายสุดที่รักของผมจะมีเมียกับเขาสักที^_^“อืม…อย่าลืมไปล่ะ….”“ไปแน่นอนอยู่แล้วครับ…พี่ชายสุดหล่อแต่งงานทั้งที^_^”ผมเอ่ยพูดไปพลางยิ้มกว้างอย่างทะเล้นให้พี่ติณห์เขาก็ยิ้มให้ผมใบหน้าของพี่ติณห์เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆอย่างเขินอาย ผมก็มองหน้าพี่ติณห์ด้วยความขำๆที่เห็นพี่ชายผมเขินได้ขนาดนี้ แสดงว่าผู้หญิงคนที่พี่ติณห์จะแต่งงานด้วยต้องไม่ธรรมดา เพราะพี
17:30น.ร้านคาเฟ่หน้ามหาลัยQAพรึบ“คุณหนูเอยของป้า”ป้าแพรเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบาและสงสารจับใจทันทีที่เธอเดินเข้ามาหาฉันที่นั่งรอเธอที่โต๊ะอาหารของร้าน โดยที่เมื่อวานฉันโทรนัดแนะให้ป้าแพรแอบเก็บเสื้อผ้ารองเท้าและกระเป๋าของฉันมาให้ฉันโดยสถานที่นัดแนะของเราทั้งคู่คือคาเฟ่หน้ามหาลัยของฉัน ที่ป้าแพรรู้จัก ฉันเลือกนั่งเป็นโต๊ะด้านในสุดของร้านเพื่อความเป็นส่วนตัว เพราะเวลาเย็นๆแบบนี้นักศึกษาและนักเรียนจากวิทยาลัยเทคนิคค่อนข้างเยอะน่ะ“ป้าแพร^_^”ซึ่งผิดกับฉันที่ลุกขึ้นยืนและเอ่ยเรียกป้าแพรไปด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างดีใจพรึบป้าแพรวางกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบที่เป็นสีชมพูที่เธอเข็นมาลงและโผเข้าสวมกอดฉันทันที ฉันก็กอดตอบเธอไปเธอกอดฉันแน่น ฉันกับป้าแพรจะค่อนข้างสนิทกันเพราะเธอเป็นคนเลี้ยงฉันมาตั้งแต่เกิดน่ะ เธอรักและเอ็นดูฉันมาก“คุณหนูของป้า^7^”ป้าแพรคลายกอดฉันและยื่นมือลูบไปตามท่อนแขนของฉันด้วยสายตาเป็นห่วง“นั่งก่อนนะคะ^7^”ฉันเอ่ยชวนป้าแพรให้นั่งลง เธอก็ยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเป็นคำตอบให้ฉัน“ป้าแพรจะรับน้ำอะไรดีคะ?”“ไม่ล่ะค่ะคุณหนู…ขอบคุณนะคะ^_^”“ค่ะ…”“คุณหนูเป็นยังไงบ้างคะ…เรื่องที่พัก…สะดวกสบา
“พี่สาวของพี่เคนโซเหรอคะ?”เสียงหวานใสที่ฟังดูสงสัยและไร้เดียงสาเอ่ยกระซิบถามหนุ่มหน้าหล่อที่ชื่อเคนโซไป เขาชื่อเคนโซเหรอ ชื่อนี้ไม่เหมาะกับคนจนๆเลยเนอะ“เปล่าหรอกครับ…พี่ขวัญเอยเขาเป็นรูมเมทพี่น่ะ…”“รูมเมทเหรอคะ…มีนามาที่บ้านพี่เคนโซหลายครั้ง…ไม่เคยรู้เลยนะคะ…ว่าพี่เคนโซมีรูมเมทด้วย?”“เพิ่งมีนะคะ…น้องมีนารีบทานข้าวเถอะค่ะ..เดี๋ยวไปวิลัยสายนะ…”“ค่ะ…”ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังบทสนทนาของคนทั้งสองนั้นนะ แต่บังเอิญว่าฉันที่ยืนใส่รองเท้าอยู่ได้ยินพอดีน่ะ พรึบ“แฟนพี่ขวัญเอย…ยังไม่มารับอีกเหรอครับ…?”ฉันที่ยืนรออยู่หน้าถนนหน้าบ้านที่พยายามจะไม่สนใจผู้ชายหน้าหล่อที่กำลังจูงรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ออกมาจากข้างบ้านจนถึงหน้าบ้านที่ฉันกำลังยืนอยู่และเขาก็เอ่ยถามฉัน ฉันจึงต้องหันไปมองหน้าเขาด้วยสายตาเรียบเฉย“ใกล้แล้วย่ะ!”ฉันตอบเสียงห้วนอย่างคนที่แสดงออกได้ชัดว่าไม่อยากคุยกับเขา แต่เคนโซกลับไม่สะทกสะท้านเลยกลับยิ้มหวานให้ฉัน แถมยังมองเรือนร่างท่อนขาเรียวขาวของฉันด้วยแววตาหวานเยิ้มอีกตั้งหาก “นาย!”ฉันจึงต้องเรียกเขาเสียงเข้มเมื่อแฟนของนายรูมเมทเดินออกมาจากบ้านเช่าพอดี เขาจึงยิ้มบางๆให้ฉันก่อนจะหันไปมอ
เช้าวันต่อมา07:30น.พรึบ“พี่เคนโซคะ”เสียงหวานใสของผู้หญิงเอ่ยดังออกมา“ครับ…?”“อร่อยไหมคะ?”“อร่อยมากครับ^_^”เสียงพูดคุยของผู้ชายกับผู้หญิงที่ดังมาจากด้านห้องนั่งเล่นทำให้ฉันที่อยู่ในชุดนักศึกษาเตรียมพร้อมที่จะไปมหาลัยเดินลงบันไดมาต้องทอดสายตามองไปยังภาพเบื้องหน้าทันที ก็เห็นว่าชายหญิงสองคนนั้นที่กำลังพูดคุยกันอยู่ก็คือรูมเมทของฉันนั้นเองเหมือนพวกเขากำลังนั่งกินข้าวกันอยู่นะ ฉันที่ในมือถือรองเท้าส้นสูงอยู่ก็เดินอย่างแผ่วเบาที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนบุคคลสองคนนั้น ที่จริงฉันก็ไม่ได้เกรงใจอะไรหรอก แต่ฉันอายนะที่แอบดูหนังสดของพวกเขาสองคนและเอาไปช่วยตัวเองจนสำเร็จความใคร่ให้ตัวเองน่ะ “พี่ขวัญเอยครับ^_^”แต่แล้วฉันก็ต้องหยุดชะงักขาลงทันทีเมื่อฉันกำลังจะเดินผ่านห้องนั่งเล่นที่อยู่ตรงโซนด้านหน้าของบ้านและฉันก็รู้สึกตกใจที่รูมเมทหน้าหล่อรู้จักชื่อฉันแถมยังเรียกฉันว่าพี่อีก ฉันดูแก่มากขนาดนั้นเลยเหรอพรึบ“มะมีอะไร?”ฉันหันไปหาเขาพร้อมกับเอ่ยถามเขาไปอย่างสงสัย นายหน้าหล่อนั่นที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ทางบ้านเช่าจัดไว้ให้คนอยู่อาศัยได้ใช้ทานอาหารก็นั่งยิ้มแฉ่งให้ฉันอย่างเป็นมิตร โดยที่เก้าอ
“อื้อออ”ฉันเอนตัวนอนหงายลงไปบนที่นอนและใช้มืออีกข้างลูบไล้ไปตามเนื้อโหนกนูนของตัวเอง ฉันยันขายกเป็นรูปตัวเอ็มและอ้าออกจากกันเล็กน้อย“อ๊าาาเสียว…”ฉันร้องออกมาเมื่อปลายนิ้วของฉันไปแตะโดนปุ่มกระสันเสียวของตัวเองที่มีน้ำสีใสไหลเปียกชุ่มไปด้วยทั่วกางเกงจีสตริงสีขาวตัวจิ๋ว ร่างของฉันสั่นสะท้านไปทั้งร่างพรึบ“อื้ออ”ฉันกัดริมฝีปากล่างแน่นอีกครั้งที่รับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่รวดเร็วและอ่อนไหวเวลาที่ปลายนิ้วของฉันไปแตะสัมผัสโดนเข้ากับยอดปทุมถันของฉันที่ซ่อนอยู่ในบราปีกนก ฉันไม่รอช้าจึงปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาและดึงชายเสื้อที่ทับอยู่ในกระโปรงทรงเอตัวจิ๋วออกมาและดึงบราปีกนกออกไปให้พ้นหน้าอกหน้าใจที่ใหญ่ของฉันทั้งสองข้าง ก่อนจะค่อยๆใช้มือลูบไล้ไปตามเต้าอวบของตัวเองอย่างช้าๆ“อ๊าาา”ฉันหลับตาพริ้มเมื่อนึกจินตนาการไปถึงภาพคนสองคนที่กำลังร่วมรักกันอยู่ ฉันนึกถึงใบหน้าหล่อใสที่ดูดดื่มยอดปทุมถันอย่างหื่นกระหายและนุ่มนวลนั่น มันยิ่งทำให้ร่างกายฉันตอบสนองมากเพิ่มขึ้นไปอีก“อื้ออ”ร่างของฉันสั่นสะท้านไปทั้งร่างเมื่อฉันใช้ปลายนิ้วเขี่ยไปกับยอดปทุมถันสีชมพูสดของฉันที่มันเริ่มแข็งชูชันท้าทายปลายนิ้วของฉันแล้ว ย
“อ๊ะๆๆๆๆๆ!”เสียงหวานครางถี่รัวไปพร้อมๆกับความแรงและความเร็วของสะโพกสอบที่เร่งถี่ขึ้นเพื่อจะส่งทั้งตัวเขาและเธอไปถึงจุดฝั่งฝัน“อ๊าาาาา!!”“อร๊าย!”คนทั้งสองครางออกมาพร้อมกับร่างที่สั่นกระตุกเกร็งของทั้งสองคน ชายหน้าหล่อถอดถอนลำกายใหญ่ออกมาจากร่องสวาทสีคล้ำของคู่นอนของเขาเขาหลั่งน้ำสีขาวขุ่นเข้มออกมาจนเต็มเครื่องป้องกัน เขาจึงเอื้อมมือดึงอุปกรณ์ป้องกันออกไปจากท่อนเอ็นสีชมพูสดที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารทิ้งลงไปในถังขยะใบเล็กข้างเตียงนอนคิงไซส์ของเขาเองและเปลี่ยนเป็นนอนหงายลงไปบนที่นอนข้างๆกับร่างเล็กของผู้หญิงหน้าสวยแต่มองอายุยังน้อยอยู่เลยนะ“น้องมีนาคะ…”“ทำความสะอาดให้พี่หน่อยค่ะ….”เสียงออดอ้อนพร้อมกับใบหน้าหล่อละมุนเอ่ยออกมาพร้อมกับใช้มือหนาของเขาจับลำกายใหญ่ที่ไม่ยอมสงบลงให้ตั้งตระหง่านชี้ตรงเด่ต่อหน้าฉันและหน้าของคู่นอนของเขาพรึบ“ได้ค่ะ…”เด็กสาวหน้าตาน่ารักและสวยเอ่ยรับคำออดอ้อนพร้อมกับยันตัวลุกขึ้นนั่งและจัดการใช้มือของเธอรวบผมยาวของเธอไปไว้ด้านข้างและก้มหน้าลงไปหาลำกายใหญ่และค่อยๆใช้ปลายลิ้นเลียตวัดไปทั่วทั้งบริเวณลำกายใหญ่ยักษ์นั้นอย่างนุ่มนวลทำให้ฉันลอบกลืนน้ำลายลงคอดังอึกใหญ่ ร
“พี่ขอโทษนะคะ…”พี่คีรีเอ่ยขอโทษฉันด้วยสีหน้าและน้ำเสียงรู้สึกผิด เขายื่นมือมาติดกระดุมเสื้อนักศึกษาของฉันให้เสร็จสรรพครบทุกเม็ดที่โดนฉันปลดออกไป“มันยังไม่ถึงเวลา….”พี่คีรีมองหน้าฉันด้วยแววตาสั่นไหว ฉันก็มองหน้าเขาและคลี่ยิ้มบางๆออกมา “ค่ะ…เอยเข้าใจ…”“พี่คีรี…คงจะมองเอยเป็นผู้หญิงใจง่ายใช่ไหมคะ?”ฉันเอ่ยถามพี่คีรีไปอย่างใจคิด การที่ฉันทำแบบนี้ก็เท่ากับฉันเสนอตัวให้เขาแต่เขากลับปฏิเสธฉัน ฉันไม่ดึงดูดเขาหรือเขาเป็นสุภาพบุรุษมากเกินไป…“ไม่ค่ะ…พี่เข้าใจที่น้องเอยทำ…”“พี่ก็อยากจะทำเรื่องแบบนั้นกับน้องเอย…”“แต่….”“แต่อะไรคะ?”ฉันเอ่ยถามพี่คีรีไปอย่างสงสัยที่เขาพูดและทำสีหน้าดูเคร่งเครียดและจริงจัง“เปล่าค่ะ…ให้พี่ไปส่งน้องเอยดีกว่านะคะ…”“ค่ะ…”ฉันตอบตกลงที่จะให้พี่คีรีไปส่ง เพราะมันดึกแบบนี้ คงไม่มีแท็กซี่วิ่งแล้วล่ะ….ถึงจะมีฉันก็คงจะไม่กล้านั่ง23:30น.บ้านเช่าAขวัญเอย กมลวรรณ….ตั่บๆๆๆๆๆๆๆพั่บๆๆๆๆๆ“อ๊ะๆๆๆๆๆพี่เคนคะ…”“มีนาเสียววววอ๊าาาาาา”“ไม่ไหวแล้วค่ะ!!”“อ๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”เสียงร้องที่ทรมานอย่างสุขสมของผู้หญิงดังเข้ามาในหูทั้งสองข้างของฉัน ทำให้ฉันที่กำลังจะก้าวเท้าเดินเข้าห้องนอนของ
พรึบ“ค่ะ…เอยเองค่ะ^_^”ฉันปล่อยมือจากเอวสอบของพี่คีรีและเขาก็หันมามองหน้าฉันพร้อมกับทำสีหน้าเอ็นดูใส่ฉันพร้อมกับยื่นมือมาจับมือฉันไปกุมไว้ สีหน้าของพี่คีรีดูแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นฉันมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาแบบนี้“นี่หลอกพี่หรือคะ?”พี่คีรีกดเสียงต่ำพลางทำสีหน้าง้องอนใส่ฉัน ฉันก็อมยิ้มให้เขาก่อนจะเบียดร่างอวบอิ่มของฉันแนบชิดไปกับแผงอกแกร่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวของพี่คีรี“อย่าโกรธเอยได้ไหมล่ะค่ะ^^”“ได้สิครับ…แฟนสวยน่ารักขนาดนี้…ใครจะไปโกรธลง^_^”“ก็ดีแล้วค่ะ…พี่คีรีทานข้าวมาหรือยังคะ…เอยทำอาหารที่พี่คีรีชอบเตรียมไว้ดินเนอร์กับพี่นะคะ^_^”“ยังเลยครับ…พี่ยังไม่ได้ทานอะไรเลย^_^”“งั้นเราไปทานอาหารกันดีกว่าค่ะ^_^”“ครับ^_^”พี่คีรีตอบรับคำฉันพร้อมกับยิ้มหวานให้ฉันและจูงมือฉันเดินไปตามทางที่มีแสงสีส้มให้ความสว่างจากเทียนเล็กๆที่ฉันเป็นคนทำไปเรื่อยๆจนไปถึงใจกลางของรูปหัวใจที่มีโต๊ะอาหารอยู่ พี่คีรีเลื่อนเก้าอี้ให้ฉันอย่างสุภาพบุรุษและเขาก็ไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับฉัน“อร่อยไหมคะ?”“อร่อยที่สุดค่ะ…สเต็กหมูฝีมือน้องเอยเนี่ย^_^”พี่คีรีเอ่ยชมฉันหลังจากที่ฉันหันเนื้อสเต็กและยื่นป้อนพี่คีรี