บทที่ 35 พอใจ “เอาละ ๆ ทานเสร็จก็ไปนั่งเล่นตรงโน้นก่อนนะคะ เดี๋ยวป้าเอาชาร้อนมาเสิร์ฟ” “ขอบคุณค่ะ” พราวดาวคลี่ยิ้มหวานให้คุณป้า ส่วนแฟรงค์ยิ้มบาง ๆ แล้วรีบกินข้าวต้มให้หมด เพราะรู้ว่าชาร้อนที่จะเสิร์ฟในอีกไม่ช้านี้จะต้องมีขนมอร่อย ๆ มาเสิร์ฟร่วมด้วยแน่นอน “บทจะอ้อนเหมือนเด็กก็เล่นเอาฉันแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยนะแฟรงค์” ไม่รู้ว่าเขาจงใจหรือเป็นความเผลอตัว แฟรงค์เริ่มแสดงตัวตนบางมุมที่เธอไม่เคยเห็นให้เห็นทีละนิด เช่นวันนี้เหมือนกัน ทุกอย่างที่เขาทำให้มันมีผลต่อความรู้สึกเธอมาก “กินเสร็จแล้วก็มาดิ ย่ามีขนมโบราณด้วย ไม่รู้ว่าเธอเคยกินไหม มาเร็ว” คำชวนเขาเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่งที่เห็นขนมที่คนโปรดปราน พราวดาวรีบเดินไปหาเขาแล้วนั่งลงเก้าอี้ข้างแฟรงค์ “มาเฟียอะไร ติงต๊องชะมัด” “เอ้า! จำเป็นต้องคีปลุกตลอดเวลาด้วยเหรอ แค่นี้หน้าก็แก่นำอายุไปไกลมากแล้วนะ” “นายก็ ไปเอาคำพูดตลก ๆ แบบนี้มาจากไหนคะ” ด้วยความมันเขี้ยวที่แฟรงค์ช่างพูด เธอจึงบีบคางเขาเบา ๆ และรีบผละออกเมื่อย่าของแฟรงค์ถือจานขนมมาให้ “ขอบคุณนะคะ พราวเกรงใจมากเลยค
บทที่ 36 เป็นแฟน “อา! จะกรี๊ดทำไมเนี่ย” ชายหนุ่มยกมือปิดหูไว้พลางเบ้หน้า ก่อนจะยื่นมือไปปิดปากพราวดาวไว้ “อย่ากรี๊ด” “อื้อ!!” “อยู่นิ่ง ๆ ก่อน สัญญาก่อนว่าจะไม่กรี๊ด” พราวดาวยอมอยู่นิ่ง ๆ แล้วพยักหน้าให้แฟรงค์ แต่ทว่าในตอนที่เขายกมือออกจากปากเธอ เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นอีกครั้งจนแฟรงค์ต้องรวบคนตัวเล็กเข้ามากอดแล้วปิดปากพราวดาวไว้อีกครั้งหนึ่ง “บอกว่าอย่าร้องไง” “อื้อ!” พอเธอสงบนิ่งแล้วแฟรงค์จึงปล่อยมือออกจากปากพราวดาว ทว่าครั้งนี้เขาไม่ได้ระวังตัวเลย พราวดาวหันมาเผชิญหน้าตรง ๆ แล้วกระแทกเข่าเข้าที่กล่องดวงใจอย่างจังแบบไม่ได้ยั้งแรง จนแฟรงค์กระอักทรุดลงกับพื้นทันที “ยะ...ยายแม่มด!” “ฮึ! รู้จักฉันน้อยไปนะ” เธอเหยียดยิ้มด้วยความพึงพอใจก่อนจะหมุนตัวเดินไปนั่งลงบนโซฟา ยกขาไขว่ห้างมองแฟรงค์ด้วยท่าทางสะใจที่เห็นเขานั่งคุกเข่าเอามือกุมกล่องดวงใจร้องโอดโอยอยู่กลางห้อง “เรามาตกลงกันใหม่เถอะ ฉันมีอะไรที่อยากคุยกับนายเยอะแยะเลย” รอยยิ้มนั้นใครมันจะไปอยากคุยด้วย เดาได้เลยว่าข้อเสนอที่พราวดาวจะยื่นให้มันไม่มีผลดีกับเข
บทที่ 37 ที่รัก พราวดาวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะแหงนมองแฟรงค์ซึ่งเขาลุกขึ้นทำท่าจะเดินไปหยิบไวน์มาดื่ม เธอจึงดึงแขนเขาไว้ก่อน “นี่เราสองคนเป็นแฟนกันแล้วเหรอ” “ใช่ไง เพิ่งเป็นเลยละ” “ทำไมไม่รู้สึกตื่นเต้นเลยอะ เป็นแฟนแบบไหน” “เมีย เรียกให้ถูกคือเมีย โอเคไหมคนสวย” คำคำนั้นทำเอาพราวดาวรู้สึกขนลุกซู่ทั้งตัวเลย เธอหยัดกายลุกขึ้นแล้วเดินไปหยุดยืนตรงหน้าแฟรงค์ จ้องหน้าเขาอยู่พักใหญ่และแฟรงค์ก็ยอมยืนนิ่งให้เธอมอง “พอยัง สำรวจและพิจารณาพอยัง” “แปลกนะ หัวใจฉันไม่ได้เต้นแรงเหมือนตอนที่นายทำเรื่องโรแมนติก” เธอยกมือขึ้นปิดปากเพราะเผลอพูดอะไรออกไป “ว่าแล้ว เธอก็ชอบสิ่งที่ฉันทำให้ใช่ไหมล่ะ” เขาบีบปลายคางพราวดาวเบา ๆ แล้วเลื่อนใบหน้าเข้ามาจูบปลายจมูกเชิดรั้นอย่างแผ่วเบาแล้วหมุนตัวมาหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาดื่มจนหมด “ไปเปลี่ยนชุดไป เดี๋ยวไม่สบายอีก” “เราเป็นแฟนกันแล้วเหรอ” “เอาไงวะ อยากได้คำตอบแบบไหนก็พูดมาดิ” “ฉันแค่สับสนไง เราเป็นแฟนกันแล้ว แต่ฉันยังรู้สึกเฉย ๆ หรือเพ
บทที่ 38 ครั้งแรก NC “เดี๋ยวแฟรงค์ เดี๋ยวก่อน” พราวดาวรีบห้ามเมื่อเห็นว่าแฟรงค์พาเข้ามาในห้อง รู้ได้ทันทีว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น “มีอะไรอีก” มาเฟียหนุ่มเอ่ยถามแฟนสาวอย่างนึกรำคาญที่ถูกห้ามปราม ก่อนที่จะวางพราวดาวลงบนเตียงนอน แล้วเท้าเอวมองเธออย่างต้องการคำตอบ “เราเพิ่งเป็นแฟนกัน ก็ต้องคุยกันก่อนสิ” “ไม่เอาอะ เอาเสร็จค่อยคุยกันก็ได้” “แฟรงค์...” คำห้ามปรามไม่เป็นผลกับแฟรงค์เมื่อเขาโน้มตัวลงมาจูบปากเธอ รสจูบละเมียดละไมจนพราวดาวเผลอไผลตามเขา ห้วงอารมณ์ที่ถูกความกระสันครอบงำพาเธอจมดิ่งไม่อาจต้านทานได้ “อื้อ~” รสจูบที่นุ่มนวลแปรเปลี่ยนเป็นดุดัน แฟรงค์ดันเรียวลิ้นเข้ามาในโพรงปากพราวดาวจนเธอยอมเปิดปาก และถูกเขาผลักให้นอนราบไปกับเตียง ส่งผลให้ริมฝีปากผละออกจากกัน แฟรงค์ถอดเสื้อออกอย่างรวดเร็วแล้วก้าวขึ้นมาบนเตียง ทาบทับร่างเล็กไว้ใต้อาณัติ ไม่ให้พราวดาวได้หนีไปไหน จากนั้นก็กดริมฝีปากจูบซับที่ลำคอระหง ดอมดมกลิ่นกายหอม ๆ แสนเย้ายวนใจเต็มปอด “อา~ แฟรงค์ อย่าทำรอยนะ” เธอขยับปากบอกเขาเสียงพร่า น้ำเสียงแหบพร่าดัง
บทที่ 39 สยบข่าวลือ กลางดึกของวัน พราวดาวปรือตาขึ้นมองเพดานห้องที่แสนคุ้นเคยแล้วหันมองคนข้างกาย เธอขยับเข้าไปกอดเขาไว้แน่นจนแฟรงค์รู้สึกตัว “พรุ่งนี้มีงานไหม” “อือ~” เสียงครางอื้อในลำคอตอบกลับเขา แฟรงค์เปิดเปลือกตาขึ้นมองพราวดาวแล้วก้มหอมศีรษะเธอเบา ๆ“พรุ่งนี้มีงานถ่ายสินค้าช่วงเช้า สองชั่วโมง...ทำไมเหรอ” เธอถามกลับเสียงอ่อย “ว่าจะพาไปดูคอนโด อยากได้ห้องใหญ่กว่านี้หน่อย” “นายจะเปลี่ยนคอนโดทุกปีไม่ได้นะแฟรงค์” “ได้สิ ทำไมจะไม่ได้” พราวดาวลืมตาขึ้นแล้วเบ้ปากใส่ชายหนุ่ม “รู้ค่ะว่ารวย แต่จะซื้อคอนโดเป็นว่าเล่นไม่ได้ เอาเงินไปลงทุนทำอย่างอื่นดีไหม” เธอออกความคิดเห็น แต่เหมือนจะไม่เข้าหูแฟรงค์ ชายหนุ่มยิ้มร่าทำหูทวนลมเฉยเลย “เอาเถอะ ทำแบบไหนก็ได้ ฉันตามใจนายแล้วกัน” “ดีมาก เป็นเด็กดีแบบนี้สิ” “เหรอ นอนได้แล้วย่ะ! อื้อ...” แฟรงค์กอดพราวดาวแล้วหอมแก้มเธอหนัก ๆ จากนั้นหลับตาลงโดยมีพราวดาวอยู่ในอ้อมแขนตลอดทั้งคืน เช้าวันต่อมา มาเฟียหนุ่มก้าวลงจากลู่วิ่ง
บทที่ 40 ริษยา “ฮะ!” พราวดาวเอียงคอมองแฟรงค์ด้วยความตกใจ ก่อนจะหันมองนักข่าวสาวที่เป็นเจ้าของคำถามนั้น “คุณแฟรงค์พูดแบบนี้ กลัวดรามาจะตามมาไหมคะ” นักข่าวสาวคนเดิมถามต่อ แฟรงค์แสยะยิ้มมุมปากแล้วตอบกลับ “ผมไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้ว หากจะดรามาก็ดรามาให้มันถูกเรื่อง เพราะถ้ามันเป็นเรื่องที่ไร้สาระดูแล้วไม่เข้าตา ผมจะจัดการข่าวดรามาพวกนั้นเอง” นักข่าวทุกคนต่างหันมองหน้ากันเลิ่กลั่กแล้วหันมาทางพราวดาวที่ยืนอ้าปากค้างอยู่ข้างแฟรงค์ “คุณพราวรู้สึกยังไงบ้างคะ” “คะ? ระ...รู้สึกว่า...” เธอเหลือบตามองแฟนหนุ่มเล็กน้อยแล้วฉีกยิ้มเรียกความมั่นใจให้ตัวเอง ก่อนที่แฟรงค์จะโอบเอวคอดไว้เสริมความมั่นใจให้อีกแรงหนึ่ง “ก็รู้สึกดีค่ะ เพราะพราวกับแฟรงค์ก็รู้จักกันมานานแล้ว จากเพื่อนแล้วเลื่อนมาเป็นแฟนแค่นั้นเอง ไม่ต้องดรามานะคะ เราสองคนรู้จักกันดี และเราสองคนก็กำลังศึกษาดูใจกันหลังจากใช้สถานะแฟนค่ะ” “ครับ” แฟรงค์ยิ้มให้คนข้างกาย “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีต้องพาแฟนไปซื้อคอนโด” เขากับพราวดาวเดินออกมาจากกลุ่มนักข่าว พอเข้ามาในรถพราวดาวก็รีบสะบ
บทที่ 41 จัดการ แฟรงค์ผลุนผลันลุกออกมาจากโต๊ะอาหาร รีบก้าวเข้าไปประคองตัวแฟนสาวไว้ ฝ่ามือเขาสัมผัสกับเลือดที่ไหลอาบแก้วด้านขวาของพราวดาวเต็ม ๆ “ใครทำ” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแหบแห้งติดสั่นเล็กน้อย “บอกฉัน ใครมันทำ” “ผู้หญิง...ในห้องน้ำ” เธอชี้ไปตรงทางเดินไปห้องน้ำ “แฟรงค์...พราวไม่ไหว เจ็บ” เธอซบตัวแฟนหนุ่มก่อนจะถูกแฟรงค์อุ้มขึ้นมาแนบอก แล้วเขาก็รีบพาพราวดาวไปหาหมอทันที โรงพยาบาล “คนอื่นทำแผลก็ได้ ไม่จำเป็นต้องกูก็ได้มั้ง” “กูไม่ไว้ใจใคร” แฟรงค์ตอบกลับหมอพีทเสียงเครียดแล้วเงยหน้ามองเพื่อนด้วยสายตาดุดัน “กูกำลังคิดว่าถ้าจับคนนั้นได้ จะให้มันทรมานยังไงดี” น้ำเสียงและแววตาดูเคียดแค้นชัดเจน “ใจเย็นก่อน คุณพราวปลอดภัยแล้ว” “แต่กูเย็นไม่ได้” “...” เขาก็จนปัญญาจะห้ามปรามเพื่อนเหมือนกัน รู้แค่ว่าอย่ามามีเรื่องกับตระกูลโสภณเป็นพอ เพราะจุดจบที่เดียวกันคือตาย! “แฟรงค์...” เสียงแหบพร่าดังขึ้น แฟรงค์รีบลุกขึ้นไปหาพราวดาวและจับมือเธอไว้หลวม ๆ ด้วยกลัวว่าจะทำเธอเจ็บอีก “เ
บทที่ 42 รัก กลางดึก “อื้อ!” พราวดาวสะดุ้งตื่นมากลางดึกเพราะเธอฝันร้ายและปวดตุบ ๆ ที่แผลบนศีรษะ เสียงครางของเธอช่วยปลุกคนตัวโตให้ลุกขึ้นมาแทบจะทันที “เจ็บเหรอ” แฟรงค์ก้าวลงจากเตียง เดินไปเปิดไฟในห้องจนสว่างจ้า แล้วกลับมาหาพราวดาวซึ่งเธอกำลังมองเขาอยู่ แววตาสั่นระริกนั่นทำหัวใจแกร่งอ่อนยวบ “เป็นอะไร ตื่นมาทำไม” “นายจัดการกับผู้หญิงคนนั้นยังไงเหรอ” “ทำไมถึงอยากรู้เรื่องนี้ ปกติเธอไม่เคยถามหนิ” “แค่อยากรู้...” “ฉันไม่ปล่อยคนที่มาทำร้ายเธอไว้หรอก” “นายฆ่าเธอเหรอ” “...” “อืม...ฉันไม่ควรถามจริง ๆ สินะ” “นอนเถอะ ไม่ต้องคิดอะไร” “ปวดแผลนิดหน่อย แล้วตอนนี้ก็หิวด้วย” “กินเก่ง ลืมไปเลยว่าเธอกินข้าวไปนิดเดียวเอง” เขาเองก็ลืมไปว่าก่อนเกิดเหตุพราวดาวกินข้าวไปนิดเดียวเอง ไม่แปลกที่เธอจะหิวกลางดึกแบบนี้ “แล้วอยากกินอะไร เดี๋ยวให้คนไปซื้อมาให้” “อยากกินข้าวไข่เจียวฝีมือนาย” “ได้ เดี๋ยวทำให้” “ขอบคุณนะ”
ตอนพิเศษ 2 วันต่อมา แฟรงค์นั่งขัดสมาธิพับใบตองตามที่พราวดาวสั่ง ส่วนลูกน้องคนอื่น ๆ ก็ปูเสื่อนั่งทำกระทงของตนเองอยู่ในสวน เพราะวันนี้เจ้านายจะพาออกไปเที่ยวข้างนอก “เท” หนูพิ้งค์ยื่นดอกไม้ให้แล้วขยับตัวไปนั่งบนหน้าตักของเทนต์ ทำเอาแฟรงค์หยุดชะงักเหลือบตามองลูกน้องอย่างเอาเรื่อง “คุณหนูทำกระทงไหมครับ เดี๋ยวผมสอนพับกระทงนะ” เทนต์ไม่ได้มองเจ้านายและสอนคุณหนูพับใบตองทำกระทงเล็ก ๆ เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยเรียกความสนใจจากเหล่าแม่บ้านและบอดีการ์ดคนอื่นได้เป็นอย่างดี “หนูพิ้งค์อยู่กับเทนต์ก็ดีแล้วค่ะ แกจะได้ไม่ป่วนคนอื่น” พราวดาวห้ามแฟรงค์ที่ตั้งท่าจะเดินไปหาลูกสาว แต่กลับถูกพราวดาวรั้งตัวไว้ด้วยคำพูด “หนูพิ้งค์แกเป็นเด็กเรียบร้อยนะคะ” “เฮ้อ...เรียบร้อยแล้วยังไง แฟรงค์ห่วงลูกมากอยู่ดี” “แฟรงค์ห่วงลูก หวงลูกอะได้ พราวไม่ห้ามหรอกค่ะ แต่คนในบ้านเว้นไว้ได้ไหม อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็ช่วยเลี้ยงยายหนูมานะ” “คนในบ้านก็ไม่น่าไว้ใจเท่าไร ยิ่งหนูพิ้งค์สนิทกับเทนต์มากแค่ไหนแฟรงค์ยิ่งไม่ชอบ” มาเฟียหนุ่มขมวดคิ้วแน
ตอนพิเศษ 1 หนึ่งปีต่อมา กาลเวลาผ่านมาอย่างรวดเร็ว แต่ความรักของเขาและเธอยังคงสดใสเหมือนวันแรกที่คบกัน “หนูพิ้งค์อย่าวิ่งค่ะ เดี๋ยวล้มคุณแม่ไม่โอ๋นะคะ” นางแบบสาวดุลูกสาวตัวน้อยที่กำลังอยู่ในวัยซุกซน เธอวิ่งเล่นอยู่ในสวนหลังบ้าน และได้หันมามองหน้าแม่เมื่อได้ฟังสิ่งที่แม่บอก “หนูจะให้เทโอ๋” เด็กน้อยที่ยังพูดไม่ชัดเท่าไรตอบกลับแม่ ทำเอาพราวดาวอึ้งกินกับสิ่งที่ได้ฟัง “หนูไปเอาคำพูดพวกนั้นมาจากไหนคะเนี่ย หนูพูดแบบนั้นไม่ได้นะคะหนูพิ้งค์” “หนูจะไปหาเท” ว่าจบก็วิ่งหน้าตั้งจนปลายผมถักเปียสะบัดไปมาไปหาเทนต์ที่ห้องพักบอดีการ์ด เด็กน้อยมาแอบอยู่ที่ประตูห้องแล้วกวาดสายตามองหาคนที่จะมาหา เมื่อเห็นเป้าหมายแล้วจึงวิ่งไปกอดขาเทนต์ไว้แน่นจนชายหนุ่มตกใจ “คุณหนูครับ เล่นแบบนี้ไม่ได้นะครับ ถ้าผมถือของมีคมอยู่จะทำยังไง” เทนต์ย่อเข่านั่งลงตรงหน้าหนูพิ้งค์แล้วลูบผมออกจากพวงแก้มแดงปลั่งจากการวิ่งมา เด็กน้อยยังอยู่ในอาการหอบหายใจเร็ว “ไปเย็งกัง” “ไม่เล่นแล้วครับ ตอนนี้ผมทำงานอยู่” “เย็งกัน” ม
บทที่ 69 ตอนจบ หลายเดือนต่อมา “คุณหนูไม่เล่นนะครับ เดี๋ยวคุณพ่อดุเอานะ” เทนต์ลูกน้องคนสนิทแฟรงค์กำลังดุคุณหนูตัวน้อยที่กำลังซนเดินเล่นรอบบ้าน วันนี้มีการนัดกินข้าวและประชุมใหญ่ของตระกูลโสภณ เขากับพี่เลี้ยงคุณหนูพิ้งค์อีกคนจึงต้องพาเธอออกมาเดินเล่นที่สวน เพราะบรรยากาศในห้องรับประทานอาหารไม่ค่อยดีเท่าไร “แอ๊ะ~” เด็กน้อยวัยหนึ่งขวบเดินเตาะแตะล้มบ้างไม่ล้มบ้าง เธอหัวเราะขบขันที่เห็นเทนต์วิ่งตามมาจับแล้วอุ้มขึ้นไปแนบอก “ปาปะ” “ไม่ใช่ครับ ไม่ปะป๋าครับ” เขาปัดเศษหญ้าออกจากตัวคุณหนูแล้วพาเธอเดินไปนั่งลงบนม้านั่ง หนูพิ้งค์นั่งนิ่งฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจพลางปรบมือแปะ ๆ เมื่อเทนต์ไกวชิงช้าไปมาเบา ๆ “ชอบเหรอครับ” “อื้อ~” เด็กน้อยยิ้มแป้นแล้วแหงนมองหน้าเขา หนูพิ้งค์ส่งสายตาหวานเยิ้มและรอยยิ้มที่ทำเอาคนทื่อ ๆ แข็งกระด้างเป็นต้องโอนอ่อนและเผยรอยยิ้มเอ็นดูออกมา “เท...” หนูพิ้งค์เอนตัวไปซบอกแกร่งอย่างออดอ้อนออเซาะ นิ้วน้อย ๆ เขี่ยแก้มเทนต์เบา ๆ พลางทำปากยื่น ๆ “คุณหนูจะเอาอะไรครับ” “หม่ำ ๆ กิงหม่ำ ๆ” “อา...นา
บทที่ 68 ความรัก ในช่วงชีวิตนางแบบคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าชีวิตข้างหน้าจะดังเป็นพลุแตก หรือดับอนาถไม่ได้เฉิดฉายอยู่ในวงการ แต่วันนี้มีผู้ชายคนหนึ่งทำให้เธอรู้ว่าบนโลกใบนี้เธอไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ยังมีเขาที่เป็นดั่งลมหายใจและทุก ๆ อย่างในชีวิต “ขอบคุณมากนะที่รักที่ดูแลกันมา” พราวดาวที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างเอี้ยวหน้ามายิ้มให้คนรักซึ่งแฟรงค์ยืนโอบเอวเธออยู่ด้านหลัง มาเฟียหนุ่มกดปลายจมูกลงบนไหล่มนอย่างแผ่วเบา “หากไม่ใช่เธอ ฉันเองก็ไม่รู้จะเป็นแบบไหน ชีวิตดำเนินไปในทางไหนมากกว่ากันระหว่างเป็นคนเลวกับเป็นคนดี แต่เพราะมีเธอ ชีวิตฉันถึงดีขึ้น เธอเองก็เป็นดั่งดวงใจของฉัน” “ปากหวานแบบนี้อยากให้พราวมีน้องให้หนูพิ้งค์เหรอคะ” แฟรงค์คลี่ยิ้มชอบใจกับคำถามเชิงหยอกล้อแฟนสาว แม้จะรู้ว่าเป็นเพียงการเย้าหยอก แต่เขากลับรู้สึกดีจนต้องซุกหน้าลงกับไหล่พราวดาว หลบสายตาเธอด้วยความเขินอาย “อย่ามาพูดดีกว่า ในเมื่อไม่อนุญาตให้มีอะ” แฟรงค์เบะปากใส่พราวดาว เพราะเธอเป็นคนบอกเองว่าจะยังไม่มีลูกคนที่สองถ้าหนูพิ้งค์ยังไม่สองขวบ “จริง ๆ แล้วลูกอาจจะอยากมีน้องนะ” แฟ
บทที่ 67 ครอบครัว หลายเดือนต่อมา พราวดาวอุ้มลูกน้อยในวัยเจ็ดเดือนไปที่สวนหลังบ้าน เพราะคุณปู่คุณย่ารอเล่นกับหลานอยู่ที่นั่น วันนี้เป็นวันคริสต์มาสเลยมีการแลกของขวัญกันหน่อย “หลานปู่มาแล้ว” พอพิ้งค์ได้ยินเสียงคุ้นหู เธอก็กรีดร้องและดีดดิ้นดีใจที่เห็นหน้าปู่กับย่า “มาหาปู่มาลูก” คาร์ลลุกขึ้นมาอุ้มหลานสาวมาแนบอก พร้อมทั้งหอมแก้มหนูพิ้งค์ไปหนึ่งฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึงมาก ๆ แม้ว่าพราวดาวจะไม่ได้ย้ายมาอยู่กับเขาตามที่พูดกันไว้ แต่ก็พาหลานสาวมาหาทุกวัน ทว่าความคิดถึงปู่กับย่าก็มีให้ทุกวันเหมือนกัน “แอ๊ะ~” หนูพิ้งค์ส่งเสียงอ้อแอ้มองหน้าปู่กับย่าด้วยรอยยิ้มสดใส เธอยกมือขึ้นมาลูบแก้มปู่แล้วซบหน้าลงกับบ่า “นี่หนูง่วงนอนเหรอเนี่ย หรือว่าอยากได้อะไรครับ” “พ่อไม่ต้องตามใจพิ้งค์เลย เดี๋ยวเอาแต่ใจ เสียนิสัยอีก” แฟรงค์รีบดักทางพ่อกับแม่ไว้ เพราะท่านทั้งสองเอาใจและตามใจหนูพิ้งค์เก่งพอ ๆ กับตามใจลูกสะใภ้ พราวดาวคลี่ยิ้มจนตาหยีเมื่อเห็นปู่ย่าทำหน้าสลดเมื่อถูกลูกชายปรามไว้ “ความสุขของท่านค่ะ ให้แกทำเถอะ” “ไม่ได้
บทที่ 66 ความสุข “มันไม่ยากขนาดนั้นหรอกน่าเพื่อน มึงออกจะหล่อ สูงยาวขาวตี๋แบบนี้ ผู้หญิงคนไหนก็อยากเข้าหา” หมอพีทหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกอย่างหนักแล้วหันมองหน้าแฟรงค์อย่างเหนื่อยหน่ายใจ “ก็ถ้าเป็นอย่างที่พูดก็ดีดิ กูเจอแต่คนไม่จริงใจ” “เออน่า ครั้งนี้ต้องเจอคนที่ดีแน่” “สองปีครั้งเนี่ยนะ” “เออ ดีกว่าไม่มีคนมาจีบแล้วกัน” “แหม...มึงมีเมียแล้วก็พูดได้ดิ กูยังไม่มี มันหายากเว้ย!” แฟรงค์หัวเราะขบขันกับสีหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ของเพื่อนรัก “มีเมียไม่พอ ยังหลงลูกหลงเมียอีก” “ก็ธรรมดาไหมวะ” หมอพีทกลอกตามองบนกับสิ่งที่ได้ยิน “เออ...มองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าคุณพ่อป้ายแดงขาโหดอย่างแฟรงค์หลงลูกหลงเมียมากแค่ไหนน่ะ” “ก็จริง ไม่กล้าเถียงเลย” แฟรงค์ยกยิ้มมุมปาก จากนั้นจึงเดินออกมาด้านนอก “ทำอะไรกันครับ” แฟรงค์เดินไปหาพราวดาวแล้วโน้มตัวลงไปโอบกอดเธอไว้หลวม ๆ “กำลังกินน้ำร้อนอยู่ค่ะ คุณแม่โทร. มาบอกให้พราวกินน้ำร้อนบ่อย ๆ แล้วเดี๋ยวอีกสิบห้าวันท่านจะมาหาและให้พราวอยู่ไฟ
บทที่ 65 สุดหวง หลายวันที่พราวดาวพักฟื้นอยู่โรงพยาบาล จนกระทั่งวันนี้หมอให้ออกจากโรงพยาบาลได้ เธอก้าวเข้ามานั่งในรถซึ่งแฟรงค์อุ้มลูกขึ้นมานั่งก่อนแล้ว เธอชะโงกหน้ามองลูกน้อยที่นอนอยู่ในอ้อมแขนพ่อแล้วพ่นลมหายใจออกยาว ๆ “หลับก็ดีค่ะ กลัวจะงอแงตอนนั่งรถ” “ลูกเราไม่งอแงขนาดนั้น” “ค่า~” เธอเอนหลังพิงเบาะแล้วพักสายตาจนมาถึงคอนโด ปภัสสรและคาร์ลพูดกล่อมสองหนุ่มสาวอยู่หลายครั้งว่าให้ไปอยู่ด้วยกัน แต่แฟรงค์กับพราวดาวก็ยืนยันว่าจะเลี้ยงหนูพิ้งค์เอง “มาแล้ว...หลานสาวป้าวิกกี้” วิกกี้รีบเดินเข้ามารับพราวดาวกับลูกน้อง “หนูพิ้งค์คนสวยของป้าวิกกี้ หนูถอดแบบพ่อมาเป๊ะเลยนะลูก” “เห็นไหม มีแต่คนว่าหนูพิ้งค์เหมือนผม” “ก็เหมือนคุณแฟรงค์จริง ๆ หนิคะ” “แล้วไม่เหมือนพราวบ้างเลยเหรอพี่วิกกี้” พราวดาวเบ้ปาก ทำหน้าบูดบึ้งใส่ผู้จัดการสาวที่เอาแต่ป้องปากหัวเราะขบขันกับแฟรงค์ “เหมือนค่ะ เหมือนที่เป็นผู้หญิง” “พี่วิกกี้อ่า...” “พาลูกขึ้นห้องก่อนดีกว่า” ว่าจบแฟรงค์ก็พาลูกสาวและเมียสุดที่
บทที่ 64 ฝึกสมาธิกับหนูพิ้งค์ หลายนาทีต่อมา พราวดาวถูกพาเข้ามาในห้องพักฟื้นพร้อมกับลูกน้อยที่ถูกพยาบาลสาวเข็นตามเข้ามาทีหลัง แฟรงค์กับปภัสสรรีบเดินไปรับตัวเธอ “เป็นไงบ้างลูก” “เจ็บค่ะ” ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกไหนเท่าความเจ็บปวดแล้ว หลังจากงัวเงียอยู่นาน แฟรงค์ก็อุ้มลูกน้อยเดินมาหา “ดูซิ...คุณแม่อยากเห็นหน้าหนูไหมคะ” ไม่ว่าเปล่า แต่เขายังย่อตัวลงพอให้พราวดาวได้เห็นหน้าลูกน้อย เธอคลี่ยิ้มกว้างแล้วยกมือขึ้นมาจับแขนแฟรงค์เบา ๆ “หนูพิ้งค์หน้าได้พ่อหมดเลยค่ะคุณแม่” “จริงลูก หน้าตาเหมือนไอ้ลูกตัวแสบของแม่หมดเลย” ปภัสสรเดินเข้ามาหาลูกชายแล้วรับตัวหลานสาวมาอุ้ม เปลี่ยนกันเพื่อให้แฟรงค์ดูแลพราวดาว “แล้วคุณพ่อล่ะคะ” เธอเอ่ยถามเสียงเรียบ “เดี๋ยวคงตามมาน่ะลูก ติดประชุมใหญ่” “อ๋อค่ะ” “พักผ่อนเถอะลูก” หญิงสาวพยักหน้าหงึก ๆ แล้วหลับไปเลย ส่วนแฟรงค์กับแม่ก็นำตัวหนูพิ้งค์ไปให้พี่พยาบาลนำไปที่ห้องทารกแรกเกิด ไว้พราวดาวตื่นจะนำตัวลูกน้อยมาให้กินนมอีกทีหนึ่ง “ยินดีด้
บทที่ 63 คุณพ่อป้ายแดง เข้าเดือนที่เก้า สัปดาห์สุดท้ายของการนับถอยหลังรอวันผ่าคลอด พราวดาวที่ตอนนี้ท้องใหญ่จนเดินเหินลำบากกว่าเดิมเดินมานั่งลงบนโซฟา ซึ่งแฟรงค์กำลังพับผ้าอ้อมเด็กใส่ตะกร้าเตรียมสำหรับไปโรงพยาบาล เธอมองเขาแล้วอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ ก็แฟรงค์ยืนกรานว่าจะทำเองทุกอย่าง ตั้งแต่ซื้อของให้ลูกสาวและซักเสื้อผ้ารวมถึงตอนนี้ที่เขากำลังเตรียมของไปโรงพบาบาล “สนุกไหมคะ เห็นหยิบเสื้อลูกตัวไหนขึ้นมาก็อมยิ้ม” “สนุกและมีความสุขมากเลยละ ไม่น่าเชื่อว่าคนเราจะรู้จักหน้าที่ตนเองมากขนาดนี้ สมองสั่งการอัตโนมัติเลยละพราว” เขาหันมาพูดกับคนรักด้วยใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุข แววตาเปล่งประกายบ่งบอกถึงความสุขที่เขาได้รับจากสิ่งที่กำลังทำอยู่ “พรุ่งนี้ป้าหมอก็ให้หนูไปแอดมิตแล้วนะคะคนสวย เราจะได้เจอกันเร็ว ๆ นี้แล้วนะ” “อยากเจอใจจะขาดแล้วครับคนสวย อยากเห็นว่าหนูจะหน้าเหมือนใครมากกว่ากัน ระหว่างพ่อกับแม่” “ก็ต้องเหมือนนายอยู่แล้ว ตั้งแต่อัลตราซาวนด์แล้ว” “ก็ไม่รู้แหละ เผื่อออกมาหนูแกล้งพ่อทำให้พ่อดีใจ” “ไม่แกล้งหร