ชาร์ลีหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้หลังจากได้ยินคำพูดของจัสมิน “ดูเหมือนว่าคุณไม่อยากจะทำตามกฎของตระกูลมัวร์เลยนะ”จัสมินพยักหน้าก่อนที่เธอจะตอบไปว่า “ฉันไม่อยากถูกผูกมัดกับกฎของตระกูลมัวร์ แต่ฉันก็ไม่มีทางออกอื่นนอกต้องจากทำตามกฎ”“ทำไมล่ะ?” ชาร์ลีถามด้วยท่าทางจริงจัง “ผมคิดว่าปู่ของคุณอาจเปลี่ยนใจหลังจากผ่านอาการป่วยขั้นวิกฤติที่เป็นประสบการณ์เฉียดตายนี้มาก็ได้นะ แล้วคุณก็คือเหตุผลที่ทำให้เขาได้รับการช่วยชีวิตให้มีชีวิตอยู่ และทำให้เขามีชีวิตที่มีสุขภาพดีได้อีกตั้งสองสามปี ถ้าเขารู้สึกขอบคุณ คุณจริง ๆ คุณสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อขออิสรภาพในเรื่องความรักและตัดสินใจเลือกผู้ชายที่คุณอยากแต่งงานด้วยตัวเองได้ ผมเชื่อว่าเขาจะให้อิสระกับคุณในการเลือกสามีของคุณเองอย่างแน่นอน”จัสมินยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัวก่อนจะพูดว่า “นั่นเป็นไปไม่ได้เลย ถึงคุณปู่จะรักฉันจริง ๆ แต่ก็รู้สึกแย่กับฉันด้วย เขาคงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้”“ทำไมล่ะ?” ชาร์ลีถามด้วยสีหน้างงงวย “คุณปู่ของคุณเป็นหัวหน้าตระกูลมัวร์ไม่ใช่เหรอ? เขาเป็นคนที่ควบคุมตระกูลมัวร์ทั้งหมดและทุกสิ่งที่เขาตัดสินใจจะถือเป็นการตัดสินใจขั้นสุดท้าย เขาต้องก
ใครจะไปรู้ว่าคุณท่านวิลสันเป็นเพียงผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนาเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วเธอเป็นคนที่โลภมากและไร้ยางอายในตัวเอง!ในตอนนั้นเขายินดีที่จะคุกเข่าต่อหน้าใครก็ได้ ถ้าคนคนนั้นเสนอที่จะให้เงินสิบล้านบาทแก่เขาไม่มีใครสามารถต้านทานแรงดึงดูดของเงินได้หรอก เมื่อพวกเขาขัดสนผู้ที่สามารถถือว่าเงินเป็นเหมือนสิ่งสกปรกได้จริง ๆ คือผู้ที่มีเงินมากพอที่จะใช้จ่ายเงินร้อยสองร้อยล้านสำหรับชาร์ลีตอนนี้คืออะไรเหรอ? ในตอนนี้ เขามีเงินในบัญชีธนาคารหลายแสนล้านบาทและบริษัทเอ็มแกรนด์กรุ๊ปทำกำไรให้เขาได้เป็นแสนล้านบาทในทุกปี เขาไม่รู้ว่าจะใช้เงินไปกับอะไรแล้วดังนั้นอะไรคือประเด็นที่เขาจะต้องยอมรับเงินสองร้อยล้านบาทจากพวกเขาล่ะ? ชาร์ลีค่อนข้างจะไม่อยากจะรับเงินเท่าไหร่แต่อยากให้พวกเขาคำนับเคารพและปฏิบัติดีต่อเขาในฐานะผู้มีพระคุณของพวกเขาแทน เพื่อที่พวกเขาจะได้แสดงความเคารพนับถือต่อตนมากขึ้นในอนาคตนั่นคือสิ่งที่เขาต้องการจริง ๆแต่เขาจะบอกจัสมินได้อย่างไรว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่?ตอนนี้จัสมินรู้สึกว่าเขาเป็นนักบุญที่ทำกับเงินเหมือนกับว่ามันเป็นสิ่งสกปรกหากเป็นเช่นนั้น เขาก็จะปล่อยให้เธอได้คิดแบบน
จัสมินกลับไปที่คฤหาสน์ของตระกูลมัวร์หลังจากส่งชาร์ลีกลับบ้านในคืนนั้นนายท่านมัวร์ไม่ได้ฟังคำสั่งของชาร์ลีที่บอกให้นอนพักบนเตียงเลย ตอนนี้เขานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เขาคุยกับลุงของจัสมินที่กำลังรายงานสถานการณ์ของตระกูลมัวร์ทั้งหมดให้นายท่านมัวร์ฟังทันทีที่เขาเห็นจัสมินกลับมาที่คฤหาสน์ตระกูลมัวร์ นายท่านมัวร์โบกมือทักก่อนจะพูดว่า “จัสมิน! ฉันรอให้เธอกลับบ้านอยู่พอดี!”“คุณปู่!” จัสมินตอบด้วยความเคารพก่อนที่เธอจะถามว่า “คุณปู่รอหนูทำไมเหรอคะ?”ในเวลานี้นายท่านมัวร์ตอบว่า “วันนี้เธอเป็นคนเชิญคุณเวดมาที่นี่ไม่ใช่เหรอ? เธอช่วยเล่ารายละเอียดให้ฉันฟังหน่อยว่าเธอพบเขาได้อย่างไร?”“ได้ค่ะ คุณปู่!”จัสมินรีบอธิบายทันที “คุณเวดและหนูพบกันโดยบังเอิญที่ร้านวินเทจดีลักซ์ ตอนนั้นคุณเวดอยู่กับพ่อตา…”“พ่อตา?” นายท่านมัวร์ถามขณะที่เขาขมวดคิ้วทันที “คุณเวดแต่งงานแล้วรึ?”"ใช่ค่ะ" จัสมินพยักหน้ารับทันที“ช่างน่าเสียดาย! น่าเสียดายจริง ๆ !” นายท่านมัวร์ตอบในขณะที่เขาส่ายหัวและถอนหายใจ “นี่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริง ๆ !”ในตอนนี้เอง รูเบนรีบพูดต่อว่า “คุณปู่ไม่ต้องกังวลไปครับ! ผมเคยได้ยินข่าวเกี
จัสมินรีบตอบกลับไปว่า “คุณปู่อยากให้หนูทำอะไรเหรอคะ?!”ทันใดนั้น นายท่านมัวร์ก็พูดขึ้นว่า “ฉันต้องการให้เธอทำให้คุณเวดเป็นลูกเขยของตระกูลมัวร์ให้ได้!”“อะไรนะคะ?” ทุกคนที่อยู่ในห้องนั่งเล่นรวมถึงจัสมินทำได้เพียงมองนายท่านมัวร์ด้วยความตกใจในเวลานี้ จัสมินรู้สึกว่าในใจเต้นจนแทบระเบิดอย่างไรก็ตาม เธอยังคงพูดด้วยความรอบคอบ “คุณปู่คะ คุณเวด… แต่งงานแล้วนะคะ”“แล้วยังไง?” ชายชราตอบอย่างแน่วแน่ “ฉันไม่สนหรอกว่าเขาจะแต่งงานแล้ว เขามีเมียมาแล้วกี่คน หรือมีเมียน้อยอีกหลายคน หรือแม้แต่จะมีลูกแล้วหลายคน ยังไงเราก็ต้องจับเขาให้ได้! ฉันอยากมีหลานเขยแบบเขา หากเขาเป็นลูกเขยของตระกูลมัวร์ ธุรกิจของตระกูลมัวร์จะเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน เราจะสามารถก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งในตระกูลที่มีอำนาจและชื่อเสียงได้ ในที่สุดตระกูลมัวร์ก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในประเทศนี้!”จัสมินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เธอก็มีความคาดหวังอย่างแรงกล้าในใจ หลังจากนั้นเธอก็มองไปที่นายท่านมัวร์ ก่อนที่เธอจะตอบไปว่า “ได้ค่ะคุณปู่ หนูเข้าใจแล้ว”นายท่านมัวร์หัวเราะก่อนที่เขาจะพูดต่อว่า “ดี! ดี! ดี! ถ้าเธอ
แคลร์รู้สึกสับสนมาหลังจากได้ยินแม่ของเธอชักชวนให้เธอกลับไปทำงานให้กับวิลสันกรุ๊ปอีกครั้ง เธอจึงถามออกไปว่า “คุณแม่คะ คุณย่าให้ความสุขแบบไหนกับคุณแม่งั้นเหรอคะ? ทำไมคุณแม่ถึงคอยบังคับให้หนูกลับไปทำงานที่วิลสันกรุ๊ปอยู่เรื่อยเลย?”ในเวลานี้ เอเลนวิตกกังวลเป็นห่วงลูกสาวเธออย่างมาก เธอตอบกลับไปอย่างรวดเร็วว่า “ถ้าแกทำงานให้วิลสันกรุ๊ป แกจะได้รับเงินเดือนประจำปีที่แน่นอน มันดีกว่าไปการเริ่มต้นธุรกิจเองไม่ใช่เหรอ? แกจะทำยังไงถ้าแกต้องสูญเสียเงินทั้งหมดไปเพราะแกเลือกที่จะเริ่มต้นธุรกิจของแกเอง? แล้วพ่อของแกกับแม่จะทำยังไง?”แคลร์ตอบอย่างแน่วแน่ว่า “แม่เลิกบังคับหนูเถอะค่ะ! หนูจะไม่กลับไปทำงานให้วิลสันกรุ๊ปอีกแล้ว ถึงหนูจะต้องเป็นขอทานขออาหารข้างถนน แต่หนูก็ไม่มีวันกลับไปทำงานให้วิลสันกรุ๊ปอีกตลอดชีวิต! หนูอาจจะต้องเป็นขอทานขออาหารจากคนอื่น แต่หนูจะไม่มีวันสูญเสียความภาคภูมิใจหรือศักดิ์ศรีของตัวเองเด็ดขาด!”เอเลนจ้องไปที่แคลร์ ก่อนที่เธอจะพูดว่า “ที่แกทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อรักษาความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีของตัวเองแค่นั้นเหรอ?”หลังจากที่เอเลนพูดจบเธอก็เริ่มร้องไห้และพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เสียใจว
หากเป็นเช่นนั้นหลังจากการปรับปรุงคฤหาสน์ใหม่เสร็จสิ้น เธอก็จะไม่มีโอกาสได้อยู่ในคฤหาสน์ที่ซีคมอบให้ชาร์ลีด้วยซ้ำ เอเลนยอมทันทีเมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้ในตอนนี้เธอทำได้เพียงแค่ถอนหายใจก่อนที่จะพูดว่า “ก็ได้ แม่จะสนับสนุนแล้วกัน แม่จะไม่พูดถึงวิลสันกรุ๊ปอีก โอเคไหม?”ในที่สุด แคลร์ก็พอใจและพยักหน้าก่อนที่เธอจะพูดว่า “ค่ะ งั้นเราจะไม่ย้ายออกไปไหน”ชาร์ลีอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วให้แคลร์เมื่อเขาเห็นการประลองของสองแม่ลูกภรรยาของเขาช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ เห็นได้ชัดว่าแคลร์มีประสิทธิภาพมากในการรับมือกับช่วงเวลาที่สำคัญทั้งหมดจาค็อบไม่ได้พูดอะไรเลย แต่เมื่อเขาเห็นลูกสาวของเขาที่ไม่ค่อยจะอารมณ์เสียเท่าไหร่แต่ในที่สุดก็โกรธและหงุดหงิดขึ้นมาได้ เขาเดินออกมาข้างหน้าและพูดว่า “ดูสิ ๆ ! ทำไมคุณต้องทะเลาะ? ครอบครัวมีความสามัคคีกันมันมีความสุขมากกว่าไม่ดีเหรอ?”เอเลนจ้องไปที่จาค็อบด้วยใบหน้าที่ขึงขัง “ก่อนหน้านี้ คุณไม่ได้พูดอะไรสักคำ มาพูดตอนนี้เนี่ยนะ? ถึงชาร์ลีจะไร้ประโยชน์แต่เขายังมีคฤหาสน์ให้เรา ตอนนี้เรามีที่อยู่ใหม่แล้ว แล้วคุณล่ะ? คุณทำอะไรให้กับครอบครัวนี้บ้าง? สิ่งที่คุณรู้อยู่อย่างเดีย
เมื่อจาค็อบพูดแบบนี้ทุกคนก็มองเขาด้วยสีหน้าที่ไม่น่าเชื่อเอเลนถามจาค็อบด้วยความประหลาดใจว่า “คุณกำลังบอกฉันว่า มีคนต้องการใช้เงินสามล้านกับไอ้ของพรรค์นี้น่ะนะ ฉันไม่คิดว่าคุณจะขายได้ในราคาห้าร้อยด้วยซ้ำ!”จาค็อบตอบอย่างมีชัยว่า “ทำไมผมต้องโกหกคุณด้วย? ถ้าคุณไม่เชื่อ คุณดูประวัติข้อความของผมก็ได้นะ?”ทันทีที่เขาพูดจบจาค็อบก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ก่อนที่เขาจะเปิดข้อความและกดไปที่ไฟล์บันทึกเสียงที่แซคารีส่งมาให้เขาในขณะนี้เสียงของแซคารีดังขึ้นจากโทรศัพท์ “ลุงจาค็อบ คุณมีที่เสียบปากกาที่ดีมากอยู่ในมือ! ผมคิดว่าที่เสียบปากกามาจากราชวงศ์ชิงจริง ๆ ! ทำไมคุณไม่ขายที่เสียบปากกาให้ผมล่ะ? ผมจะให้เงินคุณสามล้านบาท!”เอเลนประหลาดใจมากและรีบพูดไปว่า “โอ้พระเจ้า! นี่คุณกำลังพูดความจริง! จาค็อบคุณเหลือเชื่อมาก คุณซื้อที่เสียบปากกาในราคาห้าหมื่นแต่คุณขายได้ในราคาสามล้าน! ถ้าทำแบบนี้อีกสักสองสามครั้งเราก็จะรวยแล้ว!”จาค็อบฮัมเสียงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะถามไปว่า “ตอนนี้คุณมั่นใจแล้วหรือยัง? ในที่สุดคุณก็เชื่อแล้วใช่ไหมล่ะ?”“ใช่ ฉันเชื่อคุณที่สุดเลยค่ะ!” เอเลนตอบทันที เอเลนนั้นเป็นแฟนตัวยงของเงิน
"ได้ครับ เดี๋ยวผมขับให้”ทั้งคู่ขับรถมุ่งตรงไปที่แอนทีคสตรีทด้วยกันเนื่องจากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์จึงมีผู้คนมากมายที่แอนทีคสตรีทแซคารีเปิดแผงขายของของเขามานานแล้วที่แอนทีคสตรีท ดังนั้นเขาจึงมีบูธถาวรของตัวเองบนถนน ชาร์ลีสามารถพบเขาได้ทันทีที่เขาเดินเข้าไปในแอนทีคสตรีทในตอนนี้ แซคารีถือจี้หยกปลอมไว้ในมือขณะที่เขาคุยโม้กับคู่รักต่างชาติ “ผมบอกคุณว่าจี้หยกนี้จักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิงเคบใส่มันก่อนที่เขาจะส่งต่อให้หลานชายและคนรุ่นหลัง หลังจากเปลี่ยนมือเจ้าของมาหลายคน สุดท้ายจี้หยกก็ตกมาอยู่ในมือของฉัน…”“มันมีค่าขนาดนั้นเลยเหรอ?” ชายวัยกลางคนถามด้วยความประหลาดใจ “จี้หยกนี้ราคาเท่าไหร่?”แซคารียิ้มกว้างก่อนที่เขาจะตอบไปว่า “ไหน ๆ เราก็มีโชคชะตาที่จะต้องพบกันในวันนี้ ผมจะขายจี้หยกนี้ให้คุณในราคาหนึ่งล้านแปดแสนเท่านั้น หลังจากออกจากแอนทีคสตรีทไป คุณสามารถขายจี้หยกนี้ให้กับโรงประมูลได้ในราคาอย่างน้อยสิบแปดล้านบาท!”หญิงสาวยิ้มเยาะก่อนที่เธอจะตอบกลับไปว่า “ถ้าคุณสามารถขายจี้หยกนี้ได้เป็นสิบเท่าจากแอนทีคสตรีทแล้วทำไมคุณไม่ทำด้วยตัวเองล่ะ? คุณคิดว่าเราโง่จริง ๆ หรือไง? ไปเถอะค่ะที่รัก! ออก
“โอเค” ชาร์ลีพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “เอาล่ะ ถึงเวลาที่นายต้องออกเดินทางแล้ว”ในเวลานี้จาเวียร์ก็วิ่งเข้าไปหาพวกเขาพร้อมกับแบตเตอรี่สำรองในมือ หลังจากนั้นเขาก็ยื่นแบตเตอรี่สำรองกับสายชาร์จให้กับดีแลนในขณะที่พูดว่า “ดีแลน นี่แบตเตอรี่สำรอง!”ดีแลนหยิบแบตเตอรี่สำรองใส่ไว้ในเป้ หลังจากปาดน้ำตาออกจากใบหน้าแล้ว เขาก็พูดกับทุกคนว่า “คุณยาย คุณตา พ่อ แม่ ลุง อา ผมจะไปแล้วนะคับ…”ทุกคนโบกมือให้เขา “ไปเถอะ อย่าลืมใส่ใจในเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนนะ!”ดีแลนมองไปที่ชาร์ลีอีกครั้งก่อนจะโค้งคำนับแล้วพูดว่า “ผมจะไปแล้วนะครับคุณเวด…”ชาร์ลีส่งเสียงพึมพำในขณะที่พูดว่า “รีบไปเถอะ ไม่งั้นนายจะถูกทำโทษที่ไปถึงช้านะ”ดีแลนรีบพยักหน้าในขณะที่พูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงครับ! ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ!”ชาร์ลีโบกมือแล้วพูดว่า “อืม ไปได้แล้ว!”ดีแลนพยักหน้าก่อนจะหันกลับไปมองเหล่าญาติ ๆ อย่างไม่เต็มใจ จากนั้นเขาก็เริ่มปั่นจักรยาน Phoenix 28 คันใหญ่อย่างหนักหน่วง หลังจากถีบจักรยานไปได้สองสามครั้ง ในที่สุดดีแลนก็ถีบจักรยานจากไปในลักษณะโคลงเคลงซิลเวียเริ่มร้องไห้อย่างขมขื่น ลีโอนาร์ดจึงรีบคว้าเธอมาปลอบโยนอยู่ในอ้อ
เมื่องานเลี้ยงวันเกิดสิ้นสุดลง และแขกคนอื่น ๆ ได้กลับไปแล้ว ดีแลนก็เข็นรถจักรยาน Phoenix 28 คันใหม่ออกมาในเวลานี้จู่ ๆ ดีแลนก็นึกถึงเพลงฮิตที่เขาเคยเห็นในคลิปวิดีโอสั้น ๆ…เพลงนี้ก็คือเพลง ‘ขี่มอเตอร์ไซต์แสนรักของฉัน’...ในขณะที่เขานึกถึงเพลงนี้ เขาก็มองไปที่จักรยาน Phoenix 28 ในสภาพเก่าที่ดูน่าเกลียดนั้น แล้วอดที่จะถอนหายใจไม่ได้ในขณะที่คิดกับตัวเองว่า ‘ถ้าฉันขี่มอเตอร์ไซค์ไปโอลรัสฮิลล์ได้ก็คงจะดีไม่น้อย เพราะจะทำให้ฉันสามารถเดินทางได้ประมาณสามถึงสี่ร้อยกิโลเมตรต่อวัน ซึ่งจะช่วยให้ฉันเดินทางไปถึงโอลรัสฮิลล์ได้เร็วที่สุด จะได้ไม่ต้องทนทุกข์กับความคับข้องใจและความอยุติธรรมมากมายในระหว่างทาง…’แต่ช่างน่าสงสารเหลือเกินที่เขารู้ว่าชาร์จะไม่มีทางเปิดโอกาสให้เขาได้ต่อรองอะไรเลย เขาจึงทำได้แค่เข็นจักรยานออกมาเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางเจริล… ลุงของเขาถือหมวกกันน็อกสีเขียวอยู่ในมือ ในขณะที่พยายามจะสวมให้กับดีแลน ดีแลนหลบเลี่ยงหมวกใบนั้นในขณะที่ถามอย่างอึดอัดใจว่า “ทำไมถึงซื้อหมวกกันน็อกสีเขียวมาให้ผมล่ะลุง? หมวกสีเขียวเป็นสัญลักษณ์ของผู้ชายที่โดนสวมเขานะ…”“อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลยน่า” เจร
"หา? เร็วไปไหม? คุณจะไม่อยู่ที่อีสต์คลิฟฟ์ต่ออีกสักสองสามวันเหรอ?”“ผมทำธุระของผมเสร็จหมดแล้วน่ะ ไม่มีธุระอะไรให้ผมต้องอยู่ที่นี่อีก ผมจะออกเดินทางพรุ่งนี้เลย”เมื่อลอรีนได้ยินดังนี้ เธอก็พูดขึ้นอย่างไม่ลังเลเลยว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะออกจากอีสต์คลิฟฟ์พรุ่งนี้ด้วย เราเดินทางกลับโอลรัสฮิลล์พร้อมกันดีไหมคะ? เราจะได้นั่งเครื่องบินลำเดียวกันชาร์ลีอยากจะปฏิเสธเธอ แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่แสดงความวิงวอนของเธอแล้ว เขาก็ปฏิเสธเธอไม่ลงเพราะไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม… นับเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนเป็นเพื่อนกัน ที่ต้องนั่งเครื่องบินลำเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถหลบเลี่ยงการนั่งเครื่องบินเที่ยวบินเดียวกับเธอได้ชาร์ลีจึงพูดว่า “ได้สิ เรากลับด้วยกันก็ได้”ลอรีนรีบพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวคุณให้รายละเอียดบัตรประจำตัวกับฉันมานะ ฉันจะได้ซื้อตั๋วเครื่องบินของเราพร้อมกัน!”“โอเค”***ในขณะที่งานเลี้ยงวันเกิดยังคงดำเนินอยู่นั้น ลุงและอารองของดีแลนก็ได้ตระเตรียมการเดินทางด้วยการปั่นจักรยานไปยังโอลรัสฮิลล์ให้ดีแลนเรียบร้อยแล้วพวกเขาได้ให้คนไปซื้อจักรยาน Phoenix 28 รุ่นเก่ามา แล้วติดตั้งชั้นวางสัมภา
หลังจากนั้นงานเลี้ยงวันเกิดก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการมีการจัดที่นั่งให้กับชาร์ลีเป็นพิเศษในฐานะที่เขาเป็นแขกผู้มีเกียรติสูงสุด โดยเขาได้นั่งอยู่ข้างนายท่านโธมัสกับลอรีนและริกลีย์หลังจากนั้นสมาชิกของตระกูลโธมัสก็ผลัดกันดื่มอวยพรให้เขา โดยทั้งการแสดงออกทางสีหน้า น้ำเสียง และการกระทำล้วนเต็มไปด้วยการสรรเสริญเยินยอ ชาร์ลีไม่มีอะไรจะพูดมากนัก เมื่อมีคนมาดื่มอวยพรให้เขา เขาก็แค่ดื่มอวยพรกลับไป ซึ่งถึงแม้ดีแลนจะเป็นคนมาดื่มอวยพรให้เขา เขาก็ดื่มอวยพรกลับไปอย่างง่ายดายในเวลานี้ริกลีย์ก็ยังมาดื่มอวยพรให้กับชาร์ลีอย่างระมัดระวังด้วย โดยเขาได้เยินยอแล้วพูดว่า “คุณเวดครับ ผมมีเรื่องจะถามคุณหน่อยครับ…”ชาร์ลีรู้อยู่แล้วว่าเขาจะถามอะไรก่อนที่เขาจะเริ่มพูดออกมาด้วยซ้ำไป เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการให้ชาร์ลีช่วยฟื้นคืนสมรรถภาพ เพื่อให้เขากลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้งแต่เมื่อพิจารณาถึงเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่ครอบครัวของพวกเขาได้ทำกับครอบครัวของยูลแล้ว ชาร์ลีก็ยังแน่ใจว่าเขาจะไม่ยอมฟื้นคืนสมรรถภาพให้พวกเขาในตอนนี้ผู้ที่เป็นผู้ใหญ่แล้วจะต้องชดใช้และรับผิดชอบต่อการกระทำของพวกเขา ไม่อย่างนั้นแล้วพวกเขาจะได้บทเ
ชาร์ลีหยิบภาพวาดที่ยูลมอบให้เขาจากมือของดีแลน ก่อนจะยื่นให้กับยายของลอรีนด้วยตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็พูดว่า “คุณยายโธมัสครับ นี่เป็นของเล็ก ๆ น้อย ๆ จากแคลร์และผมครับ ผมหวังว่าคุณยายจะรับมันไว้ และผมอยากจะขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นไปเมื่อกี้นี้ ด้วยวันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณยาย ผมหวังว่าคุณยายคงจะให้อภัยผมนะครับ”คุณท่านโธมัสรู้สึกปลื้มใจแล้วรีบพูดขึ้นว่า “คุณเวด ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ จริง ๆ แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้เป็นเพราะหลานชายของฉันทำอะไรผิดไป ฉันมาคิดดูแล้ว… ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเราละเลยในการอบรมสั่งสอนหลานของเรา จึงทำให้คุณเวดต้องเดือดร้อน”ในขณะที่เธอพูดอยู่นั้น เธอก็มองดูภาพวาดก่อนจะพูดว่า “คุณเวดคะ ภาพวาดนี้มีมูลค่ามากเหลือเกิน ฉันคงรับของขวัญชิ้นนี้ไว้ไม่ได้หรอกค่ะ!”ชาร์ลีรีบพูดว่า “คุณยายโธมัสครับ ของขวัญชิ้นนี้เป็นเพียงของเล็ก ๆ น้อย ๆ จากแคลร์และผม มูลค่าของของขวัญชิ้นนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย คุณยายไม่ต้องเกรงใจผมหรอกครับ พูดตามตรงนะครับ ผมไม่ได้ใช้จ่ายเงินกับของขวัญชิ้นนี้เลยด้วยซ้ำ เพราะคุณโกลดิ้งจากโกลดิ้งกรุ๊ปมอบภาพวาดนี้ให้ผม แล้วผมก็นำมา
เมื่อได้ยินว่าเขาจะต้องไปขนปูนซีเมนต์ในไซต์ก่อสร้าง ดีแลนก็ส่ายหัวอย่างบ้าคลั่งทันที!เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เขาคงต้องทนทุกข์ทรมานและรู้สึกคับข้องใจเพียงเล็กน้อย ถ้าเขาต้องอาศัยอยู่ในชุมชนแออัด โดยมีค่าครองชีพเดือนละหนึ่งหมื่นบาท แต่ถ้าเขาต้องไปขนปูนซีเมนต์ในไซต์ก่อสร้าง เขาก็คงต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก และต้องเจอะเจอความยากลำบากมากมายในไซต์ก่อสร้างแห่งนั้นเขาจึงพยักหน้าแบบไม่คิดอะไรทันที “คุณเวดครับ ผมยอมรับเงื่อนไขทั้งหมดของคุณแล้ว ผมจะไม่ต่อรองอะไรกับคุณแล้วครับ! ขอแค่อย่าส่งผมไปไซต์ก่อสร้างนั้นเลยนะครับ…”ชาร์ลีรู้สึกพอใจมากแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “อย่าลืมปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีหลังจากนายไปถึงที่โอลรัสฮิลล์แล้ว อย่าสร้างปัญหาอะไรเพิ่มขึ้นมาอีกล่ะ ถ้านายยังคงอยู่ที่อีสต์คลิฟฟ์ต่อไป ทายาทที่ชอบเยาะเย้ยถากถางคนอื่นอย่างนาย ก็อาจก่อให้เกิดหายนะที่ร้ายแรงกว่านี้ได้ในสักวันหนึ่ง นายอาจเข้าไปพัวพันและทำให้ให้ตระกูลโธมัสและตระกูลโคชต้องเดือดร้อนได้!”ในเวลานี้สองพี่น้องอย่างเจริลและจาเวีย์ก็อดที่จะตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้ดูเหมือนคำพูดของชาร์ลีจะทำให้คนทั้งคู่
สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดก็คือ การปั่นจักรยานอย่างยากลำบากจากอีสต์คลิฟฟ์ไปยังโอลรัสฮิลล์แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ยังพอรับได้ การที่ต้องปั่นจักรยานเป็นเวลาครึ่งเดือน ก็ยังดีเสียกว่าการนอนบนเตียงอยู่ครึ่งเดือนหลังผ่าตัดนอกจากนี้เขายังรู้สึกคับข้องใจอย่างมากในระหว่างการผ่าตัดครั้งล่าสุด ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังไม่หายดีเลย ถ้าเขาต้องเข้ารับการผ่าตัดแบบเดิมอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ เขาก็จะต้องได้รับความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าอย่างแน่นอนในเวลานี้ชาร์ลีพูดขึ้นมาว่า “ฉันให้นายไปที่โอลรัสฮิลล์ก็เพื่อให้นายได้ไปปรับปรุงตัวและกลับเนื้อกลับตัวใหม่ นายคิดว่า การที่ฉันให้นายไปที่โอลรัสฮิลล์เพื่อให้ไปสนุกสนานกับชีวิตที่นั่นเหรอ? จะบอกอะไรให้นะ นายจะต้องปั่นจักรยานธรรมดา ๆ อย่าง Phoenix 28 เท่านั้น ใช้อย่างอื่นไม่ได้เลย! ไม่งั้นฉันจะให้นายปั่นจักรยานไปโอลรัสฮิลล์พร้อมกับเกวียนที่บรรทุกก้อนอิฐไปจนเต็มคัน!”“แล้วหลังจากนายไปถึงโอลรัสฮิลล์ นอกจากนายจะต้องคอยขับรถรับส่งให้กับลอรีนแล้ว นายต้องเช่าห้องเดี่ยวในชุมชนแออัดคลิฟฟ์คูลส์ด้วย ค่าใช้จ่ายรายเดือนรวมถึงค่าเช่าบ้านของนายจะต้องไม่เกินเดือนละหนึ่งหมื่นบาท!”
เมื่อเขาได้ยินว่า จะต้องขี่จักรยานจากอีสต์คลิฟฟ์ไปยังโอลรัสฮิลล์ตลอดทาง และต้องอยู่ในโอลรัสฮิลล์ในฐานะคนขับรถเป็นเวลาหนึ่งปี ดีแลนก็รู้เหมือนกำลังจะตายไปแล้วจริง ๆ ประเด็นก็คือระยะทางจากอีสต์คลิฟฟ์ไปโอลรัสฮิลล์นั้น มีระยะทางมากกว่า 1,200 กิโลเมตร เขาจะไม่ตายเพราะหมดแรงถ้าต้องปั่นจักรยานไปตลอดทางจริง ๆ เหรอ?แล้วตอนนี้ก็อยู่ในเดือนธันวาคมซึ่งเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว เขาจะต้องขี่จักรยานตลอดทางไปจนถึงภาคใต้ แล้วไม่ได้รับอนุญาตให้พักในโรงแรมเลยด้วย ข้อกำหนดเหล่านี้รุนแรงเกินไปไม่ใช่เหรอ?ดีแลนรู้สึกเสียใจมากและน้ำตาก็เริ่มไหลอาบใบหน้านี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันเนี่ย… เขาเป็นนายน้อยคนที่สามของตระกูลโคช แต่จะต้องขี่จักรยานไปจนถึงโอลรัสฮิลล์? เขาจะไม่ล้มตายไปในระหว่างทางหรอกเหรอ?คงจะน่าทึ่งมากถ้าเขาสามารถปั่นจักรยานได้วันละห้าสิบ หรือหกสิบกิโลเมตรระยะทางกว่า 1,200 กิโลเมตร เขาจะต้องปั่นจักรยานไปประมาณยี่สิบวัน!แต่นี่มันเดือนธันวาคมแล้วนะ!เขาสะอึกสะอื้นพร้อมกับพูดว่า “คุณเวดครับ ถ้าผมเริ่มปั่นจักรยานไปโอลรัสฮิลล์ กว่าจะถึงที่นั่นก็คงเป็นเดือนมกราคมแล้ว น้องสาวผมจะต้องกลับมาฉลองปีใหม่ที่
ลอรีนดีใจมากแล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ขอบคุณมากนะคะชาร์ลี!”ชาร์ลีรีบพูดว่า “รอเดี๋ยวนะ ผมจะไม่บังคับให้เขากลืนจี้หยกเข้าไป แต่ยังต้องลงโทษเขาด้วยวิธีอื่น ไม่งั้นเขาคงไม่จดจำไว้เป็นบทเรียน”ลอรีนรีบถามว่า “คุณจะลงโทษเขาด้วยวิธีไหนคะ ชาร์ลี? คงไม่ร้ายแรงไปกว่าการกลืนจี้หยกเข้าไปแล้วใช่ไหมคะ?”“ไม่หรอกครับ ชาร์ลียิ้มเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า “คุณมั่นใจได้เลยว่า การลงโทษครั้งนี้จะส่งผลดีกับตัวเขาอย่างแน่นอน”ในที่สุดลอรีนก็รู้สึกสบายใจในขณะที่พูดอย่างเสน่หาว่า “ขอบคุณนะคะชาร์ลี ขอบคุณที่ให้อภัยพี่ชายของฉัน และปล่อยเขาไปเพราะเห็นแก่ฉัน ถ้าอย่างนั้น คุณให้โอกาสฉันได้ตอบแทนคุณดีไหมคะ…”ชาร์ลีถามด้วยความประหลาดใจ “คุณจะตอบแทนผมยังไงเหรอ?”ลอรีนกะพริบตาในขณะที่ยิ้มและพูดอย่างตั้งใจว่า “ฉันสัญญาว่าจะแต่งงานกับคุณ และให้กำเนิดลูกชายตัวอ้วน ๆ เพื่อคุณ! คุณคิดว่ายังไงคะ?”ชาร์ลีตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “อย่าพูดอะไรแบบนี้อีก ผมเป็นสามีของเพื่อนสนิทของคุณนะ!”ลอรีนพยักหน้าก่อนจะพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันรู้ค่ะ แต่คุณทั้งคู่แต่งงานกันแบบปลอม ๆ นี่! ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการแต่งงานกันอย่างแท้จริง! จริง ๆ แล