การปรากฏตัวของธนัญญา สร้างความแตกตื่นให้กับบรรดานักข่าวและผู้คนที่รอดูการแถลงข่าวอยู่ ณ.บริเวณนั้น จนเกิดเสียงระเบ็งเซ็งแซ่ไปหมด ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าคู่รักของผู้จัดการฝ่ายผลิตหนุ่ม จะเป็นลูกสาวมหาเศรษฐีระดับต้นๆ ตระกูลดังอย่างสินธรธนารักษ์
“คุณธนัญญา คือคู่รักของคุณเขตรัฐหรือครับ”
“ค่ะ”
“คุณทั้งคู่คบหากันมานานแล้วหรือคะ”
“เราคบกันตั้งแต่สมัยเรียน”
ธนัญญาตอบนักข่าวออกไปเช่นนั้น ทำให้เขตรัฐถึงกับมองหน้าเธอ ด้วยสายตาไม่คาดคิดว่าเธอจะกล้าโกหกต่อหน้าสื่อ
“ถ้าคบกันมานานแล้ว ทำไมไม่เคยเห็นมีข่าวด้วยกันมาก่อนเลย”
นักข่าวพยายามขุดหาความจริง
“ก็เหมือนที่คุณเขตรัฐให้สัมภาษณ์ เพราะเราไม่ต้องการเปิดเผย และฐานะอย่างดิฉัน พวกคุณคิดว่ามันจำเป็นหรือคะที่จะต้องป่าวประกาศบอกใครๆ เราก็เหมือนหนุ่มสาวทั่วไปที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ศึกษาดูใจกัน ไม่ไหวก็เลิกรา ถ้าดีก็ไปต่อ”
เ
ร่างที่กอดก่ายบนโซฟาแคบอย่างอ่อนแรง เขตรัฐขยับกายออก และตัดสินใจอุ้มธนัญญาไปนอนยังเตียงนุ่มของเธอแทน ธนัญญาดูอ่อนแรงและเจ็บบริเวณที่ถูกรุกล้ำ จนร่างกายงอคุดคู้“คุณเจ็บมากหรือ”เขตรัฐถามธนัญญาเสียงอ่อน เมื่อเห็นงอตัวเมื่อวางลงบนเตียง เขากอดเธอไว้เพื่อปลอบประโลม เมื่อเริ่มผ่อนคลาย เขาจึงผละไปอาบน้ำและชำระร่างกายตนเอง เก็บเสื้อผ้าที่โยนทิ้งเกลื่อนบนพื้น จากนั้นจึงน้ำผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามเนื้อตามตัวให้ธนัญญา เขาเปิดตู้เสื้อผ้าก่อนจะพิจารณาหาชุดนอนที่มีของเธอและอดที่จะร้อนผ่าวที่ใบหน้าไม่ได้ เพราะมีแต่ชุดบางเบา เขาเลือกชุดหนึ่งมาสวมใส่ให้เธอร่างกายกึ่งหลับกึ่งตื่นของเธอไม่ปฏิเสธสิ่งที่เขาทำให้ เขตรัฐนำยาแก้ปวดลดไข้มาให้เธอ มันอาจช่วยบรรเทาอาการเจ็บของเธอได้บ้าง“ร่างกายของคุณเครียดเกินไป”เขตรัฐกอดเธอไว้ แม้เขาจะยังไม่เต็มอิ่มกับมัน แต่เขาก็ต้องหักห้ามตัวเองไว้ ไม่ให้ทำร้ายเธอมากไปกว่านี้ กลิ่นกายของธนัญญาทำให้เขาหยุดเ
การเปิดประชุมวาระใหม่ เรื่องการเปิดตัวผลิตภัณฑ์น้ำหอมใหม่ ซึ่งน้ำหอมตัวแรกมีมติเลือก คือน้ำหอมที่นับหนึ่งใช้ประจำภายใต้ลิขสิทธิ์ของเธอเอง ส่วนตัวใหม่ที่จะเสนอในวันนี้ เป็นน้ำหอมที่นับหนึ่งคิดค้นมันเพื่อมอบให้กับ ธนญ นั่นเอง ตัวอย่างน้ำหอมถูกจ่ายแจกให้คณะผู้เข้าร่วมประชุมได้ลองทดสอบกลิ่น“น้ำหอมตัวนี้จะเป็นน้ำหอมผู้ชายค่ะ”“ผมมองว่าในเมื่อเรามีน้ำหอมผู้หญิงที่เข้าเทรนด์แล้ว จะเป็นการดีที่จะเปิดตัวน้ำหอมผู้ชายไปพร้อมกันด้วย ผมเลยขอให้คุณนับหนึ่ง ทำน้ำหอมกลิ่นนี้มาให้ทุกท่านลองพิจารณาไปในคราวเดียว”นับหนึ่งแนะนำน้ำหอมใหม่ที่นำมาเสนอในวันนี้ พร้อมกับธนญที่เสริมแนวคิดของเขาเอง จึงเกิดความคิดที่จะเปิดตัวสินค้าน้ำหอมชายหญิงไปพร้อมกันในคราวเดียว“ดิฉันทำไว้สองสูตร คือสูตรมาตรฐาน และสูตรพิเศษ”“ทำไมถึงต้องมีสองสูตรล่ะครับ”คชา ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์เอ่ยถามนับหนึ่งด้วยความสงสัย ขณะที่ลองดมกลิ่นน้ำหอมที่เธอนำเสนอ 
คนของปกรณ์ที่ไปซุ่มรอดูเกศิตาอยู่ที่ย่านเอกมัย หน้าเวโรนิกา โฮสต์คลับ เกือบจะถอดใจย้ายไปที่อื่น ทันทีที่สตาร์ทเครื่องยนต์ เกศิตาก็ปรากฏโฉม เธอลงมาจากรถแท็กซี่คันหนึ่ง ไม่ไกลจากบริเวณที่เขาจอดซุ่มอยู่ แววตาลิงโลดของเขาที่สุดแสนจะดีใจ ทอประกายวาบ รีบร้อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารายงานหัวหัวหน้าของเขาโดยทันที“เธอมาแล้วครับหัวหน้า”“จับตาดูเธอไว้ หาคนไปประกบข้างในได้ยิ่งดี”“ครับ”ปกรณ์ออกคำสั่งให้เขาจับตาเธอไว้อย่าให้คราดสายตาไปได้ เพราะกว่าสองสัปดาห์ที่หาตัวเกศิตา เขาถูกปารวัตรตำหนิในความล่าช้าในการติดตาม จนถึงกับจะจ้างนักสืบเอกชนแทนหลังจากเกศิตาได้เลือกชายหนุ่มรูปร่างดี หน้าตาคมเข้ม จากพนักงานต้อนรับ ให้มานั่งเป็นเพื่อนเธอในร้านได้แล้ว บอร์ดี้การ์ดหนุ่มซึ่งทำท่าจะตามเข้าไป ถูกการ์ดของคลับแห่งนี้กันไว้ เพราะที่นี่รับแต่แขกผู้หญิง เขามาได้แค่ด้านหน้าเท่านั้น เขาจึงต้องใช้วิธี ให้เงินกับพนักงานในร้านรายห
จิตแพทย์หญิงวัยกลางคนที่ให้คำปรึกษากับเกศิตา มองดูเธอและยิ้มให้อย่างอ่อนโยน เมื่อเห็นสหัสวรรษโอบกอดเธอเพื่อปลอบประโลมให้คลายความตื่นเต้น“ให้เขาอยู่ด้วยได้ไหมคะ”“ขึ้นอยู่กับคุณเลยค่ะ ว่าคุณไว้ใจให้เขารู้เรื่องของคุณได้มากแค่ไหน ช่วงแรกไม่ได้มีความลับอะไร แค่ให้คุณทำแบบทดสอบนิดๆ หน่อยเพื่อเป็นการประเมินเบื้องต้นเท่านั้นค่ะ”คำตอบของแพทย์หญิงทำให้เกศิตาคลายกังวลลงมาก ขณะที่มีการทำแบบทดสอบนั้น การพูดคุยเรื่องทั่วไปให้ผ่อนคลาย จนเธอไม่พยายามปิดกั้นตัวเองจนเกินไป แม้จะใช้เวลาไม่นาน แต่ทางคุณหมอกลับพบบางอย่างที่น่าสนใจ และเก็บเป็นข้อมูลสำหรับการรักษาและบำบัดต่อไป“เดี๋ยวหมอจะทำนัดให้มาพบคราวหน้า แต่หมอมีการบ้านให้คุณเกศิตาไปทำด้วยนะคะ อยากทำก็ค่อยทำ ไม่อยากทำก็เก็บไว้ให้สบายใจก่อนค่อยนำออกมาทบทวนก็ได้ค่ะ หมอไม่ได้บังคับ”คุณหมอยิ้ม และมอบชุดแบบทดสอบชุดหนึ่งให้กับเธอ ด้วยใบหน้าที่อบอุ่นและยิ้มแย้มเช่นเคย เกศิตารับมันมา
ปารวัตรมีสีหน้าครุ่นคิด เขากำลังนึกถึงภาพถ่ายสหัสวรรษกับเกศิตาที่ปกรณ์นำมาให้เขาดู“คิดอะไรอยู่คะ”ณัฐการสังเกตเห็นใบหน้าที่เคร่งเครียดของปารวัตร ขณะที่รับประทานอาหารเย็น“คุณโตมากับหัส ทำไมจนป่านนี้ เขาถึงยังไม่แต่งงาน”“พี่หัสมีโลกส่วนตัวสูง ชอบอิสระ อีกทั้งพี่หัสเองก็ป่วย”ถึงจุดนี้ ณัฐการหยุดพูดไป ทำให้ปารวัตรเงยหน้าขึ้นมองอย่างแปลกใจ“ป่วยหรือ”“เรื่องนี้ อิ๋งอยากให้คุณถามพี่หัสเองดีกว่า อิ๋งพูดไม่ได้”ณัฐการยิ้มให้เขา แม้ไม่อยากมีความลับ หรือปิดบังเรื่องใดกับเขา แต่ในเมื่อมันเป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่น เธอก็ไม่อาจเล่าให้เขาฟังได้เช่นกันผ่านไปเกือบสองสัปดาห์ ปารวัตรเอาแต่ครุ่นคิดและกังวลเรื่องของเกศิตา จนป่านนี้ยังไม่มีวี่แววว่า สหัสวรรษจะบอกเขาเรื่องที่ติดต่อมีสัมพันธ์กับเธอให้เขารู้เลยสักนิด เขาไม่แน่ใจว่าสหัสวรรษมีเจตนาดีหรือไม่ดีต่อเธอกันแน่ แม้เขาจะกลับมาคบกับเพื่อนที่เคยบาดหมางกันมานาน อย่างสหัสว
ปารวัตรมองหน้าของสหัสวรรษและนิ่งงันไป เขาคบกับสหัสวรรษมาตั้งแต่สมัยเรียนมาด้วยกันที่อังกฤษ แต่เขากลับไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขาป่วย แต่คำพูดของเขา ทำให้ปารวัตรนึกย้อนไปในอดีต ที่เขามีท่าทีแปลกๆ ตอนที่รู้ว่าเขากับอัญชิสาตกลงปลงใจที่จะคบกันเป็นคู่รัก“ทำไมนายถึงป่วย”ปารวัตรถามสหัสวรรษด้วยความรู้สึกยากที่จะเชื่อ เพราะเขาแทบจะไม่เห็นความผิดปกติใดๆจากสหัสวรรษมาก่อน จนกระทั่งวันที่อัญชิสา ขอกลับมาคืนดีกับเขา ที่สหัสวรรษโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ราวกับคนเสียสติ แต่เพียงชั่วครู่เขาก็สามารถควบคุมสติของตัวเองได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น“เด็กที่โต กว่าแย่ง หุ่นยนต์ตัวโปรดที่ฉันรักมากไป แล้วเขาก็ใช้เท้าเหยียบมันจนพัง ฉันโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ตอนที่ถูกแย่งของ ฉันได้แต่กรีดร้องแทบขาดใจ และช็อคไปในที่สุด ฉันป่วยอยู่หลายวัน จิตใจฉันต่อต้านคนรอบข้าง ฉันไม่ยอมพูดกับใคร เอาแต่เก็บตัวเงียบ ไม่ออกไปเล่น เวลาเห็นใครที่มีของรัก ม
ความตึงเครียดระหว่างเขตรัฐกับธนญ ทำให้คนอื่นพลอยเกร็งไปด้วย แม้จะพยายามหาเรื่องอื่นๆมาชวนคุยแล้วก็ตาม“ผมกำลังจะขยายกำลังการผลิตและตลาดเครื่องดื่มของเราไปที่เวียดนาม”“ว้าว! ต่อไปรุ่งเรืองกรุ๊ปคงเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคในไม่ช้าแน่”ปารวัตรยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ คำพูดของธนญ คือเป้าหมายภายใต้การนำของเขา“ใจจริงผมอยากให้เขตรัฐเป็นคนดูแลการก่อสร้างและควบคุมการผลิตที่โรงงานในเวียดนาม ผมกับคุณทวีปมีแผนผลักดันเขาให้แทนตำแหน่งคุณทวีปที่ใกล้จะเกษียณในอีกสามปีข้างหน้า แต่เขตรัฐกลับปฏิเสธ”ธนญหันไปมองหน้าเขตรัฐที่เงียบขรึม วางสีหน้าปกติ มองต่ำหลบสายตาของเขา ก่อนจะเอ่ยถาม“ทำไมนายถึงปฏิเสธล่ะ”“ผมอยากเปิดโอกาสให้คนอื่นๆ ได้สมัครร่วมโครงการนี้ด้วย เพราะการบังคับไปไม่ใช่ผลดีกับคนที่ไม่เต็มใจสักเท่าไหร่”“นายไม่เต็มใจไปอย่างนั้นหรือ”ธนญถาม“เปล่าครับ”“ในเมื่อเป็นโอกาส ทำไ
อาการคลื่นเหียน อาเจียน จนรับประทานอาหารไม่ได้ของมินตราเพิ่มมากขึ้น จนเธอวิตกกังวล ไม่เป็นอันทำงาน เพราะสิ่งที่ผิดปกติในร่างกายตอนนี้มันมีสัญญาณมาจากการที่รอบเดือนของเธอขาดหายไปกว่าสัปดาห์ จากวันที่กำหนดคร่าวๆ ที่บันทึกรอบเดือนก่อนของเธอมินตราพยายามปกปิดอาการเหม็นกลิ่นน้ำหอมของนับหนึ่ง แต่ในที่สุดเธอก็ทนมันไม่ได้อีกต่อไป มินตราวิ่งเข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน เธออาเจียนจนหมดไส้หมดพุงหมดเรี่ยวแรง ก่อนจะออกมาล้างปาก ล้างหน้าตาให้ตัวเองสดชื่นขึ้น เสียงซุบซิบและแอบมองมินตรา ทำให้เธอหมดความมั่นใจ ซึ่งนับหนึ่งก็สังเกตุเห็นเช่นกัน“คุณไม่สบายหรือเปล่ามินตรา”“พอดีนอนน้อยไปหน่อยค่ะ ผอ. ก็เลยเวียนศีรษะ”เย็นวันศุกร์ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน มินตราตัดสินใจซื้อชุดทดสอบการตั้งครรภ์จากร้านขายยาแห่งหนึ่ง ก่อนจะตรงกลับห้องพัก ผิดจากทุกครั้งที่วันสุดสัปดาห์ของการทำงานเช่นนี้ เธอจะไม่พลาดที่จะออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆของเธอเหมือนเช่นเคยมือของมินตราสั่น
อาการบอบช้ำตามร่างกายของวิกรม ทุเลาลงมาก เขาร้อนใจ เมื่อพนมกรมารายงานความคุ้มคลั่งของอักษะที่นับวันจะทวีความรุนแรง และออกคำสั่งที่ดูเหมือนคนขาดสติและมิได้ไตร่ตรอง เรื่องหนึ่งไม่ทันจะหายเรื่องใหม่ก็เข้ามาพนมกรประคองร่างที่ยังเดินได้ไม่ดีนักของวิกรมมาที่รถของเขา ก่อนจะรีบเปิดประตูให้วิกรมได้นั่งสบายๆที่เบาะหลัง เขาปฏิบัติต่อวิกรมต่างจากอักษะ ราวกับวิกรมนั้นเป็นนายใหญ่แทนอักษะเสียอีก ดูจะมีความเคารพยำเกรงและเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าเสียด้วยซ้ำไม่ทันที่พนมกรจะขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ เสียงโทรศัพท์ของวิกรมก็ดังขึ้น“เรื่องที่ผมเคยขอให้คุณวิกรมลองตัดสินใจ ตอนนี้ผมตัดสินใจได้แล้ว ผมจะไม่รอคำตอบจากคุณอีกแล้วครับ ผมเลือกแล้ว”“มีอะไรหรือคุณเมืองนาย คนของผมเพิ่งมารับผมออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คุณวิกรมทบทวนข้อเสนอของนายธนญหรือยัง ก่อนหน้าที่ผมเคยบอกกับคุณไว้ ว่ามันเป็นทางเลือกที่ดี และผมฝากคุณวิกรม ไปบอกท่านอักษะด้วยว่า ผมขอยุติการเป็นตัวแทนในการทำธุรกรรมทางการเงินผิดกฎหมายนั่น ถึงผมจะรักเงินมากแค่ไหน แต่น้องชายของผมก็สำคัญกว่าเงินนั่นมากกว่าเป็นหลายเท่า อย่าได้ริอาจมาแตะต้องน้องชา
พระแพงมองแผ่นหลังกว้างของสืบสาย ที่แสงจันทร์จับเป็นเงาวาววับ เสียงพูดคุยที่เบา แต่น้ำเสียงหนักแน่น แม้จะได้ยินไม่ถนัดนัก แต่ก็พอเข้าใจจากโทนเสียง น้ำหนักเสียงหนักเบาของเขา ที่แฝงไปด้วยความจริงจังเคร่งเครียดสืบสายรับโทรศัพท์ของธนญที่เรียกเข้ากลางดึก หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเสร็จกิจกันผ่านไปไม่นานนัก นับหนึ่งที่หมดแรงหลับไปแล้ว ส่วนพระแพงเองก็ไม่ขยับตัวเมื่อสืบสายประคองศีรษะของเธอออกจากไหล่ของเขา เพื่อที่จะลุกไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียงสืบสายนั่งอยู่ที่ปลายเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า หันหลังให้พระแพงที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่น ปิดคลุมไว้แค่เนินอก จนกระทั้งรู้สึกว่าไออุ่นที่เคยได้รับจากกายของสืบสายหายไป และไหล่ของเธอเริ่มเย็นเฉียบ จนรู้สึกขนลุก อีกทั้งเสียงใครบางคนที่กำลังคุยกับใคร ทำให้พระแพงค่อยๆ ลืมตา และเพ่งมองไปที่แผ่นหลังของสืบสาย เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเขา“ฉันจะให้คงทรัพย์ ส่งคนไปเฝ้าคนร้ายที่โรงพยาบาลทันที ฉันกลัวจะเหมือนคราวที่แล้วอีก คราวนี้เราต้องมีพยานบุคคลให้ได้ แล้วเพื่อนนายเป็นอะไรมากไหม”“เมืองเหนือปลอดภัย แผลแค่ถากๆ แต่เจ้าหน้าที่หญิงที่ถูกจ
ชายที่ตามไล่ล่าพลอยฟ้า ชะงักฝีเท้าทันที ที่เห็นกลุ่มคนมากมายอยู่ที่รถของพวกเขา แต่ไม่ทันที่จะหลบวิ่งหนีกลับเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งก็ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง“หยุดนะ ไม่งั้นฉันยิ่ง”ทำให้ตำรวจนายอื่นประทับลำกล้องขึ้นไกปืนทันที แต่คนร้ายกลับไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวกับคำขู่เลยสักนิด พวกเขาวิ่งกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนตำรวจนายนั้นลั่นกระสุนตามทันที จนเสียงดังกึกก้องป่า ราวกับเสียงฟ้าคำรามยามฟ้าฝนกระหน่ำเช่นนี้ พร้อมกับไว่ไล่ตามไป“เกิดอะไรขึ้นครับ”เมืองเหนือที่มาถึงที่เกิดเหตุพร้อมภูผารีบตรงเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ทันที เมื่อได้ยินเสียงปืน“พวกคนร้ายมันวิ่งหนีการจับกุมครับ”“แล้วผู้หญิงล่ะครับ”“เราไม่เห็นคุณผู้หญิง ผมคาดว่าคุณผู้หญิง อาจจะหลบหนี พวกมันถึงวิ่งหน้าตื่นออกมาตามหาไม่ทันระวังตัวแบบนั้น”“หนีหรือ”น้ำเสียงของเมืองเหนือนั้นตกใจ เพราะเขาชำนาญป่าแถบนี้ และรู้ว่าเป็นพื้นที่อันตราย และมีหุบเหวลึกอยู่มากมาย หากคนไม่ชินทางอาจตกลงไปโดยไม่รู้ตัวฝนที่เบาลง ให้พวกเขาตัดสินใจออกตามล่า พร้อมทั้งตามหาพลอยฟ้าไปพร้อมกัน เพราะพวกเขาเชื่อว่าคนร้ายยังไม่ได้ตัวเธออย่
ชายสองคนที่นั่งอยู่ในรถกระบะเก่าคร่ำคร่า จอดอยู่ใต้ร่มเงาไม้ในซอยเล็กๆ ห่างจากบ้านฟ้าร้อยดาวราวยี่สิบเมตร ไม่ได้โดดเด่นหรือน่าสนใจเกินไปนัก ที่จะเป็นที่สนใจของผู้ผ่านไปผ่านมา เพราะปกติจะมีรถที่หลบเข้ามาหาที่จอด เพื่อเข้ามาทานอาหารหรือมาที่คาเฟ่อยู่เป็นประจำ“ผมซุ่มดูอยู่ครับ ห่างออกมาจากหน้าคาเฟ่ราวยี่สิบเมตรครับ ไม่มีใครสนใจเรา ผู้หญิงนักวิจัยที่มาจากขุนวางพร้อมนายเมืองเหนือพักอยู่ที่นี่ครับ เป็นคาเฟ่เล็กๆครับนาย คนไม่พลุกพล่าน แต่อุปสรรคอย่างหนึ่งคือ ดูเหมือนไอ้ภูผาคนสนิทของคุณเมืองนายและน้องชายจะเป็นเจ้าของที่นี่ และมันก็พักอยู่ที่นี่ครับ พวกบนเขามีคนของนายภูผาเฝ้าอยู่ และคอยติดตามเข้าป่าไปพร้อมป่าไม้ครับ ยากมากที่จะเข้าถึง ”ชายคนขับกำลังส่งข่าวถึงใครบางคน ซึ่งปลายสายนั้นรู้จักเมืองเหนือและเมืองนายเป็นอย่างดี อีกทั้งการพูดถึงนักวิจัยหญิง ซึ่งคนเดียวที่อยู่ที่นี่นั่นคือพลอยฟ้า รวมถึงภูผาที่เป็นอุปสรรคของพวกมัน“นายว่าไงพี่”“นายบอกให้รอจังหวะ อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม รอดูพวกมันไปก่อน”ทั้งสองเอนเบาะนอนในรถ พร้อมดับเครื่องและแง้มกระจกไว้ให้อากาศได้ถ่ายเท พวกมันตั้งใจ
คนของอักษะที่ซุ่มรอดูอยู่บริเวณคอนโดหรูที่พักของตรีทศ รอเวลาที่ลลิตาจะออกมา ในที่สุดเป้าหมายของพวกเขาก็ปรากฏตัว ลลิตาที่เดินเคียงคู่มาในชุดลำลองของตรีทศ สองหนุ่มสาวเดินออกมาบริเวณด้านหน้า เดินไปตามฟุตบาททางเท้าเพื่อไปยังร้านอาหารที่ห่างออกไปราว สองร้อยเมตรคนของอักษะรีบส่งสัญญาณไปยังคนที่อยู่ในรถ ส่วนคนที่เดินตามก็ตามมาห่างๆ แต่คอยรายงานเป็นระยะ จนกระทั่งตรีทศและลลิตาถึงที่หมายเนื่องจากเป็นร้านอาหารดัง ราคาย่อมเยา รสชาติถูกปากผู้คนในย่านนั้น ทำให้มีคนไปใช้บริการจำนวนมาก จนต้องมีการตั้งโต๊ะเสริมล้นออกมายังริมฟุตบาท“วันนี้ลูกค้าเยอะ สงสัยเราคงต้องนั่งข้างนอกนี้แล้วหละ”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนั่งได้”“คุณครับด้านในที่นั่งเต็มหมดแล้วครับ”เป็นอย่างที่คิด พนักงานเสิร์ฟออกมาแจ้งตรีทศ เมื่อเขามาถึงและถามพนักงานว่าด้านในยังพอที่นั่งเหลือไหม โดยที่พนักงานนั้นจำเขาได้ดี เพราะตรีทศเป็นลูกค้าประจำ พนักงานเสิร์ฟกุลีกุจอ เข้าไปสำรวจด้านในทันที ก่อนจะกลับออกมาพร้อมความผิดหวัง“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเรานั่งข้างนอกนี่ก็ได้”ตรีทศตอบและหันไปทางโต๊ะเสริมที่อยู่ห่างออกไปด้านหลัง ไกลจากปา
ตรีทศตะแคงใช้ศอกค้ำ ฝ่ามือยันศีรษะของตัวเองไว้ นอนมองลลิตาที่มีอาการงัวเงีย เมื่อแสงสว่างจากด้านนอกที่ส่องเข้ามาในห้อง ทำให้ห้องนอนที่แสนจะเรียบง่ายสว่างขึ้น เปลือกตาที่ค่อยๆเปิดออก เธอปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องตอบเขาไป ราวกับไม่เชื่อว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้า คือความจริง ลลิตาคิดว่าตัวเองฝันไป เธอกระพริบตาอยู่สองถึงสามครั้ง“ตื่นเถอะ”เสียงของตรีทศบอกเธอว่า ไม่ใช่ความฝัน ลลิตาตกใจรีบลุกขึ้น เธอมองไปรอบๆ นี่มันห้องของเขาจริงๆ มันไม่ใช่ความฝัน ตรีทศที่ยังนอนมองลลิตาเหยียดยิ้มออก ก่อนจะลุกขึ้นนั่งลลิตาที่ทำท่าจะก้าวลงจากเตียงถูกตรีทศรวบเอาไว้ก่อน ลลิตานั่งลงบนตักของเขาอย่างไม่ตั้งใจเพราะแรงยื้อที่เหวียงเข้าหาตัวเขา“คุณทศ ไหนบอกให้ฉันตื่น ฉันจะลุกแล้วนี่ไง”“ผมให้คุณตื่นไม่ได้บอกให้คุณลงจากเตียงเสียหน่อย”ตรีทศกอดรอบเอวลลิตาไว้ เธอนั้นจับท่อนแขนที่แน่นขึ้นของเขา พร้อมทั้งห่อตัว เมื่อตรีทศพยายามซุกไซ้ที่ซอกคอ“นี่สายแล้วนะคะ ไม่ไปทำงานหรือ”“ผมทำงานโปรเจคฯ ไม่ต้องเข้าสำนักงานก็ได้ นี่ไงที่ทำงานผม”“แต่ฉันต้องทำ”“เจ้านายคุณไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ เขาให้คุณดูแลณัฐกา
ตรีทศและนิอรที่เดินออกมายังโถงส่วนหน้าของโรงพยาบาล ห่างไปไม่ไกลจากตรงนั้น ลลิตานั่งรอณัฐการอยู่ที่ร้านกาแฟ ตามที่ณัฐการบอก โดยตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่กำลังสับสนและหวั่นไหวกับความรู้สึกของตัวเอง“นิอร มาทำอะไรที่นี่น่ะ”ณัฐการในชุดคลุมท้องแสนน่ารัก นั่งอยู่บนรถเข็นที่นางพยาบาลช่วยเข็นมาหาลลิตาที่ร้านกาแฟ“คุณอิ๋ง ไม่ได้เจอกันนานเลย ตั้งแต่คุณออกจากบริษัท พวกเราเหงามากเลยค่ะ เจ้านายไม่พาลูกน้องไปเลี้ยงเหมือนเคย อรขอฟ้อง”“นี่พี่อุ๋งกับพี่หัส ละเลยลูกน้องขนาดนี้เลยเหรอฉันต้องจัดการหน่อยแล้ว”“แล้วนี้มาตรวจครรภ์หรือคะ”ตรีทศมองณัฐการ ด้วยความรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน ณัฐการเองก็มองเขาแว้บหนึ่งก่อนจะจำได้“อ้อ ฉันจำนายได้แล้ว นายเป็นเพื่อนของนับหนึ่งนี่นา ฉันเป็นเพื่อนนับหนึ่ง เราเจอกันบ่อยๆ ที่มหาวิทยาลัย”“อ้อ! จำได้แล้ว เธอชื่ออะไรนะ ติดอยู่ที่ปาก”“ฉันชื่อณัฐการคณะบริหาร”“อ่อใช่ ผมตรีทศ”ตรีทศยิ้มให้ณัฐการ ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน เมื่อจำกันได้“นายเป็นแฟนกับนิอรเหรอ”สิ้นเสียงคำถามของณัฐการ ตรีทศไม่ทันจะได้ตอบ สายต
นายอักษะที่อยู่ในอารมณ์ครุกรุ่น โกรธโมโห และบันดาลโทสะ เขาทำร้ายวิกรมไม่ยั้ง ที่คนของวิกรม ทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ชายสูงอายุสองคนที่เคยเป็นเสมือนเพื่อนรัก คู่หู เจ้านายและลูกน้องที่รักกัน แต่เมื่อเป็นเรื่องงาน ที่พลาด อักษะไม่เคยให้อภัยใคร เพราะมันหมายถึงชีวิตทั้งหมดของเขาอาจจบสิ้นลงนายวิกรมที่กองอยู่ที่พื้น ถูกลูกน้องสองคนประคองข้างให้ทรงตัวนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ในขณะที่ลูกน้องคนหนึ่งยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กให้นายอักษะเช็ดมือ เอาเลือดของวิกรมที่เปรอะเปื้อนออก ด้วยสายตาและมือที่สั่นเทา เขาไม่เคยเห็นอักษะซ้อมหรือทำร้ายวิกรมถึงขั้นปางตายขนาดนี้มาก่อน เพราะทุกคนรู้ดีว่าวิกรมคือเพื่อนรัก ที่เคียงบ่าเคียงไหล่ของนายอักษะมาตั้งสมัยยังหนุ่ม จนกระทั่งเรืองอำนาจ อีกทั้งเป็นนายอีกคนของพวกเขา“พามันออกไป”สิ้นคำสั่งสองหนุ่มรีบหิ้วปีกวิกรมออกไปทันที เป็นครั้งแรกที่วิกรมสิ้นลาย และสูญสิ้นศักดิ์ศรีจากการกระทำที่ไม่ให้เกียรติกันของอักษะ สายตาดุดันเข้มขึ้น เขากัดฟัน และข่มความเจ็บแค้นเอาไว้ด้วยร่างกายที่สะบักสะบอม วิกรมถูกหามส่งโรงพยาบาลทันทีเมื่อสิ้นสติเช้าวันใหม่ที่แสงอร
พลอยฟ้าตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อใกล้รุ่งสาง ดวงตาที่พยายามลืมขึ้นในแสงสลัวที่ฟ้ายังไม่แจ้งดี พลอยฟ้านอนหันหลังให้เขาด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มอุ่นคลุมกายอยู่ใต้วงแขน เสียงหายใจแรงของภูผาทำให้พลอยฟ้า ไม่แน่ใจว่าเขาตื่นอยู่หรือว่าหลับก่อนจะค่อยลุกขึ้น และหันไปตามเสียงนั้นช้าๆ ใบหน้าที่เอียงไปทางหนึ่ง แขนทั้งสองวางอยู่บนอก ผ้าห่มคลุมแค่ท่อนล่าง ผิวกายที่ขาวสะอาด มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยแต่ดูแข็งแรงพลอยฟ้ามองหาเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะย่องลงจากเตียง และรีบร้อนสวมใส่มัน และไม่ลืมที่จะเก็บของสำคัญที่เธอตั้งใจมาเอาคืน แต่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เธอและเขาลงเอยกันบนเตียงเสียงประตูที่ปิดลงเบาๆ ทำให้ภูผาลืมตา เขาตื่นนานแล้ว แต่เพราะกลัวว่าพลอยฟ้าจะทำตัวไม่ถูก เขาจึงแกล้งทำเป็นหลับอยู่ เพราะมันก็ยากสำหรับเขาด้วยเช่นกันที่จะต้องเผชิญหากับเธอพลอยฟ้าที่หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แสงแดดอ่อนๆ ก็ฉายแสงเต็มที่ แต่เธอยังคงหมกตัวอยู่ในห้อง อยากออกไปข้างนอกใจจะขาด แต่ไม่แน่ใจว่าโผล่ไปเจอเขาตอนไหน เธอจึงเอาแต่นั่งเงียบๆ อยู่ในห้องจนกว่าจะได้ยินเสียงของเขา จนกระทั่งช่วงสาย เสียง