นักข่าวพากันวิ่งกรูตามเขาไป โดยทิ้งให้อริศรายืนเท้งเต้ง กำมือแน่นจนแทบจะกรีดร้อง ที่สืบสายกล้าบอกคนอื่นต่อหน้าเธอว่าพระแพงคือภรรยาของเขา
“เดี๋ยวก่อนค่ะ หมายความว่ายังไงคะที่คุณพระแพงคือภรรยาของคุณ” นักข่าวที่วางแผนกับอริศราเริ่มยิงคำถาม
“เธอเป็นภรรยาผมมากว่าสิบปีแล้ว” เขาตอบแค่นั้น
“แสดงว่าคุณคบซ้อน” คำถามพุ่งความผิดไปที่สืบสาย
“คุณสืบสายไม่เคยคบซ้อน เราแค่ให้อิสระซึ่งกันและกัน”
พระแพงออกรับแทนเขา และกำมือสืบสายไว้ เพื่อเป็นการบอกเขาว่าเธอเข้มแข็งพอ และไม่ยอมตกเป็นเหยื่อนักข่าวตามที่อริศราหวังไว้
“เราคบกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยปี 3” คำตอบของสืบสายสร้างเสียงฮือฮา
“หลังจากนั้นสืบไปเรียนต่อที่อังกฤษ ฉันได้งานทำที่นี่ เราไม่ได้เลิกกัน ส่วนเขาจะไปมีอะไรกับใครชั่วครั้งชั่วคราวดิฉันไม่ได้สนใจ”
พระแพงทำเสียงเข้ม เพื่อตอกย้ำอริศราว่าเธอเป็นแค่ของชั่วคราว
เนื้อน้องเพลียหลับสนิท ไม่ขยับตัวเลยสักนิด พัศวีไม่รู้ว่าเขาต้องพาเธอไปที่ใด เพราะตั้งแต่คบกับเธอมา เขาไม่เคยรู้จักบ้านของเธอที่นี่เลย แม้แต่ที่ทำงานก็ยังไม่รู้จัก เมื่อทบทวนเหตุการณ์หลายๆ อย่างเขาแทบจะไม่รู้จักหรือสนใจจะรู้จักกับคนในครอบครัวของเธอเลยสักนิด ความรู้สึกผิดที่ประดังประเดเข้ามาพัศวีตัดสินใจว่าเธอไปพักรีสอร์ทขนาดเล็กใกล้ๆ ที่เขาสอบถามจากพนักงานก่อนหน้านี้ เพราะเขาจะไปพักที่นั่นหากขับรถไม่ไหวจริงๆ บ้านพักขนาดย่อมๆ ติดทะเล 5 หลังเป็นสัดส่วนสามารถจอดรถด้านข้างได้สะดวกสบาย แม้ไม่ได้หรูหรานัก แต่ก็สะอาดสะอ้านเหมาะกับการพักชั่วคราวแบบไม่ต้องคิดอะไรมากพัศวีอุ้มเนื้อน้องเข้าไปวางบนที่นอนที่ปูอยู่กับพื้นไม่มีเตียง เธอขยับกายนิดหนึ่งแต่ก็ไม่ยอมตื่น นอนขดตัวทั้งที่ยังอยู่ในชุดทำงานที่ค่อนข้างจะทางการ“เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเธอนอนทั้งชุดนี้ไม่ได้”พัศวีดึงเนื้อน้องที่พลิกกายหันหลังให้เขา ร่างที่สูงใหญ่ กับพื้นที่เตี้ย สร้างความลำบากให้เขา
“ลงมาสิ”ตรีวิทย์เรียกมินตรา ที่ยังหลับตาปี๋เพราะความกลัว เขาจอดรถนานแล้ว แต่เธอกลับนิ่งอยู่อย่างนั้น จนเขาลงจากรถ และเดินมาเปิดประตูฝั่งของเธอ“ไม่” เธอเสียงแข็งยืนกรานทั้งที่มือยังกำเข็มขัดนิรภัยแน่น ไม่ยอมลืมตา“ตามใจ งั้นก็อยู่ไปคนเดียว” พูดจบตรีวิทย์ก็เดินออกไปโดยไม่เหลียวหลังมองเธอด้วยซ้ำเสียงของตรีวิทย์เงียบไปนานแล้ว มินตรารู้สึกว่ารอบตัวเธอเงียบไปหมด จึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นทีละข้าง ก่อนจะปรับสายตาเพ่งมองไปในความมืด ใจของเธอเริ่มเต้นแรง ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ใดรถของตรีวิทย์เหมือนจะจอดอยู่ในโรงจอดรถที่มิดชิด ประตูม้วนด้านหน้าปิดสนิท ภายในห้องสีเหลี่ยมที่ปิดทึบ มินตรามองไปรอบๆ อย่างหวาดหวั่น เธอก้าวลงจากรถ โดยใช้ไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือส่องไปรอบๆ จนพบประตูบานหนึ่งด้านหลัง จึงเปิดมันออก และค่อยๆ ย่องออกไป อย่างกล้าๆ กลัวๆภายในห้องที่เปิดไฟส่องสว่า
ตรีวิทย์เปลี่ยนสวมรองเท้าใส่ในบ้านสีน้ำตาลแดง ที่มินตราหยิบมาให้ มันเป็นรองเท้าของเธอ ในขณะที่มินตราเดินเท้าเปล่า เพราะมีรองเท้าเพียงคู่เดียว เธอไม่เคยมีแขกมาที่ห้องมาก่อน จึงไม่จำเป็นต้องเตรียมไว้เผื่อใคร เขานั่งลงบนโซฟาบุผ้าฝ้ายเนื้อหยาบสีน้ำตาลอ่อน ขนาดย่อม เมื่อมองดูไปรอบๆ มินตราดูจะชอบเฟอร์นิเจอร์ข้าวของเครื่องใช้สีเข้ม ทึบ ออกโทนแดงเสียเป็นส่วนมาก ทำให้เขาถึงกับยิ้มขำออกมา“คุณหัวเราะอะไร เมื่อกี้ก็มองฉันแปลกๆ ไปทีนึงแล้ว” มินตราขมวดคิ้วก่อนจะวางแก้วน้ำดื่มให้เขา“ผมแค่ทึ่งในรสนิยมของคุณ” ตรีวิทย์จิบน้ำ และยิ้มออกมา“มันเป็นยังไง”“คุณเป็นผู้หญิงที่แปลกดี แทนที่จะชอบสีอ่อนๆ สบายตา กลับชอบสีอึมครึม ทึบๆ ส่วนใหญ่สีแบบนี้มีแต่พวกผู้ชายที่ชอบ”ตรีวิทย์เอนหลังเพื่อเหยียดกาย ปกติมินตราจะเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีที่กลับมาถึงห้อง แต่เมื่อเขาอยู่ด้วยแบบนี้ เลยรู้สึกแปลกๆ&nb
เขตรัฐ ปรากฏตัวอีกครั้ง หลังบาร์น้ำ เขาทำงานที่อินดิสมานาน ตั้งแต่สอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำได้ เขาหารายได้พิเศษจากการเป็นเด็กเสิร์ฟ และฝึกฝนจนได้ตำแหน่งบาร์เทนเดอร์ เพราะฝีมือการปรุงเครื่องดื่มอันเป็นที่ถูกอกถูกใจนักดื่มชายหญิงทั้งหลาย ถึงแม้เขาจะเรียนจบ และได้รับโอกาสจากปารวัตรรับเข้าทำงานในรุ่งเรืองเบฟเวอร์เรจ เขาก็ยังไม่ลืมที่จะกลับมาช่วยที่อินดิส เพราะความชอบ และผูกพันกับที่นี่คงทรัพย์เป็นเจ้านายที่ดี แขกที่สนิทกับเขาหลายคนเป็นระดับเศรษฐีมีฐานะ กลับไม่ถือตัวและเต็มใจช่วยเหลือเขามากมาย และยังมองเขาเป็นเหมือนเพื่อน พี่น้อง โดยเฉพาะกลุ่มของณัฐการที่เธอดูแลเขาช่วยเหลือเขาด้วยดีมาตลอด ไม่เว้นแม้แต่สามีของเธอ เพราะความเป็นห่วงณัฐการที่เขาแสดงออกอย่างจริงใจ ทำให้ปารวัตรมองเห็นเขา และชื่นชมเขาและอยากให้โอกาส ยิ่งเมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกันถูกคอ และรู้ว่าเขาเรียนสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร ยิ่งทำให้ปารวัตรอยากให้โอกาสเขา เริ่มต้นงานประจำที่ดีในอง
เช้าอันสดใสหลังพายุฝนผ่านพ้น ธนัญญาตื่นขึ้นมาด้วยอาการเพลียจากพิษไข้ เขตรัฐไม่ได้อยู่ในห้อง เธอถูกทิ้งไว้โดยลำพัง ธนัญญาหอบร่างที่อิดโรย ห่อด้วยผ้าห่มเดินตรงไปหยิบเสื้อผาของตัวเองที่ยังแห้งไม่สนิทเพราะความชื้นของอากาศ มาสวมใส่ ก่อนจะมองหากระเป๋าถือ และตรวจสอบความเรียบร้อยของตัวเองเธอเห็นรอยช้ำมากมายที่คอ ร่องอก ขา แขน เนื้ออ่อนแดงเป็นจ้ำ เธอต้องใช้แป้งพัฟทาทับกลบมันไว้ แม้ไม่สนิท แต่ก็ช่วยให้เธอผ่านพ้น และเดินออกไปจากตึกคอนโด ห้องพักของเขาจนไม่เป็นที่ผิดสังเกตจนเกินไปปารวัตรมีสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อเขาได้รับคำสั่งจากนายพลวัตร ตามสืบหาข้อมูลของเกศิตา เพราะตั้งแต่กลับมา เธอไม่ติดต่อกับครอบครัวเลย และหายไปอย่างไร้ร่องรอย ถึงแม้จะตัดขาดความเป็นพ่อลูกต่อกัน แต่ในใจลึกๆ ก็อดที่จะห่วงเธอไม่ได้เช่นกัน“คุณท่านให้ตามหาคุณเกศ นายช่วยสืบให้หน่อยว่าตอนนี้คุณเกศอยูที่ไหน ทำอะไรอยู่”ปารวัตรมอบ
เอกสารการจดสิทธิบัตร และสัญญาการซื้อขายลิขสิทธิ์การผลิตและจัดจำหน่ายน้ำหอมสูตรใหม่ที่เป็นการคิดค้นระหว่างนับหนึ่งและธนญ นั้น ธนญได้ยกสิทธิ์การครอบครองให้เป็นของนับหนึ่งแต่เพียงผู้เดียว เขาจะทำหน้าที่เป็นเพียงผู้ผลิตและจัดจำหน่ายในนามของ ออลโมส ฟราแกรนซ์ เท่านั้นตรีวิทย์ได้นำเอกสารทั้งหมดมาให้นับหนึ่งเซ็นด้วยตัวเอง ตามขั้นตอนต่างๆ ของฝ่ายกฎหมาย ที่เมื่อดูรายละเอียดภายในแล้ว ต่างได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายอย่างเหมาะสมนับหนึ่งอ่านรายละเอียดในเอกสารก่อนอย่างละเอียด ก่อนที่จะลงมือจรดปากกาอย่างยากเย็น เพราะรู้สึกว่าความพิเศษของมันกำลังจะเปลี่ยนไป“เรียบร้อยนะครับ” ตรีวิทย์ยิ้มให้เธอ ที่เธอยอมตัดสินใจ ให้บริษัทได้ผลิตน้ำหอมสูตรพิเศษนี้“ค่ะ” นับหนึ่งรับคำและยิ้มเจื่อนๆ“ผมเชื่อว่าน้ำหอมตัวใหม่ของเราตัวนี้ ในวันที่เปิดตัวแบรนด์ และวางจำหน่ายสินค้าล็อต แรก จะต้องสร้างความฮือฮาเป็นอย่างแน่นอน”ตรีวิทย์พยายามสร้างความเชื่อมั่
เขตรัฐกลับมาถึงห้องของเขาด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว เขาทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างอ่อนล้า เพราะเหนื่อยกับกิจกรรมบนเตียงที่ต่อเนื่องยาวนานกับธนัญญา จนถึงช่วงสายของวันนี้ แม้จะได้หลับไปพักนึ่ง ก็ดูจะไม่เพียงพอ เพราะต้องมาตื่นกลางครันเพราะตรีวิทย์นำรถของธนัญญามาส่งคืนให้เธอเขตรัฐหลับตาลงอย่างช้าๆ และกำลังนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับธนัญญา มันคือความผิดพลาด หรือความตั้งใจกันแน่ เขามีความสุขที่ได้ร่วมรักกับเธอ แต่เขาก็รู้สึกผิดพลาดที่ถลำลึกกับผู้หญิงที่เขาไม่เคยคิดอยากจะมีสัมพันธ์ที่ดีด้วยเลยสักนิด“เขต นายว่างไหม” คงทรัพย์โทรหาเขตรัฐช่วงสามทุ่ม“ครับพี่ จะให้ช่วยอะไรหรือครับ” เขาตอบรับคงทรัพย์ แทบจะไม่เคยปฏิเสธเลยสักครั้ง“พอดีเพื่อนพี่เขาอยากรู้เรื่องของไอ้ทรงกลดกับปารวัตรตอนที่มันกับเพื่อนวางแผนฉุดอิ๋ง นายมาที่อินดิสหน่อยได้ไหม”คงทรัพย์ตามตัวเขาให้มาพบกับธนญ และสืบสาย เพื่อเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เขารู้ถึง
ธนัญญาเปิดประตูห้องเข้าไป พบเขานั่งอยู่ที่โต๊ะมือประสานกัน ใบหน้าเคร่งเครียด และดูน่ากริ่งเกรง ธนัญญาหันไปมองตรีวิทย์ก่อนจะส่งสายตาถามเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ตรีวิทย์หลบสายตาเธอ ก่อนจะหลบออกไปจากห้อง ปล่อยให้ธนญเป็นคนเค้นหาคำตอบจากเธอเอง“พี่นญเรียกนัญมาอย่างรีบด่วนด้วยเรื่องอะไรคะ”เธอพยายามข่มน้ำเสียงเอาไว้“แกรู้จักกับเขตรัฐหรือ”เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบทุ้มต่ำ“ค่ะ”เธอตอบรับสั้นๆ“ที่ไหน”ธนัญญาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบเขาตามตรง เธอตระหนักดีว่า ธนญ เป็นคนไม่อ้อมค้อมและค่อนข้างตรงไปตรงมา การพูดคุยกับเขาตรงๆ เป็นเรื่องที่ปลอดภัยที่สุด“เราเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน”“แกนอนกับเขาแล้วใช่ไหม”ธนญยิงคำถามที่เธอกลัวออกมาตรงๆ จนแทบจะล้มทั้งยืน ธนัญญาได้แต่สูดหายใจเข้าแรงๆ เต็มปอด“ค่ะ”“แกเห็นข่
อาการบอบช้ำตามร่างกายของวิกรม ทุเลาลงมาก เขาร้อนใจ เมื่อพนมกรมารายงานความคุ้มคลั่งของอักษะที่นับวันจะทวีความรุนแรง และออกคำสั่งที่ดูเหมือนคนขาดสติและมิได้ไตร่ตรอง เรื่องหนึ่งไม่ทันจะหายเรื่องใหม่ก็เข้ามาพนมกรประคองร่างที่ยังเดินได้ไม่ดีนักของวิกรมมาที่รถของเขา ก่อนจะรีบเปิดประตูให้วิกรมได้นั่งสบายๆที่เบาะหลัง เขาปฏิบัติต่อวิกรมต่างจากอักษะ ราวกับวิกรมนั้นเป็นนายใหญ่แทนอักษะเสียอีก ดูจะมีความเคารพยำเกรงและเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าเสียด้วยซ้ำไม่ทันที่พนมกรจะขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ เสียงโทรศัพท์ของวิกรมก็ดังขึ้น“เรื่องที่ผมเคยขอให้คุณวิกรมลองตัดสินใจ ตอนนี้ผมตัดสินใจได้แล้ว ผมจะไม่รอคำตอบจากคุณอีกแล้วครับ ผมเลือกแล้ว”“มีอะไรหรือคุณเมืองนาย คนของผมเพิ่งมารับผมออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คุณวิกรมทบทวนข้อเสนอของนายธนญหรือยัง ก่อนหน้าที่ผมเคยบอกกับคุณไว้ ว่ามันเป็นทางเลือกที่ดี และผมฝากคุณวิกรม ไปบอกท่านอักษะด้วยว่า ผมขอยุติการเป็นตัวแทนในการทำธุรกรรมทางการเงินผิดกฎหมายนั่น ถึงผมจะรักเงินมากแค่ไหน แต่น้องชายของผมก็สำคัญกว่าเงินนั่นมากกว่าเป็นหลายเท่า อย่าได้ริอาจมาแตะต้องน้องชา
พระแพงมองแผ่นหลังกว้างของสืบสาย ที่แสงจันทร์จับเป็นเงาวาววับ เสียงพูดคุยที่เบา แต่น้ำเสียงหนักแน่น แม้จะได้ยินไม่ถนัดนัก แต่ก็พอเข้าใจจากโทนเสียง น้ำหนักเสียงหนักเบาของเขา ที่แฝงไปด้วยความจริงจังเคร่งเครียดสืบสายรับโทรศัพท์ของธนญที่เรียกเข้ากลางดึก หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเสร็จกิจกันผ่านไปไม่นานนัก นับหนึ่งที่หมดแรงหลับไปแล้ว ส่วนพระแพงเองก็ไม่ขยับตัวเมื่อสืบสายประคองศีรษะของเธอออกจากไหล่ของเขา เพื่อที่จะลุกไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียงสืบสายนั่งอยู่ที่ปลายเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า หันหลังให้พระแพงที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่น ปิดคลุมไว้แค่เนินอก จนกระทั้งรู้สึกว่าไออุ่นที่เคยได้รับจากกายของสืบสายหายไป และไหล่ของเธอเริ่มเย็นเฉียบ จนรู้สึกขนลุก อีกทั้งเสียงใครบางคนที่กำลังคุยกับใคร ทำให้พระแพงค่อยๆ ลืมตา และเพ่งมองไปที่แผ่นหลังของสืบสาย เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเขา“ฉันจะให้คงทรัพย์ ส่งคนไปเฝ้าคนร้ายที่โรงพยาบาลทันที ฉันกลัวจะเหมือนคราวที่แล้วอีก คราวนี้เราต้องมีพยานบุคคลให้ได้ แล้วเพื่อนนายเป็นอะไรมากไหม”“เมืองเหนือปลอดภัย แผลแค่ถากๆ แต่เจ้าหน้าที่หญิงที่ถูกจ
ชายที่ตามไล่ล่าพลอยฟ้า ชะงักฝีเท้าทันที ที่เห็นกลุ่มคนมากมายอยู่ที่รถของพวกเขา แต่ไม่ทันที่จะหลบวิ่งหนีกลับเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งก็ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง“หยุดนะ ไม่งั้นฉันยิ่ง”ทำให้ตำรวจนายอื่นประทับลำกล้องขึ้นไกปืนทันที แต่คนร้ายกลับไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวกับคำขู่เลยสักนิด พวกเขาวิ่งกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนตำรวจนายนั้นลั่นกระสุนตามทันที จนเสียงดังกึกก้องป่า ราวกับเสียงฟ้าคำรามยามฟ้าฝนกระหน่ำเช่นนี้ พร้อมกับไว่ไล่ตามไป“เกิดอะไรขึ้นครับ”เมืองเหนือที่มาถึงที่เกิดเหตุพร้อมภูผารีบตรงเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ทันที เมื่อได้ยินเสียงปืน“พวกคนร้ายมันวิ่งหนีการจับกุมครับ”“แล้วผู้หญิงล่ะครับ”“เราไม่เห็นคุณผู้หญิง ผมคาดว่าคุณผู้หญิง อาจจะหลบหนี พวกมันถึงวิ่งหน้าตื่นออกมาตามหาไม่ทันระวังตัวแบบนั้น”“หนีหรือ”น้ำเสียงของเมืองเหนือนั้นตกใจ เพราะเขาชำนาญป่าแถบนี้ และรู้ว่าเป็นพื้นที่อันตราย และมีหุบเหวลึกอยู่มากมาย หากคนไม่ชินทางอาจตกลงไปโดยไม่รู้ตัวฝนที่เบาลง ให้พวกเขาตัดสินใจออกตามล่า พร้อมทั้งตามหาพลอยฟ้าไปพร้อมกัน เพราะพวกเขาเชื่อว่าคนร้ายยังไม่ได้ตัวเธออย่
ชายสองคนที่นั่งอยู่ในรถกระบะเก่าคร่ำคร่า จอดอยู่ใต้ร่มเงาไม้ในซอยเล็กๆ ห่างจากบ้านฟ้าร้อยดาวราวยี่สิบเมตร ไม่ได้โดดเด่นหรือน่าสนใจเกินไปนัก ที่จะเป็นที่สนใจของผู้ผ่านไปผ่านมา เพราะปกติจะมีรถที่หลบเข้ามาหาที่จอด เพื่อเข้ามาทานอาหารหรือมาที่คาเฟ่อยู่เป็นประจำ“ผมซุ่มดูอยู่ครับ ห่างออกมาจากหน้าคาเฟ่ราวยี่สิบเมตรครับ ไม่มีใครสนใจเรา ผู้หญิงนักวิจัยที่มาจากขุนวางพร้อมนายเมืองเหนือพักอยู่ที่นี่ครับ เป็นคาเฟ่เล็กๆครับนาย คนไม่พลุกพล่าน แต่อุปสรรคอย่างหนึ่งคือ ดูเหมือนไอ้ภูผาคนสนิทของคุณเมืองนายและน้องชายจะเป็นเจ้าของที่นี่ และมันก็พักอยู่ที่นี่ครับ พวกบนเขามีคนของนายภูผาเฝ้าอยู่ และคอยติดตามเข้าป่าไปพร้อมป่าไม้ครับ ยากมากที่จะเข้าถึง ”ชายคนขับกำลังส่งข่าวถึงใครบางคน ซึ่งปลายสายนั้นรู้จักเมืองเหนือและเมืองนายเป็นอย่างดี อีกทั้งการพูดถึงนักวิจัยหญิง ซึ่งคนเดียวที่อยู่ที่นี่นั่นคือพลอยฟ้า รวมถึงภูผาที่เป็นอุปสรรคของพวกมัน“นายว่าไงพี่”“นายบอกให้รอจังหวะ อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม รอดูพวกมันไปก่อน”ทั้งสองเอนเบาะนอนในรถ พร้อมดับเครื่องและแง้มกระจกไว้ให้อากาศได้ถ่ายเท พวกมันตั้งใจ
คนของอักษะที่ซุ่มรอดูอยู่บริเวณคอนโดหรูที่พักของตรีทศ รอเวลาที่ลลิตาจะออกมา ในที่สุดเป้าหมายของพวกเขาก็ปรากฏตัว ลลิตาที่เดินเคียงคู่มาในชุดลำลองของตรีทศ สองหนุ่มสาวเดินออกมาบริเวณด้านหน้า เดินไปตามฟุตบาททางเท้าเพื่อไปยังร้านอาหารที่ห่างออกไปราว สองร้อยเมตรคนของอักษะรีบส่งสัญญาณไปยังคนที่อยู่ในรถ ส่วนคนที่เดินตามก็ตามมาห่างๆ แต่คอยรายงานเป็นระยะ จนกระทั่งตรีทศและลลิตาถึงที่หมายเนื่องจากเป็นร้านอาหารดัง ราคาย่อมเยา รสชาติถูกปากผู้คนในย่านนั้น ทำให้มีคนไปใช้บริการจำนวนมาก จนต้องมีการตั้งโต๊ะเสริมล้นออกมายังริมฟุตบาท“วันนี้ลูกค้าเยอะ สงสัยเราคงต้องนั่งข้างนอกนี้แล้วหละ”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนั่งได้”“คุณครับด้านในที่นั่งเต็มหมดแล้วครับ”เป็นอย่างที่คิด พนักงานเสิร์ฟออกมาแจ้งตรีทศ เมื่อเขามาถึงและถามพนักงานว่าด้านในยังพอที่นั่งเหลือไหม โดยที่พนักงานนั้นจำเขาได้ดี เพราะตรีทศเป็นลูกค้าประจำ พนักงานเสิร์ฟกุลีกุจอ เข้าไปสำรวจด้านในทันที ก่อนจะกลับออกมาพร้อมความผิดหวัง“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเรานั่งข้างนอกนี่ก็ได้”ตรีทศตอบและหันไปทางโต๊ะเสริมที่อยู่ห่างออกไปด้านหลัง ไกลจากปา
ตรีทศตะแคงใช้ศอกค้ำ ฝ่ามือยันศีรษะของตัวเองไว้ นอนมองลลิตาที่มีอาการงัวเงีย เมื่อแสงสว่างจากด้านนอกที่ส่องเข้ามาในห้อง ทำให้ห้องนอนที่แสนจะเรียบง่ายสว่างขึ้น เปลือกตาที่ค่อยๆเปิดออก เธอปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องตอบเขาไป ราวกับไม่เชื่อว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้า คือความจริง ลลิตาคิดว่าตัวเองฝันไป เธอกระพริบตาอยู่สองถึงสามครั้ง“ตื่นเถอะ”เสียงของตรีทศบอกเธอว่า ไม่ใช่ความฝัน ลลิตาตกใจรีบลุกขึ้น เธอมองไปรอบๆ นี่มันห้องของเขาจริงๆ มันไม่ใช่ความฝัน ตรีทศที่ยังนอนมองลลิตาเหยียดยิ้มออก ก่อนจะลุกขึ้นนั่งลลิตาที่ทำท่าจะก้าวลงจากเตียงถูกตรีทศรวบเอาไว้ก่อน ลลิตานั่งลงบนตักของเขาอย่างไม่ตั้งใจเพราะแรงยื้อที่เหวียงเข้าหาตัวเขา“คุณทศ ไหนบอกให้ฉันตื่น ฉันจะลุกแล้วนี่ไง”“ผมให้คุณตื่นไม่ได้บอกให้คุณลงจากเตียงเสียหน่อย”ตรีทศกอดรอบเอวลลิตาไว้ เธอนั้นจับท่อนแขนที่แน่นขึ้นของเขา พร้อมทั้งห่อตัว เมื่อตรีทศพยายามซุกไซ้ที่ซอกคอ“นี่สายแล้วนะคะ ไม่ไปทำงานหรือ”“ผมทำงานโปรเจคฯ ไม่ต้องเข้าสำนักงานก็ได้ นี่ไงที่ทำงานผม”“แต่ฉันต้องทำ”“เจ้านายคุณไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ เขาให้คุณดูแลณัฐกา
ตรีทศและนิอรที่เดินออกมายังโถงส่วนหน้าของโรงพยาบาล ห่างไปไม่ไกลจากตรงนั้น ลลิตานั่งรอณัฐการอยู่ที่ร้านกาแฟ ตามที่ณัฐการบอก โดยตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่กำลังสับสนและหวั่นไหวกับความรู้สึกของตัวเอง“นิอร มาทำอะไรที่นี่น่ะ”ณัฐการในชุดคลุมท้องแสนน่ารัก นั่งอยู่บนรถเข็นที่นางพยาบาลช่วยเข็นมาหาลลิตาที่ร้านกาแฟ“คุณอิ๋ง ไม่ได้เจอกันนานเลย ตั้งแต่คุณออกจากบริษัท พวกเราเหงามากเลยค่ะ เจ้านายไม่พาลูกน้องไปเลี้ยงเหมือนเคย อรขอฟ้อง”“นี่พี่อุ๋งกับพี่หัส ละเลยลูกน้องขนาดนี้เลยเหรอฉันต้องจัดการหน่อยแล้ว”“แล้วนี้มาตรวจครรภ์หรือคะ”ตรีทศมองณัฐการ ด้วยความรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน ณัฐการเองก็มองเขาแว้บหนึ่งก่อนจะจำได้“อ้อ ฉันจำนายได้แล้ว นายเป็นเพื่อนของนับหนึ่งนี่นา ฉันเป็นเพื่อนนับหนึ่ง เราเจอกันบ่อยๆ ที่มหาวิทยาลัย”“อ้อ! จำได้แล้ว เธอชื่ออะไรนะ ติดอยู่ที่ปาก”“ฉันชื่อณัฐการคณะบริหาร”“อ่อใช่ ผมตรีทศ”ตรีทศยิ้มให้ณัฐการ ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน เมื่อจำกันได้“นายเป็นแฟนกับนิอรเหรอ”สิ้นเสียงคำถามของณัฐการ ตรีทศไม่ทันจะได้ตอบ สายต
นายอักษะที่อยู่ในอารมณ์ครุกรุ่น โกรธโมโห และบันดาลโทสะ เขาทำร้ายวิกรมไม่ยั้ง ที่คนของวิกรม ทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ชายสูงอายุสองคนที่เคยเป็นเสมือนเพื่อนรัก คู่หู เจ้านายและลูกน้องที่รักกัน แต่เมื่อเป็นเรื่องงาน ที่พลาด อักษะไม่เคยให้อภัยใคร เพราะมันหมายถึงชีวิตทั้งหมดของเขาอาจจบสิ้นลงนายวิกรมที่กองอยู่ที่พื้น ถูกลูกน้องสองคนประคองข้างให้ทรงตัวนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ในขณะที่ลูกน้องคนหนึ่งยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กให้นายอักษะเช็ดมือ เอาเลือดของวิกรมที่เปรอะเปื้อนออก ด้วยสายตาและมือที่สั่นเทา เขาไม่เคยเห็นอักษะซ้อมหรือทำร้ายวิกรมถึงขั้นปางตายขนาดนี้มาก่อน เพราะทุกคนรู้ดีว่าวิกรมคือเพื่อนรัก ที่เคียงบ่าเคียงไหล่ของนายอักษะมาตั้งสมัยยังหนุ่ม จนกระทั่งเรืองอำนาจ อีกทั้งเป็นนายอีกคนของพวกเขา“พามันออกไป”สิ้นคำสั่งสองหนุ่มรีบหิ้วปีกวิกรมออกไปทันที เป็นครั้งแรกที่วิกรมสิ้นลาย และสูญสิ้นศักดิ์ศรีจากการกระทำที่ไม่ให้เกียรติกันของอักษะ สายตาดุดันเข้มขึ้น เขากัดฟัน และข่มความเจ็บแค้นเอาไว้ด้วยร่างกายที่สะบักสะบอม วิกรมถูกหามส่งโรงพยาบาลทันทีเมื่อสิ้นสติเช้าวันใหม่ที่แสงอร
พลอยฟ้าตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อใกล้รุ่งสาง ดวงตาที่พยายามลืมขึ้นในแสงสลัวที่ฟ้ายังไม่แจ้งดี พลอยฟ้านอนหันหลังให้เขาด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มอุ่นคลุมกายอยู่ใต้วงแขน เสียงหายใจแรงของภูผาทำให้พลอยฟ้า ไม่แน่ใจว่าเขาตื่นอยู่หรือว่าหลับก่อนจะค่อยลุกขึ้น และหันไปตามเสียงนั้นช้าๆ ใบหน้าที่เอียงไปทางหนึ่ง แขนทั้งสองวางอยู่บนอก ผ้าห่มคลุมแค่ท่อนล่าง ผิวกายที่ขาวสะอาด มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยแต่ดูแข็งแรงพลอยฟ้ามองหาเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะย่องลงจากเตียง และรีบร้อนสวมใส่มัน และไม่ลืมที่จะเก็บของสำคัญที่เธอตั้งใจมาเอาคืน แต่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เธอและเขาลงเอยกันบนเตียงเสียงประตูที่ปิดลงเบาๆ ทำให้ภูผาลืมตา เขาตื่นนานแล้ว แต่เพราะกลัวว่าพลอยฟ้าจะทำตัวไม่ถูก เขาจึงแกล้งทำเป็นหลับอยู่ เพราะมันก็ยากสำหรับเขาด้วยเช่นกันที่จะต้องเผชิญหากับเธอพลอยฟ้าที่หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แสงแดดอ่อนๆ ก็ฉายแสงเต็มที่ แต่เธอยังคงหมกตัวอยู่ในห้อง อยากออกไปข้างนอกใจจะขาด แต่ไม่แน่ใจว่าโผล่ไปเจอเขาตอนไหน เธอจึงเอาแต่นั่งเงียบๆ อยู่ในห้องจนกว่าจะได้ยินเสียงของเขา จนกระทั่งช่วงสาย เสียง