น้ำรินมาพบพัศวีและเพื่อนๆตามนัด เธอเป็นหญิงสาวเพียงคนเดียว ที่ได้รับการต้องรับและดูแลเป็นอย่างดีจากหนุ่มหล่อทั้งสี่คนเป็นอย่างดี จนสาวๆคนอื่นแอบอิจฉา
“ขอโทษที่มาช้าค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ พวกเราอยู่ที่นี่อยู่แล้ว ยังไงก็อยู่กันทั้งคืนนั่นแหละครับ”
พัศวียิ้มให้เธอ ด้วยความรู้สึกดีใจที่ได้พบ เพราะพวกเขาไม่ได้เจอน้ำรินและอัญชิสามาพักหนึ่งแล้ว แม้วันนี้อัญชิสาจะไม่ได้มากับน้ำริน เพราะพัศวีไม่อยากให้อัญชิสาต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เขาก็ดีใจที่น้ำรินไม่ปฏิเสธหรือถามถึงเหตุผลเลยสักนิด แก้วเครื่องดื่มถูกจัดไว้รอน้ำรินนานแล้ว เมื่อมาถึงสืบสายจึงยื่นให้เธอเมื่อผสมเรียบร้อย
“ขอบคุณค่ะ วันนี้พวกคุณดูเอาใจใส่รินเป็นพิเศษ มีอะไรให้รับใช้คะเนี่ย”
“คุณรินรู้ทันอีกแล้ว”
พัศวียิ้ม น้ำรินเป็นคนฉลาด เธอมักจะคาดเดาความต้องการของชายหนุ่มได้ถูกต้องเสมอ โดยยังไม่ทันได้เอ่ยปาก สมแล้วที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความต้อ
ผ่านไปเกือบสองสัปดาห์ คงทรัพย์ลืมอังคณาไปเสียสนิท เขานั่งๆ นอนๆ อยู่ที่บ้านคงกระพัน จนเริ่มรู้สึกเบื่อ และอาการบาดเจ็บๆต่างๆ เริ่มหายดีแล้ว ห้องหนังสือที่เขาลืมไปแล้ว เมื่อสมัยยังเด็กเขามักจะมาขลุกอยู่ในห้องนี้ เขาจำคำสั่งสอนของแม่ก่อนตายได้ดี “เงินทองมีแล้วก็หมดไป แต่วิชาความรู้มีมากเท่าไหร่ก็จะติดตัวเราไปเท่านั้นไม่มีวันหมด หากแต่จะงอกเงย ออกดอกออกผล เมื่อรู้จักใช้วิชาความรู้นั้นให้เกิดประโยชน์” คำสั่งสอนนี้ ทำให้เขาขยันและตั้งใจเรียน จนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ในอันดับคณะยอดนิยม คะแนนสูงอันดับต้นๆ ของประเทศอย่างวิศวกรรมศาสตร์ เพราะพื้นฐานะครอบครัวที่ยากจนมาก่อน พ่อเป็นนักเลงหัวไม้ ไม่มีความรู้มากมายใช้แต่กำลังห้ำหั่น สั่งสมกำลัง ถูกลูกน้องที่ฉลาดกว่าหักหลัง โกงเงินไปมหาศาล และแถมยังส่งคนทำร้ายปางตาย จนครอบครัวต้องสูญเสียไปหลายต่อหลายครั้ง รวมถึงแม่ของเขา คงทรัพย์หยิบอัลบั้มรูปเก่าๆ ขึ้นมาดู มีรูปภาพมากมายให้เขาได้ย้อนค
มินตรายื่นจดหมายลาออก ให้กับนับหนึ่งเพื่อเซ็นรับรองให้กับเธอ หลังจากออกจากโรงพยาบาล และเพิ่งกลับมาทำงานได้เพียงห้าวันเท่านั้น “นี่คืออะไรมินตรา ฉันงงไปหมดแล้ว” “มินทำเรื่องลาออกจะกลับไปอยู่บ้านค่ะ ผอ.” “ถึงกับต้องลาออกเลยเหรอ” “มินไม่อยากให้ส่งผลต่อบริษัทน่ะค่ะ มินอยากพักผ่อนด้วย อยู่บ้านน่าจะดีต่อมินและลูก” “คุณมินมีปัญหากับคุณตรีวิทย์หรือ” สีหน้าสลดของมินตรา ทำให้สิ่งที่คาดเดาน่าจะใช่สาเหตุที่เธอลาออก มากกว่าเหตุผลเรื่องสุขภาพและการลาป่วย “มินเลิกกับคุณตรีวิทย์แล้วค่ะ” “ห๊ะ! อะไรนะ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่อง ฉันจะโทรถามนญเดี๋ยวนี้” “ผอ. คะ มินขอร้อง อย่าให้เป็นเรื่องใหญ่เลยค่ะ มินกับคุณตรีวิทย์ เราเลิกกันด้วยเหตุผลที่ต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันดีแล้วค่ะ มินไม่อยากให้ต้องเอาเรื่องของเรา มาเป็นปัญหาของ ผอ. กับท่านประธานอีก” “ใครเป็นคนขอเลิก เธอหรือเขา” มินตราเงียบ กัดริมฝีปากแน่น ทำให้นับหนึ่งเข้าใจในทันท
แดนดินที่นอนหันหลังให้กับลายน้ำ เขาอยู่ในความเงียบมากว่าสองชั่วโมงตั้งแต่สงบสติอารมณ์ลงได้ ลายน้ำนอนร่วมเตียงกับแดนดินทุกวันตั้งวันที่รับปากจะแต่งงานกับเขา หากแต่ทั้งคู่ยังไม่พร้อมที่จะบอกแม่ของเขาให้รับรู้ เพราะมันเร็วเกินไป เกรงว่าท่านจะตกใจลายน้ำลืมตาอยู่ในความมืด ฟังเสียงหายใจของเขาที่มีจังหวะหนักแน่น ราวกับภายจิตใจนั้นยังพุ่งพล่าน เธอจึงตัดสินใจขยับตัวเข้าไปกอดเขาจากทางด้านหลังแทน และซุกกายอยู่กับแผ่นหลังของเขา แดนดินที่สวมเสื้อกล้ามและกางเกงเลขายาว นอนนิ่งสะดุ้งนิดหนึ่ง เมื่อลายน้ำเข้ามากอด ไออุ่นจากทรวงอกและสะโพกที่แนบชิดกัน มันทำให้ลืมเรื่องของมินตราไปชั่วครู่ ก่อนจะจับแขนที่รัดรอบเอวหนาของเขาเพราะรู้สึกว่ามันแน่น แต่ลายน้ำกลับไม่ยอมคลายออก “พรุ่งนี้จะตื่นไปทำงานไม่ไหวนะ”แดนดินเตือนเธอ เพราะตอนนี้เธอไม่ได้อยู่บ้านเฉยๆ เหมือนเดิมแล้ว ต้องไปทำงานที่ศูนย์วิจัยตามเวลาราชการ หากมัวซนหรือทำกิจกรรมจะหมดเรียวแรงและตื่นไม่ไหวในตอนเช้า“ฉันแค่อยากกอดคุณ ไม่ได้อยากทำอย่างอื่นเสียหน่อย”ลายน้ำทำเสียงงัวเงีย เฉไฉไม่ให้เขาคิดว่าเธอต้องการเรื่องนั้นจากเขา แต่กลับเป็นแ
ตรีวิทย์ถูกพากลับมายังห้องพักของเขตรัฐ เขานอนอยู่ที่โซฟายาว ในขณะที่เขตรัฐนอนอยู่บนเตียง พวกเขาเมามายนอนสลบไสลไปนาน แม้เวลาจะล่วงเลยจนเกือบเที่ยง ธนัญญาที่มาหาเขตรัฐด้วยความร้อนใจ เพราะติดต่อทั้งเขาและตรีวิทย์ไม่ได้ เพราะแม่ของมินตราโทรหาเธอตั้งแต่เมื่อคืน แต่เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามา ธนัญญาถึงกับอ้าปากค้าง ที่เห็นน้องชายและว่าที่สามี นอนเป็นซากศพ กลิ่นละมุดหึ่งคละคลุ้งไปทั้งห้อง มันทำให้เธอถึงกับกรีดร้องออกมา จนสองหนุ่มถึงกับสะดุ้งตื่น “นี่มันอะไรกัน” “เสียงดังทำไมเนี่ยพี่นัญ” ตรีวิทย์งัวเงีย ขยี้ตา เมื่อจำได้ว่าเป็นพี่สาวของตัวเอง ในขณะที่เขตรัฐเพียงแค่ผงกศีรษะขึ้นมองและล้มลงไปนอนต่อ ธนัญญาตรงเข้าไปตีน้องชาย ราวกับแม่ที่กำลังดุลูกเล็กที่กำลังทำผิด จนตรีวิทย์ลุกหนีแทบไม่ทัน เมื่อเสียงดังมากขึ้น เขตรัฐถึงกับเอามือปิดหู และหยิบหมอนเขวี้ยงไปทางเธอ ธนัญญาหันขวับ และตรงไปตีก้นของเขตรัฐแทน จนเขารู้สึกเจ็บและต้องตื่นขึ้นมาจับมือเธอไว้ “อะไรกันธนัญญา ตีผมทำไม” “พวกนายนี่ทำฉันโมโห ฉันโทรหาทั้งคืนไม่มีใครรับสายฉันสักคน แต่กลับมานอนตายกันอยู่นี่ มันน่าไหม ไม่ร
เวหาขับรถกลับเข้าเมืองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จนอนิลรู้สึกอึดอัด เขาพาเธอไปในที่ของเขา แทนที่จะปล่อยให้เธอไปเที่ยวเล่นของเธอเองลำพัง แล้วยังมาทำสีหน้าไม่พอใจเธออีก เธอจะรู้ไหมว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น “คุณโกรธฉันเหรอ” “ผมบอกให้คุณรอบนรถ” “ก็ฉันเบื่อ อยากยืดเส้นยืดสาย” “ต่อหน้านักข่าว” “ฉันจะรู้ไหม” คำตอบของอนิลทำให้เขาหงุดหงิด ใบหน้าหล่อเหลาเช่นเขา แทนที่จะยิ้มแย้ม แต่กลับเอาแต่เคร่งเครียด ดูไม่สบายหูสบายตาเอาเสียเลย “ฉันจะไปเที่ยว ไม่ได้อยากไปดูคุณทำงานเสียหน่อย” “ก็จะพาไปอยู่นี่ไง” “มืดค่ำป่านนี้ เที่ยวแบบไหนกัน” เมื่อพูดจบ ด้วยความตกใจ อนิลรีบหันขวับมองหน้าเขาอย่างไม่ไว้วางใจ จ้องเขาเขม็ง ทำให้เวหาถึงกับหันมามอง “คิดอะไรอยู่ พี่ชายคุณบอกให้ไปหาที่อินดีสผับ” อนิลค่อยโล่งใจที่เขาพูดถึงพี่ชาย เวหาบอกกับพนักงานต้อนรับด้านหน้า ว่าเขาเป็นแขกของธนญ เธอจึงรีบนำเขาเข้าไปในทันที สถานที่ทำให้อนิลสนใจ ที่นี่มีผับที่ดูใหญ่โตอลังการมาก และดูดีมีระดับ อนิลเดินตามเวหาเข้าไปราวกับคู่รัก เวหาที่หล่อเนี้ยบด้วยรูปร่างหน้าตาและเครื่องแต่งกาย ทำให้เป็นที่จับตามมอง อีก
เมื่อรู้สึกตัวในเช้าของวันถัดไป อาการปวดตึบที่ศีรษะแทบทำให้เวหาไม่อยากลุกจากเตียง แต่เพราะเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ ที่ดังถี่อยู่หลายครั้งต่อเนื่อง แรงสั่นในกระเป๋าเสื้อสูทที่ว่างอยู่ข้างตัว เขาควานหามัน “ครับ” เขารับโทรศัพท์ด้วยอาการงัวเงีย และปวดตึบที่ศีรษะ “แกอยู่ไหน” “อืม” เวหาลืมตาและมองไปรอบๆ ก่อนจะตกใจดีดตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว “คอนโดครับ” “กลับมาที่บ้านเดี๋ยวนี้” เมื่อได้รับคำสั่ง เวหารีบลุกจากเตียงทันที เขาตรงไปที่ห้องน้ำมองหน้าตัวเองในกระจก ก่อนจะล้างหน้าล้างตาและรีบออกไปทันที เขาลงมาชั้นล่างในชุดเดิมพร้อมสูทพาดแขน เพราะคำสั่งให้รีบกลับบ้านด่วนจึงไม่มีเวลาที่จะจัดการกับตัวเอง เขาตรงไปที่เคาน์เตอร์ และถามพนักงานสาวทันทีว่าใครมาส่งเขาที่นี่ เพราะเขาจำอะไรไม่ได้เลย เนื่องจากเป็นพนักงานใหม่ที่เพิ่งเปลี่ยนกะเข้ามาเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อคืนจึงตอบไม่ได้ แต่เพราะมีโน้ตติดไว้ที่ส่งมอบงาน เธอจึงบอกเขาได้แค่ว่า มีหมายเลขโทรศัพท์ที่ของคนที่มาส่งเขาเมื่อคืนทิ้งไว้ให้กรณีฉุกเฉิน และยื่นส่งให้เวหา เวหารับกระดาษแผ่นนั้น และมองดูมัน เป็นหมายเลขโทรศั
อาหารสำหรับสองคน ที่วางอยู่บนโต๊ะ มากมายจนอนิลไม่รู้ว่าจะทานหมดไหม แต่ทุกอย่างล้วนแต่น่ากินทั้งนั้น โดยเฉพาะกุ้งเผาตัวใหญ่ทที่ผ่าครึ่งแบะออกพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด มันกุ้งสีเข้มเยิ้มอยู่ที่หัว จนแทบกลืนน้ำลายไม่ทัน เวหาหาใช้ช้อนตักให้เธอ เพื่อเป็นการประเดิมอาหารบนโต๊ะที่เป็นจานเด็ดสำหรับมื้อนี้ ที่อนิลรอคอย “ขอบคุณค่ะ” “น้ำจิ้มนี่อาจจะเผ็ดสักหน่อย คุณลองชิมก่อนนิดหนึ่ง ถ้าเผ็ดผมจะให้เขาปรุงให้ใหม่” อนิลลองตักมานิดหนึ่งหยดลงบนเนื้อกุ้งขาวที่มีไอระอุ ก่อนจะนำเข้าปาก และต้องรีบเป่าปากและดื่มน้ำตามทันที “เผ็ดใช่ไหม” “ค่ะ” เวหายกเมือเรียกพนักงานทันที “ขอโทษครับ ช่วยทำน้ำจิ้มให้ใหม่สักถ้วยได้ไหม คุณผู้หญิงทานเผ็ดไม่ได้ ขอพริกแค่เม็ดเดียวพอ” “ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” อนิลยิ้มให้เขา การดูแลผู้หญิงของเขา ยากที่ผู้หญิงคนไหนจะไม่ตกหลุมรัก แต่ทำไมเขาถึงไม่เคยให้ความสนใจหญิงสาวพวกนั้น นั่นทำให้อนิลคาใจ และสงสัยเพิ่มไปอีก ที่เขาทำดีกับเธอเป็นพิเศษเช่นนี้ ไม่น่าจะใช่เพราะว่าเขาชอบเธอหรอก เปิดใจให้เธอตามคำสั่งพ่อแม่ เพราะหากเป็นอย่างนั้น เขาควรจะทำมันตั้งนานแล้ว ไม่น่าจะหล
อนิลหลับอยู่บนโซฟายาว โดยมีสูทของเวหาห่มคลุมกันหนาวจากแอร์คอนดิชั่น เมื่อออกจากอยุธยา เวหาตั้งใจจะพาเธอกลับไปยังโรงแรมที่พัก แต่เพราะมีสายด่วนจากศูนย์วิจัยอาหารจากโปรตีนพืชทดแทนโปรตีนจากสัตว์ เพื่อการผลิตอาหารเพื่อสุขภาพ พบปัญหาจากการจัดเก็บที่ไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ตามมาตรฐาน ส่งผลให้เกิดสารก่อให้เกิดโทษต่อผู้บริโภค จึงมีการเรียกประชุมด่วน ทำให้เขาต้องพาอนิลมาที่สำนักงานการวิจัยฯด้วย แต่เนื่องจากการประชุมที่ไม่สามารถสรุปแนวทางแก้ไขได้ เพราะต้องมีการถกกันอีกหลายประเด็น ทำให้การประชุมนั้นยืดเยื้ออกไปมาก อนิลเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว จนเวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมง เพราะอากาศที่เย็นสบายและร่างกายที่เหนื่อยล้าจากค่ำคืนก่อน ทำให้เธอนอนหลับสบายโดยไม่มีสะดุ้งตื่นเลยสักนิด หลังจากเลิกประชุม เวหามองนาฬิกาที่ข้อมือ มันล่วงเลยเกือบเที่ยงคืน มันทำให้เขาตกใจ ก่อนจะรีบขอตัวเพราะทิ้งอนิลไว้ลำพังนานมาก แต่เมื่อเปิดประตูห้องรับรองเข้าไป พบว่าเธอนอนหลับอยู่ นั่นทำให้เวหาอดไม่ได้ที่จะยืนมองเธออยู่อย่างนั้น ก่อนจะตรงเข้าไปนั่งลง ใช้หลังมือแก้วเธอเบาๆ เพราะมันเย็นเฉียบ อนิลลืมตาขึ้
อาการบอบช้ำตามร่างกายของวิกรม ทุเลาลงมาก เขาร้อนใจ เมื่อพนมกรมารายงานความคุ้มคลั่งของอักษะที่นับวันจะทวีความรุนแรง และออกคำสั่งที่ดูเหมือนคนขาดสติและมิได้ไตร่ตรอง เรื่องหนึ่งไม่ทันจะหายเรื่องใหม่ก็เข้ามาพนมกรประคองร่างที่ยังเดินได้ไม่ดีนักของวิกรมมาที่รถของเขา ก่อนจะรีบเปิดประตูให้วิกรมได้นั่งสบายๆที่เบาะหลัง เขาปฏิบัติต่อวิกรมต่างจากอักษะ ราวกับวิกรมนั้นเป็นนายใหญ่แทนอักษะเสียอีก ดูจะมีความเคารพยำเกรงและเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าเสียด้วยซ้ำไม่ทันที่พนมกรจะขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ เสียงโทรศัพท์ของวิกรมก็ดังขึ้น“เรื่องที่ผมเคยขอให้คุณวิกรมลองตัดสินใจ ตอนนี้ผมตัดสินใจได้แล้ว ผมจะไม่รอคำตอบจากคุณอีกแล้วครับ ผมเลือกแล้ว”“มีอะไรหรือคุณเมืองนาย คนของผมเพิ่งมารับผมออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คุณวิกรมทบทวนข้อเสนอของนายธนญหรือยัง ก่อนหน้าที่ผมเคยบอกกับคุณไว้ ว่ามันเป็นทางเลือกที่ดี และผมฝากคุณวิกรม ไปบอกท่านอักษะด้วยว่า ผมขอยุติการเป็นตัวแทนในการทำธุรกรรมทางการเงินผิดกฎหมายนั่น ถึงผมจะรักเงินมากแค่ไหน แต่น้องชายของผมก็สำคัญกว่าเงินนั่นมากกว่าเป็นหลายเท่า อย่าได้ริอาจมาแตะต้องน้องชา
พระแพงมองแผ่นหลังกว้างของสืบสาย ที่แสงจันทร์จับเป็นเงาวาววับ เสียงพูดคุยที่เบา แต่น้ำเสียงหนักแน่น แม้จะได้ยินไม่ถนัดนัก แต่ก็พอเข้าใจจากโทนเสียง น้ำหนักเสียงหนักเบาของเขา ที่แฝงไปด้วยความจริงจังเคร่งเครียดสืบสายรับโทรศัพท์ของธนญที่เรียกเข้ากลางดึก หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเสร็จกิจกันผ่านไปไม่นานนัก นับหนึ่งที่หมดแรงหลับไปแล้ว ส่วนพระแพงเองก็ไม่ขยับตัวเมื่อสืบสายประคองศีรษะของเธอออกจากไหล่ของเขา เพื่อที่จะลุกไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียงสืบสายนั่งอยู่ที่ปลายเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า หันหลังให้พระแพงที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่น ปิดคลุมไว้แค่เนินอก จนกระทั้งรู้สึกว่าไออุ่นที่เคยได้รับจากกายของสืบสายหายไป และไหล่ของเธอเริ่มเย็นเฉียบ จนรู้สึกขนลุก อีกทั้งเสียงใครบางคนที่กำลังคุยกับใคร ทำให้พระแพงค่อยๆ ลืมตา และเพ่งมองไปที่แผ่นหลังของสืบสาย เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเขา“ฉันจะให้คงทรัพย์ ส่งคนไปเฝ้าคนร้ายที่โรงพยาบาลทันที ฉันกลัวจะเหมือนคราวที่แล้วอีก คราวนี้เราต้องมีพยานบุคคลให้ได้ แล้วเพื่อนนายเป็นอะไรมากไหม”“เมืองเหนือปลอดภัย แผลแค่ถากๆ แต่เจ้าหน้าที่หญิงที่ถูกจ
ชายที่ตามไล่ล่าพลอยฟ้า ชะงักฝีเท้าทันที ที่เห็นกลุ่มคนมากมายอยู่ที่รถของพวกเขา แต่ไม่ทันที่จะหลบวิ่งหนีกลับเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งก็ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง“หยุดนะ ไม่งั้นฉันยิ่ง”ทำให้ตำรวจนายอื่นประทับลำกล้องขึ้นไกปืนทันที แต่คนร้ายกลับไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวกับคำขู่เลยสักนิด พวกเขาวิ่งกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนตำรวจนายนั้นลั่นกระสุนตามทันที จนเสียงดังกึกก้องป่า ราวกับเสียงฟ้าคำรามยามฟ้าฝนกระหน่ำเช่นนี้ พร้อมกับไว่ไล่ตามไป“เกิดอะไรขึ้นครับ”เมืองเหนือที่มาถึงที่เกิดเหตุพร้อมภูผารีบตรงเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ทันที เมื่อได้ยินเสียงปืน“พวกคนร้ายมันวิ่งหนีการจับกุมครับ”“แล้วผู้หญิงล่ะครับ”“เราไม่เห็นคุณผู้หญิง ผมคาดว่าคุณผู้หญิง อาจจะหลบหนี พวกมันถึงวิ่งหน้าตื่นออกมาตามหาไม่ทันระวังตัวแบบนั้น”“หนีหรือ”น้ำเสียงของเมืองเหนือนั้นตกใจ เพราะเขาชำนาญป่าแถบนี้ และรู้ว่าเป็นพื้นที่อันตราย และมีหุบเหวลึกอยู่มากมาย หากคนไม่ชินทางอาจตกลงไปโดยไม่รู้ตัวฝนที่เบาลง ให้พวกเขาตัดสินใจออกตามล่า พร้อมทั้งตามหาพลอยฟ้าไปพร้อมกัน เพราะพวกเขาเชื่อว่าคนร้ายยังไม่ได้ตัวเธออย่
ชายสองคนที่นั่งอยู่ในรถกระบะเก่าคร่ำคร่า จอดอยู่ใต้ร่มเงาไม้ในซอยเล็กๆ ห่างจากบ้านฟ้าร้อยดาวราวยี่สิบเมตร ไม่ได้โดดเด่นหรือน่าสนใจเกินไปนัก ที่จะเป็นที่สนใจของผู้ผ่านไปผ่านมา เพราะปกติจะมีรถที่หลบเข้ามาหาที่จอด เพื่อเข้ามาทานอาหารหรือมาที่คาเฟ่อยู่เป็นประจำ“ผมซุ่มดูอยู่ครับ ห่างออกมาจากหน้าคาเฟ่ราวยี่สิบเมตรครับ ไม่มีใครสนใจเรา ผู้หญิงนักวิจัยที่มาจากขุนวางพร้อมนายเมืองเหนือพักอยู่ที่นี่ครับ เป็นคาเฟ่เล็กๆครับนาย คนไม่พลุกพล่าน แต่อุปสรรคอย่างหนึ่งคือ ดูเหมือนไอ้ภูผาคนสนิทของคุณเมืองนายและน้องชายจะเป็นเจ้าของที่นี่ และมันก็พักอยู่ที่นี่ครับ พวกบนเขามีคนของนายภูผาเฝ้าอยู่ และคอยติดตามเข้าป่าไปพร้อมป่าไม้ครับ ยากมากที่จะเข้าถึง ”ชายคนขับกำลังส่งข่าวถึงใครบางคน ซึ่งปลายสายนั้นรู้จักเมืองเหนือและเมืองนายเป็นอย่างดี อีกทั้งการพูดถึงนักวิจัยหญิง ซึ่งคนเดียวที่อยู่ที่นี่นั่นคือพลอยฟ้า รวมถึงภูผาที่เป็นอุปสรรคของพวกมัน“นายว่าไงพี่”“นายบอกให้รอจังหวะ อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม รอดูพวกมันไปก่อน”ทั้งสองเอนเบาะนอนในรถ พร้อมดับเครื่องและแง้มกระจกไว้ให้อากาศได้ถ่ายเท พวกมันตั้งใจ
คนของอักษะที่ซุ่มรอดูอยู่บริเวณคอนโดหรูที่พักของตรีทศ รอเวลาที่ลลิตาจะออกมา ในที่สุดเป้าหมายของพวกเขาก็ปรากฏตัว ลลิตาที่เดินเคียงคู่มาในชุดลำลองของตรีทศ สองหนุ่มสาวเดินออกมาบริเวณด้านหน้า เดินไปตามฟุตบาททางเท้าเพื่อไปยังร้านอาหารที่ห่างออกไปราว สองร้อยเมตรคนของอักษะรีบส่งสัญญาณไปยังคนที่อยู่ในรถ ส่วนคนที่เดินตามก็ตามมาห่างๆ แต่คอยรายงานเป็นระยะ จนกระทั่งตรีทศและลลิตาถึงที่หมายเนื่องจากเป็นร้านอาหารดัง ราคาย่อมเยา รสชาติถูกปากผู้คนในย่านนั้น ทำให้มีคนไปใช้บริการจำนวนมาก จนต้องมีการตั้งโต๊ะเสริมล้นออกมายังริมฟุตบาท“วันนี้ลูกค้าเยอะ สงสัยเราคงต้องนั่งข้างนอกนี้แล้วหละ”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนั่งได้”“คุณครับด้านในที่นั่งเต็มหมดแล้วครับ”เป็นอย่างที่คิด พนักงานเสิร์ฟออกมาแจ้งตรีทศ เมื่อเขามาถึงและถามพนักงานว่าด้านในยังพอที่นั่งเหลือไหม โดยที่พนักงานนั้นจำเขาได้ดี เพราะตรีทศเป็นลูกค้าประจำ พนักงานเสิร์ฟกุลีกุจอ เข้าไปสำรวจด้านในทันที ก่อนจะกลับออกมาพร้อมความผิดหวัง“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเรานั่งข้างนอกนี่ก็ได้”ตรีทศตอบและหันไปทางโต๊ะเสริมที่อยู่ห่างออกไปด้านหลัง ไกลจากปา
ตรีทศตะแคงใช้ศอกค้ำ ฝ่ามือยันศีรษะของตัวเองไว้ นอนมองลลิตาที่มีอาการงัวเงีย เมื่อแสงสว่างจากด้านนอกที่ส่องเข้ามาในห้อง ทำให้ห้องนอนที่แสนจะเรียบง่ายสว่างขึ้น เปลือกตาที่ค่อยๆเปิดออก เธอปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องตอบเขาไป ราวกับไม่เชื่อว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้า คือความจริง ลลิตาคิดว่าตัวเองฝันไป เธอกระพริบตาอยู่สองถึงสามครั้ง“ตื่นเถอะ”เสียงของตรีทศบอกเธอว่า ไม่ใช่ความฝัน ลลิตาตกใจรีบลุกขึ้น เธอมองไปรอบๆ นี่มันห้องของเขาจริงๆ มันไม่ใช่ความฝัน ตรีทศที่ยังนอนมองลลิตาเหยียดยิ้มออก ก่อนจะลุกขึ้นนั่งลลิตาที่ทำท่าจะก้าวลงจากเตียงถูกตรีทศรวบเอาไว้ก่อน ลลิตานั่งลงบนตักของเขาอย่างไม่ตั้งใจเพราะแรงยื้อที่เหวียงเข้าหาตัวเขา“คุณทศ ไหนบอกให้ฉันตื่น ฉันจะลุกแล้วนี่ไง”“ผมให้คุณตื่นไม่ได้บอกให้คุณลงจากเตียงเสียหน่อย”ตรีทศกอดรอบเอวลลิตาไว้ เธอนั้นจับท่อนแขนที่แน่นขึ้นของเขา พร้อมทั้งห่อตัว เมื่อตรีทศพยายามซุกไซ้ที่ซอกคอ“นี่สายแล้วนะคะ ไม่ไปทำงานหรือ”“ผมทำงานโปรเจคฯ ไม่ต้องเข้าสำนักงานก็ได้ นี่ไงที่ทำงานผม”“แต่ฉันต้องทำ”“เจ้านายคุณไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ เขาให้คุณดูแลณัฐกา
ตรีทศและนิอรที่เดินออกมายังโถงส่วนหน้าของโรงพยาบาล ห่างไปไม่ไกลจากตรงนั้น ลลิตานั่งรอณัฐการอยู่ที่ร้านกาแฟ ตามที่ณัฐการบอก โดยตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่กำลังสับสนและหวั่นไหวกับความรู้สึกของตัวเอง“นิอร มาทำอะไรที่นี่น่ะ”ณัฐการในชุดคลุมท้องแสนน่ารัก นั่งอยู่บนรถเข็นที่นางพยาบาลช่วยเข็นมาหาลลิตาที่ร้านกาแฟ“คุณอิ๋ง ไม่ได้เจอกันนานเลย ตั้งแต่คุณออกจากบริษัท พวกเราเหงามากเลยค่ะ เจ้านายไม่พาลูกน้องไปเลี้ยงเหมือนเคย อรขอฟ้อง”“นี่พี่อุ๋งกับพี่หัส ละเลยลูกน้องขนาดนี้เลยเหรอฉันต้องจัดการหน่อยแล้ว”“แล้วนี้มาตรวจครรภ์หรือคะ”ตรีทศมองณัฐการ ด้วยความรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน ณัฐการเองก็มองเขาแว้บหนึ่งก่อนจะจำได้“อ้อ ฉันจำนายได้แล้ว นายเป็นเพื่อนของนับหนึ่งนี่นา ฉันเป็นเพื่อนนับหนึ่ง เราเจอกันบ่อยๆ ที่มหาวิทยาลัย”“อ้อ! จำได้แล้ว เธอชื่ออะไรนะ ติดอยู่ที่ปาก”“ฉันชื่อณัฐการคณะบริหาร”“อ่อใช่ ผมตรีทศ”ตรีทศยิ้มให้ณัฐการ ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน เมื่อจำกันได้“นายเป็นแฟนกับนิอรเหรอ”สิ้นเสียงคำถามของณัฐการ ตรีทศไม่ทันจะได้ตอบ สายต
นายอักษะที่อยู่ในอารมณ์ครุกรุ่น โกรธโมโห และบันดาลโทสะ เขาทำร้ายวิกรมไม่ยั้ง ที่คนของวิกรม ทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ชายสูงอายุสองคนที่เคยเป็นเสมือนเพื่อนรัก คู่หู เจ้านายและลูกน้องที่รักกัน แต่เมื่อเป็นเรื่องงาน ที่พลาด อักษะไม่เคยให้อภัยใคร เพราะมันหมายถึงชีวิตทั้งหมดของเขาอาจจบสิ้นลงนายวิกรมที่กองอยู่ที่พื้น ถูกลูกน้องสองคนประคองข้างให้ทรงตัวนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ในขณะที่ลูกน้องคนหนึ่งยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กให้นายอักษะเช็ดมือ เอาเลือดของวิกรมที่เปรอะเปื้อนออก ด้วยสายตาและมือที่สั่นเทา เขาไม่เคยเห็นอักษะซ้อมหรือทำร้ายวิกรมถึงขั้นปางตายขนาดนี้มาก่อน เพราะทุกคนรู้ดีว่าวิกรมคือเพื่อนรัก ที่เคียงบ่าเคียงไหล่ของนายอักษะมาตั้งสมัยยังหนุ่ม จนกระทั่งเรืองอำนาจ อีกทั้งเป็นนายอีกคนของพวกเขา“พามันออกไป”สิ้นคำสั่งสองหนุ่มรีบหิ้วปีกวิกรมออกไปทันที เป็นครั้งแรกที่วิกรมสิ้นลาย และสูญสิ้นศักดิ์ศรีจากการกระทำที่ไม่ให้เกียรติกันของอักษะ สายตาดุดันเข้มขึ้น เขากัดฟัน และข่มความเจ็บแค้นเอาไว้ด้วยร่างกายที่สะบักสะบอม วิกรมถูกหามส่งโรงพยาบาลทันทีเมื่อสิ้นสติเช้าวันใหม่ที่แสงอร
พลอยฟ้าตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อใกล้รุ่งสาง ดวงตาที่พยายามลืมขึ้นในแสงสลัวที่ฟ้ายังไม่แจ้งดี พลอยฟ้านอนหันหลังให้เขาด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มอุ่นคลุมกายอยู่ใต้วงแขน เสียงหายใจแรงของภูผาทำให้พลอยฟ้า ไม่แน่ใจว่าเขาตื่นอยู่หรือว่าหลับก่อนจะค่อยลุกขึ้น และหันไปตามเสียงนั้นช้าๆ ใบหน้าที่เอียงไปทางหนึ่ง แขนทั้งสองวางอยู่บนอก ผ้าห่มคลุมแค่ท่อนล่าง ผิวกายที่ขาวสะอาด มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยแต่ดูแข็งแรงพลอยฟ้ามองหาเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะย่องลงจากเตียง และรีบร้อนสวมใส่มัน และไม่ลืมที่จะเก็บของสำคัญที่เธอตั้งใจมาเอาคืน แต่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เธอและเขาลงเอยกันบนเตียงเสียงประตูที่ปิดลงเบาๆ ทำให้ภูผาลืมตา เขาตื่นนานแล้ว แต่เพราะกลัวว่าพลอยฟ้าจะทำตัวไม่ถูก เขาจึงแกล้งทำเป็นหลับอยู่ เพราะมันก็ยากสำหรับเขาด้วยเช่นกันที่จะต้องเผชิญหากับเธอพลอยฟ้าที่หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แสงแดดอ่อนๆ ก็ฉายแสงเต็มที่ แต่เธอยังคงหมกตัวอยู่ในห้อง อยากออกไปข้างนอกใจจะขาด แต่ไม่แน่ใจว่าโผล่ไปเจอเขาตอนไหน เธอจึงเอาแต่นั่งเงียบๆ อยู่ในห้องจนกว่าจะได้ยินเสียงของเขา จนกระทั่งช่วงสาย เสียง