“ถอดชุดเธอออกซะ อย่าให้ฉันต้องฉีกมัน”
เธอยืนตัวสั่นเทาและไม่ยอมถอดชุดออกตามคำสั่งของผม สงสัยคงจะชอบความรุนแรง
“ยะ อย่าทำอะไรฉันเลยนะ วันนี้เป็นวันแต่งงานของฉัน ถ้าคุณท่านรู้คุณไม่รอดแน่ๆ” ท่าทางของเธอเหมือนจะกลัวผม แต่เธอกลับพูดขู่ผม หึ!! กล้าดีหนิ “คำขู่ของเธอมันใช้กับฉันไม่ได้ผลหรอก...แสนดี” “คะ คุณรู้จักชื่อฉันได้ไง คะ คุณเป็นใครกันแน่” “จะถามให้เสียเวลาทำไม ถอดชุดออก !!” ผมตะคอกใส่เธอ แต่ก็ก็ไม่ยอมถอดชุดของเธอออกอยู่ดี เธอกำลังทำให้ผมหงุดหงิดเล่นตัวเก่งจริงๆ ผมคว้ามือไปจับแขนเธอ ก่อนจะออกแรงกระชากแรงๆให้เธอเดินตามผมออกมาจากห้องน้ำ “อย่านะ อย่าทำอะไรฉันเลยฉันขอร้อง ได้โปรด” “ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยฉันด้วย”ผลัก! ตุบ! ผมเหวี่ยงร่างเธอลงเตียงอย่างแรงแบบไม่คิดจะปราณี
“หุบปากแล้วเก็บเสียงเอาไว้ครางให้ฉันฟังดีว่า” “ฮึก ยะ อย่าทำอะไรฉันเลย ฮึก” เธอถอยหนีผมไปจนติดขอบเตียง พรางยกมือไหว้ขอร้องอ้อนวอนผม ทำตัวเหมือนไม่เคยผ่านผู้ชายมา คิดว่าผมจะเชื่อผู้หญิงที่แต่งงานกับพ่อผมเพื่อแลกกับเงินอย่างเธอรึไง ผมค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกทีละเม็ดๆ สายตาจ้องมองไปที่แม่เลี้ยงของผมอย่างไม่ละสายตา “ฉันให้เธอคิดอีกครั้ง ว่าเธอจะถอดชุดเองหรือจะให้ฉันฉีกมัน” ผมถามอีกครั้ง แต่แม่เลี้ยงคนสวยของผมเธอเงียบ ท่าทางจะกลัวผมมาก อย่างเธอกลัวผู้ชายเป็นด้วยหรอวะ เมื่อผมถอดเสื้อออกจากร่างกายของตัวเองแล้ว ผมก็ขึ้นไปบนเตียง ก่อนจะดึงให้แม่เลี้ยงคนสวยของผมลงมาอยู่ใต้ร่างของผม “ร้องไห้ทำไม เรากำลังจะมีความสุขกันนะ” ผมยิ้มมุมปากเมื่อพูดจบ ผมก็ลูบหัวเธอเบาๆ “ฮึก ได้โปรดอย่าทำฉันเลย” “ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้จะไม่มีใครรู้นอกจากเธอกับฉัน” ผมก้มลงไปกระซิบบอกเธอ ก่อนจะใช้เรียวลิ้นร้อนๆของตัวเองเลียใบหูของเธอ แต่คนใต้ร่างของผมเธอรีบผลักผมออกทันที “อย่าทำฉัน อื้อ...” ผมก้มลงไปประกบปากจูบเธอก่อนที่เธอจะพูดอะไรที่มันน่ารำคาญออกมาอีก แม่เลี้ยงคนสวยของผมเธอยอมให้ผมสอดลิ้นเข้าไปสำรวจในช่องปากของเธออย่างง่ายดาย นึกว่าจะใจแข็งกว่านี้สะอีก หึ!! ผมรวบมือทั้งสองข้างของเธอขึ้นไปไว้เหนือหัวของเธอ และกดไว้ไม่ให้เธอดิ้น ยัยแม่เลี้ยงทำราวกับว่าจูบไม่เป็น น่าหงุดหงิดชะมัด “โอ้ยย นี่เธอกล้ากัดฉันหรอวะ !!” ผมร้องออกมาเสียงดัง ในขณะที่ผมกำลังจูบกับแม่เลี้ยงคนสวยของผมอยู่ จู่ๆ เธอก็กัดปากผม เจ็บชะมัด “ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย ฮึก ใครก็ได้ช่วยด้วย”แควก!!
“กรี๊ด !!” ผมฉีกชุดเจ้าสาวของแม่เลี้ยงคนสวยออกอย่างง่ายดาย ไอ้เรื่องฉีกชุดมันงานถนัดผมอยู่แล้ว “อย่าทำให้ฉันหงุดหงิด ถ้าเธอไม่อยากเจ็บตัว” ผมกระชากอีกครั้งให้ชุดเจ้าสาวมันหลุดติดมือผมออกมา ก่อนจะเหวี่ยงมันทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดี ก่อนจะกระชากชุดชั้นในของเธอออกด้วยเช่นกัน เมื่อร่างกายไร้ที่ปิดคลุมทำเอาผมถึงกับตะลึงในความงามของเรือนร่างแม่เลี้ยงของผมคนนี้จริงๆ ไม่ว่าจะมองตรงไหนมันก็สวยไปหมด โดยเฉพาะตรงจุดความเป็นหญิงของเธอ เนินสามเหลี่ยมอวบอิ่มไร้ขนปกคลุม สีชมพูปนแดงระเรื่อนั้น อ่า! สวยมากจริงๆ “อย่าทำ ฉันขอร้อง ฮึก...” แม่เลี้ยงของผมเธอดิ้นไปมา สงสัยผมต้องหาอะไรมามัดเธอเอาไว้แล้วแหละ น่ารำคาญตาชะมัด “ถ้าเธอคิดจะหนี ฉันฆ่าเธอแน่” ผมพูดขู่คนที่นอนสั่นระริกๆด้วยความกลัวอยู่บนเตียงขนาดคิงไซร์ จากนั้นผมก็ลุกขึ้น ฉีกชุดแต่งงานของเธอให้เป็นชิ้นยาวๆพอที่จะปิดปากกับมัดมือเธอได้ จากนั้นผมก็กลับไปที่ร่างของเธออีกครั้ง เธอเชื่อฟังดีหนิ ตอนนี้เธอนอนนิ่งไม่ขยับเลย หรือเธออาจจะชอบแบบซาดิสม์ หึ!! เข้าทางผมจริงๆ จะจัดสาสมกับความร่านของเธอเลยก็แล้วกัน เมื่อผมจัดการมัดมือกับปิดปากเธอเรียบร้อยแล้ว เล่นเอาแทบจะหมดแล้ว ก็แม่เลี้ยงคนสวยของผมนี่สิ แม่งดิ้นแล้วก็แหกปาก แต่ตอนนี้เธอหมดฤทธิ์แล้วแหละ เพราะผมปล่อยให้เธอดิ้นจนเหนื่อยก่อนแล้วค่อยจัดการกับเธอ เวลาเธอดิ้น ร่างกายของเธอมันชวนมองมากกว่าตอนที่นอนอยู่นิ่งๆเป็นร้อยเท่า ทำเอาท่อนเอ็นของผมมันแข็งดันกางเกงปวดหนึบๆเลยตอนนี้ “หมดแรงแล้วรึไง หึ” ผมถามแม่เลี้ยงคนสวย เมื่อเธอหยุดดิ้น ถึงอยากจะร้องแหกปากเธอก็ทำไม่ได้หรอก เพราะผมปิดปากเธอเอาไว้ ผมจัดการถอดกางเกงของตัวเองออกอย่างเร่งรีบ อยากเอาท่อนเอ็นเสียบเข้าไปในตัวเธอใจจะขาด เมื่อร่างกายของผมไม่มีเสื้อผ้าหลังเหลืออยู่แล้ว ผมก็ไม่รอช้ารีบพุ่งตรงไปที่ตัวแม่เลี้ยงคนสวยของผมทันที ตอนนี้เหมือนเธออยากจะขัดขืน แต่เธอคงจะหมดแรง ผมจับเรียวขาของเธอให้อ้าออกจากกัน ก่อนจะใช้มือกำท่อนเอ็นของตัวเองรูดขึ้นลงสามสี่ที จากนั้นก็เอาไปจ่อที่ร่องสวาทสีแดงสดของยัยแม่เลี้ยง “อื้อ...!!” “อ๊า เข้ายากจังวะ” ผมกระแทกสะโพกแรงๆเพื่อจะให้ท่อนเอ็นมันเข้าไปในร่องสวาท แต่มันกลับเข้าได้แค่หัว ส่วนแม่เสี้ยงของผมเธอนอนตัวเกร็งเลยตอนนี้ ส่งสัยของผมมันจะใหญ่เกินไป ถ้าจะว่าเธอยังบริสุทธิ์คงไม่มีทาง “เจ็บหน่อยแล้วกันนะ” ปัก! เมื่อพูดจบผมก็กระแทกสะโพกอีกครั้ง ทำให้ท่อนเอ็นของผมมันเข้าไปจนมิดด้ามสักที โคตรแน่นเลยจริงๆ “แน่นจังวะ ไปทำอะไรมาร่านๆแบบเธอถึงฟิตขนาดนี้” ผมถามผู้หญิงที่นอนอยู่เสียงแหบพร่า แต่ลืมไปว่าเธอตอบไม่ได้ เธอโดนปิดปากอยู่ น้ำตาของเธอไหลลงมาอาบแก้ม ถามว่าผมสงสารมั้ย หึ! ไม่มีทาง ผมไม่คิดจะสงสารผู้หญิงอย่างเธอ ตรับ ตรับ ตรับ ตรับ !! ผมเริ่มกระแทกเอวสอบแรงๆ ความคับแน่นของแม่เลี้ยงคนสวยของผม มันทำให้ผมแทบคลั่ง เสียวหัวชิบ “อ๊า เปลี่ยนท่ามั้ย หื้ม ซี๊ดด” ผมชักท่อนเอ็นออก และจับเธอพลิกตัวนอนคว้ำหน้าลง จากนั้นก็ยกก้นเธอขึ้น และเสียบท่อนเอ็นเข้าไปจนมิดด้าม จากนั้นก็กระแทกรัวๆ เสียงกรีดร้องในลำคอเหมือนกำลังเจ็บปวดของเธอ มันกลับกระตุ้นความต้องการของผมได้อย่างดีเลยทีเดียว ตรับ ตรับ ตรับ ปัก ปัก!! ผมอัดกระแทกกระทั้งท่อนเอ็นลำใหญ่อย่างรุนแรง มือของผมบีบก้นงอนของเธอจนแดงเป็นรอยมือ แค่บีบมันคงไม่พอ ผมตบก้นของเธอแรงๆหลายๆครั้ง ก่อนจะเอื้มมือไปดึงผมเธอให้เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็อัดกระแทกท่อนเอ็นใส่ร่องสวาทของเธอรัวไม่ยั้ง เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องไปทั่วห้อง แม่เลี้ยงของผมคนนี้เด็ดจริงๆ ขนาดแค่อยู่เฉยๆไม่ได้ช่วยผมขย่ม ยังทำให้ผมเสียวใจแทบขาดตั้งแต่ครั้งแรกที่เสียบท่อนเอ็นเข้าไปในร่องของเธอหลังจากผมกระทำกับแม่เลี้ยงคนสวยจนพอใจแล้ว ตอนนี้ผมก็กำลังแต่งตัวใส่เสื้อผ้า ส่วยแม่เลี้ยงคนสวยของผมเธอนอนคลุมโปงอยู่ใต้ผ้าห่ม
“ชุดแต่งงาน เดี๋ยวจะมีคนเอามาให้เธอแทนชุดที่มันขาดไป” ไร้เสียงตอบกลับจากคนที่อยู่ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ ผมพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะกระชากผ้าห่มออก และดึงแขนให้เธอลุกขึ้น ดูท่าเธอคงจะกลัวผมมากจริงๆ “อย่าทำอะไรฉันอีกเลยนะ ฮึก” “กลัวทำไม ฉันไม่เห็นทำอะไรนอกจากเอากับเธอ หึ!!” ผมพูดเสียงเรียบ ก่อนจะบีบปลายคางของเธอแรงๆ “อื้อออ...” “ขอให้เธอมีความสุขในวันแต่งงาน อีกไม่นานเราจะได้เจอกันอีกแน่ สาวน้อย...”—- Talk แสนดี —-ฉันฝันไปใช่มั้ย มันไม่จริงใช่มั้ย ฉันไม่ได้เสียความบริสุทธิ์ให้ใครใช่มั้ย “ฮึก...” ฉันก้มหน้าร้องไห้สะอื้นออกมา ถึงจะพยายามหลอกตัวเองยังไง สุดท้ายฉันก็หนีความจริงไม่พ้นอยู่ดี ฉันไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เขามาย้ำยีฉันทำไม ฉันไปทำอะไรให้เขา หรือว่าเขาจะเป็นเจ้าหนี้ของฉันอีกคน แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้ ในเมื่อคุณท่านใช้หนี้ให้ฉันหมดทุกบาททุกสตางค์แล้ว คุณท่านที่ฉันพูดถึงคือคุณดนัย เป็นนักธุรกิจ ฉันรู้แค่คุณท่านรวยมาก รวยถึงขนาดใช้หนี้ให้ฉันตั้งหลายสิบล้าน ย้อนกลับไปเดือนก่อน วันงานศพแม่ของฉัน วันนั้นมีเจ้าหนี้มาทวงเงินที่พ่อของฉันเคยกู้ไป ตอนแรกฉันก็ไม่รู้ว่าเท่าไหร่เพราะแม่ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ ตั้งแต่พ่อเสียฉันรู้แค่ว่าฉันกับแม่มีหน้าที่หาเงินเพื่อมาใช้หนี้ให้ใครก็ไม่รู้ ฉันรู้แค่ว่าฉันต้องทำงานหนัก ต้องหาเงินได้เยอะๆ ฉันไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัยเพื่อที่จะทำงานเก็บเงินช่วยแม่ แต่สุดท้ายแม่ก็จากฉันไป...วันนั้นหลังจากเผาศพแม่ของฉันเสร็จ จู่ๆ ก็มีคนมาจับตัวฉัน ขู่จะเอาเงินจากฉัน ถ้าฉันหาให้ไม่ได้พวกมันก็ขู่ว่าจะข่มขืน จะฆ่าฉัน ฉันคิดว่าตอนนั้นฉันคงไม่รอดแน่ๆ แต่แล
— หลังจากจบพิธีแต่งงาน —คุณท่านพ่ฉันมาที่บ้าน เป็นบ้านของคุณท่านหลังใหญ่โตมโหฬารมาก ฉันถึงกับตะลึงตาค้างเลยทีเดียว ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นบ้านหลังใหญ่อย่างกับวังแบบนี้เลย “หนูตามฉันมาเดี๋ยวฉันจะพาไปดูห้องนอน” คุณท่านเอ่ยบอกฉัน คงจะเห็นว่าฉันยืนนิ่งไม่ขยับ ก็ฉันกำลังตะลึงกับความใหญ่โตของบ้านอยู่นี่แหละฉันเดินตามคุณท่านขึ้นไปชั้นบน บ้านหลังนี้มีสามชั้น มันใหญ่โตมาก จริงๆ ตรงทางขึ้นมีรูปผู้หญิงสูงวัยติดอยู่ตรงผนัง ขนาดว่าอายุเยอะแล้วก็ไม่อาจทำรายความสวยของคนในภาพได้เลย ตอนเป็นสาวคงจะสวยมากแน่ๆก็เหมือนกับคุณท่าน ถึงคุณท่านจะอายุเยอะมากแล้วแต่ก็ยังดูดีไม่แก่ตามอายุ “ห้องนี้คือห้องนอนของหนู ส่วนห้องฉันจะอยู่ตรงข้าม” “อ้อ ค่ะๆ” ฉันพยักหน้าหงึกๆพรางปรายตามองไปรอบๆ ไม่คิดไม่ฝันว่าชีวิตฉันจะได้สัมผัสกับบ้านหลังใหญ่โตขนาดนี้ “หนูหน้าเหมือนแม่ตอนเป็นสาวเลยนะรู้มั้ย” คุณท่านพูดพร้อมกับยิ้มจางๆให้ฉัน รอยยิ้มของคุณท่านช่างอบอุ่นจริงๆ “แม่เคยบอกค่ะ ว่าหนูหน้าเหมือนแม่มาก พ่อก็เคยบอกเหมือนกัน” คุณท่านหุบยิ้มทันทีเมื่อฉันเอ่ยถึงพ่อ มีอะไรรึเปล่านะ “ถ้างั้นหนูไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวถึงเวลาทานอ
“ร้อยวันพันปีแกไม่คิดจะมาอยู่ จู่ๆ ผีตัวไหนเข้าสิงแกถึงคิดจะมาอยู่” คุณท่านพูดท้วง ฉันรีบเดินออกไปจากห้องรับแขกเพราะกลัวว่าจะผิดสังเกต เพราะว่าฉันขอตัวขึ้นไปบนห้องแล้วถ้าจะไปยืนฟังมันคงจะดูไม่ดี เมื่อเข้ามาในห้อง ฉันบอกตามตรงว่าตอนนี้ฉันรู้สึกใจคอไม่ดีเลย ผู้ชายคนนั้นเขาคือลูกชายของคุณท่าน แล้วเขาทำแบบนั้นกับฉันทำไม เขาตั้งใจ เขาจงใจ ฉันควรจะทำยังไงดี ฉันจะอยู่ที่นี่ได้ยังไงถ้าผู้ชายคนนั้นเขาจะมาอยู่บ้านหลังนี้จริงๆ ฉันเดินวนไปทั่วห้องเดินอยู่อย่างนั้นนานนับชั่วโมง ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ฉันไม่อยากเจอหน้าเขา ถ้าคุณท่านรู้ว่าฉันมีอะไรกับลูกชายของคุณท่านจะเป็นยังไง ก๊อกๆ ก๊อกๆ (เสียงเคาะประตูห้อง) ฉันสะดุ้งตัวโหยงด้วยความตกใจเมื่อเสียงเคาะห้องดังขึ้น เมื่อกี้ฉันกำลังเหม่อ แกร่ก(เสียงเปิดประตูห้อง) “คุณท่านให้ลงมาตามไปทานข้าวค่ะคุณผู้หญิง” “อะ อ้อค่ะๆ” “ดะ เดี๋ยวค่ะป้า” ฉันท้วงป้าแม่บ้านก่อนที่ป้าจะเดินไป “มีอะไรรึเปล่าคะคุณผู้หญิง” “เอ่อคือ ลูกชายของคุณท่านกลับไปแล้วใช่มั้ยคะ” ฉันเม้มปากแน่นด้วยความประหม่าทันทีที่พูดจบ “จะให้กลับไปไหน นี่มันบ้านฉัน” เฮือก!! ใจฉันมันหล่นว
ฉันนอนสั่นไปทั้งตัวอยู่บนที่นอน ถึงอยากจะร้องขอให้คนมาช่วยเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้ เพราะคนตรงหน้าของฉันคือลูกชายของคุณท่าน มือหนาเริ่มลูบไล้ไปตามเรียวขาของฉัน ดวงตาคู่นั้นของคนตรงหน้าฉันมันชั่งน่ากลัวจนฉันไม่กล้าที่จะขยับตัวไปไหน “อยากให้ฉันถอดให้เธอ หรือเธอจะถอดเอง” น้ำเสียง เรียบๆ ของเขาเอายถามฉัน “อย่าทำแบบนี้ได้มั้ยฉันขอร้องเราไม่รู้จักกัน ฉันเป็นภรรยาของพ่อคุณ...” “แล้วไง!! ฉันไม่สนผู้หญิงอย่างเธอไม่มีสิทธิ์มาเรียกร้องอะไร” “.....” ทำไมเขาถึงโหดร้ายแบบนี้กัน “แก้ผ้าของเธอออกซะ ฉันอยากเห็นเธอตอนไม่ใส่อะไรมากกว่า” ฉันลุกขึ้นยืนก่อนจะ ค่อยๆ ปลดเสื้อผ้าของตัวเองออกทีละ ชิ้นๆ ตามคำสั่งของเขา “สวย ร่างกายของเธอมันสวยมาก จริงๆ แสนดี” เขานั่งจ้องฉันตาไม่กระพริบโดยไม่คิดเลยว่าฉันก็อายเป็นเหมือนกัน ฉันมองชายตรงหน้าที่ฉันไม่เคยรู้จัก ฉันรู้แค่ว่าเขาคือคนที่ข่มขืนฉันในวันแต่งงาน และเขาคือลูกชายของคุณท่าน ทำไมกัน ทำไมเขาถึงได้กระทำกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีทางสู้ขนาดนี้ หมับ! มือหนาคว้ามาดึงแขนฉันก่อนจะผลักฉันลงไปที่เตียง ตอนนี้ร่างกายของฉันมันเปลือยเปล่า ฉันหนีบขาของตัวเองเอาไว้แน่น “ไ
เมื่อคนใจร้ายคนนั้นเขาออกไปจากห้องแล้ว ฉันก็ปล่อยน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ให้มันไหลออกมาทันที ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ ฉันเคยไปทำอะไรให้เขา เพียงเพราะฉันแต่งงานกับพ่อของเขา ถึงขั้นที่เขาจะต้องทำกับฉันเหมือนฉันไม่ใช่คนขนาดนี้เลยรึไง ถ้าเขายังอยู่ที่นี่ฉันก็คงจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ เพราะฉันคงจะตกเป็นตัวระบายตัณหาของเขาไปตลอด เพราะดูแล้วเขาคงจะไม่หยุดแค่นี้ฉันเก็บตัวอยู่แต่ในห้องไม่ยอมออกไปไหน จนตอนเย็นมีแม่บ้านมาตามไปกินข้าว ฉันถึงออกจากห้อง จริงๆ ฉันก็ไม่อยากจะออกไปสักเท่าไหร่หรอก เพราะไม่อยากเห็นหน้าเขา ไอ้คนใจร้ายคนนั้น บรรยากาศบนโต๊ะอาหารตอนนี้มันชั่งน่าอึดอัดมากจริงๆ และก็เป็นอย่างที่ฉันคิดเอาไว้ไม่มีผิด ว่าต้องเจอเขา เฮ้อ ก็นี่มันบ้านของเขาจะเจอมันคงไม่ใช่เรื่องแปลก ฉันถึงไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วไง “อ่ะ !!” ฉันกำลังนั่งก้มหน้าทานข้าวอยู่ จู่ๆ ก็ต้องสะดุ้งตัวโหยงด้วยความตกใจ เพราะรู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างมาแตะโดนต้นขาของฉัน “เป็นอะไรหรือเปล่า” คุณท่านหันมาถามฉันด้วยความสงสัย “ปะ เปล่าค่ะ พอดีมดมันกัด” เมื่อตอบคุณท่านที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วฉันก็หันไปมองคนตรงหน้าเขากระตุกยิ้มมุมปากให้ฉัน
วันต่อมา... วันนี้คุณท่านพาฉันไปดูคอนโดแถวๆมหาวิทยาลัยที่ฉันต้องไปเรียน โชคดีที่ตอนเช้าไม่เจอกับลูกชายของคุณท่าน นี่ไม่ใช่แค่การมาดูห้อง แต่ฉันขอคุณท่านย้ายเข้ามาอยู่วันนี้เลย เพราะฉันทนอยู่ที่บ้านของคุณท่านไม่ได้อีกแล้ว มีเขาอยู่ก็ต้องไม่มีฉัน “หนูชอบห้องนี้มั้ย ถูกใจหนูรึเปล่า” คุณที่นหันมาถามฉันหลังจากที่เราเดินดูห้องกันสักพัก “ห้องมันใหญ่ไป ให้หนูอยู่ห้องเช่าธรรมดาๆก็ได้ค่ะ แบบนี้รบกวนคุณท่านแย่เลย” ห้องนี้มันกว้างยิ่งกว่าบ้านฉันหลังหนึ่งอีกนะ ฉันไม่ได้พูดเกินความจริง แต่ฉันพูดจริงๆ ห้องนี้ มีห้องนอนตั้งสองห้อง มีห้องครัวด้วย อย่างกับเป็นบ้านแหนะ “ฉันเต็มใจให้หนูรับไว้เถอะ ห้องนี้มันเป็นของหนู” ฉันยกมือขึ้นมาไหว้คุณท่าน คุณท่านให้อะไรหลายๆอย่างในสิ่งที่ฉันไม่เคยได้ ไม่เคยมี “หนูพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปจัดการเรื่องเรียนให้” หลังจากที่คุณท่านออกไปแล้วฉันก็จัดการเอาเสื้อผ้าใส่ตู้ไว้ จัดของใช้ส่วนตัวของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง กว่าจะเสร็จก็ปาไปเกือบสองชั่วโมง เมื่อเสร็จแล้วฉันก็มานั่งบนโซฟาตัวใหญ่ ขอให้ฉันหลุดพ้นจากกรงกามของคนใจร้ายคนนั้นสักที ฉันออกมาแบบนี้แล้ว หวังว่าเขาจะ
เมื่อสายโทรศัพท์ถูกตัดไป ตอนนี้ฉันยืนตัวแข็งทื่อไม่ขยับ เขาโทรมาพูดแค่นั้น แต่คำขู่ของเขามันทำให้ฉันรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ เขาจะตามหาฉันเจอมั้ย ทำไมกัน ทำไมถึงต้องตามจองเวรจองกรรมฉันขนาดนี้ ฉันพยายามที่จะไม่คิดมาและทำอาหารต่อจนเสร็จ คุณท่านมาพอดี ฉันพยายามทำตัวให้ปกติที่สุดไม่อยากให้คุณท่านรู้ว่าลูกชายของคุณท่านข่มขู่อะไรฉันบ้าง เพราะฉันไม่อยากให้คุณท่านคิดมาก “หนูรู้มั้ยว่าฉันอยากมีลูกผู้หญิงมาก แต่วาสนาฉันได้แต่ลูกผู้ชาย” “คุณท่านมีลูกกี่คนหรอคะ แค่คุณโชนหรือมีอีก”“สมัยฉันยังหนุ่มฉันเจ้าชู้ หนูคิดว่าฉันจะมีแค่ตาโชนงั้นรึ” พูดจบคุณท่านก็หัวเราะ หึหึ ในลำคอออกมา งั้นก็แปลว่าคุณท่านยังมีลูกอีก ใครกันนะ “เขาไม่ได้อยู่บ้านหลังเดียวกับคุณท่านหรอคะ” “ฉันส่งไปเรียนที่เมืองนอก ขืนให้อยู่ที่บ้านตาโชนคงได้ฆ่าตายกันพอดี”ฉันไม่อยากจะตามอะไรที่มันล้วงลึกเพราะมันจะดูว่าฉันก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของคุณท่านมากจนเกินไป ถ้าคุณท่านอยากจะเล่าเดี๋ยวคุณท่านก็เล่าให้ฉันฟังเอง “หนูนี่ทำอาหารอร่อยเหมือนแม่หนูไม่มีผิด” “แม่หนูเคยทำอาหารให้คุณท่านทานด้วยหรอคะ” ฉันถามด้วยความสงสัย แปลกจังที่คุณท่านมักจะพ
ฉันรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีในตอนนี้ถอยหนีเขาจนติดขอบเตียง มือหนึ่งกุมท้องของตัวเองเอาไว้เพราะว่ามันจุกที่เขาเหวี่ยงฉันลงเมื่อครู่ “ฉันขอร้อง อย่าทำอะไรฉันเลย” ฉันพูดร้องขอเขาออกไป แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ฟังอะไรฉันเลย ตอนนี้เขากำลังปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกทีละเม็ด ๆสายตาจับจ้องมาที่ฉันอย่างไม่ละสายตา “เธอรู้มั้ยว่าเวลาเธอใส่ชุดนักศึกษามันยั่วอารมณ์ฉันขนาดไหน” “.....” ฉันค่อยๆเม้มปากเข้าหากันแน่น ทำไมเขาถึงได้น่ากลัวขนาดนี้กัน “เธอไม่ต้องกลัว ครั้งนี้ฉันจะไม่ทำรุนแรงกับเธอ” พูดจบเขาก็ถอดเสื้อออกพร้อมกับโยนทิ้งไปอีกมุมของห้อง จากนั้นเขาก็ลดมือลงมาปลดตะขอกางเกงของตัวเอง เขาทำทุกอย่าง อย่างใจเย็นสีหน้าเรียบนิ่งมันชั่งไม่เข้ากันกับสายตาคมกริบของเขาเลย แถมรอยสักของเขายังน่ากลัวมากอีกต่างหาก “คุณ อร้ายย...” ร่างของฉันถูกเขาถึงรูดไปกับที่นอน ก่อนที่เขาจะค่อมร่างของฉันเอาไว้ แล้วก้มหน้าลงมาเป่ารดลมหายใจร้อนๆเป่าใบหูของฉัน “จะกลัวทำไม หื้ม...” เรียวนิ้วของเขาเกลี่ยไปตามแก้มของฉัน ทำเอาฉันสะดุ้งตัวแรงและพยายามจะดิ้นหนี แต่เขากดฉันเอาไว้ “ปล่อยฉัน ฮึก...” ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม เพราะอะไ
@โรงพยาบาลฉันปวดท้องตั้งแต่เช้า จนตอนนี้ปาเข้าไปหกโมงเย็นแล้วยังไม่คลอดเลย อาการปวดท้องมันเริ่มปวดหนักขึ้น เรื่อยๆ มันแน่นไปหมดเลยตอนนี้ “ปวดมากท้องมากเลยใช่มั้ย” คุณโชนจับมือฉันเอาไว้ตลอด เขาไม่ปล่อยมือฉันเลยถ้าไม่จำเป็น “ปะ ปวดค่ะ ปะ ปวดมาก” เขาเฝ้าถามฉันตลอดว่าเจ็บท้องมากมั้ย หมอก็มาเช็คปากมดลูกเป็นระยะๆแต่ก็ยังไม่ถึงเวลาคลอด คุณพ่อกับคุณณอณจะที่โรงพยาบาลช่วงบ่าย แต่ฉันยังไม่คลอดทั้งสองคนเลยกลับไปก่อน เอิงเอยก็มาด้วยนะ เธอตัดใจจากคุณโชนได้แล้ว และบอกว่าจะมาใหม่ตอนฉันคลอดแล้ว “อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็คลอด” คุณโชนบีบมือของฉันแน่น แววตาของเขามันเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “ขอบคุณนะคะ ที่ลางานมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน” “เมียกำลังจะคลอดเธอจะให้ฉันมีกะจิตกะใจไปทำงานได้ลงคอรึไง” คุณโชนพูดค้อนฉัน ตอนนี้รู้สึกว่าลูกเริ่มถีบแรงขึ้น เรื่อยๆ และมันทำให้ฉันเจ็บจนตัวเกร็ง มันใกล้แล้วใล่มั้ย อีกนิดเดียวเท่านั้น ฉันก็จะได้เจอหน้าลูกชายของฉันแล้ว... @ห้องคลอด “เบ่งค่ะคุณแม่ อื๊ดดดดดด ~” “อื๊ดดดดดดด ~” “หายใจเข้าออก ลึกๆ แล้วเบ่งอีกนะคะคุณแม่” “คุณพ่อช่วยคุณแม่เบ่งด้วยนะคะ” “หนึ่ง สอง อื๊ดดดดดดด
-ณ ดาดฟ้าของโรงแรมหรูใจกลางเมือง ฉันกำลังนั่งกินมื้อค่ำที่สุดแสนจะโรแมนติกกับคุณโชนสามีของฉัน “อาหารไม่อร่อยหรอคะ ?” ฉันเห็นคุณโชนเอาช้อน เขี่ยๆ จานข้าวสักพักแล้วแหละแต่ก็ไม่ยอมกินสักที “ไม่หรอก ฉันแค่รู้สึกอยากจะอ้วก” “ฉันอุตส่าห์เป็นคนท้อง แท้ๆ ทำไมคุณถึงมาแพ้ท้องแทนฉันได้นะ” “เธอไม่แพ้ก็ดีแล้ว ถ้าท้องอยู่แล้วต้อบมาแพ้ท้องหนักอีกฉันจะได้ไปทำงานรึไง” “ทำไมละคะ ?”“เมียทั้งคนฉันจะไม่ห่วงได้ไง” ดินเนอร์ครั้งนี้มันเป็นอะไรที่เรียบง่าย เราคุยกันปกติเหมือนที่คุยกันทุกวัน ฉันไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้หรอก เพราะยังไงเราก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว ไม่จำเป็นหวานใส่กันตลอดเวลา อีกอย่างเขาก็ไม่ค่อยจะหวานกับฉันเท่าไหร่หรอกนะคุณโชนน่ะ เพราะเขาเขินจนทำตัวไม่ถูก“อย่าลืมนะคะว่าพรุ่งนี้ต้องซักผ้าล้างจานที่ตัวเองกินเอาไว้เมื่อวานด้วย” ฉันบอกคุณโชนในขณะที่เรากำลังนั่งรถกลับบ้านกัน “รู้แล้วครับคุณเมีย พูดกรอกหูตั้งแต่ขาไปยันขากลับ กลัวได้ทำเองรึไง” ฉันฝึกเขาเอาไว้น่ะ ให้หัดทำอะไรด้วยตัวเองเพราะเวลาฉันคลอดลูกคุณโชนจะได้ทำเป็น อีกอย่างพวกเสื้อผ้าลูกฉันไม่อยากให้คนอื่นซักเพราะเป็นเสื้อผ้าเด็กยิ่งต้อ
เช้า...วันนี้ฉันกับคุณโชนตื่นกันตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมของรอใส่บาตรเพื่อเป็นสิริมงคลต่อการเริ่มใช้ชีวิตคู่ในฐานะสามีภรรยาของเรา หลังจากใส่บาตรเสร็จคุณโชนก็เตรียมตัวออกไปบริษัท แต่เขานะสิจะเอาฉันไปด้วยให้ได้เลย งอแงเหมือนเด็กนั่งหน้าบึ้งไม่พูดไม่จาเพราะฉันไม่ยอมไปบริษัทกับเขาด้วย “คุณโชน คุณจะมางอนเหมือนเด็กแบบนี้ไม่ได้นะคะ” “ก็ไปด้วยกันสิ แค่นั้นก็จบ” เขาพูดทั้งที่ยังนั่งหันหลังให้ฉันอยู่ “ฉันอยากอยู่บ้านมากกว่านี่คะ ไปที่บริษัทมันน่าเบื่อ...” “ฉันน่าเบื่อใช่มั้ย” ฉันถึงกับถอนหายใจออกมา ยาวๆ ดูเขาสิ ฉันยังไม่ทันจะพูดอะไรเลยนะ คิดเองเออเองเป็นตุเป็นตะเชียว “เราพึ่งแต่งงานกันเมื่อวานเองนะ คุณอยากจะเซ็นใบหย่าแล้วหรอคะ” ฉันยืนกอดอกมองแผ่นหลังผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของตัวเอง พอคุณโชนได้ยืนคำพูดของฉันเมื่อกี้เขาก็หันควับมามองหน้าฉันตาเขียวปั๊ดทันที “แค่นี้ถึงกับขู่จะหย่าเลยหรอวะแสนดี !!” “ก็คุณพูดไม่รู้เรื่อง” “คิดว่าฉันจะเซ็นใบหย่าให้เธอหรือไง ไม่มีทาง” “ไปทำงานได้แล้วค่ะ” ฉันขี้เกียจจะทะเลาะแล้ว อยากจะพักผ่อนช่วงนี้เหนื่อยง่ายอยากจะนอนตลอดเวลาเลย “
— งานมงคลสมรส “พอใส่ชุดเจ้าสาวแล้วสวยมากเลยนะคะ ^_^” ช่างแต่งหน้าเอ่ยชมฉันเมื่อเห็นฉันเดินออกมาจากห้องแต่งตัว ฉันยิ้มตอบกลับไปด้วยความเขินอาย ฉันมองภาพตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกบานใหญ่ น้ำตามันก็พลอยจะไหลออกมาให้ได้ ฉันไม่เคยวาดฝันว่าตัวเองจะได้ใส่ชุดเจ้าสาวราคา แพงๆ ไม่เคยวาดฝันว่าจะมีงานแต่งที่ใหญ่โตอลังการ ค่าสินสอดหลายสิบล้าน ฉันอยากให้แม่อยู่กับฉันในตอนนี้ด้วยจัง อยากให้แม่ได้มาเห็นลูกสาวคนนี้ในวันที่สำคัญที่สุดในชีวิต ตอนนี้แม่คงจะกำลังมองฉันจากบนสวรรค์ หลังจากที่คุณโชนขอฉันแต่งงาน เราก็ไปบอกคุณท่าน คุณท่านเป็นคนจัดการหาฤกษ์แต่งให้และก็ได้ฤกษ์อีกสองอาทิตย์ ทำเอาพวกเราหัวหมุนกันทุกคนแทบไม่ได้พักผ่อนฉันแอบหวั่นใจอยู่นะว่าคนที่มาในงานเขาจะไม่แปลกใจหรอที่ก่อนหน้านี้ฉันแต่งงานกับคุณท่าน พอมาวันนี้ฉันกลับแต่งงานกับลูกของคุณท่านซะงั้น แต่คุณท่านก็บอกฉันว่าไม่ต้องคิดมากเพราะว่าคุณท่านแก้ข่าวให้แล้ว พิธีกรแต่งงานเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกคนในงานต่างพากันยิ้มมีความสุข พิธีจัดขึ้นแค่ช่วงเช้า หลังจากเสร็จพิธีแต่งงานแล้วฉันกับคุณโชนก็ถูกส่งตัวเข้าหอ — ภายในห้อง “เธอไม่รู้สึกตื่นเต้นบ้าง
ร่างของฉันถูกคุณโชนอุ้มเข้าไปในห้องนอน เขาวางฉันลงบนเตียงอย่างเบามือจากนั้นก็ก้มลงมาประกบริมฝีปากจูบฉัน “อื้ม...” เสียงทุ้มนุ่มของคุณโชนครางออกมาในลำคออย่างพึงพอใจ ฉันไม่กล้าแม้แต่จะลืมตาขึ้นเอาแต่หลับตารับรสจูบสัมผัสที่หอมหวานนั้นของคุณโชน ไม่บ่อยหนักที่เขาจะนุ่มนวลแบบครั้งนี้ เหมือนเขากำลังเอาใจฉันอยู่ เราทั้งคู่ดูดดื่มกับรสจูบได้สักพัก เป็นคุณโชนที่ถอนจูบออกแล้วก็จ้องมองลึกเข้ามาในดวงตาของฉัน “เธอกำลังทำให้ฉันหลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้นนะแสนดีรู้ตัวมั้ย หื้ม...” คุณโชนพูดพรางเอานิ้วเกลี่ยไปมาบนริมฝีปากของฉัน เบาๆ “แต่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” “นั่นสิ ทำไมฉันถึงหลงเธอขนาดนี้กัน” พูดจบเขาก็ก้มหน้าลงมาซุกซอกคอของฉัน ตึกตัก ตึกตัก! เสียงหัวใจของฉันมันเต้นรัวกับคำหวานที่คุณโชนพูดออกมาบอกฉัน มันไม่เคยจะชินเลยสักครั้ง คงจะเป็นเพราะฉันชินกับคุณโชนคนที่ ดิบ เถื่อน ชอบทำร้ายจิตใจฉัน พอเขาเปลี่ยนไปฉันถึงกับใจเต้นรัวทุกครั้งที่เขาพูดคำหวานแบบนี้ “อื้อ อย่าทำให้มันเป็นรอยสิ” ฉันท้วงคนที่กำลังซุกไซร้ซอกคอของฉันอยู่ตอนนี้ เพราะเขากำลังดูดเม้มทำรอยไว้หลายจุดเลย “อยากแสดงความเป็นเจ้าของ ฉันผิด
“ถ้าฉันเป็นโรคอะไรร้ายแรง จริงๆ เธอให้อภัยฉันได้มั้ย ?” เขามองหน้าฉันแววตามีความหวัง เอายังไงดีล่ะฉันจะตอบไปว่ายังไงดี “เกลียดฉันมากขนาดนั้นเลยรึไงถึงเอาแต่เงียบ” “แล้วฉันสมควรที่จะเกลียดคุณมั้ยละคะ” ฉันย้อนถามเขา และครั้งนี้เป็นคุณโชนที่เป็นฝ่ายเงียบซะเอง “ขอโทษ....” “....” “ฉันรู้ว่าคำว่าขอโทษพูดไปมันก็เป็นแค่เพียงลมปาก มันลบสิ่งที่ฉันเคยทำไว้กับเธอไม่ได้” “....” “แต่ฉันพร้อมที่จะดูแลเธอ ชดใช้ในสิ่งที่ฉันเคยทำพลาดไป มันไม่น่าให้อภัยฉันรู้ ฉันก็แค่อยากให้เธอเปิดใจ อึก อึก....” “คะ คุณโชน...!!” ฉันรีบประคองตัวเขาเอาไว้ เขาจะอ้วกอีกแล้ว นี่มันอะไรกันฉันจะร้องไห้แล้วนะ “แสนดี...” “พอแล้วค่ะ ไม่ต้องพูดแล้วไปหาหมอก่อน” “ให้อภัยฉันได้มั้ย....” “....” ฉันเม้มปากแน่น ฉันไม่เคยใจแข็งกับเขาได้เลย จริงๆ “อึก ตะ ตอบหน่อย อึก อ้วก...” “คะ คุณโชน ค่ะโอเคฉันให้อภัยคุณแล้วไปโรงพยาบาลกันนะ” สุดท้ายฉันก็ใจอ่อนให้เขา ฉันคิดดูแล้ว ถ้าครั้งนี้ฉันตัดสินใจพลาด มันจะไม่มีครั้งต่อไปอีก “พูดจริงๆนะ เธอให้อภัยฉันแล้ว” คุณโชนยิ้มให้ฉัน ใบหน้าของเขาซีดเผือดเหมือนคนไม่มีเลือดฝาดบนใบหน้าเลย “ค่ะ
— Talk Sanbee ช่วงเย็น... คุณโชนกลับมาจากบริษัท วันนี้เขาโทรมาหาฉันแล้วพูดจา แปลกๆ แต่พอคุณโชนเดินเข้ามามนห้องฉันก็ต้องตกใจกับสีหย้าที่ซีดเผือดของเขา นี่เขาไม่ได้แกล้งอำฉันเล่นใช่มั้ย “ทะ ทำไมหน้าคุณถึงได้ซีดขนาดนั้นละคะ...” คุณโชนไม่ตอบอะไร เขาเดินมานั่งลง ข้างๆ กับฉันท่าทางเหมือนคนหมดเรี่ยวหมดแรงอย่างไงอย่างงั้น “เหนื่อย...” เขาเอนศีรษะลงมาเกยไว้กับไหล่ของฉันก่อนจะพูดออกมาเสียงแหบพร่า อะไรกัน ทำไมสภาพถึงดูไม่ได้ขนาดนี้เนี่ย !! “ไปหาหมอมั้ยคะ ?” ฉันเป็นห่วงเขาซะจนลืมไปเลยว่าตัวเองโกรธเขาอยู่ “หมอก็ช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอก” คุณโชนตอบเสียงเศร้า อะไรกัน! เขาเป็นอะไรกันแน่ทำไมถึงพูดแบบนี้ “คุณเป็นอะไรคุณโชน” ฉันขมวดคิวเข้าหากันเป็นปมแล้วหันมองคุณโชนอย่างไม่เข้าใจ เขาเป็นจริงๆหรือหลอกฉันอยู่ “ฉัน อึก อึก อ้วก...” ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรคุณโชนก็รีบยกมือขึ้นมาปิดปาก ท่าทางเหมือนจะอ้วกออกมาจากนั้นเขาก็รีบลุกขึ้นวิ่งหน้าตั้งไปเข้าห้องน้ำ ฉันรีบลุกขึ้นเดินตามคุณโชนไป ติดๆ ด้วยความเป็นห่วง ภาพที่ฉันเห็นคือคุณโชนกำลังนั่งสองมือกอดโถส้วมแล้วเอาหน้าซุกโถพร้อมกับโก่งคออ้วกออกมาเสียงดัง “ฉันว
เช้า... เมื่อคืนคุณโชนไม่ได้นอนกับฉันในห้องนะ เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ต้องยอมออกไปนอนข้างนอกอยู่ดี จะมาใช้เหล่เหลี่ยมกับฉัน คิดว่าฉันไม่รู้ทันรึไงกัน “อึก! แสนดีเธอทำอะไรทำไมถึงเหม็นขนาดนี้” คุณโชนเดินเอามือปิดจมูกเข้ามาถามฉันในห้องครัว “ก็ทำอาหารไงคะ ไม่มีตาหรือไง !!” “พอๆ ไม่ต้องทำเหม็นชะมัด !!” “ฉันหิว คุณเหม็นก็ออกไปสิจะมายืนบ่นอยู่ทำไม” “ก็มันเหม็นไปทั่วห้องจะให้ฉันอยู่ยังไง” ฉันกับคุณโชนยืนเถียงกันนานพอสมควร มันเหม็นตรงไหนกัน หาเรื่องฉันอยู่ก็บอกเถอะ !! “อึก อ้วกกก...” จู่ๆ คุณโชนก็ทำท่าเหมือนจะอ้วก เขารีบปิดปากตัวเองแล้ววิ่งออกไปจากห้องครัวทันทีฉันมองตามแผ่นหลับของคุณโชนไปไม่รู้ว่าเขาเป็น จริงๆ หรือแกล้งเรียกร้องความสนใจจากฉันกันแน่ ฉันทำอาหารต่อโดยไม่ได้สนใจคุณโชน ถึงแม้ว่าเสียงอ้วกของเขาจะดังออกมาจากห้องน้ำสักแค่ไหนก็ตาม หลังจากทำอาหารเสร็จฉันก็จัดโต๊ะเตรียมทานข้าว โดยไม่ลืมที่จะเรียกคุณโชนมาทานด้วย ฉันก็ไม่ได้ใจดำถึงขนาดจะให้เขาอดข้างอดน้ำขนาดนั้นหรอก ตอนนี้ฉันกับคุณโชนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน โดยที่คุณโชนกำลังนั่งเอามือปิดจมูกแล้วก็มองอาหารที่ฉันทำอยู่ “ไม่กินก็ไ
ตกดึก... ฉันสั่งให้คุณโชนอาบน้ำตั้งแต่ 5 โมงเย็น เพราะเดี๋ยวเขาจะใช้เป็นข้ออ้างในการมาอยู่ในห้องกับฉัน นานๆ ฉันรู้ทันแผนเขาหรอก ก๊อกๆ ก๊อกๆ (เสียงเคาะห้อง) ฉันทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินเสียงเคาะ มันน่ารำคาญมากขนาดไหนเขาคงไม่รู้ เล่นเคาะห้องติดกันนานหลายนาทีแล้วนะ ตอนแรกฉันเปิดประตูออกไปเขาบอกว่าหิวข้าวฉันเลยปิดประตูใส่หน้าซะเลย หิวข้าวก็ไม่รู้จะมาบอกทำไม ห้องครัวไม่ได้อยู่ในห้องนอนสักหน่อย “แสนดี เปิดประตูหน่อย !!”ก๊อกๆ ก๊อกๆ “แสนดีเปิดแป๊บเดียว !!”“แสนดี....”แกร่ก!! (เสียงเปิดประตูห้อง) ฉันทนไม่ไหวเลยเปิดประตูห้องออกไปเพื่อที่จะถามว่าเขามีอะไรนักหนาถึงได้เอาแต่เคาะห้อง ไม่คิดว่าคนอื่นเขาจะรำคาญบ้างหรือไงกัน “มีอะไรคะ !!” ฉันถามคนตรงหน้าอย่างใส่อารมณ์ “ฉันหิวน้ำ” คุณโชนมองฉันตาเป็นประกาย “หิวน้ำก็ไปกินน้ำสิจะมาบอกฉันทำไม ตู้เย็นอยู่ข้างนอก !!” ฉันพ่นลมหายใจออกมา แรงๆ เคาะห้องตั้งนานเพื่อที่จะมาบอกฉันว่าตัวเองหิวน้ำเนี่ยนะ “...ฉันหิวน้ำเธอ ในตู้เย็นมันมีหรือไง” “นะ นี่อย่ามาพูดอะไรแบบนี้นะ !!” ฉันพูดเสียงดังกลบเกลื่อนความเขินอายของตัวเอง ตอนนี้ใบหน้ามันเห่อร้อนขึ้นมาจนรามไป