ร่างของฉันถูกคุณโชนอุ้มเข้าไปในห้องนอน เขาวางฉันลงบนเตียงอย่างเบามือจากนั้นก็ก้มลงมาประกบริมฝีปากจูบฉัน “อื้ม...” เสียงทุ้มนุ่มของคุณโชนครางออกมาในลำคออย่างพึงพอใจ ฉันไม่กล้าแม้แต่จะลืมตาขึ้นเอาแต่หลับตารับรสจูบสัมผัสที่หอมหวานนั้นของคุณโชน ไม่บ่อยหนักที่เขาจะนุ่มนวลแบบครั้งนี้ เหมือนเขากำลังเอาใจฉันอยู่ เราทั้งคู่ดูดดื่มกับรสจูบได้สักพัก เป็นคุณโชนที่ถอนจูบออกแล้วก็จ้องมองลึกเข้ามาในดวงตาของฉัน “เธอกำลังทำให้ฉันหลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้นนะแสนดีรู้ตัวมั้ย หื้ม...” คุณโชนพูดพรางเอานิ้วเกลี่ยไปมาบนริมฝีปากของฉัน เบาๆ “แต่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” “นั่นสิ ทำไมฉันถึงหลงเธอขนาดนี้กัน” พูดจบเขาก็ก้มหน้าลงมาซุกซอกคอของฉัน ตึกตัก ตึกตัก! เสียงหัวใจของฉันมันเต้นรัวกับคำหวานที่คุณโชนพูดออกมาบอกฉัน มันไม่เคยจะชินเลยสักครั้ง คงจะเป็นเพราะฉันชินกับคุณโชนคนที่ ดิบ เถื่อน ชอบทำร้ายจิตใจฉัน พอเขาเปลี่ยนไปฉันถึงกับใจเต้นรัวทุกครั้งที่เขาพูดคำหวานแบบนี้ “อื้อ อย่าทำให้มันเป็นรอยสิ” ฉันท้วงคนที่กำลังซุกไซร้ซอกคอของฉันอยู่ตอนนี้ เพราะเขากำลังดูดเม้มทำรอยไว้หลายจุดเลย “อยากแสดงความเป็นเจ้าของ ฉันผิด
— งานมงคลสมรส “พอใส่ชุดเจ้าสาวแล้วสวยมากเลยนะคะ ^_^” ช่างแต่งหน้าเอ่ยชมฉันเมื่อเห็นฉันเดินออกมาจากห้องแต่งตัว ฉันยิ้มตอบกลับไปด้วยความเขินอาย ฉันมองภาพตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกบานใหญ่ น้ำตามันก็พลอยจะไหลออกมาให้ได้ ฉันไม่เคยวาดฝันว่าตัวเองจะได้ใส่ชุดเจ้าสาวราคา แพงๆ ไม่เคยวาดฝันว่าจะมีงานแต่งที่ใหญ่โตอลังการ ค่าสินสอดหลายสิบล้าน ฉันอยากให้แม่อยู่กับฉันในตอนนี้ด้วยจัง อยากให้แม่ได้มาเห็นลูกสาวคนนี้ในวันที่สำคัญที่สุดในชีวิต ตอนนี้แม่คงจะกำลังมองฉันจากบนสวรรค์ หลังจากที่คุณโชนขอฉันแต่งงาน เราก็ไปบอกคุณท่าน คุณท่านเป็นคนจัดการหาฤกษ์แต่งให้และก็ได้ฤกษ์อีกสองอาทิตย์ ทำเอาพวกเราหัวหมุนกันทุกคนแทบไม่ได้พักผ่อนฉันแอบหวั่นใจอยู่นะว่าคนที่มาในงานเขาจะไม่แปลกใจหรอที่ก่อนหน้านี้ฉันแต่งงานกับคุณท่าน พอมาวันนี้ฉันกลับแต่งงานกับลูกของคุณท่านซะงั้น แต่คุณท่านก็บอกฉันว่าไม่ต้องคิดมากเพราะว่าคุณท่านแก้ข่าวให้แล้ว พิธีกรแต่งงานเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกคนในงานต่างพากันยิ้มมีความสุข พิธีจัดขึ้นแค่ช่วงเช้า หลังจากเสร็จพิธีแต่งงานแล้วฉันกับคุณโชนก็ถูกส่งตัวเข้าหอ — ภายในห้อง “เธอไม่รู้สึกตื่นเต้นบ้าง
เช้า...วันนี้ฉันกับคุณโชนตื่นกันตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมของรอใส่บาตรเพื่อเป็นสิริมงคลต่อการเริ่มใช้ชีวิตคู่ในฐานะสามีภรรยาของเรา หลังจากใส่บาตรเสร็จคุณโชนก็เตรียมตัวออกไปบริษัท แต่เขานะสิจะเอาฉันไปด้วยให้ได้เลย งอแงเหมือนเด็กนั่งหน้าบึ้งไม่พูดไม่จาเพราะฉันไม่ยอมไปบริษัทกับเขาด้วย “คุณโชน คุณจะมางอนเหมือนเด็กแบบนี้ไม่ได้นะคะ” “ก็ไปด้วยกันสิ แค่นั้นก็จบ” เขาพูดทั้งที่ยังนั่งหันหลังให้ฉันอยู่ “ฉันอยากอยู่บ้านมากกว่านี่คะ ไปที่บริษัทมันน่าเบื่อ...” “ฉันน่าเบื่อใช่มั้ย” ฉันถึงกับถอนหายใจออกมา ยาวๆ ดูเขาสิ ฉันยังไม่ทันจะพูดอะไรเลยนะ คิดเองเออเองเป็นตุเป็นตะเชียว “เราพึ่งแต่งงานกันเมื่อวานเองนะ คุณอยากจะเซ็นใบหย่าแล้วหรอคะ” ฉันยืนกอดอกมองแผ่นหลังผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของตัวเอง พอคุณโชนได้ยืนคำพูดของฉันเมื่อกี้เขาก็หันควับมามองหน้าฉันตาเขียวปั๊ดทันที “แค่นี้ถึงกับขู่จะหย่าเลยหรอวะแสนดี !!” “ก็คุณพูดไม่รู้เรื่อง” “คิดว่าฉันจะเซ็นใบหย่าให้เธอหรือไง ไม่มีทาง” “ไปทำงานได้แล้วค่ะ” ฉันขี้เกียจจะทะเลาะแล้ว อยากจะพักผ่อนช่วงนี้เหนื่อยง่ายอยากจะนอนตลอดเวลาเลย “
-ณ ดาดฟ้าของโรงแรมหรูใจกลางเมือง ฉันกำลังนั่งกินมื้อค่ำที่สุดแสนจะโรแมนติกกับคุณโชนสามีของฉัน “อาหารไม่อร่อยหรอคะ ?” ฉันเห็นคุณโชนเอาช้อน เขี่ยๆ จานข้าวสักพักแล้วแหละแต่ก็ไม่ยอมกินสักที “ไม่หรอก ฉันแค่รู้สึกอยากจะอ้วก” “ฉันอุตส่าห์เป็นคนท้อง แท้ๆ ทำไมคุณถึงมาแพ้ท้องแทนฉันได้นะ” “เธอไม่แพ้ก็ดีแล้ว ถ้าท้องอยู่แล้วต้อบมาแพ้ท้องหนักอีกฉันจะได้ไปทำงานรึไง” “ทำไมละคะ ?”“เมียทั้งคนฉันจะไม่ห่วงได้ไง” ดินเนอร์ครั้งนี้มันเป็นอะไรที่เรียบง่าย เราคุยกันปกติเหมือนที่คุยกันทุกวัน ฉันไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้หรอก เพราะยังไงเราก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว ไม่จำเป็นหวานใส่กันตลอดเวลา อีกอย่างเขาก็ไม่ค่อยจะหวานกับฉันเท่าไหร่หรอกนะคุณโชนน่ะ เพราะเขาเขินจนทำตัวไม่ถูก“อย่าลืมนะคะว่าพรุ่งนี้ต้องซักผ้าล้างจานที่ตัวเองกินเอาไว้เมื่อวานด้วย” ฉันบอกคุณโชนในขณะที่เรากำลังนั่งรถกลับบ้านกัน “รู้แล้วครับคุณเมีย พูดกรอกหูตั้งแต่ขาไปยันขากลับ กลัวได้ทำเองรึไง” ฉันฝึกเขาเอาไว้น่ะ ให้หัดทำอะไรด้วยตัวเองเพราะเวลาฉันคลอดลูกคุณโชนจะได้ทำเป็น อีกอย่างพวกเสื้อผ้าลูกฉันไม่อยากให้คนอื่นซักเพราะเป็นเสื้อผ้าเด็กยิ่งต้อ
@โรงพยาบาลฉันปวดท้องตั้งแต่เช้า จนตอนนี้ปาเข้าไปหกโมงเย็นแล้วยังไม่คลอดเลย อาการปวดท้องมันเริ่มปวดหนักขึ้น เรื่อยๆ มันแน่นไปหมดเลยตอนนี้ “ปวดมากท้องมากเลยใช่มั้ย” คุณโชนจับมือฉันเอาไว้ตลอด เขาไม่ปล่อยมือฉันเลยถ้าไม่จำเป็น “ปะ ปวดค่ะ ปะ ปวดมาก” เขาเฝ้าถามฉันตลอดว่าเจ็บท้องมากมั้ย หมอก็มาเช็คปากมดลูกเป็นระยะๆแต่ก็ยังไม่ถึงเวลาคลอด คุณพ่อกับคุณณอณจะที่โรงพยาบาลช่วงบ่าย แต่ฉันยังไม่คลอดทั้งสองคนเลยกลับไปก่อน เอิงเอยก็มาด้วยนะ เธอตัดใจจากคุณโชนได้แล้ว และบอกว่าจะมาใหม่ตอนฉันคลอดแล้ว “อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็คลอด” คุณโชนบีบมือของฉันแน่น แววตาของเขามันเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “ขอบคุณนะคะ ที่ลางานมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน” “เมียกำลังจะคลอดเธอจะให้ฉันมีกะจิตกะใจไปทำงานได้ลงคอรึไง” คุณโชนพูดค้อนฉัน ตอนนี้รู้สึกว่าลูกเริ่มถีบแรงขึ้น เรื่อยๆ และมันทำให้ฉันเจ็บจนตัวเกร็ง มันใกล้แล้วใล่มั้ย อีกนิดเดียวเท่านั้น ฉันก็จะได้เจอหน้าลูกชายของฉันแล้ว... @ห้องคลอด “เบ่งค่ะคุณแม่ อื๊ดดดดดด ~” “อื๊ดดดดดดด ~” “หายใจเข้าออก ลึกๆ แล้วเบ่งอีกนะคะคุณแม่” “คุณพ่อช่วยคุณแม่เบ่งด้วยนะคะ” “หนึ่ง สอง อื๊ดดดดดดด
สวัสดีครับผม ‘โชน’ อย่ารู้จักผมมากไปกว่านี้เลยจะดีกว่า เพราะผมไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา —- งานมงคล —- วันนี้เป็นวันดี วันที่เหมาะแก่การจัดงานแต่งงาน วันที่ทุกคนควรจะมีความสุข หึ!! แต่สำหรับผมมันไม่ใช่ นี่ไม่ใช่งานแต่งของผมเพราะผมไม่คิดที่จะแต่งงานอยู่แล้ว แต่นี่เป็นงานแต่งของพ่อผมต่างหาก ไม่รู้ไปคว้าเอาผู้หญิงจากซ่องที่ไหนมา ผู้หญิงคนนั้นก็คงจะเห็นแก่เงินถึงได้ยอมแต่งกับพ่อของผม ถ้าเธอบอกว่ารักพ่อของผม ผมไม่มีทางที่จะเชื่อเด็ดขาด เพราะพ่อของผมอายุจะ60อยู่แล้ว ผู้หญิงที่เข้าหาพ่อของผมก็มีแต่เข้ามาเพราะเงินกันทั้งนั้น แม่ของผมเสียไปเมื่อสองปีที่แล้ว และผมกับพ่อกับก็ไม่ค่อยจะลงลอยกันเท่าไหร่ อยู่ด้วยกันทีไรก็มีแต่จะทะเลาะกันตลอด กับมีบ้านของผมต่างหาก แม้ขนาดจะแต่งงานใหม่ พ่อยังไม่บอกผมสักคำ หึ!! กลัวว่าผมจะมาพังงานแต่งละสิ ผมไม่ทำอย่างนั้นหรอก ทำอย่างอื่นสนุกกว่าเยอะ ลูกน้องผมมันบอกว่าเมียใหม่ของพ่อคนนี้ท่าทางใช้ได้ มันถ่ายรูปมายืนยันให้ผมดู น่าเอาจริงๆ ไม่แปลกใจว่าทำไมพ่อผมถึงหลงจนถึงขั้นคิดที่จะแต่งงานใหม่ โดยไม่สนใจรูปแม่ที่แควนอยู่ในบ้านเลยสักนิด“เมียพ่อกูอยู่ไหน” ผมหันไปถามล
“ถอดชุดเธอออกซะ อย่าให้ฉันต้องฉีกมัน” เธอยืนตัวสั่นเทาและไม่ยอมถอดชุดออกตามคำสั่งของผม สงสัยคงจะชอบความรุนแรง “ยะ อย่าทำอะไรฉันเลยนะ วันนี้เป็นวันแต่งงานของฉัน ถ้าคุณท่านรู้คุณไม่รอดแน่ๆ” ท่าทางของเธอเหมือนจะกลัวผม แต่เธอกลับพูดขู่ผม หึ!! กล้าดีหนิ “คำขู่ของเธอมันใช้กับฉันไม่ได้ผลหรอก...แสนดี” “คะ คุณรู้จักชื่อฉันได้ไง คะ คุณเป็นใครกันแน่” “จะถามให้เสียเวลาทำไม ถอดชุดออก !!” ผมตะคอกใส่เธอ แต่ก็ก็ไม่ยอมถอดชุดของเธอออกอยู่ดี เธอกำลังทำให้ผมหงุดหงิดเล่นตัวเก่งจริงๆ ผมคว้ามือไปจับแขนเธอ ก่อนจะออกแรงกระชากแรงๆให้เธอเดินตามผมออกมาจากห้องน้ำ “อย่านะ อย่าทำอะไรฉันเลยฉันขอร้อง ได้โปรด” “ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยฉันด้วย” ผลัก! ตุบ! ผมเหวี่ยงร่างเธอลงเตียงอย่างแรงแบบไม่คิดจะปราณี “หุบปากแล้วเก็บเสียงเอาไว้ครางให้ฉันฟังดีว่า” “ฮึก ยะ อย่าทำอะไรฉันเลย ฮึก” เธอถอยหนีผมไปจนติดขอบเตียง พรางยกมือไหว้ขอร้องอ้อนวอนผม ทำตัวเหมือนไม่เคยผ่านผู้ชายมา คิดว่าผมจะเชื่อผู้หญิงที่แต่งงานกับพ่อผมเพื่อแลกกับเงินอย่างเธอรึไง ผมค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกทีละเม็ดๆ สายตาจ้องมองไปที่แม่เลี้ยงข
—- Talk แสนดี —-ฉันฝันไปใช่มั้ย มันไม่จริงใช่มั้ย ฉันไม่ได้เสียความบริสุทธิ์ให้ใครใช่มั้ย “ฮึก...” ฉันก้มหน้าร้องไห้สะอื้นออกมา ถึงจะพยายามหลอกตัวเองยังไง สุดท้ายฉันก็หนีความจริงไม่พ้นอยู่ดี ฉันไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เขามาย้ำยีฉันทำไม ฉันไปทำอะไรให้เขา หรือว่าเขาจะเป็นเจ้าหนี้ของฉันอีกคน แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้ ในเมื่อคุณท่านใช้หนี้ให้ฉันหมดทุกบาททุกสตางค์แล้ว คุณท่านที่ฉันพูดถึงคือคุณดนัย เป็นนักธุรกิจ ฉันรู้แค่คุณท่านรวยมาก รวยถึงขนาดใช้หนี้ให้ฉันตั้งหลายสิบล้าน ย้อนกลับไปเดือนก่อน วันงานศพแม่ของฉัน วันนั้นมีเจ้าหนี้มาทวงเงินที่พ่อของฉันเคยกู้ไป ตอนแรกฉันก็ไม่รู้ว่าเท่าไหร่เพราะแม่ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ ตั้งแต่พ่อเสียฉันรู้แค่ว่าฉันกับแม่มีหน้าที่หาเงินเพื่อมาใช้หนี้ให้ใครก็ไม่รู้ ฉันรู้แค่ว่าฉันต้องทำงานหนัก ต้องหาเงินได้เยอะๆ ฉันไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัยเพื่อที่จะทำงานเก็บเงินช่วยแม่ แต่สุดท้ายแม่ก็จากฉันไป...วันนั้นหลังจากเผาศพแม่ของฉันเสร็จ จู่ๆ ก็มีคนมาจับตัวฉัน ขู่จะเอาเงินจากฉัน ถ้าฉันหาให้ไม่ได้พวกมันก็ขู่ว่าจะข่มขืน จะฆ่าฉัน ฉันคิดว่าตอนนั้นฉันคงไม่รอดแน่ๆ แต่แล
@โรงพยาบาลฉันปวดท้องตั้งแต่เช้า จนตอนนี้ปาเข้าไปหกโมงเย็นแล้วยังไม่คลอดเลย อาการปวดท้องมันเริ่มปวดหนักขึ้น เรื่อยๆ มันแน่นไปหมดเลยตอนนี้ “ปวดมากท้องมากเลยใช่มั้ย” คุณโชนจับมือฉันเอาไว้ตลอด เขาไม่ปล่อยมือฉันเลยถ้าไม่จำเป็น “ปะ ปวดค่ะ ปะ ปวดมาก” เขาเฝ้าถามฉันตลอดว่าเจ็บท้องมากมั้ย หมอก็มาเช็คปากมดลูกเป็นระยะๆแต่ก็ยังไม่ถึงเวลาคลอด คุณพ่อกับคุณณอณจะที่โรงพยาบาลช่วงบ่าย แต่ฉันยังไม่คลอดทั้งสองคนเลยกลับไปก่อน เอิงเอยก็มาด้วยนะ เธอตัดใจจากคุณโชนได้แล้ว และบอกว่าจะมาใหม่ตอนฉันคลอดแล้ว “อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็คลอด” คุณโชนบีบมือของฉันแน่น แววตาของเขามันเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “ขอบคุณนะคะ ที่ลางานมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน” “เมียกำลังจะคลอดเธอจะให้ฉันมีกะจิตกะใจไปทำงานได้ลงคอรึไง” คุณโชนพูดค้อนฉัน ตอนนี้รู้สึกว่าลูกเริ่มถีบแรงขึ้น เรื่อยๆ และมันทำให้ฉันเจ็บจนตัวเกร็ง มันใกล้แล้วใล่มั้ย อีกนิดเดียวเท่านั้น ฉันก็จะได้เจอหน้าลูกชายของฉันแล้ว... @ห้องคลอด “เบ่งค่ะคุณแม่ อื๊ดดดดดด ~” “อื๊ดดดดดดด ~” “หายใจเข้าออก ลึกๆ แล้วเบ่งอีกนะคะคุณแม่” “คุณพ่อช่วยคุณแม่เบ่งด้วยนะคะ” “หนึ่ง สอง อื๊ดดดดดดด
-ณ ดาดฟ้าของโรงแรมหรูใจกลางเมือง ฉันกำลังนั่งกินมื้อค่ำที่สุดแสนจะโรแมนติกกับคุณโชนสามีของฉัน “อาหารไม่อร่อยหรอคะ ?” ฉันเห็นคุณโชนเอาช้อน เขี่ยๆ จานข้าวสักพักแล้วแหละแต่ก็ไม่ยอมกินสักที “ไม่หรอก ฉันแค่รู้สึกอยากจะอ้วก” “ฉันอุตส่าห์เป็นคนท้อง แท้ๆ ทำไมคุณถึงมาแพ้ท้องแทนฉันได้นะ” “เธอไม่แพ้ก็ดีแล้ว ถ้าท้องอยู่แล้วต้อบมาแพ้ท้องหนักอีกฉันจะได้ไปทำงานรึไง” “ทำไมละคะ ?”“เมียทั้งคนฉันจะไม่ห่วงได้ไง” ดินเนอร์ครั้งนี้มันเป็นอะไรที่เรียบง่าย เราคุยกันปกติเหมือนที่คุยกันทุกวัน ฉันไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้หรอก เพราะยังไงเราก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว ไม่จำเป็นหวานใส่กันตลอดเวลา อีกอย่างเขาก็ไม่ค่อยจะหวานกับฉันเท่าไหร่หรอกนะคุณโชนน่ะ เพราะเขาเขินจนทำตัวไม่ถูก“อย่าลืมนะคะว่าพรุ่งนี้ต้องซักผ้าล้างจานที่ตัวเองกินเอาไว้เมื่อวานด้วย” ฉันบอกคุณโชนในขณะที่เรากำลังนั่งรถกลับบ้านกัน “รู้แล้วครับคุณเมีย พูดกรอกหูตั้งแต่ขาไปยันขากลับ กลัวได้ทำเองรึไง” ฉันฝึกเขาเอาไว้น่ะ ให้หัดทำอะไรด้วยตัวเองเพราะเวลาฉันคลอดลูกคุณโชนจะได้ทำเป็น อีกอย่างพวกเสื้อผ้าลูกฉันไม่อยากให้คนอื่นซักเพราะเป็นเสื้อผ้าเด็กยิ่งต้อ
เช้า...วันนี้ฉันกับคุณโชนตื่นกันตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมของรอใส่บาตรเพื่อเป็นสิริมงคลต่อการเริ่มใช้ชีวิตคู่ในฐานะสามีภรรยาของเรา หลังจากใส่บาตรเสร็จคุณโชนก็เตรียมตัวออกไปบริษัท แต่เขานะสิจะเอาฉันไปด้วยให้ได้เลย งอแงเหมือนเด็กนั่งหน้าบึ้งไม่พูดไม่จาเพราะฉันไม่ยอมไปบริษัทกับเขาด้วย “คุณโชน คุณจะมางอนเหมือนเด็กแบบนี้ไม่ได้นะคะ” “ก็ไปด้วยกันสิ แค่นั้นก็จบ” เขาพูดทั้งที่ยังนั่งหันหลังให้ฉันอยู่ “ฉันอยากอยู่บ้านมากกว่านี่คะ ไปที่บริษัทมันน่าเบื่อ...” “ฉันน่าเบื่อใช่มั้ย” ฉันถึงกับถอนหายใจออกมา ยาวๆ ดูเขาสิ ฉันยังไม่ทันจะพูดอะไรเลยนะ คิดเองเออเองเป็นตุเป็นตะเชียว “เราพึ่งแต่งงานกันเมื่อวานเองนะ คุณอยากจะเซ็นใบหย่าแล้วหรอคะ” ฉันยืนกอดอกมองแผ่นหลังผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของตัวเอง พอคุณโชนได้ยืนคำพูดของฉันเมื่อกี้เขาก็หันควับมามองหน้าฉันตาเขียวปั๊ดทันที “แค่นี้ถึงกับขู่จะหย่าเลยหรอวะแสนดี !!” “ก็คุณพูดไม่รู้เรื่อง” “คิดว่าฉันจะเซ็นใบหย่าให้เธอหรือไง ไม่มีทาง” “ไปทำงานได้แล้วค่ะ” ฉันขี้เกียจจะทะเลาะแล้ว อยากจะพักผ่อนช่วงนี้เหนื่อยง่ายอยากจะนอนตลอดเวลาเลย “
— งานมงคลสมรส “พอใส่ชุดเจ้าสาวแล้วสวยมากเลยนะคะ ^_^” ช่างแต่งหน้าเอ่ยชมฉันเมื่อเห็นฉันเดินออกมาจากห้องแต่งตัว ฉันยิ้มตอบกลับไปด้วยความเขินอาย ฉันมองภาพตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกบานใหญ่ น้ำตามันก็พลอยจะไหลออกมาให้ได้ ฉันไม่เคยวาดฝันว่าตัวเองจะได้ใส่ชุดเจ้าสาวราคา แพงๆ ไม่เคยวาดฝันว่าจะมีงานแต่งที่ใหญ่โตอลังการ ค่าสินสอดหลายสิบล้าน ฉันอยากให้แม่อยู่กับฉันในตอนนี้ด้วยจัง อยากให้แม่ได้มาเห็นลูกสาวคนนี้ในวันที่สำคัญที่สุดในชีวิต ตอนนี้แม่คงจะกำลังมองฉันจากบนสวรรค์ หลังจากที่คุณโชนขอฉันแต่งงาน เราก็ไปบอกคุณท่าน คุณท่านเป็นคนจัดการหาฤกษ์แต่งให้และก็ได้ฤกษ์อีกสองอาทิตย์ ทำเอาพวกเราหัวหมุนกันทุกคนแทบไม่ได้พักผ่อนฉันแอบหวั่นใจอยู่นะว่าคนที่มาในงานเขาจะไม่แปลกใจหรอที่ก่อนหน้านี้ฉันแต่งงานกับคุณท่าน พอมาวันนี้ฉันกลับแต่งงานกับลูกของคุณท่านซะงั้น แต่คุณท่านก็บอกฉันว่าไม่ต้องคิดมากเพราะว่าคุณท่านแก้ข่าวให้แล้ว พิธีกรแต่งงานเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกคนในงานต่างพากันยิ้มมีความสุข พิธีจัดขึ้นแค่ช่วงเช้า หลังจากเสร็จพิธีแต่งงานแล้วฉันกับคุณโชนก็ถูกส่งตัวเข้าหอ — ภายในห้อง “เธอไม่รู้สึกตื่นเต้นบ้าง
ร่างของฉันถูกคุณโชนอุ้มเข้าไปในห้องนอน เขาวางฉันลงบนเตียงอย่างเบามือจากนั้นก็ก้มลงมาประกบริมฝีปากจูบฉัน “อื้ม...” เสียงทุ้มนุ่มของคุณโชนครางออกมาในลำคออย่างพึงพอใจ ฉันไม่กล้าแม้แต่จะลืมตาขึ้นเอาแต่หลับตารับรสจูบสัมผัสที่หอมหวานนั้นของคุณโชน ไม่บ่อยหนักที่เขาจะนุ่มนวลแบบครั้งนี้ เหมือนเขากำลังเอาใจฉันอยู่ เราทั้งคู่ดูดดื่มกับรสจูบได้สักพัก เป็นคุณโชนที่ถอนจูบออกแล้วก็จ้องมองลึกเข้ามาในดวงตาของฉัน “เธอกำลังทำให้ฉันหลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้นนะแสนดีรู้ตัวมั้ย หื้ม...” คุณโชนพูดพรางเอานิ้วเกลี่ยไปมาบนริมฝีปากของฉัน เบาๆ “แต่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” “นั่นสิ ทำไมฉันถึงหลงเธอขนาดนี้กัน” พูดจบเขาก็ก้มหน้าลงมาซุกซอกคอของฉัน ตึกตัก ตึกตัก! เสียงหัวใจของฉันมันเต้นรัวกับคำหวานที่คุณโชนพูดออกมาบอกฉัน มันไม่เคยจะชินเลยสักครั้ง คงจะเป็นเพราะฉันชินกับคุณโชนคนที่ ดิบ เถื่อน ชอบทำร้ายจิตใจฉัน พอเขาเปลี่ยนไปฉันถึงกับใจเต้นรัวทุกครั้งที่เขาพูดคำหวานแบบนี้ “อื้อ อย่าทำให้มันเป็นรอยสิ” ฉันท้วงคนที่กำลังซุกไซร้ซอกคอของฉันอยู่ตอนนี้ เพราะเขากำลังดูดเม้มทำรอยไว้หลายจุดเลย “อยากแสดงความเป็นเจ้าของ ฉันผิด
“ถ้าฉันเป็นโรคอะไรร้ายแรง จริงๆ เธอให้อภัยฉันได้มั้ย ?” เขามองหน้าฉันแววตามีความหวัง เอายังไงดีล่ะฉันจะตอบไปว่ายังไงดี “เกลียดฉันมากขนาดนั้นเลยรึไงถึงเอาแต่เงียบ” “แล้วฉันสมควรที่จะเกลียดคุณมั้ยละคะ” ฉันย้อนถามเขา และครั้งนี้เป็นคุณโชนที่เป็นฝ่ายเงียบซะเอง “ขอโทษ....” “....” “ฉันรู้ว่าคำว่าขอโทษพูดไปมันก็เป็นแค่เพียงลมปาก มันลบสิ่งที่ฉันเคยทำไว้กับเธอไม่ได้” “....” “แต่ฉันพร้อมที่จะดูแลเธอ ชดใช้ในสิ่งที่ฉันเคยทำพลาดไป มันไม่น่าให้อภัยฉันรู้ ฉันก็แค่อยากให้เธอเปิดใจ อึก อึก....” “คะ คุณโชน...!!” ฉันรีบประคองตัวเขาเอาไว้ เขาจะอ้วกอีกแล้ว นี่มันอะไรกันฉันจะร้องไห้แล้วนะ “แสนดี...” “พอแล้วค่ะ ไม่ต้องพูดแล้วไปหาหมอก่อน” “ให้อภัยฉันได้มั้ย....” “....” ฉันเม้มปากแน่น ฉันไม่เคยใจแข็งกับเขาได้เลย จริงๆ “อึก ตะ ตอบหน่อย อึก อ้วก...” “คะ คุณโชน ค่ะโอเคฉันให้อภัยคุณแล้วไปโรงพยาบาลกันนะ” สุดท้ายฉันก็ใจอ่อนให้เขา ฉันคิดดูแล้ว ถ้าครั้งนี้ฉันตัดสินใจพลาด มันจะไม่มีครั้งต่อไปอีก “พูดจริงๆนะ เธอให้อภัยฉันแล้ว” คุณโชนยิ้มให้ฉัน ใบหน้าของเขาซีดเผือดเหมือนคนไม่มีเลือดฝาดบนใบหน้าเลย “ค่ะ
— Talk Sanbee ช่วงเย็น... คุณโชนกลับมาจากบริษัท วันนี้เขาโทรมาหาฉันแล้วพูดจา แปลกๆ แต่พอคุณโชนเดินเข้ามามนห้องฉันก็ต้องตกใจกับสีหย้าที่ซีดเผือดของเขา นี่เขาไม่ได้แกล้งอำฉันเล่นใช่มั้ย “ทะ ทำไมหน้าคุณถึงได้ซีดขนาดนั้นละคะ...” คุณโชนไม่ตอบอะไร เขาเดินมานั่งลง ข้างๆ กับฉันท่าทางเหมือนคนหมดเรี่ยวหมดแรงอย่างไงอย่างงั้น “เหนื่อย...” เขาเอนศีรษะลงมาเกยไว้กับไหล่ของฉันก่อนจะพูดออกมาเสียงแหบพร่า อะไรกัน ทำไมสภาพถึงดูไม่ได้ขนาดนี้เนี่ย !! “ไปหาหมอมั้ยคะ ?” ฉันเป็นห่วงเขาซะจนลืมไปเลยว่าตัวเองโกรธเขาอยู่ “หมอก็ช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอก” คุณโชนตอบเสียงเศร้า อะไรกัน! เขาเป็นอะไรกันแน่ทำไมถึงพูดแบบนี้ “คุณเป็นอะไรคุณโชน” ฉันขมวดคิวเข้าหากันเป็นปมแล้วหันมองคุณโชนอย่างไม่เข้าใจ เขาเป็นจริงๆหรือหลอกฉันอยู่ “ฉัน อึก อึก อ้วก...” ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรคุณโชนก็รีบยกมือขึ้นมาปิดปาก ท่าทางเหมือนจะอ้วกออกมาจากนั้นเขาก็รีบลุกขึ้นวิ่งหน้าตั้งไปเข้าห้องน้ำ ฉันรีบลุกขึ้นเดินตามคุณโชนไป ติดๆ ด้วยความเป็นห่วง ภาพที่ฉันเห็นคือคุณโชนกำลังนั่งสองมือกอดโถส้วมแล้วเอาหน้าซุกโถพร้อมกับโก่งคออ้วกออกมาเสียงดัง “ฉันว
เช้า... เมื่อคืนคุณโชนไม่ได้นอนกับฉันในห้องนะ เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ต้องยอมออกไปนอนข้างนอกอยู่ดี จะมาใช้เหล่เหลี่ยมกับฉัน คิดว่าฉันไม่รู้ทันรึไงกัน “อึก! แสนดีเธอทำอะไรทำไมถึงเหม็นขนาดนี้” คุณโชนเดินเอามือปิดจมูกเข้ามาถามฉันในห้องครัว “ก็ทำอาหารไงคะ ไม่มีตาหรือไง !!” “พอๆ ไม่ต้องทำเหม็นชะมัด !!” “ฉันหิว คุณเหม็นก็ออกไปสิจะมายืนบ่นอยู่ทำไม” “ก็มันเหม็นไปทั่วห้องจะให้ฉันอยู่ยังไง” ฉันกับคุณโชนยืนเถียงกันนานพอสมควร มันเหม็นตรงไหนกัน หาเรื่องฉันอยู่ก็บอกเถอะ !! “อึก อ้วกกก...” จู่ๆ คุณโชนก็ทำท่าเหมือนจะอ้วก เขารีบปิดปากตัวเองแล้ววิ่งออกไปจากห้องครัวทันทีฉันมองตามแผ่นหลับของคุณโชนไปไม่รู้ว่าเขาเป็น จริงๆ หรือแกล้งเรียกร้องความสนใจจากฉันกันแน่ ฉันทำอาหารต่อโดยไม่ได้สนใจคุณโชน ถึงแม้ว่าเสียงอ้วกของเขาจะดังออกมาจากห้องน้ำสักแค่ไหนก็ตาม หลังจากทำอาหารเสร็จฉันก็จัดโต๊ะเตรียมทานข้าว โดยไม่ลืมที่จะเรียกคุณโชนมาทานด้วย ฉันก็ไม่ได้ใจดำถึงขนาดจะให้เขาอดข้างอดน้ำขนาดนั้นหรอก ตอนนี้ฉันกับคุณโชนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน โดยที่คุณโชนกำลังนั่งเอามือปิดจมูกแล้วก็มองอาหารที่ฉันทำอยู่ “ไม่กินก็ไ
ตกดึก... ฉันสั่งให้คุณโชนอาบน้ำตั้งแต่ 5 โมงเย็น เพราะเดี๋ยวเขาจะใช้เป็นข้ออ้างในการมาอยู่ในห้องกับฉัน นานๆ ฉันรู้ทันแผนเขาหรอก ก๊อกๆ ก๊อกๆ (เสียงเคาะห้อง) ฉันทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินเสียงเคาะ มันน่ารำคาญมากขนาดไหนเขาคงไม่รู้ เล่นเคาะห้องติดกันนานหลายนาทีแล้วนะ ตอนแรกฉันเปิดประตูออกไปเขาบอกว่าหิวข้าวฉันเลยปิดประตูใส่หน้าซะเลย หิวข้าวก็ไม่รู้จะมาบอกทำไม ห้องครัวไม่ได้อยู่ในห้องนอนสักหน่อย “แสนดี เปิดประตูหน่อย !!”ก๊อกๆ ก๊อกๆ “แสนดีเปิดแป๊บเดียว !!”“แสนดี....”แกร่ก!! (เสียงเปิดประตูห้อง) ฉันทนไม่ไหวเลยเปิดประตูห้องออกไปเพื่อที่จะถามว่าเขามีอะไรนักหนาถึงได้เอาแต่เคาะห้อง ไม่คิดว่าคนอื่นเขาจะรำคาญบ้างหรือไงกัน “มีอะไรคะ !!” ฉันถามคนตรงหน้าอย่างใส่อารมณ์ “ฉันหิวน้ำ” คุณโชนมองฉันตาเป็นประกาย “หิวน้ำก็ไปกินน้ำสิจะมาบอกฉันทำไม ตู้เย็นอยู่ข้างนอก !!” ฉันพ่นลมหายใจออกมา แรงๆ เคาะห้องตั้งนานเพื่อที่จะมาบอกฉันว่าตัวเองหิวน้ำเนี่ยนะ “...ฉันหิวน้ำเธอ ในตู้เย็นมันมีหรือไง” “นะ นี่อย่ามาพูดอะไรแบบนี้นะ !!” ฉันพูดเสียงดังกลบเกลื่อนความเขินอายของตัวเอง ตอนนี้ใบหน้ามันเห่อร้อนขึ้นมาจนรามไป