วันต่อมา... วันนี้คุณท่านพาฉันไปดูคอนโดแถวๆมหาวิทยาลัยที่ฉันต้องไปเรียน โชคดีที่ตอนเช้าไม่เจอกับลูกชายของคุณท่าน นี่ไม่ใช่แค่การมาดูห้อง แต่ฉันขอคุณท่านย้ายเข้ามาอยู่วันนี้เลย เพราะฉันทนอยู่ที่บ้านของคุณท่านไม่ได้อีกแล้ว มีเขาอยู่ก็ต้องไม่มีฉัน “หนูชอบห้องนี้มั้ย ถูกใจหนูรึเปล่า” คุณที่นหันมาถามฉันหลังจากที่เราเดินดูห้องกันสักพัก “ห้องมันใหญ่ไป ให้หนูอยู่ห้องเช่าธรรมดาๆก็ได้ค่ะ แบบนี้รบกวนคุณท่านแย่เลย” ห้องนี้มันกว้างยิ่งกว่าบ้านฉันหลังหนึ่งอีกนะ ฉันไม่ได้พูดเกินความจริง แต่ฉันพูดจริงๆ ห้องนี้ มีห้องนอนตั้งสองห้อง มีห้องครัวด้วย อย่างกับเป็นบ้านแหนะ “ฉันเต็มใจให้หนูรับไว้เถอะ ห้องนี้มันเป็นของหนู” ฉันยกมือขึ้นมาไหว้คุณท่าน คุณท่านให้อะไรหลายๆอย่างในสิ่งที่ฉันไม่เคยได้ ไม่เคยมี “หนูพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปจัดการเรื่องเรียนให้” หลังจากที่คุณท่านออกไปแล้วฉันก็จัดการเอาเสื้อผ้าใส่ตู้ไว้ จัดของใช้ส่วนตัวของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง กว่าจะเสร็จก็ปาไปเกือบสองชั่วโมง เมื่อเสร็จแล้วฉันก็มานั่งบนโซฟาตัวใหญ่ ขอให้ฉันหลุดพ้นจากกรงกามของคนใจร้ายคนนั้นสักที ฉันออกมาแบบนี้แล้ว หวังว่าเขาจะ
เมื่อสายโทรศัพท์ถูกตัดไป ตอนนี้ฉันยืนตัวแข็งทื่อไม่ขยับ เขาโทรมาพูดแค่นั้น แต่คำขู่ของเขามันทำให้ฉันรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ เขาจะตามหาฉันเจอมั้ย ทำไมกัน ทำไมถึงต้องตามจองเวรจองกรรมฉันขนาดนี้ ฉันพยายามที่จะไม่คิดมาและทำอาหารต่อจนเสร็จ คุณท่านมาพอดี ฉันพยายามทำตัวให้ปกติที่สุดไม่อยากให้คุณท่านรู้ว่าลูกชายของคุณท่านข่มขู่อะไรฉันบ้าง เพราะฉันไม่อยากให้คุณท่านคิดมาก “หนูรู้มั้ยว่าฉันอยากมีลูกผู้หญิงมาก แต่วาสนาฉันได้แต่ลูกผู้ชาย” “คุณท่านมีลูกกี่คนหรอคะ แค่คุณโชนหรือมีอีก”“สมัยฉันยังหนุ่มฉันเจ้าชู้ หนูคิดว่าฉันจะมีแค่ตาโชนงั้นรึ” พูดจบคุณท่านก็หัวเราะ หึหึ ในลำคอออกมา งั้นก็แปลว่าคุณท่านยังมีลูกอีก ใครกันนะ “เขาไม่ได้อยู่บ้านหลังเดียวกับคุณท่านหรอคะ” “ฉันส่งไปเรียนที่เมืองนอก ขืนให้อยู่ที่บ้านตาโชนคงได้ฆ่าตายกันพอดี”ฉันไม่อยากจะตามอะไรที่มันล้วงลึกเพราะมันจะดูว่าฉันก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของคุณท่านมากจนเกินไป ถ้าคุณท่านอยากจะเล่าเดี๋ยวคุณท่านก็เล่าให้ฉันฟังเอง “หนูนี่ทำอาหารอร่อยเหมือนแม่หนูไม่มีผิด” “แม่หนูเคยทำอาหารให้คุณท่านทานด้วยหรอคะ” ฉันถามด้วยความสงสัย แปลกจังที่คุณท่านมักจะพ
ฉันรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีในตอนนี้ถอยหนีเขาจนติดขอบเตียง มือหนึ่งกุมท้องของตัวเองเอาไว้เพราะว่ามันจุกที่เขาเหวี่ยงฉันลงเมื่อครู่ “ฉันขอร้อง อย่าทำอะไรฉันเลย” ฉันพูดร้องขอเขาออกไป แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ฟังอะไรฉันเลย ตอนนี้เขากำลังปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกทีละเม็ด ๆสายตาจับจ้องมาที่ฉันอย่างไม่ละสายตา “เธอรู้มั้ยว่าเวลาเธอใส่ชุดนักศึกษามันยั่วอารมณ์ฉันขนาดไหน” “.....” ฉันค่อยๆเม้มปากเข้าหากันแน่น ทำไมเขาถึงได้น่ากลัวขนาดนี้กัน “เธอไม่ต้องกลัว ครั้งนี้ฉันจะไม่ทำรุนแรงกับเธอ” พูดจบเขาก็ถอดเสื้อออกพร้อมกับโยนทิ้งไปอีกมุมของห้อง จากนั้นเขาก็ลดมือลงมาปลดตะขอกางเกงของตัวเอง เขาทำทุกอย่าง อย่างใจเย็นสีหน้าเรียบนิ่งมันชั่งไม่เข้ากันกับสายตาคมกริบของเขาเลย แถมรอยสักของเขายังน่ากลัวมากอีกต่างหาก “คุณ อร้ายย...” ร่างของฉันถูกเขาถึงรูดไปกับที่นอน ก่อนที่เขาจะค่อมร่างของฉันเอาไว้ แล้วก้มหน้าลงมาเป่ารดลมหายใจร้อนๆเป่าใบหูของฉัน “จะกลัวทำไม หื้ม...” เรียวนิ้วของเขาเกลี่ยไปตามแก้มของฉัน ทำเอาฉันสะดุ้งตัวแรงและพยายามจะดิ้นหนี แต่เขากดฉันเอาไว้ “ปล่อยฉัน ฮึก...” ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม เพราะอะไ
“กูสั่งให้มึงทำ อมให้กู !!” เขาพูดพร้อมกับนอนลงข้างๆกับฉัน มือหนาสาวท่อนเอ็นของตัวเองรูดขึ้นลงไปมา ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งตรงท่อนเอ็นของเขาแล้วก้มหน้าลงไปอมท่อนเอ็นของเขาตามที่เขาสั่ง “อ๊า ทำดีๆสิ ซี๊ดด” เขากดหัวของฉันเอาไว้ ก่อนจะกระแทกเอวสอบสวนขึ้นมา ฉันถึงกับน้ำตาคลอเบ้ารีบใช้มือดันหน้าท้องของเขาเอาไว้ ท่อนเอ็นของเขามันแทงลึกเข้ามาในลำคอของฉัน ทำเอาฉัรแทบหายใจไม่ออก เมื่อเขาปล่อยมือออกจากหังของฉัน ฉันก็รีบผละตัวขึ้นนั่งก่อนจะไอออกมาจนตัวเกร็ง “ทำเหมือนไม่เคย เธอนี่มันแสดงละครเก่งจริงๆ” เขามองหน้าฉันแบบไม่สบอารมณ์ ก่อนจะลุกขึ้นหยิบผ้าขนหนูมาพันตัวและเดินไปเข้าห้องน้ำ ฉันมองแผ่นหลังของเขาไปจนร่างของเขาเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ มันเป็นเวรกรรมอะไรของฉัน ที่ได้มาเจอกับคนใจร้ายแบบนี้ ฉันได้แต่บอกตัวเองให้อดทน แต่ฉันต้องใช้ความอดทนมากมายขนาดไหนถึงจะเพียงพอกับคนอย่างเขา แกร่ก! (เสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดออก)“อยากเจอเอาอีกหรือไง ไปลุกขึ้นแต่งตัว” เขาสั่งเสียงเรียบๆแต่กลับทำให้คนฟังรู้สึกกลัวในน้ำเสียงของเขาได้ เขาทำได้ยังไงกัน “....” ฉันเงียบไม่พูดอะไร ก่อนที่จะเอื้อมมือ
ตลอดทางไม่มีบทสนทนาใดๆระหว่างฉันและเขา เราต่างคนต่างเงียบจนมาถึงที่หมาย ฉันมองไปตรงหน้าของตัวเองมันคือตึก ราว ๆสิบชั้นได้ เมื่อถึงแล้วคุณโชนเขาก็ลงจากรถไปโดยไม่เอ่ยคำใดๆกับฉันสักคำ ฉันจึงนั่งนิ่งอยู่บนรถไม่ได้ลงรถตามเขาไป เพราะเขาคงไม่ได้อยากให้ฉันตามลงไป ถ้าเขาจะให้ฉันลงไปกับเขา เขาก็คงต้องบอกฉัน จู่ๆ เขาก็หมุนตัวกลับมามองที่รถ คนด้านนอกมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่ไม่พอใจเอามากๆทั้งที่ฉันก็นั่งอยู่เฉยๆไม่ได้ทำอะไรให้เขาไม่พอใจเลยสักนิด “ลงมา” น้ำเสียงแข็งกร้าวพูดออกคำสั่งให้ฉันลงจากรถ ก็แล้วทำไมไม่บอกกันตั้งแต่แรกเดินไปไม่พูดอะไรฉันจะรู้รึไง ฉันเปิดประตูลงจากรถก่อนจะรีบวิ่งตามแผ่นหลังของคนเจ้าเผด็จการอย่างคุณโชนไป เพราะเขาเดินไม่รอฉันเลย คุณโชนพาฉันขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นสิบสอง เมื่อมาถึงเขาก็พาฉันเดินเข้าไปที่ห้องๆหนึ่ง ด้านหน้าห้องมีคนยืนเฝ้าอยู่สองคน เมื่อคนที่ยืนอยู่หน้าห้องเขาเห็นคุณโชนเดินผ่านสองคนนั้นก็โค้งตัวคำนับทันที มาถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่รู้ แล้วก็ไม่เข้าใจว่าสาเหตุอะไรที่เขาพาฉันมาที่นี่กับเขา เมื่อเดินเข้ามาภายในห้อง ยังต้องกดรหัสเพื่อผ่านประตูลับเข้าไปอีกชั้น นี่มันอย่างก
— Talk Chon — “นั่นเธอจะทำอะไร” ผมถามผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียของพ่อผม ทั้งที่ผมไล่เธอออกไปจากห้อง แต่เธอกลับเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดออกมา “อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า” เธอตอบผมสั้นๆ แค่นั้นก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าพ่อของผมหลงผู้หญิงจืดชืดแบบยัยแม่เลี้ยงนี่ได้ยังไง ไม่รู้ว่าจะยกอะไรต่อมิอะไรให้เธออีก ที่เธออยู่ไม่ยอมไปไหน คงจะเป็นสมบัติของพ่อผมที่เธอจ้องจะเอา ถ้าเธอไม่ต้องการอะไรจริงๆเธอจะอยู่ทำไม อยู่ให้ผมกับพ่อเอา เล่น ๆรึไง หึ!! ไม่นานลูกน้องของผมก็พาผู้หญิงมาส่งที่ห้อง เธอทั้งสองคนเมื่อมาถึงก็ไม่ต้องให้ผมต้องออกคำสั่งอะไร ผู้หญิงสองคนเธอจัดการทำหน้าที่ของตัวเองอย่างรู้งาน ฟังไม่ผิดหรอกครับที่ผมบอกว่าสองคน “อ๊า ซี๊ด...” ผมครางในลำคอเบาๆ เมื่อริมฝีปากของผู้หญิงหนึ่งในสองคนครอบงำแก่นกายของผมจนมิดด้ามพร้อมกับรูดมันขึ้นลง อีกคนก็ปลดเม็ดกระดุมเสื้อของผมออกก่อนจะก้มหน้าลงมาใช้ปลายลิ้นเลียวนที่หัวนมเม็ดเล็กๆของผม ผมเอื้อมมือไปกดหัวเธอที่กำลังอมรูดแก่นกายของผมอยู่ อีกมือหนึ่งผมก็ล้วงไปที่หน้าอกของผู้หญิงอีกคน “อ๊า บีบแรงๆเลยค่ะเสี่ย ซี๊ด” เมื่อเธอร้องขอผมแบบนั้น
—- Talk Sandee —-วันต่อมา... ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมโล่งๆ ภายในห้องไม่มีอะไรเลยเป็นห้องเปล่าๆ แถมมือของฉันก็ถูกมัดติดกันเอาไว้อีกด้วยฉะ ฉันอยู่ที่ไหนกัน ความกลัวเริ่มแทรกเข้ามาในหัวและคิดไปต่างๆนาๆ เมื่อคืนฉันจำได้ว่าฉันไปเที่ยว ฉันเจอคนๆหนึ่งเขายื่นอะไรสักอย่างมาให้ฉัน แต่ฉันปฏิเสธเขาไป จากนั้นฉันก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย แกร่ก!! (เสียงประตูห้องเปิดเข้ามา) ฉันรีบวิ่งไปนั่งหลับตรงมุมห้องทันที ตัวมันสั่นไปหมดแล้วตอนนี้ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน “ไง คนเก่ง หึ!!” เสียงของคนที่เปิดประตูห้องเข้ามาทักขึ้น น้ำเสียงมันคุ้นหูมากจนอดไม่ได้ที่จะต้องหันไปดูว่าเป็นใคร ใช่คนที่ฉันคิดเอาไว้หรือเปล่า “คะ คุณ...!!” เป็นเขาจริงๆ คุณโชน ทำไม เขาทำแบบนี้ทำไม จับฉันมามัดเอาไว้แบบนี้เพื่ออะไร “จำฉันได้แล้วหรอ ฤทธิ์ยาคงจะหมดแล้วสินะ” เขาพูดพร้อมกับเดินตรงมาหาฉัน เขาพูดเรื่องอะไรฉันไม่เข้าใจ“คุณทำแบบนี้ทำไม” ฉันถามคนตรงหน้าที่กำลังยืนเท้าเอวจ้องฉันอยู่ “ก็ทำให้เธอหายบ้าไง เธอคงจะจำไม่ได้” ยิ่งเขาพูดฉันก็ยิ่งไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจที่เขาพูดเลยจริงๆ “กี่โมงแล้ว” วันนี้ฉันมีเรียน ฉั
คุณโชนก้าวขาเดินเข้ามาหาฉันเรื่อย ๆส่วนฉันก็เอาแต่ถอยหนี ทั้งที่ห้องมันก็มีอยู่แค่นี้ ทั้งที่รู้ว่ายังไงก็หนีไม่พ้น “ไม่กลับไปอยู่ที่บ้านด้วยกันหรอ หื้ม” คนตรงหน้าเอ่ยถามฉันเสียงเรียบ แต่กลับแฝงไปด้วยความน่ากลัวจากสายตาของเขา “กลัวถูกจับได้ว่าแอบเล่นชู้กับลูกชายสามีตัวเองรึไง มันตื่นเต้นดีจะตายฉันว่าเธอน่าจะกลับไปอยู่ด้วยกัน อยู่แบบสามคนผัวเมีย หึ!”ผู้ชายคนนี้เขาเป็นคนที่แสดงสีหน้าเรียบนิ่งได้น่ากลัวที่สุด สายตาของเขามันดุดัน เวลาที่เขาเพ่งมองฉัน มันไม่มีสักครั้งเลยที่ฉันจะไม่กลัวเขา คำพูดที่ชวนคนลุกนั่น เขามันป่าเถื่อนที่สุด“แสนดี เธอไม่อยากพูดกับฉันขนาดนั้นเลยรึไงถึงได้เอาแต่เงียบ” “ฉะ ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ” หมับ!! มือหนาของคุณโชนคว้ามาจับแขนของฉัน จากนั้นเขาก็จับร่างฉันเหวี่ยงลงโซฟา แรง ๆก่อนจะขึ้นมาค่อมร่างของฉันเอาไว้ เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร เขาเอามือดันปลายคางของฉันให้เงยขึ้น จากนั้นก็กดริมฝีปากลงบนต้นคอของฉัน ฉันรู้สึกปวดหนึบบริเวณที่ริมฝีปากของเขาประทับอยู่ จากนั้นฉันก็เริ่มดิ้นขัดขืนและดันตัวเขาออก “คุณทำอะไร” ฉันพูดพลางยกมือขึ้นมาลูบคลำตรงบริเวณที่เขากดริมฝีปากลง
@โรงพยาบาลฉันปวดท้องตั้งแต่เช้า จนตอนนี้ปาเข้าไปหกโมงเย็นแล้วยังไม่คลอดเลย อาการปวดท้องมันเริ่มปวดหนักขึ้น เรื่อยๆ มันแน่นไปหมดเลยตอนนี้ “ปวดมากท้องมากเลยใช่มั้ย” คุณโชนจับมือฉันเอาไว้ตลอด เขาไม่ปล่อยมือฉันเลยถ้าไม่จำเป็น “ปะ ปวดค่ะ ปะ ปวดมาก” เขาเฝ้าถามฉันตลอดว่าเจ็บท้องมากมั้ย หมอก็มาเช็คปากมดลูกเป็นระยะๆแต่ก็ยังไม่ถึงเวลาคลอด คุณพ่อกับคุณณอณจะที่โรงพยาบาลช่วงบ่าย แต่ฉันยังไม่คลอดทั้งสองคนเลยกลับไปก่อน เอิงเอยก็มาด้วยนะ เธอตัดใจจากคุณโชนได้แล้ว และบอกว่าจะมาใหม่ตอนฉันคลอดแล้ว “อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็คลอด” คุณโชนบีบมือของฉันแน่น แววตาของเขามันเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “ขอบคุณนะคะ ที่ลางานมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน” “เมียกำลังจะคลอดเธอจะให้ฉันมีกะจิตกะใจไปทำงานได้ลงคอรึไง” คุณโชนพูดค้อนฉัน ตอนนี้รู้สึกว่าลูกเริ่มถีบแรงขึ้น เรื่อยๆ และมันทำให้ฉันเจ็บจนตัวเกร็ง มันใกล้แล้วใล่มั้ย อีกนิดเดียวเท่านั้น ฉันก็จะได้เจอหน้าลูกชายของฉันแล้ว... @ห้องคลอด “เบ่งค่ะคุณแม่ อื๊ดดดดดด ~” “อื๊ดดดดดดด ~” “หายใจเข้าออก ลึกๆ แล้วเบ่งอีกนะคะคุณแม่” “คุณพ่อช่วยคุณแม่เบ่งด้วยนะคะ” “หนึ่ง สอง อื๊ดดดดดดด
-ณ ดาดฟ้าของโรงแรมหรูใจกลางเมือง ฉันกำลังนั่งกินมื้อค่ำที่สุดแสนจะโรแมนติกกับคุณโชนสามีของฉัน “อาหารไม่อร่อยหรอคะ ?” ฉันเห็นคุณโชนเอาช้อน เขี่ยๆ จานข้าวสักพักแล้วแหละแต่ก็ไม่ยอมกินสักที “ไม่หรอก ฉันแค่รู้สึกอยากจะอ้วก” “ฉันอุตส่าห์เป็นคนท้อง แท้ๆ ทำไมคุณถึงมาแพ้ท้องแทนฉันได้นะ” “เธอไม่แพ้ก็ดีแล้ว ถ้าท้องอยู่แล้วต้อบมาแพ้ท้องหนักอีกฉันจะได้ไปทำงานรึไง” “ทำไมละคะ ?”“เมียทั้งคนฉันจะไม่ห่วงได้ไง” ดินเนอร์ครั้งนี้มันเป็นอะไรที่เรียบง่าย เราคุยกันปกติเหมือนที่คุยกันทุกวัน ฉันไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้หรอก เพราะยังไงเราก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว ไม่จำเป็นหวานใส่กันตลอดเวลา อีกอย่างเขาก็ไม่ค่อยจะหวานกับฉันเท่าไหร่หรอกนะคุณโชนน่ะ เพราะเขาเขินจนทำตัวไม่ถูก“อย่าลืมนะคะว่าพรุ่งนี้ต้องซักผ้าล้างจานที่ตัวเองกินเอาไว้เมื่อวานด้วย” ฉันบอกคุณโชนในขณะที่เรากำลังนั่งรถกลับบ้านกัน “รู้แล้วครับคุณเมีย พูดกรอกหูตั้งแต่ขาไปยันขากลับ กลัวได้ทำเองรึไง” ฉันฝึกเขาเอาไว้น่ะ ให้หัดทำอะไรด้วยตัวเองเพราะเวลาฉันคลอดลูกคุณโชนจะได้ทำเป็น อีกอย่างพวกเสื้อผ้าลูกฉันไม่อยากให้คนอื่นซักเพราะเป็นเสื้อผ้าเด็กยิ่งต้อ
เช้า...วันนี้ฉันกับคุณโชนตื่นกันตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมของรอใส่บาตรเพื่อเป็นสิริมงคลต่อการเริ่มใช้ชีวิตคู่ในฐานะสามีภรรยาของเรา หลังจากใส่บาตรเสร็จคุณโชนก็เตรียมตัวออกไปบริษัท แต่เขานะสิจะเอาฉันไปด้วยให้ได้เลย งอแงเหมือนเด็กนั่งหน้าบึ้งไม่พูดไม่จาเพราะฉันไม่ยอมไปบริษัทกับเขาด้วย “คุณโชน คุณจะมางอนเหมือนเด็กแบบนี้ไม่ได้นะคะ” “ก็ไปด้วยกันสิ แค่นั้นก็จบ” เขาพูดทั้งที่ยังนั่งหันหลังให้ฉันอยู่ “ฉันอยากอยู่บ้านมากกว่านี่คะ ไปที่บริษัทมันน่าเบื่อ...” “ฉันน่าเบื่อใช่มั้ย” ฉันถึงกับถอนหายใจออกมา ยาวๆ ดูเขาสิ ฉันยังไม่ทันจะพูดอะไรเลยนะ คิดเองเออเองเป็นตุเป็นตะเชียว “เราพึ่งแต่งงานกันเมื่อวานเองนะ คุณอยากจะเซ็นใบหย่าแล้วหรอคะ” ฉันยืนกอดอกมองแผ่นหลังผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของตัวเอง พอคุณโชนได้ยืนคำพูดของฉันเมื่อกี้เขาก็หันควับมามองหน้าฉันตาเขียวปั๊ดทันที “แค่นี้ถึงกับขู่จะหย่าเลยหรอวะแสนดี !!” “ก็คุณพูดไม่รู้เรื่อง” “คิดว่าฉันจะเซ็นใบหย่าให้เธอหรือไง ไม่มีทาง” “ไปทำงานได้แล้วค่ะ” ฉันขี้เกียจจะทะเลาะแล้ว อยากจะพักผ่อนช่วงนี้เหนื่อยง่ายอยากจะนอนตลอดเวลาเลย “
— งานมงคลสมรส “พอใส่ชุดเจ้าสาวแล้วสวยมากเลยนะคะ ^_^” ช่างแต่งหน้าเอ่ยชมฉันเมื่อเห็นฉันเดินออกมาจากห้องแต่งตัว ฉันยิ้มตอบกลับไปด้วยความเขินอาย ฉันมองภาพตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกบานใหญ่ น้ำตามันก็พลอยจะไหลออกมาให้ได้ ฉันไม่เคยวาดฝันว่าตัวเองจะได้ใส่ชุดเจ้าสาวราคา แพงๆ ไม่เคยวาดฝันว่าจะมีงานแต่งที่ใหญ่โตอลังการ ค่าสินสอดหลายสิบล้าน ฉันอยากให้แม่อยู่กับฉันในตอนนี้ด้วยจัง อยากให้แม่ได้มาเห็นลูกสาวคนนี้ในวันที่สำคัญที่สุดในชีวิต ตอนนี้แม่คงจะกำลังมองฉันจากบนสวรรค์ หลังจากที่คุณโชนขอฉันแต่งงาน เราก็ไปบอกคุณท่าน คุณท่านเป็นคนจัดการหาฤกษ์แต่งให้และก็ได้ฤกษ์อีกสองอาทิตย์ ทำเอาพวกเราหัวหมุนกันทุกคนแทบไม่ได้พักผ่อนฉันแอบหวั่นใจอยู่นะว่าคนที่มาในงานเขาจะไม่แปลกใจหรอที่ก่อนหน้านี้ฉันแต่งงานกับคุณท่าน พอมาวันนี้ฉันกลับแต่งงานกับลูกของคุณท่านซะงั้น แต่คุณท่านก็บอกฉันว่าไม่ต้องคิดมากเพราะว่าคุณท่านแก้ข่าวให้แล้ว พิธีกรแต่งงานเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกคนในงานต่างพากันยิ้มมีความสุข พิธีจัดขึ้นแค่ช่วงเช้า หลังจากเสร็จพิธีแต่งงานแล้วฉันกับคุณโชนก็ถูกส่งตัวเข้าหอ — ภายในห้อง “เธอไม่รู้สึกตื่นเต้นบ้าง
ร่างของฉันถูกคุณโชนอุ้มเข้าไปในห้องนอน เขาวางฉันลงบนเตียงอย่างเบามือจากนั้นก็ก้มลงมาประกบริมฝีปากจูบฉัน “อื้ม...” เสียงทุ้มนุ่มของคุณโชนครางออกมาในลำคออย่างพึงพอใจ ฉันไม่กล้าแม้แต่จะลืมตาขึ้นเอาแต่หลับตารับรสจูบสัมผัสที่หอมหวานนั้นของคุณโชน ไม่บ่อยหนักที่เขาจะนุ่มนวลแบบครั้งนี้ เหมือนเขากำลังเอาใจฉันอยู่ เราทั้งคู่ดูดดื่มกับรสจูบได้สักพัก เป็นคุณโชนที่ถอนจูบออกแล้วก็จ้องมองลึกเข้ามาในดวงตาของฉัน “เธอกำลังทำให้ฉันหลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้นนะแสนดีรู้ตัวมั้ย หื้ม...” คุณโชนพูดพรางเอานิ้วเกลี่ยไปมาบนริมฝีปากของฉัน เบาๆ “แต่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” “นั่นสิ ทำไมฉันถึงหลงเธอขนาดนี้กัน” พูดจบเขาก็ก้มหน้าลงมาซุกซอกคอของฉัน ตึกตัก ตึกตัก! เสียงหัวใจของฉันมันเต้นรัวกับคำหวานที่คุณโชนพูดออกมาบอกฉัน มันไม่เคยจะชินเลยสักครั้ง คงจะเป็นเพราะฉันชินกับคุณโชนคนที่ ดิบ เถื่อน ชอบทำร้ายจิตใจฉัน พอเขาเปลี่ยนไปฉันถึงกับใจเต้นรัวทุกครั้งที่เขาพูดคำหวานแบบนี้ “อื้อ อย่าทำให้มันเป็นรอยสิ” ฉันท้วงคนที่กำลังซุกไซร้ซอกคอของฉันอยู่ตอนนี้ เพราะเขากำลังดูดเม้มทำรอยไว้หลายจุดเลย “อยากแสดงความเป็นเจ้าของ ฉันผิด
“ถ้าฉันเป็นโรคอะไรร้ายแรง จริงๆ เธอให้อภัยฉันได้มั้ย ?” เขามองหน้าฉันแววตามีความหวัง เอายังไงดีล่ะฉันจะตอบไปว่ายังไงดี “เกลียดฉันมากขนาดนั้นเลยรึไงถึงเอาแต่เงียบ” “แล้วฉันสมควรที่จะเกลียดคุณมั้ยละคะ” ฉันย้อนถามเขา และครั้งนี้เป็นคุณโชนที่เป็นฝ่ายเงียบซะเอง “ขอโทษ....” “....” “ฉันรู้ว่าคำว่าขอโทษพูดไปมันก็เป็นแค่เพียงลมปาก มันลบสิ่งที่ฉันเคยทำไว้กับเธอไม่ได้” “....” “แต่ฉันพร้อมที่จะดูแลเธอ ชดใช้ในสิ่งที่ฉันเคยทำพลาดไป มันไม่น่าให้อภัยฉันรู้ ฉันก็แค่อยากให้เธอเปิดใจ อึก อึก....” “คะ คุณโชน...!!” ฉันรีบประคองตัวเขาเอาไว้ เขาจะอ้วกอีกแล้ว นี่มันอะไรกันฉันจะร้องไห้แล้วนะ “แสนดี...” “พอแล้วค่ะ ไม่ต้องพูดแล้วไปหาหมอก่อน” “ให้อภัยฉันได้มั้ย....” “....” ฉันเม้มปากแน่น ฉันไม่เคยใจแข็งกับเขาได้เลย จริงๆ “อึก ตะ ตอบหน่อย อึก อ้วก...” “คะ คุณโชน ค่ะโอเคฉันให้อภัยคุณแล้วไปโรงพยาบาลกันนะ” สุดท้ายฉันก็ใจอ่อนให้เขา ฉันคิดดูแล้ว ถ้าครั้งนี้ฉันตัดสินใจพลาด มันจะไม่มีครั้งต่อไปอีก “พูดจริงๆนะ เธอให้อภัยฉันแล้ว” คุณโชนยิ้มให้ฉัน ใบหน้าของเขาซีดเผือดเหมือนคนไม่มีเลือดฝาดบนใบหน้าเลย “ค่ะ
— Talk Sanbee ช่วงเย็น... คุณโชนกลับมาจากบริษัท วันนี้เขาโทรมาหาฉันแล้วพูดจา แปลกๆ แต่พอคุณโชนเดินเข้ามามนห้องฉันก็ต้องตกใจกับสีหย้าที่ซีดเผือดของเขา นี่เขาไม่ได้แกล้งอำฉันเล่นใช่มั้ย “ทะ ทำไมหน้าคุณถึงได้ซีดขนาดนั้นละคะ...” คุณโชนไม่ตอบอะไร เขาเดินมานั่งลง ข้างๆ กับฉันท่าทางเหมือนคนหมดเรี่ยวหมดแรงอย่างไงอย่างงั้น “เหนื่อย...” เขาเอนศีรษะลงมาเกยไว้กับไหล่ของฉันก่อนจะพูดออกมาเสียงแหบพร่า อะไรกัน ทำไมสภาพถึงดูไม่ได้ขนาดนี้เนี่ย !! “ไปหาหมอมั้ยคะ ?” ฉันเป็นห่วงเขาซะจนลืมไปเลยว่าตัวเองโกรธเขาอยู่ “หมอก็ช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอก” คุณโชนตอบเสียงเศร้า อะไรกัน! เขาเป็นอะไรกันแน่ทำไมถึงพูดแบบนี้ “คุณเป็นอะไรคุณโชน” ฉันขมวดคิวเข้าหากันเป็นปมแล้วหันมองคุณโชนอย่างไม่เข้าใจ เขาเป็นจริงๆหรือหลอกฉันอยู่ “ฉัน อึก อึก อ้วก...” ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรคุณโชนก็รีบยกมือขึ้นมาปิดปาก ท่าทางเหมือนจะอ้วกออกมาจากนั้นเขาก็รีบลุกขึ้นวิ่งหน้าตั้งไปเข้าห้องน้ำ ฉันรีบลุกขึ้นเดินตามคุณโชนไป ติดๆ ด้วยความเป็นห่วง ภาพที่ฉันเห็นคือคุณโชนกำลังนั่งสองมือกอดโถส้วมแล้วเอาหน้าซุกโถพร้อมกับโก่งคออ้วกออกมาเสียงดัง “ฉันว
เช้า... เมื่อคืนคุณโชนไม่ได้นอนกับฉันในห้องนะ เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ต้องยอมออกไปนอนข้างนอกอยู่ดี จะมาใช้เหล่เหลี่ยมกับฉัน คิดว่าฉันไม่รู้ทันรึไงกัน “อึก! แสนดีเธอทำอะไรทำไมถึงเหม็นขนาดนี้” คุณโชนเดินเอามือปิดจมูกเข้ามาถามฉันในห้องครัว “ก็ทำอาหารไงคะ ไม่มีตาหรือไง !!” “พอๆ ไม่ต้องทำเหม็นชะมัด !!” “ฉันหิว คุณเหม็นก็ออกไปสิจะมายืนบ่นอยู่ทำไม” “ก็มันเหม็นไปทั่วห้องจะให้ฉันอยู่ยังไง” ฉันกับคุณโชนยืนเถียงกันนานพอสมควร มันเหม็นตรงไหนกัน หาเรื่องฉันอยู่ก็บอกเถอะ !! “อึก อ้วกกก...” จู่ๆ คุณโชนก็ทำท่าเหมือนจะอ้วก เขารีบปิดปากตัวเองแล้ววิ่งออกไปจากห้องครัวทันทีฉันมองตามแผ่นหลับของคุณโชนไปไม่รู้ว่าเขาเป็น จริงๆ หรือแกล้งเรียกร้องความสนใจจากฉันกันแน่ ฉันทำอาหารต่อโดยไม่ได้สนใจคุณโชน ถึงแม้ว่าเสียงอ้วกของเขาจะดังออกมาจากห้องน้ำสักแค่ไหนก็ตาม หลังจากทำอาหารเสร็จฉันก็จัดโต๊ะเตรียมทานข้าว โดยไม่ลืมที่จะเรียกคุณโชนมาทานด้วย ฉันก็ไม่ได้ใจดำถึงขนาดจะให้เขาอดข้างอดน้ำขนาดนั้นหรอก ตอนนี้ฉันกับคุณโชนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน โดยที่คุณโชนกำลังนั่งเอามือปิดจมูกแล้วก็มองอาหารที่ฉันทำอยู่ “ไม่กินก็ไ
ตกดึก... ฉันสั่งให้คุณโชนอาบน้ำตั้งแต่ 5 โมงเย็น เพราะเดี๋ยวเขาจะใช้เป็นข้ออ้างในการมาอยู่ในห้องกับฉัน นานๆ ฉันรู้ทันแผนเขาหรอก ก๊อกๆ ก๊อกๆ (เสียงเคาะห้อง) ฉันทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินเสียงเคาะ มันน่ารำคาญมากขนาดไหนเขาคงไม่รู้ เล่นเคาะห้องติดกันนานหลายนาทีแล้วนะ ตอนแรกฉันเปิดประตูออกไปเขาบอกว่าหิวข้าวฉันเลยปิดประตูใส่หน้าซะเลย หิวข้าวก็ไม่รู้จะมาบอกทำไม ห้องครัวไม่ได้อยู่ในห้องนอนสักหน่อย “แสนดี เปิดประตูหน่อย !!”ก๊อกๆ ก๊อกๆ “แสนดีเปิดแป๊บเดียว !!”“แสนดี....”แกร่ก!! (เสียงเปิดประตูห้อง) ฉันทนไม่ไหวเลยเปิดประตูห้องออกไปเพื่อที่จะถามว่าเขามีอะไรนักหนาถึงได้เอาแต่เคาะห้อง ไม่คิดว่าคนอื่นเขาจะรำคาญบ้างหรือไงกัน “มีอะไรคะ !!” ฉันถามคนตรงหน้าอย่างใส่อารมณ์ “ฉันหิวน้ำ” คุณโชนมองฉันตาเป็นประกาย “หิวน้ำก็ไปกินน้ำสิจะมาบอกฉันทำไม ตู้เย็นอยู่ข้างนอก !!” ฉันพ่นลมหายใจออกมา แรงๆ เคาะห้องตั้งนานเพื่อที่จะมาบอกฉันว่าตัวเองหิวน้ำเนี่ยนะ “...ฉันหิวน้ำเธอ ในตู้เย็นมันมีหรือไง” “นะ นี่อย่ามาพูดอะไรแบบนี้นะ !!” ฉันพูดเสียงดังกลบเกลื่อนความเขินอายของตัวเอง ตอนนี้ใบหน้ามันเห่อร้อนขึ้นมาจนรามไป