คุณโชนก้าวขาเดินเข้ามาหาฉันเรื่อย ๆส่วนฉันก็เอาแต่ถอยหนี ทั้งที่ห้องมันก็มีอยู่แค่นี้ ทั้งที่รู้ว่ายังไงก็หนีไม่พ้น “ไม่กลับไปอยู่ที่บ้านด้วยกันหรอ หื้ม” คนตรงหน้าเอ่ยถามฉันเสียงเรียบ แต่กลับแฝงไปด้วยความน่ากลัวจากสายตาของเขา “กลัวถูกจับได้ว่าแอบเล่นชู้กับลูกชายสามีตัวเองรึไง มันตื่นเต้นดีจะตายฉันว่าเธอน่าจะกลับไปอยู่ด้วยกัน อยู่แบบสามคนผัวเมีย หึ!”ผู้ชายคนนี้เขาเป็นคนที่แสดงสีหน้าเรียบนิ่งได้น่ากลัวที่สุด สายตาของเขามันดุดัน เวลาที่เขาเพ่งมองฉัน มันไม่มีสักครั้งเลยที่ฉันจะไม่กลัวเขา คำพูดที่ชวนคนลุกนั่น เขามันป่าเถื่อนที่สุด“แสนดี เธอไม่อยากพูดกับฉันขนาดนั้นเลยรึไงถึงได้เอาแต่เงียบ” “ฉะ ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ” หมับ!! มือหนาของคุณโชนคว้ามาจับแขนของฉัน จากนั้นเขาก็จับร่างฉันเหวี่ยงลงโซฟา แรง ๆก่อนจะขึ้นมาค่อมร่างของฉันเอาไว้ เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร เขาเอามือดันปลายคางของฉันให้เงยขึ้น จากนั้นก็กดริมฝีปากลงบนต้นคอของฉัน ฉันรู้สึกปวดหนึบบริเวณที่ริมฝีปากของเขาประทับอยู่ จากนั้นฉันก็เริ่มดิ้นขัดขืนและดันตัวเขาออก “คุณทำอะไร” ฉันพูดพลางยกมือขึ้นมาลูบคลำตรงบริเวณที่เขากดริมฝีปากลง
ฉันนอนซมอยู่บนห้องไม่มีแรงจะลุกขึ้นไปไหนถ้าไม่จำเป็น จริงๆ ขนาดเข้าห้องน้ำฉันยังต้องคลานไป ข้าวก็ไม่ได้กินตั้งแต่เมื่อวานมันหิวจนแสบท้องไปหมด แต่ฉันไม่มีปัญญาหอบสังขารตัวเองตอนนี้ไปที่ครัวได้ พึ่งจะเปิดเทอมมาได้ไม่กี่วัน ฉันขาดเรียนบ่อยมากซะกว่าไปเรียนซะอีก เบอร์ของเอิงเอยฉันก็ไม่ได้ขอเอาไว้ด้วย ส่วนคุณท่านก็คงจะทำงานหนักฉันไม่อยากรบกวน ให้ฉันรับรู้ความเลวของลูกชายคุณท่านแค่คนเดียวก็พอแล้ว ฉันได้แต่ภาวนาขอให้คุณโชนเขาไม่มาที่ห้องของฉัน ขอแค่นั้นถ้าเขามาและกระทำกับฉันอย่างกับสัตว์ ครั้งนี้ฉันคงต้องตายแน่ๆ กริ่ง~ เสียงโทรศัพท์บนหัวนอนของฉันดังขึ้น ฉันคลำมือไปทั่วหัวนอนจนเจอกับโทรศัพท์ของฉันที่ยังคงดังขึ้นมาต่อเนื่อง คนที่โทรศัพท์เขามาคือคุณท่าน ฉันมองเบอร์โทรศัพท์และชั่งใจอยู่นานว่าจะรับสายหรือไม่รับดี อีกอย่างฉันก็รอให้สายมันตัดไปเองด้วย แต่ดูท่าแล้วคุณท่านคงจะไม่เลิกโทรมา ง่ายๆ จนในที่สุดฉันก็ต้องยอมกดรับสาย ( ฮัลโหลค่ะคุณท่าน ) ฉันพยายามพูดในโทนเสียงที่ปกติที่สุดเพื่อกลบเกลื่อนความเจ็บปวดของตัวเองในตอนนี้ ( สายของฉันบอกว่าเห็นตาโชนไปที่คอนโด มันได้ไปก่อกวนอะไรหนูหรือเปล่า )
สายตาคมกริบจ้องมองฉันอยู่อย่างนั้น เขากำลังใช้สายตาข่มขู่ฉันอยู่ “ฉันแค่พับผ้า” ฉันไม่รู้ว่าคำตอบ โง ๆ ของฉันมันจะทำให้คนตรงหน้าเชื่อได้แค่ไหน หรือบางครั้งเขาก็ไม่เชื่อฉัน เพราะที่เห็นอยู่ก็คือหลักฐานมัดตัวว่าฉันคิดจะย้ายออกจากที่คอนโดนี้ จริง ๆ “พับผ้าใส่กระเป๋าจนเกือบจะหมดตู้ หึ!!” มือหนาค่อยปล่อยปลายคางของฉันให้เป็นอิสระ เขายึนขึ้นเต็มตัวและหันหลังให้ฉันเดินตรงไปที่ระเบียงของห้อง สองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง รูปร่างสูงโปร่งที่ดูเป็นสง่าของเขามันทำให้ฉันไม่อาจละสายตามองไปตรงอื่นได้ “จะหนีไปที่ไหน” คุณโชนเขาถามฉันทั้งๆที่เขากำลังยืนหันหลังให้ฉันอยู่ “ฉันไม่ได้จะหนีก็บอกไปแล้วไง” ฉันยังคงยืนยันคำเดิมฉันรู้ว่าเขาไม่เชื่อ และฉันก็จะไม่ยอมรับ ฉันไม่มีทางบอกเขาหรอกว่าฉันจะหนีหรือจะหนีไปที่ไหน “คำโกหกของเธอมันใช้กับฉันไม่ได้ผลหรอกนะแสนดี ฉันไม่ใช่พ่อที่จะเชื่อคำพูดของเธอทุกอย่าง” “ไม่เชื่ิอก็เรื่องของคุณ ไม่เกี่ยวกับฉัน” คนตัวโตเค้นหัวรัวในลำคอออกมา เบา ๆ ก่อนที่จะค่อยๆหมุนตัวหันมามองฉัน “เมื่อกี้เพื่อนของเธอสวยดีนะ ฉันชอบ” “อย่ายุ่งกับเพื่อนฉัน” ทั้งที่หายไปเป็นอาทิตย์แล้ว
หลังจากคำพูดที่คุณโชนทำให้ฉันรู้สึกใจคอไม่ดีคำนั้น เขาก็ลากฉันออกมานอกห้อง ฉันพบกับเพื่อนของเขาที่เขาบอกเอาไว้ว่าจะมีเพื่อนมาที่ห้อง ชายสามคนที่เป็นเพื่อนของคุณโชนหันมามองฉันเป็นตาเดียว เพื่อนของเขานั่งดื่มอยู่ตรงโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง และก็มีผู้หญิงแต่งตัวนุ่งน้อยห่มน้อยนั่งอยู่ข้างกาย บรรยากาศภายในห้องตอนนี้ราวกับว่าเป็นคลับจำลอง กลิ่นบุหรี่คละคลุ้งเต็มห้องไปหมด อีกทั้งยังมีไฟกะพริบเพลงก็เสียงดัง มาก ๆ “คุณทำอะไรของคุณ ทำแบบนี้ห้องที่อยู่ ข้าง ๆ เขาจะไม่ว่ารึไง” ฉันหันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างกาย แต่เขากลับไม่ตอบและไม่สนใจเดินไปนั่งร่วมกับเพื่อนหน้าตาเฉย แถมพอคุณโชนนั่งลงก็มีผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อยลุมล้อมซ้ายขวา นี่เขาจะให้ฉันออกมายืนดูเขากับเพื่อนมั่วซุมกัน แค่นี้นะหรอ “ไอ้โชน นี่หรอวะเมียพ่อมึงที่มึงบอก” เพื่อนของคุณโชนถามขึ้น สายตาจับจ้องมาที่ฉัน พวกเขาทำไมถึงได้น่ากลัวกันจัง “อื้ม” คุณโชนตอบเสียงเรียบ สองมือยกขึ้นไปโอบเอวสาวสวนทั้งสองข้างกายของเขา “ท่าทางก็ไม่ได้ดูเลวร้ายอะไรแบบที่มึงบอกเลย” เพื่อนเขาอีกคนพูดสวน คุณโชนหันมามองฉันที่กำลังยื่นตัวแข็งทื่ออยู่ สายตาที่แสนจะเย็นชาของ
ฉันถูกคนใจร้ายอย่างคุณโชนกระชากขึ้นไปบนเตียง จากนั้นเขาก็เดินออกไปนอกห้อง ฉันไม่กล้าที่จะขยับไปไหนนอนนิ่งตัวสั่นเทาเพราะความกลัว ไม่นานเขาก็เดินกลับมาพร้อมกับกล่องอะไรบางอย่างที่เขาถือติดมาเข้าด้วย “ของเล่นพวกนี้ฉันคิดว่าจะไม่ใช้มันกับเธอ แต่ถ้าเธอร่านขนาดนี้ฉันคงต้องใช้มัน” สายตาของเขาที่มองฉัน มันทำให้ฉันแทบไม่กล้าที่จะสบตาเพราะมันน่ากลัวเกินไปแล้ว เขาน่ากลัวมากกว่าทุกครั้ง คุณโชนขึ้นมาคร่อมบนร่างฉันมือหนาลูบไล้บนตัวฉันไปมาก่อนจะ...แคว่ก!! “อร้ายย คะ คุณ!!” ฉันร้องอุทานออกมาเมื่อ จู่ ๆ คุณโชนก็ฉีกเสื้อของฉันจนขาดก่อนจะโยนมันทิ้งลงไปที่พื้น“ฉันจะไม่ใจดีกับเธออีกแล้วแสนดี” น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยบอกฉัน เขาเคยใจดีกับฉันงั้นหรอ ไม่เลย ไม่เคยเลยสักครั้ง “คุณทำแบบนี้ถ้าพ่อคุณรู้...อะ อื้อออ” ยังพูดไม่ทันจะจบคนใจร้ายอย่างเขาก็บีบปลายคางของฉันเอาไว้ซะก่อน เขาไม่เคยคิดเลยว่าฉันจะเจ็บบ้างรึเปล่า “อย่าเอาพ่อฉันมาขู่ เพราะฉันไม่กลัว” เขาจ้องมองใบหน้าของฉันด้วยความโกรธ ที่โกรธเพราะเห็นเพื่อนของเขาทำแบบนั้นกับฉันนะหรอ เขาดูไม่ออกเลยใช่มั้ยว่าฉันโดนขืนใจ ไม่ใช่ว่าฉันเต็มใจ เขานั่งตรงข้ามกับฉัน
เช้าวันใหม่... วันนี้ฉันมีเรียนเช้าต้องรีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว ตอนอาบน้ำฉันได้แต่กรีดร้องออกมา เบา ๆ ด้วยความเจ็บปวดจากแผลที่อยู่บนแผ่นหลังของฉันจากการกระทำที่ดิบเถื่อนของคุณโชน จะร้องออกมาเสียงดังก็ไม่ได้เพราะคุณโชนนอนอยู่ เดี๋ยวเขาตื่นขึ้นมามันคงไม่ใช่เรื่องดีกับฉัน เมื่ออาบน้ำเสร็จฉันก็ออกมาแต่งตัว ฉันทำทุกอย่างให้เงียบและเบาที่สุด และฉันก็ต้องตกใจเมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเห็นข้อความจากเอิงเอยเธอบอกว่าเธอจะมาหาฉันที่ห้อง แน่นอนว่าเอิงเอยมีคีการ์ดห้องฉัน เพราะเมื่อวานฉันฝากเอาไว้ ฉันรีบตอบเอิงเอยกลับไปว่าไม่ต้องมาที่ห้องฉันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วกำลังจะลงไป แต่เอิงเอยกลับตอบมาว่าเธอได้ยืนอยู่หน้าห้องแล้ว ฉันรีบวิ่งออกจากห้องเพื่อดูว่าเพื่อนของคุณโชนได้กลับไปกันหรือยัง พอเปิดประตูออกมาภาพที่ฉันเห็นคือเพื่อนของคุณโชนนอนอยู่บนโซฟาและก็มีผู้หญิงเมื่อคืนด้วย แค่นั้นไม่พอพวกเขายังนอนเปลือยกายไม่มีใครใส่เสื้อผ้าสักคน แกร่ก!! (เสียงประตูห้องถูกเปิดเข้ามา) ฉันทำใจเอาไว้แล้วแหละว่าเอิงเอยคงต้องเลิกคบฉันเป็นเพื่อน แน่ ๆ เพราะภาพที่เห็นมันทำให้ฉันดูแย่ และฉันก็รู้สึกแย่เอามากๆ คนที่เปิดป
— มหาวิทยาลัยเมื่อมาถึงมหาลัยเอิงเอยก็ถามฉันถึงเรื่องที่เธอสงสัยทั้งหมดทันที และฉันก็เล่าทั้งหมด ฉันไว้ใจที่จะเล่าเรื่องของฉันให้เอิงเอยฟัง เรื่องที่ฉันแต่งงานกับคุณท่าน และเล่าถึงเหตุผล ส่วนลูกชายของคุณท่าน คุณโชน ที่เอิงเอยเจอเมื่อวานฉันไม่ได้เล่าถึงเรื่องที่ฉันกับเขามีอะไรกัน และเรื่องในวันนี้ ฉันก็แค่บอกไปว่าพวกเพื่อนของคุณโชนมายืมสถานที่ดื่มกัน และที่ฉันไม่ได้ย้ายออกไปเมื่อวานเป็นเพราะคุณท่านได้ขอร้องฉันเอาไว้ แน่นอนว่าฉันโกหก ฉันพูดความจริงแต่ไม่หมดทุกอย่าง เรื่องที่จะย้ายออกตอนนี้คงทำไม่ได้เพราะฉันคิดว่าคุณโชนคงไม่ปล่อยฉันคลาดสายตาเขาแน่ “ทำไมแกน่าสงสารแบบนี้นะแสนดี แต่ก็ยังโชคดีที่คุณท่านเอ็นดูแก และลูกของคุณท่านก็เข้าใจทุกอย่าง” “ที่แกเล่ามานะฉันคิดว่าลูกชายของคุณท่านจะเกลียดแกสะอีก” พอได้ยินเอิงเอยพูดแบบนั้นฉันก็ได้แต่ยิ้ม แห้ง ๆ ให้ และก็โชคดีที่ถึงเวลาเข้าเรียนพอดีมันทำให้ฉันโล่งอกที่จะไม่ต้องมานั่งเกร็งอีก เมื่อถึงเวลาเลิกเรียนฉันก็ได้รับสายจากคุณท่านให้ไปพบที่บ้าน คุณท่านกลับมาจากต่างประเทศแล้ว กลับมาก่อนกำหนดที่บอกเอาไว้เอิงเอยขออาสาขึ้นรถประจำทางกลับไปที่หอพัก
ฉันทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องจำใจเดินตามเขาไปตามที่เขาออกคำสั่ง เพราะฉันรู้ว่าเขาทำจริงอย่างที่เขาพูดแน่ คนบ้าอย่างเขากล้าทำทุกอย่างอยู่แล้ว คุณโชนเดินนำฉันไปที่โรงจอดรถ “มีอะไรก็พูดมามันดึกแล้วฉันง่วง” “ง่วง หึ!! ไม่ใช่ว่าจะรีบไปเอากับไอ้ฌอนหรอกหรอ” ผู้ชายคนนี้คิดกับฉันแต่ละอย่าง มีแต่เรื่องต่ำๆทั้งนั้น เขาเอาอะไรมาตัดสินฉันนักหนาฉันถึงได้ดูแย่ในสายตาเขามากขนาดนั้น “เงียบแปลว่าฉันพูดถูกสินะ !!” หมับ!! “คุณโชนอย่าทำแบบนี้คุณไม่เห็นหรือไงว่าลูกน้องพ่อคุณเดินไปมาอยู่” ฉันรีบห้ามคุณโชน เพราะเมื่อกี้เขาคว้าแขนฉันกระชากเข้าหาตัวเอง แถมยังทำท่าเหมือนจะจูบฉัน“ทำไมกลัวไอ้ฌอนมันรู้หรือไง !!” เอากับเขาสิ ยัดเยียดให้ฉันกับคุณฌอนมีอะไรกันจากความคิดต่ำๆของเขา แล้วก็พลานมาอารมณ์เสียใส่ฉัน “คุณเลิกพูดว่าฉันจะไปมีอะไรกับพี่ชายของคุณสักที ฉันไม่เคยคิดอะไรแบบนั้น !!” “มันไม่ใช่พี่ฉัน อย่าพูดให้ฉันได้ยินอีก” คุณโชนบีบต้นแขนของฉันเต็มแรงจนฉันต้องรั้งมือเขาออก จะร้องดังก็ไม่ได้เดี๋ยวมีคนมาได้ยิน ตอนนี้ฉันกับคุณโชนที่ในที่ลับตาคนเป็นทางด้านหลังของโรงจอดรถ แสงมันไม่สวางมากนักคงไม่มีใครทันสังเกตว่ามีค
@โรงพยาบาลฉันปวดท้องตั้งแต่เช้า จนตอนนี้ปาเข้าไปหกโมงเย็นแล้วยังไม่คลอดเลย อาการปวดท้องมันเริ่มปวดหนักขึ้น เรื่อยๆ มันแน่นไปหมดเลยตอนนี้ “ปวดมากท้องมากเลยใช่มั้ย” คุณโชนจับมือฉันเอาไว้ตลอด เขาไม่ปล่อยมือฉันเลยถ้าไม่จำเป็น “ปะ ปวดค่ะ ปะ ปวดมาก” เขาเฝ้าถามฉันตลอดว่าเจ็บท้องมากมั้ย หมอก็มาเช็คปากมดลูกเป็นระยะๆแต่ก็ยังไม่ถึงเวลาคลอด คุณพ่อกับคุณณอณจะที่โรงพยาบาลช่วงบ่าย แต่ฉันยังไม่คลอดทั้งสองคนเลยกลับไปก่อน เอิงเอยก็มาด้วยนะ เธอตัดใจจากคุณโชนได้แล้ว และบอกว่าจะมาใหม่ตอนฉันคลอดแล้ว “อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็คลอด” คุณโชนบีบมือของฉันแน่น แววตาของเขามันเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “ขอบคุณนะคะ ที่ลางานมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน” “เมียกำลังจะคลอดเธอจะให้ฉันมีกะจิตกะใจไปทำงานได้ลงคอรึไง” คุณโชนพูดค้อนฉัน ตอนนี้รู้สึกว่าลูกเริ่มถีบแรงขึ้น เรื่อยๆ และมันทำให้ฉันเจ็บจนตัวเกร็ง มันใกล้แล้วใล่มั้ย อีกนิดเดียวเท่านั้น ฉันก็จะได้เจอหน้าลูกชายของฉันแล้ว... @ห้องคลอด “เบ่งค่ะคุณแม่ อื๊ดดดดดด ~” “อื๊ดดดดดดด ~” “หายใจเข้าออก ลึกๆ แล้วเบ่งอีกนะคะคุณแม่” “คุณพ่อช่วยคุณแม่เบ่งด้วยนะคะ” “หนึ่ง สอง อื๊ดดดดดดด
-ณ ดาดฟ้าของโรงแรมหรูใจกลางเมือง ฉันกำลังนั่งกินมื้อค่ำที่สุดแสนจะโรแมนติกกับคุณโชนสามีของฉัน “อาหารไม่อร่อยหรอคะ ?” ฉันเห็นคุณโชนเอาช้อน เขี่ยๆ จานข้าวสักพักแล้วแหละแต่ก็ไม่ยอมกินสักที “ไม่หรอก ฉันแค่รู้สึกอยากจะอ้วก” “ฉันอุตส่าห์เป็นคนท้อง แท้ๆ ทำไมคุณถึงมาแพ้ท้องแทนฉันได้นะ” “เธอไม่แพ้ก็ดีแล้ว ถ้าท้องอยู่แล้วต้อบมาแพ้ท้องหนักอีกฉันจะได้ไปทำงานรึไง” “ทำไมละคะ ?”“เมียทั้งคนฉันจะไม่ห่วงได้ไง” ดินเนอร์ครั้งนี้มันเป็นอะไรที่เรียบง่าย เราคุยกันปกติเหมือนที่คุยกันทุกวัน ฉันไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้หรอก เพราะยังไงเราก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว ไม่จำเป็นหวานใส่กันตลอดเวลา อีกอย่างเขาก็ไม่ค่อยจะหวานกับฉันเท่าไหร่หรอกนะคุณโชนน่ะ เพราะเขาเขินจนทำตัวไม่ถูก“อย่าลืมนะคะว่าพรุ่งนี้ต้องซักผ้าล้างจานที่ตัวเองกินเอาไว้เมื่อวานด้วย” ฉันบอกคุณโชนในขณะที่เรากำลังนั่งรถกลับบ้านกัน “รู้แล้วครับคุณเมีย พูดกรอกหูตั้งแต่ขาไปยันขากลับ กลัวได้ทำเองรึไง” ฉันฝึกเขาเอาไว้น่ะ ให้หัดทำอะไรด้วยตัวเองเพราะเวลาฉันคลอดลูกคุณโชนจะได้ทำเป็น อีกอย่างพวกเสื้อผ้าลูกฉันไม่อยากให้คนอื่นซักเพราะเป็นเสื้อผ้าเด็กยิ่งต้อ
เช้า...วันนี้ฉันกับคุณโชนตื่นกันตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมของรอใส่บาตรเพื่อเป็นสิริมงคลต่อการเริ่มใช้ชีวิตคู่ในฐานะสามีภรรยาของเรา หลังจากใส่บาตรเสร็จคุณโชนก็เตรียมตัวออกไปบริษัท แต่เขานะสิจะเอาฉันไปด้วยให้ได้เลย งอแงเหมือนเด็กนั่งหน้าบึ้งไม่พูดไม่จาเพราะฉันไม่ยอมไปบริษัทกับเขาด้วย “คุณโชน คุณจะมางอนเหมือนเด็กแบบนี้ไม่ได้นะคะ” “ก็ไปด้วยกันสิ แค่นั้นก็จบ” เขาพูดทั้งที่ยังนั่งหันหลังให้ฉันอยู่ “ฉันอยากอยู่บ้านมากกว่านี่คะ ไปที่บริษัทมันน่าเบื่อ...” “ฉันน่าเบื่อใช่มั้ย” ฉันถึงกับถอนหายใจออกมา ยาวๆ ดูเขาสิ ฉันยังไม่ทันจะพูดอะไรเลยนะ คิดเองเออเองเป็นตุเป็นตะเชียว “เราพึ่งแต่งงานกันเมื่อวานเองนะ คุณอยากจะเซ็นใบหย่าแล้วหรอคะ” ฉันยืนกอดอกมองแผ่นหลังผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของตัวเอง พอคุณโชนได้ยืนคำพูดของฉันเมื่อกี้เขาก็หันควับมามองหน้าฉันตาเขียวปั๊ดทันที “แค่นี้ถึงกับขู่จะหย่าเลยหรอวะแสนดี !!” “ก็คุณพูดไม่รู้เรื่อง” “คิดว่าฉันจะเซ็นใบหย่าให้เธอหรือไง ไม่มีทาง” “ไปทำงานได้แล้วค่ะ” ฉันขี้เกียจจะทะเลาะแล้ว อยากจะพักผ่อนช่วงนี้เหนื่อยง่ายอยากจะนอนตลอดเวลาเลย “
— งานมงคลสมรส “พอใส่ชุดเจ้าสาวแล้วสวยมากเลยนะคะ ^_^” ช่างแต่งหน้าเอ่ยชมฉันเมื่อเห็นฉันเดินออกมาจากห้องแต่งตัว ฉันยิ้มตอบกลับไปด้วยความเขินอาย ฉันมองภาพตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกบานใหญ่ น้ำตามันก็พลอยจะไหลออกมาให้ได้ ฉันไม่เคยวาดฝันว่าตัวเองจะได้ใส่ชุดเจ้าสาวราคา แพงๆ ไม่เคยวาดฝันว่าจะมีงานแต่งที่ใหญ่โตอลังการ ค่าสินสอดหลายสิบล้าน ฉันอยากให้แม่อยู่กับฉันในตอนนี้ด้วยจัง อยากให้แม่ได้มาเห็นลูกสาวคนนี้ในวันที่สำคัญที่สุดในชีวิต ตอนนี้แม่คงจะกำลังมองฉันจากบนสวรรค์ หลังจากที่คุณโชนขอฉันแต่งงาน เราก็ไปบอกคุณท่าน คุณท่านเป็นคนจัดการหาฤกษ์แต่งให้และก็ได้ฤกษ์อีกสองอาทิตย์ ทำเอาพวกเราหัวหมุนกันทุกคนแทบไม่ได้พักผ่อนฉันแอบหวั่นใจอยู่นะว่าคนที่มาในงานเขาจะไม่แปลกใจหรอที่ก่อนหน้านี้ฉันแต่งงานกับคุณท่าน พอมาวันนี้ฉันกลับแต่งงานกับลูกของคุณท่านซะงั้น แต่คุณท่านก็บอกฉันว่าไม่ต้องคิดมากเพราะว่าคุณท่านแก้ข่าวให้แล้ว พิธีกรแต่งงานเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกคนในงานต่างพากันยิ้มมีความสุข พิธีจัดขึ้นแค่ช่วงเช้า หลังจากเสร็จพิธีแต่งงานแล้วฉันกับคุณโชนก็ถูกส่งตัวเข้าหอ — ภายในห้อง “เธอไม่รู้สึกตื่นเต้นบ้าง
ร่างของฉันถูกคุณโชนอุ้มเข้าไปในห้องนอน เขาวางฉันลงบนเตียงอย่างเบามือจากนั้นก็ก้มลงมาประกบริมฝีปากจูบฉัน “อื้ม...” เสียงทุ้มนุ่มของคุณโชนครางออกมาในลำคออย่างพึงพอใจ ฉันไม่กล้าแม้แต่จะลืมตาขึ้นเอาแต่หลับตารับรสจูบสัมผัสที่หอมหวานนั้นของคุณโชน ไม่บ่อยหนักที่เขาจะนุ่มนวลแบบครั้งนี้ เหมือนเขากำลังเอาใจฉันอยู่ เราทั้งคู่ดูดดื่มกับรสจูบได้สักพัก เป็นคุณโชนที่ถอนจูบออกแล้วก็จ้องมองลึกเข้ามาในดวงตาของฉัน “เธอกำลังทำให้ฉันหลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้นนะแสนดีรู้ตัวมั้ย หื้ม...” คุณโชนพูดพรางเอานิ้วเกลี่ยไปมาบนริมฝีปากของฉัน เบาๆ “แต่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” “นั่นสิ ทำไมฉันถึงหลงเธอขนาดนี้กัน” พูดจบเขาก็ก้มหน้าลงมาซุกซอกคอของฉัน ตึกตัก ตึกตัก! เสียงหัวใจของฉันมันเต้นรัวกับคำหวานที่คุณโชนพูดออกมาบอกฉัน มันไม่เคยจะชินเลยสักครั้ง คงจะเป็นเพราะฉันชินกับคุณโชนคนที่ ดิบ เถื่อน ชอบทำร้ายจิตใจฉัน พอเขาเปลี่ยนไปฉันถึงกับใจเต้นรัวทุกครั้งที่เขาพูดคำหวานแบบนี้ “อื้อ อย่าทำให้มันเป็นรอยสิ” ฉันท้วงคนที่กำลังซุกไซร้ซอกคอของฉันอยู่ตอนนี้ เพราะเขากำลังดูดเม้มทำรอยไว้หลายจุดเลย “อยากแสดงความเป็นเจ้าของ ฉันผิด
“ถ้าฉันเป็นโรคอะไรร้ายแรง จริงๆ เธอให้อภัยฉันได้มั้ย ?” เขามองหน้าฉันแววตามีความหวัง เอายังไงดีล่ะฉันจะตอบไปว่ายังไงดี “เกลียดฉันมากขนาดนั้นเลยรึไงถึงเอาแต่เงียบ” “แล้วฉันสมควรที่จะเกลียดคุณมั้ยละคะ” ฉันย้อนถามเขา และครั้งนี้เป็นคุณโชนที่เป็นฝ่ายเงียบซะเอง “ขอโทษ....” “....” “ฉันรู้ว่าคำว่าขอโทษพูดไปมันก็เป็นแค่เพียงลมปาก มันลบสิ่งที่ฉันเคยทำไว้กับเธอไม่ได้” “....” “แต่ฉันพร้อมที่จะดูแลเธอ ชดใช้ในสิ่งที่ฉันเคยทำพลาดไป มันไม่น่าให้อภัยฉันรู้ ฉันก็แค่อยากให้เธอเปิดใจ อึก อึก....” “คะ คุณโชน...!!” ฉันรีบประคองตัวเขาเอาไว้ เขาจะอ้วกอีกแล้ว นี่มันอะไรกันฉันจะร้องไห้แล้วนะ “แสนดี...” “พอแล้วค่ะ ไม่ต้องพูดแล้วไปหาหมอก่อน” “ให้อภัยฉันได้มั้ย....” “....” ฉันเม้มปากแน่น ฉันไม่เคยใจแข็งกับเขาได้เลย จริงๆ “อึก ตะ ตอบหน่อย อึก อ้วก...” “คะ คุณโชน ค่ะโอเคฉันให้อภัยคุณแล้วไปโรงพยาบาลกันนะ” สุดท้ายฉันก็ใจอ่อนให้เขา ฉันคิดดูแล้ว ถ้าครั้งนี้ฉันตัดสินใจพลาด มันจะไม่มีครั้งต่อไปอีก “พูดจริงๆนะ เธอให้อภัยฉันแล้ว” คุณโชนยิ้มให้ฉัน ใบหน้าของเขาซีดเผือดเหมือนคนไม่มีเลือดฝาดบนใบหน้าเลย “ค่ะ
— Talk Sanbee ช่วงเย็น... คุณโชนกลับมาจากบริษัท วันนี้เขาโทรมาหาฉันแล้วพูดจา แปลกๆ แต่พอคุณโชนเดินเข้ามามนห้องฉันก็ต้องตกใจกับสีหย้าที่ซีดเผือดของเขา นี่เขาไม่ได้แกล้งอำฉันเล่นใช่มั้ย “ทะ ทำไมหน้าคุณถึงได้ซีดขนาดนั้นละคะ...” คุณโชนไม่ตอบอะไร เขาเดินมานั่งลง ข้างๆ กับฉันท่าทางเหมือนคนหมดเรี่ยวหมดแรงอย่างไงอย่างงั้น “เหนื่อย...” เขาเอนศีรษะลงมาเกยไว้กับไหล่ของฉันก่อนจะพูดออกมาเสียงแหบพร่า อะไรกัน ทำไมสภาพถึงดูไม่ได้ขนาดนี้เนี่ย !! “ไปหาหมอมั้ยคะ ?” ฉันเป็นห่วงเขาซะจนลืมไปเลยว่าตัวเองโกรธเขาอยู่ “หมอก็ช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอก” คุณโชนตอบเสียงเศร้า อะไรกัน! เขาเป็นอะไรกันแน่ทำไมถึงพูดแบบนี้ “คุณเป็นอะไรคุณโชน” ฉันขมวดคิวเข้าหากันเป็นปมแล้วหันมองคุณโชนอย่างไม่เข้าใจ เขาเป็นจริงๆหรือหลอกฉันอยู่ “ฉัน อึก อึก อ้วก...” ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรคุณโชนก็รีบยกมือขึ้นมาปิดปาก ท่าทางเหมือนจะอ้วกออกมาจากนั้นเขาก็รีบลุกขึ้นวิ่งหน้าตั้งไปเข้าห้องน้ำ ฉันรีบลุกขึ้นเดินตามคุณโชนไป ติดๆ ด้วยความเป็นห่วง ภาพที่ฉันเห็นคือคุณโชนกำลังนั่งสองมือกอดโถส้วมแล้วเอาหน้าซุกโถพร้อมกับโก่งคออ้วกออกมาเสียงดัง “ฉันว
เช้า... เมื่อคืนคุณโชนไม่ได้นอนกับฉันในห้องนะ เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ต้องยอมออกไปนอนข้างนอกอยู่ดี จะมาใช้เหล่เหลี่ยมกับฉัน คิดว่าฉันไม่รู้ทันรึไงกัน “อึก! แสนดีเธอทำอะไรทำไมถึงเหม็นขนาดนี้” คุณโชนเดินเอามือปิดจมูกเข้ามาถามฉันในห้องครัว “ก็ทำอาหารไงคะ ไม่มีตาหรือไง !!” “พอๆ ไม่ต้องทำเหม็นชะมัด !!” “ฉันหิว คุณเหม็นก็ออกไปสิจะมายืนบ่นอยู่ทำไม” “ก็มันเหม็นไปทั่วห้องจะให้ฉันอยู่ยังไง” ฉันกับคุณโชนยืนเถียงกันนานพอสมควร มันเหม็นตรงไหนกัน หาเรื่องฉันอยู่ก็บอกเถอะ !! “อึก อ้วกกก...” จู่ๆ คุณโชนก็ทำท่าเหมือนจะอ้วก เขารีบปิดปากตัวเองแล้ววิ่งออกไปจากห้องครัวทันทีฉันมองตามแผ่นหลับของคุณโชนไปไม่รู้ว่าเขาเป็น จริงๆ หรือแกล้งเรียกร้องความสนใจจากฉันกันแน่ ฉันทำอาหารต่อโดยไม่ได้สนใจคุณโชน ถึงแม้ว่าเสียงอ้วกของเขาจะดังออกมาจากห้องน้ำสักแค่ไหนก็ตาม หลังจากทำอาหารเสร็จฉันก็จัดโต๊ะเตรียมทานข้าว โดยไม่ลืมที่จะเรียกคุณโชนมาทานด้วย ฉันก็ไม่ได้ใจดำถึงขนาดจะให้เขาอดข้างอดน้ำขนาดนั้นหรอก ตอนนี้ฉันกับคุณโชนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน โดยที่คุณโชนกำลังนั่งเอามือปิดจมูกแล้วก็มองอาหารที่ฉันทำอยู่ “ไม่กินก็ไ
ตกดึก... ฉันสั่งให้คุณโชนอาบน้ำตั้งแต่ 5 โมงเย็น เพราะเดี๋ยวเขาจะใช้เป็นข้ออ้างในการมาอยู่ในห้องกับฉัน นานๆ ฉันรู้ทันแผนเขาหรอก ก๊อกๆ ก๊อกๆ (เสียงเคาะห้อง) ฉันทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินเสียงเคาะ มันน่ารำคาญมากขนาดไหนเขาคงไม่รู้ เล่นเคาะห้องติดกันนานหลายนาทีแล้วนะ ตอนแรกฉันเปิดประตูออกไปเขาบอกว่าหิวข้าวฉันเลยปิดประตูใส่หน้าซะเลย หิวข้าวก็ไม่รู้จะมาบอกทำไม ห้องครัวไม่ได้อยู่ในห้องนอนสักหน่อย “แสนดี เปิดประตูหน่อย !!”ก๊อกๆ ก๊อกๆ “แสนดีเปิดแป๊บเดียว !!”“แสนดี....”แกร่ก!! (เสียงเปิดประตูห้อง) ฉันทนไม่ไหวเลยเปิดประตูห้องออกไปเพื่อที่จะถามว่าเขามีอะไรนักหนาถึงได้เอาแต่เคาะห้อง ไม่คิดว่าคนอื่นเขาจะรำคาญบ้างหรือไงกัน “มีอะไรคะ !!” ฉันถามคนตรงหน้าอย่างใส่อารมณ์ “ฉันหิวน้ำ” คุณโชนมองฉันตาเป็นประกาย “หิวน้ำก็ไปกินน้ำสิจะมาบอกฉันทำไม ตู้เย็นอยู่ข้างนอก !!” ฉันพ่นลมหายใจออกมา แรงๆ เคาะห้องตั้งนานเพื่อที่จะมาบอกฉันว่าตัวเองหิวน้ำเนี่ยนะ “...ฉันหิวน้ำเธอ ในตู้เย็นมันมีหรือไง” “นะ นี่อย่ามาพูดอะไรแบบนี้นะ !!” ฉันพูดเสียงดังกลบเกลื่อนความเขินอายของตัวเอง ตอนนี้ใบหน้ามันเห่อร้อนขึ้นมาจนรามไป