เช้าวันใหม่... วันนี้ฉันมีเรียนเช้าต้องรีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว ตอนอาบน้ำฉันได้แต่กรีดร้องออกมา เบา ๆ ด้วยความเจ็บปวดจากแผลที่อยู่บนแผ่นหลังของฉันจากการกระทำที่ดิบเถื่อนของคุณโชน จะร้องออกมาเสียงดังก็ไม่ได้เพราะคุณโชนนอนอยู่ เดี๋ยวเขาตื่นขึ้นมามันคงไม่ใช่เรื่องดีกับฉัน เมื่ออาบน้ำเสร็จฉันก็ออกมาแต่งตัว ฉันทำทุกอย่างให้เงียบและเบาที่สุด และฉันก็ต้องตกใจเมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเห็นข้อความจากเอิงเอยเธอบอกว่าเธอจะมาหาฉันที่ห้อง แน่นอนว่าเอิงเอยมีคีการ์ดห้องฉัน เพราะเมื่อวานฉันฝากเอาไว้ ฉันรีบตอบเอิงเอยกลับไปว่าไม่ต้องมาที่ห้องฉันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วกำลังจะลงไป แต่เอิงเอยกลับตอบมาว่าเธอได้ยืนอยู่หน้าห้องแล้ว ฉันรีบวิ่งออกจากห้องเพื่อดูว่าเพื่อนของคุณโชนได้กลับไปกันหรือยัง พอเปิดประตูออกมาภาพที่ฉันเห็นคือเพื่อนของคุณโชนนอนอยู่บนโซฟาและก็มีผู้หญิงเมื่อคืนด้วย แค่นั้นไม่พอพวกเขายังนอนเปลือยกายไม่มีใครใส่เสื้อผ้าสักคน แกร่ก!! (เสียงประตูห้องถูกเปิดเข้ามา) ฉันทำใจเอาไว้แล้วแหละว่าเอิงเอยคงต้องเลิกคบฉันเป็นเพื่อน แน่ ๆ เพราะภาพที่เห็นมันทำให้ฉันดูแย่ และฉันก็รู้สึกแย่เอามากๆ คนที่เปิดป
— มหาวิทยาลัยเมื่อมาถึงมหาลัยเอิงเอยก็ถามฉันถึงเรื่องที่เธอสงสัยทั้งหมดทันที และฉันก็เล่าทั้งหมด ฉันไว้ใจที่จะเล่าเรื่องของฉันให้เอิงเอยฟัง เรื่องที่ฉันแต่งงานกับคุณท่าน และเล่าถึงเหตุผล ส่วนลูกชายของคุณท่าน คุณโชน ที่เอิงเอยเจอเมื่อวานฉันไม่ได้เล่าถึงเรื่องที่ฉันกับเขามีอะไรกัน และเรื่องในวันนี้ ฉันก็แค่บอกไปว่าพวกเพื่อนของคุณโชนมายืมสถานที่ดื่มกัน และที่ฉันไม่ได้ย้ายออกไปเมื่อวานเป็นเพราะคุณท่านได้ขอร้องฉันเอาไว้ แน่นอนว่าฉันโกหก ฉันพูดความจริงแต่ไม่หมดทุกอย่าง เรื่องที่จะย้ายออกตอนนี้คงทำไม่ได้เพราะฉันคิดว่าคุณโชนคงไม่ปล่อยฉันคลาดสายตาเขาแน่ “ทำไมแกน่าสงสารแบบนี้นะแสนดี แต่ก็ยังโชคดีที่คุณท่านเอ็นดูแก และลูกของคุณท่านก็เข้าใจทุกอย่าง” “ที่แกเล่ามานะฉันคิดว่าลูกชายของคุณท่านจะเกลียดแกสะอีก” พอได้ยินเอิงเอยพูดแบบนั้นฉันก็ได้แต่ยิ้ม แห้ง ๆ ให้ และก็โชคดีที่ถึงเวลาเข้าเรียนพอดีมันทำให้ฉันโล่งอกที่จะไม่ต้องมานั่งเกร็งอีก เมื่อถึงเวลาเลิกเรียนฉันก็ได้รับสายจากคุณท่านให้ไปพบที่บ้าน คุณท่านกลับมาจากต่างประเทศแล้ว กลับมาก่อนกำหนดที่บอกเอาไว้เอิงเอยขออาสาขึ้นรถประจำทางกลับไปที่หอพัก
ฉันทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องจำใจเดินตามเขาไปตามที่เขาออกคำสั่ง เพราะฉันรู้ว่าเขาทำจริงอย่างที่เขาพูดแน่ คนบ้าอย่างเขากล้าทำทุกอย่างอยู่แล้ว คุณโชนเดินนำฉันไปที่โรงจอดรถ “มีอะไรก็พูดมามันดึกแล้วฉันง่วง” “ง่วง หึ!! ไม่ใช่ว่าจะรีบไปเอากับไอ้ฌอนหรอกหรอ” ผู้ชายคนนี้คิดกับฉันแต่ละอย่าง มีแต่เรื่องต่ำๆทั้งนั้น เขาเอาอะไรมาตัดสินฉันนักหนาฉันถึงได้ดูแย่ในสายตาเขามากขนาดนั้น “เงียบแปลว่าฉันพูดถูกสินะ !!” หมับ!! “คุณโชนอย่าทำแบบนี้คุณไม่เห็นหรือไงว่าลูกน้องพ่อคุณเดินไปมาอยู่” ฉันรีบห้ามคุณโชน เพราะเมื่อกี้เขาคว้าแขนฉันกระชากเข้าหาตัวเอง แถมยังทำท่าเหมือนจะจูบฉัน“ทำไมกลัวไอ้ฌอนมันรู้หรือไง !!” เอากับเขาสิ ยัดเยียดให้ฉันกับคุณฌอนมีอะไรกันจากความคิดต่ำๆของเขา แล้วก็พลานมาอารมณ์เสียใส่ฉัน “คุณเลิกพูดว่าฉันจะไปมีอะไรกับพี่ชายของคุณสักที ฉันไม่เคยคิดอะไรแบบนั้น !!” “มันไม่ใช่พี่ฉัน อย่าพูดให้ฉันได้ยินอีก” คุณโชนบีบต้นแขนของฉันเต็มแรงจนฉันต้องรั้งมือเขาออก จะร้องดังก็ไม่ได้เดี๋ยวมีคนมาได้ยิน ตอนนี้ฉันกับคุณโชนที่ในที่ลับตาคนเป็นทางด้านหลังของโรงจอดรถ แสงมันไม่สวางมากนักคงไม่มีใครทันสังเกตว่ามีค
“เคยพาผู้หญิงมามีอะไรกันตรงนี้ด้วยงั้นหรอคะ” ฉันไม่รู้ว่าตัวเองคิดบ้าอะไรอยู่ จู่ๆ ถึงได้ถามคำถามโง่ๆแบบนั้นออกไป แต่สุดท้ายฉันก็ไม่ได้คำตอบอะไรกลับมาจนกระทั่งเขาทำเรื่องอย่างว่ากับฉันเสร็จ เราต่างจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าทีีเข้าทาง “คุณเอาคืนมานะ !!” ฉันตวาดใส่คุณโชน เบาๆ สาเหตุเพราะเขาดึงกางเกงชั้นในตัวจิ๋วของฉันไปหน้าตาเฉยเลย “ขึ้นรถ !!” ฉันไม่ได้กางเกงในคืน แต่กลับโดนสั่งให้ขึ้นรถ พอสั่งฉันเสร็จคุณโชนก็เดินไปที่รถพร้อมกับถือเจ้ากางเกงในของฉันติดมือไปด้วย แบบนี้มันดูเป็นโรคจิตชัดๆ ไม่สิเขามันเป็นโรคจิตอยู่แล้ว “จะพาฉันไปไหน” ฉันถามเขาแต่กลับไม่ได้คำตอบใดๆแถมยังโดนเขาจับจัดเข้าไปในรถอีก ฉันทำตัวแข็งทื่อไม่ยอมเข้าไปในรถ แค่ฉันมันก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆจะไปสู้ผู้ชายโตเท่าควายอย่างเขาได้ยังไง เขาเดินอ้อมมาทางคนขับจากนั้นก็ขับรถออกไปจากบ้านเลย และก็ยังไม่คืนกางเกงในของฉัน “คุณโชน !!” ฉันรีบปัดมือเขาออกเพราะเขาล้วงมือมาขาอ่อนของฉันและพยายามจะล้วงเข้ามาในกระโปรงของฉัน “เมื่อกี้ยังครางอยู่เลย ทำเป็นเล่นตัวไปได้” “เอาของฉันคืนมา” “ของอะไร ?” เขาทำหน้าไม่รู้เรื่องทั้งที่เอา กกน ของฉันไปแท
คุณโชนตีไฟเลี้ยวไปจอดรถตรงข้างทาง จากนั้นเขาก็ไม่รอช้าคว้าฉันไปจูบ จูบของเขาคล้ายกับกำลังลงโทษฉันอยู่ เขาบดขยี้จูบลงมาบนริมฝีปากของฉันอย่างรุ่นแรง ฉันรวบรวมแรงทั้งหมดผลักเขาออก ก่อนจะฟาดมือลงบนใบหน้าของเขา แรงๆ เพี๊ยะ !! ใบหน้าหล่อเหลาได้รูปหันไปตามแรงตบของฉัน แต่นั่นมันคงไม่ทำให้เขารู้สึกเจ็บอะไร เพราะเขาหันกลับมาจ้องฉันด้วยใบหน้าที่แทบจะฆ่าฉันตอนนี้เลยก็ว่าได้ “เธอกล้าตบฉัน หึ!!” “ใช่!! ฉันกล้าตบคุณ” “ลงไป หาทางกลับห้องเองก็แล้วกัน”ทั้งฉันและคุณโชนจ้องหน้ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย หึ!! เขาดูเป็นสุภาพบุรุษมากเลยใช่มั้ยละที่ไล่ผู้หญิงชงจากรถทั้งที่ตอนนี้ฝนกำลังตกหนัก“ได้ ฉันก็ไม่ได้อยากมานั่งอยู่ในรถกับคุณหรอก”จากนั้นฉันก็เปิดประตูลงจากรถ ให้ตายเถอะรถฉันก็อยู่ที่บ้านของคุณท่าน กระเป๋าเงินอะไรต่างๆที่มันจำเป็นรวมทั้งโทรศัพท์ก็อยู่ที่นั่นด้วย ฉันเดินลงมาจากรถโดยที่ไม่กลัวเลยว่าจัวเองจะเปียก ถ้ากลัวฉันคงไม่กล้าลงมาแบบนี้หรอก พอฉันลงมาจากรถ รถของคุณโชนก็ยังไม่ขับออกไป แต่ฉันก็ไม่สนใจอะไร พยายามมองหาป้ายรถเพื่อที่จะไปหลบฝน แต่ตรงนี้มันค่อนข้างเปลี่ยวไม่มีป้ายรถ มีแต่รถที่ขับสวนไปมา
— คอนโด คุณโชนเขาไม่ได้พาฉันมาที่คอนโดของฉัน แต่เขาพาฉันมาที่คอนโดของเขา ที่ฉันรู้ก็เพราะว่าเขามีคีการ์ดของ ก็คงจะเป็นของเขานั่นแหละ “ทำไมไม่พาฉันกลับห้องฉัน” “ห้องเธอมันไกล” เขาตอบ สั้นๆ จากนั้นก็คว้าผ้าขนหนูเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ส่วนฉันห็นั่งรออยู่บนโซฟา ตัวเปียกหมดทั้งตัว พาฉันมาที่ห้องตัวเองแล้วฉันจะมีเสื้อผ้าที่ไหนเปลี่ยนกัน ฉันนั่งรอคุณโชนประมาณครึ่งชั่วโมงได้ เขาเดินออกมาจากห้องน้ำ แถมยังใส่แค่บล็อกเซอร์ตัวเดียวออกมา ฉันก็ไม่ได้อยากจะสังเกตหรอก แต่ไอ้ตรงนั้นของเขานะสิมันดันบล็อกเซอร์จนฉันเผลอหันมองตั้งหลายครั้ง นี่ฉันเป็นโรคจิตหรอเนี่ย “ไปอาบน้ำสิ เธอจะมานั่งมอง...ฉันอยู่ทำไม” เขาพูดถึงเจ้าแก่นกายของตัวเองด้วยคำที่มันไม่น่าฟังออกมา ทำเอาฉันรีบดึงผ้าขนหนูออกจากมือเขาแล้วก็วิ่งเข้ามาในห้องน้ำทันที —ห้องน้ำ “คะ คุณ ออกไปนะ” ฉันดันตัวคุณโชนออกเพราะเขาเดินตามฉันเข้ามาในห้องน้ำด้วย แถมสายตาเขามันหื่นกามจนฉันต้องรีบถอยหนี ตอนนี้ร่างกายของฉันมันเปลือยเปล่าอยู่ด้วย “ไม่อยากให้ฉันอาบน้ำให้เธอหรอ หื้ม” “ฉันอาบเองได้” ฉันพูดพลางถอยหนีจนติดผนังห้องน้ำ “หึ!!...” เขาหัวเราะ หึๆ ใ
ฉันนอนบนเตียงปล่อยให้คุณโชนกอดจนเขาหลับไป เขาดูแปลกไป จริงๆ เพราะเขานอนกอดฉันจนหลับไปเลยจริงๆ ฉันก็ได้แต่นอนตัวแข็งทื่อให้เขากอดอยู่อย่างนั้นไม่กล้าขยับเพราะเขาขู่ฉันเอาไว้ก่อนหน้านั้น นี่มันคงจะเป็นเพราะพิษไข้ละมั้ง เขาถึงเป็นแบบนี้ ปกติคนเย็นชาแบบเขาไม่มาทำอะไรแบบนี้หรอก. แต่ยิ่งเวลาผ่านไปตัวของคุณโชนก็ร้อนขึ้น เรื่อยๆ จนตัวฉันมันเห่อร้อนตามอุณหภูมิจากร่างกายของเขา “คุณ คุณโชน” ฉันลุกขึ้นพลางเขย่าตัวของเขา เบาๆเพื่อให้เขาตื่น ตัวร้อนขนาดนี้ต้องไปหาหมอแล้วขืนมานอนอยู่แบบนี้ได้ช็อคตายกันพอดี “คุณ ฉันจะพาไปหาหมอนะตัวคุณร้อนมากเลย” “ไม่...” เสียงที่ตอบฉันมันเบามากจนฉันแทบจะไม่ได้ยิน แต่ด้วยความที่ห้องมันเงียบฉันเลยพอได้ยินเสียงของเขา คนอะไรก็ไม่รู้โตขนาดนี้แล้วยังไม่ชอบไปหาหมอ แบบนี้จะหายป่วยหรือไง “ตัวคุณร้อนขนาดนี้ ไม่รู้แหละฉันจะพาคุณไปโรงพยาบาล” ฉันจะพยุงตัวเขาขึ้น แต่เขาก็ไม่ยอมนี่ขนาดป่วยอยู่นะแรงเยอะชะมัด“จุ้นจ้านชิบ!! เช็ดตัวให้ฉันก็พอ” เขาบอกฉันอย่างหงุดหงิด ทั้งที่ตัวเขายังนอนหลับตาอยู่ มันก็ไม่ใช่หน้าที่ของฉันที่จะต้องมาทำอะไรแบบนี้ให้เขา แต่ฉันก็ทำ ฉันลุกขึ้นจากเตียงห
ฉันพยายามแกะมือหนาของคุณออกจากแก้มของตัวเองจนสำเร็จ แล้วรู้มั้ยว่าเขาทำยังไงกับฉันต่อ เขาปัดชามข้าวในมือของฉันทำให้ขามมันตกแตกกระจายเต็มพื้น วันนี้เขาทำแบบนี้แล้วสองครั้ง ซึ่งฉันไม่ใช่แม่พระเพราะฉะนั้นฉันจะไม่ทน ไม่ทนให้เขามาทำแบบนี้ “ถ้าคุณจะเป็นคนอารมณ์ร้ายแบบนี้งั้นก็ดูแลตัวเองไปก็แล้วกันนะคะ” “แสนดี ใครสั่งให้เธอออกไป !!” เมื่อฉันพูดจบคุณโชนก็คว้ามาจับมือฉันจากนั้นก็กระชากแรงๆพร้อมกับถามฉันเสียงแข็ง “ไม่จำเป็นต้องมีใครสั่งค่ะ อ้อ!! แล้วคุณก็เก็บซากพวกนี้ที่คุณทำแตกเองด้วยนะคะ” “แสนดี แสนดี !!” “ฉันหายดีเมื่อไหร่ ฉันจะจัดการเธอ !!” เสียงของคุณโชนตะโกนตามหลังฉัน แต่ฉันก็ไม่ใส่ใจอะไรต่อให้เขาจะพูดข่มขู่ฉัน คนเอาแต่ใจตัวเองอย่างเขาให้อยู่คนเดียวแบบนี้แหละดีกว่า อีกอย่างมันไม่ใช่หน้าที่ที่ฉันต้องมาดูเขาสักหน่อย ทำไมฉันถึงพึ่งจะมาคิดได้กัน ฉันลงมาด้านล่างของคอนโด เรียกแท็กซี่กลับไปที่บ้านของคุณท่าน ฉันแอบติกเงินของคุณโชนมาเพื่อเป็นค่าแท็กซี่ ตอนที่ฉันเปลี่ยนชุดใส่เป็นชุดนักศึกษาเหมือนเดิม ฉันเดินเข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่ด้วยความรู้สึกหวั่นๆ กลัวว่าคุณท่านจะสงสัย เพราะถ้าคุณท่าน
@โรงพยาบาลฉันปวดท้องตั้งแต่เช้า จนตอนนี้ปาเข้าไปหกโมงเย็นแล้วยังไม่คลอดเลย อาการปวดท้องมันเริ่มปวดหนักขึ้น เรื่อยๆ มันแน่นไปหมดเลยตอนนี้ “ปวดมากท้องมากเลยใช่มั้ย” คุณโชนจับมือฉันเอาไว้ตลอด เขาไม่ปล่อยมือฉันเลยถ้าไม่จำเป็น “ปะ ปวดค่ะ ปะ ปวดมาก” เขาเฝ้าถามฉันตลอดว่าเจ็บท้องมากมั้ย หมอก็มาเช็คปากมดลูกเป็นระยะๆแต่ก็ยังไม่ถึงเวลาคลอด คุณพ่อกับคุณณอณจะที่โรงพยาบาลช่วงบ่าย แต่ฉันยังไม่คลอดทั้งสองคนเลยกลับไปก่อน เอิงเอยก็มาด้วยนะ เธอตัดใจจากคุณโชนได้แล้ว และบอกว่าจะมาใหม่ตอนฉันคลอดแล้ว “อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็คลอด” คุณโชนบีบมือของฉันแน่น แววตาของเขามันเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “ขอบคุณนะคะ ที่ลางานมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน” “เมียกำลังจะคลอดเธอจะให้ฉันมีกะจิตกะใจไปทำงานได้ลงคอรึไง” คุณโชนพูดค้อนฉัน ตอนนี้รู้สึกว่าลูกเริ่มถีบแรงขึ้น เรื่อยๆ และมันทำให้ฉันเจ็บจนตัวเกร็ง มันใกล้แล้วใล่มั้ย อีกนิดเดียวเท่านั้น ฉันก็จะได้เจอหน้าลูกชายของฉันแล้ว... @ห้องคลอด “เบ่งค่ะคุณแม่ อื๊ดดดดดด ~” “อื๊ดดดดดดด ~” “หายใจเข้าออก ลึกๆ แล้วเบ่งอีกนะคะคุณแม่” “คุณพ่อช่วยคุณแม่เบ่งด้วยนะคะ” “หนึ่ง สอง อื๊ดดดดดดด
-ณ ดาดฟ้าของโรงแรมหรูใจกลางเมือง ฉันกำลังนั่งกินมื้อค่ำที่สุดแสนจะโรแมนติกกับคุณโชนสามีของฉัน “อาหารไม่อร่อยหรอคะ ?” ฉันเห็นคุณโชนเอาช้อน เขี่ยๆ จานข้าวสักพักแล้วแหละแต่ก็ไม่ยอมกินสักที “ไม่หรอก ฉันแค่รู้สึกอยากจะอ้วก” “ฉันอุตส่าห์เป็นคนท้อง แท้ๆ ทำไมคุณถึงมาแพ้ท้องแทนฉันได้นะ” “เธอไม่แพ้ก็ดีแล้ว ถ้าท้องอยู่แล้วต้อบมาแพ้ท้องหนักอีกฉันจะได้ไปทำงานรึไง” “ทำไมละคะ ?”“เมียทั้งคนฉันจะไม่ห่วงได้ไง” ดินเนอร์ครั้งนี้มันเป็นอะไรที่เรียบง่าย เราคุยกันปกติเหมือนที่คุยกันทุกวัน ฉันไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้หรอก เพราะยังไงเราก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว ไม่จำเป็นหวานใส่กันตลอดเวลา อีกอย่างเขาก็ไม่ค่อยจะหวานกับฉันเท่าไหร่หรอกนะคุณโชนน่ะ เพราะเขาเขินจนทำตัวไม่ถูก“อย่าลืมนะคะว่าพรุ่งนี้ต้องซักผ้าล้างจานที่ตัวเองกินเอาไว้เมื่อวานด้วย” ฉันบอกคุณโชนในขณะที่เรากำลังนั่งรถกลับบ้านกัน “รู้แล้วครับคุณเมีย พูดกรอกหูตั้งแต่ขาไปยันขากลับ กลัวได้ทำเองรึไง” ฉันฝึกเขาเอาไว้น่ะ ให้หัดทำอะไรด้วยตัวเองเพราะเวลาฉันคลอดลูกคุณโชนจะได้ทำเป็น อีกอย่างพวกเสื้อผ้าลูกฉันไม่อยากให้คนอื่นซักเพราะเป็นเสื้อผ้าเด็กยิ่งต้อ
เช้า...วันนี้ฉันกับคุณโชนตื่นกันตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมของรอใส่บาตรเพื่อเป็นสิริมงคลต่อการเริ่มใช้ชีวิตคู่ในฐานะสามีภรรยาของเรา หลังจากใส่บาตรเสร็จคุณโชนก็เตรียมตัวออกไปบริษัท แต่เขานะสิจะเอาฉันไปด้วยให้ได้เลย งอแงเหมือนเด็กนั่งหน้าบึ้งไม่พูดไม่จาเพราะฉันไม่ยอมไปบริษัทกับเขาด้วย “คุณโชน คุณจะมางอนเหมือนเด็กแบบนี้ไม่ได้นะคะ” “ก็ไปด้วยกันสิ แค่นั้นก็จบ” เขาพูดทั้งที่ยังนั่งหันหลังให้ฉันอยู่ “ฉันอยากอยู่บ้านมากกว่านี่คะ ไปที่บริษัทมันน่าเบื่อ...” “ฉันน่าเบื่อใช่มั้ย” ฉันถึงกับถอนหายใจออกมา ยาวๆ ดูเขาสิ ฉันยังไม่ทันจะพูดอะไรเลยนะ คิดเองเออเองเป็นตุเป็นตะเชียว “เราพึ่งแต่งงานกันเมื่อวานเองนะ คุณอยากจะเซ็นใบหย่าแล้วหรอคะ” ฉันยืนกอดอกมองแผ่นหลังผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของตัวเอง พอคุณโชนได้ยืนคำพูดของฉันเมื่อกี้เขาก็หันควับมามองหน้าฉันตาเขียวปั๊ดทันที “แค่นี้ถึงกับขู่จะหย่าเลยหรอวะแสนดี !!” “ก็คุณพูดไม่รู้เรื่อง” “คิดว่าฉันจะเซ็นใบหย่าให้เธอหรือไง ไม่มีทาง” “ไปทำงานได้แล้วค่ะ” ฉันขี้เกียจจะทะเลาะแล้ว อยากจะพักผ่อนช่วงนี้เหนื่อยง่ายอยากจะนอนตลอดเวลาเลย “
— งานมงคลสมรส “พอใส่ชุดเจ้าสาวแล้วสวยมากเลยนะคะ ^_^” ช่างแต่งหน้าเอ่ยชมฉันเมื่อเห็นฉันเดินออกมาจากห้องแต่งตัว ฉันยิ้มตอบกลับไปด้วยความเขินอาย ฉันมองภาพตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกบานใหญ่ น้ำตามันก็พลอยจะไหลออกมาให้ได้ ฉันไม่เคยวาดฝันว่าตัวเองจะได้ใส่ชุดเจ้าสาวราคา แพงๆ ไม่เคยวาดฝันว่าจะมีงานแต่งที่ใหญ่โตอลังการ ค่าสินสอดหลายสิบล้าน ฉันอยากให้แม่อยู่กับฉันในตอนนี้ด้วยจัง อยากให้แม่ได้มาเห็นลูกสาวคนนี้ในวันที่สำคัญที่สุดในชีวิต ตอนนี้แม่คงจะกำลังมองฉันจากบนสวรรค์ หลังจากที่คุณโชนขอฉันแต่งงาน เราก็ไปบอกคุณท่าน คุณท่านเป็นคนจัดการหาฤกษ์แต่งให้และก็ได้ฤกษ์อีกสองอาทิตย์ ทำเอาพวกเราหัวหมุนกันทุกคนแทบไม่ได้พักผ่อนฉันแอบหวั่นใจอยู่นะว่าคนที่มาในงานเขาจะไม่แปลกใจหรอที่ก่อนหน้านี้ฉันแต่งงานกับคุณท่าน พอมาวันนี้ฉันกลับแต่งงานกับลูกของคุณท่านซะงั้น แต่คุณท่านก็บอกฉันว่าไม่ต้องคิดมากเพราะว่าคุณท่านแก้ข่าวให้แล้ว พิธีกรแต่งงานเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกคนในงานต่างพากันยิ้มมีความสุข พิธีจัดขึ้นแค่ช่วงเช้า หลังจากเสร็จพิธีแต่งงานแล้วฉันกับคุณโชนก็ถูกส่งตัวเข้าหอ — ภายในห้อง “เธอไม่รู้สึกตื่นเต้นบ้าง
ร่างของฉันถูกคุณโชนอุ้มเข้าไปในห้องนอน เขาวางฉันลงบนเตียงอย่างเบามือจากนั้นก็ก้มลงมาประกบริมฝีปากจูบฉัน “อื้ม...” เสียงทุ้มนุ่มของคุณโชนครางออกมาในลำคออย่างพึงพอใจ ฉันไม่กล้าแม้แต่จะลืมตาขึ้นเอาแต่หลับตารับรสจูบสัมผัสที่หอมหวานนั้นของคุณโชน ไม่บ่อยหนักที่เขาจะนุ่มนวลแบบครั้งนี้ เหมือนเขากำลังเอาใจฉันอยู่ เราทั้งคู่ดูดดื่มกับรสจูบได้สักพัก เป็นคุณโชนที่ถอนจูบออกแล้วก็จ้องมองลึกเข้ามาในดวงตาของฉัน “เธอกำลังทำให้ฉันหลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้นนะแสนดีรู้ตัวมั้ย หื้ม...” คุณโชนพูดพรางเอานิ้วเกลี่ยไปมาบนริมฝีปากของฉัน เบาๆ “แต่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” “นั่นสิ ทำไมฉันถึงหลงเธอขนาดนี้กัน” พูดจบเขาก็ก้มหน้าลงมาซุกซอกคอของฉัน ตึกตัก ตึกตัก! เสียงหัวใจของฉันมันเต้นรัวกับคำหวานที่คุณโชนพูดออกมาบอกฉัน มันไม่เคยจะชินเลยสักครั้ง คงจะเป็นเพราะฉันชินกับคุณโชนคนที่ ดิบ เถื่อน ชอบทำร้ายจิตใจฉัน พอเขาเปลี่ยนไปฉันถึงกับใจเต้นรัวทุกครั้งที่เขาพูดคำหวานแบบนี้ “อื้อ อย่าทำให้มันเป็นรอยสิ” ฉันท้วงคนที่กำลังซุกไซร้ซอกคอของฉันอยู่ตอนนี้ เพราะเขากำลังดูดเม้มทำรอยไว้หลายจุดเลย “อยากแสดงความเป็นเจ้าของ ฉันผิด
“ถ้าฉันเป็นโรคอะไรร้ายแรง จริงๆ เธอให้อภัยฉันได้มั้ย ?” เขามองหน้าฉันแววตามีความหวัง เอายังไงดีล่ะฉันจะตอบไปว่ายังไงดี “เกลียดฉันมากขนาดนั้นเลยรึไงถึงเอาแต่เงียบ” “แล้วฉันสมควรที่จะเกลียดคุณมั้ยละคะ” ฉันย้อนถามเขา และครั้งนี้เป็นคุณโชนที่เป็นฝ่ายเงียบซะเอง “ขอโทษ....” “....” “ฉันรู้ว่าคำว่าขอโทษพูดไปมันก็เป็นแค่เพียงลมปาก มันลบสิ่งที่ฉันเคยทำไว้กับเธอไม่ได้” “....” “แต่ฉันพร้อมที่จะดูแลเธอ ชดใช้ในสิ่งที่ฉันเคยทำพลาดไป มันไม่น่าให้อภัยฉันรู้ ฉันก็แค่อยากให้เธอเปิดใจ อึก อึก....” “คะ คุณโชน...!!” ฉันรีบประคองตัวเขาเอาไว้ เขาจะอ้วกอีกแล้ว นี่มันอะไรกันฉันจะร้องไห้แล้วนะ “แสนดี...” “พอแล้วค่ะ ไม่ต้องพูดแล้วไปหาหมอก่อน” “ให้อภัยฉันได้มั้ย....” “....” ฉันเม้มปากแน่น ฉันไม่เคยใจแข็งกับเขาได้เลย จริงๆ “อึก ตะ ตอบหน่อย อึก อ้วก...” “คะ คุณโชน ค่ะโอเคฉันให้อภัยคุณแล้วไปโรงพยาบาลกันนะ” สุดท้ายฉันก็ใจอ่อนให้เขา ฉันคิดดูแล้ว ถ้าครั้งนี้ฉันตัดสินใจพลาด มันจะไม่มีครั้งต่อไปอีก “พูดจริงๆนะ เธอให้อภัยฉันแล้ว” คุณโชนยิ้มให้ฉัน ใบหน้าของเขาซีดเผือดเหมือนคนไม่มีเลือดฝาดบนใบหน้าเลย “ค่ะ
— Talk Sanbee ช่วงเย็น... คุณโชนกลับมาจากบริษัท วันนี้เขาโทรมาหาฉันแล้วพูดจา แปลกๆ แต่พอคุณโชนเดินเข้ามามนห้องฉันก็ต้องตกใจกับสีหย้าที่ซีดเผือดของเขา นี่เขาไม่ได้แกล้งอำฉันเล่นใช่มั้ย “ทะ ทำไมหน้าคุณถึงได้ซีดขนาดนั้นละคะ...” คุณโชนไม่ตอบอะไร เขาเดินมานั่งลง ข้างๆ กับฉันท่าทางเหมือนคนหมดเรี่ยวหมดแรงอย่างไงอย่างงั้น “เหนื่อย...” เขาเอนศีรษะลงมาเกยไว้กับไหล่ของฉันก่อนจะพูดออกมาเสียงแหบพร่า อะไรกัน ทำไมสภาพถึงดูไม่ได้ขนาดนี้เนี่ย !! “ไปหาหมอมั้ยคะ ?” ฉันเป็นห่วงเขาซะจนลืมไปเลยว่าตัวเองโกรธเขาอยู่ “หมอก็ช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอก” คุณโชนตอบเสียงเศร้า อะไรกัน! เขาเป็นอะไรกันแน่ทำไมถึงพูดแบบนี้ “คุณเป็นอะไรคุณโชน” ฉันขมวดคิวเข้าหากันเป็นปมแล้วหันมองคุณโชนอย่างไม่เข้าใจ เขาเป็นจริงๆหรือหลอกฉันอยู่ “ฉัน อึก อึก อ้วก...” ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรคุณโชนก็รีบยกมือขึ้นมาปิดปาก ท่าทางเหมือนจะอ้วกออกมาจากนั้นเขาก็รีบลุกขึ้นวิ่งหน้าตั้งไปเข้าห้องน้ำ ฉันรีบลุกขึ้นเดินตามคุณโชนไป ติดๆ ด้วยความเป็นห่วง ภาพที่ฉันเห็นคือคุณโชนกำลังนั่งสองมือกอดโถส้วมแล้วเอาหน้าซุกโถพร้อมกับโก่งคออ้วกออกมาเสียงดัง “ฉันว
เช้า... เมื่อคืนคุณโชนไม่ได้นอนกับฉันในห้องนะ เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ต้องยอมออกไปนอนข้างนอกอยู่ดี จะมาใช้เหล่เหลี่ยมกับฉัน คิดว่าฉันไม่รู้ทันรึไงกัน “อึก! แสนดีเธอทำอะไรทำไมถึงเหม็นขนาดนี้” คุณโชนเดินเอามือปิดจมูกเข้ามาถามฉันในห้องครัว “ก็ทำอาหารไงคะ ไม่มีตาหรือไง !!” “พอๆ ไม่ต้องทำเหม็นชะมัด !!” “ฉันหิว คุณเหม็นก็ออกไปสิจะมายืนบ่นอยู่ทำไม” “ก็มันเหม็นไปทั่วห้องจะให้ฉันอยู่ยังไง” ฉันกับคุณโชนยืนเถียงกันนานพอสมควร มันเหม็นตรงไหนกัน หาเรื่องฉันอยู่ก็บอกเถอะ !! “อึก อ้วกกก...” จู่ๆ คุณโชนก็ทำท่าเหมือนจะอ้วก เขารีบปิดปากตัวเองแล้ววิ่งออกไปจากห้องครัวทันทีฉันมองตามแผ่นหลับของคุณโชนไปไม่รู้ว่าเขาเป็น จริงๆ หรือแกล้งเรียกร้องความสนใจจากฉันกันแน่ ฉันทำอาหารต่อโดยไม่ได้สนใจคุณโชน ถึงแม้ว่าเสียงอ้วกของเขาจะดังออกมาจากห้องน้ำสักแค่ไหนก็ตาม หลังจากทำอาหารเสร็จฉันก็จัดโต๊ะเตรียมทานข้าว โดยไม่ลืมที่จะเรียกคุณโชนมาทานด้วย ฉันก็ไม่ได้ใจดำถึงขนาดจะให้เขาอดข้างอดน้ำขนาดนั้นหรอก ตอนนี้ฉันกับคุณโชนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน โดยที่คุณโชนกำลังนั่งเอามือปิดจมูกแล้วก็มองอาหารที่ฉันทำอยู่ “ไม่กินก็ไ
ตกดึก... ฉันสั่งให้คุณโชนอาบน้ำตั้งแต่ 5 โมงเย็น เพราะเดี๋ยวเขาจะใช้เป็นข้ออ้างในการมาอยู่ในห้องกับฉัน นานๆ ฉันรู้ทันแผนเขาหรอก ก๊อกๆ ก๊อกๆ (เสียงเคาะห้อง) ฉันทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินเสียงเคาะ มันน่ารำคาญมากขนาดไหนเขาคงไม่รู้ เล่นเคาะห้องติดกันนานหลายนาทีแล้วนะ ตอนแรกฉันเปิดประตูออกไปเขาบอกว่าหิวข้าวฉันเลยปิดประตูใส่หน้าซะเลย หิวข้าวก็ไม่รู้จะมาบอกทำไม ห้องครัวไม่ได้อยู่ในห้องนอนสักหน่อย “แสนดี เปิดประตูหน่อย !!”ก๊อกๆ ก๊อกๆ “แสนดีเปิดแป๊บเดียว !!”“แสนดี....”แกร่ก!! (เสียงเปิดประตูห้อง) ฉันทนไม่ไหวเลยเปิดประตูห้องออกไปเพื่อที่จะถามว่าเขามีอะไรนักหนาถึงได้เอาแต่เคาะห้อง ไม่คิดว่าคนอื่นเขาจะรำคาญบ้างหรือไงกัน “มีอะไรคะ !!” ฉันถามคนตรงหน้าอย่างใส่อารมณ์ “ฉันหิวน้ำ” คุณโชนมองฉันตาเป็นประกาย “หิวน้ำก็ไปกินน้ำสิจะมาบอกฉันทำไม ตู้เย็นอยู่ข้างนอก !!” ฉันพ่นลมหายใจออกมา แรงๆ เคาะห้องตั้งนานเพื่อที่จะมาบอกฉันว่าตัวเองหิวน้ำเนี่ยนะ “...ฉันหิวน้ำเธอ ในตู้เย็นมันมีหรือไง” “นะ นี่อย่ามาพูดอะไรแบบนี้นะ !!” ฉันพูดเสียงดังกลบเกลื่อนความเขินอายของตัวเอง ตอนนี้ใบหน้ามันเห่อร้อนขึ้นมาจนรามไป