ฉันนอนบนเตียงปล่อยให้คุณโชนกอดจนเขาหลับไป เขาดูแปลกไป จริงๆ เพราะเขานอนกอดฉันจนหลับไปเลยจริงๆ ฉันก็ได้แต่นอนตัวแข็งทื่อให้เขากอดอยู่อย่างนั้นไม่กล้าขยับเพราะเขาขู่ฉันเอาไว้ก่อนหน้านั้น นี่มันคงจะเป็นเพราะพิษไข้ละมั้ง เขาถึงเป็นแบบนี้ ปกติคนเย็นชาแบบเขาไม่มาทำอะไรแบบนี้หรอก. แต่ยิ่งเวลาผ่านไปตัวของคุณโชนก็ร้อนขึ้น เรื่อยๆ จนตัวฉันมันเห่อร้อนตามอุณหภูมิจากร่างกายของเขา “คุณ คุณโชน” ฉันลุกขึ้นพลางเขย่าตัวของเขา เบาๆเพื่อให้เขาตื่น ตัวร้อนขนาดนี้ต้องไปหาหมอแล้วขืนมานอนอยู่แบบนี้ได้ช็อคตายกันพอดี “คุณ ฉันจะพาไปหาหมอนะตัวคุณร้อนมากเลย” “ไม่...” เสียงที่ตอบฉันมันเบามากจนฉันแทบจะไม่ได้ยิน แต่ด้วยความที่ห้องมันเงียบฉันเลยพอได้ยินเสียงของเขา คนอะไรก็ไม่รู้โตขนาดนี้แล้วยังไม่ชอบไปหาหมอ แบบนี้จะหายป่วยหรือไง “ตัวคุณร้อนขนาดนี้ ไม่รู้แหละฉันจะพาคุณไปโรงพยาบาล” ฉันจะพยุงตัวเขาขึ้น แต่เขาก็ไม่ยอมนี่ขนาดป่วยอยู่นะแรงเยอะชะมัด“จุ้นจ้านชิบ!! เช็ดตัวให้ฉันก็พอ” เขาบอกฉันอย่างหงุดหงิด ทั้งที่ตัวเขายังนอนหลับตาอยู่ มันก็ไม่ใช่หน้าที่ของฉันที่จะต้องมาทำอะไรแบบนี้ให้เขา แต่ฉันก็ทำ ฉันลุกขึ้นจากเตียงห
ฉันพยายามแกะมือหนาของคุณออกจากแก้มของตัวเองจนสำเร็จ แล้วรู้มั้ยว่าเขาทำยังไงกับฉันต่อ เขาปัดชามข้าวในมือของฉันทำให้ขามมันตกแตกกระจายเต็มพื้น วันนี้เขาทำแบบนี้แล้วสองครั้ง ซึ่งฉันไม่ใช่แม่พระเพราะฉะนั้นฉันจะไม่ทน ไม่ทนให้เขามาทำแบบนี้ “ถ้าคุณจะเป็นคนอารมณ์ร้ายแบบนี้งั้นก็ดูแลตัวเองไปก็แล้วกันนะคะ” “แสนดี ใครสั่งให้เธอออกไป !!” เมื่อฉันพูดจบคุณโชนก็คว้ามาจับมือฉันจากนั้นก็กระชากแรงๆพร้อมกับถามฉันเสียงแข็ง “ไม่จำเป็นต้องมีใครสั่งค่ะ อ้อ!! แล้วคุณก็เก็บซากพวกนี้ที่คุณทำแตกเองด้วยนะคะ” “แสนดี แสนดี !!” “ฉันหายดีเมื่อไหร่ ฉันจะจัดการเธอ !!” เสียงของคุณโชนตะโกนตามหลังฉัน แต่ฉันก็ไม่ใส่ใจอะไรต่อให้เขาจะพูดข่มขู่ฉัน คนเอาแต่ใจตัวเองอย่างเขาให้อยู่คนเดียวแบบนี้แหละดีกว่า อีกอย่างมันไม่ใช่หน้าที่ที่ฉันต้องมาดูเขาสักหน่อย ทำไมฉันถึงพึ่งจะมาคิดได้กัน ฉันลงมาด้านล่างของคอนโด เรียกแท็กซี่กลับไปที่บ้านของคุณท่าน ฉันแอบติกเงินของคุณโชนมาเพื่อเป็นค่าแท็กซี่ ตอนที่ฉันเปลี่ยนชุดใส่เป็นชุดนักศึกษาเหมือนเดิม ฉันเดินเข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่ด้วยความรู้สึกหวั่นๆ กลัวว่าคุณท่านจะสงสัย เพราะถ้าคุณท่าน
— บริษัท ฉันขับรถมาหาคุณท่านด้วยตัวเอง แต่ก่อนที่จะมาฉันก็ไม่ลืมที่จะกลับห้องไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน เพราะยังไงฉันก็ไม่ได้ไปเรียนอยู่แล้ว และฉันก็ไม่ลืมที่จะทำอาหารมาให้คุณท่านกิน เพราะฉันคิดว่าคุณท่านคงจะทำงานจนไม่มีเวลากินอะไร แน่ๆ“หนูมาได้ไง” พอฉันเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของคุณฉัน คุณท่านก็ท้วงขึ้นและก็ทำหน้าแปลกใจที่เห็นฉัน “หนูเอาอาหารมาให้ค่ะ คิดไว้แล้วว่าคุณท่านต้องไม่มีเวลาทานอะไร แน่ๆ ^_^” ฉันฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเดินเอาของในมือไปวางบนโซฟาตัวใหญ่ในห้องทำงาน “หนูน่ารักกับฉันตลอดเลย จริงๆ ฉันชักจะอยากได้หนูมาเป็นลูกสาวซะแล้วสิ ^_^” คุณท่านพูดพร้อมกับลุกขึ้นเดินมานั่งบนโซฟา ส่วนฉันก็แกะกล่องอาหารออกไว้ให้คุณท่าน “คุณท่านดีกับหนูมาก หนูก็เลยอยากทำอะไรตอบแทนบ้าง ^_^” “แล้วนี่หนูไม่ไปเรียนงั้นรึ เอ่อ แล้ววันก่อนหนูกลับยังไง รถก็ไม่เอาไปกระเป๋าเงินโทรศัพท์ก็ลืมเอาไว้ที่บ้าน” ฉันที่กำลังแกะกล่องอาหารอยู่ชะงักทันทีเมื่อได้ยินที่คุณท่านถามแบบนี้ “อะ เอ่อคือหนู...พะ เพื่อนหนูมารับค่ะ พอดีเรามีงานที่ต้องทำเลยรีบจนไม่ได้เอาอะไรไปเลย”“งั้นรึ วันหลังหนูก็ชวนเพื่อนมาทานข้าวที่บ้านด้วย
— งานเลี้ยง งานเลี้ยงของบริษัทในวันนี้ฉันมาในฐานะของภรรยาผู้บริหารสูงสุดของบริษัทนั่นก็คือคุณท่าน คุณท่านพาฉันไปแนะนำให้แขกผู้ใหญ่หลายคนได้รู้จัก แต่ก็ไม่เคยเอ่ยว่าฉันคือภรรยา ฉันรู้ว่าคุณท่านไม่อยากให้ใครคิดอะไรไปมากกว่านี้ แต่คนอื่นเขาก็คงจะเข้าใจไปตามเนื้อผ้า งานเลี้ยงวันนี้ฉันมั่นใจแล้วแหละว่าฉันต้องเจอกับคุณโชนแน่นอน เพราะฉันได้ยินคุณท่านบอกว่าคุณโชนจะกลับมาวันนี้เขากำลังจะมาถึงไทย และก็จะตรงมาที่งานเลี้ยงทันที “คุณท่านคะ หนูขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” คุณท่านพยักหน้าเล็กน้อยแทนคำตอบ ฉันเดินปลีกตัวออกมาจากผู้คน จริงๆ ฉันไม่ได้อยากจะเข้าห้องน้ำหรอก ฉัรแค่คิดว่าฉันไม่เหมาะกับงานเลี้ยงแบบนี้ ที่นี่มีแต่คนรวย ส่วนฉันมันคนจนฉันกลัวว่าจะไปทำอะไรให้คุณท่านขายหน้าก็เลยปลีกตัวออกมาก่อนจะดีกว่า ฉันเดินไปตรงระเบียงของตึกสูงซึ่งมันก็ห่างไกลจากผู้คนในงานมากพอสมควร ฉันยืนตรงริมระเบียง พลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดมนต์ไม่มีแม้แต่ดาวสักดวก ความรู้สึกของฉันมันก็คงจะเหมือนกับสีท้องฟ้าในตอนนี้แหละ ฉันอยากจะหลุดออกไปจากตรงนี้ ถ้าตรงนี้ไม่มีคุณท่านผู้มีพระคุณของฉัน ฉันคงไม่มาอยู่แบบนี้ ไม่
คำพูดของเขามันดูเหมือนว่าเขากำลังหลงตัวเองอยู่ อย่างฉันหรอจะหึงเขา ไม่มีทาง “วันนี้เธอสวยมากเลยนะแสนดี” ฉันมองผ่านกระจกที่สะท้อนให้เห็นร่างของฉันกับคุณโชน เขาแสยะยิ้มออกมา รอยยิ้มร้ายกาจนั้นมันทำให้ฉันรู้สึกกลัว มือหนาลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างของฉันทั้งที่มีชุดราตรีสวมใส่อยู่ เมื่อฉันรู้ว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร ฉันก็ดิ้นอีกครั้งทันที “อย่าดิ้นสิ เธอรู้มั้ยว่าก้นเธอมันเสียดสีกับเอ็นของฉัน แบบนี้เธอจะให้ฉันอดใจไหวได้ไง หื้ม...” “คุณโชน ที่นี่มันไม่ใช่ที่ที่คุณจะมาทำอะไรต่ำๆนะ” ฉันเพ่งมองหน้าเขาผ่านกระจกตาเขม่ง แต่เขาก็ไม่สนใจคำพูดของฉันเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าเขากำลังสนใจกับเรือนร่างของฉันอยู่ “ฉันชอบอะไรที่มันตื่นเต้น เธอก็น่าจะรู้ดี” พูดจบเขาก็ปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ ก่อนจะจับตัวฉันหมุนไปประจันหน้ากับเขา “เลิกยุ่งกับเพื่อนฉัน แล้วฉันจะยอมคุณ” “ขู่ฉันงั้นหรอ หึ!!” ดวงตาคู่นั้นที่ยากจะคาดเดาจ้องมองฉัน ก่อนที่เจ้าตัวจะกระตุกยิ้มมุมปาก มือหนาช้อนปลายคางของฉันให้เงยขึ้น“ฉันไม่จำเป็นต้องทำตามที่เธอบอก เพราะยังไงสุดท้ายแล้วเธอก็ต้องยอมถ้าฉันอยากจะเอาเธอ ไม่ใช่เธอยอมให้ฉันเอา” “แต่นี่มันงาน
ฉันเดินกลับเข้ามาในงานเลี้ยงด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ “อ้าวนั่นไงภรรยาท่านประธานมาพอดี” เสียงผู้ชายวัยกลางคนพูดขึ้น ฉันถอนหายใจออกมา เบาๆ ก่อนจะปั้นหน้ายิ้ม เพราะฉันไม่อยากให้คุณท่านต้องมาคิดอะไรมากเพราะฉัน “ไปไหนมาซะนานเชียว” คุณท่านคว้าเอวฉันไปกอดเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือว่าฉันกับคุณท่านคือสามีภรรยากัน “พอดีออกไปสูดอากาศข้างนอกมาค่ะ ขอโทษนะคะที่หนูหายไปซะนานเลย นั่งเล่นเพลินไปหน่อย ^_^” ฉันยิ้มหวานให้ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้คุณท่านพาฉันเดินต่อไปอีกทาง ในระหว่างที่เดินอยู่มือของคุณท่านก็ยังคล้องเอวฉันอยู่ “หนูจะกลับก่อนก็ได้นะ ถ้าหนูไม่ชอบงานแบบนี้” คุณท่านบอกฉันในระหว่างที่เรากำลังเดินอยู่ “หนูมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณท่านค่ะ เรื่อง...” “พ่อครับ” ฉันยังพูดอะไรไม่ทันจะจบเสียงของบุคคลที่สามก็ท้วงขึ้นซะก่อน คุณโชนเดินตรงมาหยุดตรงด้านหน้าของคุณท่านกับฉัน ข้างกายของเขามีเอิงเอยเพื่อนของฉันยืนอยู่ เอิงเอยยิ้มให้ฉัน ฉันก็ยิ้มตอบเหมือนกัน “มีอะไร” คุณท่านถามลูกชายตรงหน้า “ก็ไม่มีอะไร ผมก็แค่พาเอยมาให้ทำความรู้จัก” คุณโชนพูดกับคุณท่าน แต่สายตาของเขากลับเพ่งมองมาที่มือของคุณท่านที่กำลังคล้อง
“เมียพ่อแล้วยังไง เธอก็เป็นเมียกูเหมือนกัน !!” “คะ คุณโชนคุณพูดบ้าอะไรออกไปรู้ตัวมั้ย” ฉันเบิกตากว้าง พลางกำหมัดแน่นจนมือเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ฉันไม่คิดว่าเขาจะพูดบ้าๆแบบนี้ออกมา เขากำลังประจานตัวเองยังไม่พอ เขายังจะมาประจานฉันอีกงั้นหรอ“มะ ไม่ใช่นะคะ เขาโกหกฉันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูด” ฉันรีบพูดแก้ตัวกับคุณฌอน เพราะกลัวว่าคุณฌอนจะเอาเรื่องที่คุณโชนพูดไปบอกกับคุณท่าน คุณท่านคงจะผิดหวังมากแน่ๆ“โกหก หึ!!” คุณโชนจ้องหน้าฉันตาเขม่งเขาขบกรามแน่น เป็นบ้าอะไรของเขาฉันไม่เข้าใจว่าจะมาทำตัวเหมือนกับว่าเขากำลังหึงหวงฉันอยู่อย่างงั้นแหละ “จะให้ฉันทำให้มันดูมั้ย !!” คุณโชนถามฉันเสียงแข็ง“ทะ ทำอะไร...” ฉันพยายามดึงแขนตัวเองออกจากมือของเขา แต่ถูกคุณโชนบีบแน่นยิ่งกว่าเดิม“ทำให้มันรู้ว่าเธอหรือฉันกันแน่ที่โกหก” “มึงพอได้แล้วไอ้โชน !!” คุณฌอนบอกเขา แต่เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เพราะเขาเอาแต่จ้องหน้าฉันตาเขม่ง“หยุดบ้าได้แล้วคุณโชน กลับเขาไปในงานเลี้ยงไปหาเอิงเอยซะ ป่านนี้เอิงเอยคงจะกำลังรอคุณอยู่” “ไล่ฉัน เพื่อที่เธอจะได้ไปสมสู่กับมันแบบนั้นสินะ !!” “พ่อให้กูไปส่งแสนดี มึงปล่อยเธอแล้วกลับไปหา
ตอนนี้คุณโชนได้เปลี่ยนเป็นนั่งคุกเข่า เขารูดซิปกางเกงของตัวเองลงแล้วควักท่อนเอ็นลำใหญ่ออกมาจ่อตรงน้องสาวของฉัน “มันจะไม่เจ็บ เธอไม่ต้องกลัว” เขาพูดปลอบใจฉันก่อนที่จะสอดใส่ท่อนเอ็นเข้ามาช้าๆ ฉันเม้มปากแน่น เพราะถึงยังไงมันก็ยังคงเจ็บอยู่จากการที่เขาทำเอาไว้ก่อนหน้านี้ “อื้อ มะ มันเจ็บ ซี๊ด~” ถึงปากฉันจากบอกว่ามันเจ็บ แต่จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้เจ็บมากมายอะไรขนาดนั้น ฉันยังรู้สึกเสียวซ่านอยู่ “เจ็บจริงๆหรอ หื้ม...อ๊า~” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยถามฉันก่อนที่เจ้าตัวจะเริ่มขยับสะโพก เบาๆ ตรับ ตรับ ตรับ ตรับ ลำท่อนเอ็นขนาดใหญ่ชักเข้าชักออกภายในร่องแคบของฉัน การเสียดสีทำให้น้ำรักของฉันมันไหลเยิ้มออกมาเสียงดัง แจ๊ะ แจ๊ะ อย่างน่าอายที่สุด “อยากมากสินะ น้ำเธอถึงได้เยอะมากขนาดนี้ อื้มซี๊ดด” “มะ อ๊า ไม่ อ๊างง อ๊า อ๊า ซี๊ดดด อ๊ะ อ๊างง” ฉันปฏิเสธออกไปก็เท่านั้น เมื่อคนตรงหน้าเริ่มสับสะโพกรัวขึ้น ฉันก็ร้องครางออกมาแทบจะไม่ได้สรรพ คุณโชนเขาสับเอาสองกระแทกท่อนเอ็นรัวเข้าใส่ร่องของฉันจนเราทั้งคู่ครางแข่งกันเสียงดังสนั่นรถ แต่แปลกที่รอบนี้เขาเสร็จเร็ว เหมือนเขารีบทำให้เสร็จ เมื่อเสร็จแล้วเขาก็รีบขับรถ
@โรงพยาบาลฉันปวดท้องตั้งแต่เช้า จนตอนนี้ปาเข้าไปหกโมงเย็นแล้วยังไม่คลอดเลย อาการปวดท้องมันเริ่มปวดหนักขึ้น เรื่อยๆ มันแน่นไปหมดเลยตอนนี้ “ปวดมากท้องมากเลยใช่มั้ย” คุณโชนจับมือฉันเอาไว้ตลอด เขาไม่ปล่อยมือฉันเลยถ้าไม่จำเป็น “ปะ ปวดค่ะ ปะ ปวดมาก” เขาเฝ้าถามฉันตลอดว่าเจ็บท้องมากมั้ย หมอก็มาเช็คปากมดลูกเป็นระยะๆแต่ก็ยังไม่ถึงเวลาคลอด คุณพ่อกับคุณณอณจะที่โรงพยาบาลช่วงบ่าย แต่ฉันยังไม่คลอดทั้งสองคนเลยกลับไปก่อน เอิงเอยก็มาด้วยนะ เธอตัดใจจากคุณโชนได้แล้ว และบอกว่าจะมาใหม่ตอนฉันคลอดแล้ว “อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็คลอด” คุณโชนบีบมือของฉันแน่น แววตาของเขามันเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “ขอบคุณนะคะ ที่ลางานมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน” “เมียกำลังจะคลอดเธอจะให้ฉันมีกะจิตกะใจไปทำงานได้ลงคอรึไง” คุณโชนพูดค้อนฉัน ตอนนี้รู้สึกว่าลูกเริ่มถีบแรงขึ้น เรื่อยๆ และมันทำให้ฉันเจ็บจนตัวเกร็ง มันใกล้แล้วใล่มั้ย อีกนิดเดียวเท่านั้น ฉันก็จะได้เจอหน้าลูกชายของฉันแล้ว... @ห้องคลอด “เบ่งค่ะคุณแม่ อื๊ดดดดดด ~” “อื๊ดดดดดดด ~” “หายใจเข้าออก ลึกๆ แล้วเบ่งอีกนะคะคุณแม่” “คุณพ่อช่วยคุณแม่เบ่งด้วยนะคะ” “หนึ่ง สอง อื๊ดดดดดดด
-ณ ดาดฟ้าของโรงแรมหรูใจกลางเมือง ฉันกำลังนั่งกินมื้อค่ำที่สุดแสนจะโรแมนติกกับคุณโชนสามีของฉัน “อาหารไม่อร่อยหรอคะ ?” ฉันเห็นคุณโชนเอาช้อน เขี่ยๆ จานข้าวสักพักแล้วแหละแต่ก็ไม่ยอมกินสักที “ไม่หรอก ฉันแค่รู้สึกอยากจะอ้วก” “ฉันอุตส่าห์เป็นคนท้อง แท้ๆ ทำไมคุณถึงมาแพ้ท้องแทนฉันได้นะ” “เธอไม่แพ้ก็ดีแล้ว ถ้าท้องอยู่แล้วต้อบมาแพ้ท้องหนักอีกฉันจะได้ไปทำงานรึไง” “ทำไมละคะ ?”“เมียทั้งคนฉันจะไม่ห่วงได้ไง” ดินเนอร์ครั้งนี้มันเป็นอะไรที่เรียบง่าย เราคุยกันปกติเหมือนที่คุยกันทุกวัน ฉันไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้หรอก เพราะยังไงเราก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว ไม่จำเป็นหวานใส่กันตลอดเวลา อีกอย่างเขาก็ไม่ค่อยจะหวานกับฉันเท่าไหร่หรอกนะคุณโชนน่ะ เพราะเขาเขินจนทำตัวไม่ถูก“อย่าลืมนะคะว่าพรุ่งนี้ต้องซักผ้าล้างจานที่ตัวเองกินเอาไว้เมื่อวานด้วย” ฉันบอกคุณโชนในขณะที่เรากำลังนั่งรถกลับบ้านกัน “รู้แล้วครับคุณเมีย พูดกรอกหูตั้งแต่ขาไปยันขากลับ กลัวได้ทำเองรึไง” ฉันฝึกเขาเอาไว้น่ะ ให้หัดทำอะไรด้วยตัวเองเพราะเวลาฉันคลอดลูกคุณโชนจะได้ทำเป็น อีกอย่างพวกเสื้อผ้าลูกฉันไม่อยากให้คนอื่นซักเพราะเป็นเสื้อผ้าเด็กยิ่งต้อ
เช้า...วันนี้ฉันกับคุณโชนตื่นกันตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมของรอใส่บาตรเพื่อเป็นสิริมงคลต่อการเริ่มใช้ชีวิตคู่ในฐานะสามีภรรยาของเรา หลังจากใส่บาตรเสร็จคุณโชนก็เตรียมตัวออกไปบริษัท แต่เขานะสิจะเอาฉันไปด้วยให้ได้เลย งอแงเหมือนเด็กนั่งหน้าบึ้งไม่พูดไม่จาเพราะฉันไม่ยอมไปบริษัทกับเขาด้วย “คุณโชน คุณจะมางอนเหมือนเด็กแบบนี้ไม่ได้นะคะ” “ก็ไปด้วยกันสิ แค่นั้นก็จบ” เขาพูดทั้งที่ยังนั่งหันหลังให้ฉันอยู่ “ฉันอยากอยู่บ้านมากกว่านี่คะ ไปที่บริษัทมันน่าเบื่อ...” “ฉันน่าเบื่อใช่มั้ย” ฉันถึงกับถอนหายใจออกมา ยาวๆ ดูเขาสิ ฉันยังไม่ทันจะพูดอะไรเลยนะ คิดเองเออเองเป็นตุเป็นตะเชียว “เราพึ่งแต่งงานกันเมื่อวานเองนะ คุณอยากจะเซ็นใบหย่าแล้วหรอคะ” ฉันยืนกอดอกมองแผ่นหลังผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของตัวเอง พอคุณโชนได้ยืนคำพูดของฉันเมื่อกี้เขาก็หันควับมามองหน้าฉันตาเขียวปั๊ดทันที “แค่นี้ถึงกับขู่จะหย่าเลยหรอวะแสนดี !!” “ก็คุณพูดไม่รู้เรื่อง” “คิดว่าฉันจะเซ็นใบหย่าให้เธอหรือไง ไม่มีทาง” “ไปทำงานได้แล้วค่ะ” ฉันขี้เกียจจะทะเลาะแล้ว อยากจะพักผ่อนช่วงนี้เหนื่อยง่ายอยากจะนอนตลอดเวลาเลย “
— งานมงคลสมรส “พอใส่ชุดเจ้าสาวแล้วสวยมากเลยนะคะ ^_^” ช่างแต่งหน้าเอ่ยชมฉันเมื่อเห็นฉันเดินออกมาจากห้องแต่งตัว ฉันยิ้มตอบกลับไปด้วยความเขินอาย ฉันมองภาพตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกบานใหญ่ น้ำตามันก็พลอยจะไหลออกมาให้ได้ ฉันไม่เคยวาดฝันว่าตัวเองจะได้ใส่ชุดเจ้าสาวราคา แพงๆ ไม่เคยวาดฝันว่าจะมีงานแต่งที่ใหญ่โตอลังการ ค่าสินสอดหลายสิบล้าน ฉันอยากให้แม่อยู่กับฉันในตอนนี้ด้วยจัง อยากให้แม่ได้มาเห็นลูกสาวคนนี้ในวันที่สำคัญที่สุดในชีวิต ตอนนี้แม่คงจะกำลังมองฉันจากบนสวรรค์ หลังจากที่คุณโชนขอฉันแต่งงาน เราก็ไปบอกคุณท่าน คุณท่านเป็นคนจัดการหาฤกษ์แต่งให้และก็ได้ฤกษ์อีกสองอาทิตย์ ทำเอาพวกเราหัวหมุนกันทุกคนแทบไม่ได้พักผ่อนฉันแอบหวั่นใจอยู่นะว่าคนที่มาในงานเขาจะไม่แปลกใจหรอที่ก่อนหน้านี้ฉันแต่งงานกับคุณท่าน พอมาวันนี้ฉันกลับแต่งงานกับลูกของคุณท่านซะงั้น แต่คุณท่านก็บอกฉันว่าไม่ต้องคิดมากเพราะว่าคุณท่านแก้ข่าวให้แล้ว พิธีกรแต่งงานเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกคนในงานต่างพากันยิ้มมีความสุข พิธีจัดขึ้นแค่ช่วงเช้า หลังจากเสร็จพิธีแต่งงานแล้วฉันกับคุณโชนก็ถูกส่งตัวเข้าหอ — ภายในห้อง “เธอไม่รู้สึกตื่นเต้นบ้าง
ร่างของฉันถูกคุณโชนอุ้มเข้าไปในห้องนอน เขาวางฉันลงบนเตียงอย่างเบามือจากนั้นก็ก้มลงมาประกบริมฝีปากจูบฉัน “อื้ม...” เสียงทุ้มนุ่มของคุณโชนครางออกมาในลำคออย่างพึงพอใจ ฉันไม่กล้าแม้แต่จะลืมตาขึ้นเอาแต่หลับตารับรสจูบสัมผัสที่หอมหวานนั้นของคุณโชน ไม่บ่อยหนักที่เขาจะนุ่มนวลแบบครั้งนี้ เหมือนเขากำลังเอาใจฉันอยู่ เราทั้งคู่ดูดดื่มกับรสจูบได้สักพัก เป็นคุณโชนที่ถอนจูบออกแล้วก็จ้องมองลึกเข้ามาในดวงตาของฉัน “เธอกำลังทำให้ฉันหลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้นนะแสนดีรู้ตัวมั้ย หื้ม...” คุณโชนพูดพรางเอานิ้วเกลี่ยไปมาบนริมฝีปากของฉัน เบาๆ “แต่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” “นั่นสิ ทำไมฉันถึงหลงเธอขนาดนี้กัน” พูดจบเขาก็ก้มหน้าลงมาซุกซอกคอของฉัน ตึกตัก ตึกตัก! เสียงหัวใจของฉันมันเต้นรัวกับคำหวานที่คุณโชนพูดออกมาบอกฉัน มันไม่เคยจะชินเลยสักครั้ง คงจะเป็นเพราะฉันชินกับคุณโชนคนที่ ดิบ เถื่อน ชอบทำร้ายจิตใจฉัน พอเขาเปลี่ยนไปฉันถึงกับใจเต้นรัวทุกครั้งที่เขาพูดคำหวานแบบนี้ “อื้อ อย่าทำให้มันเป็นรอยสิ” ฉันท้วงคนที่กำลังซุกไซร้ซอกคอของฉันอยู่ตอนนี้ เพราะเขากำลังดูดเม้มทำรอยไว้หลายจุดเลย “อยากแสดงความเป็นเจ้าของ ฉันผิด
“ถ้าฉันเป็นโรคอะไรร้ายแรง จริงๆ เธอให้อภัยฉันได้มั้ย ?” เขามองหน้าฉันแววตามีความหวัง เอายังไงดีล่ะฉันจะตอบไปว่ายังไงดี “เกลียดฉันมากขนาดนั้นเลยรึไงถึงเอาแต่เงียบ” “แล้วฉันสมควรที่จะเกลียดคุณมั้ยละคะ” ฉันย้อนถามเขา และครั้งนี้เป็นคุณโชนที่เป็นฝ่ายเงียบซะเอง “ขอโทษ....” “....” “ฉันรู้ว่าคำว่าขอโทษพูดไปมันก็เป็นแค่เพียงลมปาก มันลบสิ่งที่ฉันเคยทำไว้กับเธอไม่ได้” “....” “แต่ฉันพร้อมที่จะดูแลเธอ ชดใช้ในสิ่งที่ฉันเคยทำพลาดไป มันไม่น่าให้อภัยฉันรู้ ฉันก็แค่อยากให้เธอเปิดใจ อึก อึก....” “คะ คุณโชน...!!” ฉันรีบประคองตัวเขาเอาไว้ เขาจะอ้วกอีกแล้ว นี่มันอะไรกันฉันจะร้องไห้แล้วนะ “แสนดี...” “พอแล้วค่ะ ไม่ต้องพูดแล้วไปหาหมอก่อน” “ให้อภัยฉันได้มั้ย....” “....” ฉันเม้มปากแน่น ฉันไม่เคยใจแข็งกับเขาได้เลย จริงๆ “อึก ตะ ตอบหน่อย อึก อ้วก...” “คะ คุณโชน ค่ะโอเคฉันให้อภัยคุณแล้วไปโรงพยาบาลกันนะ” สุดท้ายฉันก็ใจอ่อนให้เขา ฉันคิดดูแล้ว ถ้าครั้งนี้ฉันตัดสินใจพลาด มันจะไม่มีครั้งต่อไปอีก “พูดจริงๆนะ เธอให้อภัยฉันแล้ว” คุณโชนยิ้มให้ฉัน ใบหน้าของเขาซีดเผือดเหมือนคนไม่มีเลือดฝาดบนใบหน้าเลย “ค่ะ
— Talk Sanbee ช่วงเย็น... คุณโชนกลับมาจากบริษัท วันนี้เขาโทรมาหาฉันแล้วพูดจา แปลกๆ แต่พอคุณโชนเดินเข้ามามนห้องฉันก็ต้องตกใจกับสีหย้าที่ซีดเผือดของเขา นี่เขาไม่ได้แกล้งอำฉันเล่นใช่มั้ย “ทะ ทำไมหน้าคุณถึงได้ซีดขนาดนั้นละคะ...” คุณโชนไม่ตอบอะไร เขาเดินมานั่งลง ข้างๆ กับฉันท่าทางเหมือนคนหมดเรี่ยวหมดแรงอย่างไงอย่างงั้น “เหนื่อย...” เขาเอนศีรษะลงมาเกยไว้กับไหล่ของฉันก่อนจะพูดออกมาเสียงแหบพร่า อะไรกัน ทำไมสภาพถึงดูไม่ได้ขนาดนี้เนี่ย !! “ไปหาหมอมั้ยคะ ?” ฉันเป็นห่วงเขาซะจนลืมไปเลยว่าตัวเองโกรธเขาอยู่ “หมอก็ช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอก” คุณโชนตอบเสียงเศร้า อะไรกัน! เขาเป็นอะไรกันแน่ทำไมถึงพูดแบบนี้ “คุณเป็นอะไรคุณโชน” ฉันขมวดคิวเข้าหากันเป็นปมแล้วหันมองคุณโชนอย่างไม่เข้าใจ เขาเป็นจริงๆหรือหลอกฉันอยู่ “ฉัน อึก อึก อ้วก...” ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรคุณโชนก็รีบยกมือขึ้นมาปิดปาก ท่าทางเหมือนจะอ้วกออกมาจากนั้นเขาก็รีบลุกขึ้นวิ่งหน้าตั้งไปเข้าห้องน้ำ ฉันรีบลุกขึ้นเดินตามคุณโชนไป ติดๆ ด้วยความเป็นห่วง ภาพที่ฉันเห็นคือคุณโชนกำลังนั่งสองมือกอดโถส้วมแล้วเอาหน้าซุกโถพร้อมกับโก่งคออ้วกออกมาเสียงดัง “ฉันว
เช้า... เมื่อคืนคุณโชนไม่ได้นอนกับฉันในห้องนะ เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ต้องยอมออกไปนอนข้างนอกอยู่ดี จะมาใช้เหล่เหลี่ยมกับฉัน คิดว่าฉันไม่รู้ทันรึไงกัน “อึก! แสนดีเธอทำอะไรทำไมถึงเหม็นขนาดนี้” คุณโชนเดินเอามือปิดจมูกเข้ามาถามฉันในห้องครัว “ก็ทำอาหารไงคะ ไม่มีตาหรือไง !!” “พอๆ ไม่ต้องทำเหม็นชะมัด !!” “ฉันหิว คุณเหม็นก็ออกไปสิจะมายืนบ่นอยู่ทำไม” “ก็มันเหม็นไปทั่วห้องจะให้ฉันอยู่ยังไง” ฉันกับคุณโชนยืนเถียงกันนานพอสมควร มันเหม็นตรงไหนกัน หาเรื่องฉันอยู่ก็บอกเถอะ !! “อึก อ้วกกก...” จู่ๆ คุณโชนก็ทำท่าเหมือนจะอ้วก เขารีบปิดปากตัวเองแล้ววิ่งออกไปจากห้องครัวทันทีฉันมองตามแผ่นหลับของคุณโชนไปไม่รู้ว่าเขาเป็น จริงๆ หรือแกล้งเรียกร้องความสนใจจากฉันกันแน่ ฉันทำอาหารต่อโดยไม่ได้สนใจคุณโชน ถึงแม้ว่าเสียงอ้วกของเขาจะดังออกมาจากห้องน้ำสักแค่ไหนก็ตาม หลังจากทำอาหารเสร็จฉันก็จัดโต๊ะเตรียมทานข้าว โดยไม่ลืมที่จะเรียกคุณโชนมาทานด้วย ฉันก็ไม่ได้ใจดำถึงขนาดจะให้เขาอดข้างอดน้ำขนาดนั้นหรอก ตอนนี้ฉันกับคุณโชนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน โดยที่คุณโชนกำลังนั่งเอามือปิดจมูกแล้วก็มองอาหารที่ฉันทำอยู่ “ไม่กินก็ไ
ตกดึก... ฉันสั่งให้คุณโชนอาบน้ำตั้งแต่ 5 โมงเย็น เพราะเดี๋ยวเขาจะใช้เป็นข้ออ้างในการมาอยู่ในห้องกับฉัน นานๆ ฉันรู้ทันแผนเขาหรอก ก๊อกๆ ก๊อกๆ (เสียงเคาะห้อง) ฉันทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินเสียงเคาะ มันน่ารำคาญมากขนาดไหนเขาคงไม่รู้ เล่นเคาะห้องติดกันนานหลายนาทีแล้วนะ ตอนแรกฉันเปิดประตูออกไปเขาบอกว่าหิวข้าวฉันเลยปิดประตูใส่หน้าซะเลย หิวข้าวก็ไม่รู้จะมาบอกทำไม ห้องครัวไม่ได้อยู่ในห้องนอนสักหน่อย “แสนดี เปิดประตูหน่อย !!”ก๊อกๆ ก๊อกๆ “แสนดีเปิดแป๊บเดียว !!”“แสนดี....”แกร่ก!! (เสียงเปิดประตูห้อง) ฉันทนไม่ไหวเลยเปิดประตูห้องออกไปเพื่อที่จะถามว่าเขามีอะไรนักหนาถึงได้เอาแต่เคาะห้อง ไม่คิดว่าคนอื่นเขาจะรำคาญบ้างหรือไงกัน “มีอะไรคะ !!” ฉันถามคนตรงหน้าอย่างใส่อารมณ์ “ฉันหิวน้ำ” คุณโชนมองฉันตาเป็นประกาย “หิวน้ำก็ไปกินน้ำสิจะมาบอกฉันทำไม ตู้เย็นอยู่ข้างนอก !!” ฉันพ่นลมหายใจออกมา แรงๆ เคาะห้องตั้งนานเพื่อที่จะมาบอกฉันว่าตัวเองหิวน้ำเนี่ยนะ “...ฉันหิวน้ำเธอ ในตู้เย็นมันมีหรือไง” “นะ นี่อย่ามาพูดอะไรแบบนี้นะ !!” ฉันพูดเสียงดังกลบเกลื่อนความเขินอายของตัวเอง ตอนนี้ใบหน้ามันเห่อร้อนขึ้นมาจนรามไป