“เมียพ่อแล้วยังไง เธอก็เป็นเมียกูเหมือนกัน !!” “คะ คุณโชนคุณพูดบ้าอะไรออกไปรู้ตัวมั้ย” ฉันเบิกตากว้าง พลางกำหมัดแน่นจนมือเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ฉันไม่คิดว่าเขาจะพูดบ้าๆแบบนี้ออกมา เขากำลังประจานตัวเองยังไม่พอ เขายังจะมาประจานฉันอีกงั้นหรอ“มะ ไม่ใช่นะคะ เขาโกหกฉันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูด” ฉันรีบพูดแก้ตัวกับคุณฌอน เพราะกลัวว่าคุณฌอนจะเอาเรื่องที่คุณโชนพูดไปบอกกับคุณท่าน คุณท่านคงจะผิดหวังมากแน่ๆ“โกหก หึ!!” คุณโชนจ้องหน้าฉันตาเขม่งเขาขบกรามแน่น เป็นบ้าอะไรของเขาฉันไม่เข้าใจว่าจะมาทำตัวเหมือนกับว่าเขากำลังหึงหวงฉันอยู่อย่างงั้นแหละ “จะให้ฉันทำให้มันดูมั้ย !!” คุณโชนถามฉันเสียงแข็ง“ทะ ทำอะไร...” ฉันพยายามดึงแขนตัวเองออกจากมือของเขา แต่ถูกคุณโชนบีบแน่นยิ่งกว่าเดิม“ทำให้มันรู้ว่าเธอหรือฉันกันแน่ที่โกหก” “มึงพอได้แล้วไอ้โชน !!” คุณฌอนบอกเขา แต่เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เพราะเขาเอาแต่จ้องหน้าฉันตาเขม่ง“หยุดบ้าได้แล้วคุณโชน กลับเขาไปในงานเลี้ยงไปหาเอิงเอยซะ ป่านนี้เอิงเอยคงจะกำลังรอคุณอยู่” “ไล่ฉัน เพื่อที่เธอจะได้ไปสมสู่กับมันแบบนั้นสินะ !!” “พ่อให้กูไปส่งแสนดี มึงปล่อยเธอแล้วกลับไปหา
ตอนนี้คุณโชนได้เปลี่ยนเป็นนั่งคุกเข่า เขารูดซิปกางเกงของตัวเองลงแล้วควักท่อนเอ็นลำใหญ่ออกมาจ่อตรงน้องสาวของฉัน “มันจะไม่เจ็บ เธอไม่ต้องกลัว” เขาพูดปลอบใจฉันก่อนที่จะสอดใส่ท่อนเอ็นเข้ามาช้าๆ ฉันเม้มปากแน่น เพราะถึงยังไงมันก็ยังคงเจ็บอยู่จากการที่เขาทำเอาไว้ก่อนหน้านี้ “อื้อ มะ มันเจ็บ ซี๊ด~” ถึงปากฉันจากบอกว่ามันเจ็บ แต่จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้เจ็บมากมายอะไรขนาดนั้น ฉันยังรู้สึกเสียวซ่านอยู่ “เจ็บจริงๆหรอ หื้ม...อ๊า~” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยถามฉันก่อนที่เจ้าตัวจะเริ่มขยับสะโพก เบาๆ ตรับ ตรับ ตรับ ตรับ ลำท่อนเอ็นขนาดใหญ่ชักเข้าชักออกภายในร่องแคบของฉัน การเสียดสีทำให้น้ำรักของฉันมันไหลเยิ้มออกมาเสียงดัง แจ๊ะ แจ๊ะ อย่างน่าอายที่สุด “อยากมากสินะ น้ำเธอถึงได้เยอะมากขนาดนี้ อื้มซี๊ดด” “มะ อ๊า ไม่ อ๊างง อ๊า อ๊า ซี๊ดดด อ๊ะ อ๊างง” ฉันปฏิเสธออกไปก็เท่านั้น เมื่อคนตรงหน้าเริ่มสับสะโพกรัวขึ้น ฉันก็ร้องครางออกมาแทบจะไม่ได้สรรพ คุณโชนเขาสับเอาสองกระแทกท่อนเอ็นรัวเข้าใส่ร่องของฉันจนเราทั้งคู่ครางแข่งกันเสียงดังสนั่นรถ แต่แปลกที่รอบนี้เขาเสร็จเร็ว เหมือนเขารีบทำให้เสร็จ เมื่อเสร็จแล้วเขาก็รีบขับรถ
คุณโชนมาส่งฉันที่คอนโด ยังดีที่คืนนี้เขาไม่ได้ค้างกับฉันที่นี่ด้วย แต่ก่อนฉันจะขึ้นห้องเขาก็ไม่ลืมที่จะย้ำเรื่องที่ให้ฉันไปหย่ากับพ่อของเขา ฉันจะไม่ยอมถูกเขาบังคับอีกเด็ดขาด ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะหนีไปมันวันนี้เลย ส่วนคุณท่านฉันจะโทรศัพท์ไปบอกเอาทีหลัง ฉันทนไม่ไหวอีกแล้ว เมื่อขึ้นมาถึงห้องฉันจัดการเจ็บเสื้อผ้า ไม่เก็บไปหมดเพราะมันจะผิดสังเกต ส่วนของใช้ฉันก็เอาไปแค่ที่จำเป็น ฉันไม่คิดเลยว่าชีวิตฉันต้องมาทำอะไรแบบนี้ การแอบย่องเดินออกจากคอนโดเหมือนโจร ที่ต้องทำแบบนี้ก็เพราะว่าต้องดูว่าลูกน้องของคุณโชนหรือคุณท่านเฝ้าอยู่หรือเปล่า เมื่อดูแล้วทางสะดวกฉันก็วิ่งพรวดออกมาจากคอนโด ปัก! พรึบ! “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ทันมอง...” ฉันเอาแต่มองไปทางด้านหลังจนเผลอไปจนกับใครเข้าก็ไม่รู้ แต่เมื่อมองดูคนที่ฉันชนแล้ว ฉันก็ต้องถอยหนีอัตโนมัติเพราะตรงหน้าของฉันมีผู้ชายยืนกักหน้าเอาไว้สามคน ซึ่งหน้าตาของพวกเขาก็มีแต่หน้าโหดๆกันทั้งนั้น “จะหนีงั้นหรอ ?” ชายหนึ่งในสามคนนั้นพูด ฉันขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมก่อนจะคิดออกว่านี่คงจะเป็นลูกน้องของคุณโชนแน่ๆ เพราะฉะนั้นฉันห้มทำตัวมีพิรุธ “ฉันเปล่าหนีนะ ฉันแค่...(ตุ๊
ในเมื่อฉันขอความช่วยเหลือจากคุณโชนไม่ได้ ที่พึ่งสุดท้ายของฉันก็คือคุณท่าน แกร่ก!! เสียงประตูเปิดเข้ามา ฉันกำลังจะกดโทรศัพท์โทรออกไปหาคุณท่าน ตกใจเสียงประตูที่เปิดเข้ามาทำให้โทรศัพท์หล่นลงพื้น ฉันรีบก้มลงไปเก็บ แต่ไม่ทันแล้วคนที่เปิดประตูเข้ามาเขาหยิบโทรศัพท์ของฉันไปก่อนที่ฉันจะหยิบ “เธอกำลังจะโทรหาใคร ไอ้โชน หรือ พ่อมัน ?” คนตรงหน้าฉันคือผู้ชายคนนั้น คนที่น่ากลัวทำไมเขากลับมาเร็วขนาดนี้กัน “ไม่ต้องห่วง ถ้าเธอสำคัญเดี๋ยวมันก็มาช่วยเธอเองนั่นแหละ” เขาพูดไปยิ้มไปไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรที่มันน่ายินดีขนาดนั้น “ปะ ปล่อยฉันไปเถอะนะ” ฉันอ้อนวอนเขา เผื่อว่าเขาจะเห็นใจ แต่ฉันคิดผิดเขาไม่เห็นใจฉันเลย “เธอแต่งงานกับพ่อไอ้โชนเพราะเงิน แบบนั้นจริงๆน่ะหรอ มีเหตุผลอื่นมั้ย ?” จู่ๆ คนตรงหน้าก็ถามเรื่องนี้กับฉัน เขาเป็นใครกันทำไมเขาถึงได้รู้มากขนาดนี้ “อ่า!! เธอนี่ชอบเงียบดีจัง” “....” ฉันยังคงเงียบ เขาจับตัวฉันมาจะให้ฉันชวนเขาคุยงั้นหรอ “ใกล้เวลาแล้ว” เขาพูดขึ้นก่อนจะเดินไปนั่งตรงเก้าอี้หันหน้าออกไปตรงประตู ส่วนฉันก็ได้แต่มองเขาด้วยความไม่เข้าใจ “สิบ เก้า แปด เจ็ด หก ห้า...” จู่ๆ เขาก็นับ
“ไสหัวแกไปซะอย่าให้ฉันต้องสั่งให้คนมาลากตัวแกออกไป !!” “คิดดีๆนะครับ เมียพ่อผมเอาเล่นจนเบื่อแล้ว หึ!!” คุณท่านเงียบไปเลยเมื่อคุณโชนพูดคำพูดที่น่าเกลียดออกมา ฉันก็พูดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ “ผมต้องการจะซื้อเธอ !!” เขายังไม่ลดละความพยายามที่จะซื้อฉันต่อจากพ่อเขา เขาเห็นฉันเป็นเพียงสิ่งของ ทำไมมันรู้สึกเจ็บดีจัง “แกทำแบบนั้นได้ยังไง แกรู้มั้ยว่าแกทำอะไรลงไป ไอ้ลูกเลว !!” “ใช่!! ผมเลว ผมไม่เคยดีในสายตาพ่ออยู่แล้ว !!” “ไสหัวแกไปให้พ้นแล้วอย่ามาพูดเรื่องนี้กับฉันอีก ฉันไม่มีทางให้ในสิ่งที่แกต้องการ !!” ฉันได้แต่ยืนนิ่งไม่พูดอะไร เหมือนว่าฉันเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อลูกทะเลาะกัน คุณท่านช่วยฉัรเอาไว้แท้ๆแต่ฉันกลับทำตัวแย่ “ผมจะไปก็ต่อเมื่อพ่อยกเมียพ่อให้ผม” “แล้วทำไมฉันต้องยกให้แก !!”“เธอไม่คู่ควรกับพ่อเลยสักนิด เธอมาแทนที่แม่ไม่ได้ พ่อทำได้ยังไง ไม่อายคนอื่นบ้างหรือไงที่มีเมียแก่คราวลูกขนาดนี้ !!” “พ่อทรยศแม่ได้ยังไง !!”“ฉันไม่ได้ทรยศแม่แก และฉันจะต้องอายไปทำไมในเมื่อฉันไม่ได้เป็นแบบที่คนอื่นว่า ฉันต้องภูมิใจด้วยซ้ำที่ฉันช่วยชีวิตของเด็กคนหนึ่งเอาไว้ และฉันก็ไม่คิดเลยว่าลูกชายของตัวเ
— Talk Chon — เหอะ!! ถ้าเรื่องเป็นแบบที่พ่อผมพูด จริงๆ มันมีเหตุผลอะไรที่เธอจะยอมผมขนาดนี้ ถ้าเธอไม่ใช่เมียพ่อผมเธอก็ต้องบอกพ่อผมว่าทำทำอะไร แต่เธอไม่พูด ถ้าเธอยอมให้คนอื่นเข้าใจผิดขนาดนั้น ยอมให้คนอื่นมองเธอไม่ดี ทั้งที่เธอมีทางเลือก ที่ไม่ใช่การแต่งงาน แต่ที่เธอยอมมันคงเป็นเพราะเธอหวังจะรวยทางรัดแบบที่ผมคิดเอาไว้นั่นแหละ ไม่ว่าจะยังไง ที่เธอยอมเข้ามาในบ้านของพ่อผม ผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นเพราะเรื่องเงิน “เป็นอะไรของมึงวะชวนกูมากินเหล้า แต่กลับทำหน้าเหมือนคนไร้วิญญาณ” เสียงของไอ้ปราบดังขึ้น ไอ้กองปราบมันเป็นเพื่อนสนิทผม มันคือเพื่อนที่ผมสนิทที่สุด มันพึ่งกลับมาจากต่างประเทศ พอมาถึงมันก็กวนประสาทผมโดยการจับตัวแสนดีไป แต่ก็ดีเพราะถ้ามันไม่เล่นพิเรนทร์ยัยนั่นคงหนีไปแล้ว หลังจากผมกลับออกมาจากบ้านพ่อ ผมก็กลับคอนโดผม แต่อยู่เฉยๆแล้วมันหงุดหงิดผมเลยชวนไอ้ปราบมาดื่ม “กูเบื่อๆว่ะ” ผมพูดพรางควงแก้วเหล้าในมือวนไปมา “ให้กูเรียกเด็กให้มั้ย ?” “ไม่ต้อง วันนี้กูอยากอยู่ เงียบๆ” “อะไรของมึงวะ ถ้ามึงอยากอยู่เงียบๆแล้วมึงจะชวนกูมาคลับทำแป๊ะอะไร !!” ไอ้ปราบมันพูดค้อนผม ก็จริงของมันอยากอ
ฉันพาเอิงเอยมาที่คลับโดยนั่งแท็กซี่มากันเพราะว่ารถสปอร์ตคันหรูฉันได้คืนให้คุณท่านเรียบร้อยแล้ว - คลับชื่อดัง “แกรู้มั้ยว่าเขาอยู่ที่ตรงไหน” “ไม่รู้” เอิงเอยก้มหน้าตอบ บอกตามตรงว่าฉันสงสารเองเอยมาก จริงๆ ทำไมต้องไปรักผู้ชายเห็นแก่ตัวแบบนั้นด้วย “ไม่รู้แล้วแกจะหาเจอมั้ยเอิง แกรู้มั้ยว่ามันอันตรายถ้าเข้าไปเดินๆหาถ้าเกิดมีคนมาทำมิดีมิร้ายกับแกจะทำไง” ฉันพูดเตือนสติเพื่อนแต่ดูเหมือนคำพูดของฉันมันจะไม่ได้เข้าไปในสมองเธอเลยสักนิด “ฉันไม่เป็นอะไร” ฉันถอนหายใจออกมา เบาๆ ก่อนจะคว้ามือจับไปที่เรียวแขนของเอิงเอย “ฉันจะเข้าไปเป็นเพื่อนแกเอง” ฉันตัดสินใจจะเข้าไปข้างในคลับกับเอิงเอยเพราะห่วงกลัวว่าจะมีใครมาทำอะไรเอิงเอยยิ่งเป็นคน ซื่อๆ อยู่ด้วย ฉันจับมือเอิงเอยเข้ามาด้านในคลับ คนเยอะมากควันก็ไรก็ไม่รู้ลอยคลุ้งอยู่บนอากาศเต็มไปหมดเสียงเพลงก็ดังกระหึ่ม ฉันพาเอิงเอยเดินดูไปรอบๆพร้อมกับใช้สายตาสอดส่องดูว่าคุณโชนเขาอยู่โต๊ะไหนแต่ก็ไม่เจอ เอิงเอยเริ่มมีสีหน้าที่เป็นกังวลมากแล้วตอนนี้ “เขาอาจจะกลับไปแล้วก็ได้นะ” ฉันพาเอิงเอยเดินมาที่ห้องน้ำให้หายใจหายคอได้สะดวก“เดี๋ยวเอยลองไปหาอีกรอบถ้าไม่เจ
— คอนโดคุณโชนพาฉันกลับมาที่คอนโดเพื่อมาเก็บเสื้อผ้า แต่เมื่อมาถึงเขาก็ดันมาเจอกับเสื้อผ้าของฉันที่ถูกแพ็กใส่กระเป๋าเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นแบบนั้นเขาก็หันมาจ้องหน้าฉันตาเขม่งทันที หมับ! “อะ โอ้ยย...” ฉันอุทานออกมาเมื่อถูกมือใหญ่คว้ามากระชากแขนฉันอย่างแรงแล้วกำแขนของฉันแน่น “เก็บเสื้อผ้าไปไหน ?” คุณโชนถามเสียงแข็ง “....” ฉันปิดปากเงียบไม่ตอบอะไร เขาเองก็รู้ว่าเพราะอะไรเขาไม่น่าที่จะมาเค้นหาคำตอบอะไรกับฉัน สุดท้ายเมื่อฉันไม่ตอบอะไรกับเขาเขาก็ยอมปล่อยมือออกจากแขนของฉันเอง “จะหนี หึ!! น้ำหน้าอย่างเธอคิดว่าจะมีปัญญาหนีฉันงั้นสินะแสนดี” “อื้อ....” ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เขาบีบแขนฉัน แต่ไม่รู้ว่าเขาเป็นบ้า จู่ๆ ถึงได้มาบีบคอฉันแบบนี้ “อย่าคิดว่าเธอไม่ใช่เมียพ่อฉัน แล้วฉันจะปล่อยเธอไปง่ายๆ”“อึก กะ ก็ไหนว่าคุณจะปล่อยฉันไป ถะ ถ้าฉันออกไปจากชีวิตพ่อของคุณ” ฉันรั้งมือของคุณโชนเขาไว้เพราะเขาบีบคอฉันแรงเอามากๆจนฉันหายใจแทบไม่ออก “ฉันเคยพูดแบบนั้นกับเธอด้วยงั้นหรอแสนดี หึ!!” “ฉะ ฉันหายใจไม่ออก อึก...” ฉันเงยหน้าขึ้นอ้าปากเพื่อช่วยหายใจและพยายามใช้มือผลักคนตรงหน้าออก คุณโชนหัวเราะ หึ ๆ ใน
@โรงพยาบาลฉันปวดท้องตั้งแต่เช้า จนตอนนี้ปาเข้าไปหกโมงเย็นแล้วยังไม่คลอดเลย อาการปวดท้องมันเริ่มปวดหนักขึ้น เรื่อยๆ มันแน่นไปหมดเลยตอนนี้ “ปวดมากท้องมากเลยใช่มั้ย” คุณโชนจับมือฉันเอาไว้ตลอด เขาไม่ปล่อยมือฉันเลยถ้าไม่จำเป็น “ปะ ปวดค่ะ ปะ ปวดมาก” เขาเฝ้าถามฉันตลอดว่าเจ็บท้องมากมั้ย หมอก็มาเช็คปากมดลูกเป็นระยะๆแต่ก็ยังไม่ถึงเวลาคลอด คุณพ่อกับคุณณอณจะที่โรงพยาบาลช่วงบ่าย แต่ฉันยังไม่คลอดทั้งสองคนเลยกลับไปก่อน เอิงเอยก็มาด้วยนะ เธอตัดใจจากคุณโชนได้แล้ว และบอกว่าจะมาใหม่ตอนฉันคลอดแล้ว “อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็คลอด” คุณโชนบีบมือของฉันแน่น แววตาของเขามันเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “ขอบคุณนะคะ ที่ลางานมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน” “เมียกำลังจะคลอดเธอจะให้ฉันมีกะจิตกะใจไปทำงานได้ลงคอรึไง” คุณโชนพูดค้อนฉัน ตอนนี้รู้สึกว่าลูกเริ่มถีบแรงขึ้น เรื่อยๆ และมันทำให้ฉันเจ็บจนตัวเกร็ง มันใกล้แล้วใล่มั้ย อีกนิดเดียวเท่านั้น ฉันก็จะได้เจอหน้าลูกชายของฉันแล้ว... @ห้องคลอด “เบ่งค่ะคุณแม่ อื๊ดดดดดด ~” “อื๊ดดดดดดด ~” “หายใจเข้าออก ลึกๆ แล้วเบ่งอีกนะคะคุณแม่” “คุณพ่อช่วยคุณแม่เบ่งด้วยนะคะ” “หนึ่ง สอง อื๊ดดดดดดด
-ณ ดาดฟ้าของโรงแรมหรูใจกลางเมือง ฉันกำลังนั่งกินมื้อค่ำที่สุดแสนจะโรแมนติกกับคุณโชนสามีของฉัน “อาหารไม่อร่อยหรอคะ ?” ฉันเห็นคุณโชนเอาช้อน เขี่ยๆ จานข้าวสักพักแล้วแหละแต่ก็ไม่ยอมกินสักที “ไม่หรอก ฉันแค่รู้สึกอยากจะอ้วก” “ฉันอุตส่าห์เป็นคนท้อง แท้ๆ ทำไมคุณถึงมาแพ้ท้องแทนฉันได้นะ” “เธอไม่แพ้ก็ดีแล้ว ถ้าท้องอยู่แล้วต้อบมาแพ้ท้องหนักอีกฉันจะได้ไปทำงานรึไง” “ทำไมละคะ ?”“เมียทั้งคนฉันจะไม่ห่วงได้ไง” ดินเนอร์ครั้งนี้มันเป็นอะไรที่เรียบง่าย เราคุยกันปกติเหมือนที่คุยกันทุกวัน ฉันไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้หรอก เพราะยังไงเราก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว ไม่จำเป็นหวานใส่กันตลอดเวลา อีกอย่างเขาก็ไม่ค่อยจะหวานกับฉันเท่าไหร่หรอกนะคุณโชนน่ะ เพราะเขาเขินจนทำตัวไม่ถูก“อย่าลืมนะคะว่าพรุ่งนี้ต้องซักผ้าล้างจานที่ตัวเองกินเอาไว้เมื่อวานด้วย” ฉันบอกคุณโชนในขณะที่เรากำลังนั่งรถกลับบ้านกัน “รู้แล้วครับคุณเมีย พูดกรอกหูตั้งแต่ขาไปยันขากลับ กลัวได้ทำเองรึไง” ฉันฝึกเขาเอาไว้น่ะ ให้หัดทำอะไรด้วยตัวเองเพราะเวลาฉันคลอดลูกคุณโชนจะได้ทำเป็น อีกอย่างพวกเสื้อผ้าลูกฉันไม่อยากให้คนอื่นซักเพราะเป็นเสื้อผ้าเด็กยิ่งต้อ
เช้า...วันนี้ฉันกับคุณโชนตื่นกันตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมของรอใส่บาตรเพื่อเป็นสิริมงคลต่อการเริ่มใช้ชีวิตคู่ในฐานะสามีภรรยาของเรา หลังจากใส่บาตรเสร็จคุณโชนก็เตรียมตัวออกไปบริษัท แต่เขานะสิจะเอาฉันไปด้วยให้ได้เลย งอแงเหมือนเด็กนั่งหน้าบึ้งไม่พูดไม่จาเพราะฉันไม่ยอมไปบริษัทกับเขาด้วย “คุณโชน คุณจะมางอนเหมือนเด็กแบบนี้ไม่ได้นะคะ” “ก็ไปด้วยกันสิ แค่นั้นก็จบ” เขาพูดทั้งที่ยังนั่งหันหลังให้ฉันอยู่ “ฉันอยากอยู่บ้านมากกว่านี่คะ ไปที่บริษัทมันน่าเบื่อ...” “ฉันน่าเบื่อใช่มั้ย” ฉันถึงกับถอนหายใจออกมา ยาวๆ ดูเขาสิ ฉันยังไม่ทันจะพูดอะไรเลยนะ คิดเองเออเองเป็นตุเป็นตะเชียว “เราพึ่งแต่งงานกันเมื่อวานเองนะ คุณอยากจะเซ็นใบหย่าแล้วหรอคะ” ฉันยืนกอดอกมองแผ่นหลังผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของตัวเอง พอคุณโชนได้ยืนคำพูดของฉันเมื่อกี้เขาก็หันควับมามองหน้าฉันตาเขียวปั๊ดทันที “แค่นี้ถึงกับขู่จะหย่าเลยหรอวะแสนดี !!” “ก็คุณพูดไม่รู้เรื่อง” “คิดว่าฉันจะเซ็นใบหย่าให้เธอหรือไง ไม่มีทาง” “ไปทำงานได้แล้วค่ะ” ฉันขี้เกียจจะทะเลาะแล้ว อยากจะพักผ่อนช่วงนี้เหนื่อยง่ายอยากจะนอนตลอดเวลาเลย “
— งานมงคลสมรส “พอใส่ชุดเจ้าสาวแล้วสวยมากเลยนะคะ ^_^” ช่างแต่งหน้าเอ่ยชมฉันเมื่อเห็นฉันเดินออกมาจากห้องแต่งตัว ฉันยิ้มตอบกลับไปด้วยความเขินอาย ฉันมองภาพตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกบานใหญ่ น้ำตามันก็พลอยจะไหลออกมาให้ได้ ฉันไม่เคยวาดฝันว่าตัวเองจะได้ใส่ชุดเจ้าสาวราคา แพงๆ ไม่เคยวาดฝันว่าจะมีงานแต่งที่ใหญ่โตอลังการ ค่าสินสอดหลายสิบล้าน ฉันอยากให้แม่อยู่กับฉันในตอนนี้ด้วยจัง อยากให้แม่ได้มาเห็นลูกสาวคนนี้ในวันที่สำคัญที่สุดในชีวิต ตอนนี้แม่คงจะกำลังมองฉันจากบนสวรรค์ หลังจากที่คุณโชนขอฉันแต่งงาน เราก็ไปบอกคุณท่าน คุณท่านเป็นคนจัดการหาฤกษ์แต่งให้และก็ได้ฤกษ์อีกสองอาทิตย์ ทำเอาพวกเราหัวหมุนกันทุกคนแทบไม่ได้พักผ่อนฉันแอบหวั่นใจอยู่นะว่าคนที่มาในงานเขาจะไม่แปลกใจหรอที่ก่อนหน้านี้ฉันแต่งงานกับคุณท่าน พอมาวันนี้ฉันกลับแต่งงานกับลูกของคุณท่านซะงั้น แต่คุณท่านก็บอกฉันว่าไม่ต้องคิดมากเพราะว่าคุณท่านแก้ข่าวให้แล้ว พิธีกรแต่งงานเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกคนในงานต่างพากันยิ้มมีความสุข พิธีจัดขึ้นแค่ช่วงเช้า หลังจากเสร็จพิธีแต่งงานแล้วฉันกับคุณโชนก็ถูกส่งตัวเข้าหอ — ภายในห้อง “เธอไม่รู้สึกตื่นเต้นบ้าง
ร่างของฉันถูกคุณโชนอุ้มเข้าไปในห้องนอน เขาวางฉันลงบนเตียงอย่างเบามือจากนั้นก็ก้มลงมาประกบริมฝีปากจูบฉัน “อื้ม...” เสียงทุ้มนุ่มของคุณโชนครางออกมาในลำคออย่างพึงพอใจ ฉันไม่กล้าแม้แต่จะลืมตาขึ้นเอาแต่หลับตารับรสจูบสัมผัสที่หอมหวานนั้นของคุณโชน ไม่บ่อยหนักที่เขาจะนุ่มนวลแบบครั้งนี้ เหมือนเขากำลังเอาใจฉันอยู่ เราทั้งคู่ดูดดื่มกับรสจูบได้สักพัก เป็นคุณโชนที่ถอนจูบออกแล้วก็จ้องมองลึกเข้ามาในดวงตาของฉัน “เธอกำลังทำให้ฉันหลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้นนะแสนดีรู้ตัวมั้ย หื้ม...” คุณโชนพูดพรางเอานิ้วเกลี่ยไปมาบนริมฝีปากของฉัน เบาๆ “แต่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” “นั่นสิ ทำไมฉันถึงหลงเธอขนาดนี้กัน” พูดจบเขาก็ก้มหน้าลงมาซุกซอกคอของฉัน ตึกตัก ตึกตัก! เสียงหัวใจของฉันมันเต้นรัวกับคำหวานที่คุณโชนพูดออกมาบอกฉัน มันไม่เคยจะชินเลยสักครั้ง คงจะเป็นเพราะฉันชินกับคุณโชนคนที่ ดิบ เถื่อน ชอบทำร้ายจิตใจฉัน พอเขาเปลี่ยนไปฉันถึงกับใจเต้นรัวทุกครั้งที่เขาพูดคำหวานแบบนี้ “อื้อ อย่าทำให้มันเป็นรอยสิ” ฉันท้วงคนที่กำลังซุกไซร้ซอกคอของฉันอยู่ตอนนี้ เพราะเขากำลังดูดเม้มทำรอยไว้หลายจุดเลย “อยากแสดงความเป็นเจ้าของ ฉันผิด
“ถ้าฉันเป็นโรคอะไรร้ายแรง จริงๆ เธอให้อภัยฉันได้มั้ย ?” เขามองหน้าฉันแววตามีความหวัง เอายังไงดีล่ะฉันจะตอบไปว่ายังไงดี “เกลียดฉันมากขนาดนั้นเลยรึไงถึงเอาแต่เงียบ” “แล้วฉันสมควรที่จะเกลียดคุณมั้ยละคะ” ฉันย้อนถามเขา และครั้งนี้เป็นคุณโชนที่เป็นฝ่ายเงียบซะเอง “ขอโทษ....” “....” “ฉันรู้ว่าคำว่าขอโทษพูดไปมันก็เป็นแค่เพียงลมปาก มันลบสิ่งที่ฉันเคยทำไว้กับเธอไม่ได้” “....” “แต่ฉันพร้อมที่จะดูแลเธอ ชดใช้ในสิ่งที่ฉันเคยทำพลาดไป มันไม่น่าให้อภัยฉันรู้ ฉันก็แค่อยากให้เธอเปิดใจ อึก อึก....” “คะ คุณโชน...!!” ฉันรีบประคองตัวเขาเอาไว้ เขาจะอ้วกอีกแล้ว นี่มันอะไรกันฉันจะร้องไห้แล้วนะ “แสนดี...” “พอแล้วค่ะ ไม่ต้องพูดแล้วไปหาหมอก่อน” “ให้อภัยฉันได้มั้ย....” “....” ฉันเม้มปากแน่น ฉันไม่เคยใจแข็งกับเขาได้เลย จริงๆ “อึก ตะ ตอบหน่อย อึก อ้วก...” “คะ คุณโชน ค่ะโอเคฉันให้อภัยคุณแล้วไปโรงพยาบาลกันนะ” สุดท้ายฉันก็ใจอ่อนให้เขา ฉันคิดดูแล้ว ถ้าครั้งนี้ฉันตัดสินใจพลาด มันจะไม่มีครั้งต่อไปอีก “พูดจริงๆนะ เธอให้อภัยฉันแล้ว” คุณโชนยิ้มให้ฉัน ใบหน้าของเขาซีดเผือดเหมือนคนไม่มีเลือดฝาดบนใบหน้าเลย “ค่ะ
— Talk Sanbee ช่วงเย็น... คุณโชนกลับมาจากบริษัท วันนี้เขาโทรมาหาฉันแล้วพูดจา แปลกๆ แต่พอคุณโชนเดินเข้ามามนห้องฉันก็ต้องตกใจกับสีหย้าที่ซีดเผือดของเขา นี่เขาไม่ได้แกล้งอำฉันเล่นใช่มั้ย “ทะ ทำไมหน้าคุณถึงได้ซีดขนาดนั้นละคะ...” คุณโชนไม่ตอบอะไร เขาเดินมานั่งลง ข้างๆ กับฉันท่าทางเหมือนคนหมดเรี่ยวหมดแรงอย่างไงอย่างงั้น “เหนื่อย...” เขาเอนศีรษะลงมาเกยไว้กับไหล่ของฉันก่อนจะพูดออกมาเสียงแหบพร่า อะไรกัน ทำไมสภาพถึงดูไม่ได้ขนาดนี้เนี่ย !! “ไปหาหมอมั้ยคะ ?” ฉันเป็นห่วงเขาซะจนลืมไปเลยว่าตัวเองโกรธเขาอยู่ “หมอก็ช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอก” คุณโชนตอบเสียงเศร้า อะไรกัน! เขาเป็นอะไรกันแน่ทำไมถึงพูดแบบนี้ “คุณเป็นอะไรคุณโชน” ฉันขมวดคิวเข้าหากันเป็นปมแล้วหันมองคุณโชนอย่างไม่เข้าใจ เขาเป็นจริงๆหรือหลอกฉันอยู่ “ฉัน อึก อึก อ้วก...” ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรคุณโชนก็รีบยกมือขึ้นมาปิดปาก ท่าทางเหมือนจะอ้วกออกมาจากนั้นเขาก็รีบลุกขึ้นวิ่งหน้าตั้งไปเข้าห้องน้ำ ฉันรีบลุกขึ้นเดินตามคุณโชนไป ติดๆ ด้วยความเป็นห่วง ภาพที่ฉันเห็นคือคุณโชนกำลังนั่งสองมือกอดโถส้วมแล้วเอาหน้าซุกโถพร้อมกับโก่งคออ้วกออกมาเสียงดัง “ฉันว
เช้า... เมื่อคืนคุณโชนไม่ได้นอนกับฉันในห้องนะ เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ต้องยอมออกไปนอนข้างนอกอยู่ดี จะมาใช้เหล่เหลี่ยมกับฉัน คิดว่าฉันไม่รู้ทันรึไงกัน “อึก! แสนดีเธอทำอะไรทำไมถึงเหม็นขนาดนี้” คุณโชนเดินเอามือปิดจมูกเข้ามาถามฉันในห้องครัว “ก็ทำอาหารไงคะ ไม่มีตาหรือไง !!” “พอๆ ไม่ต้องทำเหม็นชะมัด !!” “ฉันหิว คุณเหม็นก็ออกไปสิจะมายืนบ่นอยู่ทำไม” “ก็มันเหม็นไปทั่วห้องจะให้ฉันอยู่ยังไง” ฉันกับคุณโชนยืนเถียงกันนานพอสมควร มันเหม็นตรงไหนกัน หาเรื่องฉันอยู่ก็บอกเถอะ !! “อึก อ้วกกก...” จู่ๆ คุณโชนก็ทำท่าเหมือนจะอ้วก เขารีบปิดปากตัวเองแล้ววิ่งออกไปจากห้องครัวทันทีฉันมองตามแผ่นหลับของคุณโชนไปไม่รู้ว่าเขาเป็น จริงๆ หรือแกล้งเรียกร้องความสนใจจากฉันกันแน่ ฉันทำอาหารต่อโดยไม่ได้สนใจคุณโชน ถึงแม้ว่าเสียงอ้วกของเขาจะดังออกมาจากห้องน้ำสักแค่ไหนก็ตาม หลังจากทำอาหารเสร็จฉันก็จัดโต๊ะเตรียมทานข้าว โดยไม่ลืมที่จะเรียกคุณโชนมาทานด้วย ฉันก็ไม่ได้ใจดำถึงขนาดจะให้เขาอดข้างอดน้ำขนาดนั้นหรอก ตอนนี้ฉันกับคุณโชนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน โดยที่คุณโชนกำลังนั่งเอามือปิดจมูกแล้วก็มองอาหารที่ฉันทำอยู่ “ไม่กินก็ไ
ตกดึก... ฉันสั่งให้คุณโชนอาบน้ำตั้งแต่ 5 โมงเย็น เพราะเดี๋ยวเขาจะใช้เป็นข้ออ้างในการมาอยู่ในห้องกับฉัน นานๆ ฉันรู้ทันแผนเขาหรอก ก๊อกๆ ก๊อกๆ (เสียงเคาะห้อง) ฉันทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินเสียงเคาะ มันน่ารำคาญมากขนาดไหนเขาคงไม่รู้ เล่นเคาะห้องติดกันนานหลายนาทีแล้วนะ ตอนแรกฉันเปิดประตูออกไปเขาบอกว่าหิวข้าวฉันเลยปิดประตูใส่หน้าซะเลย หิวข้าวก็ไม่รู้จะมาบอกทำไม ห้องครัวไม่ได้อยู่ในห้องนอนสักหน่อย “แสนดี เปิดประตูหน่อย !!”ก๊อกๆ ก๊อกๆ “แสนดีเปิดแป๊บเดียว !!”“แสนดี....”แกร่ก!! (เสียงเปิดประตูห้อง) ฉันทนไม่ไหวเลยเปิดประตูห้องออกไปเพื่อที่จะถามว่าเขามีอะไรนักหนาถึงได้เอาแต่เคาะห้อง ไม่คิดว่าคนอื่นเขาจะรำคาญบ้างหรือไงกัน “มีอะไรคะ !!” ฉันถามคนตรงหน้าอย่างใส่อารมณ์ “ฉันหิวน้ำ” คุณโชนมองฉันตาเป็นประกาย “หิวน้ำก็ไปกินน้ำสิจะมาบอกฉันทำไม ตู้เย็นอยู่ข้างนอก !!” ฉันพ่นลมหายใจออกมา แรงๆ เคาะห้องตั้งนานเพื่อที่จะมาบอกฉันว่าตัวเองหิวน้ำเนี่ยนะ “...ฉันหิวน้ำเธอ ในตู้เย็นมันมีหรือไง” “นะ นี่อย่ามาพูดอะไรแบบนี้นะ !!” ฉันพูดเสียงดังกลบเกลื่อนความเขินอายของตัวเอง ตอนนี้ใบหน้ามันเห่อร้อนขึ้นมาจนรามไป