พอโดนดุคนตัวเล็กกว่าเพียงยักไหล่ให้ด้วยความเคยชิน..เล่นเอาคุณสามีหน้าบูดกับกริยาก๋ากั่นของภรรยาตัวร้าย ร่างสูงโปร่งเลือกนั่งโต๊ะตัวหลังสุด..ใบหน้าหล่อเหลาราวกับหยกเนื้อดีเปลี่ยนมาเป็นเรียบเฉย
“อาซาน..เอาเหมือนเดิมใช่มั้ย? ต้มขาไก่น้ำแดง หมูสับผัดหนำเลี๊ยบ ผัดกุ้ยช่ายขาวหมูกรอบ..ข้าวต้มสองชาม?”
"ครับ...เฮีย"เสียงทุ้มต่ำตอบ...ร่างสูงโปร่งเลือกนั่งเก้าอี้ไม้กลม..เวลานี้พระอาทิตย์เริ่มลาลับฟ้า..ดารินทรุดตัวนั่งฝั่งตรงกันข้าม...ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ..เธอสัมผัสถึงความสุขส่งผ่านจากร่างเดิม...ก่อนที่จะทันได้คิดอะไรปากก็เผลอส่งคำถามออกไปจากความทรงจำจางๆ ของร่างเดิม
"ไม่สั่งต้มจับฉ่ายของโปรดของเฮียเหรอ?"มือเรียวสวยของคุณหมอหนุ่มชะงักจากเทน้ำชาใส่ถ้วยเล็ก...ดวงตาสองชั้นหลบในหลุบลง..น้ำเสียงที่ตอบไปติดจะเย็นชา
"ไม่เป็นไร..เฮียกินอะไรก็ได้ สั่งเยอะเปลืองเงิน"ความหวานประแหล่มเข้าจู่โจม..ดารินรู้ความรู้สึกที่เป็นอยู่มาจากเจ้าของร่างเดิม..ริมฝีปากรูปกระจับเม้มแน่น..เธอหาใช่ผู้หญิงที่พึ่งพิงแต่ผู้ชาย..แถมให้เขาเลี้ยงข้าว..แต่มีเพียงเมนูที่เธอชอบก็กระไรอยู่
ร่างเพรียวระหงตัดสินใจเดินไปหาคุณลุงเจ้าของร้าน
"เฮียคะ จินจินขอเปลี่ยนจากผัดกุ้ยช่ายขาวหมูกรอบ เป็นต้มจับฉ่ายแทนได้มั้ยคะ"น้ำเสียงสุภาพ..มาพร้อมรอยยิ้มหวานจับใจ..ดวงตาได้รูปพราวระยับ..เล่นเอาคนขายที่เห็นกันตั้งแต่เล็ก..เผลอทำทัพพีในมือตก..นึกแปลกใจ..หญิงสาวสวยขนาดนี้เลยเหรอ?
"ได้ซิๆ เดี๋ยวเฮียเปลี่ยนให้..ลื้อไปนั่งรอเลย"น้ำเสียงตะกุกตะกักของคนสูงวัย..ได้รอยยิ้มหวานกับคำขอบคุณเป็นรางวัล
ดวงตาคมกริบของคนตัวโตมองตามด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก..มีเพียงรอยยิ้มหยามหยัน..ที่เธอเห็นแล้วขัดใจไปบ้าง
ตอนที่อาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ..ภาพความทรงจำของร่างเดิมเริ่มไหลทะลักเข้ามา..ร้านนี้เดิมเป็นร้านที่คุณสามีชอบพามาทาน..และเป็นร้านเดียวที่เขาพามาเดทตั้งแต่แต่งงานกันมา...ส่วนหนึ่งเพราะเขาทำงานยุ่งมาก..อดีตเธอเคยวีนเหวี่ยงเขา..ข้อหาที่เขาไม่พาไปกินร้านอาหารเหลาแพงๆ ชายหนุ่มจะใช้วิธีเงียบ หรือไม่ก็เดินหนี ตอนหลังถึงขนาดไม่ออกมากินข้าวนอกบ้านเป็นเพื่อนเธอ..และแทบจะหลับนอนอยู่ในห้องพักโรงพยาบาล
กว่าเธอจะรู้ตัว..ว่าสูญเสียความน่าเอ็นดูที่พอจะมีบ้างในสายตาของเขา..ความสัมพันธ์ของสามีภรรยาก็เริ่มห่างออกไปแล้ว
“มัวแต่นั่งเหม่อ ไม่หิวแล้วหรือยังไง?”คนอายุมากกว่าถอนหายใจ ก่อนจะคีบขาไก่น้ำแดงของโปรดไปให้..ด้วยคิดว่าคนเป็นภรรยาคงเรียกร้องความใส่ใจเหมือนเช่นทุกครั้ง..ดวงตาคู่สวยมองกับข้าวบนชามข้าวต้ม..ทั้งยังพึมพำขอบคุณ
บรรยากาศมื้อเย็นเงียบลงเสียอย่างงั้น..แต่สำหรับลี่ซานแล้วเขาพอใจมาก อย่างน้อยภรรยาตัวแสบไม่ได้ชวนทะเลาะอย่างที่แล้วๆ มา หลังจบมื้ออาหาร สามีตัวโตก็เดินนำเธอกลับบ้านทางเดิม สองข้างทางบ้านเรือนเริ่มทยอยปิดบ้าน ช่างต่างจากยุคสมัยที่เธอจากมาเสียเหลือเกิน
"กุจแจบ้านละ"คุณหมอหนุ่มหันมาถาม ภรรยาสาวส่ายหน้าหวือ เขาถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะไขกุจแจเข้าบ้าน ดารินเดินตามหน้ามุ่ยทันที เวลานี้บ้านทั้งหลังมีเพียงแสงไฟสลัว ลี่ซานเดินไปที่โต๊ะไม้จีนสลักลายหงส์ ลิ้นชักด้านบนมีกล่องขนาดไม่ใหญ่มาก เขาเลือกหยิบกุจแจบ้านสำรองให้คุณภรรยา
"อย่าทำหายอีกละ"คนตัวโตย้ำคำพูด
"อื่อ รู้แล้ว"
"พูดไม่เพราะเลยนะ"เสียงเข้มแกมดุ
"เจ้าค่ะๆ ไม่ทำหายแล้วค่ะ สัญญา"คนเป็นภรรยาตัวปลอมรับคำ ทั้งยังคว้ากุจแจมาใส่กระเป๋าอย่างดี
"ไปอาบน้ำได้แล้ว"เสียงเข้มสั่งราวกับเธอเป็นเด็กเล็กที่ต้องได้รับการดูแล...เธอเองก็ได้แต่รับคำเสียงเบา...ก่อนที่ร่างสูงโปร่งผิวขาวจัดจะเดินนำขึ้นชั้นสองของบ้าน
ห้องนอนของเขาและเธอมีขนาดกว้างกว่าที่ดารินคิด เพียงแต่เฟอร์นิเจอร์ในห้อง มีเพียงเตียงนอนขนาดหกฟุต ผ้าปูที่นอนเป็นสีเทาสะอาดสะอ้าน ปลายเตียงมีโต๊ะเครื่องแป้งไม้ บนโต๊ะมีครีมสารพัดอย่าง รวมทั้งเครื่องสำอางกองโต...หญิงสาวเดินเข้าไปหยิบบางชิ้นขึ้นมาดู มันช่างวินเทจเหลือเกิน
ส่วนคุณสามี ที่มีหน้าตาราวกับอดีตคู่หมั้นเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานที่มีเพียงตัวเดียวในห้อง ข้างโต๊ะมีตู้หนังสือขนาดใหญ่ เขาเลือกจะหยิบหนังสือเกี่ยวกับการแพทย์ขึ้นมาศึกษา แล้วเงียบไป หญิงสาวจึงทำได้เพียงแต่เดินไปดูที่ตู้เสื้อผ้าก่อนจะหยิบเสื้อนอนแขนกุดสีขาว กับผ้าถุงที่พับเรียบร้อยอยู่บนชั้น...ดวงตาคู่สวยฉายแววลังเล...นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เธอไม่ได้ใส่ผ้าถุง น่าจะตั้งแต่เรียนรำไทยช่วงประถมมั้ย?
สาวยุค202x ถอนหายใจอย่างละเหี่ยใจ ก่อนที่จะจัดแจงไปอาบน้ำแต่งตัว
ตอนที่เธอทำอะไรเสร็จ คนเป็นสามียังคงนั่งศึกษาตำราแพทย์โดยไม่เปลี่ยนท่า เพิ่มเติมมีเพียงแว่นสายตา..ที่สวมใส่แล้ว..ส่งผลให้ชายหนุ่มดูภูมิฐานกว่าปกติขึ้นอักโข จากการคาดคะเนเขาน่าจะอายุราวยี่สิบกว่า ในขณะที่ตัวเธออายุเพียงสิบเก้าปี สถานะของเธอกับเขาตอนนี้..ย่อมแตกต่างจากสถานะของเธอกับคู่หมั้นหนุ่ม ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน..กริยาบางอย่างของหญิงสาวจึงแฝงไปด้วยความเกรงใจโดยไม่รู้ตัว
อาจเพราะเธอจ้องนานเกินไป เขาเลยหันมามองอย่างติดจะรำคาญนิดๆ
"นอนก่อนก็ได้นะ ไม่ต้องรอ"เขาสั่ง จินเยว่รับคำเสียงเบา ร่างบอบบางปีนขึ้นเตียงไปนอนด้านในสุด...คนตัวโตถอนหายใจอย่างระอา ก่อนจะวางหนังสือในมือลง
"ไม่กางมุ้งหรือยังไง?"
"อ๋อ กางยังไงละคะ"คนเป็นภรรยาถามพร้อมกับลุกขึ้นนั่ง ในชีวิตแม้ช่วงวัยที่เกิดมาจะลำบาก แต่ม๊ะม๊าของเธอก็แทบไม่เคยปล่อยให้เธอนอนตากยุง บ้านหลังน้อยมีมุ้งลวดรอบห้องนอน คนเป็นสามีเห็นท่าทางไม่ได้ความยิ่งหงุดหงิด เขาลุกขึ้นมากางให้เธออย่างเสียไม่ได้ ดวงตาเย็นเยียบเต็มไปด้วยความดูถูก...เล่นเอาคนตัวเล็กเม้มปากแน่น เธอแอบมองวิธีการก่อนจะจดจำทุกอย่างไว้ขึ้นใจ พรุ่งนี้จะได้ไม่รบกวนเขาอีก
ตอนที่ชายหนุ่มขึ้นมานอนบนเตียงเดียวกัน..ดารินเองก็ยังนอนไม่หลับ ทุกอย่างในวันนี้เต็มไปด้วยความสับสน การเปลี่ยนแปลงในชีวิตมากกว่าที่แล้วๆ มา...ทำให้ผู้บริหารสาวชักคิดหนัก..วางแผนจะแก้ตามหน้างานไปทีละเรื่อง
ทางด้านลี่ซานเองออกเวรมาก็เหนื่อยแสนเหนื่อย ยังต้องมาเจอปัญหาภรรยาตัวร้ายผู้ชอบก่อเรื่องจนเขาแยกไม่ออกว่าอันไหนเรื่องจริง อันไหนเรื่องเล่น ร่างสูงโปร่งพลิกไปพลิกมาเพื่อกล่อมตัวเองหลับ นึกอิจฉาคนต้นเรื่องที่นอนหลับสนิทราวกับชีวิตนี้ไม่เคยต้องพบเจอปัญหาอะไรเลย
ใบหน้านวลสวยไร้เครื่องสำอางหนาเต๊อะ ยังคงงดงามราวกับรูปปั้น แต่เจ้าหล่อนก็หาใช่คนที่เขาต้องการจะแต่งงานด้วยไม่...สำหรับคนเป็นหมอแล้วภาพลักษณ์ภายนอกของผู้หญิง เวลาแก่ตัว...หรือปลงสังขารย่อมไม่ต่างกัน...ยิ่งคิดถึงนวลเนื้อนางที่เคยสัญญากันเอาไว้ว่าเขาจะไปขอ.. ยิ่งรู้สึกผิด และนึกรังเกียจผู้หญิงที่นอนอยู่เคียงข้าง
แม้แต่ยามนอน เจ้าหล่อนก็ยังห่มผ้าห่มไม่เรียบร้อย จนเขาต้องตามมาห่มตอนกลางคืนให้ทุกคืน...ครั้งนี้ก็เช่นกัน...ร่างสูงโปร่งของคนเป็นสามีขยับผ้าห่มยัดเข้าไปตรงปลายเท้าของหญิงสาว..กันเธอนอนดิ้น
ไม่ได้นึกห่วง หรือรักใคร่ เพียงแต่กลัวเธอจะเป็นหวัดเท่านั้น พอเช็กสภาพของภรรยาตัวแสบว่าเรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวยกยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะนอนหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน ทิ้งให้สาวเจ้านอนตัวแข็งทื่อ...ความรู้สึกอบอุ่นเริ่มซึมลงกลางใจ...ไม่นึกแปลกใจว่าทำไมร่างนี้ถึงรักหลงสามีมากขนาดนั้น
กว่าที่หญิงสาวต่างภพผล่อยหลับ ก็ย่างดึกสงัด และเช่นเคยเจ้าหล่อนก็ยังนอนดิ้น นอกจากจะถีบผ้าห่มผืนน้อยออกจากตัว ยังพลิกมานอนเบียดไอ้ต้าวสามี..จนคนอายุมากกว่าตกใจตื่น..ดวงตาคมกริบฉายแววเหนื่อยล้า ก่อนจะหรี่ตามองยัยตัวเล็กที่นอนคุดตัวในอ้อมกอด..มือใหญ่ค่อยๆ ดันร่างบอบบางไปตรงกลางเตียง..ผ้าห่มผืนบางที่ถูกถีบถูกจัดแจงห่มใหม่อีกรอบ เสียงไก่ขันบ่งบอกเวลาใกล้เช้า ร่างสูงโปร่งตัดสินใจลุกขึ้นอาบน้ำเตรียมไปโรงพยาบาล โดยปล่อยภรรยาตัวร้ายนอนทับตะวันเหมือนเฉกเช่นทุกวัน จวบจนเวลาล่วงเลยเกือบแปดโมง คนที่ตื่นเช้ามาตลอดชีวิตก็สะดุ้งตกใจตื่น มือเรียวสวยขยี้หูขยี้ตาเรียกสติ ดวงตาคมหวานซึ้งกวาดตามองรอบห้องๆ คาดหวังว่าให้เรื่องเมื่อวานเป็นเพียงฝันไป...แต่ความจริงก็ยังเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ เธอได้ย้อนมาอยู่ในอีกยุคสมัยหนึ่งจริงๆ!!เมื่อได้นอนหนึ่งตื่น คนที่ถูกสอนมาให้แก้ปัญหา เริ่มเรียบเรียงความคิด..สิ่งแรกที่เธอควรทำ...คือการพิจารณาสถานการณ์ของตัวเองให้รอบคอบ อาจเพราะความทรงจำของร่างเดิมที่ขาดๆ แหว่งๆ ชวนให้หงุดหงิดใจ..สิ่งที่ทำได้คือการอยู่ปัจจุบันคิดได้ดังนั้น..คนตัวเล็กก็จัดแจงพับผ้าห่ม เก็บที่นอนใ
คิ้วได้รูปของดรุณีสาวเพียงยักขึ้น ดวงตาหวานเจือดุหรี่มองพร้อมกอดอก ไอ้ต้าวหัวขโมยตัวเล็กหลุบตาลงอย่างคนไม่กล้าสู้หน้า ในขณะที่ผู้สูงวัยกว่าเตรียมจะฟาดไม่ยั้ง"ลื้อมีปัญหาอะไรหรืออาจินจิน หรือคิดจะเข้าข้างอาตี๋ของลื้อ"น้ำเสียงข่มขู่ ทั้งคำเรียกขานของเจ้าของบ้าน เรียกสายตาประหลาดใจจากหญิงสาวได้ไม่น้อย ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความครุ่นคิด..ไอ้ต้าวหัวขโมยรู้จักเธอ?“พวกคุณกล่าวหาว่าเด็กคนนี้เป็นหัวขโมย...มีหลักฐานหรือเปล่า?”“นี้ไง เงินที่อาเทียนขโมยไป..แล้วพวกเพื่อนๆอั้วก็เห็นอีขโมยเงินด้วยจริงมั้ย?”คำท้ายของเด็กชายอายุมากสุดในกลุ่ม หันไปขอความเห็นกับบรรดาพวกลิ้วล้อ พวกนั้นเพียงพยักหน้ารับ แต่หากล้าสู้หน้ากับเจ่เจ้คนสวย..เพราะประวัติความดุร้ายของจินเยว่ขึ้นชื่อลือชาในชุมชนชาวจีนไม่ใช่น้อย“เหรอ แต่เงินไม่ได้อยู่ในมือเด็กนั้นนี้ แต่อยู่ในมือนาย”“นี้อาจินจิน ลื้อจะหาว่าลูกชายอั้วเป็นคนขโมย อาตี๋เล็กบ้านอั้วนี้นะจะขโมย? ถ้าอีอยากได้..อีก็ขออั้วแล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องขโมยเงินเลย...ไม่เหมือนกับไอ้เด็กเหลือขอน้องชายลื้อหรอก ที่บ้านฐานะก็ยาจก ขโมยของชาวบ้านเขาไปทั่ว”คำว่า ‘น้องชาย’ ส่งผลให้คนตัวเ
"เราเป็นพี่น้องกันถูกมั้ย? ถ้านายหิวขนาดนั้นทำไมไม่มาขอดีๆ ทำไมต้องขโมยด้วยละ"น้ำเสียงคนอายุมากกว่าเต็มไปด้วยความสงสัย บรรยากาศบางอย่างส่งผลให้เด็กชายรู้สึกผิดปกติ...หญิงสาวตรงหน้ายังคงดุร้ายไม่ต่างจากในอดีต แต่ในความดุนั้นยังแฝงด้วยกระแสธารความเมตตา ที่เขาเองก็สัมผัสมันได้โดยเฉพาะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ถ้าเป็นเจ่เจ้จินจินจอมเห็นแก่ตัว เอาแน่เอานอนกับอารมณ์ไม่ได้คนนั้น..คนเป็นพี่คงจะจัดการกับอาซ้อเหมย ด้วยวิธีการ 'ด่า' ทะเลาะเบาะแว้งกันลั่นถนน เขารู้ว่าเจ่เจ้ต้องช่วยเขา...แต่เหตุผลที่ช่วยคงไม่ใช่พิศวาสนึกรักน้องชายหรอก แต่เป็นเพราะสำหรับเธอแล้ว น้องชายไม่ต่างจากสิ่งของ หรือสัตว์เลี้ยง... คนเป็นเจ้าของสามารถทิ้งขว้างหรือรังแกได้...แต่หายอมให้คนอื่นรังแกไม่...นั่นแหละ 'จินเยว่' เจ่เจ้คนสวย และแสนดุร้ายของเขา"ว่าไง ทำไมเงียบ"คนอายุมากกว่ารีบทวนคำถามซ้ำ คนเป็นน้องเม้มปากแน่น ดวงตาชั้นเดียวชี้ขึ้นค้อนควักเต็มไปด้วยความเจ็บใจปนน้อยใจ"ขออย่างงั้นเหรอ? คนหวงของแบบเจ้จินจินนี้นะ จะยอมแบ่งของกินของใช้..เงินทองให้กับคนอื่น""เดี๋ยวนี้ฉันพี่นายจริงๆ ใช่มั้ย?"หญิงสาวชักไม่แน่ใจ แต่ดูจากท่าทีเด็ก
แต่เธอก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่แม่ของเธอเลือกเป็นสิ่งที่ถูกต้อง หรือสิ่งที่ผิด เพราะตั้งแต่อาปา แต่งเมียรองเข้าบ้าน...ผู้สูงวัยก็ทำหน้าที่สามีที่ดี เลิกจากงานเป็นคนขับเรือขนส่งสินค้า ซึ่งเป็นธุรกิจขนาดกลางของที่บ้าน ก็คลุกอยู่กับลูกเล็กซึ่งก็คือเธอ กับเมียรอง ที่น่าแปลกแม่บ้านใหญ่ยังคงหัวอ่อน และปล่อยชีวิตตามน้ำไปเรื่อยๆ เธอไม่เคยวีนเคยเหวี่ยงยังคงทำหน้าที่สะใภ้คนจีนทั้งดูแลพ่อแม่สามี ทำงานบ้าน ไปช่วยธุรกิจกงสีของที่บ้าน ดูแลลูกชายลูกสาวทั้งสองเป็นอย่างดี อาปาของเธอเองเพียงมีหน้าที่ไปกินข้าวเย็นกับที่บ้านใหญ่ ส่วนเวลาที่เหลือก็ดูแลเธอกับแม่หลังจากฟังเรื่องราวที่น้องชายเล่า...ภาพความทรงจำลางๆ บางอย่างกับลอยขึ้นมา ภาพชายร่างสูงใหญ่...แววตาเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู อ้อมกอดอบอุ่นของหญิงสาวคนหนึ่งกับโอบกอดเธอไว้ "แล้ว...อาปากับแม่เจ้ละ ท่านทั้งสองอยู่ไหน"หญิงสาวสอบถามด้วยความสงสัย...ความรู้สึกเศร้าจางๆ วาบเข้ามา ดารินรู้ว่ามันคือความรู้สึกของร่างเดิม... คำถามของคนเป็นพี่ทำเด็กชายเงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่เจ้าตัวแสบจะกินข้าวไปด้วยเล่าไปด้วย"เสียทั้งคู่แล้ว แม่ของเจ้ เสียตอนเจ้ห้าขวบ ส่วนอาปาเสี
ณ ตึกแถวหัวมุม"เจ่เจ้จินจิน ทำไมต้องซื้อข้าวของเยอะขนาดนี้ด้วย"น้องชายตัวผอมบ่นกระปอดกระแปด มือเล็กแต่หยาบช่วยบรรดาเฮียๆ ผู้ซึ่งเป็นลูกจ้างขนของเข้าบ้านมีทั้งหม้อ กระทะหลายขนาด ตะหลิวทัพพี อะไรที่ควรมียัยเจ่เจ้หน้าสวยตัวแสบขนซื้อมาหมด"ของมันต้องใช้"คนเป็นพี่ตอบเสียงเรียบ มือเรียวสวยจัดแจงแยกผัก แยกหมูไข่ใส่ตู้เย็น เฟยเทียนได้แต่เบ้ปาก...ตั้งแต่จำความได้ชีวิตที่เติบโตมาด้วยกัน..พี่สาวเขาไหนเลยเคยเข้าครัว...ถ้าเป็นเจ่เจ้เซียงเซียงก็ว่าไปอย่าง บ้านตระกูลอื่นลูกสาวเมียรองอาจต้องเก่งงานบ้านงานเรือนงานครัว ดูแลปรนนิบัติผู้สูงวัยในตระกูล ถ้าจะมียกเว้นก็คงเป็นครอบครัวเขานี่แหละ ตั้งแต่อาปาพาลูกสาวอันเกิดจากภรรยาที่รักกลับบ้าน ชีวิตของจินเยว่ก็ราวกับเจ้าหญิง งานบ้านงานเรือนเป็นหน้าที่ของม๊าใหญ่กับพี่สาวคนโต ส่วนอาปากับเฮียคังคือคนหาเงินเข้าบ้าน ส่วนลูกชายคนเล็กแบบเขายังมีหน้าที่ช่วยอาปา อาม๊าหยิบจับงานเล็กๆ น้อย เขายังจำได้ครั้งหนึ่งในวัยแรกรุ่น เจ่เจ้เซียงเซียงมีนัดกิจกรรมในวันหยุดที่โรงเรียนกับเพื่อนๆ ส่งผลให้วันนั้นเจ้ไม่ได้ซักชุดนักเรียน กับถุงเท้าของเจ่เจ้จินจิน...พอเจ่เจ้เซียงเซียงกล
บนโต๊ะกลมกลางบ้าน หนึ่งเด็กชาย หนึ่งหญิงสาวนั่งกินข้าวด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย โดยจินเยว่เองเริ่มเนียนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากน้องชายผู้เฉลียวฉลาด"ว่าแต่ปีนี้ปีพ.ศ.อะไร?""เจ้หมายถึงพุทธศักราช?""อื่อ"คนเป็นพี่รับเสียงเรียบ เฟยเทียนมีสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย แม้แต่เรื่องชีวิตประจำวัน...พี่สาวเขายังลืม..อาการชักหนักแล้ว แต่ก็ยังคงตอบไป"ปีพุทธศักราช 2493 ครับ""1950?""เจ้หมายความว่ายังไง""แปลว่าตอนนี้เป็นยุคสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่สองซินะ"คนเป็นพี่เริ่มพึมพำ..ดวงตาคู่สวยหรี่ลงเล็กน้อย..สมัยเรียนวิชาประวัติศาสตร์เธอจดจำได้ว่าสงครามโลกครั้งที่สองจบในปี 1945 ในความโชคร้ายก็ยังคงมีความโชคดีอยู่บ้าง..เพราะถ้าเธอเกิดดวงซวยต้องไปเกิดในช่วงสงครามเธอนึกสภาพตัวเองออกตัวรอดไม่ออกเลย เด็กชายพยักหน้ารับ ทั้งยังอธิบายเพิ่ม"ใช่เจ้ ข้าวปลาอาหารเลยแพง อั้วกับหลานๆ เลยอยู่กันแบบอดๆ ยากๆ ยิ่งช่วงหลังอาปาเสียครอบครัวเราลำบากกันมาก รายได้ก็ขาด รายจ่ายก็มาก..ช่วงนี้ยังดีที่ราคาสินค้าถูกลงมาเยอะแล้ว"น้ำเสียงแหบพร่าเต็มไปด้วยอารมณ์ของลูกชายคนสุดท้องเศร้าหมอง สำหรับเขาอาปาเป็นผู้ชายที่ขยันอดทน นอกจากงานของกงสี
ใช้เวลาสักพักกับข้าวบนโต๊ะก็เกลี้ยง เล่นเอาภรรยาคนสวยมองตาปริบๆ ไหนบอกว่าแค่ 'ก็ดี' ไง.. ใบหน้าหล่อเหลาราวกับหยกชั้นดีมีสีหน้าอิ่มเอมมากกว่าทุกๆ วัน ริมฝีปากแดงหยักเปื้อนด้วยคราบน้ำมัน..เล่นเอาแม่ครัวจำเป็นนิ่วหน้าเล็กน้อย..มือคู่สวยหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยในกระเป๋ากางเกงเอื้อมมาเช็ดให้ ตัวเจ้าหล่อนเอนเข้าหาแทบจะตัวติดกัน..กลิ่นหอมอ่อนๆ บนนวลเนื้อสาว...ทำเอาชายหนุ่มหน้าแดงแปร๊ด"นายนี้นะ ยังเหมือนเดิมเลย...กินก็เลอะ ฉันทำอาหารอร่อยใช่มั้ยละ"คำท้ายมีเย้า ดวงตาได้รูปสวยพราวระยับ ก่อนที่มือใหญ่หันมากุมข้อมือไอ้ต้าวตัวเล็ก เสียงแหบพร่ากระซิบใกล้หูอย่างดุๆ"พูดไม่สุภาพอีกแล้วนะ"อาจเพราะดวงตาคมแวววับคาดโทษ หรือคำพูดที่เขาใช้เตือน..ส่งผลให้หญิงสาวต่างภพได้สติ..เขาไม่ใช่คู่หมั้นผู้คลั่งรักเธอ!! ก่อนที่ไอ้ต้าวตัวเล็กจะทันได้พูดอะไร คุณสามีก็เลือกที่จะเตรียมหนีขึ้นข้างบนอีกตามเคย เล่นเอาจินเยว่นิ่วหน้า"เดี๋ยวนั่น เฮียจะไปไหน?""...""เฮียลืมอะไรหรือเปล่า?""อื่ม ไม่นะ""ช่วยฉันเก็บถ้วยชามบนโต๊ะด้วยค่ะ แล้วก็เอาไปล้าง..ฉันเคยบอกเฮียซานแล้วใช่มั้ย บ้านเราอยู่ด้วยกันต้องช่วยกันดูแล วันนี้ฉันเป็นคน
เมื่อเห็นเจ้าของบ้านเงียบไป..คนตัวเล็กกว่าชักหงุดหงิดใจ..แถมไอ้ต้าวหน้าหล่อยังคงทำสีหน้าอ่านไม่ออกด้วยแล้ว..ยิ่งอยากเอาอะไรฟาดให้สักเปรี้ยง..แต่ก็ต้องคอยท่องกับตัวเองในใจว่าเธอยังคงต้องพึ่งพาเขาอยู่..หน้ากากความน่ารักอ่อนหวานจึงถูกยัยตัวแสบหยิบมาใช้ทันที"นะคะเฮียซาน จินจิน..อยากขายของ"เสียงหวานออดอ้อนอย่างที่ใช้นับครั้งได้ แต่สามีตัวโตยังคงมองกลับมาอย่างคนรู้ทัน"...""นะคะ""หึ แล้วแต่เธอซิอยากทำอะไรก็ทำ..ขอแค่อยากสร้างเรื่องให้เฮียต้องมาตามเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้ก็พอ" คำพูดกระแหนะกระแหนเย็นชาทำคนตัวเล็กกว่าสะอึก..แถมพูดจบชายหนุ่มก็ลุกไปนั่งอ่านหนังสือต่อซะงั้น เล่นเอาหญิงสาวต่างภพมองตามอย่างหงุดหงิดใจเล็กๆ แต่ก็ยังทำอะไรเขามากไม่ได้ ร่างเพรียวระหงจึงลุกขึ้นไปจัดแจงกางมุ้ง..ด้วยความตั้งใจจะนอนตั้งแต่หัวค่ำ..เพราะพรุ่งนี้ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่เธอ 'ต้องทำ'และวันนี้ต่างจากเมื่อคืนวาน..พอหัวถึงหมอนปุ๊บไอ้ต้าวตัวเล็กก็หลับสนิทปั๊บ เรียกสายตาคมปนครุ่นคิดของสามีตัวโต'เธอคิดจะทำอะไรกันแน่นะ จินเยว่'จวบจนรุ่งสางเจ้าของบ้านหนุ่มลุกขึ้นมาก็ไม่เจอภรรยาตัวแสบแล้ว..เล่นเอาเขาประหลาดใจไม่น้อย..ย
ณ มหาวิทยาลัย J ชื่อดังระดับต้นๆ ของประเทศหลังตึกคณะบริหารธุรกิจ...หญิงสาวในชุดนักศึกษากำลังยืนรอชายหนุ่มทายาทของตระกูลดังอย่างใจจดใจจ่อ...ท่าทางกระสับกระส่ายพาลให้เพื่อนสาวที่มาด้วยสองคนหัวเราะคึกคัก "ยัยซีลีนเธอจะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้นยะ ทำเหมือนไม่เคยอ่อยผู้ไปได้"เพื่อนที่มาด้วยกันแซวเมื่อเห็นดาวคณะนิเทศกระสับกระส่ายใบหน้าสวยเฉี่ยวตามสมัยนิยมถูกแต่งแต้มเป๊ะปัง จนหนุ่มๆ พากันเหลียวหลังมองด้วยความชื่นชม...นอกจากหน้าตาที่ดีเลิศ โปรไฟล์เจ้าหล่อนก็แสนจะไม่ธรรมดา..เพราะเป็นถึงลูกสาวบริษัทรับเหมารายใหญ่ระดับประเทศ คนที่มาจีบมีตั้งแต่ลูกเศรษฐีด้วยกัน ไปจนนักธุรกิจหนุ่มดาวรุ่ง...แต่ชายที่หญิงสาวตกหลุมรักดันเป็นชายหนุ่มสุดหล่อแสนเย็นชาของคณะบริหาร"คีรีมาทางนั้นแล้วยัยซีลีน"เพื่อนอีกคนรีบสะกิด เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าราวกับหลุดมาจากนิยายจีน..ที่ตอนนี้มีสีหน้าเรียบเฉยติดจะเย็นชาเล็กน้อย..ยิ่งสายตาคมกริบที่กวาดมองยิ่งพาให้หัวใจไฮโซสาวหวั่นไหวร่างอวบอิ่มรีบเดินเข้าไปตรงหน้าตามแรงผลักของคนเป็นเพื่อน"สวัสดีคีรี"เสียงหวานเอ่ยถามขึ้น พร้อมช้อนดวงตากลมโตขึ้นมอง...ชายหนุ่มเพียงหรี่ต
ย้อนไปเมื่อสิบปีก่อนณ MMMO international schoolเด็กหนุ่มชั้นมัธยมปีศึกษาปีที่สี่ผู้มีฐานะเป็นหลานของเจ้าของโรงเรียนเอกชนอันดับหนึ่งของประเทศ..ซึ่งเวลานี้กำลังนั่งอารมณ์ไม่ดีอยู่บริเวณหน้าโถงประชุมของโรงเรียน ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มบูดบึ้ง..นัยน์ตาคมกริบกวาดมองหมู่คนที่ผ่านไปผ่านมา..คล้ายกับกำลังใครสักคนอยู่...รุ่นพี่รุ่นน้องผู้หญิงเมื่อสบสายตาเข้าก็แทบเป็นลม..บรรยากาศเย็นชาน่าหลงใหลไม่ได้ทำให้ความนิยมในตัวเด็กหนุ่มน้อยลงเลยไม่ถ้าในโรงเรียนหรือมหาลัยวิทยาลัยมีเดือนคณะ นายคีรี สิริวงษ์ชัย ย่อมเหนือเมนขึ้นไปอีกขั้นแน่ละ ทั้งรูปร่างหน้าตา..รวมถึงฐานะวงศ์ตระกูลที่จัดอยู่ในหนึ่งกลุ่มลูกหลานผู้มีอิทธิพลระดับประเทศ...รวมถึงผลการเรียนอันดับหนึ่งของสายชั้น เมื่อขึ้นเวทีร้องเพลงเสียงก็เพราะเป็นหนักหนา..ต้องเรียกว่า hot ยิ่งกว่า hotดังนั้นตั้งแต่เกิดมาใครๆ ล้วนต่างประจบสอพลอ เชิดชูบูชา ถ้าจะมีคนหนึ่งที่ปฏิเสธมัน ก็คงไม่พ้นนางสาวดาริน กิตติวรชัยกุล เจ้าหล่อนอย่าว่าแต่ประจบเอาใจเขาเลย วันๆ มีแต่ไล่เขาไปให้พ้นๆ หน้าอีกทั้งวันนี้ยัยตัวร้ายยังหลอกให้เขามารอหน้าโถงประชุมใหญ่ได้ครึ่งค่อนชั่วโมง ทั้งๆ
รถสปอร์ตคันหรูยังวิ่งไปตามทางที่คุ้นเคย..เพียงแต่รอบนี้หญิงสาวสายซิ่งกับขับรถด้วยความไวที่ช้าลงกว่าปกติ หลังคารถเปิดประทุนถูกเปิดออก..สายลมยามดึกปะทะหน้าพาให้อารมณ์ดีไม่น้อย..ผมดำสลวยที่เริ่มยาวถูกมัดรวบง่ายๆ ไว้ด้านหลัง น่าแปลกปกติอดีตคู่หมั้นคนสวยจะตัดมันเสียสั้นกุด เพราะเจ้าหล่อนติดนิสัยขี้รำคาญจวบจนรถหรูจอดสนิทตรงลานจอดรถสะพานขึ้น p มันคือสถานที่...ที่หญิงสาวมาทุกครั้งเวลาไม่สบายใจ หรือเวลาที่เขารู้สึกแย่..เธอจะยืนอยู่บนข้างๆ หันมามองหน้าเขา พร้อมเอียงหัวรับฟังเล็กน้อย..แล้วก็ปล่อยเขาพูดไป..แม้จะไม่มีคำแนะนำดีๆ แต่แค่เธอยืนอยู่ตรงนั้น แค่รับฟัง..มันก็ทำให้เขามีความสุข เวลานี้ก็เช่นกัน..ร่างเพรียวระหงยังยืนอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ ดวงตาคู่สวยที่เขานึกรักเหม่อมองออกไปยังแม่น้ำสายใหญ่ประจำประเทศ ใบหน้าด้านข้างของเธอยังงดงามราวกับรูปสลัก..ริมฝีปากที่ถูกเคลือบด้วยสีแดงจัดเหมือนสีเสื้อผยอเล็กน้อย..ก่อนที่เธอจะตัดสินใจผินตากลับมามองเขา..เราต่างก็รู้ถึงนัยยะเดียวกัน..เขารู้ว่าเธอจดจำได้..และอะไรบางอย่างในดวงตาเขาก็บ่งบอกว่าเขาจดจำได้เช่นกัน“นายคีรี”“ว่ายังไงนางสาวดาริน”คำเรียกขานที่ชอบใช้แท
"หมายความว่ายังไงคะ!!!"คำตอบของคนเป็นพ่อ ส่งผลให้ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจ...หัวใจดวงน้อยเต้นช้าลง..ความรู้สึกสูญเสียบางอย่างเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว"ป๊ะป๋าก็หมายความตามนั้น ป๊ะป๋าเป็นคนขอถอนหมั้นเอง""อ้าว ได้ยังไงคะ แล้วแบบนี้นายคีรีไม่เสียใจแย่เหรอ""ถ้านายคีรีจะเสียใจก็เป็นปัญหาของนายคีรีซิ เกี่ยวอะไรกับบ้านเราด้วยล่ะแค่วันนั้นขับรถพาอายไปลงเขา...ป๋าก็แทบจะฆ่ามันทิ้งแล้ว..ถอนหมั้นๆ ไปก็ดีแล้ว อีกอย่างหนูก็ไม่เคยชอบพันธะนี้อยู่แล้วนี่""ป๊ะป๋า!!! มันไม่ใช่ความผิดของนายคีรี วันนั้นมันเป็นอุบัติเหตุ..นายคีรีเขาปกป้องอายด้วยซ้ำ""ไม่รู้ ถอนหมั้นแล้วก็คือถอนหมั้น อย่าไปพูดถึงผู้ชายคนนั้นอีกเลย"คนเป็นพ่อผู้หวงลูกสาวรีบตัดจบอารมณ์ดี ก่อนจะหยิบมือถือมาไล่อ่านข่าว ไม่สังเกตสีหน้าซีดเซียวของคนเป็นลูกแม้แต่นิด'เผด็จการชะมัด..เผด็จการเหมือนใครกันนะ ก็เหมือนตัวเธอนะซิ!!'เมื่อออกจากโรงพยาบาลได้สองอาทิตย์คนป่วยเริ่มอาการดีขึ้น...อีกทั้งได้สรุปในใจอีกหลายอย่าง ดังนั้นไอ้คนที่ไม่ชอบออกงานเลี้ยงสังคมหรูหราก็กลับมาออก...เพื่อจะเห็นหน้าใครบางคนและยังสามารถใช้เหตุผลประมาณว่า 'บังเอิญเจอกัน เลยไ
เมื่อคนเป็นพี่กลับบ้านมาแล้วพบน้องชายทำหน้าเครียด ในมือของเขามีสมุดเบิกถอนสมุนไพร ส่งผลให้คนมีชนักติดหลังเสียววาบในใจ...ดวงตาคมกริบหรี่มอง พร้อมโยนสมุดในมือลงบนโต๊ะ"มีอะไรจะแก้ตัวมั้ย?""...""ทำไมเจ้ทำแบบนี้ เจ้ทำมันลงไปได้ยังไง""ลื้อมันบ้าอาซาน อีฮวงนั้งไม่สมควรให้กำเนิดลูกหลานตระกูลหลี่!!""คนที่ไม่สมควรเกิดมาเป็นลูกหลานตระกูลหลี่คือเจ้ต่างหาก ส่วนจินจินเธอดีเกินกว่าผู้หญิงหลงท่ก สันดานเลวอย่างเจ้มาก""อาซาน นี้ลื้อ นี้ลื้อด่าอั๊ว""เออ อั๊วด่าเจ้นี้แหละ เรื่องนี้มันไม่จบแน่ เจ้เตรียมใจไว้ได้เลย"คนเป็นน้องพูดพร้อมกับเก็บสมุดเบิกจ่ายสมุนไพรติดมือไปด้วย เล่นเอาพี่สาวเหงื่อตก แต่หล่อนรู้น้องชายนั้นแสนดีขี้ใจอ่อนมากแค่ไหน...อีกอย่างจินเยว่ก็เสียไปหลายปีแล้ว...ไหนเลยจะมาเอาผิดเธอได้แต่ไอ้คนใจดีมาตลอดชีวิต กับเลือกนำเรื่องไปฟ้องอาปามู่เฉิน กับอาม๊าด้วยรู้ว่าท่านทั้งสองเป็นคนยุติธรรม...เมื่อบุพการีรับรู้เรื่องทุกอย่างก็ถึงกับตกใจ...เพราะสิ่งที่ลูกสาวคนเดียวกระทำเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก มันไม่ต่างทำจากการทำร้ายสายเลือดครอบครัวตระกูลหลี่ดังนั้นตอนหลี่หนิงเกอเดินเข้าห้องทำงานของอาปามู่เฉิน
ระหว่างที่ชายหนุ่มลงมือทำความสะอาดหลุมศพของภรรยา...หลี่มู่เฉินที่เดาไว้แล้วว่าลูกชายจะมาที่นี้ ก็เดินเข้ามาหาทันที หลังจากที่ยัยหนูจินเยว่เสียไปได้สองเดือน..ลูกชายของเขามักมาทำความสะอาด เอาดอกไม้มาวาง “อาซาน”“อ้าว อาปา มาได้ยังไงครับ”เสียงแห้งถามกลับ พร้อมส่งรอยยิ้มเศร้าหมองไปให้..ใบหน้าภายใต้หมวกสานกันแดด แดงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากอยู่ด้านนอกเป็นระยะเวลานาน“อื่ม อาปามีเรื่องจะคุยกับลื้อ”หลังจบคำผู้ชายสองวัยจึงเดินไปนั่งใต้ร่มไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากหลุมฝังศพจินเยว่นัก“ลื้อแน่ใจแล้วรึ ที่จะลาออกจากโรงพยาบาล”“ครับ”“เห้อ อาซาน..ฟังอาปานะ จินจินอีตายไปแล้ว แต่ลื้อยังมีชีวิตอยู่”“อื่ม ผมรู้..ผมเองก็กำลังใช้ชีวิตอยู่นี้ไง”“แบบที่ลื้อทำอยู่ เขาไม่ได้เรียกว่าการใช้ชีวิตนะอาซาน”เสียงอาปาอ่อนล้า มือหนาหยาบตบหลังลูกชายเบาๆ เพื่อปลอบประโลม“อาปารู้ว่าลื้อรักจินจินมาก”“...”“ไม่งั้นอาปาคงไม่หมั้นหมายลื้อให้จินจินหรอก”“ทำไม...อาปารู้ละครับว่าผมรักจินจิน”น้ำเสียงลูกชายโตเริ่มพร่า..เพราะตัวเขาเองยังไม่รู้ตัวเลยว่ารักเธอตั้งแต่เมื่อไร“จำได้มั้ย ว่าปีหลังๆ มานี้ ลื้อชอบบ่นว่าน้อง..แต่พอกลับมาทีไ
ชาตินี้น้องตามพี่มา ชาติหน้าพี่ยาตามน้องไปความรู้สึกเจ็บปวดเกาะกินทั้งแก่นกระดูก ลามไปยังเนื้อหนังมังสาทุกส่วนก่อนสติสุดท้ายจบลง..ร่างเพรียวระหงสะดุ้งตกใจตื่น..น้ำตาหยดใสไหลลงจากหางตาทั้งสองข้าง..เสียงสะอื้นไห้เจ็บปวด..ก่อนดวงตาดำคู่สวยจะจับโฟกัสทุกอย่างได้..มือเรียวเล็กข้างซ้ายร้อนชื้น..คนที่กุมมือไว้ไม่ปล่อย...ไม่ใช่ใครที่ไหน คือนายคีรี ผู้ที่ทั้งชีวิตไม่เคยปล่อยมือเธอเลยสักครั้งในอดีตวันที่เธอตื่นฟื้นจากอุบัติเหตุครั้งแรก...ความรู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างจากตอนนี้แม้แต่น้อย..แต่สิ่งที่ต่างมีเพียงแค่ว่า..เธอจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้...มีเพียงความรู้สึกเจ็บปวดเคียดแค้นที่เกาะกินจิตวิญญาณ.. เธอเกลียดผู้ชายคนนั้นจับใจแต่ครั้งนี้นั้นแตกต่าง..ดารินในวัยสิบสามขวบ ยังคงไร้เดียงสาในเรื่องความรัก กับนางสาวจินเยว่ในวัยยี่สิบผู้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างปล่อยปละละเลย และยึดติด รวมถึงดารินหรือจินเยว่ในปัจจุบันที่ทะลุเข้าไปในอดีตเหตุการณ์เดียวกัน...แต่ความเข้าใจต่างกันในครั้งหนึ่งเธอเคยคิดแค่ว่า..ทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อทุ่มเทไป ย่อมสมควรได้คืนกลับมา..มีแต่คำถามว่าทำไมเขาไม่เข้าใจ ทำไมเขาไม่ตามใจเธอ...เธอเป็นเม
ร่างเพรียวระหงซุกตัวกอดสามีตัวโตไว้แน่น..หลี่ลี่ซานเองก็เต็มไปด้วยความไม่สบายใจ..เลือกทางไหนก็ผิดทั้งนั้น..มือเรียวได้รูปปัดลูกผมที่ระหน้าด้วยความทะนุถนอม“จินจินแน่ใจนะคะ ที่ทำแบบนี้”“ค่ะ มันเป็นทางเลือกเดียวที่เรามี...ถ้าสมมติวันนี้เฮียซานไม่ไปช่วยเจ้เซียงเซียง.. ถ้าเกิดเจ่เจ้แกเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ เราคงเหมือนมีตราบาปไปตลอดชีวิต อีกอย่างจินจินมีเรื่องจะสารภาพค่ะ”ปลายเสียงเธอแผ่วเบา..ริมฝีปากรูปกระจับถูกกัด“สารภาพเรื่องอะไรครับ”“ผู้ชายคนนั้น...เจ้าน้อยแสนอะไรนั้น...จินจินเป็นคนแนะนำให้ไปจีบเจ่เจ้เซียงเซียงเองค่ะ”“…”“แต่จินจินไม่รู้หรอกนะคะ ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นพวกชอบทุบตีผู้หญิง”น้ำเสียงคนตัวเล็กติดประหม่า ดวงตาคู่สวยช้อนมองสำรวจนึกกลัวว่าเขาจะรังเกียจ..เพียงแต่แววตาใสกระจ่างที่มองมาเต็มไปด้วยความเข้าใจ“จินจินอย่าคิดมากเลยนะคะ เซียงเซียงเลือกของตัวเธอเอง ไม่เกี่ยวกับจินจินเลย”“แล้วเฮียไม่คิดว่าจินจินร้ายเหรอคะ”“อื่อ ร้ายแต่น่ารัก เฮียชอบ”เขาพึมพำตอบ ก่อนจมูกโด่งสวยจะฝังลงไปตรงซอกคอภรรยาตัวน้อยอย่างหลงใหล..ในชีวิตเขาล้วนต้องการเพียงเธอ...แค่เธอก็พอแล้วเช้าวันต่อมาคุณหมอหนุ่มจำต้
ตกเย็นวันนี้โชคดีที่เคลียงานได้เร็ว หญิงสาวจึงได้กลับบ้านก่อน เธอลงมือเข้าครัวทำอาหารเย็นเอง เมนูวันนี้เป็นอาหารไทยง่ายๆ อย่างต้มยำกุ้งน้ำข้น ผัดโป้ยเซียง และไก่กรอบชุบแป้งทอด โดยไม่คิดว่าจะมีแขกผู้ไม่ได้รับเชิญ บุกขึ้นมาถึงบ้าน...คุณนายเหวินผู้เป็นแม่สามี จูงลูกสาวคนเดียวเข้ามาด้วยท่าทางร้อนรน ด้านหลังเองมีเด็กในบ้านเดินตามมาด้วย“สวัสดีค่ะ ม๊า มาได้ยังไงคะ”“จินจิน อาซานกลับมาหรือยัง อั๊วมีเรื่องจะคุยกับอี”แม่สามีตั้งคำถามขึ้นมาแทน“น่าจะใกล้แล้วนะคะ ม๊านั่งรอก่อนนะคะ เดี๋ยวจินจินชงชามาให้”เจ้าของบ้านเชื้อเชิญ ก่อนจะหายเข้าไปในครัว ชงชารสโปรดให้ด้วยความใส่ใจ แต่พอออกมาต้องประหลาดใจ นอกจากแม่สามีที่นั่งรอ ยังมีซุนเหยียนแม่เลี้ยงที่นั่งงงๆ อยู่ด้านข้าง ซึ่งเวลานี้ส่วนใหญ่ม๊ามักจะดูแลอาบน้ำ ป้อนข้าวหลานอยู่ตึกด้านข้าง“อ้าว ม๊าใหญ่ มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”“พอดีหนิงเกอไปตามม๊ามา..ม๊าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีเรื่องอะไร” คำตอบของคนเป็นแม่เลี้ยง คล้ายสัญญาณเตือนอะไรบางอย่างที่ ‘ผิดปกติ’ดวงตาคมคู่สวยหลุบลง ก่อนจะเลือกเก้าอี้ตัวข้างๆ แม่สามี..บุคลิกหลังตรง งามสง่า..บรรยากาศสงบนิ่งเป็นนักหนา