แสงสว่างเจิดจ้าสาดเข้าหาหลังเธอเปิดประตู..และสิ่งที่ทำให้หญิงสาวช็อก..คือการที่เห็นผู้คนแต่งตัวไม่ต่างจากคนในบ้าน..บ้านเรือนยังเป็นตึกแถวโบราณมีรูปทรงผสมยุโรป ประดับด้วยลวดลายปูนปั้น..ราวกับเดินหลุดเข้ามาเที่ยวในอีกยุคสมัยหนึ่ง..ร่างเพรียวระหงรีบวิ่งออกจากตรอกหวังจะเจอถนนใหญ่..และใช่เธอเจอมัน..แต่ถนนใหญ่ที่เธอเห็น ก็ช่างต่างจากที่..ที่เธอมา..นอกจากผู้คนที่แตกต่าง..ยังมีรถจิ๊บโบราณ..รถเก๋งวินเทจ แถมยังมีรถรางที่ไม่มีในยุคสมัยของเธอ!!!
'บ้าไปแล้ว..นี้มันเรื่องบ้าอะไร'
ดวงตาคู่สวยเริ่มตระหนก..ชีวิตนี้..เธอมั่นใจว่าสามารถจัดการ และควบคุมทุกอย่างได้..แต่ ณ เวลานี้ สิ่งที่เธอคิดไว้..มันบอกว่าเธอคิดผิด..โดยเฉพาะ 'ความกลัว' ที่กำลังวิ่งเข้าจู่โจม..กลัวกับสิ่งที่ไม่รู้..ไม่คุ้นเคย
"จินเยว่! เธอเป็นบ้าไปแล้วเหรอ"เสียงเข้มขู่ฟ่อ มือหนาใหญ่คว้าแขนคนตัวเล็กให้หันมาประเชิญหน้าเตรียมจะดุด่าชุดใหญ่..แต่พอเห็นสีหน้าซีดเซียวที่แม้แต่แป้งหนาเต๊อะที่คนเป็นเมียนิยมชอบโบกไว้ยังปิดไม่มิด...หลี่ลี่ซาน..ผู้เป็นหมอนิ่วหน้าทันที..ตอนที่บุพการีให้คนไปตามเขานั่น..ข่าวที่ได้รับมาคือเธอตกบันได หัวกระแทกพื้น..ทั้งยังนอนสลบไม่ยอมฟื้น..เขาเองเกือบจะไล่ให้คนไปบอกที่บ้านให้พาเธอมาโรงพยาบาล..ไม่ใช่มาตามเขา..แต่เห็นแกที่เขาเองก็ออกเวรพอดี..จึงจำใจยอมกลับ
"ที่นี้ที่ไหน"เสียงแหบแห้งของคนตัวเล็กแผ่วเบา ชีพจรที่ข้อมือเธอเต้นไม่หยุด..เป็นครั้งแรกที่เขาสัมผัสได้ว่าเมียตัวร้าย..'กำลังกลัว'
"กลับบ้าน"
บ้านที่ชายหนุ่มข้างกายพูดถึง..กับไม่ใช่บ้านที่เธอฟื้น..ร่างสูงโปร่งพาเธอลัดเลาะมาอีกฟากหนึ่งของตรอก..มันเป็นตึกแถวโบราณติดแม่น้ำสายใหญ่ของประเทศ คนฝั่งนี้พลุ่กพล่านยิ่งกว่าฝั่งถนน..มีจับกังขนข้าวของขึ้นเรือ..แม่น้ำสายที่คุ้นตา..ส่งผลให้คนตัวเล็กที่พยายามตั้งสติมาตลอดทาง..เริ่มมั่นใจ..ที่นี้คือประเทศที่เธอเคยอยู่แน่นอน!!
กว่าจะทันได้คิดอะไรเพิ่ม..ไอ้ต้าวอดีตคู่หมั้นที่เคยคลั่งรักเธอ..แทบจะโยนเธอเข้าห้อง ใบหน้าหล่อเหลาเมินเฉย..ก่อนที่จะเลือกนั่งเก้าอี้ไม้จีนที่อยู่ริมห้อง ทั้งยังรินน้ำชาขึ้นจิบ..ดวงตาสองชั้นหลบในเจือดุ..สายตาที่เขาใช้ คือสายตาที่ชายหนุ่มเคยมองสาวๆ ที่ตามวอแว..แต่ วันนี้เขาเลือกจะใช้มันกับเธอ
ดารินเองพยายามวิเคราะห์สถานการณ์..ข้อแรกที่เธอรู้..ช่วงเวลาที่เธออยู่คือคนละยุคสมัยกับในอดีต ข้อที่สองในยุคปัจจุบันมีความเป็นไปได้ว่าเธอได้ 'ตายไปแล้ว' แค่คิดว่าจะไม่ได้เจอป๊ะป๋า ไม่ได้เจอม๊ะม๊า ไม่ได้เจอน้องๆ ที่น่ารัก..ดวงตาคู่สวยเองก็เริ่มชื้น และข้อที่สาม..ผู้ชายตรงหน้าเกลียดเธอ!!
"ว่ามา..เธอต้องการอะไร"เสียงเข้มเต็มไปด้วยความระอาตั้งคำถามขึ้นก่อน
"ฉันต้องการ..กลับบ้าน"
"ก็นี้ไงบ้านเธอ"
"..."
"เหอะ หรือเธอจะกลับไปอยู่บ้านครอบครัวตระกูลตั้ง?"
"..."
"ถ้าเป็นแบบนั้นจริง..จะวางแผนมาแต่งงานกับฉันทำไม?"น้ำเสียงหงุดหงิดของคนตัวโต ทำหญิงสาวอึ้ง..ริมฝึปากรูปกระจับสีสวยสั่นระริก ก่อนจะกัดฟันถาม
"เราแต่งงานกันแล้ว?"
"ก็ใช่นะซิ..อย่าบอกนะ ว่าหัวกระแทกพื้นจำอะไรไม่ได้?"คนเป็นหมอเริ่มสังเกตอาการ..เธอดูผิดแปลกจากปกติอย่างเห็นได้ชัด..โดยเฉพาะดวงตาคู่สวยที่แต่เดิมเคยมองเขาอย่างรักใคร่หลงใหล..มาวันนี้กับดูว่างเปล่า..ชวนให้ใจวูบโหวง
"อื่ม..ขอโทษนะคะ ตั้งแต่ตื่นมาฉันจำอะไรไม่ได้จริงๆ"เสียงคนโกหกแถตามๆ น้ำไป..เพราะเวลานี้เธอจำเหตุการณ์ของร่างเดิมไม่ได้จริงๆ
"งั้นก็ไปโรงพยาบาลกัน"
"ไม่..ฉันไม่ไป ฉันไม่ชอบโดนฉีดยา..เอาแบบนี้ได้มั้ย นายแค่ตอบคำถามฉันมา..เดี๋ยวฉันก็จำได้เองแหละ"คนตัวเล็กกว่าส่ายหน้าหวือ..ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุรถชนช่วงมัธยมต้น..เธอเกลียดโรงพยาบาลเป็นที่สุด ให้เธอไปนอนโรงพยาบาล..ฆ่าเธอตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอดยังดีซะกว่า
และดูเหมือนคนอ้างตัวว่าเป็นสามีจะไม่พอใจกับคำตอบนัก
"นาย? ฉันอายุมากกว่าเธอหลายปี..ไม่รวมกับที่ฉันเป็นสามีของเธออีก นี้คือสิ่งที่คนในตระกูลเธอสั่งสอนมาหรือ?"คำพูดของอดีตคู่หมั้น ส่งผลให้ดารินสะอึก..ใบหน้านวลสวยแดงม้าน..ไอ้ต้าวอดีตคู่หมั้น รวมถึงสถานะเพื่อนสนิท..แอบด่าเธอทางอ้อม
ดวงตาคมเต็มไปด้วยความระอา..ยิ่งเห็นภรรยาตัวน้อยจอมแสบเงียบไป..เขาเองก็คร้านจะพูดด้วย..ร่างสูงโปร่งลุกขึ้นยืน เตรียมจะขึ้นห้องนอนชั้นสอง
"นั่นคุณกำลังจะไปไหน"คนตัวเล็กรีบทักทันที
"ร้อน..จะไปอาบน้ำ"
"..."
"เห้อ..เฮียพึ่งออกเวร ไม่ได้นอนมาทั้งคืน..ถ้าเธอหิวก็ออกไปกินข้างนอกแทนก็แล้วกัน..เมื่อคืนเฮียเอาเงินไว้ที่เดิมแล้ว"น้ำเสียงคนพูดติดจะล้า..มีเมียทั้งคน..ทั้งไม่ใช่คนที่ตนรัก..งานบ้านงานเรือนก็ทำไม่เป็น..กับข้าวกับปลาก็หากินเองไม่ได้
ทุกวันคนในบ้านมักไปฝากท้องกับบ้านแม่ของเขาแทบทุกมื้อ..คงไม่แปลกที่ม๊าจะไม่พอใจที่ได้สะใภ้หยิบโหย่งมาเป็นลูกสะใภ้ ดารินเองก็เงียบไป เพราะจากที่ฟังสามีป้ายแดงที่เธอไม่รู้ว่าแต่งงานกันมานานแล้วหรือยัง..พล่าม ร่างปัจจุบันของเธอดูทรงแล้วเหมือนจะเป็นผู้หญิงไม่ได้เรื่องเสียเหลือเกิน
หลังจากไอ้ต้าวสามีขึ้นบ้านไปชั้นบน...ดวงตาคู่สวยมีเสน่ห์ทำได้เพียงกวาดตามองรอบๆ ถ้าดูเพียงภายนอกห้องหลังนี้ดูคับแคบไม่น้อย แต่พอเข้ามาดูด้านใน..จึงได้รู้ว่า 'บ้าน' ที่เธอต้องอยู่ชั่วคราวมีขนาดกว้างไม่น้อย มันเป็นห้องแถวสองห้องต่อกัน..เพดานห้องสูงรับลม เพียงแต่เวลานี้บ้านทั้งหลังมีเพียงแสงไฟสีขาวด้านข้างผนังเพียงเท่านั้น พัดลมกลางบ้านขนาดใหญ่หมุนพัดไปมา
หญิงสาวเม้มปากแน่น..ถ้าเป็นไปได้เธอไม่ชอบอากาศร้อน เพราะมันเหนอะหนะ ร่างบอบบางจัดแจงเปิดหน้าต่างบ้านทุกบานออก เพื่อรับแสงและลม ความเหนอะหนะบนใบหน้านวล ส่งผลให้เธอลูบมันเบาๆ ก่อนที่แป้งหนาเต๊อะจะติดมือออกมา..ดวงตาคู่สวยเหลียวซ้ายและขวาเพื่อหาห้องน้ำด้านล่าง..บางทีร่างที่เธออยู่อาจไม่ใช่ตัวเธอ..แต่เป็นใครก็ไม่รู้ที่พึ่งจากไป
คิดได้ดังนั้น..ความไม่สบายใจบางอย่างตีตื้น ก่อนจะเปิดไฟหน้าห้องน้ำขนาดเล็ก..ภาพในกระจกทำหญิงสาวผงะ..ในนั้นมีผู้หญิงที่โครงหน้าคล้ายกับเธอก็จริง..แต่วิธีการแต่งหน้าของคนในกระจก มันบอกกับเธอว่า..หญิงสาวแต่งหน้าไม่เป็น!!
แป้งผสมรองพื้นหนาเต๊อะถูกโบ๊ะหลายรอบจนหน้าดูลอย คิ้วที่ควรได้รูปถูกวาดด้วยดินสอเขียนคิ้วให้เป็นรูปทรงเรียวเล็กตามสมัยนิยม..ดวงตาคู่สวยพยายามแต่งให้ดูซึ้ง แต่กับดูเลอะเทอะ.. ทั้งยังมีแผงขนตาปลอมหนาเต๊อะซ้อนกันอีกสองชั้น..ทั้งที่แต่เดิมเธอมั่นใจ..ขนตาของเธอทั้งหนาและยาว สรุปจินเยว่ที่เธอมาสิงอยู่สภาพช่างดูไม่ได้เอาเสียเลย!!!
มือได้รูปสวยรีบตักน้ำในถังน้ำ...ล้างทุกอย่างที่อยู่บนหน้าออกจนเกลี้ยง..จนเห็นผิวสีขาวอมชมพูขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะถูกขัดอย่างแรง..ดวงตาคู่เดิม..จมูกขึ้นเป็นสันสวย และปากรูปกระจับสีแดงจัดตามธรรมชาติ..โดยเฉพาะขี้แมลงวันเม็ดเล็กๆ ใต้ตาซ้าย..ใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางที่โชว์ตรงหน้า..สวย..หวาน..คมจับใจ..มันคือใบหน้าของเธอนั่นเอง
ใจของคนผิดยุคสมัยเริ่มชื้น..อย่างน้อยนอกจากไอ้ต้าวสามีตัวโตที่ทำสีหน้าเหม็นเบื่อเธอ ยังคงมีตัวเธอที่รูปร่างหน้าตาไม่ต่างจากตัวเธอในอีกยุคสมัยหนึ่ง..อย่างน้อย..ความคุ้นชินของคน..มันก็ทำให้ชีวิตคนเรามีหลักยึดได้ไม่มากก็น้อย
เดิม 'สิงขร' หรือหลี่ลี่ซาน อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ..คุณหมอในวัยหนุ่มเตรียมจะนอนพักสายตาสักงีบ ติดแต่ในใจลึกๆ ยังอดห่วงภรรยาตัวร้าย ที่วันนี้มีอาการผิดปกติกว่าทุกๆ วันไม่ได้..ยิ่งนึกถึงดวงตาคู่สวยที่มองมาที่เขาด้วยความว่างเปล่า..ยิ่งรู้สึกประหลาดใจ ตั้งแต่รู้จักกันมาหลายปี..เธอมีแต่หลงใหลคลั่งไคล้เขา ถ้ากลืนเขาลงท้องได้..เธอก็คงทำไปแล้ว หรือเขาควรพาภรรยาไปตรวจสมองกับอาจารย์หมอสักรอบดี คิดได้ดังนั้นคนที่เข้างานทั้งวัน เตรียมจะพาคนตัวเล็กไปโรงพยาบาลครั้นลงมาชั้นล่างของบ้าน..สิ่งสุดท้ายที่ชายหนุ่มจะคาดคิด..คือเห็นภรรยาที่แต่งงานกันมาเกือบปีจับไม้กวาด และไม้ถูพื้น!!!ร่างสูงโปร่งในเสื้อยืดสีขาวแขนสั้น กับกางเกงขาก๊วยสีเข้ม ยืนงงงันเมื่อเห็นเธอกำลังขมีขมันถูพื้นเรือนด้วยความตั้งใจ โต๊ะเก้าอี้ในห้องกว้างที่มีไม่กี่ตัวถูกเช็ดสะอาดแวววับ..บ้านหลังนี้จัดว่าเป็นทำเลที่ดีมากแห่งหนึ่ง ด้วยเป็นบ้านหัวมุม..และเยื้องถัดไปไม่ไกลเป็นท่าเรือขนสินค้า ของแม่น้ำสายหลักในประเทศ มันเป็นเรือนหอที่อาปาของเขาตั้งใจเก็บไว้เพื่อเขา..เสียแต่เขาเองนั่นทำงานยุ่งมาก ส่วนภรรยาที่ถูกยัดเยียดมาให้ตามคำสัญญาในอดีตระหว่างอาป
พอโดนดุคนตัวเล็กกว่าเพียงยักไหล่ให้ด้วยความเคยชิน..เล่นเอาคุณสามีหน้าบูดกับกริยาก๋ากั่นของภรรยาตัวร้าย ร่างสูงโปร่งเลือกนั่งโต๊ะตัวหลังสุด..ใบหน้าหล่อเหลาราวกับหยกเนื้อดีเปลี่ยนมาเป็นเรียบเฉย“อาซาน..เอาเหมือนเดิมใช่มั้ย? ต้มขาไก่น้ำแดง หมูสับผัดหนำเลี๊ยบ ผัดกุ้ยช่ายขาวหมูกรอบ..ข้าวต้มสองชาม?”"ครับ...เฮีย"เสียงทุ้มต่ำตอบ...ร่างสูงโปร่งเลือกนั่งเก้าอี้ไม้กลม..เวลานี้พระอาทิตย์เริ่มลาลับฟ้า..ดารินทรุดตัวนั่งฝั่งตรงกันข้าม...ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ..เธอสัมผัสถึงความสุขส่งผ่านจากร่างเดิม...ก่อนที่จะทันได้คิดอะไรปากก็เผลอส่งคำถามออกไปจากความทรงจำจางๆ ของร่างเดิม"ไม่สั่งต้มจับฉ่ายของโปรดของเฮียเหรอ?"มือเรียวสวยของคุณหมอหนุ่มชะงักจากเทน้ำชาใส่ถ้วยเล็ก...ดวงตาสองชั้นหลบในหลุบลง..น้ำเสียงที่ตอบไปติดจะเย็นชา"ไม่เป็นไร..เฮียกินอะไรก็ได้ สั่งเยอะเปลืองเงิน"ความหวานประแหล่มเข้าจู่โจม..ดารินรู้ความรู้สึกที่เป็นอยู่มาจากเจ้าของร่างเดิม..ริมฝีปากรูปกระจับเม้มแน่น..เธอหาใช่ผู้หญิงที่พึ่งพิงแต่ผู้ชาย..แถมให้เขาเลี้ยงข้าว..แต่มีเพียงเมนูที่เธอชอบก็กระไรอยู่ร่างเพรียวระหงตัดสินใจเดินไปหาคุณลุงเจ้าของร้าน
กว่าที่หญิงสาวต่างภพผล่อยหลับ ก็ย่างดึกสงัด และเช่นเคยเจ้าหล่อนก็ยังนอนดิ้น นอกจากจะถีบผ้าห่มผืนน้อยออกจากตัว ยังพลิกมานอนเบียดไอ้ต้าวสามี..จนคนอายุมากกว่าตกใจตื่น..ดวงตาคมกริบฉายแววเหนื่อยล้า ก่อนจะหรี่ตามองยัยตัวเล็กที่นอนคุดตัวในอ้อมกอด..มือใหญ่ค่อยๆ ดันร่างบอบบางไปตรงกลางเตียง..ผ้าห่มผืนบางที่ถูกถีบถูกจัดแจงห่มใหม่อีกรอบ เสียงไก่ขันบ่งบอกเวลาใกล้เช้า ร่างสูงโปร่งตัดสินใจลุกขึ้นอาบน้ำเตรียมไปโรงพยาบาล โดยปล่อยภรรยาตัวร้ายนอนทับตะวันเหมือนเฉกเช่นทุกวัน จวบจนเวลาล่วงเลยเกือบแปดโมง คนที่ตื่นเช้ามาตลอดชีวิตก็สะดุ้งตกใจตื่น มือเรียวสวยขยี้หูขยี้ตาเรียกสติ ดวงตาคมหวานซึ้งกวาดตามองรอบห้องๆ คาดหวังว่าให้เรื่องเมื่อวานเป็นเพียงฝันไป...แต่ความจริงก็ยังเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ เธอได้ย้อนมาอยู่ในอีกยุคสมัยหนึ่งจริงๆ!!เมื่อได้นอนหนึ่งตื่น คนที่ถูกสอนมาให้แก้ปัญหา เริ่มเรียบเรียงความคิด..สิ่งแรกที่เธอควรทำ...คือการพิจารณาสถานการณ์ของตัวเองให้รอบคอบ อาจเพราะความทรงจำของร่างเดิมที่ขาดๆ แหว่งๆ ชวนให้หงุดหงิดใจ..สิ่งที่ทำได้คือการอยู่ปัจจุบันคิดได้ดังนั้น..คนตัวเล็กก็จัดแจงพับผ้าห่ม เก็บที่นอนใ
คิ้วได้รูปของดรุณีสาวเพียงยักขึ้น ดวงตาหวานเจือดุหรี่มองพร้อมกอดอก ไอ้ต้าวหัวขโมยตัวเล็กหลุบตาลงอย่างคนไม่กล้าสู้หน้า ในขณะที่ผู้สูงวัยกว่าเตรียมจะฟาดไม่ยั้ง"ลื้อมีปัญหาอะไรหรืออาจินจิน หรือคิดจะเข้าข้างอาตี๋ของลื้อ"น้ำเสียงข่มขู่ ทั้งคำเรียกขานของเจ้าของบ้าน เรียกสายตาประหลาดใจจากหญิงสาวได้ไม่น้อย ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความครุ่นคิด..ไอ้ต้าวหัวขโมยรู้จักเธอ?“พวกคุณกล่าวหาว่าเด็กคนนี้เป็นหัวขโมย...มีหลักฐานหรือเปล่า?”“นี้ไง เงินที่อาเทียนขโมยไป..แล้วพวกเพื่อนๆอั้วก็เห็นอีขโมยเงินด้วยจริงมั้ย?”คำท้ายของเด็กชายอายุมากสุดในกลุ่ม หันไปขอความเห็นกับบรรดาพวกลิ้วล้อ พวกนั้นเพียงพยักหน้ารับ แต่หากล้าสู้หน้ากับเจ่เจ้คนสวย..เพราะประวัติความดุร้ายของจินเยว่ขึ้นชื่อลือชาในชุมชนชาวจีนไม่ใช่น้อย“เหรอ แต่เงินไม่ได้อยู่ในมือเด็กนั้นนี้ แต่อยู่ในมือนาย”“นี้อาจินจิน ลื้อจะหาว่าลูกชายอั้วเป็นคนขโมย อาตี๋เล็กบ้านอั้วนี้นะจะขโมย? ถ้าอีอยากได้..อีก็ขออั้วแล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องขโมยเงินเลย...ไม่เหมือนกับไอ้เด็กเหลือขอน้องชายลื้อหรอก ที่บ้านฐานะก็ยาจก ขโมยของชาวบ้านเขาไปทั่ว”คำว่า ‘น้องชาย’ ส่งผลให้คนตัวเ
"เราเป็นพี่น้องกันถูกมั้ย? ถ้านายหิวขนาดนั้นทำไมไม่มาขอดีๆ ทำไมต้องขโมยด้วยละ"น้ำเสียงคนอายุมากกว่าเต็มไปด้วยความสงสัย บรรยากาศบางอย่างส่งผลให้เด็กชายรู้สึกผิดปกติ...หญิงสาวตรงหน้ายังคงดุร้ายไม่ต่างจากในอดีต แต่ในความดุนั้นยังแฝงด้วยกระแสธารความเมตตา ที่เขาเองก็สัมผัสมันได้โดยเฉพาะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ถ้าเป็นเจ่เจ้จินจินจอมเห็นแก่ตัว เอาแน่เอานอนกับอารมณ์ไม่ได้คนนั้น..คนเป็นพี่คงจะจัดการกับอาซ้อเหมย ด้วยวิธีการ 'ด่า' ทะเลาะเบาะแว้งกันลั่นถนน เขารู้ว่าเจ่เจ้ต้องช่วยเขา...แต่เหตุผลที่ช่วยคงไม่ใช่พิศวาสนึกรักน้องชายหรอก แต่เป็นเพราะสำหรับเธอแล้ว น้องชายไม่ต่างจากสิ่งของ หรือสัตว์เลี้ยง... คนเป็นเจ้าของสามารถทิ้งขว้างหรือรังแกได้...แต่หายอมให้คนอื่นรังแกไม่...นั่นแหละ 'จินเยว่' เจ่เจ้คนสวย และแสนดุร้ายของเขา"ว่าไง ทำไมเงียบ"คนอายุมากกว่ารีบทวนคำถามซ้ำ คนเป็นน้องเม้มปากแน่น ดวงตาชั้นเดียวชี้ขึ้นค้อนควักเต็มไปด้วยความเจ็บใจปนน้อยใจ"ขออย่างงั้นเหรอ? คนหวงของแบบเจ้จินจินนี้นะ จะยอมแบ่งของกินของใช้..เงินทองให้กับคนอื่น""เดี๋ยวนี้ฉันพี่นายจริงๆ ใช่มั้ย?"หญิงสาวชักไม่แน่ใจ แต่ดูจากท่าทีเด็ก
แต่เธอก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่แม่ของเธอเลือกเป็นสิ่งที่ถูกต้อง หรือสิ่งที่ผิด เพราะตั้งแต่อาปา แต่งเมียรองเข้าบ้าน...ผู้สูงวัยก็ทำหน้าที่สามีที่ดี เลิกจากงานเป็นคนขับเรือขนส่งสินค้า ซึ่งเป็นธุรกิจขนาดกลางของที่บ้าน ก็คลุกอยู่กับลูกเล็กซึ่งก็คือเธอ กับเมียรอง ที่น่าแปลกแม่บ้านใหญ่ยังคงหัวอ่อน และปล่อยชีวิตตามน้ำไปเรื่อยๆ เธอไม่เคยวีนเคยเหวี่ยงยังคงทำหน้าที่สะใภ้คนจีนทั้งดูแลพ่อแม่สามี ทำงานบ้าน ไปช่วยธุรกิจกงสีของที่บ้าน ดูแลลูกชายลูกสาวทั้งสองเป็นอย่างดี อาปาของเธอเองเพียงมีหน้าที่ไปกินข้าวเย็นกับที่บ้านใหญ่ ส่วนเวลาที่เหลือก็ดูแลเธอกับแม่หลังจากฟังเรื่องราวที่น้องชายเล่า...ภาพความทรงจำลางๆ บางอย่างกับลอยขึ้นมา ภาพชายร่างสูงใหญ่...แววตาเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู อ้อมกอดอบอุ่นของหญิงสาวคนหนึ่งกับโอบกอดเธอไว้ "แล้ว...อาปากับแม่เจ้ละ ท่านทั้งสองอยู่ไหน"หญิงสาวสอบถามด้วยความสงสัย...ความรู้สึกเศร้าจางๆ วาบเข้ามา ดารินรู้ว่ามันคือความรู้สึกของร่างเดิม... คำถามของคนเป็นพี่ทำเด็กชายเงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่เจ้าตัวแสบจะกินข้าวไปด้วยเล่าไปด้วย"เสียทั้งคู่แล้ว แม่ของเจ้ เสียตอนเจ้ห้าขวบ ส่วนอาปาเสี
ณ ตึกแถวหัวมุม"เจ่เจ้จินจิน ทำไมต้องซื้อข้าวของเยอะขนาดนี้ด้วย"น้องชายตัวผอมบ่นกระปอดกระแปด มือเล็กแต่หยาบช่วยบรรดาเฮียๆ ผู้ซึ่งเป็นลูกจ้างขนของเข้าบ้านมีทั้งหม้อ กระทะหลายขนาด ตะหลิวทัพพี อะไรที่ควรมียัยเจ่เจ้หน้าสวยตัวแสบขนซื้อมาหมด"ของมันต้องใช้"คนเป็นพี่ตอบเสียงเรียบ มือเรียวสวยจัดแจงแยกผัก แยกหมูไข่ใส่ตู้เย็น เฟยเทียนได้แต่เบ้ปาก...ตั้งแต่จำความได้ชีวิตที่เติบโตมาด้วยกัน..พี่สาวเขาไหนเลยเคยเข้าครัว...ถ้าเป็นเจ่เจ้เซียงเซียงก็ว่าไปอย่าง บ้านตระกูลอื่นลูกสาวเมียรองอาจต้องเก่งงานบ้านงานเรือนงานครัว ดูแลปรนนิบัติผู้สูงวัยในตระกูล ถ้าจะมียกเว้นก็คงเป็นครอบครัวเขานี่แหละ ตั้งแต่อาปาพาลูกสาวอันเกิดจากภรรยาที่รักกลับบ้าน ชีวิตของจินเยว่ก็ราวกับเจ้าหญิง งานบ้านงานเรือนเป็นหน้าที่ของม๊าใหญ่กับพี่สาวคนโต ส่วนอาปากับเฮียคังคือคนหาเงินเข้าบ้าน ส่วนลูกชายคนเล็กแบบเขายังมีหน้าที่ช่วยอาปา อาม๊าหยิบจับงานเล็กๆ น้อย เขายังจำได้ครั้งหนึ่งในวัยแรกรุ่น เจ่เจ้เซียงเซียงมีนัดกิจกรรมในวันหยุดที่โรงเรียนกับเพื่อนๆ ส่งผลให้วันนั้นเจ้ไม่ได้ซักชุดนักเรียน กับถุงเท้าของเจ่เจ้จินจิน...พอเจ่เจ้เซียงเซียงกล
บนโต๊ะกลมกลางบ้าน หนึ่งเด็กชาย หนึ่งหญิงสาวนั่งกินข้าวด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย โดยจินเยว่เองเริ่มเนียนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากน้องชายผู้เฉลียวฉลาด"ว่าแต่ปีนี้ปีพ.ศ.อะไร?""เจ้หมายถึงพุทธศักราช?""อื่อ"คนเป็นพี่รับเสียงเรียบ เฟยเทียนมีสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย แม้แต่เรื่องชีวิตประจำวัน...พี่สาวเขายังลืม..อาการชักหนักแล้ว แต่ก็ยังคงตอบไป"ปีพุทธศักราช 2493 ครับ""1950?""เจ้หมายความว่ายังไง""แปลว่าตอนนี้เป็นยุคสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่สองซินะ"คนเป็นพี่เริ่มพึมพำ..ดวงตาคู่สวยหรี่ลงเล็กน้อย..สมัยเรียนวิชาประวัติศาสตร์เธอจดจำได้ว่าสงครามโลกครั้งที่สองจบในปี 1945 ในความโชคร้ายก็ยังคงมีความโชคดีอยู่บ้าง..เพราะถ้าเธอเกิดดวงซวยต้องไปเกิดในช่วงสงครามเธอนึกสภาพตัวเองออกตัวรอดไม่ออกเลย เด็กชายพยักหน้ารับ ทั้งยังอธิบายเพิ่ม"ใช่เจ้ ข้าวปลาอาหารเลยแพง อั้วกับหลานๆ เลยอยู่กันแบบอดๆ ยากๆ ยิ่งช่วงหลังอาปาเสียครอบครัวเราลำบากกันมาก รายได้ก็ขาด รายจ่ายก็มาก..ช่วงนี้ยังดีที่ราคาสินค้าถูกลงมาเยอะแล้ว"น้ำเสียงแหบพร่าเต็มไปด้วยอารมณ์ของลูกชายคนสุดท้องเศร้าหมอง สำหรับเขาอาปาเป็นผู้ชายที่ขยันอดทน นอกจากงานของกงสี
ณ มหาวิทยาลัย J ชื่อดังระดับต้นๆ ของประเทศหลังตึกคณะบริหารธุรกิจ...หญิงสาวในชุดนักศึกษากำลังยืนรอชายหนุ่มทายาทของตระกูลดังอย่างใจจดใจจ่อ...ท่าทางกระสับกระส่ายพาลให้เพื่อนสาวที่มาด้วยสองคนหัวเราะคึกคัก "ยัยซีลีนเธอจะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้นยะ ทำเหมือนไม่เคยอ่อยผู้ไปได้"เพื่อนที่มาด้วยกันแซวเมื่อเห็นดาวคณะนิเทศกระสับกระส่ายใบหน้าสวยเฉี่ยวตามสมัยนิยมถูกแต่งแต้มเป๊ะปัง จนหนุ่มๆ พากันเหลียวหลังมองด้วยความชื่นชม...นอกจากหน้าตาที่ดีเลิศ โปรไฟล์เจ้าหล่อนก็แสนจะไม่ธรรมดา..เพราะเป็นถึงลูกสาวบริษัทรับเหมารายใหญ่ระดับประเทศ คนที่มาจีบมีตั้งแต่ลูกเศรษฐีด้วยกัน ไปจนนักธุรกิจหนุ่มดาวรุ่ง...แต่ชายที่หญิงสาวตกหลุมรักดันเป็นชายหนุ่มสุดหล่อแสนเย็นชาของคณะบริหาร"คีรีมาทางนั้นแล้วยัยซีลีน"เพื่อนอีกคนรีบสะกิด เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าราวกับหลุดมาจากนิยายจีน..ที่ตอนนี้มีสีหน้าเรียบเฉยติดจะเย็นชาเล็กน้อย..ยิ่งสายตาคมกริบที่กวาดมองยิ่งพาให้หัวใจไฮโซสาวหวั่นไหวร่างอวบอิ่มรีบเดินเข้าไปตรงหน้าตามแรงผลักของคนเป็นเพื่อน"สวัสดีคีรี"เสียงหวานเอ่ยถามขึ้น พร้อมช้อนดวงตากลมโตขึ้นมอง...ชายหนุ่มเพียงหรี่ต
ย้อนไปเมื่อสิบปีก่อนณ MMMO international schoolเด็กหนุ่มชั้นมัธยมปีศึกษาปีที่สี่ผู้มีฐานะเป็นหลานของเจ้าของโรงเรียนเอกชนอันดับหนึ่งของประเทศ..ซึ่งเวลานี้กำลังนั่งอารมณ์ไม่ดีอยู่บริเวณหน้าโถงประชุมของโรงเรียน ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มบูดบึ้ง..นัยน์ตาคมกริบกวาดมองหมู่คนที่ผ่านไปผ่านมา..คล้ายกับกำลังใครสักคนอยู่...รุ่นพี่รุ่นน้องผู้หญิงเมื่อสบสายตาเข้าก็แทบเป็นลม..บรรยากาศเย็นชาน่าหลงใหลไม่ได้ทำให้ความนิยมในตัวเด็กหนุ่มน้อยลงเลยไม่ถ้าในโรงเรียนหรือมหาลัยวิทยาลัยมีเดือนคณะ นายคีรี สิริวงษ์ชัย ย่อมเหนือเมนขึ้นไปอีกขั้นแน่ละ ทั้งรูปร่างหน้าตา..รวมถึงฐานะวงศ์ตระกูลที่จัดอยู่ในหนึ่งกลุ่มลูกหลานผู้มีอิทธิพลระดับประเทศ...รวมถึงผลการเรียนอันดับหนึ่งของสายชั้น เมื่อขึ้นเวทีร้องเพลงเสียงก็เพราะเป็นหนักหนา..ต้องเรียกว่า hot ยิ่งกว่า hotดังนั้นตั้งแต่เกิดมาใครๆ ล้วนต่างประจบสอพลอ เชิดชูบูชา ถ้าจะมีคนหนึ่งที่ปฏิเสธมัน ก็คงไม่พ้นนางสาวดาริน กิตติวรชัยกุล เจ้าหล่อนอย่าว่าแต่ประจบเอาใจเขาเลย วันๆ มีแต่ไล่เขาไปให้พ้นๆ หน้าอีกทั้งวันนี้ยัยตัวร้ายยังหลอกให้เขามารอหน้าโถงประชุมใหญ่ได้ครึ่งค่อนชั่วโมง ทั้งๆ
รถสปอร์ตคันหรูยังวิ่งไปตามทางที่คุ้นเคย..เพียงแต่รอบนี้หญิงสาวสายซิ่งกับขับรถด้วยความไวที่ช้าลงกว่าปกติ หลังคารถเปิดประทุนถูกเปิดออก..สายลมยามดึกปะทะหน้าพาให้อารมณ์ดีไม่น้อย..ผมดำสลวยที่เริ่มยาวถูกมัดรวบง่ายๆ ไว้ด้านหลัง น่าแปลกปกติอดีตคู่หมั้นคนสวยจะตัดมันเสียสั้นกุด เพราะเจ้าหล่อนติดนิสัยขี้รำคาญจวบจนรถหรูจอดสนิทตรงลานจอดรถสะพานขึ้น p มันคือสถานที่...ที่หญิงสาวมาทุกครั้งเวลาไม่สบายใจ หรือเวลาที่เขารู้สึกแย่..เธอจะยืนอยู่บนข้างๆ หันมามองหน้าเขา พร้อมเอียงหัวรับฟังเล็กน้อย..แล้วก็ปล่อยเขาพูดไป..แม้จะไม่มีคำแนะนำดีๆ แต่แค่เธอยืนอยู่ตรงนั้น แค่รับฟัง..มันก็ทำให้เขามีความสุข เวลานี้ก็เช่นกัน..ร่างเพรียวระหงยังยืนอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ ดวงตาคู่สวยที่เขานึกรักเหม่อมองออกไปยังแม่น้ำสายใหญ่ประจำประเทศ ใบหน้าด้านข้างของเธอยังงดงามราวกับรูปสลัก..ริมฝีปากที่ถูกเคลือบด้วยสีแดงจัดเหมือนสีเสื้อผยอเล็กน้อย..ก่อนที่เธอจะตัดสินใจผินตากลับมามองเขา..เราต่างก็รู้ถึงนัยยะเดียวกัน..เขารู้ว่าเธอจดจำได้..และอะไรบางอย่างในดวงตาเขาก็บ่งบอกว่าเขาจดจำได้เช่นกัน“นายคีรี”“ว่ายังไงนางสาวดาริน”คำเรียกขานที่ชอบใช้แท
"หมายความว่ายังไงคะ!!!"คำตอบของคนเป็นพ่อ ส่งผลให้ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจ...หัวใจดวงน้อยเต้นช้าลง..ความรู้สึกสูญเสียบางอย่างเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว"ป๊ะป๋าก็หมายความตามนั้น ป๊ะป๋าเป็นคนขอถอนหมั้นเอง""อ้าว ได้ยังไงคะ แล้วแบบนี้นายคีรีไม่เสียใจแย่เหรอ""ถ้านายคีรีจะเสียใจก็เป็นปัญหาของนายคีรีซิ เกี่ยวอะไรกับบ้านเราด้วยล่ะแค่วันนั้นขับรถพาอายไปลงเขา...ป๋าก็แทบจะฆ่ามันทิ้งแล้ว..ถอนหมั้นๆ ไปก็ดีแล้ว อีกอย่างหนูก็ไม่เคยชอบพันธะนี้อยู่แล้วนี่""ป๊ะป๋า!!! มันไม่ใช่ความผิดของนายคีรี วันนั้นมันเป็นอุบัติเหตุ..นายคีรีเขาปกป้องอายด้วยซ้ำ""ไม่รู้ ถอนหมั้นแล้วก็คือถอนหมั้น อย่าไปพูดถึงผู้ชายคนนั้นอีกเลย"คนเป็นพ่อผู้หวงลูกสาวรีบตัดจบอารมณ์ดี ก่อนจะหยิบมือถือมาไล่อ่านข่าว ไม่สังเกตสีหน้าซีดเซียวของคนเป็นลูกแม้แต่นิด'เผด็จการชะมัด..เผด็จการเหมือนใครกันนะ ก็เหมือนตัวเธอนะซิ!!'เมื่อออกจากโรงพยาบาลได้สองอาทิตย์คนป่วยเริ่มอาการดีขึ้น...อีกทั้งได้สรุปในใจอีกหลายอย่าง ดังนั้นไอ้คนที่ไม่ชอบออกงานเลี้ยงสังคมหรูหราก็กลับมาออก...เพื่อจะเห็นหน้าใครบางคนและยังสามารถใช้เหตุผลประมาณว่า 'บังเอิญเจอกัน เลยไ
เมื่อคนเป็นพี่กลับบ้านมาแล้วพบน้องชายทำหน้าเครียด ในมือของเขามีสมุดเบิกถอนสมุนไพร ส่งผลให้คนมีชนักติดหลังเสียววาบในใจ...ดวงตาคมกริบหรี่มอง พร้อมโยนสมุดในมือลงบนโต๊ะ"มีอะไรจะแก้ตัวมั้ย?""...""ทำไมเจ้ทำแบบนี้ เจ้ทำมันลงไปได้ยังไง""ลื้อมันบ้าอาซาน อีฮวงนั้งไม่สมควรให้กำเนิดลูกหลานตระกูลหลี่!!""คนที่ไม่สมควรเกิดมาเป็นลูกหลานตระกูลหลี่คือเจ้ต่างหาก ส่วนจินจินเธอดีเกินกว่าผู้หญิงหลงท่ก สันดานเลวอย่างเจ้มาก""อาซาน นี้ลื้อ นี้ลื้อด่าอั๊ว""เออ อั๊วด่าเจ้นี้แหละ เรื่องนี้มันไม่จบแน่ เจ้เตรียมใจไว้ได้เลย"คนเป็นน้องพูดพร้อมกับเก็บสมุดเบิกจ่ายสมุนไพรติดมือไปด้วย เล่นเอาพี่สาวเหงื่อตก แต่หล่อนรู้น้องชายนั้นแสนดีขี้ใจอ่อนมากแค่ไหน...อีกอย่างจินเยว่ก็เสียไปหลายปีแล้ว...ไหนเลยจะมาเอาผิดเธอได้แต่ไอ้คนใจดีมาตลอดชีวิต กับเลือกนำเรื่องไปฟ้องอาปามู่เฉิน กับอาม๊าด้วยรู้ว่าท่านทั้งสองเป็นคนยุติธรรม...เมื่อบุพการีรับรู้เรื่องทุกอย่างก็ถึงกับตกใจ...เพราะสิ่งที่ลูกสาวคนเดียวกระทำเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก มันไม่ต่างทำจากการทำร้ายสายเลือดครอบครัวตระกูลหลี่ดังนั้นตอนหลี่หนิงเกอเดินเข้าห้องทำงานของอาปามู่เฉิน
ระหว่างที่ชายหนุ่มลงมือทำความสะอาดหลุมศพของภรรยา...หลี่มู่เฉินที่เดาไว้แล้วว่าลูกชายจะมาที่นี้ ก็เดินเข้ามาหาทันที หลังจากที่ยัยหนูจินเยว่เสียไปได้สองเดือน..ลูกชายของเขามักมาทำความสะอาด เอาดอกไม้มาวาง “อาซาน”“อ้าว อาปา มาได้ยังไงครับ”เสียงแห้งถามกลับ พร้อมส่งรอยยิ้มเศร้าหมองไปให้..ใบหน้าภายใต้หมวกสานกันแดด แดงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากอยู่ด้านนอกเป็นระยะเวลานาน“อื่ม อาปามีเรื่องจะคุยกับลื้อ”หลังจบคำผู้ชายสองวัยจึงเดินไปนั่งใต้ร่มไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากหลุมฝังศพจินเยว่นัก“ลื้อแน่ใจแล้วรึ ที่จะลาออกจากโรงพยาบาล”“ครับ”“เห้อ อาซาน..ฟังอาปานะ จินจินอีตายไปแล้ว แต่ลื้อยังมีชีวิตอยู่”“อื่ม ผมรู้..ผมเองก็กำลังใช้ชีวิตอยู่นี้ไง”“แบบที่ลื้อทำอยู่ เขาไม่ได้เรียกว่าการใช้ชีวิตนะอาซาน”เสียงอาปาอ่อนล้า มือหนาหยาบตบหลังลูกชายเบาๆ เพื่อปลอบประโลม“อาปารู้ว่าลื้อรักจินจินมาก”“...”“ไม่งั้นอาปาคงไม่หมั้นหมายลื้อให้จินจินหรอก”“ทำไม...อาปารู้ละครับว่าผมรักจินจิน”น้ำเสียงลูกชายโตเริ่มพร่า..เพราะตัวเขาเองยังไม่รู้ตัวเลยว่ารักเธอตั้งแต่เมื่อไร“จำได้มั้ย ว่าปีหลังๆ มานี้ ลื้อชอบบ่นว่าน้อง..แต่พอกลับมาทีไ
ชาตินี้น้องตามพี่มา ชาติหน้าพี่ยาตามน้องไปความรู้สึกเจ็บปวดเกาะกินทั้งแก่นกระดูก ลามไปยังเนื้อหนังมังสาทุกส่วนก่อนสติสุดท้ายจบลง..ร่างเพรียวระหงสะดุ้งตกใจตื่น..น้ำตาหยดใสไหลลงจากหางตาทั้งสองข้าง..เสียงสะอื้นไห้เจ็บปวด..ก่อนดวงตาดำคู่สวยจะจับโฟกัสทุกอย่างได้..มือเรียวเล็กข้างซ้ายร้อนชื้น..คนที่กุมมือไว้ไม่ปล่อย...ไม่ใช่ใครที่ไหน คือนายคีรี ผู้ที่ทั้งชีวิตไม่เคยปล่อยมือเธอเลยสักครั้งในอดีตวันที่เธอตื่นฟื้นจากอุบัติเหตุครั้งแรก...ความรู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างจากตอนนี้แม้แต่น้อย..แต่สิ่งที่ต่างมีเพียงแค่ว่า..เธอจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้...มีเพียงความรู้สึกเจ็บปวดเคียดแค้นที่เกาะกินจิตวิญญาณ.. เธอเกลียดผู้ชายคนนั้นจับใจแต่ครั้งนี้นั้นแตกต่าง..ดารินในวัยสิบสามขวบ ยังคงไร้เดียงสาในเรื่องความรัก กับนางสาวจินเยว่ในวัยยี่สิบผู้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างปล่อยปละละเลย และยึดติด รวมถึงดารินหรือจินเยว่ในปัจจุบันที่ทะลุเข้าไปในอดีตเหตุการณ์เดียวกัน...แต่ความเข้าใจต่างกันในครั้งหนึ่งเธอเคยคิดแค่ว่า..ทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อทุ่มเทไป ย่อมสมควรได้คืนกลับมา..มีแต่คำถามว่าทำไมเขาไม่เข้าใจ ทำไมเขาไม่ตามใจเธอ...เธอเป็นเม
ร่างเพรียวระหงซุกตัวกอดสามีตัวโตไว้แน่น..หลี่ลี่ซานเองก็เต็มไปด้วยความไม่สบายใจ..เลือกทางไหนก็ผิดทั้งนั้น..มือเรียวได้รูปปัดลูกผมที่ระหน้าด้วยความทะนุถนอม“จินจินแน่ใจนะคะ ที่ทำแบบนี้”“ค่ะ มันเป็นทางเลือกเดียวที่เรามี...ถ้าสมมติวันนี้เฮียซานไม่ไปช่วยเจ้เซียงเซียง.. ถ้าเกิดเจ่เจ้แกเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ เราคงเหมือนมีตราบาปไปตลอดชีวิต อีกอย่างจินจินมีเรื่องจะสารภาพค่ะ”ปลายเสียงเธอแผ่วเบา..ริมฝีปากรูปกระจับถูกกัด“สารภาพเรื่องอะไรครับ”“ผู้ชายคนนั้น...เจ้าน้อยแสนอะไรนั้น...จินจินเป็นคนแนะนำให้ไปจีบเจ่เจ้เซียงเซียงเองค่ะ”“…”“แต่จินจินไม่รู้หรอกนะคะ ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นพวกชอบทุบตีผู้หญิง”น้ำเสียงคนตัวเล็กติดประหม่า ดวงตาคู่สวยช้อนมองสำรวจนึกกลัวว่าเขาจะรังเกียจ..เพียงแต่แววตาใสกระจ่างที่มองมาเต็มไปด้วยความเข้าใจ“จินจินอย่าคิดมากเลยนะคะ เซียงเซียงเลือกของตัวเธอเอง ไม่เกี่ยวกับจินจินเลย”“แล้วเฮียไม่คิดว่าจินจินร้ายเหรอคะ”“อื่อ ร้ายแต่น่ารัก เฮียชอบ”เขาพึมพำตอบ ก่อนจมูกโด่งสวยจะฝังลงไปตรงซอกคอภรรยาตัวน้อยอย่างหลงใหล..ในชีวิตเขาล้วนต้องการเพียงเธอ...แค่เธอก็พอแล้วเช้าวันต่อมาคุณหมอหนุ่มจำต้
ตกเย็นวันนี้โชคดีที่เคลียงานได้เร็ว หญิงสาวจึงได้กลับบ้านก่อน เธอลงมือเข้าครัวทำอาหารเย็นเอง เมนูวันนี้เป็นอาหารไทยง่ายๆ อย่างต้มยำกุ้งน้ำข้น ผัดโป้ยเซียง และไก่กรอบชุบแป้งทอด โดยไม่คิดว่าจะมีแขกผู้ไม่ได้รับเชิญ บุกขึ้นมาถึงบ้าน...คุณนายเหวินผู้เป็นแม่สามี จูงลูกสาวคนเดียวเข้ามาด้วยท่าทางร้อนรน ด้านหลังเองมีเด็กในบ้านเดินตามมาด้วย“สวัสดีค่ะ ม๊า มาได้ยังไงคะ”“จินจิน อาซานกลับมาหรือยัง อั๊วมีเรื่องจะคุยกับอี”แม่สามีตั้งคำถามขึ้นมาแทน“น่าจะใกล้แล้วนะคะ ม๊านั่งรอก่อนนะคะ เดี๋ยวจินจินชงชามาให้”เจ้าของบ้านเชื้อเชิญ ก่อนจะหายเข้าไปในครัว ชงชารสโปรดให้ด้วยความใส่ใจ แต่พอออกมาต้องประหลาดใจ นอกจากแม่สามีที่นั่งรอ ยังมีซุนเหยียนแม่เลี้ยงที่นั่งงงๆ อยู่ด้านข้าง ซึ่งเวลานี้ส่วนใหญ่ม๊ามักจะดูแลอาบน้ำ ป้อนข้าวหลานอยู่ตึกด้านข้าง“อ้าว ม๊าใหญ่ มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”“พอดีหนิงเกอไปตามม๊ามา..ม๊าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีเรื่องอะไร” คำตอบของคนเป็นแม่เลี้ยง คล้ายสัญญาณเตือนอะไรบางอย่างที่ ‘ผิดปกติ’ดวงตาคมคู่สวยหลุบลง ก่อนจะเลือกเก้าอี้ตัวข้างๆ แม่สามี..บุคลิกหลังตรง งามสง่า..บรรยากาศสงบนิ่งเป็นนักหนา