หลังจากเมอร์ลินถูกพาตัวออกไป โรนัลเดลทั้งหกคนถูกรายล้อมไปด้วยคนของเซอร์นาร์ด คนจากองค์กรอื่น ๆ ที่ไม่อยากมีปัญหากับโรนัลเดลพากันถอยแล้วหาที่หลบแต่ไม่มีใครสักคนหนีกลับเพราะทุกคนที่นี่อยากเห็นประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยตาของตนเอง รามิเอลที่ข่มใจมาตลอดนั้นทันทีที่ได้รับคำสั่งจากบิดา สายตาของเขาพลันเปลี่ยนไปพร้อมฝ่าเท้าที่ยกขึ้นถีบเข้าที่พุงกลม ๆ ของเซอร์นาร์ดเต็มแรงเซอร์นาร์ดที่ไม่ทันได้ตั้งตัวล้มก้นจ้ำเบ้าลงบนพื้นด้วยความตกตะลึง นี่เป็นครั้งแรกหลังจากขึ้นเป็นผู้นำของโบนตันซ์ ครั้งแรกที่มีใครกล้าถีบเขา ความช็อกทำให้เซอร์นาร์ดเกิดช่องว่างมากมายแต่รามิเอลยังไม่คิดจะสะสางเพราะคนที่จะคิดบัญชีกับมันคือน้องชาย ไม่ใช่รามิเอล คนของเซอร์นาร์ดที่ยืนอยู่รีบพุ่งมาหารามิเอลหวังจะฝากรอยแผลไว้บนหน้าที่เรียบเฉยนั่น แต่น่าเสียดายกึก...เท้าที่ออกวิ่งหยุดชะงักในระยะที่ห่างจากรามิเอลเพียงไม่ถึงครึ่งเก้า หมัดของมันใกล้จะถึงใบหน้าของรามิเอลอยู่แล้ว ทว่ากระสุนจากทางคฤหาสน์พุ่งเจาะหลังศีรษะอย่างแม่นยำไร้สุ้มเสียงให้รู้ตัว หยาดเลือดสีแดงกระเซ็นใส่ใบหน้าหล่อเหลาของรามิเอล น่าแปลกที่เลือดกลับทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากขึ้
ความหรูหราแสนโออ่าของห้องน้ำยังคงสมราคาต่อหนึ่งคืนที่ไม่ต่ำกว่าหลักแสนดอลลาร์ หน้ากระจกทรงกลมขนาดใหญ่สะท้อนภาพของสามีภรรยาที่กำลังโหมโรงบทรักกันอย่างนุ่มนวลไร้ซึ่งความรุนแรง มันเป็นครั้งแรกที่เมอร์ลินถูกโอบกอดด้วยความอ่อนโยนแต่กลับเต็มไปด้วยสัมผัสแสนหวือหวาชวนให้หัวใจสั่นกระเส่า ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอครางเสียงแผ่วยามฝ่ามือของสามีลูบไล้ไปตามร่างกาย โจไซอาห์ลากพาริมฝีปากสัมผัสไปตามแนวลาดไหล่ขาวแล้วขึ้นมาแนวลำคอ ผิวขาว ๆ เย้ายวนชวนให้เขากัดฝากฝังรอยฟันไว้อย่างเด่นชัดสลับกับดูดเม้มทิ้งคิสมาร์กไว้เมอร์ลินเอียงศีรษะเล็กน้อยให้สามีได้เคล้าคลอกับคอของตนอย่างสะดวก แขนทางขวายกโอบรอบคอสามีพลางเลื่อนพาฝ่ามือสอดเข้ากลุ่มผมของโจไซอาห์ นิ้วทั้งห้ากดคลึงสลับกับจิกทึ้งยามลิ้นสามีแตะลงบนคอ ไม่อยากจะยอมรับแต่เมอร์ลินชอบสัมผัสยามที่โจไซอาห์พาลิ้นไปตามร่างกายของตน“คุณจะกัดบ่อยเกินไปแล้วนะครับ” เมอร์ลินเอ่ยขึ้นเมื่อความเจ็บจี๊ดที่คอเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ได้เลยว่าตอนนี้คอของเขาคงมีแต่รอยฟันและคิสมาร์กเติมเต็มไปหมดแน่ ๆ โจไซอาห์ไม่ได้ตอบอะไรภรรยาเพราะปากของเขากำลังฝากรอยลงบนผิวขาวอย
ระหว่างที่โจไซอาห์พาเมอร์ลินไปโรงพยาบาลตามนัด ทางด้านเอเวอร์เร็ตต์กลับได้รับรายงานที่ไม่คาดคิด แถมทางนั้นยังเป็นฝ่ายติดต่อมาหาหลังได้รับรายงานแค่สามนาที เอเวอร์เร็ตต์รู้จัก เอดิสัน คาร์ลอฟ เป็นอย่างดี แม้เบื้องหน้าจะเป็นนักธุรกิจระดับมหาเศรษฐีแต่เบื้องหลังกลับกอบกุมอำนาจไว้มากมาย การทะเยอทะยานของเอดิสันมันมากกว่าเขาหลายล้านเท่า ทว่า คนที่ติดต่อเขาเข้ามากลับไม่ใช่เอดิสัน แต่เป็น มาเวอริค คาร์ลอฟ ลูกชายคนโตและยังเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเมอร์ลินหรือถ้าพูดให้เข้าใจง่าย มาเวอริคเป็นพี่ชายที่เกิดจากพ่อแม่เดียวกันส่วนเรื่องระยะห่างของอายุ เอเวอร์เร็ตต์ยังไม่ทราบแน่ชัด“ทางนั้นติดต่อมาว่ายังไงคะ?” อลิซเอ่ยถามสามีก่อนเดินอ้อมมาด้านหลังแล้วโอบคอสามีด้วยความเป็นห่วง ส่วนอเดลยกกาแฟกับขนมทานเล่นเข้ามาให้“เกี่ยวกับหนูลินหรือเปล่าคะ?” มือเรียวยกแก้วกาแฟออกจากถาด แล้ววางลงบนโต๊ะทำงานสามีพร้อมกับเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล“อา ทางนั้นบอกว่าจะเข้ามาเยี่ยมหนูเมอร์ลินในอีกสามวัน” เอเวอร์เร็ตต์ตอบภรรยาแล้วยกแก้วกาแฟขึ้นจรดริมฝีปากรับรสกาแฟดำของโปรดก่อนจะพูดต่อ “ถ้าคนมาคือเอดิสัน ผมยังพอจะรับมือได้ แต่ส่งลูกชายคน
“น หน้าของท่าน...” อิวานแทบไม่อยากเชื่อสายตาว่าใบหน้าของผู้เป็นนายที่แสนเพอร์เฟกต์คนนี้จะมีบาดแผลกลับออกมา อิวานยังคงช็อกแม้ตอนนี้เจ้านายเขาจะขึ้นมาบนรถแล้ว มาเวอริคไม่สนใจอิวาน เขาถอดเสื้อโค้ทโยนไปทางที่นั่งว่างด้านข้างพร้อมเสื้อสเวทเตอร์ที่ถูกถอดตามหลัง ทำให้ร่างกายกำยำท่อนบนไร้อาภรณ์ปกปิด“ในรถมีขวดน้ำไหม?” เอ่ยถามเสียงเรียบก่อนอิวานจะรีบส่งขวดน้ำขวดใหม่พร้อมเปิดฝาให้ผู้เป็นนาย มาเวอริครับมาแล้วเงยหน้าราดน้ำล้างคราบเหนียวของนมและเลือดที่เริ่มแห้งกรัง อิวานมองน้ำที่ไหลออกจากปากขวดลงบนใบหน้าของเจ้านายผ่านกระจกหลัง สายตาของเขาไม่อาจละจากภาพตรงหน้าได้เลยยิ่งเห็นธารน้ำไหลลงมาตามแนวลำคอล่ำสัน ผ่านลูกกระเดือกที่ขยับขึ้นลงจนมาที่ร่างกายท่อนบน บวกกับหยาดน้ำที่เกาะติดตามรอยสักงูพันมังกรนั่น อิวานเริ่มเข้าใจเพื่อนร่วมงานอย่างฟินน์ทันทีว่าทำไมถึงได้ยอมให้คนคนนี้มากนัก“ให้ตายสิ เมอร์ลินมือหนักขนาดนี้เลยหรือไง” พอล้างคราบเหนียวและคราบเลือดออก มาเวอริคจึงยกมือแตะที่แผลแล้วพึมพำขึ้นมา จะว่าไปเขาก็ภูมิใจที่อย่างน้อยน้องชายเขาไม่ได้เติบโตมาอย่างอ่อนแอและลองคิดดู หากตอนนี้เมอร์ลินอยู่ที่คาร์ลอฟ จะถู
At Ronaldel Villa(ย้อนกลับมาเล็กน้อย หลังงานสังสรรค์องค์กรผ่านไป 3 วัน)เอเวอร์เร็ตต์ได้รับการติดต่อจาก มาเวอริค คาร์ลอฟ อย่างกะทันหันแถมเป็นการติดต่อเข้ามาแบบส่วนตัวโดยที่เอเวอร์เร็ตต์ได้แต่ชื่นชมในความสามารถและตอบรับการนัดพบเพื่อพูดคุยครั้งนี้ สถานที่คือ Lilly Dell Hotel โรงแรมเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างจากเหมืองหลวงพอสมควร ซึ่งการเดินทางคงใช้เวลามากกว่าห้าชั่วโมงอย่างต่ำไม่รวมตอนกลับ เอเวอร์เร็ตต์ตั้งใจจะพาเหล่าลูกชายไปด้วยเพราะทางมาเวอริคก็ขอให้พามาเพื่อรับฟัง แต่ว่าโจไซอาห์คงไม่ได้ไปเนื่องจากช่วงนี้ลูกสะใภ้ติดหนักเมอร์ลินเริ่มติดสามีไม่ห่างก็หลังกลับจากงานสังสรรค์องค์กร เอเวอร์เร็ตต์พอรู้เรื่องราวจากลูก ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่อลิซกับอเดลมีความเห็นต่างเล็กน้อยตรงที่ นั่นอาจจะเป็นการแพ้ท้องของเมอร์ลิน จะติดสามีหรือเหม็นหน้าสามีก็ได้ทั้งนั้นเหมือนครั้งที่อลิซและอเดลเคยเป็นอลิซตอนท้องพอร์ชมีอาการเหม็นหน้าสามีนานไปหลายเดือนอเดลตอนท้องโจไซอาห์ก็เป็นเหมือนกับพี่สาวแต่หนักกว่ามากเอเวอร์เร็ตต์จึงรู้สึกอิจฉาลูกชายในใจที่เมียติดหนักและติดถึงขั้นที่ขยับไปไหนทีก็ลำบากแต่เป็นความลำบากที่เขาอิจฉาจากใจ
ภาพที่โจไซอาห์อุ้มเมอร์ลินเดินมาตามทางย่อมถูกมองเป็นธรรมดา ใครหลายคนภูมิใจที่เจ้านายและภรรยาของเขาพัฒนาความสัมพันธ์ไปในทางที่ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด เห็นความกระหนุงกระหนิงของทั้งคู่แล้วก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเหมาะสมกันแค่ไหน ทว่า ไทกิสังเกตเห็นความเร็วของการก้าวขาของผู้เป็นนาย บวกกับดูสีหน้าของคุณชายเมอร์ลิน เขาก็รู้ได้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากถึงห้อง แต่ก็หวังว่าจะระวังกันสักหน่อยเพราะตอนนี้ คุณหนูหรือนายน้อยของพวกเขายังคงอ่อนแออยู่ในท้องของคุณชายเมอร์ลิน“คุณหนูแน่ ๆ” โรมันที่มองตามผู้เป็นนายโพล่งขึ้นก่อนถูกเพื่อนสนิทอย่างไทกิมองด้วยสายตาเอือมระอา“แกเป็นอะไรกับคุณหนูนักหนาวะ”“ก็อยากได้คุณหนู แกดูหน้าชั่ว ๆ ของพวกเราและพวกนั้นสิ ตอนนี้ต้องมีแต่ความสดใสและความน่ารักของคุณหนูเข้าแทรกเท่านั้น โรนัลเดลถึงจะสมดุล เข้าใจ๊?” โรมันบอกแล้วละสายตาไปทางสวนดอกไม้มากมายที่มีก่อนจะกล่าวต่อ “แล้วคฤหาสน์ของโรนัลเดลส่วนมากก็มีสวนดอกไม้เต็มไปหมด นึกภาพคุณหนูวิ่งกลางสวนดอกไม้สิ คนสวนคงได้รับพลังงานและมีกระจิตกระใจทำงานเหมือนพวกเรานั่นแหละ” เพราะโรมันคิดเสมอว่าเด็ก ๆ น่ารักคือพลังงานบวกที่แสนสดใส แน่นอ
แม้จะยังไม่ถึงวันครบรอบแต่งงานปีที่ 6 แต่บรรยากาศโดยรอบของโจไซอาห์และเมอร์ลินก็ได้ยกระดับจากเดิมมาก ๆ จากสามีภรรยาจำเป็นสู่สามีภรรยาที่แท้จริง ต้องขอบคุณการเปลี่ยนแหวนและขอบคุณโจไซอาห์ที่กล้าแสดงความรู้สึกของตนเองออกมาก่อนใคร ยอมลดให้ภรรยาในหลาย ๆ เรื่อง เมอร์ลินเองก็เช่นกัน แต่มีเรื่องเดียวที่เมอร์ลินไม่ยอม นั่นก็คือเรื่องงาน ถึงช่วงนี้จะถูกเอเวอร์เร็ตต์สั่งงดงานทุกอย่าง แต่หากเป็นงานเอกสารง่าย ๆ ที่ค้างเป็นกอง เมอร์ลินก็อยากให้สามีทำมันให้เสร็จ ด้วยเหตุนั้น โต๊ะทำงานของโจไซอาห์ จึงถูกขนย้ายมาอยู่ที่ห้องนอนชั่วคราว“เหมือนเท้าผมบวมเลยแฮะ” เมอร์ลินเปรยขึ้นขณะมองเท้าทั้งสองข้างของตนเอง“หาหมอไหม?” คนที่ทำงานอยู่ชะงักมือแล้วเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารพร้อมเอ่ยถาม“ไม่ครับ มันเรื่องปกติของคนท้องน่ะ ตกใจเหรอครับ? ขอโทษนะ” เมอร์ลินหันมองหน้าสามีพลางยิ้มแห้ง ส่วนตัวแล้วเมอร์ลินคิดว่าในขณะที่ท้องจะเอาแต่พึ่งพาหมอทุกเรื่องก็ไม่ได้ เขาเลยนั่งหาข้อมูลเกี่ยวกับคนท้องว่ามีอะไรบ้าง อาการในแต่ละเดือนเป็นยังไง อะไรจะเกิดขึ้นในระหว่างตั้งท้องบ้าง นั่งหานั่งอ่านจนเพลิน ส่วนหน้าอกที่ไม่ได้มีเหมือนผู้หญิง แ
การประชุมใหญ่ของโรนัลเดลจะเริ่มเมื่ออาเรียกลับมา ส่วนวันนี้เป็นเพียงการประชุมคร่าว ๆ เท่านั้น เมอร์ลินเองก็นั่งฟังด้วยเช่นกัน แต่แน่นอนว่าในใจของเมอร์ลินมันอยู่ไม่สุข คิดอยู่ตลอดเวลาว่ามาเวอริคจะเป็นอะไรมากหรือเปล่า“ฉันบอกก่อนว่าอันดับแรกที่ฉันจะทำ ไม่ใช่การใช้กำลังแต่มันคือการเจรจา หากเป็นไปได้ก็อยากจบที่การเจรจา เพราะฉันไม่อยากสูญเสียคนของเราไปสักคนเดียว แค่คนเดียวก็ไม่เข้าใจใช่ไหม?” เอเวอร์เร็ตต์กล่าวขึ้น แม้เขาจะมั่นใจในฝีมือของลูกน้อง แต่เขาก็มั่นใจว่าทางนั้นไม่ใช่ของเคี้ยวง่ายเหมือนองค์กรในรันเซีย หากในรันเซียโรนัลเดลคือที่หนึ่ง ที่อื่นก็ได้แค่ยืนอยู่หน้าสตาร์ทไลน์เท่านั้น “คิดว่าเป็นไปได้ไหมหนูเมอร์ลิน?” หันถามเมอร์ลินที่นั่งอยู่ คนถูกถามสะดุ้งก่อนไล่สายตามองทุกคนที่มองมาแล้วตอบคำถามนั้น“น่าจะยากนะครับ เพราะถ้าคุณพ่ออยากจบที่การเจรจาโดยไม่สูญเสียคนของเราไป เอดิสันต้องยื่นข้อเสนอมากมายที่ทางโรนัลเดลเสียประโยชน์แน่นอน” เมอร์ลินตอบไปตามจริงที่อาจจะเกิดขึ้น และมันมากถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เชียวล่ะ “เอดิสันเป็นผู้ชายที่กระหายอำนาจทุกอย่างบนโลกใบนี้ แค่การเจรจาพูดคุยกันมันน่าจะเป็นเร