"ข้าวหอมอยู่ไหน"
เจนน่าถามขึ้นทันทีเมื่อเจอนับหนึ่ง โดยปกติแล้วคนส่วนใหญ่มักจะถามหาคนไข้หรือคนป่วยที่ประสบอุบัติเหตุมากกว่า ทว่าเธอก็รู้อยู่แก่ใจว่าคุณน้าคงอยู่ในมือหมอแล้ว เพราะฉะนั้นคนที่เธอควรถามหามากที่สุดคือก็คือลูกสาวของหล่อน
"ข้าวหอมไหนวะ เจ้าของร้านดอกไม้อะเหรอ"
นับหนึ่งขมวดคิ้วกับคำถามของเจนน่า เธอเพียงขับรถผ่านแถวๆหน้าร้านดอกไม้นั่น บังเอิญดันเห็นรถพยาบาลจอดอยู่แถวนั้นพอดี ประกอบกับเห็นใบหน้าเลอะน้ำตาของคุณเจ้าของร้านตัวเล็กโดยข้างๆมีรถยนต์จอดอยู่ด้วย เท่านั้นก็พอจะเดาได้ว่าคนเจ็บจะต้องเป็นคุณน้าอย่างแน่นอน
"เออ อยู่ไหน"
ดาราสาวถามขึ้นมาด้วยความร้อนใจจนแทบจะกินหัวนับหนึ่งที่เอาแต่ยืนอ้ำอึ้งไม่ตอบเธอสักที
"อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน"
"ก็แค่นั่นแหละ"
คนตัวเล็กได้แต่อ้าปากค้างกับท่าทางรีบร้อนของเพื่อนเอาแต่ใจ หล่อนวิ่งไปด้วยความรวดเร็วก่อนจะถามทางไปห้องฉุกเฉินกับเจ้าหน้าที่ที่อยู่แถวนั้น ความจริงแล้วที่เธอโทรไปบอกเจนน่าเพราะกะว่าจะชวนหล่อนไปเยี่ยมคุณน้าที่โรงพยาบาลหลังเสร็จงานพรุ่งนี้ แต่หล่อนกลับตกใจและรีบซักไซ้ที่อยู่โรงพยาบาลทันทีจนเธอต้องบอกและเสียเวลาออกมากับหล่อนตอนดึกๆแบบนี้ เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนเธอกันแน่
"เธอ"
คนตัวสูงวิ่งมาที่หน้าห้องฉุกเฉินตามทางที่เจ้าหน้าที่บอก ซึ่งกว่าจะวิ่งมาถึงก็เล่นเธอซะเหงื่อตกเลยทีเดียว
"คุณ"
วินาทีที่ได้สบตากัน คนตัวเล็กวิ่งเข้ามาสวมกอดอีกคนทันที พร้อมกับใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา ด้วยแรงกอดที่พุ่งเข้ามาทำเอาเจนน่าเซถอยหลังไปเล็กน้อย แต่เธอก็กลับมาทรงตัวและยืนนิ่งๆให้อีกคนได้เช็ดน้ำตาเข้ากับเสื้อสายเดี่ยวตัวโปรดของเธอ
"ฮึก"
ข้าวหอมสะอึกสะอื้นจนตัวโยนอยู่ในอ้อมกอดของเธอจนกลิ่นคาวเลือดที่ติดอยู่ที่เสื้อของหล่อนตีเข้าจมูก ถ้าเป็นตอนอื่นเธอคงเหวี่ยงวีนที่จู่ๆก็วิ่งเข้ามากอดกันแบบนี้ เพราะโดยส่วนตัวแล้วเธอเป็นคนที่หวงเนื้อหวงตัวยิ่งกว่าอะไร แต่เพราะสถานการณ์แบบนี้ทำให้เธอเข้าใจเหลือเกิน ว่าความรู้สึกของคนที่กำลังจะเสียแม่ไปมันเป็นยังไง
แขนยาวเสลาโอบกอดและลูบหัวเด็กน้อยเบาๆเป็นการปลอบใจ เธอไม่รู้จะปลอบหล่อนออกมาเป็นคำพูดได้ยังไงเพราะในชีวิตนี้เธอมีปากไว้เพียงพูดสั่งคนอื่นเท่านั้น ถ้าจะให้พูดเรื่องดีๆก็คงจะยากไปสักหน่อย เวลาแบบนี้หล่อนคงต้องการแค่ใครสักคนมาอยู่ข้างๆล่ะมั้ง
"ขอโทษนะคะ ทำเสื้อคุณเปียกหมดเลย"
คนตัวเล็กนิ่งไปสักพักแล้วผละกอดออก ก่อนจะพบว่าเสื้อสีดำของอีกคนเปียกเป็นดวงๆเพราะน้ำตาของเธอ มือสวยยกขึ้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้าและขยี้ตาไปมาด้วยความเคยชิน
"อย่าขยี้ตา มันไม่ดี"
เจนน่าไม่ได้ตอบเรื่องเสื้อของเธอทว่ากลับจับข้อมือเล็กๆของอีกคนแทน นี่คงเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่เธอจับข้อมือของข้าวหอมอย่างอ่อนโยน อยู่ดีๆก็รู้สึกผิดขึ้นมาเพราะที่ผ่านมาเธอออกแรงกำมันแน่นมาโดยตลอด คงเจ็บน่าดู
"ฉันยังไม่ได้ใช้ เอาไปใช้ซะสิ"
ดาราสาวตัดสินใจล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนสวยขึ้นมาก่อนจะยื่นให้กับคนตรงหน้า อย่างน้อยการใช้ผ้าซับที่หัวตาเบาๆก็ดีกว่าใช้มือขยี้เป็นไหนๆ ทำแบบนั้นขอบตาย่นกันพอดี
"..."
"หรือเธอรังเกียจ"
"เปล่าค่ะ"
เจนน่าไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมข้าวหอมถึงไม่ค่อยพูดกับเธอ ต่อให้ครั้งนี้เธอจะดูเป็นคนดีมีน้ำใจอย่างนั้นน่ะเหรอ ตอนเด็กๆคุณน้าไม่ปล่อยให้ออกไปเล่นกับเพื่อนจนคุยกับกำแพงแล้วติดเป็นนิสัยหรือไงกัน
'แล้วถ้าไม่รังเกียจทำไมยังยืนนิ่งอยู่อีกล่ะ ทำตัวน่าหงุดหงิดชะมัด'
คนตัวสูงคิดในใจก่อนจะถือวิสาสะใช้ผ้าเช็ดหน้าในมือของตัวเองซับเข้าที่หัวตาของอีกคนเบาๆ ข้าวหอมตกใจจนเผลอถอยหลังไปนิดหน่อยแต่สุดท้ายก็ยอมยืนนิ่งๆให้อีกคนได้ซับน้ำตาให้อย่างเบามือ รวมไปถึงบริเวณแก้มที่เปียกชุ่มจนบางจุดก็แห้งเป็นคราบไปแล้วด้วย
"ทีหลังอย่าขยี้ตา มันทำให้ผิวรอบดวงตาคล้ำ ไม่รู้หรือไง"
คนซับน้ำตาพูดขึ้นมาเพื่อให้เป็นความรู้กับอีกคน คราวหน้าคราวหลังจะได้ไม่ทำอีกเพราะบางทีมันอาจจะส่งผลเสียในระยะยาว
"ไม่รู้ค่ะ อาจจะเพราะไม่มีทิชชู่ ฮึก"
ข้าวหอมตอบกลับมาทั้งที่ยังสะอื้นอยู่เล็กน้อยจนอีกคนอดที่จะเผลอเอ็นดูไม่ได้ ราวกับว่าเธอกำลังซับน้ำตาให้เด็กไม่กี่ขวบ
"ทิชชู่ก็เช็ดไม่ได้ ในนั้นมีสารอะไรบ้างไม่รู้ ทางที่ดีควรจะเป็นผ้าเช็ดหน้านุ่มๆแบบนี้"
"..."
"เข้าใจไหม"
เด็กน้อยในร่างคนตัวเล็กพยักหน้าตอบรับ น้อยครั้งเหลือเกินที่จะได้ยินเสียงของคนตัวเล็กโต้ตอบกลับมา แต่พอมาอยู่ในช่วงเวลาที่หล่อนดูเสียใจมากขนาดนี้เธอก็จะปล่อยเบลอไม่คิดอะไรก็แล้วกัน ในขณะเดียวกันระหว่างที่กำลังซับน้ำตา คุณหมอก็เดินออกมาพอดี
เสียงเปิดประตูห้องฉุกเฉินดึงความสนใจของคนทั้งคู่ รวมไปถึงนับหนึ่งที่เพิ่งเดินเข้ามาแบบพอดิบพอดี เจ้าของร้านดอกไม้คนสวยรีบวิ่งเข้าไปถามไถ่อาการทันที แล้วก็ถือว่าเป็นข่าวดีที่คุณน้าปลอดภัย เพียงแต่ต้องพักฟื้นให้อาการดีขึ้นเสียก่อน
รอยยิ้มดีใจของคนเป็นลูกปรากฏขึ้นบนใบหน้าพร้อมกับสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง ถ้าให้เจนน่ามองเข้าไปในดวงตานั่นก็คงจะเดาว่าหล่อนหวังให้คุณน้าดีขึ้นในเร็ววัน เธอก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นเช่นกัน
"ฉันฝากแม่นี่ทีนะ จะไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวมา"
เจนน่ากระซิบข้างหูเพื่อนสาวแล้วรีบวิ่งออกมา ความจริงแล้วเธอไม่ได้อยากเข้าห้องน้ำที่ไหนหรอก เพียงแต่นึกอะไรดีๆได้ก็เท่านั้นเอง
"คุณหมอคะ รบกวนขอห้องพักเป็นห้องพิเศษนะคะ"
เธอวิ่งตามคุณหมอมาก่อนจะบอกออกไปด้วยความรู้สึกดี ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเธอตั้งใจว่าจะเป็นคนออกให้ เพราะนี่จะถือว่าเป็นค่าข้าวต้มสามถ้วยเมื่อเช้าให้กับคุณน้า
แต่จนแล้วจนเล่าสมองก็ยังนึกถึงเจ้าโพสอิทสีชมพูที่แปะเอาไว้หัวเตียง ยัยนั่นเขียนบอกเธอว่าอย่าร้องไห้ เธอก็คงไม่อยากให้หล่อนร้องไห้เหมือนกัน สองขายาวก้าวฉับๆไปที่เคาน์เตอร์พยาบาลโดยที่ลืมไปว่าตัวเองเป็นคนสาธารณะ ซึ่งแน่นอนว่าต่อให้ที่นี่จะเป็นโรงพยาบาลก็ยังมีคนยกโทรศัพท์ขึ้นมาแอบถ่ายรูปเธออยู่ดี
และก็ยังมีคนบางประเภทที่ใจกล้าเดินเข้ามาขอถ่ายรูปคู่กับเธอโต้งๆ เพราะคนประเภทนี้มีอยู่เยอะเหลือเกินทำให้ความตั้งใจของเธอใช้เวลานานเหลือเกินกว่าจะประสบความสำเร็จ
"ขอโทษนะคะ รบกวนขอกระดาษแผ่นเล็กๆสักใบแล้วก็ปากกาสักแท่งได้ไหมคะ"
เหล่าพยาบาลต่างมองเธอกันตาหวานฉ่ำ แต่โชคดีที่พยาบาลพวกนั้นยังต้องทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป เธอเลยรอดจากการถูกขอถ่ายรูปที่บางคนก็ใช้เวลานานเหลือเกิน กระดาษกับปากกาแผ่นเล็กถูกยื่นให้อย่างไม่อิดออด เจนน่ายิ้มพอใจก่อนจะกล่าวขอบคุณและหาพื้นเรียบๆสักที่เพื่อเขียนมัน
"เขียนว่าอะไรดีล่ะ"
หล่อนพูดกับตัวเองหลังจากที่เดินเข้ามาในห้องน้ำเพราะเบื่อที่จะตกเป็นเป้าสายตาของคนรอบข้างจนคิดอะไรไม่ออก
"สู้ๆดีไหม แต่กระดาษแผ่นตั้งใหญ่ เขียนแค่นั้นน่าเกลียดตาย"
ดาราสาวพึมพำกับตัวเองก่อนนิสัยฉลาดแกมโกงของหล่อนจะเริ่มทำงาน แววตาเป็นประกายจับจ้องไปที่กระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆแล้วเริ่มบรรจงเขียนมัน
'เดี๋ยวคุณน้าก็หาย อย่าร้องไห้เลยนะ พักผ่อนเยอะๆค่ะ'
'นับหนึ่ง'
เจนน่ามองกระดาษด้วยความภาคภูมิใจในความฉลาดของตัวเอง การลงชื่อเพื่อนอาจจะทำให้ข้าวหอมรู้สึกดีมากกว่า อีกอย่างนับหนึ่งก็ดูเป็นคนมีมารยาทมากกว่าเธออยู่แล้ว เพราะเป็นแบบนั้นแม่นั่นก็คงจะไม่เอะใจอะไร
"แค่นี้ก็เรียบร้อย ขืนให้รู้ว่าฉันเป็นคนเขียนมีหวังได้ใจจนกู่ไม่กลับแหงๆ ชิ"
พูดกับตัวเองเสร็จก็อมยิ้มโดยที่ไม่รู้ตัว เธอเดินออกจากห้องน้ำก่อนจะพบเด็กชายตัวเล็กๆที่ร้องเรียกเธอด้วยความไร้เดียงสา
"พี่ครับๆ ซื้อดอกไม้จากผมหน่อยนะครับ"
เด็กตัวเล็กพูดกับเธอด้วยความน่าสงสาร ในมือถือดอกกุหลาบสีแดงกำใหญ่ที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีดอกสวยๆเลยสักดอก และที่สำคัญคือเธอเกลียดดอกไม้แบบสุดๆ
"ขอโทษนะคะ พอดีพี่รีบน่ะ"
เจนน่าบอกปัดกลับไปทว่าเด็กน้อยกลับวิ่งมากอดขาขอร้องเธอด้วยน้ำเสียงเว้าวอน
"นะครับพี่ ผมหิวข้าว พี่ซื้อไปให้ใครก็ได้นะครับ ดอกละห้าบาทเอง"
คำว่าซื้อไปให้ใครก็ได้ทำให้เธอนึกถึงใครบางคนที่คงจะขวัญเสียอยู่ตอนนี้ แต่ติดตรงที่เธอไม่อยากเอามือไปแตะต้องกับมันน่ะสิ
Jenna : ออกมาหาที่ห้องน้ำชั้นล่างหน่อย
มือสวยหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความให้เพื่อนสาว อย่างน้อยเธอจะได้ขอความช่วยเหลือให้ถือดอกไม้ทั้งหมดนี่ที
"ก็ได้ งั้นรอเพื่อนพี่แปปนึงนะ"
เด็กน้อยพยักหน้าขึ้นลงพร้อมกับน้ำตาที่หยดแหมะลงมา ดาราสาวนึกสงสารเลยควักเงินสดที่มีติดตัวอยู่น้อยนิดในกระเป๋ากางเกงออกมายื่นให้กับเขา
"อะ พี่เหมาหมดนี่เลยไม่ต้องทอนนะ เก็บเงินไว้กินข้าว แล้วพี่ก็ฝากเอาปากกาแท่งนี้ไปคืนพี่พยาบาลที่เคาน์เตอร์ด้วยนะครับ"
"อยู่นี่เอง มีอะไรหายหัวไปตั้งนาน ท้องเสียเหรอแก"
ตัวช่วยจำเป็นในทุกๆเรื่องโผล่มาในขณะที่เจนน่ายื่นปากกาและธนบัตรสีเทาสองใบให้กับเด็กตัวเล็ก
"ขอบคุณนะครับพี่คนสวยใจดี"
เด็กน้อยยื่นดอกไม้ทั้งกำให้นับหนึ่งที่พอจะรู้หน้าที่ตัวเองอยู่แล้วก่อนที่จะวิ่งเอาปากกาไปคืนตามคำสั่ง ท่าทีประหลาดใจแบบสุดขีดของเพื่อนสาวทำเอานางร้ายในคราบคนดีถึงกับไปต่อไม่ถูก
"วันนี้ใครให้แกกินอะไร"
"อะไร"
"วันนี้ทำตัวแปลกไปนะ แค่เป็นห่วงคนอื่นก็แปลกแล้ว แต่นี่แกซื้อดอกไม้ทั้งที่ไม่จำเป็น"
"เออหน่า ไว้ค่อยเล่าให้ฟัง"
"..."
"ฉันยอมจ่ายเงินเดือนให้แกสามเท่า ทำตามที่ฉันสั่ง"
ห้องพักฟื้นแบบพิเศษแอร์เย็นฉ่ำที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบทำให้ข้าวหอมว้าวุ่นใจ ครอบครัวเธอไม่ได้ร่ำรวยถึงขนาดจะมีเงินจ่ายค่าห้องพักฟื้นที่แพงแสนแพงขนาดนี้ หรือต่อให้จะมีใครมารับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายเธอก็คงจะไม่สบายใจรับไว้อยู่ดี
'แอ้ด'
เสียงประตูห้องพักดังขึ้นดึงความสนใจของข้าวหอม ทั้งนับหนึ่งและคุณดาราที่เธอจำชื่อไม่ค่อยได้เดินเข้ามาภายในห้องพร้อมกับในมือที่ถือดอกกุหลาบกำใหญ่
ในระหว่างที่คนตัวสูงไม่อยู่เธอได้ทำความรู้จักกับเพื่อนของหล่อนเรียบร้อยแล้ว และหล่อนก็น่ารักกว่าที่คิด ซึ่งน่าจะต่างกับอีกคนพอสมควร
"พอดีว่านับหนึ่งเจอเด็กที่มาขายดอกกุหลาบอยู่ข้างล่างน่ะค่ะ เห็นน้องบอกว่าไม่มีเงินกินข้าวเลยอุดหนุน แต่ก็ไม่รู้จะเอาไปให้ใคร"
"ค่ะ"
คนตัวเล็กตั้งใจฟังอย่างน่าซื่อตาใส ซึ่งในใจเธอกำลังร้อนเป็นไฟและภาวนาขออย่าให้เป็นแบบที่คิด
"ก็เลยคิดว่าคงจะเอาดอกไม้พวกนี้มาใส่แจกันไว้ในห้อง เผื่อว่าคุณน้าฟื้นขึ้นมาแล้วจะรู้สึกดีน่ะค่ะ คงไม่เป็นไรใช่ไหมคะถ้ามันจะเหี่ยวไปหน่อย"
"อ๋อ ขอบคุณมากนะคะ ไม่เป็นไรเลยค่ะ ข้าวไม่ถืออยู่แล้ว"
ข้าวหอมยิ้มกว้างจนตาปิดทว่าในหัวกลับเอาแต่คิดว่าจะทำยังไงดีในขณะที่นับหนึ่งยื่นดอกไม้มาให้เธอ เพราะตอนนี้เธอไม่มีแม้แต่ถุงมือสักข้างเดียว
"นี่ เพื่อนฉันให้ก็รับไปซะสิ"
ดาราสาวพูดขึ้นมาหลังจากที่ข้าวหอมยืนนิ่งไปสักพัก เธอแอบเอากระดาษแผ่นเล็กซ่อนไว้ในส่วนกลางของกำดอกไม้ อยากจะเห็นสีหน้าของอีกคนเต็มทนว่าถ้าได้อ่านข้อความที่เธอเขียนจะทำหน้ายังไง
"คือว่า"
"ไม่ต้องเกรงใจหรอก นี่ เอาไป"
เจนน่าเดินเข้ามาใกล้แล้วถือวิสาสะจับมือนุ่มๆของอีกคนตามเคย เธอจับให้มือนั่นสัมผัสกับก้านของดอกกุหลาบทุกๆก้านเพื่อที่จะได้รับมันไป หากแต่คนตัวเล็กฝืนตัวและเกร็งไม่ยอมจับ ทำให้ดอกกุหลาบทั้งกำร่วงลงไปกับพื้น
ด้วยความที่ดอกไม้ตกกระจายออกจากกันทำให้ข้าวหอมนึกถึงเรื่องมารยาทต้องมาก่อน เธอจำใจเก็บดอกไม้ด้วยมือเปล่าเพราะคิดว่าบางทีเรื่องราวของดอกไม้พวกนี้คงจะไม่ได้แย่อย่างที่คิด
'ฟึ่บ'
"กรี้ด"
ข้าวหอมนั่งลงกับพื้นทันทีที่สัมผัสพวกมันได้ไม่นาน มือเล็กปล่อยดอกกุหลาบแล้วกำแน่นทั้งสองข้าง น้ำตาหยดเล็กๆหยดลงกับพื้นจนหญิงสาวที่เห็นเหตุการณ์อีกสองคนต้องรีบเข้ามาดูด้วยความตกใจ
"เธอเป็นอะไร!"
เจนน่าถามออกมาด้วยความเป็นห่วงในขณะที่นับหนึ่งอ้าปากค้างตกใจจนพูดไม่ออก
"เด็กคนนั้น ฮึก"
"คนไหน อะไรข้าวหอม"
คนตัวสูงเขย่าตัวอีกคนที่ดูเหมือนจะร้องไห้จนขาดสติ
"เด็กผู้ชายที่ขายดอกไม้ให้คุณ ถูกแทงตายอยู่หน้าโรงพยาบาล"
คนตัวเล็กพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งจนแทบไม่ได้ยิน จนในที่สุดที่นับหนึ่งดึงสติกลับมาและนึกขึ้นได้ว่าห้องพิเศษห้องนี้สามารถมองเห็นด้านล่างที่เป็นหน้าโรงพยาบาลได้
นับหนึ่งลุกขึ้นสูดหายใจตั้งสติแล้ววิ่งไปเกาะขอบหน้าต่างเพื่อพิสูจน์บางอย่างที่ไม่คิดว่ามันจะเป็นจริง
"แก"
เพื่อนสาวปิดปากตัวเองด้วยความตกใจแล้วเรียกคนข้างหลังให้ลุกขึ้นมาดู นับหนึ่งก้าวถอยหลังจนชิดกับเตียงผู้ป่วยเพราะภาพที่เห็น
เด็กผู้ชายตัวเล็กที่ยื่นดอกกุหลาบให้กับเธอเมื่อครู่ นอนจมกองเลือดพร้อมกับคนรอบข้างที่ต่างมุงดูเหตุการณ์นี้อย่างสะเทือนขวัญ
หลังจากเกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญขึ้นในคืนนั้น ดาราสาวพยายามที่จะพูดคุยและถามข้อสงสัยกับข้าวหอมว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นได้ยังไงกันแน่เธอกำลังหลอกตัวเองว่ามันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ ทว่ามันก็เป็นไปไม่ได้อีกที่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งจะรู้รายละเอียดเกี่ยวกับใครบางคนที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน เหมือนกับเด็กผู้ชายคนนั้นที่มีเพียงเธอและนับหนึ่งเท่านั้นที่เคยเห็น'เป็นไปไม่ได้หรอกที่เธอจะรู้ได้มากขนาดนั้น ต้องมีอะไรแน่ๆ'เธอนั่งคิดเรื่องนี้วนไปวนมาจนหัวแทบระเบิด ในขณะที่คนทั้งกองถ่ายกำลังวุ่นวายมีเพียงเธอเท่านั้นที่ไขว่ห้างดูดน้ำมองเหม่อแล้วก็นั่งเงียบๆอยู่คนเดียว"น้องเจนน่าครับ ถึงคิวแล้วครับ"เจนน่าหยุดเรื่องทั้งหมดที่กำลังคิดตีกันวุ่นวายอยู่ในหัว ก่อนที่จะยิ้มรับอ่อนๆให้กับผู้กำกับที่ตะโกนเรียกเธอเข้าฉาก"ฉากนี้ขอตบจริงนะครับ เอาเทคเดียวผ่านนะ"เสียงโทรโข่งดังขึ้นให้เธอและคู่อริตัวจริงทำสมาธิหลังจากที่เธอและฮันนี่มายืนอยู่ด้วยกันหน้าฉาก วันนี้แหละที่เธอรอคอยเพื่อที่จะได้ตบยัยน้ำผึ้งป่าให้เต็มมือ ถ้าไม่ติดว่าจะดูไม่มืออาชีพเธออยากจะแกล้งเล่นพลาดสักสองสามหน จะได้ตบหล่อนซ้ำหลายๆทีให้สะใจเจนน่ากระห
ห้องสี่เหลี่ยมห้องเดิมหลังร้านที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของหญิงสาวสองคนถูกใช้เป็นห้องทำแผลอีกครั้ง ข้าวหอมและเจนน่านั่งอยู่ข้างกันบนโซฟาตัวเดิม ตำแหน่งเดิม มือนุ่มของข้าวหอมหยิบสำลีเช็ดแอลกอฮอล์ขึ้นมาเช็ดวนรอบๆแผลด้วยความเบามือ"ซี้ด"เจนน่าร้องออกมาด้วยสีหน้าเหยเกก่อนจะกลับมาเป็นสีหน้าที่เรียบเฉยอีกครั้ง เธอไม่รู้ว่ากับข้าวหอมสามารถแสดงความเจ็บปวดกับหล่อนได้มากน้อยแค่ไหน ถึงเธอจะวางใจในหลายๆเรื่องแต่มันก็ต้องระวังตัวไว้ก่อนเพราะเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน เรียกรู้จักกันได้หรือเปล่านะ"เจ็บเหรอคะ"เสียงนุ่มของข้าวหอมทำเอาเธอรู้สึกแปลกไป ทุกครั้งที่อยู่กับหล่อนนอกจากเธอจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนธรรมดาๆแล้ว ยังรู้สึกว่าได้รับความห่วงใยอยู่ตลอดอีกด้วย ซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่แปลกมาก เพราะนอกจากคนใกล้ตัวแล้วเธอก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครอีก"อือ ก็นิดหน่อย""ขอโทษค่ะ จะพยายามเบามือมากกว่านี้นะคะ"คนตัวเล็กตอบแล้วก็ค่อยๆบรรจงเช็ดรอบแผลต่อไป ความเงียบภายในห้องทำให้เสียงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ของเจนน่าเข้าหูพยาบาลจำเป็นจนคนตัวเล็กต้องเปิดบทสนทนาขึ้นมา"เจ็บก็ร้องออกมาค่ะ ไม่ต้องฝืนหรอก""เปล่าฝืนสักหน่อย""
หลังจากที่เจนน่าเอ่ยปากขอนอนค้างที่นี่ คนตัวเล็กก็เงียบคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบตกลง ดาราสาวค่อนข้างที่จะดีใจกับคำตอบเพราะไม่คิดว่าอีกคนจะยอม และหากหล่อนกล่าวปฎิเสธเธอก็จะกลับคอนโดอย่างไม่ดื้อดึง บอกตามตรงว่าตอนนี้เธอไม่มีแรงที่จะรังแกใครทั้งนั้น โดยเฉพาะข้าวหอมที่นอนหันหลังให้เธออยู่ตอนนี้กลิ่นตัวหอมๆผสมกับกลิ่นครีมอาบน้ำที่หวานอ่อนๆ ทำให้โดยรวมมันหอมละมุนไปหมดจนเจนน่าอดไม่ได้ที่จะฉวยโอกาสขยับตัวเข้าไปใกล้ ด้วยความที่เตียงไม่ได้ใหญ่มากนักทำให้พื้นที่ในการนอนมีจำกัด"คุณนอนได้หรือเปล่าคะ ถ้านอนไม่สบายฉันจะได้ไปนอนอีกห้อง"และเพราะเจนน่าขยับตัวไปมาจนอีกคนรู้สึกได้ทำให้ข้าวหอมเกรงว่าหล่อนจะนอนไม่สบาย มารยาทการเป็นเจ้าบ้านที่ดีคือทำให้แขกรู้สึกสบายใจ และเจนน่าก็ถือว่าเป็นแขกคนหนึ่งของเธอ"นอนได้สิ ก็ที่ฉันขอนอนกับเธอคืนนี้เพราะไม่อยากอยู่คนเดียว"คนข้างๆตอบออกมาตามตรง ด้วยข้าวหอมก็รู้เหตุผลแล้วว่านับหนึ่งนอนซมไข้อยู่ที่ห้องจากการบอกกล่าวของเธอ เพราะแบบนั้นเธอจึงไปนอนค้างด้วยไม่ได้"..."ข้าวหอมที่นอนหันหลังให้เจนน่าฟังคำตอบแล้วก็เงียบไปสักพักใหญ่ จนอีกคนคิดว่าหล่อนหลับไปแล้ว อีกทั้งห้องย
'ปิดชั่วคราว'ป้ายประกาศปิดชั่วคราวถูกคนตัวเล็กแขวนไว้ที่หน้าร้าน ชัั่วคราวของเธอในที่นี้หมายถึงสักหนึ่งหรือสองชั่วโมงเท่านั้น เพื่อนำเวลาตรงนี้ไปมอบให้กับดาราสาวน่าสงสารที่นั่งเขี่ยข้าวในจานมาสิบนาทีได้แล้ว"กับข้าวที่ฉันทำมันไม่อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอคะ"ข้าวหอมเดินมานั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามพร้อมกับถามขึ้น วันนี้เธอตั้งใจทำต้มจืดเต้าหู้หมูสับหม้อใหญ่ให้กับคนตรงหน้าแล้วก็แม่ที่อยู่โรงพยาบาล หลังจากที่ตื่นมาพร้อมกับหัวใจที่เต้นผิดจังหวะเพราะเจ้าหล่อนนอนกอดเธอแน่นจนแทบขยับตัวไปไหนไม่ได้"ไม่รู้เหมือนกัน เพราะยังไม่ได้กิน"เจนน่าตอบออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยจนกระทั่งมีเสียงเคาะกระจกจากหน้าร้านดังขึ้น'ก๊อกๆๆ'เจ้าของร้านตัวเล็กรีบวิ่งออกไปดูก็พบว่าเป็นนับหนึ่งที่เจนน่าเพิ่งโทรนัดไว้เมื่อชั่วโมงก่อน ข้าวหอมยิ้มรับพร้อมกับไขประตูให้เพื่อนคนใหม่ของเธอที่ดูจากสีหน้าแล้วคงอาการเดียวกับคนที่นั่งเขี่ยข้าวอยู่ด้านใน"เป็นไงล่ะแก เซอร์ไพรส์ฉันตั้งแต่ยังไม่หายป่วยเลยนะยะ"นับหนึ่งทักเพื่อนสาวด้วยใบหน้าหมดอาลัยตายอยากไม่ต่างกัน ในขณะเดียวกันเจ้าบ้านที่ดีก็ตักข้าวเสิร์ฟให้กับแขกมาใหม่ พร้อมด้วยกับข้าวอีกถ้วย
"นั่งยิ้มอะไรอยู่คนเดียวลูก"หญิงวัยกลางคนถามขึ้นในขณะที่กำลังรูดหนามกุหลาบ ตั้งแต่เมื่อวันก่อนลูกสาวของเธอดูแปลกไปเพราะปกติน้อยครั้งเหลือเกินที่ข้าวหอมจะจับโทรศัพท์ แต่ช่วงนี้เธอสังเกตเห็นลูกสาวเธอเล่นมือถือถี่กว่าเมื่อก่อนมาก หรือจะมีอะไร"ไม่มีอะไรค่ะแม่"คนตัวเล็กอมยิ้มแล้วตอบกลับไปพร้อมหลุบตาลงต่ำเพื่อเลี่ยงสายตาตั้งคำถามของคนเป็นแม่ ก่อนที่เธอจะเปลี่ยนมาจับจ้องดอกไม้ในมือแทน"หรือหนูมีผู้ชายที่ไหน""ไม่ได้มีค่ะแม่!"คนเป็นแม่ถามขึ้นแล้วลุกเดินมาหาข้าวหอมทันที ลูกสาวที่เพิ่งแหวไปเมื่อครู่ถึงกับต้องคว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลง แต่ก็ช้ากว่าอีกคนที่พลิกหน้าจอกลับมาเพื่อดูว่าในนั้นมันมีอะไรกันแน่ดวงตาของขนิษฐาเพ่งมองไปยังมือถือสลับกับใบหน้าของลูกสาวที่ทำหน้าตาเลิ่กลั่กราวกับว่าถูกจับได้ ทว่าหน้าจอที่เปิดอยู่ก็ไม่เห็นจะมีอะไรนอกจากภาพดารา"นี่มันรูปแม่หนูคนนั้นนี่นา อย่าบอกนะว่าลูกแม่ชอบเขาน่ะ""หนูเปล่าสักหน่อยค่ะ"ข้าวหอมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ความจริงแล้วเธอไม่ได้ชอบเจนน่าสักหน่อย แค่ยินดีไปกับหล่อนเท่านั้นเองที่กลับมามีงานเหมือนเดิม แถมกระแสในโซเชียลก็ยังดีขึ้นด้วย ต่างกับอีกคนที่ถูกกระแสแง่
แขนยาวเสลาโอบกอดข้าวหอมเอาไว้เมื่อเห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาซึ่งต้นเหตุมาจากเธอ ทั้งที่เธอก็ตกใจเช่นกันเพราะไม่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิดมาตลอดจะเป็นเรื่องจริง คนในอ้อมกอดหันกลับมากอดตอบเจนน่าเอาไว้อย่างไม่ลังเล เพราะข้าวหอมรู้ว่าอีกฝ่ายก็คงรู้สึกแย่ไม่ต่างกัน"ฉันขอโทษนะที่ทำให้เธอรู้สึกไม่ดี"เจนน่าลูบหัวข้าวหอมอย่างอ่อนโยนพร้อมขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นจากใจจริง เธอรู้ว่าอีกคนเห็นอะไรมากกว่านั้นและต้องบอกเธอได้แน่ว่าใครคือฆาตกร ทว่าตอนนี้เธอยังไม่อยากถามอะไรมากมายนักเพราะภาพที่หล่อนเห็นมันน่าหดหู่เกินไป ซึ่งน่าจะกระทบกับจิตใจหล่อนพอสมควร"ผู้หญิงคนนั้นทาเล็บสีแดง วัยกลางคน""...""เธอคนนั้นเก็บบางอย่างไว้ในลิ้นชักตรงข้ามกับโต๊ะเครื่องแป้ง"เจนน่าพยายามนึกตามที่ข้าวหอมบอก แต่ก็ไม่มีใครที่เธอรู้จักในอดีตสักคนที่เป็นผู้หญิงวัยกลางคน ในตอนนั้นเธอมีเพียงพ่อและแม่เท่านั้น จะมีก็แต่เพื่อนของแม่ที่พ่อบอก คนที่เป็นเจ้าของร้านดอกไม้นั่นคนตัวสูงพยายามไม่มองไปทางกล่องสี่เหลี่ยมที่วางอยู่บนโต๊ะกระจก ซึ่งเธอจำได้ว่าในนั้นมีป้ายที่เป็นชื่อร้านพร้อมกับคำอวยพรสั้นๆ และนั่นคงจะเป็นสิ่งที่ทำให้เธอตามตัวหญิงวั
'กุ๊งกิ๊งๆ'กระดิ่งลูกเล็กๆที่ห้อยติดไว้กับประตูทางเข้าคาเฟ่สั่นรัวจากการถูกเปิดปิดอยู่บ่อยครั้ง ผู้คนมากมายต่างมาหาเครื่องดื่มและขนมหวานกินในยามเที่ยง ไม่ต่างกันกับข้าวหอมและเจนน่าที่ดูเหมือนว่าช่วงนี้จะอยู่ด้วยกันบ่อยเป็นพิเศษ แม้ว่าดาราสาวจะยุ่งกับงานมากแค่ไหนก็ตาม"ทานสิ อร่อยนะ"เจนน่าผายมือให้คนตัวเล็กทานเค้กที่วางไว้ด้านหน้า เธอเป็นคนสั่งเค้กชิ้นนี้ให้ข้าวหอมด้วยตัวเองเพราะถูกใจมันตั้งแต่ได้ลองชิมครั้งก่อน อีกทั้งคนตัวเล็กยังชอบรสนี้อีกด้วยเค้กสตรอว์เบอร์รีชิ้นสามเหลี่ยมสีแดงสดดูน่าทานถูกส้อมขนมหวานคันเล็กตัดออกเป็นชิ้นเล็กพอดีคำ ก่อนที่ผู้ตัดจะนำมันเข้าปาก"อื้ม"ข้าวหอมพยักหน้าแล้วเปล่งเสียงออกมาอย่างพึงพอใจ รสชาติกำลังพอดี ไม่หวานมากจนเกินไป ซึ่งค่อนข้างที่จะถูกใจเธอมากทีเดียว"อร่อยใช่ไหม""ค่ะ""...""แล้วคุณไม่สั่งอะไรเหรอคะ"คนตัวเล็กตอบตามจริงก่อนจะเอ่ยปากถามคนตรงหน้าว่าเหตุใดหล่อนถึงไม่สั่งอะไรมากิน แต่กลับได้รับคำตอบที่แปลกประหลาดเหลือเกิน"ไม่ล่ะ แค่เห็นเธอกินฉันก็อิ่มแล้ว"ข้าวหอมมองอีกคนด้วยแววตาฉงน เจนน่าต้องการจะสื่ออะไรกับเธองั้นเหรอ เพราะตั้งแต่ที่เธอมาถึงที่น
'ฟู่'เสียงเป่าปากของเจนน่าดังขึ้นพร้อมกับทิ้งตัวลงเตียงนุ่มของตัวเองด้วยความท้อแท้ ไม่ต่างกันกับอีกสองคนในห้องที่เอาแต่นั่งหมดอาลัยตายอยากไม่พูดไม่จา ดาราสาวนอนมองเพดานด้วยแววตาว่างเปล่าก่อนจะยกแขนขึ้นก่ายหน้าผากอีกตามเคย"เอาไงดีแก ไม่มีกุญแจก็ไขลิ้นชักนั่นไม่ได้อะ"นับหนึ่งตะโกนข้ามกำแพงระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนของเพื่อนสาว เธออุตส่าห์มุ่งมั่นแทบตายกว่าจะได้เข้าไปในห้องนั้น พอถึงปลายทางกลับไม่มีกุญแจไขซะงั้น มีหวังเธอคงได้กลับเข้าไปอีกรอบแหงๆ"สั่งอะไรมากินกัน"เจนน่าตะโกนกลับไปพร้อมดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงเพื่อเดินดุ่มๆไปหาอีกสองคนที่อยู่ในห้อง"เมื่อกี๊แกว่าไงนะ""สั่งอะไรมากินกัน หิว"ดาราสาวเน้นพูดเป็นคำๆเพื่อความชัดเจน ทำเอานับหนึ่งและข้าวหอมขมวดคิ้วไปตามๆกัน สถานการณ์แบบนี้มันไม่ควรมีประโยคนี้สิ เรากำลังเครียดกันอยู่ไม่ใช่เหรอนับหนึ่งคิดในใจก่อนที่เสียงหวานของเพื่อนสาวที่ดูจะหวานมากกว่าปกติดังขึ้นมาเพื่อดึงเธอออกจากความคิดเมื่อครู่"เธออยากกินอะไร"เจนน่าถามคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างนับหนึ่งโดยที่ไม่รู้ตัวว่าน้ำเสียงที่ใช้มันต่างกับคุยกับเพื่อนมากแค่ไหน นับหนึ่งอ้าปากค้างแล้ว
มือถือของคนตัวเล็กถูกจิ้มเข้าที่สัญลักษณ์นกฟ้าในทันทีหลังจากวางสาย แฮชแท็กผู้หญิงเสื้อขาวขึ้นเทรนด์อันดับหนึ่งแทนที่ชื่อดาราสาวทันที หญิงสาวสองคนเพ่งมองหน้าจออันเล็กจนศีรษะชิดติดกัน นิ้วเรียวต่างผลัดกันเลื่อนไถฟีดข่าวที่มีแต่ภาพเธอสองคน โดยเฉพาะภาพแผ่นหลังเล็กๆของข้าวหอมซึ่งเป็นผู้หญิงที่ทุกคนกำลังตามหานอกจากนี้ยังมีภาพเธอที่ถูกถ่ายไว้เมื่อวันก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นตอนเข็นวีลแชร์ให้เจนน่า หรือแม้แต่กระทั่งภาพที่เธอเดินอยู่ด้านหลังรถวีลแชร์โดยที่คนอื่นเป็นคนเข็นมัน โดยคอมเมนต์ส่วนใหญ่ไปในทางเดียวกันคือตามหาเธอ บ้างก็ว่าเธอสวย บ้างก็ว่าน่ารัก แต่ที่มากที่สุดคงจะเป็นความสงสัยว่าเธอเป็นใครกันแน่ เพราะโดยปกติแล้วทุกคนมักจะเห็นแค่นับหนึ่งเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อยู่กับเจนน่า การปารกฏตัวของเธอคงเป็นที่แตกตื่นสำหรับคนทั่วไป"แล้วฉันจะมีเพื่อนไม่ได้เลยหรือไง มาแอบถ่ายกันแบบนี้ฉันฟ้องได้นะ"เป็นดาราสาวที่พูดออกมาอย่างหงุดหงิด เธอถูกแอบถ่ายจนชินแล้ว แต่คนตัวเล็กที่นั่งข้างๆนี่เป็นเพียงคนธรรมดาๆ ไม่ใช่คนสาธารณะแบบเธอ เพราะแบบนั้นเธอถึงหงุดหงิดที่คนพวกนี้เอาข้าวหอมเข้ามาเกี่ยวด้วย ยิ่งภาพที่ถูกเผยแพร่ไ
"เรียบร้อยแล้วค่ะคุณตำรวจ ขอบคุณมากนะคะที่ให้เข้าเยี่ยม"เจนน่าเอ่ยบอกกับชายหนุ่มสองคนในเครื่องแบบหน้าห้องพักฟื้นแล้วยิ้มให้พวกเขาบางๆ ก่อนที่จะพยักหน้าบอกให้เพื่อนตัวเล็กเข็นวีลแชร์กลับห้องตัวเองโถงทางเดินหน้าห้องพักฟื้นมีคุณหมอและคุณพยาบาลเดินกันให้ควั่ก รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางร้ายในชีวิตจริงด้วยความสะใจ"แกคิดดีแล้วเหรอวะที่ทำแบบนี้อะ"นับหนึ่งโน้มตัวลงกระซิบข้างหูของดาราสาวในขณะที่ก็เข็นรถไปด้วย"แล้วมันไม่ดีตรงไหน ฉันไม่ได้ไปฆ่าใครตายสักหน่อย"เพื่อนตัวเล็กเบ้ปากมองบนเช่นเคยกับความแสบของคนป่วย ที่จู่ๆหล่อนก็ออกคำสั่งให้เธอรีบไปหาซื้อขวดยาสีชาแบบกะทันหัน ซ้ำยังย้ำนักย้ำหนาว่าเอาให้เหมือนตามต้นฉบับที่เป็นหลักฐานแบบเด๊ะๆ ลำบากเธอต้องขับรถวิ่งหาไปทั่วแค่เพราะเพื่อนตัวแสบอยากจะล้างแค้นคนร้ายด้วยความสันติสำหรับเธอคิดว่าการใส่น้ำเปล่าลงไปในขวดยามันก็ดีแต่ถ้าไม่ทำมันคงจะดีกว่า แค่คุณรตีต้องเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิตก็เหมือนตกนรกทั้งเป็นแล้ว นี่หล่อนเล่นให้เสียไปยังสุขภาพจิตด้วยการหลอกว่าในขวดนั่นเป็นยาพิษชนิดเดียวกับที่คนร้ายเคยใช้ปลิดชีพคุณน้าจิตรา แถมยังเอามันกรอกปากคนเจ็บอีก
"น้องเจนน่าคะตอบคำถามพี่ด้วยค่ะ"'แชะๆๆ'"อาการตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ แล้วที่มีข่าวลือว่าหนีออกจากโรงพยาบาลจริงหรือเปล่าคะ""ตอบด้วยครับน้องเจนน่า สรุปเหตุการณ์ทั้งหมดคือยังไงครับ"นักข่าวจำนวนมากรุมจ่อไมค์พร้อมกล้องตัวใหญ่อีกหลายตัวที่สาดแฟลชสว่างวาบใส่เจนน่า ในขณะที่เธอนั่งอยู่บนรถเข็นโดยมีคุณพ่อเป็นคนเข็นให้และนับหนึ่งที่คอยกันนักข่าวออกไปมือนุ่มข้างหนึ่งยกขึ้นเพื่อให้นรุตม์หยุดเข็น ก่อนจะหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์ที่ตอนนี้กำลังพุ่งสูงปรี๊ด"ขอโทษนะคะพี่ๆ ที่นี่โรงพยาบาลนะคะ ไม่ใช่ตลาดสดที่จะแหกปากได้ตามอำเภอใจ""..."ราวกับต้องมนต์สะกดเมื่อคำพูดกึ่งด่าหลุดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ผู้คนอาชีพเดียวกันต่างหลุบตาลงต่ำไม่กล้าสบตาคมเฉี่ยวที่หันมามองตำหนิราวกับคาดโทษเอาไว้แทบทุกราย"แล้วก็ให้เกียรติเจนน่าด้วยค่ะ ตอนนี้กำลังเจ็บอยู่นะคะ ถ้าเข็นรถหนีไม่ยอมตอบคำถามก็คือไม่พร้อมตอบค่ะ""แต่พวกเราก็ต้องทำงานนะครับน้องเจนน่า เห็นใจพี่หน่อยนะครับ"เป็นผู้ชายร่างโตที่ถือไมค์เป็นโลโก้ช่องโทรทัศน์ชื่อดังที่ใจกล้าพูดออกมา ทันใดนั้นดวงตาเฉี่ยวจับจ้องไปที่เขาทันที เพียงไม่กี่วิที่ตาสบตา ชายร่างโ
สุดท้ายที่หล่อนปล่อยโฮออกมาแล้วก็พูดไปด้วย น้ำเสียงยังดูเป็นห่วงเป็นใยไม่ต่างกันกับที่ผ่านมา และเป็นเธอเองที่ขอบตาร้อนผ่าวปล่อยน้ำตาเม็ดโตออกมาทั้งที่พยายามกลั้น ไม่ว่าหล่อนจะค่อยๆ ก้าวเข้าหาเธออย่างใจเย็นแค่ไหน เธอก็ก้าวถอยหลังหนีไม่ต่างกัน"อย่าเข้ามานะ"ดาราสาวกลืนน้ำลายลงคอแล้วเปล่งเสียงแข็งกร้าวออกมากับดวงตาที่จ้องเขม็งไปยังคนตรงหน้า"ทำไมล่ะ ไม่ไว้ใจน้าแล้วเหรอ น้าไม่ทำอะไรหนูหรอกนะ นี่น้าไง น้าเอง"หล่อนพูดราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่สภาพตัวเองแทบจะดูไม่ได้ ผมเผ้ายุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิง เสื้อผ้าที่มีแต่รอยเปื้อนสิ่งสกปรกเต็มไปหมด ความจริงหล่อนควรจะขอโทษเธอตั้งแต่เจอหน้ากันแล้วด้วยซ้ำ"นับหนึ่งอยู่ไหน"เจนน่าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอต้องเล่นตามน้ำโดยการถามถึงเพื่อน คนร้ายยิ้มบางๆ แล้วตอบกลับมาด้วยคำตอบที่ฟังไม่ขึ้น"หนูนับหนึ่งกลับไปก่อนหนูมานี่เอง ไม่ได้สวนกันหรอกเหรอ""แต่คุณบอกว่าจะฆ่าเพื่อนหนู คุณต่อรองกับหนูว่าจะมาที่นี่หรือจะเสียเพื่อนไป แล้วแบบนี้จะให้หนูคิดยังไง""น้าก็แค่ล้อเล่นเพราะอยากให้หนูมาหา น้าถูกใส่ร้ายนะเจนน่า ช่วยน้าด้วยนะ"หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าซึ่งเบาม
"คุณน้าจับตัวนับหนึ่งไป โลเคชันไกลจากที่นี่พอสมควร แล้วก็บอกว่าห้ามแจ้งตำรวจ"เจนน่าบอกกับข้าวหอมและหญิงวัยกลางคนที่อยู่ด้วยกัน ทุกคนทำหน้าตกใจไม่ต่างกันจนกระทั่งข้าวหอมเหลือบตาเห็นดอกไม้ช่อเล็กๆ ที่วางไว้ใกล้ๆ กับกระเช้าผลไม้"เมื่อเช้านับหนึ่งเอาช่อดอกไม้มาเยี่ยม แต่คุณยังไม่ฟื้น""มันบ้าหรือเปล่าเนี่ย รู้ว่าฉันกลัวดอกไม้แล้วเอาดอกไม้มาให้ทำไม"เจนน่าแหวออกมาเป็นคำติติงเพื่อนสาวราวกับหล่อนแกล้งกัน แม้ว่าตอนนี้จะเป็นห่วงแทบขาดใจ"แน่ใจเหรอคะว่าคุณยังกลัวมันอยู่""..."ดาราสาวจ้องมองที่ช่อดอกไม้เล็กๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าหลังจากเรื่องทุกอย่างคลี่คลายเธอก็ไม่ได้รู้สึกขยะแขยงมันมากเท่าแต่ก่อนแล้ว ช่วงที่ข้าวหอมหลอกเอาดอกไม้ที่สวนนั่นมาเธอก็ไม่ได้มีความรู้สึกว่าอยากจะเอามันไปทิ้งหรือหลับตาลงเพราะไม่อยากเห็นมือนุ่มเอื้อมจับที่กลีบดอกไม้เบาๆ พร้อมกลั้นใจ ทว่าก็ไม่ได้ฝืนใจมากกว่าที่เคย เพราะสิ่งตรงหน้ามันก็แค่ดอกไม้ธรรมดาๆ ไม่ได้มีพิษภัยอะไร หรือการที่นับหนึ่งเอามันมาก็เพื่อจะให้เธอรู้ตัวเองว่าเธอไม่ได้รู้สึกกับพวกมันเหมือนเดิมอีกแล้ว"ฉันสามารถมองเห็นได้ทั้งอดีตและอนาคต คุณรอสักแปปหนึ่งนะคะ
หลังจากที่รตีย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังโตทุกอย่างก็เหมือนจะเป็นไปด้วยดี เธอเริ่มคุ้นชินกับชื่อและนามสกุลใหม่ นรุตม์ก็ดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี ติดแต่เพียงว่าหนูน้อยไม่ยอมเรียกเธอว่าแม่สักที"เจนน่า น้าทำข้าวกล่องไว้ให้น่ะ"ทุกๆเช้าเธอมักจะบอกกับเจนน่าในวัยสิบแปดปีว่าทำข้าวกล่องไว้ให้ ในช่วงแรกเด็กสาวเกรงใจดูน่ารักน่าเอ็นดู ทว่านานวันเข้ายิ่งเปลี่ยนไปเมื่อเธอมักตามใจเขาทุกอย่าง"คุณน้าคะ พรุ่งนี้เจนน่าอยากกินผัดกะเพรา"เด็กสาวเอ่ยปากบอกกับแม่เลี้ยงตอนค่ำ เพื่อที่ข้าวกล่องในวันพรุ่งนี้จะได้เป็นเมนูที่อยากกิน คุณน้ารดาสุดใจดีหันมายิ้มบางๆให้กับเธอก่อนจะปฏิเสธ"ใบกะเพราหมด ไว้พรุ่งนี้กลับมาจากโรงเรียนแล้วค่อยกินได้ไหมคะ เดี๋ยวน้าจะทำไว้รอ""ไม่ เจนน่าจะกินตอนเที่ยงพรุ่งนี้ คุณน้ารดาต้องทำให้เจนน่าค่ะ"เพราะเธอรักเจนน่าเหมือนลูกในไส้ แม้ว่าเด็กสาวจะเอาแต่ใจหรือพูดจาไม่ดีกับเธอมากแค่ไหนเธอก็ไม่เคยคิดโกรธ มิหนำซ้ำยังพยายามหาสิ่งที่หล่อนอยากได้มาให้ทุกครั้งไปโชคดีเหลือเกินที่ฐานะทางการเงินของเธอนั้นดีมาก ดียิ่งกว่านรุตม์หลายเท่า ทำให้ไม่ได้ลำบากสักเท่าไหร่หากจะหาของดีๆมีราคามาให้กับเด็กสาวจนห
สวนดอกไม้เล็กๆ ณ บ้านหลังหนึ่งในประเทศรัสเซียที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสายพันธุ์ สีสันสวยงามน่ามองที่เกิดจากเจ้าของบ้านซึ่งชอบในการเพาะพืชและดอกไม้ทุกชนิด พาเอาลูกสาวคนเดียวชื่นชอบมันไปด้วย เด็กหญิงรตีในวัยหกขวบกำลังตัวเล็กน่ารัก ชอบสังเกต ชอบพิสูจน์และเป็นเจ้าหนูจำไมจนเป็นที่รักของทุกๆคน"คุณแม่ขา อันนี้เรียกว่าดอกอะไรเหรอคะ ทำไมคุณแม่ต้องกั้นรั้ว"เด็กน้อยตัวเล็กเอ่ยถามผู้เป็นแม่เสียงเจื้อยแจ้วเมื่อเห็นดอกไม้สีที่เธอชอบถูกกักขังอยู่ในกรงเหล็ก ซึ่งไม่ว่าคุณแม่จะพาเธอเที่ยวชมสวนหน้าบ้านกี่ที เจ้าดอกนี้ก็ไม่เคยเป็นอิสระเลยสักครั้ง"อันนี้เรียกว่าดอกอะโคไนต์ลูก เป็นดอกไม้มีพิษน่ากลัวนะ แม่เลยกลัวว่าหนูจะไปจับมันไงคะ""แล้วแบบนี้มันจะเบื่อไหมคะ อยู่แต่ในกรง"แม้ว่าเด็กหกขวบทั่วไปจะพอรู้ความแล้ว แต่กับรตีเป็นเด็กที่มีจินตนาการล้ำเลิศ ซึ่งเธอได้ยินมาว่าพืชทุกชนิดล้วนมีชีวิต เพราะแบบนั้นเธอจึงเอ่ยถามคุณแม่ออกไปอย่างใสซื่อ ถ้าหากเป็นเธอที่ถูกขังอยู่ในกรงนั่นคงเบื่อน่าดู"ฮ่าๆๆ ไม่เบื่อหรอกนะลูก ในกรงก็มีดอกไม้เป็นเพื่อนกันตั้งหลายดอกเห็นไหม ถ้าหนูชอบมันเดี๋ยวแม่เล่านิทานเกี่ยวกับมันให้ฟังเอาไหม
คนร้ายมองหน้าผีตัวปลอมตาเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เด้งตัวลุกขึ้นจนทำให้คนที่เหยียบอกอยู่ล้มลงกับเตียง เขาเอี้ยวตัวเปิดลิ้นชักหัวเตียงแล้วใช้มือหยาบกร้านหยิบปืนพกขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว ในขณะเดียวกันคนใต้เตียงก็ออกมาจากที่ซ่อนเพื่อพยุงข้าวหอมที่เสียหลัก โดยเจนน่าที่ยังซ่อนตัวอยู่กดโทรออกหาตำรวจเป็นที่เรียบร้อย"อย่าอยู่เลยพวกมึง!"เสียงทุ้มตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาลพร้อมยกกระบอกปืนขึ้นเล็งไปยังหญิงสาวตัวเล็กสองคน ทว่าคนที่ซ่อนตัวอยู่ค่อยๆย่องออกมา ใช้โอกาสที่คนร้ายยังไม่เห็นเธอหยิบขวดน้ำเปล่าขึ้นมาแล้วโยนขึ้นไปกระแทกกับหลอดไฟ'เพ้ง'ทันใดนั้นหลอดไฟที่ถูกหมุนไว้ตั้งแต่แรกร่วงลงพื้นทันที เสียงแตกกระจายของมันเรียกร้องความสนใจของคนร้ายให้หันไปมอง นั่นทำให้เจนน่าฉวยโอกาสพุ่งตัวเข้าไปเพื่อยื้อแย่งปืนที่อยู่ในมือของอีกคน"เชี่ย แสบนักนะพวกมึง!"เพราะความที่คนร้ายเป็นผู้ชายซึ่งมีแรงมากกว่า คนตัวเล็กอีกสองคนเลยวิ่งเข้าไปรุมทึ้งด้วย โดยนับหนึ่งใช้เชือกเส้นหนาที่ซื้อมารัดคอของคนร้ายสุดแรงจนเขาแทบลิ้นจุกปากเพราะขาดอากาศหายใจ ทว่ามือหยาบกร้านก็ยังคงจับปืนไว้มั่น ซึ่งพวกเธอแน่ใจว่าถ้าหากให้เขายิงป
"กลิ่นเหม็นคาวจากไหนวะ"เสียงแหบพร่าของชายวัยกลางคนดังขึ้นหลังจากที่ข้าวหอมเริ่มลงมือแง้มถุงเลือดหมูอย่างเงียบๆ ก่อนที่เธอจะค่อยๆนำของเหลวสีแดงฉานป้ายไปตามใบหน้าลำคอ รวมไปถึงเสื้อผ้าและผิวขาวทั่วตัว หากสังเกตเพียงเท้าที่คนใต้เตียงเห็น คนร้ายกำลังเดินวนไปรอบห้องคล้ายคนเมาเพื่อหาต้นตอของกลิ่น แต่เพราะความมืดที่แทบมองไม่เห็นทำให้เขาเดินเตะขาเก้าอี้จนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด"โอ้ย! แม่งเอ้ย ไอเก้าอี้บ้า กูนอนก็ได้วะ!"จากที่ทรงตัวไม่ค่อยอยู่กลายเป็นว่าสองขาของเขาเดินกะเผลกมาข้างเตียงแล้วทิ้งตัวลงด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่ปลายผ้าห่มผืนหนาจะถูกดึงขึ้นไป นั่นทำให้หญิงสาวสองคนรู้ว่าคนร้ายกำลังห่มผ้านอนแล้วมือเล็กของนับหนึ่งแกล้งดึงชายผ้าห่มที่โผล่พ้นใต้เตียงด้านข้างให้ขยับเบาๆเป็นการกระตุกขวัญให้คนบนเตียงกลัวเล่นๆ เพราะเตียงดูยวบยาบอยู่หลายหนนั่นดูเหมือนว่าคนร้ายจะนอนไม่สบายสักเท่าไหร่นับหนึ่งจึงคลานไปกระตุกชายผ้าที่ปลายเตียงแทน ผ้าห่มผืนหนาค่อยๆเลื่อนออกจากตัวของชายวัยกลางคนจนเขาสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ"คงไม่มีอะไรหรอก อิเด็กนั่นมันก็แค่พูดจาเพ้อเจ้อไปแบบนั้นแหละ"คนบนเตียงพึมพำกับตัวเ