แขนยาวเสลาโอบกอดข้าวหอมเอาไว้เมื่อเห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาซึ่งต้นเหตุมาจากเธอ ทั้งที่เธอก็ตกใจเช่นกันเพราะไม่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิดมาตลอดจะเป็นเรื่องจริง คนในอ้อมกอดหันกลับมากอดตอบเจนน่าเอาไว้อย่างไม่ลังเล เพราะข้าวหอมรู้ว่าอีกฝ่ายก็คงรู้สึกแย่ไม่ต่างกัน"ฉันขอโทษนะที่ทำให้เธอรู้สึกไม่ดี"เจนน่าลูบหัวข้าวหอมอย่างอ่อนโยนพร้อมขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นจากใจจริง เธอรู้ว่าอีกคนเห็นอะไรมากกว่านั้นและต้องบอกเธอได้แน่ว่าใครคือฆาตกร ทว่าตอนนี้เธอยังไม่อยากถามอะไรมากมายนักเพราะภาพที่หล่อนเห็นมันน่าหดหู่เกินไป ซึ่งน่าจะกระทบกับจิตใจหล่อนพอสมควร"ผู้หญิงคนนั้นทาเล็บสีแดง วัยกลางคน""...""เธอคนนั้นเก็บบางอย่างไว้ในลิ้นชักตรงข้ามกับโต๊ะเครื่องแป้ง"เจนน่าพยายามนึกตามที่ข้าวหอมบอก แต่ก็ไม่มีใครที่เธอรู้จักในอดีตสักคนที่เป็นผู้หญิงวัยกลางคน ในตอนนั้นเธอมีเพียงพ่อและแม่เท่านั้น จะมีก็แต่เพื่อนของแม่ที่พ่อบอก คนที่เป็นเจ้าของร้านดอกไม้นั่นคนตัวสูงพยายามไม่มองไปทางกล่องสี่เหลี่ยมที่วางอยู่บนโต๊ะกระจก ซึ่งเธอจำได้ว่าในนั้นมีป้ายที่เป็นชื่อร้านพร้อมกับคำอวยพรสั้นๆ และนั่นคงจะเป็นสิ่งที่ทำให้เธอตามตัวหญิงวั
'กุ๊งกิ๊งๆ'กระดิ่งลูกเล็กๆที่ห้อยติดไว้กับประตูทางเข้าคาเฟ่สั่นรัวจากการถูกเปิดปิดอยู่บ่อยครั้ง ผู้คนมากมายต่างมาหาเครื่องดื่มและขนมหวานกินในยามเที่ยง ไม่ต่างกันกับข้าวหอมและเจนน่าที่ดูเหมือนว่าช่วงนี้จะอยู่ด้วยกันบ่อยเป็นพิเศษ แม้ว่าดาราสาวจะยุ่งกับงานมากแค่ไหนก็ตาม"ทานสิ อร่อยนะ"เจนน่าผายมือให้คนตัวเล็กทานเค้กที่วางไว้ด้านหน้า เธอเป็นคนสั่งเค้กชิ้นนี้ให้ข้าวหอมด้วยตัวเองเพราะถูกใจมันตั้งแต่ได้ลองชิมครั้งก่อน อีกทั้งคนตัวเล็กยังชอบรสนี้อีกด้วยเค้กสตรอว์เบอร์รีชิ้นสามเหลี่ยมสีแดงสดดูน่าทานถูกส้อมขนมหวานคันเล็กตัดออกเป็นชิ้นเล็กพอดีคำ ก่อนที่ผู้ตัดจะนำมันเข้าปาก"อื้ม"ข้าวหอมพยักหน้าแล้วเปล่งเสียงออกมาอย่างพึงพอใจ รสชาติกำลังพอดี ไม่หวานมากจนเกินไป ซึ่งค่อนข้างที่จะถูกใจเธอมากทีเดียว"อร่อยใช่ไหม""ค่ะ""...""แล้วคุณไม่สั่งอะไรเหรอคะ"คนตัวเล็กตอบตามจริงก่อนจะเอ่ยปากถามคนตรงหน้าว่าเหตุใดหล่อนถึงไม่สั่งอะไรมากิน แต่กลับได้รับคำตอบที่แปลกประหลาดเหลือเกิน"ไม่ล่ะ แค่เห็นเธอกินฉันก็อิ่มแล้ว"ข้าวหอมมองอีกคนด้วยแววตาฉงน เจนน่าต้องการจะสื่ออะไรกับเธองั้นเหรอ เพราะตั้งแต่ที่เธอมาถึงที่น
'ฟู่'เสียงเป่าปากของเจนน่าดังขึ้นพร้อมกับทิ้งตัวลงเตียงนุ่มของตัวเองด้วยความท้อแท้ ไม่ต่างกันกับอีกสองคนในห้องที่เอาแต่นั่งหมดอาลัยตายอยากไม่พูดไม่จา ดาราสาวนอนมองเพดานด้วยแววตาว่างเปล่าก่อนจะยกแขนขึ้นก่ายหน้าผากอีกตามเคย"เอาไงดีแก ไม่มีกุญแจก็ไขลิ้นชักนั่นไม่ได้อะ"นับหนึ่งตะโกนข้ามกำแพงระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนของเพื่อนสาว เธออุตส่าห์มุ่งมั่นแทบตายกว่าจะได้เข้าไปในห้องนั้น พอถึงปลายทางกลับไม่มีกุญแจไขซะงั้น มีหวังเธอคงได้กลับเข้าไปอีกรอบแหงๆ"สั่งอะไรมากินกัน"เจนน่าตะโกนกลับไปพร้อมดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงเพื่อเดินดุ่มๆไปหาอีกสองคนที่อยู่ในห้อง"เมื่อกี๊แกว่าไงนะ""สั่งอะไรมากินกัน หิว"ดาราสาวเน้นพูดเป็นคำๆเพื่อความชัดเจน ทำเอานับหนึ่งและข้าวหอมขมวดคิ้วไปตามๆกัน สถานการณ์แบบนี้มันไม่ควรมีประโยคนี้สิ เรากำลังเครียดกันอยู่ไม่ใช่เหรอนับหนึ่งคิดในใจก่อนที่เสียงหวานของเพื่อนสาวที่ดูจะหวานมากกว่าปกติดังขึ้นมาเพื่อดึงเธอออกจากความคิดเมื่อครู่"เธออยากกินอะไร"เจนน่าถามคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างนับหนึ่งโดยที่ไม่รู้ตัวว่าน้ำเสียงที่ใช้มันต่างกับคุยกับเพื่อนมากแค่ไหน นับหนึ่งอ้าปากค้างแล้ว
"ยกเลิกคิวงานทั้งหมดหรือยัง"เจนน่าถามเพื่อนสาวด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไม่ต่างกับน้ำเสียง โดยเจ้าตัวยืนกอดอกเหม่อลอยมองไปนอกหน้าต่างอยู่สองสามวันเห็นจะได้ ความซังกะตายและดูไร้อารมณ์ทำให้เพื่อนตัวเล็กอย่างนับหนึ่งอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้"ยกเลิกหมดแล้ว ฉันไล่ขอโทษจนปากเปียกปากแฉะ""ฉันยอมเป็นนักแสดงไร้ความผิดชอบ ดีกว่ามีความรับผิดชอบแต่ผลลัพธ์ออกมาดูไม่ได้"เธอรู้ตัวเองดีว่าช่วงนี้ไม่ควรรับงานหรือออกไปทำงานที่ไหนทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นงานถ่ายโฆษณา หรืองานถ่ายแบบที่แค่ไปยืนโพสต์สวยๆน่ากล้อง ไม่ว่าจะอะไรก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำทั้งนั้น เธอทำมันออกมาไม่ได้ดีนักหรอก"แล้วแกจะเอายังไงต่อ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่องงานมันจะแย่เอานะ"นับหนึ่งพูดเตือนด้วยความหวังดีเพราะช่วงนี้เรียกได้ว่าเป็นช่วงขาขึ้นของเจนน่า แต่หล่อนกลับหยุดงานทั้งหมดด้วยตัวเองเพียงเพราะงอนหวานใจ"กำลังคิดอยู่ว่าจะเอายังไงดี แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก""ที่แกเป็นแบบนี้เพราะเรื่องที่ทะเลาะกับข้าวหอมคืนนั้นใช่ไหมเจน"ความจริงนับหนึ่งรู้เหตุผลอยู่แล้วแหละ เพียงแต่อยากถามเพื่อความแน่ใจว่าจนถึงตอนนี้แล้วเพื่อนสาวจะยอมรับความรู้สึกตัวเองได้หรือยัง แค่
ข้าวหอมมุ่งหน้าไปยังห้องในคอนโดหรูที่เธอมาได้เพียงสองครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามทว่าความรู้สึกกลับแตกต่างออกไป เมื่อเดินผ่านสถานที่คุ้นตาก็ชวนให้นึกถึงภาพจำเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาภาพที่เธอถูกเจนน่าไล่ออกจากห้องจนต้องเดินมาตามโถงกว้างนี่เพียงคนเดียว เพราะเป็นแบบนี้ทำให้เธอเข้าใจความรู้สึกของอีกคนมากขึ้นว่าทำไมถึงได้กลัวบ้านหลังนั้นนักหนาทั้งที่เป็นบ้านของตัวเองแต่ความรู้สึกแย่ๆพวกนั้นยังชัดเจนจนเธออดคิดไม่ได้ว่าครั้งนี้เธอใจอ่อนออกมาหาหล่อนง่ายเกินไปหรือเปล่า ตอนอยู่บนรถก็ไม่ได้รู้สึกแย่ขนาดนี้ แต่พอได้กลับมาที่นี่ความรู้สึกน้อยใจมันดันตีตื้นกลับขึ้นมาอีกครั้ง เป็นเหตุให้เธอแสดงกิริยาอย่างชัดเจนว่ากำลังไม่พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แม้มันจะช้าเกินไปก็เถอะถ้านับตั้งแต่ได้เจอหน้ากันวันนี้"เดินนำไปขนาดน่ะ มีคีย์การ์ดเหรอ"เสียงคนที่เดินตามมาด้านหลังดังขึ้นเมื่อเธอหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้อง น้อยใจจนลืมคิดไปเลยว่าเธอไม่สามารถเปิดเข้าไปได้ เจนน่ายิ้มมุมปากแล้วยื่นคีย์การ์ดให้กับเธอ ก่อนที่หล่อนจะก้มหน้าลงจิ้มมือถืออยู่สองสามครั้ง"เปิดเข้าไปสิคะ"เพราะความขี้เกียจต่อปากต่อคำและเท้าเธอก็เจ็บ
แดดยามเช้าส่องเข้ามาภายในห้องนอนของดาราสาว กระจกใสข้างเตียงนอนสะท้อนภาพที่คนตัวสูงนอนตาค้างโดยมีคนตัวเล็กโอบกอดเอวคอดและซุกซบใบหน้าลงกับอกอุ่น เจนน่ามองภาพเงาสะท้อนตัวเองแล้วก็หน้าแดงก่ำตั้งแต่ลืมตาขึ้นมา ไม่ใช่เพราะเธอลืมตาตื่นจากห้วงนิทรา ทว่านี่เป็นการลืมตาขึ้นมาจากการข่มตานอนตลอดทั้งคืน และถึงจะพยายามหลับมันก็ยังไม่ได้ผลจนถึงตอนนี้คนตัวสูงแอบหาวแบบเงียบๆเพราะกลัวว่าคนในอ้อมกอดจะตื่น เหตุการณ์เมื่อคืนยังคงติดอยู่ในใจเธอ รวมไปถึงริมฝีปากอวบอิ่มที่ดูเหมือนจะยังร้องเรียกหาปากจิ้มลิ้มของอีกคนอย่างไม่รู้จักพอ พอคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเธอก็เผลอกัดริมฝีปากตัวเองเข้าอีกแล้ว เป็นแบบนี้วนไปตลอดทั้งคืน'ครืด'KN. : ขอบคุณสำหรับรังนกนะจ๊ะ อร่อยมากเจนน่าชะเง้อมองโทรศัพท์ที่วางอยู่บนตู้หัวเตียงฝั่งคนตัวเล็ก แจ้งเตือนข้อความขอบคุณสว่างวาบขึ้นมาทำให้เธออดยิ้มไม่ได้ ความจริงแล้วนอกจากเธอจะถามเรื่องความชอบของข้าวหอมแล้ว เธอยังแอบขอคอนแทคขอคุณน้ามาด้วยโดยอ้างว่าเผื่อคุณน้าจะต้องการความช่วยเหลือแบบกะทันหัน ด้วยความเอ็นดูแน่นอนว่าเธอก็ต้องได้มันมาอยู่แล้วและที่สำคัญเธอเกรงว่าข้าวหอมจะเป็นห่วงคุณน้า
ร้านอาหารหรูบนรูฟท็อปที่เต็มไปด้วยโซฟาตัวหรูสีน้ำตาลดำ มีบาร์เครื่องดื่มและบริกรชายหญิงคอยบริการแขกที่มองจากรูปลักษณ์ภายนอกก็สามารถรู้ได้ว่าเป็นคนมีฐานะลมอ่อนช่วงเย็นของวันพัดโชยเบาๆพาเอากลิ่นอาหารสุดหอมลอยมาตามลม วิวโดยรอบเป็นตึกตั้งสูงตระหง่าน มองเห็นสะพาน ถนน และรถยนต์ที่กำลังติดแหง็กอยู่กับที่เจนน่าเป็นหนึ่งในแขกผู้ใช้บริการของร้านอาหาร รวมไปถึงผู้ใหญ่สองคนและเด็กสาวอีกหนึ่งคนที่นั่งรับประทานอาหารร่วมกันกับเธอ หญิงและชายวัยกลางคนหน้าตายิ้มแย้มใจดีโบกมืออย่างเป็นมิตรให้กับแขกบางคนที่ยกมือถือขึ้นมาแอบถ่ายดาราสาว"คิดยังไงถึงพาพ่อกับน้าออกมากินข้าวข้างนอกล่ะ แถมยังพาเจ้าริสาออกมาด้วยอีก"ชายวัยกลางคนถามขึ้นในระหว่างที่บทสนทนาเรื่องเมนูอาหารบนโต๊ะจบลง"ช่วงนี้หนูเหนื่อยๆค่ะ แล้วก็ไม่ได้ทานข้าวกับคุณพ่อนานแล้ว ยิ่งเห็นว่าริสาทำงานให้คุณพ่อมาสักพักแล้วก็เลยอยากพามาเปิดหูเปิดตาสักหน่อยค่ะ คิดซะว่ามาทานมื้อเย็นกับครอบครัว"หญิงสาวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหวาน ตั้งแต่เกิดเรื่องแม่ขึ้นเธอก็ห่างจากคนเป็นพ่อเหลือเกิน เวลาคุยกันสรรพนามและการใช้คำเลยดูเปลี่ยนไปมากกว่าแต่ก่อน รวมไปถึงบนโต๊ะนี้เธอย
'ปิดชั่วคราว'ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่มีชุมนุมของเด็กๆและขนิษฐา ป้ายหน้าร้านดอกไม้ก็จะถูกเปลี่ยนจากเปิดเป็นปิดชั่วคราวเสมอ ห้องเล็กหลังร้านกลายเป็นที่ประชุมขนาดย่อมสำหรับการสืบปริศนาฆาตกรรมของจิตราไปซะแล้วซึ่งเด็กสาวอั่งเปาได้รับเช็คจำนวนสองแสนบาทจากดาราสาวสุดใจดีอย่างเจนน่าจนกลับบ้านไปเพราะหมดหน้าที่ ต่อจากนี้ก็จะมีแค่คนที่รู้เรื่องราวจริงๆคือข้าวหอม คุณน้า นับหนึ่ง แล้วก็ตัวเธอเองทุกคนนั่งล้อมโต๊ะทานข้าวขนาดไม่ใหญ่มากนักเพื่อวิเคราะห์ของในลิ้นชัก โดยเริ่มจากที่นับหนึ่งหยิบของพวกนั้นออกจากกระเป๋าและวางมันลงกับโต๊ะทีละชิ้น ซึ่งนั่นประกอบไปด้วย ปลอกหมอนเลอะๆ ลิปสติก ขวดแก้วขนาดเล็กจิ๋ว ถุงซิปล็อคใสที่บรรจุเมล็ดบางอย่าง และภาพถ่ายครอบครัวของใครสักคนสายตาของนักสืบฝึกหัดต่างมองไปที่ของพวกนั้นเป็นตาเดียว ในหัวของแต่ละคนเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวจากข้อมูลที่ตัวเองรู้มาจากการเล่าของเจนน่าและข้าวหอม โดยที่ไม่มีใครกล้าแตะต้องมันสักคน"พอจะมีใครนึกอะไรออกบ้างไหมคะ"เป็นนับหนึ่งที่พูดขึ้นมาเพราะดูเหมือนว่าทุกคนจะอ้ำอึ้งกับของตรงหน้า และครั้งแรกที่เธอหยิบมันออกมาจากลิ้นชักก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับทุกคนต
มือถือของคนตัวเล็กถูกจิ้มเข้าที่สัญลักษณ์นกฟ้าในทันทีหลังจากวางสาย แฮชแท็กผู้หญิงเสื้อขาวขึ้นเทรนด์อันดับหนึ่งแทนที่ชื่อดาราสาวทันที หญิงสาวสองคนเพ่งมองหน้าจออันเล็กจนศีรษะชิดติดกัน นิ้วเรียวต่างผลัดกันเลื่อนไถฟีดข่าวที่มีแต่ภาพเธอสองคน โดยเฉพาะภาพแผ่นหลังเล็กๆของข้าวหอมซึ่งเป็นผู้หญิงที่ทุกคนกำลังตามหานอกจากนี้ยังมีภาพเธอที่ถูกถ่ายไว้เมื่อวันก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นตอนเข็นวีลแชร์ให้เจนน่า หรือแม้แต่กระทั่งภาพที่เธอเดินอยู่ด้านหลังรถวีลแชร์โดยที่คนอื่นเป็นคนเข็นมัน โดยคอมเมนต์ส่วนใหญ่ไปในทางเดียวกันคือตามหาเธอ บ้างก็ว่าเธอสวย บ้างก็ว่าน่ารัก แต่ที่มากที่สุดคงจะเป็นความสงสัยว่าเธอเป็นใครกันแน่ เพราะโดยปกติแล้วทุกคนมักจะเห็นแค่นับหนึ่งเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อยู่กับเจนน่า การปารกฏตัวของเธอคงเป็นที่แตกตื่นสำหรับคนทั่วไป"แล้วฉันจะมีเพื่อนไม่ได้เลยหรือไง มาแอบถ่ายกันแบบนี้ฉันฟ้องได้นะ"เป็นดาราสาวที่พูดออกมาอย่างหงุดหงิด เธอถูกแอบถ่ายจนชินแล้ว แต่คนตัวเล็กที่นั่งข้างๆนี่เป็นเพียงคนธรรมดาๆ ไม่ใช่คนสาธารณะแบบเธอ เพราะแบบนั้นเธอถึงหงุดหงิดที่คนพวกนี้เอาข้าวหอมเข้ามาเกี่ยวด้วย ยิ่งภาพที่ถูกเผยแพร่ไ
"เรียบร้อยแล้วค่ะคุณตำรวจ ขอบคุณมากนะคะที่ให้เข้าเยี่ยม"เจนน่าเอ่ยบอกกับชายหนุ่มสองคนในเครื่องแบบหน้าห้องพักฟื้นแล้วยิ้มให้พวกเขาบางๆ ก่อนที่จะพยักหน้าบอกให้เพื่อนตัวเล็กเข็นวีลแชร์กลับห้องตัวเองโถงทางเดินหน้าห้องพักฟื้นมีคุณหมอและคุณพยาบาลเดินกันให้ควั่ก รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางร้ายในชีวิตจริงด้วยความสะใจ"แกคิดดีแล้วเหรอวะที่ทำแบบนี้อะ"นับหนึ่งโน้มตัวลงกระซิบข้างหูของดาราสาวในขณะที่ก็เข็นรถไปด้วย"แล้วมันไม่ดีตรงไหน ฉันไม่ได้ไปฆ่าใครตายสักหน่อย"เพื่อนตัวเล็กเบ้ปากมองบนเช่นเคยกับความแสบของคนป่วย ที่จู่ๆหล่อนก็ออกคำสั่งให้เธอรีบไปหาซื้อขวดยาสีชาแบบกะทันหัน ซ้ำยังย้ำนักย้ำหนาว่าเอาให้เหมือนตามต้นฉบับที่เป็นหลักฐานแบบเด๊ะๆ ลำบากเธอต้องขับรถวิ่งหาไปทั่วแค่เพราะเพื่อนตัวแสบอยากจะล้างแค้นคนร้ายด้วยความสันติสำหรับเธอคิดว่าการใส่น้ำเปล่าลงไปในขวดยามันก็ดีแต่ถ้าไม่ทำมันคงจะดีกว่า แค่คุณรตีต้องเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิตก็เหมือนตกนรกทั้งเป็นแล้ว นี่หล่อนเล่นให้เสียไปยังสุขภาพจิตด้วยการหลอกว่าในขวดนั่นเป็นยาพิษชนิดเดียวกับที่คนร้ายเคยใช้ปลิดชีพคุณน้าจิตรา แถมยังเอามันกรอกปากคนเจ็บอีก
"น้องเจนน่าคะตอบคำถามพี่ด้วยค่ะ"'แชะๆๆ'"อาการตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ แล้วที่มีข่าวลือว่าหนีออกจากโรงพยาบาลจริงหรือเปล่าคะ""ตอบด้วยครับน้องเจนน่า สรุปเหตุการณ์ทั้งหมดคือยังไงครับ"นักข่าวจำนวนมากรุมจ่อไมค์พร้อมกล้องตัวใหญ่อีกหลายตัวที่สาดแฟลชสว่างวาบใส่เจนน่า ในขณะที่เธอนั่งอยู่บนรถเข็นโดยมีคุณพ่อเป็นคนเข็นให้และนับหนึ่งที่คอยกันนักข่าวออกไปมือนุ่มข้างหนึ่งยกขึ้นเพื่อให้นรุตม์หยุดเข็น ก่อนจะหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์ที่ตอนนี้กำลังพุ่งสูงปรี๊ด"ขอโทษนะคะพี่ๆ ที่นี่โรงพยาบาลนะคะ ไม่ใช่ตลาดสดที่จะแหกปากได้ตามอำเภอใจ""..."ราวกับต้องมนต์สะกดเมื่อคำพูดกึ่งด่าหลุดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ผู้คนอาชีพเดียวกันต่างหลุบตาลงต่ำไม่กล้าสบตาคมเฉี่ยวที่หันมามองตำหนิราวกับคาดโทษเอาไว้แทบทุกราย"แล้วก็ให้เกียรติเจนน่าด้วยค่ะ ตอนนี้กำลังเจ็บอยู่นะคะ ถ้าเข็นรถหนีไม่ยอมตอบคำถามก็คือไม่พร้อมตอบค่ะ""แต่พวกเราก็ต้องทำงานนะครับน้องเจนน่า เห็นใจพี่หน่อยนะครับ"เป็นผู้ชายร่างโตที่ถือไมค์เป็นโลโก้ช่องโทรทัศน์ชื่อดังที่ใจกล้าพูดออกมา ทันใดนั้นดวงตาเฉี่ยวจับจ้องไปที่เขาทันที เพียงไม่กี่วิที่ตาสบตา ชายร่างโ
สุดท้ายที่หล่อนปล่อยโฮออกมาแล้วก็พูดไปด้วย น้ำเสียงยังดูเป็นห่วงเป็นใยไม่ต่างกันกับที่ผ่านมา และเป็นเธอเองที่ขอบตาร้อนผ่าวปล่อยน้ำตาเม็ดโตออกมาทั้งที่พยายามกลั้น ไม่ว่าหล่อนจะค่อยๆ ก้าวเข้าหาเธออย่างใจเย็นแค่ไหน เธอก็ก้าวถอยหลังหนีไม่ต่างกัน"อย่าเข้ามานะ"ดาราสาวกลืนน้ำลายลงคอแล้วเปล่งเสียงแข็งกร้าวออกมากับดวงตาที่จ้องเขม็งไปยังคนตรงหน้า"ทำไมล่ะ ไม่ไว้ใจน้าแล้วเหรอ น้าไม่ทำอะไรหนูหรอกนะ นี่น้าไง น้าเอง"หล่อนพูดราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่สภาพตัวเองแทบจะดูไม่ได้ ผมเผ้ายุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิง เสื้อผ้าที่มีแต่รอยเปื้อนสิ่งสกปรกเต็มไปหมด ความจริงหล่อนควรจะขอโทษเธอตั้งแต่เจอหน้ากันแล้วด้วยซ้ำ"นับหนึ่งอยู่ไหน"เจนน่าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอต้องเล่นตามน้ำโดยการถามถึงเพื่อน คนร้ายยิ้มบางๆ แล้วตอบกลับมาด้วยคำตอบที่ฟังไม่ขึ้น"หนูนับหนึ่งกลับไปก่อนหนูมานี่เอง ไม่ได้สวนกันหรอกเหรอ""แต่คุณบอกว่าจะฆ่าเพื่อนหนู คุณต่อรองกับหนูว่าจะมาที่นี่หรือจะเสียเพื่อนไป แล้วแบบนี้จะให้หนูคิดยังไง""น้าก็แค่ล้อเล่นเพราะอยากให้หนูมาหา น้าถูกใส่ร้ายนะเจนน่า ช่วยน้าด้วยนะ"หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าซึ่งเบาม
"คุณน้าจับตัวนับหนึ่งไป โลเคชันไกลจากที่นี่พอสมควร แล้วก็บอกว่าห้ามแจ้งตำรวจ"เจนน่าบอกกับข้าวหอมและหญิงวัยกลางคนที่อยู่ด้วยกัน ทุกคนทำหน้าตกใจไม่ต่างกันจนกระทั่งข้าวหอมเหลือบตาเห็นดอกไม้ช่อเล็กๆ ที่วางไว้ใกล้ๆ กับกระเช้าผลไม้"เมื่อเช้านับหนึ่งเอาช่อดอกไม้มาเยี่ยม แต่คุณยังไม่ฟื้น""มันบ้าหรือเปล่าเนี่ย รู้ว่าฉันกลัวดอกไม้แล้วเอาดอกไม้มาให้ทำไม"เจนน่าแหวออกมาเป็นคำติติงเพื่อนสาวราวกับหล่อนแกล้งกัน แม้ว่าตอนนี้จะเป็นห่วงแทบขาดใจ"แน่ใจเหรอคะว่าคุณยังกลัวมันอยู่""..."ดาราสาวจ้องมองที่ช่อดอกไม้เล็กๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าหลังจากเรื่องทุกอย่างคลี่คลายเธอก็ไม่ได้รู้สึกขยะแขยงมันมากเท่าแต่ก่อนแล้ว ช่วงที่ข้าวหอมหลอกเอาดอกไม้ที่สวนนั่นมาเธอก็ไม่ได้มีความรู้สึกว่าอยากจะเอามันไปทิ้งหรือหลับตาลงเพราะไม่อยากเห็นมือนุ่มเอื้อมจับที่กลีบดอกไม้เบาๆ พร้อมกลั้นใจ ทว่าก็ไม่ได้ฝืนใจมากกว่าที่เคย เพราะสิ่งตรงหน้ามันก็แค่ดอกไม้ธรรมดาๆ ไม่ได้มีพิษภัยอะไร หรือการที่นับหนึ่งเอามันมาก็เพื่อจะให้เธอรู้ตัวเองว่าเธอไม่ได้รู้สึกกับพวกมันเหมือนเดิมอีกแล้ว"ฉันสามารถมองเห็นได้ทั้งอดีตและอนาคต คุณรอสักแปปหนึ่งนะคะ
หลังจากที่รตีย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังโตทุกอย่างก็เหมือนจะเป็นไปด้วยดี เธอเริ่มคุ้นชินกับชื่อและนามสกุลใหม่ นรุตม์ก็ดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี ติดแต่เพียงว่าหนูน้อยไม่ยอมเรียกเธอว่าแม่สักที"เจนน่า น้าทำข้าวกล่องไว้ให้น่ะ"ทุกๆเช้าเธอมักจะบอกกับเจนน่าในวัยสิบแปดปีว่าทำข้าวกล่องไว้ให้ ในช่วงแรกเด็กสาวเกรงใจดูน่ารักน่าเอ็นดู ทว่านานวันเข้ายิ่งเปลี่ยนไปเมื่อเธอมักตามใจเขาทุกอย่าง"คุณน้าคะ พรุ่งนี้เจนน่าอยากกินผัดกะเพรา"เด็กสาวเอ่ยปากบอกกับแม่เลี้ยงตอนค่ำ เพื่อที่ข้าวกล่องในวันพรุ่งนี้จะได้เป็นเมนูที่อยากกิน คุณน้ารดาสุดใจดีหันมายิ้มบางๆให้กับเธอก่อนจะปฏิเสธ"ใบกะเพราหมด ไว้พรุ่งนี้กลับมาจากโรงเรียนแล้วค่อยกินได้ไหมคะ เดี๋ยวน้าจะทำไว้รอ""ไม่ เจนน่าจะกินตอนเที่ยงพรุ่งนี้ คุณน้ารดาต้องทำให้เจนน่าค่ะ"เพราะเธอรักเจนน่าเหมือนลูกในไส้ แม้ว่าเด็กสาวจะเอาแต่ใจหรือพูดจาไม่ดีกับเธอมากแค่ไหนเธอก็ไม่เคยคิดโกรธ มิหนำซ้ำยังพยายามหาสิ่งที่หล่อนอยากได้มาให้ทุกครั้งไปโชคดีเหลือเกินที่ฐานะทางการเงินของเธอนั้นดีมาก ดียิ่งกว่านรุตม์หลายเท่า ทำให้ไม่ได้ลำบากสักเท่าไหร่หากจะหาของดีๆมีราคามาให้กับเด็กสาวจนห
สวนดอกไม้เล็กๆ ณ บ้านหลังหนึ่งในประเทศรัสเซียที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสายพันธุ์ สีสันสวยงามน่ามองที่เกิดจากเจ้าของบ้านซึ่งชอบในการเพาะพืชและดอกไม้ทุกชนิด พาเอาลูกสาวคนเดียวชื่นชอบมันไปด้วย เด็กหญิงรตีในวัยหกขวบกำลังตัวเล็กน่ารัก ชอบสังเกต ชอบพิสูจน์และเป็นเจ้าหนูจำไมจนเป็นที่รักของทุกๆคน"คุณแม่ขา อันนี้เรียกว่าดอกอะไรเหรอคะ ทำไมคุณแม่ต้องกั้นรั้ว"เด็กน้อยตัวเล็กเอ่ยถามผู้เป็นแม่เสียงเจื้อยแจ้วเมื่อเห็นดอกไม้สีที่เธอชอบถูกกักขังอยู่ในกรงเหล็ก ซึ่งไม่ว่าคุณแม่จะพาเธอเที่ยวชมสวนหน้าบ้านกี่ที เจ้าดอกนี้ก็ไม่เคยเป็นอิสระเลยสักครั้ง"อันนี้เรียกว่าดอกอะโคไนต์ลูก เป็นดอกไม้มีพิษน่ากลัวนะ แม่เลยกลัวว่าหนูจะไปจับมันไงคะ""แล้วแบบนี้มันจะเบื่อไหมคะ อยู่แต่ในกรง"แม้ว่าเด็กหกขวบทั่วไปจะพอรู้ความแล้ว แต่กับรตีเป็นเด็กที่มีจินตนาการล้ำเลิศ ซึ่งเธอได้ยินมาว่าพืชทุกชนิดล้วนมีชีวิต เพราะแบบนั้นเธอจึงเอ่ยถามคุณแม่ออกไปอย่างใสซื่อ ถ้าหากเป็นเธอที่ถูกขังอยู่ในกรงนั่นคงเบื่อน่าดู"ฮ่าๆๆ ไม่เบื่อหรอกนะลูก ในกรงก็มีดอกไม้เป็นเพื่อนกันตั้งหลายดอกเห็นไหม ถ้าหนูชอบมันเดี๋ยวแม่เล่านิทานเกี่ยวกับมันให้ฟังเอาไหม
คนร้ายมองหน้าผีตัวปลอมตาเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เด้งตัวลุกขึ้นจนทำให้คนที่เหยียบอกอยู่ล้มลงกับเตียง เขาเอี้ยวตัวเปิดลิ้นชักหัวเตียงแล้วใช้มือหยาบกร้านหยิบปืนพกขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว ในขณะเดียวกันคนใต้เตียงก็ออกมาจากที่ซ่อนเพื่อพยุงข้าวหอมที่เสียหลัก โดยเจนน่าที่ยังซ่อนตัวอยู่กดโทรออกหาตำรวจเป็นที่เรียบร้อย"อย่าอยู่เลยพวกมึง!"เสียงทุ้มตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาลพร้อมยกกระบอกปืนขึ้นเล็งไปยังหญิงสาวตัวเล็กสองคน ทว่าคนที่ซ่อนตัวอยู่ค่อยๆย่องออกมา ใช้โอกาสที่คนร้ายยังไม่เห็นเธอหยิบขวดน้ำเปล่าขึ้นมาแล้วโยนขึ้นไปกระแทกกับหลอดไฟ'เพ้ง'ทันใดนั้นหลอดไฟที่ถูกหมุนไว้ตั้งแต่แรกร่วงลงพื้นทันที เสียงแตกกระจายของมันเรียกร้องความสนใจของคนร้ายให้หันไปมอง นั่นทำให้เจนน่าฉวยโอกาสพุ่งตัวเข้าไปเพื่อยื้อแย่งปืนที่อยู่ในมือของอีกคน"เชี่ย แสบนักนะพวกมึง!"เพราะความที่คนร้ายเป็นผู้ชายซึ่งมีแรงมากกว่า คนตัวเล็กอีกสองคนเลยวิ่งเข้าไปรุมทึ้งด้วย โดยนับหนึ่งใช้เชือกเส้นหนาที่ซื้อมารัดคอของคนร้ายสุดแรงจนเขาแทบลิ้นจุกปากเพราะขาดอากาศหายใจ ทว่ามือหยาบกร้านก็ยังคงจับปืนไว้มั่น ซึ่งพวกเธอแน่ใจว่าถ้าหากให้เขายิงป
"กลิ่นเหม็นคาวจากไหนวะ"เสียงแหบพร่าของชายวัยกลางคนดังขึ้นหลังจากที่ข้าวหอมเริ่มลงมือแง้มถุงเลือดหมูอย่างเงียบๆ ก่อนที่เธอจะค่อยๆนำของเหลวสีแดงฉานป้ายไปตามใบหน้าลำคอ รวมไปถึงเสื้อผ้าและผิวขาวทั่วตัว หากสังเกตเพียงเท้าที่คนใต้เตียงเห็น คนร้ายกำลังเดินวนไปรอบห้องคล้ายคนเมาเพื่อหาต้นตอของกลิ่น แต่เพราะความมืดที่แทบมองไม่เห็นทำให้เขาเดินเตะขาเก้าอี้จนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด"โอ้ย! แม่งเอ้ย ไอเก้าอี้บ้า กูนอนก็ได้วะ!"จากที่ทรงตัวไม่ค่อยอยู่กลายเป็นว่าสองขาของเขาเดินกะเผลกมาข้างเตียงแล้วทิ้งตัวลงด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่ปลายผ้าห่มผืนหนาจะถูกดึงขึ้นไป นั่นทำให้หญิงสาวสองคนรู้ว่าคนร้ายกำลังห่มผ้านอนแล้วมือเล็กของนับหนึ่งแกล้งดึงชายผ้าห่มที่โผล่พ้นใต้เตียงด้านข้างให้ขยับเบาๆเป็นการกระตุกขวัญให้คนบนเตียงกลัวเล่นๆ เพราะเตียงดูยวบยาบอยู่หลายหนนั่นดูเหมือนว่าคนร้ายจะนอนไม่สบายสักเท่าไหร่นับหนึ่งจึงคลานไปกระตุกชายผ้าที่ปลายเตียงแทน ผ้าห่มผืนหนาค่อยๆเลื่อนออกจากตัวของชายวัยกลางคนจนเขาสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ"คงไม่มีอะไรหรอก อิเด็กนั่นมันก็แค่พูดจาเพ้อเจ้อไปแบบนั้นแหละ"คนบนเตียงพึมพำกับตัวเ