หลังจากเกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญขึ้นในคืนนั้น ดาราสาวพยายามที่จะพูดคุยและถามข้อสงสัยกับข้าวหอมว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นได้ยังไงกันแน่
เธอกำลังหลอกตัวเองว่ามันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ ทว่ามันก็เป็นไปไม่ได้อีกที่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งจะรู้รายละเอียดเกี่ยวกับใครบางคนที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน เหมือนกับเด็กผู้ชายคนนั้นที่มีเพียงเธอและนับหนึ่งเท่านั้นที่เคยเห็น
'เป็นไปไม่ได้หรอกที่เธอจะรู้ได้มากขนาดนั้น ต้องมีอะไรแน่ๆ'
เธอนั่งคิดเรื่องนี้วนไปวนมาจนหัวแทบระเบิด ในขณะที่คนทั้งกองถ่ายกำลังวุ่นวายมีเพียงเธอเท่านั้นที่ไขว่ห้างดูดน้ำมองเหม่อแล้วก็นั่งเงียบๆอยู่คนเดียว
"น้องเจนน่าครับ ถึงคิวแล้วครับ"
เจนน่าหยุดเรื่องทั้งหมดที่กำลังคิดตีกันวุ่นวายอยู่ในหัว ก่อนที่จะยิ้มรับอ่อนๆให้กับผู้กำกับที่ตะโกนเรียกเธอเข้าฉาก
"ฉากนี้ขอตบจริงนะครับ เอาเทคเดียวผ่านนะ"
เสียงโทรโข่งดังขึ้นให้เธอและคู่อริตัวจริงทำสมาธิหลังจากที่เธอและฮันนี่มายืนอยู่ด้วยกันหน้าฉาก วันนี้แหละที่เธอรอคอยเพื่อที่จะได้ตบยัยน้ำผึ้งป่าให้เต็มมือ ถ้าไม่ติดว่าจะดูไม่มืออาชีพเธออยากจะแกล้งเล่นพลาดสักสองสามหน จะได้ตบหล่อนซ้ำหลายๆทีให้สะใจ
เจนน่ากระหยิ่มยิ้มย่องเล็กน้อยก่อนที่เสียงนับเลขถอยหลังจะดังขึ้น
"ห้า สี่ สาม สอง แอคชั่น!"
ผีนางละครเข้าสิงหญิงสาวทั้งคู่ในทันที ต่างกันตรงที่อีกคนดูร้ายสมจริงราวกับไม่ได้อยู่ในบทบาท และอีกคนที่สวมบทเป็นนางเอกสุดนุ่มนิ่มเตรียมบีบน้ำตา
"นี่ มานี่เลยแม่ตัวดี เธอคิดเหรอว่าจะแย่งคุณไตรภพไปจากฉันได้น่ะ!"
เจนน่ากระชากอีกคนอย่างรุนแรงตามคำสั่งของผู้กำกับที่บรีฟกันไว้ก่อนหน้านี้
"เปล่านะคะคุณโฉม คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ สร้อยไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นนะคะ"
สีหน้าเจ็บปวดที่ไม่รู้ว่าจริงหรือหลอกทำให้นางร้ายยกยิ้มนิดหน่อย ยิ่งส่งอารมณ์ให้คนที่ดูอยู่หน้าจอชอบใจ
"หึ นี่แกจะหาว่าฉันโง่ใช่ไหมนางสร้อย ได้"
'เพี้ยะ'
เสียงตบหน้าสวยๆดังฉาดไปทั่วกองจนทีมงานที่เห็นเหตุการณ์ต่างพากันอึ้ง ทว่านักแสดงก็ยังดำเนินบทบาทต่อไปโดยที่นางร้ายอย่างเจนน่าเริ่มจิกผมของนางเอกหลังจากที่หล่อนถูกตบแล้วร่วงไปนอนกองอยู่กับพื้น ทุกอย่างในซีนเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเป็นที่พึงพอใจอย่างที่สุดจนกระทั่งเสียงคัทดังขึ้น
"คัท! เก่งมากครับน้องเจนน่าน้องฮันนี่ วันนี้เรียบร้อยแล้วครับ ยกกองครับทุกคน ขอบคุณครับ"
ด้วยความที่เป็นฉากตบจริงทำให้เธอต้องแสดงความมีน้ำใจกับเพื่อนร่วมงานสักหน่อย เจนน่าเดินเข้าไปหาอีกคนที่ยืนเอามือลูบแก้มตัวเองป้อยๆ รวมไปถึงทีมงานที่ต่างเข้ามารุมดูอาการของนางเอกสุดเรียบร้อย
"เป็นไงบ้าง เจ็บมากไหมฮันนี่ ขอโทษนะคะ"
แววตาแสดงความเป็นห่วงตกเป็นเป้าสายตาของคนรอบๆที่คงดูไม่ออกว่าจริงหรือหลอก แต่สำหรับฮันนี่แล้วนี่มันเป็นแววตาปิศาจชัดๆ ในใจคงนึกสะใจอย่างที่เธอไม่ต้องคาดเดา
"อ๋อ ไม่เป็นไรเลยค่ะพี่เจนน่า ฮันนี่เข้าใจ วันนี้พี่เก่งมากเลยนะคะ"
ในขณะเดียวกันนางเอกสาวก็ยกยิ้มอย่างน่ารักพร้อมยังให้คำชมกับรุ่นพี่ที่อายุห่างกันเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น ทำเอาทีมงานยิ้มอย่างโล่งอกว่าวันนี้คงไม่มีมวยและหวังว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะถ่ายจบ ซึ่งแน่นอนว่านักแสดงสาวทั้งคู่ต่างรู้กันดีว่าอีกคนมีเล่ห์เหลี่ยมมากแค่ไหน
"นี่เธอ ฉันฝากเอาอันนี้ไปให้พี่ติ๊กอ่านหน่อยสิว่ามันผ่านไหม"
"ค่ะๆ"
"เสร็จแล้วอย่าลืมเอากลับมาคืนล่ะ ฉันจะรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า"
เจนน่ายื่นกระดาษในมือให้กับเด็กสาวคนเดิมที่เธอตะคอกหล่อนเรื่องพิซซ่าในวันนั้น ซึ่งมันเป็นบทละครที่เธอกลับไปทำการบ้านมาว่าต้องเล่นหูเล่นตายังไงถึงจะถูกใจพี่ติ๊กซึ่งเป็นผู้กำกับ โดยที่มีรายละเอียดลักษณะท่าทางกำกับไว้อย่างชัดเจน หล่อนวิ่งออกไปตามคำสั่งเธอ ก่อนที่เธอจะเดินเข้าเต็นท์ไปเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
จนกระทั่งเจนน่าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จถึงได้เกิดเรื่องบ้าๆขึ้น ในขณะที่เธอกำลังสะพายกระเป๋าเตรียมไปหานับหนึ่งที่นอนป่วยอยู่ที่ห้อง จู่ๆนางเอกขวัญใจทีมงานก็เดินเข้ามาเผชิญหน้ากับเธอพร้อมกับผู้จัดการตัวอวบอ้วนที่เดินตามเข้ามาติดๆ
ด้วยความที่ทีมงานที่เหลือมัวแต่ยุ่งวุ่นวายอยู่กับการเก็บของด้านนอกทำให้เธอเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอยู่กับสถานการณ์แบบนี้เพียงคนเดียวภายในเต็นท์โล่งๆ
"เห็นไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับหน้าฉัน"
เจนน่ามองไปยังใบหน้าสวยๆก่อนจะพบว่าแก้มข้างที่เธอตบมีรอยแดงเป็นจ้ำๆรูปนิ้วซึ่งมันยังไม่หายดี
"ก็รอยตบไง เขาก็บอกอยู่นะว่าให้ตบจริง"
ดาราสาวยืนกอดอกยิ้มเยาะกับผลงานของตัวเองที่อีกไม่นานรอยนั่นก็คงจะหายไป อย่างน้อยมันก็ยังไม่ร้ายแรงเท่าการฝากบาดแผลไว้ที่หน้าหรอก
"แล้วคิดเหรอคะพี่เจนน่า ว่าฮันนี่จะยอมให้หน้าเป็นรอยอยู่ฝ่ายเดียว"
นางเอกตัวเล็กใช้เสียงสองคุยกับเธอด้วยความดัดจริต ก่อนที่ผู้จัดการตัวยักษ์ด้านหลังจะยกโทรศัพท์ในมือขึ้นมาเพื่อกดถ่ายอะไรบางอย่าง
ฮันนี่หันมองแก้วน้ำแดงที่วางอยู่บนโต๊ะวางของ ก่อนที่จะยิ้มมุมปากแล้วสาดมันเล็กน้อยใส่กระเป๋าใบหรูที่เจนน่าสะพายอยู่
"นี่! ทำอะไรของเธอเนี่ย"
เจนน่าแหวขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ กระเป๋าใบนี้ของเธอไม่ใช่ใบละห้าบาทสิบบาทนะ
ส่วนน้ำในแก้วที่เหลือก็ราดใส่ตัวเองจนหมดแก้ว แก้วพลาสติกใบนั้นถูกโยนทิ้งไปทางเจนน่าซึ่งเธอเอาแต่ยืนอึ้งและกำลังคิดที่จะเดินหนีด้วยความโกรธ เธอจะไม่ยอมเป็นตัวร้ายขนาดนั้นแน่
สองขายาวก้าวฉับๆเตรียมที่จะเดินออกจากเต็นท์ ทว่าผู้จัดการของอีกฝ่ายกลับมาขวางไว้ก่อน โดยที่นางเอกตัวดีหยิบช่อดอกไม้ที่แฟนคลับเธอให้มา ยกขึ้นฟาดเข้าที่ตัวเองจนดอกไม้พวกนั้นกระเด็นกระดอนไปกับพื้น ไม่นานนักเล็บยาวของสาวตัวเล็กก็ข่วนเข้าที่ใบหน้าของเจนน่าด้วยความตั้งใจจนเลือดออก ก่อนที่หล่อนจะร้องกรี๊ดออกมา ซึ่งดูเหมือนว่าอีกคนเพิ่งจะเริ่มกดถ่ายคลิปตอนนั้น
"กรี๊ด อย่าทำฮันนี่เลยนะคะพี่เจนน่า ฮันนี่ขอโทษค่ะ"
นางเอกสาวยกมือขึ้นมาไหว้เจนน่าโดยที่หล่อนแกล้งทำเป็นว่าตัวเองล้มลงไปกองอยู่กับพื้น โดยที่ทีมงานด้านนอกแห่กันเข้ามาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความตกใจ
"เกิดอะไรขึ้น ทำไมมันเละตุ้มเป๊ะแบบนี้ล่ะ"
เสียงชายหนุ่มที่เป็นผู้กำกับถามขึ้นเมื่อเห็นสภาพพื้นที่เละเทะไปหมด ซึ่งในระหว่างนั้นคนรับบทเป็นผู้ถูกกระทำก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้ให้ทีมงานเข้ามาปลอบ
"อย่าสนใจเลยค่ะพี่ติ๊ก เป็นความผิดของน้องฮันนี่เองที่ไม่ระวังจนทำน้ำแดงหกใส่กระเป๋าของน้องเจนน่าอะค่ะ"
ผู้จัดการตัวดีของแม่นางเอกพูดขึ้น
"แล้วมันยังไง แค่น้ำแดงหกใส่กระเป๋ามันต้องลงไม้ลงมือขนาดนี้เลยหรือยังไง"
ทีมงานที่อยู่รอบๆต่างยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพ บ้างก็อัดคลิป บ้างก็ยืนกอดอกหันไปนินทากับเพื่อน ซึ่งภาพพวกนั้นมันทำให้คนเอาแต่ใจอย่างดาราสาวหน้าเปลี่ยนสี
"ก็แล้วแต่นะคะถ้าพี่ติ๊กจะเชื่อ เจนน่าไม่มีพยานอยู่แล้วล่ะค่ะ จะปลดกันออกจากงานก็เอาเลยสิคะ"
"..."
"แต่ก็ให้รู้ว่าไว้ว่ามันมีหมาบ้าแถวนี้มากัดเจนน่าทีเผลอ แถมเล็บยาวๆสกปรกๆยังเอามาข่วนหน้าเจนน่าอีก พี่ติ๊กจะจัดการเรื่องนี้ยังไงก็สุดแต่ใจเถอะค่ะ"
"ขอโทษค่ะ แต่ฮันนี่ต้องป้องกันตัว ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พี่เจนน่าเจ็บตัวนะคะ ฮึก"
สาวตัวเล็กร้องห่มร้องไห้เล่นบทน่าสงสารจนคนรอบๆต่างพากันเดินเข้ามาโอ๋ นางร้ายมองหน้าทุกคนอย่างเอาเรื่อง โดยเฉพาะตัวต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น
"เล่นบทนางเอกจนเคยตัวแล้วสินะ บีบน้ำตาเก่งขนาดนั้นน่ะ"
"เปล่านะคะ"
"แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ฮันนี่"
เจนน่าชี้หน้าคาดโทษหล่อนด้วยความโกรธจนเลือดขึ้นหน้า แววตาก้าวร้าวที่ใครๆได้เห็นก็ต่างพากันหลบตาทั้งที่เมื่อครู่ยังพากันยิ้มเยาะสะใจเธอ
ตาคมสวยมองไปรอบๆรวมถึงพื้นที่มีเศษดอกไม้และน้ำแดงกระจายเละเทะไปหมด ทว่าเธอกลับนึกอะไรดีๆได้แม้จะต้องฝืนใจไปสักหน่อย
นางร้ายในสายตาทุกคนก้มลงเก็บดอกไม้พวกนั้นด้วยความตั้งใจ แม้ในใจจะนึกขยะแขยงจนแทบอยากปล่อยก็ตาม
"ขออนุญาตเก็บดอกไม้ที่แฟนคลับให้มานะคะ เอาเป็นว่าจะเดินเรื่องยังไงก็ติดต่อมานะพี่ติ๊ก ลาค่ะ"
เจนน่ายกมือไหว้ผู้กำกับที่ดูทำหน้าไม่ถูกแล้วเดินออกมาอย่างไร้เยื่อใยกับสิ่งที่เกิดขึ้น คนฉลาดแบบเธอรู้อยู่แล้วว่าพี่ติ๊กไม่สามารถปลดเธอออกจากบทนี้ได้หรอก เพราะนอกจากจะเริ่มมีกระแสเปิดตัวนักแสดงแล้ว แน่นอนว่าคลิปที่บางคนถ่ายวันนี้จะต้องขึ้นเทรนด์จนเป็นกระแสใหญ่โตแน่นอน
'ฟึ่บ'
คนตัวสูงโยนช่อดอกไม้เข้าไปในรถก่อนจะใช้น้ำเปล่าในขวดล้างมือด้วยความรังเกียจ และสุดท้ายที่เธอขึ้นรถเหยียบคันเร่งเพื่อเปลี่ยนเป้าหมายที่จะไปในทันที
'เยี่ยมไข้เอาไว้ก่อนนะนับหนึ่ง ฉันมีเรื่องสำคัญที่ต้องพิสูจน์'
"หู้ยนี่แก พอฉันเห็นดอกไม้นะ ฉันนึกถึงดราม่าในทวิตเลยอะ"
"อันเดียวกันป้ะแก ที่เจนน่าเอาช่อดอกไม้ฟาดนางเอกอะ"
เสียงหญิงสาวสองคนที่เข้ามาเลือกซื้อดอกไม้ในร้านเจ้าประจำดังเข้าหูของข้าวหอม เธอกำลังจัดการกับหนามของดอกไม้ที่เพิ่งเอามาส่งใหม่โดยที่ในหัวก็เอาแต่คิดว่าเธอจะหลบหน้าดาราคนนั้นได้อีกนานแค่ไหน เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นเธอก็แทบจะวิ่งหนีหล่อนทันทีที่บังเอิญพบกันที่โรงพยาบาลตอนไปเยี่ยมแม่
"ไม่คิดเลยเนอะว่าตัวจริงจะร้ายขนาดนั้น"
"จริง ส่องแท็กกันยันสว่างไปเลยแกเอ้ย"
เจ้าของร้านตัวเล็กลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปใกล้ๆลูกค้าสองคนเพื่อสอบถามว่าเขาสนใจซื้อดอกไหน ทว่าตาสวยดันเหลือบไปเห็นภาพในโทรศัพท์ที่เป็นผู้หญิงคล้ายกับคนที่เธอกำลังหลบหน้าอยู่ตอนนี้
"สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าจะรับดอกอะไรดีคะ"
"แปปหนึ่งนะน้องข้าวหอม พี่ขอเลือกก่อน"
หนึ่งในหญิงสาวตอบกลับมาทั้งที่ตายังคงจ้องโทรศัพท์ ทำให้เธอนึกสงสัยขึ้นมาจริงๆว่าคนในภาพใช่ผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า
"ขอโทษนะคะ อันนี้เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ"
สุดท้ายที่เธอตัดสินใจถามออกไป ฟังดูแล้วมันคงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ซึ่งตัวเธอเองก็ภาวนาว่าอย่าให้เป็นหล่อนเลย เพราะดูจากกระดาษโพสอิทที่แนบมาด้วยเมื่อวันก่อนก็คงจะเป็นฝีมือของหล่อนอย่างแน่นอน จากที่เธอเห็นในนิมิตคืนนั้นน่ะ
'เพราะอันที่จริงเขาก็จิตใจอ่อนโยนกว่าที่คิด'
"โหย ข่าวออกจะดัง ที่น้องเจนน่านางร้ายเอาดอกไม้ฟาดน้องฮันนี่น่ะ เรื่องกำลังสดๆร้อนๆเลยนะ"
ลูกค้ายื่นโทรศัพท์ให้ข้าวหอมได้เห็นกับตา คลิปที่คนคุ้นเคยของเธอกำลังถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามจากคนรอบข้าง รวมไปถึงใครสักคนที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่ที่พื้น
"คลิปมีแค่นี้เหรอคะ"
สิ่งแรกที่เธอคิดถูกถามออกไป เพราะดูจากที่เห็นก็ยังไม่ได้มีการลงไม้ลงมืออะไรสักอย่าง มีแต่คนที่ยืนอยู่เฉยๆ
"ก็มีแค่นี้อะสิ นี่พี่ก็กำลังรอนะว่าจะมีช็อตเด็ดตอนตบกันออกมาเมื่อไหร่"
"ไม่ใช่ตบกันนะแก น้องฮันนี่โดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียวย่ะ"
นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ข้าวหอมนึกอยากจะด่าคนมากที่สุด เธอยอมรับว่านิสัยของอีกคนที่ไม่น่ารักก็มีเหมือนกัน แต่นี่หล่อนกำลังถูกกล่าวหาจากคลิปที่แค่ยืนเฉยๆ
"แล้วสรุปพวกพี่จะซื้อดอกไม้ไหมคะ"
คนตัวเล็กถามออกไปแบบยิ้มๆทั้งที่ในใจเพียงอยากจะไล่ผู้หญิงสองคนนี้ออกจากร้าน
"ก็อยากซื้ออยู่หรอก แต่เลือกไม่ได้ว่าจะเอาดอกไหนดี งั้นเดี๋ยวพี่มาใหม่นะจ๊ะ"
"ขอบคุณนะคะ เชิญค่ะ"
ข้าวหอมตอบอย่างมีมารยาทก่อนจะใจดีเปิดประตูให้กับลูกค้าสองคนได้เดินออกจากร้านอย่างสะดวกสบาย จนกระทั่งมีใครบางคนมาดักพวกหล่อนเอาไว้ที่หน้าประตู
"ว้าย"
ลูกค้าปากแจ๋วสองคนร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อคนในคลิปที่เจ้าหล่อนเปิดดูเมื่อครู่มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าแบบไม่ทันตั้งตัว แววตาที่ยากจะคาดเดาถูกส่งมาที่คนด้านหลังอย่างข้าวหอม พร้อมๆกับรอยแผลที่ถูกข่วนบนใบหน้าซึ่งเธอไม่ทันได้เห็นจากในคลิป
ทว่าในมือนั่นกลับถือช่อดอกไม้ที่สภาพแทบจะดูไม่ได้ ก่อนที่ผู้หญิงร่างสูงในมาดนางร้ายจะพูดขึ้น
"เธอต้องช่วยฉัน"
ห้องสี่เหลี่ยมห้องเดิมหลังร้านที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของหญิงสาวสองคนถูกใช้เป็นห้องทำแผลอีกครั้ง ข้าวหอมและเจนน่านั่งอยู่ข้างกันบนโซฟาตัวเดิม ตำแหน่งเดิม มือนุ่มของข้าวหอมหยิบสำลีเช็ดแอลกอฮอล์ขึ้นมาเช็ดวนรอบๆแผลด้วยความเบามือ"ซี้ด"เจนน่าร้องออกมาด้วยสีหน้าเหยเกก่อนจะกลับมาเป็นสีหน้าที่เรียบเฉยอีกครั้ง เธอไม่รู้ว่ากับข้าวหอมสามารถแสดงความเจ็บปวดกับหล่อนได้มากน้อยแค่ไหน ถึงเธอจะวางใจในหลายๆเรื่องแต่มันก็ต้องระวังตัวไว้ก่อนเพราะเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน เรียกรู้จักกันได้หรือเปล่านะ"เจ็บเหรอคะ"เสียงนุ่มของข้าวหอมทำเอาเธอรู้สึกแปลกไป ทุกครั้งที่อยู่กับหล่อนนอกจากเธอจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนธรรมดาๆแล้ว ยังรู้สึกว่าได้รับความห่วงใยอยู่ตลอดอีกด้วย ซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่แปลกมาก เพราะนอกจากคนใกล้ตัวแล้วเธอก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครอีก"อือ ก็นิดหน่อย""ขอโทษค่ะ จะพยายามเบามือมากกว่านี้นะคะ"คนตัวเล็กตอบแล้วก็ค่อยๆบรรจงเช็ดรอบแผลต่อไป ความเงียบภายในห้องทำให้เสียงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ของเจนน่าเข้าหูพยาบาลจำเป็นจนคนตัวเล็กต้องเปิดบทสนทนาขึ้นมา"เจ็บก็ร้องออกมาค่ะ ไม่ต้องฝืนหรอก""เปล่าฝืนสักหน่อย""
หลังจากที่เจนน่าเอ่ยปากขอนอนค้างที่นี่ คนตัวเล็กก็เงียบคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบตกลง ดาราสาวค่อนข้างที่จะดีใจกับคำตอบเพราะไม่คิดว่าอีกคนจะยอม และหากหล่อนกล่าวปฎิเสธเธอก็จะกลับคอนโดอย่างไม่ดื้อดึง บอกตามตรงว่าตอนนี้เธอไม่มีแรงที่จะรังแกใครทั้งนั้น โดยเฉพาะข้าวหอมที่นอนหันหลังให้เธออยู่ตอนนี้กลิ่นตัวหอมๆผสมกับกลิ่นครีมอาบน้ำที่หวานอ่อนๆ ทำให้โดยรวมมันหอมละมุนไปหมดจนเจนน่าอดไม่ได้ที่จะฉวยโอกาสขยับตัวเข้าไปใกล้ ด้วยความที่เตียงไม่ได้ใหญ่มากนักทำให้พื้นที่ในการนอนมีจำกัด"คุณนอนได้หรือเปล่าคะ ถ้านอนไม่สบายฉันจะได้ไปนอนอีกห้อง"และเพราะเจนน่าขยับตัวไปมาจนอีกคนรู้สึกได้ทำให้ข้าวหอมเกรงว่าหล่อนจะนอนไม่สบาย มารยาทการเป็นเจ้าบ้านที่ดีคือทำให้แขกรู้สึกสบายใจ และเจนน่าก็ถือว่าเป็นแขกคนหนึ่งของเธอ"นอนได้สิ ก็ที่ฉันขอนอนกับเธอคืนนี้เพราะไม่อยากอยู่คนเดียว"คนข้างๆตอบออกมาตามตรง ด้วยข้าวหอมก็รู้เหตุผลแล้วว่านับหนึ่งนอนซมไข้อยู่ที่ห้องจากการบอกกล่าวของเธอ เพราะแบบนั้นเธอจึงไปนอนค้างด้วยไม่ได้"..."ข้าวหอมที่นอนหันหลังให้เจนน่าฟังคำตอบแล้วก็เงียบไปสักพักใหญ่ จนอีกคนคิดว่าหล่อนหลับไปแล้ว อีกทั้งห้องย
'ปิดชั่วคราว'ป้ายประกาศปิดชั่วคราวถูกคนตัวเล็กแขวนไว้ที่หน้าร้าน ชัั่วคราวของเธอในที่นี้หมายถึงสักหนึ่งหรือสองชั่วโมงเท่านั้น เพื่อนำเวลาตรงนี้ไปมอบให้กับดาราสาวน่าสงสารที่นั่งเขี่ยข้าวในจานมาสิบนาทีได้แล้ว"กับข้าวที่ฉันทำมันไม่อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอคะ"ข้าวหอมเดินมานั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามพร้อมกับถามขึ้น วันนี้เธอตั้งใจทำต้มจืดเต้าหู้หมูสับหม้อใหญ่ให้กับคนตรงหน้าแล้วก็แม่ที่อยู่โรงพยาบาล หลังจากที่ตื่นมาพร้อมกับหัวใจที่เต้นผิดจังหวะเพราะเจ้าหล่อนนอนกอดเธอแน่นจนแทบขยับตัวไปไหนไม่ได้"ไม่รู้เหมือนกัน เพราะยังไม่ได้กิน"เจนน่าตอบออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยจนกระทั่งมีเสียงเคาะกระจกจากหน้าร้านดังขึ้น'ก๊อกๆๆ'เจ้าของร้านตัวเล็กรีบวิ่งออกไปดูก็พบว่าเป็นนับหนึ่งที่เจนน่าเพิ่งโทรนัดไว้เมื่อชั่วโมงก่อน ข้าวหอมยิ้มรับพร้อมกับไขประตูให้เพื่อนคนใหม่ของเธอที่ดูจากสีหน้าแล้วคงอาการเดียวกับคนที่นั่งเขี่ยข้าวอยู่ด้านใน"เป็นไงล่ะแก เซอร์ไพรส์ฉันตั้งแต่ยังไม่หายป่วยเลยนะยะ"นับหนึ่งทักเพื่อนสาวด้วยใบหน้าหมดอาลัยตายอยากไม่ต่างกัน ในขณะเดียวกันเจ้าบ้านที่ดีก็ตักข้าวเสิร์ฟให้กับแขกมาใหม่ พร้อมด้วยกับข้าวอีกถ้วย
"นั่งยิ้มอะไรอยู่คนเดียวลูก"หญิงวัยกลางคนถามขึ้นในขณะที่กำลังรูดหนามกุหลาบ ตั้งแต่เมื่อวันก่อนลูกสาวของเธอดูแปลกไปเพราะปกติน้อยครั้งเหลือเกินที่ข้าวหอมจะจับโทรศัพท์ แต่ช่วงนี้เธอสังเกตเห็นลูกสาวเธอเล่นมือถือถี่กว่าเมื่อก่อนมาก หรือจะมีอะไร"ไม่มีอะไรค่ะแม่"คนตัวเล็กอมยิ้มแล้วตอบกลับไปพร้อมหลุบตาลงต่ำเพื่อเลี่ยงสายตาตั้งคำถามของคนเป็นแม่ ก่อนที่เธอจะเปลี่ยนมาจับจ้องดอกไม้ในมือแทน"หรือหนูมีผู้ชายที่ไหน""ไม่ได้มีค่ะแม่!"คนเป็นแม่ถามขึ้นแล้วลุกเดินมาหาข้าวหอมทันที ลูกสาวที่เพิ่งแหวไปเมื่อครู่ถึงกับต้องคว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลง แต่ก็ช้ากว่าอีกคนที่พลิกหน้าจอกลับมาเพื่อดูว่าในนั้นมันมีอะไรกันแน่ดวงตาของขนิษฐาเพ่งมองไปยังมือถือสลับกับใบหน้าของลูกสาวที่ทำหน้าตาเลิ่กลั่กราวกับว่าถูกจับได้ ทว่าหน้าจอที่เปิดอยู่ก็ไม่เห็นจะมีอะไรนอกจากภาพดารา"นี่มันรูปแม่หนูคนนั้นนี่นา อย่าบอกนะว่าลูกแม่ชอบเขาน่ะ""หนูเปล่าสักหน่อยค่ะ"ข้าวหอมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ความจริงแล้วเธอไม่ได้ชอบเจนน่าสักหน่อย แค่ยินดีไปกับหล่อนเท่านั้นเองที่กลับมามีงานเหมือนเดิม แถมกระแสในโซเชียลก็ยังดีขึ้นด้วย ต่างกับอีกคนที่ถูกกระแสแง่
แขนยาวเสลาโอบกอดข้าวหอมเอาไว้เมื่อเห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาซึ่งต้นเหตุมาจากเธอ ทั้งที่เธอก็ตกใจเช่นกันเพราะไม่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิดมาตลอดจะเป็นเรื่องจริง คนในอ้อมกอดหันกลับมากอดตอบเจนน่าเอาไว้อย่างไม่ลังเล เพราะข้าวหอมรู้ว่าอีกฝ่ายก็คงรู้สึกแย่ไม่ต่างกัน"ฉันขอโทษนะที่ทำให้เธอรู้สึกไม่ดี"เจนน่าลูบหัวข้าวหอมอย่างอ่อนโยนพร้อมขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นจากใจจริง เธอรู้ว่าอีกคนเห็นอะไรมากกว่านั้นและต้องบอกเธอได้แน่ว่าใครคือฆาตกร ทว่าตอนนี้เธอยังไม่อยากถามอะไรมากมายนักเพราะภาพที่หล่อนเห็นมันน่าหดหู่เกินไป ซึ่งน่าจะกระทบกับจิตใจหล่อนพอสมควร"ผู้หญิงคนนั้นทาเล็บสีแดง วัยกลางคน""...""เธอคนนั้นเก็บบางอย่างไว้ในลิ้นชักตรงข้ามกับโต๊ะเครื่องแป้ง"เจนน่าพยายามนึกตามที่ข้าวหอมบอก แต่ก็ไม่มีใครที่เธอรู้จักในอดีตสักคนที่เป็นผู้หญิงวัยกลางคน ในตอนนั้นเธอมีเพียงพ่อและแม่เท่านั้น จะมีก็แต่เพื่อนของแม่ที่พ่อบอก คนที่เป็นเจ้าของร้านดอกไม้นั่นคนตัวสูงพยายามไม่มองไปทางกล่องสี่เหลี่ยมที่วางอยู่บนโต๊ะกระจก ซึ่งเธอจำได้ว่าในนั้นมีป้ายที่เป็นชื่อร้านพร้อมกับคำอวยพรสั้นๆ และนั่นคงจะเป็นสิ่งที่ทำให้เธอตามตัวหญิงวั
'กุ๊งกิ๊งๆ'กระดิ่งลูกเล็กๆที่ห้อยติดไว้กับประตูทางเข้าคาเฟ่สั่นรัวจากการถูกเปิดปิดอยู่บ่อยครั้ง ผู้คนมากมายต่างมาหาเครื่องดื่มและขนมหวานกินในยามเที่ยง ไม่ต่างกันกับข้าวหอมและเจนน่าที่ดูเหมือนว่าช่วงนี้จะอยู่ด้วยกันบ่อยเป็นพิเศษ แม้ว่าดาราสาวจะยุ่งกับงานมากแค่ไหนก็ตาม"ทานสิ อร่อยนะ"เจนน่าผายมือให้คนตัวเล็กทานเค้กที่วางไว้ด้านหน้า เธอเป็นคนสั่งเค้กชิ้นนี้ให้ข้าวหอมด้วยตัวเองเพราะถูกใจมันตั้งแต่ได้ลองชิมครั้งก่อน อีกทั้งคนตัวเล็กยังชอบรสนี้อีกด้วยเค้กสตรอว์เบอร์รีชิ้นสามเหลี่ยมสีแดงสดดูน่าทานถูกส้อมขนมหวานคันเล็กตัดออกเป็นชิ้นเล็กพอดีคำ ก่อนที่ผู้ตัดจะนำมันเข้าปาก"อื้ม"ข้าวหอมพยักหน้าแล้วเปล่งเสียงออกมาอย่างพึงพอใจ รสชาติกำลังพอดี ไม่หวานมากจนเกินไป ซึ่งค่อนข้างที่จะถูกใจเธอมากทีเดียว"อร่อยใช่ไหม""ค่ะ""...""แล้วคุณไม่สั่งอะไรเหรอคะ"คนตัวเล็กตอบตามจริงก่อนจะเอ่ยปากถามคนตรงหน้าว่าเหตุใดหล่อนถึงไม่สั่งอะไรมากิน แต่กลับได้รับคำตอบที่แปลกประหลาดเหลือเกิน"ไม่ล่ะ แค่เห็นเธอกินฉันก็อิ่มแล้ว"ข้าวหอมมองอีกคนด้วยแววตาฉงน เจนน่าต้องการจะสื่ออะไรกับเธองั้นเหรอ เพราะตั้งแต่ที่เธอมาถึงที่น
'ฟู่'เสียงเป่าปากของเจนน่าดังขึ้นพร้อมกับทิ้งตัวลงเตียงนุ่มของตัวเองด้วยความท้อแท้ ไม่ต่างกันกับอีกสองคนในห้องที่เอาแต่นั่งหมดอาลัยตายอยากไม่พูดไม่จา ดาราสาวนอนมองเพดานด้วยแววตาว่างเปล่าก่อนจะยกแขนขึ้นก่ายหน้าผากอีกตามเคย"เอาไงดีแก ไม่มีกุญแจก็ไขลิ้นชักนั่นไม่ได้อะ"นับหนึ่งตะโกนข้ามกำแพงระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนของเพื่อนสาว เธออุตส่าห์มุ่งมั่นแทบตายกว่าจะได้เข้าไปในห้องนั้น พอถึงปลายทางกลับไม่มีกุญแจไขซะงั้น มีหวังเธอคงได้กลับเข้าไปอีกรอบแหงๆ"สั่งอะไรมากินกัน"เจนน่าตะโกนกลับไปพร้อมดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงเพื่อเดินดุ่มๆไปหาอีกสองคนที่อยู่ในห้อง"เมื่อกี๊แกว่าไงนะ""สั่งอะไรมากินกัน หิว"ดาราสาวเน้นพูดเป็นคำๆเพื่อความชัดเจน ทำเอานับหนึ่งและข้าวหอมขมวดคิ้วไปตามๆกัน สถานการณ์แบบนี้มันไม่ควรมีประโยคนี้สิ เรากำลังเครียดกันอยู่ไม่ใช่เหรอนับหนึ่งคิดในใจก่อนที่เสียงหวานของเพื่อนสาวที่ดูจะหวานมากกว่าปกติดังขึ้นมาเพื่อดึงเธอออกจากความคิดเมื่อครู่"เธออยากกินอะไร"เจนน่าถามคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างนับหนึ่งโดยที่ไม่รู้ตัวว่าน้ำเสียงที่ใช้มันต่างกับคุยกับเพื่อนมากแค่ไหน นับหนึ่งอ้าปากค้างแล้ว
"ยกเลิกคิวงานทั้งหมดหรือยัง"เจนน่าถามเพื่อนสาวด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไม่ต่างกับน้ำเสียง โดยเจ้าตัวยืนกอดอกเหม่อลอยมองไปนอกหน้าต่างอยู่สองสามวันเห็นจะได้ ความซังกะตายและดูไร้อารมณ์ทำให้เพื่อนตัวเล็กอย่างนับหนึ่งอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้"ยกเลิกหมดแล้ว ฉันไล่ขอโทษจนปากเปียกปากแฉะ""ฉันยอมเป็นนักแสดงไร้ความผิดชอบ ดีกว่ามีความรับผิดชอบแต่ผลลัพธ์ออกมาดูไม่ได้"เธอรู้ตัวเองดีว่าช่วงนี้ไม่ควรรับงานหรือออกไปทำงานที่ไหนทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นงานถ่ายโฆษณา หรืองานถ่ายแบบที่แค่ไปยืนโพสต์สวยๆน่ากล้อง ไม่ว่าจะอะไรก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำทั้งนั้น เธอทำมันออกมาไม่ได้ดีนักหรอก"แล้วแกจะเอายังไงต่อ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่องงานมันจะแย่เอานะ"นับหนึ่งพูดเตือนด้วยความหวังดีเพราะช่วงนี้เรียกได้ว่าเป็นช่วงขาขึ้นของเจนน่า แต่หล่อนกลับหยุดงานทั้งหมดด้วยตัวเองเพียงเพราะงอนหวานใจ"กำลังคิดอยู่ว่าจะเอายังไงดี แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก""ที่แกเป็นแบบนี้เพราะเรื่องที่ทะเลาะกับข้าวหอมคืนนั้นใช่ไหมเจน"ความจริงนับหนึ่งรู้เหตุผลอยู่แล้วแหละ เพียงแต่อยากถามเพื่อความแน่ใจว่าจนถึงตอนนี้แล้วเพื่อนสาวจะยอมรับความรู้สึกตัวเองได้หรือยัง แค่
มือถือของคนตัวเล็กถูกจิ้มเข้าที่สัญลักษณ์นกฟ้าในทันทีหลังจากวางสาย แฮชแท็กผู้หญิงเสื้อขาวขึ้นเทรนด์อันดับหนึ่งแทนที่ชื่อดาราสาวทันที หญิงสาวสองคนเพ่งมองหน้าจออันเล็กจนศีรษะชิดติดกัน นิ้วเรียวต่างผลัดกันเลื่อนไถฟีดข่าวที่มีแต่ภาพเธอสองคน โดยเฉพาะภาพแผ่นหลังเล็กๆของข้าวหอมซึ่งเป็นผู้หญิงที่ทุกคนกำลังตามหานอกจากนี้ยังมีภาพเธอที่ถูกถ่ายไว้เมื่อวันก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นตอนเข็นวีลแชร์ให้เจนน่า หรือแม้แต่กระทั่งภาพที่เธอเดินอยู่ด้านหลังรถวีลแชร์โดยที่คนอื่นเป็นคนเข็นมัน โดยคอมเมนต์ส่วนใหญ่ไปในทางเดียวกันคือตามหาเธอ บ้างก็ว่าเธอสวย บ้างก็ว่าน่ารัก แต่ที่มากที่สุดคงจะเป็นความสงสัยว่าเธอเป็นใครกันแน่ เพราะโดยปกติแล้วทุกคนมักจะเห็นแค่นับหนึ่งเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อยู่กับเจนน่า การปารกฏตัวของเธอคงเป็นที่แตกตื่นสำหรับคนทั่วไป"แล้วฉันจะมีเพื่อนไม่ได้เลยหรือไง มาแอบถ่ายกันแบบนี้ฉันฟ้องได้นะ"เป็นดาราสาวที่พูดออกมาอย่างหงุดหงิด เธอถูกแอบถ่ายจนชินแล้ว แต่คนตัวเล็กที่นั่งข้างๆนี่เป็นเพียงคนธรรมดาๆ ไม่ใช่คนสาธารณะแบบเธอ เพราะแบบนั้นเธอถึงหงุดหงิดที่คนพวกนี้เอาข้าวหอมเข้ามาเกี่ยวด้วย ยิ่งภาพที่ถูกเผยแพร่ไ
"เรียบร้อยแล้วค่ะคุณตำรวจ ขอบคุณมากนะคะที่ให้เข้าเยี่ยม"เจนน่าเอ่ยบอกกับชายหนุ่มสองคนในเครื่องแบบหน้าห้องพักฟื้นแล้วยิ้มให้พวกเขาบางๆ ก่อนที่จะพยักหน้าบอกให้เพื่อนตัวเล็กเข็นวีลแชร์กลับห้องตัวเองโถงทางเดินหน้าห้องพักฟื้นมีคุณหมอและคุณพยาบาลเดินกันให้ควั่ก รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางร้ายในชีวิตจริงด้วยความสะใจ"แกคิดดีแล้วเหรอวะที่ทำแบบนี้อะ"นับหนึ่งโน้มตัวลงกระซิบข้างหูของดาราสาวในขณะที่ก็เข็นรถไปด้วย"แล้วมันไม่ดีตรงไหน ฉันไม่ได้ไปฆ่าใครตายสักหน่อย"เพื่อนตัวเล็กเบ้ปากมองบนเช่นเคยกับความแสบของคนป่วย ที่จู่ๆหล่อนก็ออกคำสั่งให้เธอรีบไปหาซื้อขวดยาสีชาแบบกะทันหัน ซ้ำยังย้ำนักย้ำหนาว่าเอาให้เหมือนตามต้นฉบับที่เป็นหลักฐานแบบเด๊ะๆ ลำบากเธอต้องขับรถวิ่งหาไปทั่วแค่เพราะเพื่อนตัวแสบอยากจะล้างแค้นคนร้ายด้วยความสันติสำหรับเธอคิดว่าการใส่น้ำเปล่าลงไปในขวดยามันก็ดีแต่ถ้าไม่ทำมันคงจะดีกว่า แค่คุณรตีต้องเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิตก็เหมือนตกนรกทั้งเป็นแล้ว นี่หล่อนเล่นให้เสียไปยังสุขภาพจิตด้วยการหลอกว่าในขวดนั่นเป็นยาพิษชนิดเดียวกับที่คนร้ายเคยใช้ปลิดชีพคุณน้าจิตรา แถมยังเอามันกรอกปากคนเจ็บอีก
"น้องเจนน่าคะตอบคำถามพี่ด้วยค่ะ"'แชะๆๆ'"อาการตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ แล้วที่มีข่าวลือว่าหนีออกจากโรงพยาบาลจริงหรือเปล่าคะ""ตอบด้วยครับน้องเจนน่า สรุปเหตุการณ์ทั้งหมดคือยังไงครับ"นักข่าวจำนวนมากรุมจ่อไมค์พร้อมกล้องตัวใหญ่อีกหลายตัวที่สาดแฟลชสว่างวาบใส่เจนน่า ในขณะที่เธอนั่งอยู่บนรถเข็นโดยมีคุณพ่อเป็นคนเข็นให้และนับหนึ่งที่คอยกันนักข่าวออกไปมือนุ่มข้างหนึ่งยกขึ้นเพื่อให้นรุตม์หยุดเข็น ก่อนจะหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์ที่ตอนนี้กำลังพุ่งสูงปรี๊ด"ขอโทษนะคะพี่ๆ ที่นี่โรงพยาบาลนะคะ ไม่ใช่ตลาดสดที่จะแหกปากได้ตามอำเภอใจ""..."ราวกับต้องมนต์สะกดเมื่อคำพูดกึ่งด่าหลุดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ผู้คนอาชีพเดียวกันต่างหลุบตาลงต่ำไม่กล้าสบตาคมเฉี่ยวที่หันมามองตำหนิราวกับคาดโทษเอาไว้แทบทุกราย"แล้วก็ให้เกียรติเจนน่าด้วยค่ะ ตอนนี้กำลังเจ็บอยู่นะคะ ถ้าเข็นรถหนีไม่ยอมตอบคำถามก็คือไม่พร้อมตอบค่ะ""แต่พวกเราก็ต้องทำงานนะครับน้องเจนน่า เห็นใจพี่หน่อยนะครับ"เป็นผู้ชายร่างโตที่ถือไมค์เป็นโลโก้ช่องโทรทัศน์ชื่อดังที่ใจกล้าพูดออกมา ทันใดนั้นดวงตาเฉี่ยวจับจ้องไปที่เขาทันที เพียงไม่กี่วิที่ตาสบตา ชายร่างโ
สุดท้ายที่หล่อนปล่อยโฮออกมาแล้วก็พูดไปด้วย น้ำเสียงยังดูเป็นห่วงเป็นใยไม่ต่างกันกับที่ผ่านมา และเป็นเธอเองที่ขอบตาร้อนผ่าวปล่อยน้ำตาเม็ดโตออกมาทั้งที่พยายามกลั้น ไม่ว่าหล่อนจะค่อยๆ ก้าวเข้าหาเธออย่างใจเย็นแค่ไหน เธอก็ก้าวถอยหลังหนีไม่ต่างกัน"อย่าเข้ามานะ"ดาราสาวกลืนน้ำลายลงคอแล้วเปล่งเสียงแข็งกร้าวออกมากับดวงตาที่จ้องเขม็งไปยังคนตรงหน้า"ทำไมล่ะ ไม่ไว้ใจน้าแล้วเหรอ น้าไม่ทำอะไรหนูหรอกนะ นี่น้าไง น้าเอง"หล่อนพูดราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่สภาพตัวเองแทบจะดูไม่ได้ ผมเผ้ายุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิง เสื้อผ้าที่มีแต่รอยเปื้อนสิ่งสกปรกเต็มไปหมด ความจริงหล่อนควรจะขอโทษเธอตั้งแต่เจอหน้ากันแล้วด้วยซ้ำ"นับหนึ่งอยู่ไหน"เจนน่าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอต้องเล่นตามน้ำโดยการถามถึงเพื่อน คนร้ายยิ้มบางๆ แล้วตอบกลับมาด้วยคำตอบที่ฟังไม่ขึ้น"หนูนับหนึ่งกลับไปก่อนหนูมานี่เอง ไม่ได้สวนกันหรอกเหรอ""แต่คุณบอกว่าจะฆ่าเพื่อนหนู คุณต่อรองกับหนูว่าจะมาที่นี่หรือจะเสียเพื่อนไป แล้วแบบนี้จะให้หนูคิดยังไง""น้าก็แค่ล้อเล่นเพราะอยากให้หนูมาหา น้าถูกใส่ร้ายนะเจนน่า ช่วยน้าด้วยนะ"หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าซึ่งเบาม
"คุณน้าจับตัวนับหนึ่งไป โลเคชันไกลจากที่นี่พอสมควร แล้วก็บอกว่าห้ามแจ้งตำรวจ"เจนน่าบอกกับข้าวหอมและหญิงวัยกลางคนที่อยู่ด้วยกัน ทุกคนทำหน้าตกใจไม่ต่างกันจนกระทั่งข้าวหอมเหลือบตาเห็นดอกไม้ช่อเล็กๆ ที่วางไว้ใกล้ๆ กับกระเช้าผลไม้"เมื่อเช้านับหนึ่งเอาช่อดอกไม้มาเยี่ยม แต่คุณยังไม่ฟื้น""มันบ้าหรือเปล่าเนี่ย รู้ว่าฉันกลัวดอกไม้แล้วเอาดอกไม้มาให้ทำไม"เจนน่าแหวออกมาเป็นคำติติงเพื่อนสาวราวกับหล่อนแกล้งกัน แม้ว่าตอนนี้จะเป็นห่วงแทบขาดใจ"แน่ใจเหรอคะว่าคุณยังกลัวมันอยู่""..."ดาราสาวจ้องมองที่ช่อดอกไม้เล็กๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าหลังจากเรื่องทุกอย่างคลี่คลายเธอก็ไม่ได้รู้สึกขยะแขยงมันมากเท่าแต่ก่อนแล้ว ช่วงที่ข้าวหอมหลอกเอาดอกไม้ที่สวนนั่นมาเธอก็ไม่ได้มีความรู้สึกว่าอยากจะเอามันไปทิ้งหรือหลับตาลงเพราะไม่อยากเห็นมือนุ่มเอื้อมจับที่กลีบดอกไม้เบาๆ พร้อมกลั้นใจ ทว่าก็ไม่ได้ฝืนใจมากกว่าที่เคย เพราะสิ่งตรงหน้ามันก็แค่ดอกไม้ธรรมดาๆ ไม่ได้มีพิษภัยอะไร หรือการที่นับหนึ่งเอามันมาก็เพื่อจะให้เธอรู้ตัวเองว่าเธอไม่ได้รู้สึกกับพวกมันเหมือนเดิมอีกแล้ว"ฉันสามารถมองเห็นได้ทั้งอดีตและอนาคต คุณรอสักแปปหนึ่งนะคะ
หลังจากที่รตีย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังโตทุกอย่างก็เหมือนจะเป็นไปด้วยดี เธอเริ่มคุ้นชินกับชื่อและนามสกุลใหม่ นรุตม์ก็ดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี ติดแต่เพียงว่าหนูน้อยไม่ยอมเรียกเธอว่าแม่สักที"เจนน่า น้าทำข้าวกล่องไว้ให้น่ะ"ทุกๆเช้าเธอมักจะบอกกับเจนน่าในวัยสิบแปดปีว่าทำข้าวกล่องไว้ให้ ในช่วงแรกเด็กสาวเกรงใจดูน่ารักน่าเอ็นดู ทว่านานวันเข้ายิ่งเปลี่ยนไปเมื่อเธอมักตามใจเขาทุกอย่าง"คุณน้าคะ พรุ่งนี้เจนน่าอยากกินผัดกะเพรา"เด็กสาวเอ่ยปากบอกกับแม่เลี้ยงตอนค่ำ เพื่อที่ข้าวกล่องในวันพรุ่งนี้จะได้เป็นเมนูที่อยากกิน คุณน้ารดาสุดใจดีหันมายิ้มบางๆให้กับเธอก่อนจะปฏิเสธ"ใบกะเพราหมด ไว้พรุ่งนี้กลับมาจากโรงเรียนแล้วค่อยกินได้ไหมคะ เดี๋ยวน้าจะทำไว้รอ""ไม่ เจนน่าจะกินตอนเที่ยงพรุ่งนี้ คุณน้ารดาต้องทำให้เจนน่าค่ะ"เพราะเธอรักเจนน่าเหมือนลูกในไส้ แม้ว่าเด็กสาวจะเอาแต่ใจหรือพูดจาไม่ดีกับเธอมากแค่ไหนเธอก็ไม่เคยคิดโกรธ มิหนำซ้ำยังพยายามหาสิ่งที่หล่อนอยากได้มาให้ทุกครั้งไปโชคดีเหลือเกินที่ฐานะทางการเงินของเธอนั้นดีมาก ดียิ่งกว่านรุตม์หลายเท่า ทำให้ไม่ได้ลำบากสักเท่าไหร่หากจะหาของดีๆมีราคามาให้กับเด็กสาวจนห
สวนดอกไม้เล็กๆ ณ บ้านหลังหนึ่งในประเทศรัสเซียที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสายพันธุ์ สีสันสวยงามน่ามองที่เกิดจากเจ้าของบ้านซึ่งชอบในการเพาะพืชและดอกไม้ทุกชนิด พาเอาลูกสาวคนเดียวชื่นชอบมันไปด้วย เด็กหญิงรตีในวัยหกขวบกำลังตัวเล็กน่ารัก ชอบสังเกต ชอบพิสูจน์และเป็นเจ้าหนูจำไมจนเป็นที่รักของทุกๆคน"คุณแม่ขา อันนี้เรียกว่าดอกอะไรเหรอคะ ทำไมคุณแม่ต้องกั้นรั้ว"เด็กน้อยตัวเล็กเอ่ยถามผู้เป็นแม่เสียงเจื้อยแจ้วเมื่อเห็นดอกไม้สีที่เธอชอบถูกกักขังอยู่ในกรงเหล็ก ซึ่งไม่ว่าคุณแม่จะพาเธอเที่ยวชมสวนหน้าบ้านกี่ที เจ้าดอกนี้ก็ไม่เคยเป็นอิสระเลยสักครั้ง"อันนี้เรียกว่าดอกอะโคไนต์ลูก เป็นดอกไม้มีพิษน่ากลัวนะ แม่เลยกลัวว่าหนูจะไปจับมันไงคะ""แล้วแบบนี้มันจะเบื่อไหมคะ อยู่แต่ในกรง"แม้ว่าเด็กหกขวบทั่วไปจะพอรู้ความแล้ว แต่กับรตีเป็นเด็กที่มีจินตนาการล้ำเลิศ ซึ่งเธอได้ยินมาว่าพืชทุกชนิดล้วนมีชีวิต เพราะแบบนั้นเธอจึงเอ่ยถามคุณแม่ออกไปอย่างใสซื่อ ถ้าหากเป็นเธอที่ถูกขังอยู่ในกรงนั่นคงเบื่อน่าดู"ฮ่าๆๆ ไม่เบื่อหรอกนะลูก ในกรงก็มีดอกไม้เป็นเพื่อนกันตั้งหลายดอกเห็นไหม ถ้าหนูชอบมันเดี๋ยวแม่เล่านิทานเกี่ยวกับมันให้ฟังเอาไหม
คนร้ายมองหน้าผีตัวปลอมตาเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เด้งตัวลุกขึ้นจนทำให้คนที่เหยียบอกอยู่ล้มลงกับเตียง เขาเอี้ยวตัวเปิดลิ้นชักหัวเตียงแล้วใช้มือหยาบกร้านหยิบปืนพกขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว ในขณะเดียวกันคนใต้เตียงก็ออกมาจากที่ซ่อนเพื่อพยุงข้าวหอมที่เสียหลัก โดยเจนน่าที่ยังซ่อนตัวอยู่กดโทรออกหาตำรวจเป็นที่เรียบร้อย"อย่าอยู่เลยพวกมึง!"เสียงทุ้มตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาลพร้อมยกกระบอกปืนขึ้นเล็งไปยังหญิงสาวตัวเล็กสองคน ทว่าคนที่ซ่อนตัวอยู่ค่อยๆย่องออกมา ใช้โอกาสที่คนร้ายยังไม่เห็นเธอหยิบขวดน้ำเปล่าขึ้นมาแล้วโยนขึ้นไปกระแทกกับหลอดไฟ'เพ้ง'ทันใดนั้นหลอดไฟที่ถูกหมุนไว้ตั้งแต่แรกร่วงลงพื้นทันที เสียงแตกกระจายของมันเรียกร้องความสนใจของคนร้ายให้หันไปมอง นั่นทำให้เจนน่าฉวยโอกาสพุ่งตัวเข้าไปเพื่อยื้อแย่งปืนที่อยู่ในมือของอีกคน"เชี่ย แสบนักนะพวกมึง!"เพราะความที่คนร้ายเป็นผู้ชายซึ่งมีแรงมากกว่า คนตัวเล็กอีกสองคนเลยวิ่งเข้าไปรุมทึ้งด้วย โดยนับหนึ่งใช้เชือกเส้นหนาที่ซื้อมารัดคอของคนร้ายสุดแรงจนเขาแทบลิ้นจุกปากเพราะขาดอากาศหายใจ ทว่ามือหยาบกร้านก็ยังคงจับปืนไว้มั่น ซึ่งพวกเธอแน่ใจว่าถ้าหากให้เขายิงป
"กลิ่นเหม็นคาวจากไหนวะ"เสียงแหบพร่าของชายวัยกลางคนดังขึ้นหลังจากที่ข้าวหอมเริ่มลงมือแง้มถุงเลือดหมูอย่างเงียบๆ ก่อนที่เธอจะค่อยๆนำของเหลวสีแดงฉานป้ายไปตามใบหน้าลำคอ รวมไปถึงเสื้อผ้าและผิวขาวทั่วตัว หากสังเกตเพียงเท้าที่คนใต้เตียงเห็น คนร้ายกำลังเดินวนไปรอบห้องคล้ายคนเมาเพื่อหาต้นตอของกลิ่น แต่เพราะความมืดที่แทบมองไม่เห็นทำให้เขาเดินเตะขาเก้าอี้จนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด"โอ้ย! แม่งเอ้ย ไอเก้าอี้บ้า กูนอนก็ได้วะ!"จากที่ทรงตัวไม่ค่อยอยู่กลายเป็นว่าสองขาของเขาเดินกะเผลกมาข้างเตียงแล้วทิ้งตัวลงด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่ปลายผ้าห่มผืนหนาจะถูกดึงขึ้นไป นั่นทำให้หญิงสาวสองคนรู้ว่าคนร้ายกำลังห่มผ้านอนแล้วมือเล็กของนับหนึ่งแกล้งดึงชายผ้าห่มที่โผล่พ้นใต้เตียงด้านข้างให้ขยับเบาๆเป็นการกระตุกขวัญให้คนบนเตียงกลัวเล่นๆ เพราะเตียงดูยวบยาบอยู่หลายหนนั่นดูเหมือนว่าคนร้ายจะนอนไม่สบายสักเท่าไหร่นับหนึ่งจึงคลานไปกระตุกชายผ้าที่ปลายเตียงแทน ผ้าห่มผืนหนาค่อยๆเลื่อนออกจากตัวของชายวัยกลางคนจนเขาสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ"คงไม่มีอะไรหรอก อิเด็กนั่นมันก็แค่พูดจาเพ้อเจ้อไปแบบนั้นแหละ"คนบนเตียงพึมพำกับตัวเ