อเล็กซิสคิดว่าบทลงโทษรุนแรงเกินไป แต่เมื่อลองคิดดูอีกที ข้อกล่าวหาเท็จสามารถทำลายชีวิตคนคนหนึ่งได้เลย ตัวอย่างแรก ทั้งเวด อเล็กซิส และออสโล่หมดสิทธิ์ในการเข้าชิงทุนทันที นี่คือตัวอย่างที่เบาที่สุดแล้ว บางทีบทลงโทษที่ว่าก็ฟังดูไม่เยอะเกินไป อย่างไรก็ตาม หากเจ้าหน้าที่พิสูจน์ได้ว่าคนที่เหลือบริสุทธิ์ บทลงโทษจำคุกตลอดชีวิตสำหรับเบลินดาก็อาจจะรุนแรงเกินไปสำหรับเด็กสาวที่กำลังมีอนาคต
เด็กสาวอ้อนวอนขอให้ลดโทษ แต่อเล็กซิสจับคำพูดเธอไม่ออกเท่าไร เพราะเบลินดาทั้งอ้อนวอนทั้งร้องไห้จนฟังไม่รู้เรื่อง
“คุณคาร์เตอร์ คุณทำใจให้สงบก่อน (ใครจะสงบได้ อเล็กซิสคิด) ถ้าการกระทำของคุณทำให้เราจับกุมกลุ่มต้องสงสัยหรือกลุ่มเสี่ยงได้ แม้คุณตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ หรือจะเพราะโชคช่วยก็ตาม เราจะลดหย่อนบทลงโทษที่ว่าให้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะยกเลิกการลงโทษทั้งหมด เพียงแต่จะเป็นวิธีอื่นแทน” หญิงสาวพลิกกระดาษบนตักไปมา ไม่ยี่หระต่อคนตรงหน้า “อีกเรื่องที่น่ายินดี นั่นคือเราไม่พบหลักฐานที่ว่าคุณเข้าข่ายกลุ่มต้องสงสัยหรือกลุ่มเสี่ยง ดังนั้น โปรดรอคำตัดสินของเพื่อน ๆ ก่อน เราจะกลับมาตัดสินการกระทำของคุณในขั้นสุดท้าย”
เธอจบบทสนทนาด้วยรอยยิ้มเสแสร้ง ส่วนเบลินดาคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่แล้ว บทลงโทษจำคุกคลอดชีวิตเท่ากับหมดอนาคต เด็กสาวคงไม่คาดหวังว่าจะมีบทลงโทษที่เบากว่านี้และทำให้เธอสบายใจขึ้นอีกแล้ว อเล็กซิสเกิดความรู้สึกกึ่ง ๆ ระหว่างสงสารเบลินดาและสมน้ำหน้าในเวลาเดียวกัน
เจ้าหน้าที่ชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามเวดหันเหความสนใจจากเบลินดามายังเด็กหนุ่มแทน เขาจัดกองเอกสารอยู่หลายรอบก่อนที่จะเริ่มต้นถามคำถาม
“คุณมิลเลอร์ โปรดตอบคำถามของพวกเราให้ดี คุณคิดอย่างไรกับรูปพวกนี้”
เขาโชว์รูปของปีเตอร์เดินอยู่ในสระน้ำ เนื่องจากเป็นรูปที่แคปมาจากวิดีโอ ภาพจึงไม่ค่อยชัดเท่าไร
เวดกลั้นหายใจ พร้อมที่จะตอบคำถามทุกอย่าง “พวกเราพยายามจะอัดวิดีโอเล่นมายากลเพื่ออัปโหลดลงในเว็บคอมมูนิตี้ของโรงเรียน คุณก็เห็นอยู่ว่ามีแผ่นกระจกอยู่ใต้น้ำ และเด็กหนุ่มสี่คนก็จับไว้อยู่ ผมเป็นคนอัดวิดีโอนี้เอง ในวิดีโอจะทำให้ดูเหมือนว่าเขาเดินในน้ำได้ พวกเรากะจะหลอกเพื่อน ๆ และคิดว่าจะอัปโหลดวิดีโอที่สองเพื่อเฉลยกล แต่ว่านะ ตอนนั้นผมเมามาก พอเห็นรูปตอนนี้แล้ว ดูยังไงก็ดูหลอกตาชัด ๆ”
หลังเวดตอบเสร็จ อเล็กซิสไม่ถูกกระแสไฟฟ้าช็อกแต่อย่างใด เธอตั้งใจฟังเป็นอย่างดี เพราะลึก ๆ รู้อยู่แล้วว่าเวดจะไม่โกหก แถมตัวเขาเองได้ลิ้มลองรสชาติความเจ็บปวดมาแล้ว คงรู้ดีว่ามันแย่แค่ไหน คำตอบของเขาชัดถ้อยชัดคำไม่มีสะดุดหรือตะกุกตะกัก อเล็กซิสคิดว่าเธอคงไม่โดนอะไร
“ดีมาก แล้วอันนี้ล่ะ” เจ้าหน้าที่โชว์อีกรูป มันเป็นยาเสพติดที่อยู่ในงานปาร์ตี้ มีทั้งห่อโคเคน บุหรี่กัญชา แล้วก็ถุงยาง
เวดสารภาพทันที “แค่ห่อเดียวที่เป็นของผม ที่เหลือของใคร ผมไม่ทราบครับ”
“อันไหนเหรอ”
“โคเคนที่อยู่ในถุงซิปล็อกสีฟ้าครับ”
“นี่พวกเธอจัดปาร์ตี้มั่วสุมกันแบบนี้บ่อยเลยเหรอ” เจ้าหน้าที่ทำเสียงหัวเราะเยาะ ส่วนคนที่เหลือเออออ
“หนึ่งครั้งต่อเดือน คุณว่าบ่อยหรือเปล่าล่ะ” เวดหยุดคิดสักพัก เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าปากเสีย เขามองอเล็กซิสเพื่อสำรวจให้แน่ใจว่าวิธีการตอบของเขาจะไม่ทำให้เธอโดนเล่นงาน อเล็กซิสบอกว่าไม่เป็นอะไร เวดจึงพูดต่อ “ไม่ครับ มันเป็นงานปาร์ตี้ธรรมดา คุณพบของพวกนี้ได้ทุกงานแหละ ทั้งงานปาร์ตี้ของเด็กและผู้ใหญ่มักมีของแบบนี้เสมอ”
“แต่มันผิดกฎหมายนะ แถมเธอยังเป็นผู้เข้าชิงทุนแล้วยังเป็นหัวหน้าทีมฟุตบอลอีกต่างหาก”
“ถุงยางก็ผิดกฎหมายเหรอครับ”
เจ้าหน้าที่ชายหันมามองอเล็กซิสด้วยดวงตาที่ทำให้เธอขนลุก เวดเข้าใจทันทีว่าตัวเองพูดไม่ถูก จึงรีบแก้ตัว “ผมผิดเองครับ ผมรู้อยู่เต็มอกว่ามันผิดกฎหมาย”
เจ้าหน้าที่พยายามอดทนต่อถ้อยคำและท่าทีกวนโอ๊ยของเด็กหนุ่ม เวดอาจติดนิสัยกวนประสาทอยู่บ้าง แต่เขาควรรู้ว่าเวลาไหนควรระงับปากตัวเองให้สงบ
“คุณมิลเลอร์ คุณถูกตัดสินว่ากระทำผิดด้วยข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองจำนวนต่ำกว่า 100 กรัม และจะถูกปรับเป็นจำนวนเงิน 50,000 เรล หรือจำคุกเป็นเวลาหนึ่งปี ถ้าหากเราสืบพบกลุ่มต้องสงสัยหรือกลุ่มเสี่ยง โทษของคุณก็จะเบาลง ซึ่งเราจะมอบโทษอื่นให้แทน เช่นเดียวกับคุณคาร์เตอร์ เราไม่พบว่าคุณมีคุณสมบัติตรงกับกลุ่มต้องสงสัยหรือกลุ่มเสี่ยง ดังนั้น โปรดรอคำตัดสินในขั้นสุดท้ายอีกที”
อเล็กซิสคาดการณ์ไว้แล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้ แต่เป็นเรื่องยากนักที่คนเราจะควบคุมอารมณ์ให้คงที่ได้ ในเมื่อคำตัดสินมันไม่ยุติธรรม
“ขอโทษนะครับ ผมต้องรอผลตัดสินขั้นต่อไปด้วยเหรอ ถ้าพวกคุณพบว่ามีกลุ่มต้องสงสัยหรือกลุ่มเสี่ยงอยู่ในนี้ ผมต้องเข้าโปรแกรมด้วยใช่หรือเปล่า เพื่อปิดปากผม ปิดปากพยานในห้องนี้ใช่ไหมล่ะ ผมรู้นะว่าพวกคุณคิดทำอะไร ถามหน่อยเหอะ มันเกี่ยวกับความผิดของผมยังไง ไม่ยุติธรรมเลย ผมต้องการที่จะจ่ายค่าปรับเท่านั้น”
เพียงเท่านั้น กระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างอเล็กซิสทันที เธอไม่อาจทำอะไรได้นอกจากกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด พวกเขาช็อกเธอเพียงหนึ่งวินาทีเหมือนกับเวด แต่เจ็บปวดราวกับไม่เคยเจ็บเท่าไหนมาก่อน ราวกับพลังงานในร่างกายถูกสูบออกไปจนหมด และเธอทำได้เพียงแค่พยายามหายใจอย่างยากลำบาก มือทั้งสองข้างบิดเกร็ง อเล็กซิสพยายามคุมสติเพื่อคุมอวัยวะที่กำลังสั่น
เครื่องจับเท็จที่ไหนกัน มีคนคุมมันชัด ๆ
“ขอโทษอเล็กซ์ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอเจ็บนะ” เวดขอโทษและหุบปากเงียบโดยปริยาย เขาสูญเสียความกล้าที่จะคัดค้านคำตัดสินที่ปราศจากความเที่ยงตรง นี่คือสิ่งที่บ่งบอกว่าคำเตือนของเจสซี่ไม่ผิดเลย คนพวกนี้คิดคำตัดสินมาแล้ว พวกเขาทำอะไรไม่ได้นอกจากฟังคำพูดงี่เง่าที่คนเหล่านี้พ่นออกมา
“มีอะไรจะพูดอีกหรือเปล่า คุณมิลเลอร์”
เวดกลืนน้ำลาย “ไม่มีแล้วครับ”
“ดี”
อเล็กซิสคอตก ผิดหวัง เจสซี่อาจจะพูดถูกแต่ไม่ถูกทุกเรื่อง อย่างน้อย เขาแค่คาดการณ์ถูก ว่าหากคนใจคดขึ้นมามีอำนาจ คนพวกนี้ย่อมใช้อำนาจในทางที่ผิดตามนิสัย คนพวกนี้เลือกที่จะรังแกคนที่อ่อนแอกว่าโดยไม่สนถูกผิด เหมือนอย่างกรณีของนายมิลเลอร์ พ่อของเวด ที่ปฏิบัติกับพวกตำรวจด้วยการข่มขู่เพื่อหวังจะช่วยลูกชายของเขา แต่ผลลัพธ์มันกลับตรงกันข้าม การกระทำของเขากลับกลายเป็นช่องทางให้คนพวกนี้รังแกลูกชายของเขาแทน และที่สำคัญ เวดมองออกว่าทางการพยายามจะปิดปากพวกเขาด้วยการสอบสวนที่แสนโหดร้ายและคำตัดสินทุเรศแบบนี้ อเล็กซิสรู้สึกว่าคนจากรัฐบาลพยายามที่จะยัดข้อหาในสิ่งที่พวกเขาไม่ได้ทำ เธอพยายามเตรียมใจน้อมรับต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อถึงตาของเธอ
อเล็กซิสใช้เวลาอยู่ประมาณหนึ่งกว่าจะค้นหาคำตอบได้ว่าทำไมเจ้าหน้าที่พยายามยัดข้อหา เพราะถ้าเหล่าวัยรุ่นกลุ่มนี้ได้รับการปล่อยตัวทั้งหมด รัฐบาลจะกลายเป็นองค์กรหน้าโง่ในสายตาประชาชนทันที เพราะพวกเขาเชื่อคำโกหกของเบลินดาโดยไม่สืบสวนให้ดีเสียก่อน อเล็กซิสคิดว่าเธอรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเธอ เด็กสาวกำหมัดแน่น ไม่เอาน่า เราจะผ่านมันไปได้ ฉันจะพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นเองว่าพวกเขากำลังข่มขู่คนบริสุทธิ์ พวกเขาไม่มีทางยัดข้อหาเราได้แน่
เจ้าหน้าที่สาวตรงหน้าเผยอรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่อ่อนหวานในแบบที่ฆาตกรโรคจิตยิ้มให้เหยื่อก่อนจะสังหารทิ้งอย่างโหดร้าย
“คุณเดวิส คุณตอบพวกเราได้ไหมว่า ที่คุณสตีเว่นพยายามจะปกปิดความสามารถพิเศษของคุณ มันเป็นความสามารถแบบไหนกันแน่”
อเล็กซิสรู้สึกได้ว่าพวกเพื่อน ๆ กำลังมองเธออยู่ แต่เธอไม่เข้าใจ พยาบาลคนนั้นเกี่ยวกับอะไรกับเธอ “คุณสตีเว่นเหรอคะ” อเล็กซิสเจอกับนางพยาบาลคนนี้บ่อย ๆ เมื่อตอนเด็ก แต่นานมาแล้ว ถ้าให้พูดตรง ๆ แมรี่ สตีเว่นไม่ได้สนิทกับครอบครัวเธอเท่าไร และเบียนน่า แม่ของเธอก็ไม่ชอบให้อเล็กซิสไปเล่นกับนางพยาบาลคนนี้ด้วย
หางตาข้างซ้ายทันเห็นว่าออสโล่ทำตัวลีบ เหมือนกลัวว่าจะถูกไฟฟ้าช็อก แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีใครเป็นอะไร
เราพูดความจริงนี่นา และเราก็รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ เว้นเสียแต่ว่าจะมีคนกดปุ่มทำร้ายพวกเรามากกว่า
“ใช่จ้ะ แมรี่ สตีเว่น” เจ้าหน้าที่ย้ำคำ แต่เด็กสาวยังคงงุนงง
อเล็กซิสส่ายหน้า “หนูไม่ทราบจริง ๆ ค่ะ ไม่เข้าใจเลย ด้วยความสัตย์จริง”
และออสโล่ยังคงปลอดภัยดี
เจ้าหน้าที่สอบสวนหันไปปรึกษากัน อเล็กซิสมองสำรวจไปรอบห้อง เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายทำหน้านิ่งราวกับรูปปั้นหินอ่อน อเล็กซิสพยายามมองหาชื่อของตำรวจสาวเหมือนที่เคยทำกับเจ้าหน้าที่คนอื่น แต่ผมเปียหางปลาของหญิงสาวบังป้ายชื่อเธอเอาไว้ไม่กี่นาทีต่อมา เจ้าหน้าที่สาวกลับมาสอบสวนอเล็กซิสต่อ“คุณเดวิส โปรดมองที่หน้าจอนี้นะ” อเล็กซิสเงยหน้า จ้องแผนผังภายในสถานีตำรวจบนจอภาพแบนขนาดประมาณหนังสือเล่มใหญ่เล่มหนึ่ง เธอไม่เคยเห็นเทคโนโลยีล้ำสมัยเช่นนี้มาก่อน เพราะว่าเพียงแค่เจ้าหน้าที่สัมผัสหน้าจอ ทุกอย่างก็ปรากฏขึ้นเองราวกับมีเวทมนตร์ เพียงแค่สัมผัสก็ควบคุมแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้ผ่านหน้าจอเท่านั้น เจ้าหน้าที่สอบสวนหญิงนับหนึ่งถึงสิบแล้วส่งสัญญาณให้นายตำรวจโจเซฟปลดล็อกข้อมือข้างขวาของเธอ “ช่วยวาดแผนผังเมื่อครู่ให้ทีนะจ๊ะ” เธอสั่งแล้วคว่ำหน้าจอลง“ข้างซ้ายค่ะ” อเล็กซิสบอกกับนายตำรวจ เขาพยักหน้าแล้วเปลี่ยนมาปลดล็อกมือข้างซ้ายแทนพวกเขาให้กระดาษใสกับปากกาสีดำมาอย่างละหนึ่ง อเล็กซิสเริ่มวาดแผนผังตามความจำของเธอ ซึ่งใช้เวลาประมาณห้านาทีเท่านั้
ภายใต้หลอดไฟดวงเล็กที่ส่องแสงสลัวอยู่บนเพดานสีขาวอมเทา อเล็กซิสไม่รู้สึกว่าตัวเองอยู่ในห้องขัง แต่กำลังเวียนว่ายหาฝั่งอยู่ในทะเลแห่งความสิ้นหวัง บางทีเวดและออสโล่อาจจะกำลังแหวกว่ายอยู่ที่ไหนสักแห่งในมหาสมุทรแห่งเดียวกัน เพียงแต่เธอมองเห็นแค่มวลน้ำที่โอบล้อมรอบกาย พวกเขากำลังจมดิ่งลงไปในก้นทะเลลึก ต่อให้พยายามตะเกียกตะกายขึ้นฝั่งเท่าไร สุดท้ายก็หมดแรงสายตาของเธอเหลือบมองเวดและเบลินดา แม้มันไม่ใช่ความผิดของเธอจริง ๆ แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด พ่อของเวดสามารถจ่ายค่าปรับจำนวนนั้นได้สบาย ๆ และพาเขาออกจากที่นี่ เขาจะกลับไปใช้ชีวิตเดิมได้ ถ้าหากไม่พบว่ามีกลุ่มต้องสงสัย ส่วนเบลินดาอาจหาทนายความช่วยต่อสู้คดีเพื่อลดหย่อนโทษต่อไป คำตัดสินที่พวกเขาได้รับเมื่อครู่ ไม่ต่างจากถูกจำคุกตลอดชีวิตเวดทิ้งตัวนอนราบไปกับพื้น รอยช้ำมากมายปรากฏอยู่บนแขนและไหล่ของเด็กหนุ่ม พอเสร็จสิ้นกระบวนการสอบสวน เมื่อพวกตำรวจปลดล็อกแขนทั้งสองข้าง เขาพุ่งตัวหมายเข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐทันที แต่โชคยังดี ใช่ โชคยังดี อเล็กซิสใช้คำถูกแล้ว โชคดีที่ตำรวจสองนายสกัดไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นเวดคงโดนโทษหนั
“ก่อนที่พวกเธอเกิด รัฐบาลก่อตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อไล่ล่ากลุ่มเสี่ยงโดยเฉพาะ แต่เพราะคนกลุ่มนี้เริ่มปิดบังตัวตนจากภัยคุกคามที่จะมาถึงตัว การตามล่าจึงลำบากขึ้นกว่าเดิม รัฐบาลจึงประกาศคุณลักษณะของกลุ่มเสี่ยงออกมา จากนั้นจึงมีการบัญญัติคำว่า ‘กลุ่มต้องสงสัย’ เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคำ ดังนั้น คำนี้จึงถูกใช้เพื่อระบุกลุ่มคนที่มีแนวโน้มจะเป็นกลุ่มเสี่ยงแต่ยังไม่มีอาการบ่งชี้ ตอนนั้นผู้คนบางส่วนต่อต้านและพวกเขาพ่ายแพ้ให้กับอำนาจรัฐ แต่ก็ใช่ว่ารัฐบาลจะปกครองสหพันธรัฐได้อย่างสงบสุข มีการจลาจลเกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน พอมีคนก่อจลาจล รัฐบาลกวาดล้าง จากนั้นก็มีกลุ่มใหม่มาก่อความไม่สงบอีก วนเวียนอย่างนี้เรื่อยมาไม่รู้จบ ผู้ที่คุมรัฐบาลรู้ดีว่า หากปล่อยให้ประชาชนคิดว่ารัฐบาลควบคุมมากเกินไป เมื่อนั้นปัญหาจะไม่มีทางจบสักที ด้วยเหตนี้ พวกเขาจึงปล่อยให้ประชาชนคิดว่ารัฐบาลยังอยู่ในกรอบอำนาจที่ประชาชนมอบให้ ต่อมา ทางการประกาศยกเลิกหน่วยพิเศษนี้เพื่อตอบรับและลดกระแสต่อต้าน แต่หน่วยงานนี้ยังคงทำงานกันอย่างลับ ๆ จนถึงทุกวันนี้”“ครูรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไงคะ” อเล็กซิสถาม
วันต่อมา ครอบครัวของวัยรุ่นทั้งสี่ได้รับคำสั่งอนุญาตให้เข้าเยี่ยม เอโลดี้มาพร้อมกับครอบครัวอเล็กซิสและเอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว เพื่อนซี้ของเธอเอาแต่โทษตัวเองที่เป็นสาเหตุให้อเล็กซิสถูกจับและถูกกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มต้องสงสัย อเล็กซิสต้องใช้เวลาอยู่พอสมควรเพื่อปลอบไม่ให้เอโลดี้รู้สึกผิด ทั้งที่เธอควรจะเป็นฝ่ายได้รับการปลอบโยนมากกว่า พ่อของเธอพูดกับเอโลดี้ว่า ถึงแม้อเล็กซิสไม่อยู่ในงานปาร์ตี้ ลูกสาวของเขาก็จะโดนจับอยู่ดี เพราะคำสารภาพของแมรี่ สตีเว่น (หรือพูดให้ถูกคือ ถูกบังคับให้สารภาพ) ทำให้พวกตำรวจไปตามจับเด็กที่ถูกแก้ประวัติเพิ่ม“หนังสือพิมพ์ลงข่าวว่า นักเรียนหัวกะทิแห่งซานโบซ่าข้องเกี่ยวกับยาเสพติด ไม่รู้ว่าเขียนข่าวมั่วซั่วแบบนั้นได้ยังไง” เจสซี่บ่น“พวกนักข่าวก็คงถูกบังคับให้เขียนรายงาน ไม่ได้ตั้งใจหรอกลูก” พ่ออธิบาย เขาเข้าใจสถานการณ์มากกว่าลูกชาย“อย่างน้อยก็ไม่มีชื่อพวกเราในนั้นใช่ไหม”“ไม่มี ถ้ามีพี่จะฟ้อง”“พี่พูดเหมือนคุณมิลเลอร์เลย!”อเล็กซิสสังเกตเห็นว่าแม่และไบรซ์ไม
“...ฉันจำได้ว่ามีแสงจ้า จ้ามาก ๆ ตอนนั้นก้นยังไม่แตะเก้าอี้เลยด้วยซ้ำ เชื่อไหม จู่ ๆ ก็มองไม่เห็นอะไรเลย แสงมันสว่างจ้าจนต้องหลับตา เหมือนตาบอดอยู่ชั่วขณะ แล้วหน้าก็ร้อนไปหมด พวกตำรวจพยายามจะหยุดซอนย่า ฉันได้ยินเสียงปืนด้วย เธอคงพยายามจะหนี ฉันได้ยินแค่เสียงเท่านั้น เลยไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนะ รู้แต่ พวกตำรวจพยายามจะหยุด แต่ก็ยังไม่ทัน”“เล่ามาตั้งนาน สรุปแล้ว พลังพิเศษที่ว่าคืออะไรวะ” เวดถามจี้“แสงไง ก็บอกแล้วว่าเป็นแสงจ้า ๆ”“แสงอะนะ”“ใช่ แสง” แอนโธนี่ย้ำเวดหันมาหาเธอ “ไม่เข้าใจแฮะ แสงทำอันตรายคนเราได้ด้วยเหรอ”“คงเหมือนกับเวลาที่เรามองพระอาทิตย์ตอนเที่ยงไม่ได้ แสงมีความร้อนนะ” อเล็กซิสเดาก่อนหันกลับไปทางแอนโธนี่ “แบบนี้ใช่หรือเปล่า”“ใช่ ๆ ประมาณนั้นแหละ หรือไม่ก็...ซอนย่าอาจจะควบคุมแสงได้ หลังจากที่ทุกอย่างสงบ พอลืมตาได้ ฉันเห็นหลอดไฟแตกหมดเลย มีเด็กผู้หญิงสองคนได้รับบาดเจ็บ ผิวไหม้ แล้วก็ลืมตาไม่ขึ้น พวกเธอถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลแล้ว
บรูซจับแขนเธอ “ทางนี้แหละ เรามีตู้โทรศัพท์ตั้งหลายที่ แม่หนู เธอลืมไปแล้วเหรอ ว่าฉันทำงานที่นี่”เขาพูดถูก แต่อเล็กซิสรู้สึกไม่ดีเลย เด็กสาวค่อย ๆ ดึงมือเขาออกอย่างสุภาพ “แล้วใครโทรมาเหรอคะ เรื่องด่วนที่ว่า เกี่ยวกับอะไร”“ถ้าเธอถามอีกรอบ ฉันจะตบให้หายสงสัยเลย เชื่อไหม”เขาถอดหน้ากากคุณลุงใจดีออกเรียบร้อยแล้ว อเล็กซิสใจสั่น เธอมองไปข้างหน้าซึ่งไม่ได้ทำให้เธอไว้ใจเขามากขึ้นเลย อย่างไรก็ตาม เด็กสาวพยักหน้า แต่พอนายตำรวจหันกลับไป เธอวิ่งหนีทันที“ช่วยด้วย”วัตถุแข็งบางอย่างกระแทกเข้ากับหลัง อาจเป็นไม้กระบอง ความเจ็บปวดเฉียบพลันทำให้เธอชะงักฝีเท้า นายตำรวจคว้าตัวเด็กสาวไว้ได้ทัน เขาปิดปากเพื่อกันไม่ให้เธอร้องแล้วลากตัวเธอกลับไป อเล็กซิสถูกจับโยนเข้าไปในห้องเก็บของ พอเธอเงยหน้าขึ้นจึงเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถูกล่ามโซ่ทั้งแขนและขาติดกับกำแพง ที่ตามีผ้าปิดตาคาดไว้ ตรงปากมีเทปปิดทับเช่นกัน ผมสีดำของเธอหลุดลุ่ยออกจากเปียทั้งสองข้าง เด็กสาวมีรอยช้ำและรอยเลือดทั่วตัว สิ่งที่น่าสยดสยองกว่าอะไรทั้งห
ทั้งสองไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นวายร้ายในคราบตำรวจจิตใจดี มือแข็งแรงข้างหนึ่งยึดข้อเท้าเธอไว้แล้วลากกลับมา อเล็กซิสทรงตัวไม่อยู่จึงหน้าคะมำล้มลงกับพื้น ครั้งนี้ คางฟาดกับพื้นไปด้วย เธอได้ชิมเลือดตัวเองจนได้ คาเมรอนโกรธเลือดขึ้นหน้า เขาใช้ไม้กระบองฟาดตัวเด็กสาวอย่างแรง ทุกแรงกระทบเจ็บไปถึงกระดูก นี่คงเป็นความรู้สึกของเวดในตอนนั้น อเล็กซิสยกแขนขึ้นป้องกัน สู้ไม่ถอย เธอได้กลิ่นเหงื่อของมัน และสุดท้าย เขานอนกดเธอไว้สำเร็จ มือสกปรกล้วงเข้าเสื้อชั้นในทันที เด็กสาวไม่สามารถร้องขอความช่วยเหลือได้อีกต่อไปเพราะถูกปิดปากไว้สนิท คาเมรอนยั้งมือชั่วครู่เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครได้ยินก่อนจะพยายามรุกล้ำเสื้อผ้าของเหยื่อต่อ“คาเมรอน ฉันว่าพวกเขาได้ยินว่ะ ถ้า...โจเซฟมา พวกเราตายแน่”“หุบปาก ไอ้ขี้ขลาด แกออกไปเช็กสิวะ ฉันขอสั่งสอนยัยตัวแสบนี่สักหน่อย”พวกคุณต้องได้ยินบ้างเซ่ อเล็กซิสหวังว่าตำรวจสองนายจะสังเกตเห็นหรือรับรู้ว่ามีอาชญากรรมอุบาทว์เกิดขึ้นในโรงพักที่ตัวเองประจำอยู่ มันเป็นเพียงความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ของเหยื่อหรือพวกเขาแค่เมินเฉยต่อเรื่
อากาศวันนี้สดใส ปกติแล้วท้องฟ้าในหน้าร้อนมักเป็นแบบนี้เสมอ ปลอดโปร่งปราศจากเมฆสีดำ มีเพียงปุยเมฆสีขาวช่วยแต่งแต้มลวดลายบนพื้นนภาสีฟ้า เธอรู้สึกราวกับว่าไม่ได้เห็นท้องฟ้าแบบนี้มาเป็นแรมปี เหมือนวันเวลาที่ผ่านมา เธอเอาแต่นั่งจ้องเพดานโล่ง ๆ อยู่ในห้องขัง ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน แสงอาทิตย์ด้านนอกเจิดจ้า โชคดีที่มีลมเย็นสบายพัดผ่าน แสงสีทองจึงทำได้เพียงส่งไออุ่นมากกว่าทำให้บรรยากาศร้อนอบอ้าว เพราะลมได้บรรเทาความร้อนไปแล้ว“Head homeward, little bird,Fly up high, Thou art free,Misery is no more,Time means not to thee”“ทำไมฉันถึงได้ยินเสียงคนร้องเพลง มีคณะประสานเสียงของโรงเรียนมาด้วยเหรอ”“เปล่า ครอบครัวโรมูลเลอร์ขอให้คณะประสานเสียงจากในโบสถ์มาร้องเพลงที่นี่ ร้องให้กับเด็กที่ตาย พวกเขาคิดว่า วิธีนี้จะช่วยนำพาจิตวิญญาณของเธอไปยังที่ที่ควรไป”“ไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้เลยแฮะ”ไบรซ์ยักไหล่ขึ้น “จะให้พวกเขาทำอะไรเพื่อคนตายล่ะ พวกเราไม่รู้วิธีสื่อส
อ้อ ไม่นับว่าหากเบนคนเดียวอยู่กับผู้หญิงมากกว่าหนึ่ง ข้อนี้ยกเว้น พวกเขาไม่สามารถมองหน้ากันระหว่างทำเรื่องแบบนี้ได้ เขาไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ทั้งที่สามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกันได้แท้ ๆอเล็กซ์เลื่อนสายตามองไปทางอื่นเมื่อเห็นท่าทางยั่วยวนของซาร่าห์ “เอ่อ ล้อเล่น ช่างมันเถอะ คือ ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าหิว ก็เลยออกมา แล้วจากนั้นก็ได้ยินเสียง...เสียงนั้นนั่นแหละ” เขาหรี่ตามองทั้งคู่พร้อมรอยยิ้มร้ายแน่นอนว่าอเล็กซ์ต้องคุ้นกับเสียงของซาร่าห์ พวกเขาคบหาเป็นคู่รักกันตั้งสองสามสัปดาห์ก่อนที่เบนจะทำลายความสัมพันธ์ลง อย่างน้อย ตอนนี้ทั้งสองต่างคุยกันอย่างปกติ เหมือนเพื่อนที่ดีต่อกัน“มันยากนักเหรอไง ที่จะหาผู้ชายสักคน” อเล็กซ์ถามอดีตแฟน “ที่ดีกว่าหมอนี่?”“ใช่” ซาร่าห์สารภาพระหว่างสางผมสีทองของตัวเอง “ที่นี่ไม่ได้มีหนุ่มฮอตเยอะแยะสักหน่อย แถมส่วนใหญ่ก็ดูจะไม่สนใจพวกผู้หญิงกันแล้ว...รวมถึงนายด้วย”“เปล่าซะหน่อย...” อเล็กซ์เม้มปาก “ก็พวกเรากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว”
เขาพยายามคิดว่าอเล็กซิสจะอยู่ที่ไหน บางทีอาจเป็นห้องฉายภาพยนตร์ เท่าที่เห็น เด็กสาวดูไม่น่าจะชอบที่จอแจ หากเป็นพวกผู้หญิงที่ง่ายหน่อยก็ไม่ต้องใช้เวลามาก แต่กับอีกประเภท ชั้นเชิงเป็นสิ่งจำเป็น แต่เด็กคนนี้ยังเด็กอยู่เลย บางทีอาจไม่ต้องใช้เวลามากก็ได้มั้ง แค่ให้ไอ้หัวทองไปไกล ๆ ก็พออย่างไรก็ตาม เขาไม่เจออเล็กซิสอยู่ดี เขาเจอผู้หญิงอีกคนเขาไม่แปลกใจที่เห็นเธอยืนเหมือนรออยู่แล้ว หญิงสาวยืนพิงกำแพงส่งยิ้มงาม เธอเคยสวยกว่านี้ เบนคิด วันเวลา สภาพที่ถูกกักขังในสถานที่ปิดลดทอนความสดใสในตัวคน ซาร่าห์ตรงหน้าเขาไม่ต่างจากกุหลาบใกล้ตาย เธอบิดริมฝีปากกึ่งเหยียดกึ่งยินดีเมื่อเขายิ้มให้เธอ เขารู้ว่าเธอต้องการอะไร หญิงสาวอาจไม่ผ่านบททดสอบ และแม้ดอกไม้ดอกนี้กำลังแห้งเหี่ยว แต่มันก็ยังดูสวยสง่าในแบบของมัน“ตายแล้ว นี่คือแบตเตอรี่ที่กำลังเสื่อมสภาพหรือเปล่า” ปากเธอว่าอย่างนั้น แต่มือกลับคล้องคอเขา ไม่ว่าจะอยู่ระดับไหน อีตัวก็คืออีตัวอยู่วันยังค่ำ กลิ่นน้ำหอมของหญิงสาวแตะจมูก มันเป็นกลิ่นกุหลาบ“เธอเคยเห็นกระป๋องซุปข้าวโพดที่ไม่ม
เขาเดินเตร็ดเตร่ไปตามทาง พวกเขาอาจจะถูกปล่อยให้เน่าตายอยู่ในนี้ก็ได้ทั้งสองคนตกนรกมาเกือบเดือน มันเริ่มมาจากคืนนั้น เบน อเล็กซ์ และซาร่าห์ ดื่มมากเกินไปหน่อย หรืออาจจะเรียกว่า บริโภคแอลกอฮอล์ไปเกือบถัง ไม่ใช่ถังปกติ แต่ระดับถังกักเก็บน้ำก็เป็นได้ ปกติแล้ว เท่าที่เบนศึกษาจากตัวพวกเขาเอง มนุษย์ที่มีพรสวรรค์ต้านทานฤทธิ์แอลกอฮอล์และยาได้ดีกว่าคนทั่วไปมาก หรืออาจจะเรียกว่าของพวกนี้ทำอะไรเขาไม่ได้เลย อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเขาสูบหรือดื่มในปริมาณขนาดนั้น สุดท้าย ร่างกายก็ยอมแพ้อยู่ดี เมื่อสมองถูกแอลกอฮอล์หรือยาสักชนิดเล่นงาน สติค่อย ๆ ลดลง มันเป็นความประมาทเลินเล่อของพวกเขาด้วย วันนั้น ในห้องเพนต์เฮาส์ของอเล็กซ์ (ของอเล็กซ์จริง ๆ ไม่ใช่ของครอบครัว) ด้วยปราศจากสติสัมปชัญญะ พวกเบนทำเรื่องโง่เง่าที่สุดลงไป นั่นก็คือแสดงพลังเพื่อข่มกันและกันเบนค้นพบความสามารถเหนือมนุษย์มาตั้งแต่เด็ก ส่วนอเล็กซ์ได้รับพลังพิเศษมาจากอุบัติเหตุ สำหรับซาร่าห์ เขาไม่แน่ใจว่าเธอได้มาได้อย่างไร เพราะเธอไม่เคยเล่าให้ฟัง วันนั้นพวกเขาเพียงแค่แสดงความสามารถที่มี ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าคนใกล้ชิดคิดทรยศ
เครื่องตรวจจับควันถูกติดตั้งแทบทุกตารางนิ้ว ยกเว้นห้องใหม่ที่เพิ่งเปิด พวกเขานึกขอบคุณความสะเพร่าของเจ้าหน้าที่ติดตั้งระบบ เบนกับอเล็กซ์จึงได้โอกาสสูบกัญชาอัดปอดกันอย่างสนุกสนาน โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีสิ่งรบกวน น่าแปลกที่ว่า เบนควรรู้สึกว่าเป็นผู้ชนะ (ซึ่งตอนแรกก็รู้สึกแบบนั้น) ทว่าอารมณ์เริงร่ายินดีกับเรื่องนี้หมดลง เมื่อเพื่อนเพียงคนเดียวที่เขามีอยู่ทำตัวแปลกไป นับวันอเล็กซ์ยิ่งมีอาการแย่ลง แย่ลง เขาเอาแต่สิงอยู่ในท้องฟ้าจำลองตั้งแต่ที่พบว่ามันเป็นเขตปลอดเครื่องดักจับควัน คิดไปว่าห้องนี้คือพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง เบนมองว่าอเล็กซ์คงเลือกนอนตายในห้องนี้แน่นอนอเล็กซ์ค่อนข้างหงุดหงิดในช่วงแรกที่คนอื่นรู้ว่ามีห้องใหม่ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ชอบหรือตื่นเต้นไปกับดวงดาวเท่าไรนัก (เหมือนกับเบน) มีไม่เยอะนักที่จะมานั่งแช่นาน ๆ ดังนั้น ไม่กี่วันผ่านไปจึงเหลือไม่กี่คนที่เข้ามาดู อีกเหตุผลหนึ่งที่แขกมีจำนวนน้อย เพราะอเล็กซ์สูบบุหรี่ เมื่อเขาเริ่มจุด คนเริ่มทยอยหนีออกไป เพราะเหตุนี้ ห้องจึงมีกลิ่นกัญชาเกือบตลอดเวลา อเล็กซ์รู้วิธีไล่คนออกไปจากห้อง เขาต้องการยึดห้องนี้ไว้คนเดียว&
อเล็กซิสมองตาม เห็นอดีตประธานนักเรียนกำลังนั่งคุยอยู่กับเพื่อนกลุ่มใหม่อย่างสนุกสนาน เบลินดาปรับตัวกับสถานที่แห่งนี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติเหมือนกับที่เวดทำได้ คงเป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาเหมือนกัน เธอดูมีความสุขมากขึ้น หากนับจากวันที่ถูกจับมาด้วยกัน“นายยังคุยกับคาร์เตอร์อยู่ ฉันเห็น” อเล็กซิสพูด “นายไม่โกรธเธอเลยเหรอ”เขาสั่นหัว “หายโกรธไปแล้ว พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่นา ฉันค่อนข้างเห็นใจเบลนะ พวกเธอสองคนเย็นชาใส่เขามากไปหน่อย”อเล็กซิสจ้องตาออสโล่เขม็ง ชี้นิ้วไปที่หน้าตัวเอง “ฉันเนี่ยนะ เย็นชาเหรอ เขาตั้งใจจะให้ฉันถูกจับเลยนะ”“ฉันรู้ ๆ อย่างน้อยเธอก็แค่ไม่สนใจเบล ก็ยังดี ฉันก็ไม่ได้จะว่าเธอสักหน่อย”อเล็กซิสถอนหายใจอย่างแรง “ออสโล่ ฉันรู้ว่านายใจอ่อนง่าย โอเค ฉันอาจไม่บ่น ไม่กล่าวโทษคาร์เตอร์ แต่ฉันอดไม่ได้ที่จะเตือนนายให้ระวังคนแบบนี้ ฉันไม่รู้ว่าคาร์เตอร์คิดอะไรอยู่ แถมเธอยังไม่เคยขอโทษพวกเราเลยด้วยซ้ำ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายยังคุยกับคนแบบนั้นได้ นับถือจริง ๆ”“
วินาทีที่อเล็กซิสหันไปมอง เด็กคนนั้นมองกลับมาอย่างรวดเร็ว มันเป็นความรู้สึกที่ประหลาด เขามักจะมองกลับมาเร็วเสมอเหมือนรู้สึกตัวตลอดเวลาว่ามีคนมองอยู่ รูปลักษณ์ของเขาดึงดูดสายตาของอเล็กซิสได้สนิท ทั้งผมสีเงินและดวงตาสีฟ้าเข้ม สีหน้าของเขาเหมือนกับกระจกสะท้อนสีหน้าของอเล็กซิสเช่นกัน เธอสอดสงสัยไม่ได้ว่าเขามีเรดาร์ติดตัวหรืออย่างไร ในเมื่อเขาสามารถจับสายตาคนได้ตลอด เธอจำเด็กหนุ่มคนนี้ได้ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงที่นี่ พวกเขาเหมือนรู้จักกันมาก่อน อันที่จริง ควรใช้คำว่า พอคุ้นหน้าคุ้นตามากกว่า“เด็กคนนั้น” โนเอลพึมพำ “เขาไม่คุยกับใครเลย พวกเราพยายามจะเป็นเพื่อนกับเขา แต่เขากลับอยากอยู่คนเดียว เป็นเด็กที่แปลกจริง ๆ ไม่มีใครรู้ชื่อเขาเลยด้วย”“ไมเคิล” อเล็กซิสตอบ“เธอรู้จักเขาเหรอ” เวดถาม เริ่มกระวนกระวายขึ้นมาทันที“อื้อ เราเคยเจอกันนานพอสมควร ฉันว่าเขาน่าจะเป็นคนขี้อายมาก ๆ ...หรือไม่ก็ ไม่ชอบเข้าสังคม ไม่สิ ไม่ชอบคน”“แล้วไปรู้จักกันตอนไหน”“ตอนที่ไปเทสต์หน้ากล้อง”
“หวัดดี พวกนาย!” เทสซ่าเดินเข้ามา สวยเด่นมาแต่ไกล พอมาถึงก็เอามือเท้าเอว ส่วนอีกข้างเกาะขอบเก้าอี้ไว้ เทสซ่าสวมเสื้อสายเดี่ยวสีดำครึ่งตัวกับกางเกงทหารสีกากี ศีรษะของเธออยู่ประมาณหูของอเล็กซิส“ได้เวลาพอดีเลย ลุยเลยเพื่อน!” เวดเชียร์เมื่อพวกพี่น้องโธมัสโผล่มาเทสซ่าอายุสิบเก้า เป็นเพื่อนคนแรกของพวกเขา เธอทำตัวเหมือนกับเป็นเจ้าของที่นี่ คอยให้คำแนะนำและพาเดินชมรอบ ๆ จนพวกอเล็กซิสรู้ว่าที่ไหนเป็นอะไรบ้าง พวกเทสซ่าแทบจะเป็นประชากรกลุ่มแรกเลยก็ว่าได้ เพราะอยู่ที่มาก่อนเด็กซานโบซ่าราว ๆ สามอาทิตย์ เธอเล่าว่า ตอนแรกมีคนไม่เยอะเท่าไรนัก แต่เมื่อมีหน้าใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ ที่นี่ก็เริ่มแน่นขึ้นอย่างที่เห็น“อเล็กซิสจ๊ะ ฉันแอบเห็นเธอถามหาจอห์น ลีลอยด์ที่โรงหนังด้วยนะ ถ้าพวกฉันไม่เห็นเขา ก็ไม่มีใครเห็นแล้วล่ะ เชื่อเถอะ” เทสซ่าว่า สายตามองไปยังเสื้อแจ๊กเกตของเพื่อนสาว “ตัวนี้ก็สวยจัง”ส่วนอีกสองคนที่อยู่ข้างหลังเทสซ่าคือ มินนี่และโนเอล มินนี่เป็นน้องเล็กสุด อายุสิบเจ็ดปี แม้จะเป็นพี่น้องกัน แต่มินนี่ไม่เหมือนเทสซ่า เด็กสาว
เสียงเพลงในเลานจ์ดังพอสมควร แม้ดนตรีจะเป็นแจ๊สแต่ก็ออกมาจากตู้เพลง หาใช่ฝีมือนักดนตรีไม่ ครั้งแรกที่เธอเข้ามาที่นี่อดทึ่งและประหลาดใจไม่ได้เมื่อเห็นทุกสิ่งทุกอย่างขับเคลื่อนอัตโนมัติ ปราศจากหุ่นยนต์หรือแรงงานมนุษย์คอยควบคุม หรืออาจจะอยู่เบื้องหลัง มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายคอยปรนเปรอ ทุกอย่างเหมือนดีกว่าที่คิดไว้ อย่างน้อยเธอยังมีเพื่อน ทว่าความเหงาไม่ได้ทุเลาลงเลยหากอยากฟังเพลงอะไร อยากดื่มอะไร เพียงใช้ปลายนิ้วสัมผัสหน้าจอหรือออกคำสั่งด้วยเสียง ไม่กี่วินาทีของที่สั่งก็ถูกนำมาเสิร์ฟ เธอเคยเห็นเทคโนโลยีแบบนี้แค่ในหนังเท่านั้น รัฐบาลโกหกประชาชนไว้หลายอย่าง พวกเขาปิดกั้นความรู้ไม่ให้ชาวนิวโฮปเข้าถึงดั่งอดัมกับอีฟ ทุกคนอยู่ในโลกอนาคต แต่กลับใช้ชีวิตเหมือนคนในยุคก่อน และความจริงที่เธอรับรู้ในตอนนี้อาจเป็นเพียงความจริงเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของความจริงทั้งหมดก็ได้ไม่มีใครให้คำตอบหรืออธิบายข้อสงสัยอะไรทั้งสิ้น คนที่ถูกจับทั้งหมดถูกทิ้งให้ใช้ชีวิตอยู่ในเกาะปลีกวิเวกสุดหรู อเล็กซิสเฝ้าถามตัวเองว่า ที่นี่มีไว้ทำอะไรกัน เธอไม่รู้ว่ามันอยู่ไกลกว่าบ้านหรือเปล่า หรือว่าอยู่ใน
“เออ ไม่มีน่ะสิ”พวกเขาหยุดอยู่หน้าประตูโลหะสีดำ มันเป็นสีดำ เพราะอย่างนี้นี่เอง ห้องนี้จึงโดดเด่นขึ้นมาจากห้องอื่น เพราะสีที่ต่างกับที่อื่นทำให้เบนรู้สึกถูกใจขึ้นมาทันที แม้ยังไม่เห็นว่าข้างในเป็นอย่างไรก็ตาม สีดำเป็นสีคลาสสิกและสะท้อนรสนิยม เพราะสีดำมีสไตล์ในตัวมันเองอเล็กซ์เปิดประตูนำเข้าไป ดวงตาสีดำเปิดประกายเจิดจ้าขึ้นทันทีที่ก้าวเข้ามาอยู่ในห้องเหมือนเด็กที่เห็นของเล่นถูกใจ ที่แท้ ห้องนี้คือห้องท้องฟ้าจำลองขนาดใหญ่ ทรงกลม มีโปรเจ็คเตอร์ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง พร้อมกับที่นั่งรอบกำแพงจำนวนสิบที่ ท้องฟ้าจำลองยามค่ำคืนอวดดวงดาวนับพันที่กำลังส่องแสงระยิบระยิบ ตรงข้ามกับอเล็กซ์ เบนกลับผิดหวังที่มันเป็นท้องฟ้าจำลอง เพราะเขาไม่ใช่คนที่สนใจดูดาวพวกนี้เลย ทั้งความเงียบและท้องฟ้ามืด ๆ ดาวอะไรก็ไม่รู้ เบนไม่รู้สึกว่ามันน่าตื่นเต้น เขายอมอยู่ในห้องฉายภาพยนตร์ที่มีแต่หนังโรแมนติกเก่า ๆ เล่าเรื่องราวความรักน้ำเน่ายังดีกว่า อเล็กซ์เดินวนไปวนมา จ้องมองท้องฟ้าข้างบนด้วยท่าทางครึกครื้น“นี่นะเหรอ...ที่ที่นายบอกว่าเจ๋ง”“เดี๋ยวสิวะ อ