บรูซจับแขนเธอ “ทางนี้แหละ เรามีตู้โทรศัพท์ตั้งหลายที่ แม่หนู เธอลืมไปแล้วเหรอ ว่าฉันทำงานที่นี่”
เขาพูดถูก แต่อเล็กซิสรู้สึกไม่ดีเลย เด็กสาวค่อย ๆ ดึงมือเขาออกอย่างสุภาพ “แล้วใครโทรมาเหรอคะ เรื่องด่วนที่ว่า เกี่ยวกับอะไร”
“ถ้าเธอถามอีกรอบ ฉันจะตบให้หายสงสัยเลย เชื่อไหม”
เขาถอดหน้ากากคุณลุงใจดีออกเรียบร้อยแล้ว อเล็กซิสใจสั่น เธอมองไปข้างหน้าซึ่งไม่ได้ทำให้เธอไว้ใจเขามากขึ้นเลย อย่างไรก็ตาม เด็กสาวพยักหน้า แต่พอนายตำรวจหันกลับไป เธอวิ่งหนีทันที
“ช่วยด้วย”
วัตถุแข็งบางอย่างกระแทกเข้ากับหลัง อาจเป็นไม้กระบอง ความเจ็บปวดเฉียบพลันทำให้เธอชะงักฝีเท้า นายตำรวจคว้าตัวเด็กสาวไว้ได้ทัน เขาปิดปากเพื่อกันไม่ให้เธอร้องแล้วลากตัวเธอกลับไป อเล็กซิสถูกจับโยนเข้าไปในห้องเก็บของ พอเธอเงยหน้าขึ้นจึงเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถูกล่ามโซ่ทั้งแขนและขาติดกับกำแพง ที่ตามีผ้าปิดตาคาดไว้ ตรงปากมีเทปปิดทับเช่นกัน ผมสีดำของเธอหลุดลุ่ยออกจากเปียทั้งสองข้าง เด็กสาวมีรอยช้ำและรอยเลือดทั่วตัว สิ่งที่น่าสยดสยองกว่าอะไรทั้งหมดคือเลือดที่กระโปรง น้ำตาของเธอไหลออกมาจากผ้าปิดตาเป็นสาย ข้างซอนย่า มีนายตำรวจอีกคนนั่งเฝ้าอยู่ เสื้อตัวบนของเขาหลุดออกจากกางเกง เขาไม่สวมเข็มขัด แถมยังนั่งสูบบุหรี่หน้าตาเฉยราวกับรอเธออยู่แล้ว
ข้างหลังอเล็กซิส ปืนของบรูซจ่อมาที่กลางลำตัว พลันเหงื่อทะลักออกมาเต็มมือ อเล็กซิสตัวชาวาบราวกับช่วงขากลายเป็นหิน
“อีนี่มันร้อง ไม่รู้ว่าพวกโจเซฟกับเฮลก้าได้ยินหรือเปล่า ส่วนเจ้าไซลาสนอนหลับเป็นตายอยู่หน้าสำนักงาน โรเจอร์ออกลาดตระเวนอยู่ในเมือง”
“นายก็ออกไปเช็กก่อนสิวะ ว่าพวกมันได้ยินเสียงยัยนี่หรือเปล่า” คนที่นั่งอยู่ออกคำสั่ง เขาตัวไม่สูงและไม่เตี้ย แต่ตัวใหญ่กว่าบรูซ เธอแทบไม่เคยเห็นหน้าเขา ชื่อที่ติดอยู่ตรงหน้าอกเขียนว่า ‘คาเมรอน’ อเล็กซิสได้ยินเสียงบรูซเปิดประตู เด็กหญิงพยายามทำใจให้สงบ ที่นี่คือสถานที่ที่พวกตำรวจกักตัวซอนย่าไว้ ทั้งล่ามและทรมานเธอ อเล็กซิสก็จะเป็นรายต่อไปในอีกไม่ช้า นายตำรวจสองคนนี้ใช้กลหลอกให้เธอออกมาเพื่อจุดประสงค์ที่ไม่ดี
“ซอนย่า!” อเล็กซิสเรียก ร่างของเด็กสาวขยับเล็กน้อย เหมือนรับรู้ว่าอเล็กซิสอยู่ในห้องด้วย คาเมรอนส่ายหน้าช้า ๆ “ไม่เอา ไม่พูด”
“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม” มันเป็นคำถามที่โง่มาก อเล็กซิสรู้อยู่แก่ใจว่าทำไมพวกเขาถึงพาเธอมาที่นี่ แต่เมื่อครู่เธอโพล่งออกไปโดยไม่ทันคิด ซอนย่าสามารถทำให้คนพวกนี้ตาบอดได้...แต่ยังไงล่ะ เธอไม่รู้วิธีที่จะช่วยเด็กคนนั้น แถมจะช่วยตัวเองยังลำบาก มีตำรวจตั้งสองคน พร้อมกับไม้กระบองสองด้าม และปืนสองกระบอก
บรูซกลับเข้ามา “พวกเขายังหลับอยู่”
“เออ งั้นทำเร็ว ๆ ฉันเบื่อยัยเด็กนี่แล้ว” คาเมรอนชี้ไปที่ร่างซอนย่า “ถึงตาแกละ”
อเล็กซิสยังคงมองไปรอบ ๆ คาเมรอนวางไม้กระบองกับวิทยุสื่อสารทิ้งไว้บนโต๊ะ ยกเว้นปืนที่เขาถือไว้ เขายังคงพูดอยู่กับเพื่อนตำรวจเหมือนเพิ่งนึกอีกเรื่องขึ้นมาได้
“เออ บรูซ...ฉันคิดว่ามีเด็กผู้หญิงสองคนไม่ใช่เหรอ อีกคนไปไหนล่ะ”
“อีกคนหลับเป็นตาย ปลุกเท่าไรก็ไม่ตื่น แต่เด็กคนนี้สวยสุดแล้ว”
คาเมรอนเอียงคอพิจารณาก่อนยิ้มกว้าง “เออ สวยจริง เขยิบมาแม่หนู”
อเล็กซิสไม่ขยับ แต่อ้อนวอนแทน “หนูขอร้องนะคะ ปล่อยหนูไปเถอะ หนูจะไม่บอกใคร หนูสาบาน” คิดสิ อเล็กซ์ คิด เธอต้องหาทางออกได้
“เอาเชือกมัดไหม หรือใช้เทปดี” บรูซเสนอไอเดีย พวกเขาคุยกันราวกับทำเรื่องพรรค์นี้เป็นปกติ
“อย่าเลย ปากยัยนี่น่าขยี้ ใช้ปืนคุมก็พอ เราไม่มีเวลามากขนาดนั้นหรอก”
พวกเขาคุยกัน ไม่สนใจคำขอร้องของเธอเลย “ได้โปรดอย่าทำแบบนี้เลยนะคะ” เธอพยายามขอความเมตตาทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครฟัง “พวกคุณเป็นตำรวจ อย่าทำแบบนี้เลย หนูขอร้อง”
บรูซยกปืนขู่ให้เธอเงียบปาก ส่วนอีกคนถอดกางเกงลง
“อย่าส่งเสียง ถอดเสื้อออก อย่าทำเป็นไม่เข้าใจที่ฉันสั่ง เด็กสาวสมัยนี้ไม่มีใครซิงกันแล้ว ไม่ต้องมาทำอิดออดน่า ถอดเสื้อซะ แสดงให้ดูหน่อยสิ ว่าเธอเก่งแค่ไหน”
“เฮ้ย ๆ ฉันก่อนสิวะ ตาแกคือยัยผมดำ” คาเมรอนเตือนเพื่อนตำรวจ ตอนนี้เขาสวมแค่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว บรูซทำเสียงฮึ่ม ๆ แต่ไม่ตอบโต้อะไร อเล็กซิสพยายามเค้นสมอง เธอมองซอนย่า ซอนย่าทำให้พวกเขาตาบอดได้...แต่ตอนนี้เธอถูกล่ามอยู่ บรูซเดินเข้าไปหาเด็กสาวผมดำ เขาลูบต้นขาเธอ เด็กหญิงตัวสั่น พยายามจะขัดขืนแม้ถูกล่าม
“อย่า อย่าทำอะไรเธอ ได้โปรดเถอะ” อเล็กซิสโพล่งออกไปอีก คิดสิ อเล็กซ์ มันต้องมีทางออกน่า “หนู...จะทำทุกอย่างให้พวกคุณพอใจที่สุด แต่ได้โปรดอย่าทำร้ายหนูกับเธอเลย” เด็กสาวพูดออกไปทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่เธออยากต่อเวลาให้ตัวเอง จึงพ่นคำพูดออกไปอย่างนั้น ส่วนสมองพยายามเค้นหาวิธีเอาตัวรอด
คาเมรอนหัวเราะในลำคอ “บรูซ ยัยนี่พยายามต่อรองว่ะ เธออยากทำข้อตกลงกับเราหรือ”
อเล็กซิสปฏิเสธ “เปล่าค่ะ นะ...หนูรู้ว่าพวกคุณต้องการอะไร...หนูรู้ว่าจะทำให้พวกคุณมีความสุขได้อย่างไร อย่าทำร้ายหนูได้ไหมคะ หนูเป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่ไม่อยากให้หน้ากับลำตัวมีรอยแผล หนูรักรูปร่างหน้าตาของตัวเอง พวกคุณจะเรียกหนูมาทำอะไรแบบนี้กี่ครั้งก็ได้ ขอแค่อย่าลงไม้ลงมือกับหนูและเธอก็พอ”
“ถ้าพวกเราไม่ล่ามเด็กคนนี้ไว้ เธอจะฆ่าพวกเรา อย่าห่วงไปเลยฉันเบื่อเด็กคนนี้แล้วล่ะ” คาเมรอนจ้องเธอ หันเหความสนใจมาจนหมด “พิสูจน์คำพูดตัวเองสิ นี่ฉันก็มือเปล่านะ ไม่ได้จะตบตีอะไรสักหน่อย”
“เธออยากลองกับพวกเราพร้อมกันว่ะ” บรูซผละจากซอนย่า เขาไม่ปิดบังความตื่นเต้นและแรงกระหายภายในเลย แต่คาเมรอนไม่ชอบความคิดนี้
“ไม่ แกไปเล่นกับยัยนั่น” นายตำรวจเดินมาหาอเล็กซิสแล้วกระชากผมเธอ ลากเหยื่อไปไว้ข้างตัวไม่ยอมให้เพื่อนเล่นกับของเล่นชิ้นใหม่ด้วย อเล็กซิสล้มลุกคลุกคลาน ปากร้องด้วยความเจ็บปวด แต่เขายังดึงผมเธออยู่อย่างนั้น ไร้ซึ่งเมตตา ดวงตาของเขาสื่อให้เห็นถึงสิ่งสกปรกที่อยู่ในสมองอันวิปริต เธอมองเหงื่อของเขาที่กำลังไหลพลั่ก ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังตื่นเต้นและหมายมั่นที่จะย่ำยีเหยื่อตรงหน้าแทบไม่ไหว พอเขาเห็นเธอไม่ขยับก็เร่งเร้า “ไหนว่าจะทำให้ฉันพอใจไง ทำให้ดูสิ แต่เธอต้องทำให้ฉันดูคนแรกนะ ถ้าฉันพอใจ เธอค่อยไปดูแลเขา”
อเล็กซิสจ้องไปยังวิทยุสื่อสารที่อยู่ด้านหลังเขา ตัดสินใจแล้ว เธอเงยหน้าขึ้นมองผู้มีอำนาจเหนือกว่า “ค่ะ หนูจะพิสูจน์ให้ดู นั่งลงสิคะ”คาเมรอนยิ้มแล้วนั่งลง อเล็กซิสเลื่อนมือไล่จากขาของเขาไปยังหน้าท้อง
“ยิ้มสิ” เด็กสาวทำตามอย่างว่าง่าย เธอยิ้ม
“ฮึ อีกะหรี่”
พอเธอเหลือบเห็นว่าบรูซหันกลับไปสนใจซอนย่า และคาเมรอนโน้มตัวลงมาจูบ เธอปล่อยให้เขาจูบผม ลูบไล้ใบหน้าของเธอตามแต่ที่เขาอยากจะทำ พอสบโอกาส อเล็กซิสโขกหัวตัวเองกับหัวนายตำรวจอย่างแรง จากนั้นเอื้อมมือคว้าเจ้าวิทยุสื่อสารในขณะที่เขากำลังมึนงง เมื่อคว้าแล้วรีบฟาดมันเข้ากับหัวของเขาอีกที
เขาร้องโหยหวนพร้อมกับสบถคำหยาบมากมาย
อเล็กซิสฟาดอีกรอบ ร่างใหญ่ล้มลงจากเก้าอี้ เมื่อนั้นบรูซหันมาเล็งปืนใส่เธอ อเล็กซิสจึงไม่กล้าขยับ แต่เมื่อเห็นว่านายตำรวจยังไม่กล้าทำอะไร เธอจึงเข้าใจทันทีว่าเขาไม่ต้องการให้มีเสียงดังเล็ดลอดเพราะกลัวคนอื่นจะได้ยิน อเล็กซิสจึงรีบกดปุ่มแล้วตะโกนเสียงดังว่า “ช่วยด้วย ห้องเก็บของ ช่วยด้วย”
“อีเวร”
อเล็กซิสปาวิทยุเข้าใส่หน้าบรูซ เขาผงะ วินาทีนั้นปืนที่ถือในมือตกลง ขึ้นชื่อว่านักเรียนหัวกะทิไม่ใช่คำกล่าวลอย ๆ อเล็กซิสจับเก้าอี้ที่คาเมรอนเคยนั่งตรงเข้าฟาดใส่ไอ้ปีศาจอัปลักษณ์สุดแรง คาเมรอนร้องเสียงหลง อเล็กซิสยังฟาดใส่อีกคนที่ตรงเข้ามาหยุด ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นเสี้ยวเวลาที่เธอเห็นว่าตัวเองอาจจะรอดจากสถานการณ์นี้ ทุกวินาทีล้วนมีค่า อเล็กซิสพยายามที่จะไม่ให้ตัวเองสูญเสียแม้เพียงวินาทีเดียว เธอรีบวิ่งไปที่ประตูโดยที่ปากร้องขอความช่วยเหลือไปด้วย เด็กสาวหมุนลูกบิด...กรีดร้อง
ทว่ายังช้าเกินไปอยู่ดี
ทั้งสองไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นวายร้ายในคราบตำรวจจิตใจดี มือแข็งแรงข้างหนึ่งยึดข้อเท้าเธอไว้แล้วลากกลับมา อเล็กซิสทรงตัวไม่อยู่จึงหน้าคะมำล้มลงกับพื้น ครั้งนี้ คางฟาดกับพื้นไปด้วย เธอได้ชิมเลือดตัวเองจนได้ คาเมรอนโกรธเลือดขึ้นหน้า เขาใช้ไม้กระบองฟาดตัวเด็กสาวอย่างแรง ทุกแรงกระทบเจ็บไปถึงกระดูก นี่คงเป็นความรู้สึกของเวดในตอนนั้น อเล็กซิสยกแขนขึ้นป้องกัน สู้ไม่ถอย เธอได้กลิ่นเหงื่อของมัน และสุดท้าย เขานอนกดเธอไว้สำเร็จ มือสกปรกล้วงเข้าเสื้อชั้นในทันที เด็กสาวไม่สามารถร้องขอความช่วยเหลือได้อีกต่อไปเพราะถูกปิดปากไว้สนิท คาเมรอนยั้งมือชั่วครู่เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครได้ยินก่อนจะพยายามรุกล้ำเสื้อผ้าของเหยื่อต่อ“คาเมรอน ฉันว่าพวกเขาได้ยินว่ะ ถ้า...โจเซฟมา พวกเราตายแน่”“หุบปาก ไอ้ขี้ขลาด แกออกไปเช็กสิวะ ฉันขอสั่งสอนยัยตัวแสบนี่สักหน่อย”พวกคุณต้องได้ยินบ้างเซ่ อเล็กซิสหวังว่าตำรวจสองนายจะสังเกตเห็นหรือรับรู้ว่ามีอาชญากรรมอุบาทว์เกิดขึ้นในโรงพักที่ตัวเองประจำอยู่ มันเป็นเพียงความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ของเหยื่อหรือพวกเขาแค่เมินเฉยต่อเรื่
อากาศวันนี้สดใส ปกติแล้วท้องฟ้าในหน้าร้อนมักเป็นแบบนี้เสมอ ปลอดโปร่งปราศจากเมฆสีดำ มีเพียงปุยเมฆสีขาวช่วยแต่งแต้มลวดลายบนพื้นนภาสีฟ้า เธอรู้สึกราวกับว่าไม่ได้เห็นท้องฟ้าแบบนี้มาเป็นแรมปี เหมือนวันเวลาที่ผ่านมา เธอเอาแต่นั่งจ้องเพดานโล่ง ๆ อยู่ในห้องขัง ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน แสงอาทิตย์ด้านนอกเจิดจ้า โชคดีที่มีลมเย็นสบายพัดผ่าน แสงสีทองจึงทำได้เพียงส่งไออุ่นมากกว่าทำให้บรรยากาศร้อนอบอ้าว เพราะลมได้บรรเทาความร้อนไปแล้ว“Head homeward, little bird,Fly up high, Thou art free,Misery is no more,Time means not to thee”“ทำไมฉันถึงได้ยินเสียงคนร้องเพลง มีคณะประสานเสียงของโรงเรียนมาด้วยเหรอ”“เปล่า ครอบครัวโรมูลเลอร์ขอให้คณะประสานเสียงจากในโบสถ์มาร้องเพลงที่นี่ ร้องให้กับเด็กที่ตาย พวกเขาคิดว่า วิธีนี้จะช่วยนำพาจิตวิญญาณของเธอไปยังที่ที่ควรไป”“ไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้เลยแฮะ”ไบรซ์ยักไหล่ขึ้น “จะให้พวกเขาทำอะไรเพื่อคนตายล่ะ พวกเราไม่รู้วิธีสื่อส
สิ่งแรกที่เธอเห็นคือรถตู้ตำรวจที่จอดรออยู่ แม้ว่ามันจะจอดไกลจากจุดที่เธอยืนอยู่มากก็ตาม แต่เพราะว่าเธอเห็นครอบครัวโรมูลเลอร์อยู่แถวนั้นด้วย สายตาเลยเหลือบไปเห็นเจ้าพาหนะที่จะพาเธอไปยังสถานที่หนึ่ง เมื่อพ่อแม่ของซอนย่าเห็นอเล็กซิส พวกเขาโน้มคอลงเหมือนจะกล่าวทักทาย และรีบเดินจากไปสองวันหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น บรูซกับคาเมรอนถูกส่งตัวไปยังศาลปกครองที่เมืองฟิวเจอร์ริสติก เมโทรโพลิสทันที เมืองเดียวกับที่นางพยาบาลสตีเว่นและครูโดบี้ส์ถูกส่งตัวไปสำเร็จโทษ อเล็กซิสได้ยินมาว่าสามีของเธอพาลูก ๆ ตามไปด้วย น่าสงสารทั้งคุณโดบี้ส์ และลูก ๆ ของพวกเขา เด็ก ๆ ยังเล็กเกินกว่าที่จะสูญเสียแม่ส่วนตัวฉัน ก็ยังเด็กเกินไปที่จะสูญสิ้นทุกอย่าง เธอไม่เคยลืมใบหน้าของซอนย่าในตอนนั้นเลย ผิวของเธอไหม้เกรียม ทำให้บางส่วนปริลอกออกมาจนเห็นเนื้อสดสีแดงข้างใน ดวงตาทั้งสองข้างไหม้ดำ ไม่ว่าเธออยากจะลืมภาพนั้นเท่าไร แต่อเล็กซิสรู้ดีว่าใบหน้าตอนตายของซอนย่าจะติดตัวเธอไปตลอด ยกเว้นแต่ว่า ลมหายใจเธอจะดับสิ้น“ลูกอยากได้อะไรเพิ่มหรือเปล่า” พ่อถาม เขายืนรออยู่กับแม่และเ
เขามองเธอแป๊บเดียวแล้วผลักเธอขึ้นรถ จากนั้นไปช่วยเฮลก้าจัดการกับเวด ทั้งสองช่วยกันลากเด็กหนุ่มขึ้นรถอย่างทุลักทุเล เป็นงานหินสำหรับพวกเขามาก เพราะเวดนั้นตัวโตกว่าคนทั้งคู่ และที่สำคัญ เขาขืนตัวสุดกำลัง “โอ๊ย ให้เวลามากกว่านี้หน่อยสิ ปล่อยสิวะ ไปไกล ๆ เลยแม่ง” แต่สุดท้ายเวดก็ถูกผลักเข้ามาจนได้ แถมยังล้มทับอเล็กซิสกับออสโล่ที่อยู่ข้างในด้วยเบลินดาเข้ามาเป็นคนสุดท้าย เธอเดินเข้ามาด้วยตัวเอง ไม่ต้องให้ใครลากเข้ามา ท่าทางสงบลงมากกว่าวันที่ถูกตัดสินว่ากระทำผิด เธอเป็นคนเดียวที่บอกลาทุกคนด้วยท่วงท่าสงบนิ่งและสง่างามกว่าใครเพื่อนประตูรถค่อย ๆ ปิดลงและพวกเขายังคงพยายามมองหาครอบครัวตัวเอง เมื่อประตูถูกปิดสนิท พวกเขาได้ยินแต่เสียงเรียกเท่านั้น“นี่...ฉันคิดว่าที่ผ่านมากำลังฝันอยู่เลยนะเนี่ย แบบหลับยาวเป็นอาทิตย์อะไรแบบนั้น” เวดสารภาพ “คิดว่า...มันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดสักอย่างแหง ๆ ...”“ฉันอยากให้ใครสักคนตบหน้าฉันแรง ๆ แฮะ ฉันมันคนขี้เซา แม่ต้องตบหลังทุกครั้งเลยเพื่อปลุกให้ตื่น” ออสโล่เสริม หัวเราะเสียงแห้ง
ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งเช็กซองบุหรี่ที่บรรจุอยู่ในกระเป๋าทรงดัฟเฟิลทำจากหนังแท้อย่างดี ตัวกระเป๋าเป็นรุ่นพรีเมี่ยมออกแบบโดยดีไซเนอร์ชื่อดัง ฟลาเวีย นีโร พอนับหมดแล้วพบว่ายังเหลืออยู่ครบยี่สิบซอง เทียบจากครั้งก่อน แสดงว่าไม่มีใครขโมยไป“นับทำไมวะ ใช้ไม่ได้อยู่ดี”เจ้ากระเป๋าใบนี้ถูกนำมาใช้เฉพาะกิจเพื่อเก็บแพ็กบุหรี่ยี่ห้อ ‘เบสต์ อามี’ ที่เขาหวงแหน มันเป็นยี่ห้อบุหรี่ที่ดีที่สุดในโลกก็ว่าได้ (ถึงแม้ว่าจะยัดไส้พิเศษก็ตาม) มันเข้าคู่กับไฟแช็กแฮนด์เมดที่ทำจากทองคำขาวบริสุทธิ์ตกแต่งด้วยเพชรรูปไข่ขนาดเล็กรายล้อม บนตัวไฟแช็กมีอักษรย่อสลัก ‘บี.อาร์.’ เขาอยากจุดบุหรี่ขึ้นสูบเหลือเกิน อยากเห็นบุหรี่ในมือค่อย ๆ มอดไหม้พร้อมกับสูดควันศักดิ์สิทธิ์เข้าปอด แต่เมื่อนึกถึงผลที่จะตามมา เขาจำต้องเก็บมันไว้ในกระเป๋าเสื้อแทน หนทางที่จะได้สูบมันอีกครั้งอาจจะยังมีอยู่...หรือไม่มีวันนั้นแล้วก็ได้ พอคิดแบบนี้ เขาถอนหายใจด้วยความเสียดายของถ้าเลือกได้ เบนอยากสูบบุหรี่ให้หมดไปมากกว่าทิ้งมันไว้แบบนี้ บุหรี่พวกนี้ไม่สมควรถูกเก็บไว้ประหนึ่งของดูต่างหน้าในพ
เบนไม่มีโอกาสเห็นท้องฟ้าสีครามอีกเลยตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เขาลุกขึ้น เก็บถาดแล้วทิ้งลงในกล่องที่เขียนแจ้งว่า ‘ถังขยะ’ จากนั้นเดินตามกลุ่มเด็กทั้งสามไป เขาอยากรู้จักเด็กคนนั้นตรงข้ามห้องอาหารมีจอสีดำขนาดยักษ์ติดอยู่ตรงกำแพง แต่ไม่มีข้อความอะไรประกาศทิ้งไว้ หรือพูดให้ถูกก็คือ หน้าจอนั้นดำมืดตั้งแต่วันที่เขาเข้ามาอยู่ที่นี่แล้วรัฐบาลใช้สถานที่แห่งนี้จัดโปรแกรมบำบัดสำหรับกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มต้องสงสัย ทว่าผู้คนที่อยู่ในนี้เรียกว่า ‘หอพัก’ ไม่มีการรักษาใด ๆ ทั้งนั้น ไม่มีพนักงาน หมอ หรือเจ้าหน้าที่เลยสักคน ไม่มีแม้แต่ตารางเวลากำหนดกิจกรรมต่าง ๆ พวกเขาทั้งหมดอาศัยอยู่กันอย่างอิสระ ทว่าเป็นอิสระในเชิงพิลึก ก็แค่สามารถทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจภายในคุกประหลาดแห่งนี้มากกว่าหอพักแห่งนี้เปรียบเสมือนกับชุมชนขนาดย่อม คนที่อยู่อาศัยสามารถใช้สิ่งอำนวยความสะดวกได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ สปา ฟิตเนสยิม สนามกีฬา ผับ เลานจ์ โรงภาพยนตร์ขนาดเล็กที่มักเล่นหนังโรแมนติกสมัยรุ่นคุณย่าคุณยาย เรียกได้ว่ามีทุกสิ่งที่สามารถพบเจอในโรงแรมหรู ยกเว้นแต่ว่าไม่มีห้องสมุดแ
“เออ ไม่มีน่ะสิ”พวกเขาหยุดอยู่หน้าประตูโลหะสีดำ มันเป็นสีดำ เพราะอย่างนี้นี่เอง ห้องนี้จึงโดดเด่นขึ้นมาจากห้องอื่น เพราะสีที่ต่างกับที่อื่นทำให้เบนรู้สึกถูกใจขึ้นมาทันที แม้ยังไม่เห็นว่าข้างในเป็นอย่างไรก็ตาม สีดำเป็นสีคลาสสิกและสะท้อนรสนิยม เพราะสีดำมีสไตล์ในตัวมันเองอเล็กซ์เปิดประตูนำเข้าไป ดวงตาสีดำเปิดประกายเจิดจ้าขึ้นทันทีที่ก้าวเข้ามาอยู่ในห้องเหมือนเด็กที่เห็นของเล่นถูกใจ ที่แท้ ห้องนี้คือห้องท้องฟ้าจำลองขนาดใหญ่ ทรงกลม มีโปรเจ็คเตอร์ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง พร้อมกับที่นั่งรอบกำแพงจำนวนสิบที่ ท้องฟ้าจำลองยามค่ำคืนอวดดวงดาวนับพันที่กำลังส่องแสงระยิบระยิบ ตรงข้ามกับอเล็กซ์ เบนกลับผิดหวังที่มันเป็นท้องฟ้าจำลอง เพราะเขาไม่ใช่คนที่สนใจดูดาวพวกนี้เลย ทั้งความเงียบและท้องฟ้ามืด ๆ ดาวอะไรก็ไม่รู้ เบนไม่รู้สึกว่ามันน่าตื่นเต้น เขายอมอยู่ในห้องฉายภาพยนตร์ที่มีแต่หนังโรแมนติกเก่า ๆ เล่าเรื่องราวความรักน้ำเน่ายังดีกว่า อเล็กซ์เดินวนไปวนมา จ้องมองท้องฟ้าข้างบนด้วยท่าทางครึกครื้น“นี่นะเหรอ...ที่ที่นายบอกว่าเจ๋ง”“เดี๋ยวสิวะ อ
เสียงเพลงในเลานจ์ดังพอสมควร แม้ดนตรีจะเป็นแจ๊สแต่ก็ออกมาจากตู้เพลง หาใช่ฝีมือนักดนตรีไม่ ครั้งแรกที่เธอเข้ามาที่นี่อดทึ่งและประหลาดใจไม่ได้เมื่อเห็นทุกสิ่งทุกอย่างขับเคลื่อนอัตโนมัติ ปราศจากหุ่นยนต์หรือแรงงานมนุษย์คอยควบคุม หรืออาจจะอยู่เบื้องหลัง มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายคอยปรนเปรอ ทุกอย่างเหมือนดีกว่าที่คิดไว้ อย่างน้อยเธอยังมีเพื่อน ทว่าความเหงาไม่ได้ทุเลาลงเลยหากอยากฟังเพลงอะไร อยากดื่มอะไร เพียงใช้ปลายนิ้วสัมผัสหน้าจอหรือออกคำสั่งด้วยเสียง ไม่กี่วินาทีของที่สั่งก็ถูกนำมาเสิร์ฟ เธอเคยเห็นเทคโนโลยีแบบนี้แค่ในหนังเท่านั้น รัฐบาลโกหกประชาชนไว้หลายอย่าง พวกเขาปิดกั้นความรู้ไม่ให้ชาวนิวโฮปเข้าถึงดั่งอดัมกับอีฟ ทุกคนอยู่ในโลกอนาคต แต่กลับใช้ชีวิตเหมือนคนในยุคก่อน และความจริงที่เธอรับรู้ในตอนนี้อาจเป็นเพียงความจริงเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของความจริงทั้งหมดก็ได้ไม่มีใครให้คำตอบหรืออธิบายข้อสงสัยอะไรทั้งสิ้น คนที่ถูกจับทั้งหมดถูกทิ้งให้ใช้ชีวิตอยู่ในเกาะปลีกวิเวกสุดหรู อเล็กซิสเฝ้าถามตัวเองว่า ที่นี่มีไว้ทำอะไรกัน เธอไม่รู้ว่ามันอยู่ไกลกว่าบ้านหรือเปล่า หรือว่าอยู่ใน
อ้อ ไม่นับว่าหากเบนคนเดียวอยู่กับผู้หญิงมากกว่าหนึ่ง ข้อนี้ยกเว้น พวกเขาไม่สามารถมองหน้ากันระหว่างทำเรื่องแบบนี้ได้ เขาไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ทั้งที่สามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกันได้แท้ ๆอเล็กซ์เลื่อนสายตามองไปทางอื่นเมื่อเห็นท่าทางยั่วยวนของซาร่าห์ “เอ่อ ล้อเล่น ช่างมันเถอะ คือ ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าหิว ก็เลยออกมา แล้วจากนั้นก็ได้ยินเสียง...เสียงนั้นนั่นแหละ” เขาหรี่ตามองทั้งคู่พร้อมรอยยิ้มร้ายแน่นอนว่าอเล็กซ์ต้องคุ้นกับเสียงของซาร่าห์ พวกเขาคบหาเป็นคู่รักกันตั้งสองสามสัปดาห์ก่อนที่เบนจะทำลายความสัมพันธ์ลง อย่างน้อย ตอนนี้ทั้งสองต่างคุยกันอย่างปกติ เหมือนเพื่อนที่ดีต่อกัน“มันยากนักเหรอไง ที่จะหาผู้ชายสักคน” อเล็กซ์ถามอดีตแฟน “ที่ดีกว่าหมอนี่?”“ใช่” ซาร่าห์สารภาพระหว่างสางผมสีทองของตัวเอง “ที่นี่ไม่ได้มีหนุ่มฮอตเยอะแยะสักหน่อย แถมส่วนใหญ่ก็ดูจะไม่สนใจพวกผู้หญิงกันแล้ว...รวมถึงนายด้วย”“เปล่าซะหน่อย...” อเล็กซ์เม้มปาก “ก็พวกเรากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว”
เขาพยายามคิดว่าอเล็กซิสจะอยู่ที่ไหน บางทีอาจเป็นห้องฉายภาพยนตร์ เท่าที่เห็น เด็กสาวดูไม่น่าจะชอบที่จอแจ หากเป็นพวกผู้หญิงที่ง่ายหน่อยก็ไม่ต้องใช้เวลามาก แต่กับอีกประเภท ชั้นเชิงเป็นสิ่งจำเป็น แต่เด็กคนนี้ยังเด็กอยู่เลย บางทีอาจไม่ต้องใช้เวลามากก็ได้มั้ง แค่ให้ไอ้หัวทองไปไกล ๆ ก็พออย่างไรก็ตาม เขาไม่เจออเล็กซิสอยู่ดี เขาเจอผู้หญิงอีกคนเขาไม่แปลกใจที่เห็นเธอยืนเหมือนรออยู่แล้ว หญิงสาวยืนพิงกำแพงส่งยิ้มงาม เธอเคยสวยกว่านี้ เบนคิด วันเวลา สภาพที่ถูกกักขังในสถานที่ปิดลดทอนความสดใสในตัวคน ซาร่าห์ตรงหน้าเขาไม่ต่างจากกุหลาบใกล้ตาย เธอบิดริมฝีปากกึ่งเหยียดกึ่งยินดีเมื่อเขายิ้มให้เธอ เขารู้ว่าเธอต้องการอะไร หญิงสาวอาจไม่ผ่านบททดสอบ และแม้ดอกไม้ดอกนี้กำลังแห้งเหี่ยว แต่มันก็ยังดูสวยสง่าในแบบของมัน“ตายแล้ว นี่คือแบตเตอรี่ที่กำลังเสื่อมสภาพหรือเปล่า” ปากเธอว่าอย่างนั้น แต่มือกลับคล้องคอเขา ไม่ว่าจะอยู่ระดับไหน อีตัวก็คืออีตัวอยู่วันยังค่ำ กลิ่นน้ำหอมของหญิงสาวแตะจมูก มันเป็นกลิ่นกุหลาบ“เธอเคยเห็นกระป๋องซุปข้าวโพดที่ไม่ม
เขาเดินเตร็ดเตร่ไปตามทาง พวกเขาอาจจะถูกปล่อยให้เน่าตายอยู่ในนี้ก็ได้ทั้งสองคนตกนรกมาเกือบเดือน มันเริ่มมาจากคืนนั้น เบน อเล็กซ์ และซาร่าห์ ดื่มมากเกินไปหน่อย หรืออาจจะเรียกว่า บริโภคแอลกอฮอล์ไปเกือบถัง ไม่ใช่ถังปกติ แต่ระดับถังกักเก็บน้ำก็เป็นได้ ปกติแล้ว เท่าที่เบนศึกษาจากตัวพวกเขาเอง มนุษย์ที่มีพรสวรรค์ต้านทานฤทธิ์แอลกอฮอล์และยาได้ดีกว่าคนทั่วไปมาก หรืออาจจะเรียกว่าของพวกนี้ทำอะไรเขาไม่ได้เลย อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเขาสูบหรือดื่มในปริมาณขนาดนั้น สุดท้าย ร่างกายก็ยอมแพ้อยู่ดี เมื่อสมองถูกแอลกอฮอล์หรือยาสักชนิดเล่นงาน สติค่อย ๆ ลดลง มันเป็นความประมาทเลินเล่อของพวกเขาด้วย วันนั้น ในห้องเพนต์เฮาส์ของอเล็กซ์ (ของอเล็กซ์จริง ๆ ไม่ใช่ของครอบครัว) ด้วยปราศจากสติสัมปชัญญะ พวกเบนทำเรื่องโง่เง่าที่สุดลงไป นั่นก็คือแสดงพลังเพื่อข่มกันและกันเบนค้นพบความสามารถเหนือมนุษย์มาตั้งแต่เด็ก ส่วนอเล็กซ์ได้รับพลังพิเศษมาจากอุบัติเหตุ สำหรับซาร่าห์ เขาไม่แน่ใจว่าเธอได้มาได้อย่างไร เพราะเธอไม่เคยเล่าให้ฟัง วันนั้นพวกเขาเพียงแค่แสดงความสามารถที่มี ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าคนใกล้ชิดคิดทรยศ
เครื่องตรวจจับควันถูกติดตั้งแทบทุกตารางนิ้ว ยกเว้นห้องใหม่ที่เพิ่งเปิด พวกเขานึกขอบคุณความสะเพร่าของเจ้าหน้าที่ติดตั้งระบบ เบนกับอเล็กซ์จึงได้โอกาสสูบกัญชาอัดปอดกันอย่างสนุกสนาน โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีสิ่งรบกวน น่าแปลกที่ว่า เบนควรรู้สึกว่าเป็นผู้ชนะ (ซึ่งตอนแรกก็รู้สึกแบบนั้น) ทว่าอารมณ์เริงร่ายินดีกับเรื่องนี้หมดลง เมื่อเพื่อนเพียงคนเดียวที่เขามีอยู่ทำตัวแปลกไป นับวันอเล็กซ์ยิ่งมีอาการแย่ลง แย่ลง เขาเอาแต่สิงอยู่ในท้องฟ้าจำลองตั้งแต่ที่พบว่ามันเป็นเขตปลอดเครื่องดักจับควัน คิดไปว่าห้องนี้คือพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง เบนมองว่าอเล็กซ์คงเลือกนอนตายในห้องนี้แน่นอนอเล็กซ์ค่อนข้างหงุดหงิดในช่วงแรกที่คนอื่นรู้ว่ามีห้องใหม่ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ชอบหรือตื่นเต้นไปกับดวงดาวเท่าไรนัก (เหมือนกับเบน) มีไม่เยอะนักที่จะมานั่งแช่นาน ๆ ดังนั้น ไม่กี่วันผ่านไปจึงเหลือไม่กี่คนที่เข้ามาดู อีกเหตุผลหนึ่งที่แขกมีจำนวนน้อย เพราะอเล็กซ์สูบบุหรี่ เมื่อเขาเริ่มจุด คนเริ่มทยอยหนีออกไป เพราะเหตุนี้ ห้องจึงมีกลิ่นกัญชาเกือบตลอดเวลา อเล็กซ์รู้วิธีไล่คนออกไปจากห้อง เขาต้องการยึดห้องนี้ไว้คนเดียว&
อเล็กซิสมองตาม เห็นอดีตประธานนักเรียนกำลังนั่งคุยอยู่กับเพื่อนกลุ่มใหม่อย่างสนุกสนาน เบลินดาปรับตัวกับสถานที่แห่งนี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติเหมือนกับที่เวดทำได้ คงเป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาเหมือนกัน เธอดูมีความสุขมากขึ้น หากนับจากวันที่ถูกจับมาด้วยกัน“นายยังคุยกับคาร์เตอร์อยู่ ฉันเห็น” อเล็กซิสพูด “นายไม่โกรธเธอเลยเหรอ”เขาสั่นหัว “หายโกรธไปแล้ว พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่นา ฉันค่อนข้างเห็นใจเบลนะ พวกเธอสองคนเย็นชาใส่เขามากไปหน่อย”อเล็กซิสจ้องตาออสโล่เขม็ง ชี้นิ้วไปที่หน้าตัวเอง “ฉันเนี่ยนะ เย็นชาเหรอ เขาตั้งใจจะให้ฉันถูกจับเลยนะ”“ฉันรู้ ๆ อย่างน้อยเธอก็แค่ไม่สนใจเบล ก็ยังดี ฉันก็ไม่ได้จะว่าเธอสักหน่อย”อเล็กซิสถอนหายใจอย่างแรง “ออสโล่ ฉันรู้ว่านายใจอ่อนง่าย โอเค ฉันอาจไม่บ่น ไม่กล่าวโทษคาร์เตอร์ แต่ฉันอดไม่ได้ที่จะเตือนนายให้ระวังคนแบบนี้ ฉันไม่รู้ว่าคาร์เตอร์คิดอะไรอยู่ แถมเธอยังไม่เคยขอโทษพวกเราเลยด้วยซ้ำ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายยังคุยกับคนแบบนั้นได้ นับถือจริง ๆ”“
วินาทีที่อเล็กซิสหันไปมอง เด็กคนนั้นมองกลับมาอย่างรวดเร็ว มันเป็นความรู้สึกที่ประหลาด เขามักจะมองกลับมาเร็วเสมอเหมือนรู้สึกตัวตลอดเวลาว่ามีคนมองอยู่ รูปลักษณ์ของเขาดึงดูดสายตาของอเล็กซิสได้สนิท ทั้งผมสีเงินและดวงตาสีฟ้าเข้ม สีหน้าของเขาเหมือนกับกระจกสะท้อนสีหน้าของอเล็กซิสเช่นกัน เธอสอดสงสัยไม่ได้ว่าเขามีเรดาร์ติดตัวหรืออย่างไร ในเมื่อเขาสามารถจับสายตาคนได้ตลอด เธอจำเด็กหนุ่มคนนี้ได้ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงที่นี่ พวกเขาเหมือนรู้จักกันมาก่อน อันที่จริง ควรใช้คำว่า พอคุ้นหน้าคุ้นตามากกว่า“เด็กคนนั้น” โนเอลพึมพำ “เขาไม่คุยกับใครเลย พวกเราพยายามจะเป็นเพื่อนกับเขา แต่เขากลับอยากอยู่คนเดียว เป็นเด็กที่แปลกจริง ๆ ไม่มีใครรู้ชื่อเขาเลยด้วย”“ไมเคิล” อเล็กซิสตอบ“เธอรู้จักเขาเหรอ” เวดถาม เริ่มกระวนกระวายขึ้นมาทันที“อื้อ เราเคยเจอกันนานพอสมควร ฉันว่าเขาน่าจะเป็นคนขี้อายมาก ๆ ...หรือไม่ก็ ไม่ชอบเข้าสังคม ไม่สิ ไม่ชอบคน”“แล้วไปรู้จักกันตอนไหน”“ตอนที่ไปเทสต์หน้ากล้อง”
“หวัดดี พวกนาย!” เทสซ่าเดินเข้ามา สวยเด่นมาแต่ไกล พอมาถึงก็เอามือเท้าเอว ส่วนอีกข้างเกาะขอบเก้าอี้ไว้ เทสซ่าสวมเสื้อสายเดี่ยวสีดำครึ่งตัวกับกางเกงทหารสีกากี ศีรษะของเธออยู่ประมาณหูของอเล็กซิส“ได้เวลาพอดีเลย ลุยเลยเพื่อน!” เวดเชียร์เมื่อพวกพี่น้องโธมัสโผล่มาเทสซ่าอายุสิบเก้า เป็นเพื่อนคนแรกของพวกเขา เธอทำตัวเหมือนกับเป็นเจ้าของที่นี่ คอยให้คำแนะนำและพาเดินชมรอบ ๆ จนพวกอเล็กซิสรู้ว่าที่ไหนเป็นอะไรบ้าง พวกเทสซ่าแทบจะเป็นประชากรกลุ่มแรกเลยก็ว่าได้ เพราะอยู่ที่มาก่อนเด็กซานโบซ่าราว ๆ สามอาทิตย์ เธอเล่าว่า ตอนแรกมีคนไม่เยอะเท่าไรนัก แต่เมื่อมีหน้าใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ ที่นี่ก็เริ่มแน่นขึ้นอย่างที่เห็น“อเล็กซิสจ๊ะ ฉันแอบเห็นเธอถามหาจอห์น ลีลอยด์ที่โรงหนังด้วยนะ ถ้าพวกฉันไม่เห็นเขา ก็ไม่มีใครเห็นแล้วล่ะ เชื่อเถอะ” เทสซ่าว่า สายตามองไปยังเสื้อแจ๊กเกตของเพื่อนสาว “ตัวนี้ก็สวยจัง”ส่วนอีกสองคนที่อยู่ข้างหลังเทสซ่าคือ มินนี่และโนเอล มินนี่เป็นน้องเล็กสุด อายุสิบเจ็ดปี แม้จะเป็นพี่น้องกัน แต่มินนี่ไม่เหมือนเทสซ่า เด็กสาว
เสียงเพลงในเลานจ์ดังพอสมควร แม้ดนตรีจะเป็นแจ๊สแต่ก็ออกมาจากตู้เพลง หาใช่ฝีมือนักดนตรีไม่ ครั้งแรกที่เธอเข้ามาที่นี่อดทึ่งและประหลาดใจไม่ได้เมื่อเห็นทุกสิ่งทุกอย่างขับเคลื่อนอัตโนมัติ ปราศจากหุ่นยนต์หรือแรงงานมนุษย์คอยควบคุม หรืออาจจะอยู่เบื้องหลัง มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายคอยปรนเปรอ ทุกอย่างเหมือนดีกว่าที่คิดไว้ อย่างน้อยเธอยังมีเพื่อน ทว่าความเหงาไม่ได้ทุเลาลงเลยหากอยากฟังเพลงอะไร อยากดื่มอะไร เพียงใช้ปลายนิ้วสัมผัสหน้าจอหรือออกคำสั่งด้วยเสียง ไม่กี่วินาทีของที่สั่งก็ถูกนำมาเสิร์ฟ เธอเคยเห็นเทคโนโลยีแบบนี้แค่ในหนังเท่านั้น รัฐบาลโกหกประชาชนไว้หลายอย่าง พวกเขาปิดกั้นความรู้ไม่ให้ชาวนิวโฮปเข้าถึงดั่งอดัมกับอีฟ ทุกคนอยู่ในโลกอนาคต แต่กลับใช้ชีวิตเหมือนคนในยุคก่อน และความจริงที่เธอรับรู้ในตอนนี้อาจเป็นเพียงความจริงเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของความจริงทั้งหมดก็ได้ไม่มีใครให้คำตอบหรืออธิบายข้อสงสัยอะไรทั้งสิ้น คนที่ถูกจับทั้งหมดถูกทิ้งให้ใช้ชีวิตอยู่ในเกาะปลีกวิเวกสุดหรู อเล็กซิสเฝ้าถามตัวเองว่า ที่นี่มีไว้ทำอะไรกัน เธอไม่รู้ว่ามันอยู่ไกลกว่าบ้านหรือเปล่า หรือว่าอยู่ใน
“เออ ไม่มีน่ะสิ”พวกเขาหยุดอยู่หน้าประตูโลหะสีดำ มันเป็นสีดำ เพราะอย่างนี้นี่เอง ห้องนี้จึงโดดเด่นขึ้นมาจากห้องอื่น เพราะสีที่ต่างกับที่อื่นทำให้เบนรู้สึกถูกใจขึ้นมาทันที แม้ยังไม่เห็นว่าข้างในเป็นอย่างไรก็ตาม สีดำเป็นสีคลาสสิกและสะท้อนรสนิยม เพราะสีดำมีสไตล์ในตัวมันเองอเล็กซ์เปิดประตูนำเข้าไป ดวงตาสีดำเปิดประกายเจิดจ้าขึ้นทันทีที่ก้าวเข้ามาอยู่ในห้องเหมือนเด็กที่เห็นของเล่นถูกใจ ที่แท้ ห้องนี้คือห้องท้องฟ้าจำลองขนาดใหญ่ ทรงกลม มีโปรเจ็คเตอร์ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง พร้อมกับที่นั่งรอบกำแพงจำนวนสิบที่ ท้องฟ้าจำลองยามค่ำคืนอวดดวงดาวนับพันที่กำลังส่องแสงระยิบระยิบ ตรงข้ามกับอเล็กซ์ เบนกลับผิดหวังที่มันเป็นท้องฟ้าจำลอง เพราะเขาไม่ใช่คนที่สนใจดูดาวพวกนี้เลย ทั้งความเงียบและท้องฟ้ามืด ๆ ดาวอะไรก็ไม่รู้ เบนไม่รู้สึกว่ามันน่าตื่นเต้น เขายอมอยู่ในห้องฉายภาพยนตร์ที่มีแต่หนังโรแมนติกเก่า ๆ เล่าเรื่องราวความรักน้ำเน่ายังดีกว่า อเล็กซ์เดินวนไปวนมา จ้องมองท้องฟ้าข้างบนด้วยท่าทางครึกครื้น“นี่นะเหรอ...ที่ที่นายบอกว่าเจ๋ง”“เดี๋ยวสิวะ อ