จากวันนั้นจนถึงวันนี้เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วล่ะที่ปืนสารภาพรักกับฉัน และยังเป็นหนึ่งเดือนที่เราสองคนทำตัวติดกันเป็นเงาเลย ยกเว้นตอนเราต่างเข้าเรียน ตอนนอน และตอนปืนไปกินเหล้ากับพวกรุ่นพี่รุ่นน้องในสาขา ซึ่งเรื่องอย่างหลังนี้ก็ลดปริมาณน้อยลงมาจากเดิมเยอะเลย หมายถึงเรื่องดื่มแอลกอฮอล์นะ เรื่องนี้ฉันได้รับการยืนยันจากปากเพื่อนเขาเองเลย ส่วนเรื่องสังสรรค์ก็ไม่ได้ไปติดต่อกันเกือบทุกวันอย่างที่แล้วมา มีเว้นระยะห่าง และถ้าไปจะกลับถึงคอนโดฯ เร็วกว่าปกติ ฉันไม่เคยขอนะว่าเอออย่าไปได้ไหม ได้แต่เตือน ด้วยรู้ว่าสายสัมพันธ์น้องพี่ของพวกวิศวฯ เขาเหนียวแน่น เรื่องตามไปเฝ้าฉันก็ไม่เคยทำอย่างนั้น มีแต่ปืนแหละที่รบเร้าให้ฉันไปด้วย เคยตามใจอยู่สองสามหน จะให้ไปด้วยตลอดมันเป็นไปไม่ได้ แล้วเขาเองก็มักจะหวงฉันเรื่องการแต่งตัวมาก ถามว่าฉันทำยังไง ทำมึนสิ ปกติฉันก็ไม่ได้แต่งตัวแนวเซ็กซี่ ก็แต่งแบบธรรมดาเหมือนวัยรุ่นทั่วไป อาจมีบ้างที่ใส่เอวลอย สายเดี่ยว ซึ่งมันก็ไม่ได้ทุกวันที่ฉันหยิบมาใส่‘ผู้หญิงเขามากับผัวไม่เห็นเหรอวะพวกเหี้ย’เพลียใจ พวกเพื่อน ๆ เราก็พูดแซวกันไปตามประสาเหมือนเดิมแม้ระยะเวลาที่เราใช้ศ
“ผู้ชาย” “เรื่องจริงเลย ดูอย่างน้องโทนสิ โดนหมายหัวไว้เลย” “ชงดียิ่งกว่าบาร์เทนเดอร์อีกมั้งแกสองคนเนี่ย” ฉันว่าเหน็บ “อะแน่นอนจ้า” ฉันย่นจมูก ตวัดค้อนใส่ยัยเบลเพื่อนตัวแสบ “เออแล้วพ่อว่าไงบ้างอะที่รู้ว่ามีหนุ่มมาจีบลูกสาวอะ” “จะว่ายังไงล่ะจ๊ะก็ซักประวัติปืนซะละเอียดยิบเลยอะสิ”พอพูดถึงพ่อแล้วฉันก็หลุดยิ้ม ก่อนพ่อจะรู้ฉันแย๊บผ่านทางแม่ไปก่อนแล้วว่าตอนนี้ลูกสาวแม่กำลังคุยอยู่กับหนุ่มคนหนึ่งนะ แม่จึงเป็นคนแรกของบ้านเลยที่รู้เรื่องราวระหว่างฉันกับปืน ต่อมาก็คือน้องชายสุดที่รัก นายข้าวโอ๊ตเขาเห็นความปกติของพี่สาวผ่านทางเฟซบุ๊กเลยอินบ๊อกซ์มาคาดคั้น ตอนนี้รู้จักกับปืนแล้วด้วย ส่วนคนสุดท้ายคือพ่อ ซึ่งก็เพิ่งรู้เมื่อไม่กี่วันนี้เอง ถึงกับสายตรงมาถามเองเลย มีขอดูรูปปืนด้วยเออ เรื่องนี้แม่แอบกระซิบมา “นอกจากซักประวัติแล้วยังบ่นอะไรแกอีกไหมอะ”“ก็มีบ่นบ้างอะแจน แต่เน้นเรื่องให้ดูให้ดีมากกว่า”“ความพ่ออะเนอะ ย่อมห่วงลูกสาวเป็นธรรมดา”“จริง” เบลเออออเรื่องที่พ่อเป็นห่วงฉันเข้าใจดี และที่ทำฉันอึ้งอีกเรื่องหนึ่งก็คือปืนเขาแสดงความบริสุทธิ์ด้วยการขอโทรคุยกับพ่อแม่ฉันเองเลยหลังฉันบอกว่าครอบครัวฉ
Puen : รออยู่เดินออกมานอกตึกฉันก็เห็นปืนยืนกอดอกรออยู่ รอบ ๆ ตัวเขามีหญิงสาวหลายคนคอยวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ จากที่ฉีกยิ้มกว้างดีใจฉันพลันหุบยิ้ม สาวเท้ายาว ๆ มาหยุดยืนตรงหน้าพ่อคนเสน่ห์แรงเกินต้านทาน “มานานยัง”ฉันถามโดยไม่มองหน้าปืน เห็นผู้หญิงมองเขาแล้วก็เกิดความหมั่นไส้เล็ก ๆ ความจริงนั่งรอฉันอยู่ในรถก็ได้นะ ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องลงมายืนรอเลย ร้อนก็ร้อน แถมยังต้องตกเป็นเป้านิ่งให้ใครต่อใครมองอีก“เพิ่งมา” ปืนยิ้ม ไล้นิ้วที่แก้มฉันเล่น ก่อนจะรวบมือฉันไปจับ“วันหลังถ้ามารับเธอนั่งรอเค้าในรถพอนะ ไม่ต้องลงมายืนรอแบบนี้แล้ว จอดตรงไหนก็โทรมาบอก แล้วเดี๋ยวเค้าเดินไปหาที่รถเอง” ฉันบอกเสียงเรียบ หลายหนที่ปืนมารอรับฉันยังทนได้นะที่เขาต้องตกเป็นเป้านิ่งให้พวกสาว ๆ มากหน้าหลายตาทั้งที่ฉันรู้จัก และไม่รู้จักได้วิพากษ์วิจารณ์กันถึงรูปร่างหน้าตากันอย่างออกรส แต่วันนี้ฉันกลับรู้สึกไม่ชอบใจ ไม่พอใจอย่างแรง“หืม ?”“ตามนั้น” เสียงฉันสะบัดนิด ๆ รู้หรอกว่าแกล้งไม่เข้าใจพ่อคนเสน่ห์แรง!กลับกันถ้าเป็นฉันที่ถูกมองมาก ๆ ปืนเขาจะเสียอาการ และสุ่มเสี่ยงต่อการที่น็อตจะหลุดง่าย ๆ มากกว่านี้หลายเท่า เ
[ Special Puen Talks ]“ค่ำนี้พวกไอ้เข้มมันดึงดันจะไปกินข้าวที่ห้องปืน”ดื้อที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการแกะโหลขนมเงยหน้ามองผม คิ้วเรียวสวยย่นเข้าหากัน ปากเม้มนิด ๆ ก่อนจะคลายออกในเวลาต่อมา“ขอความจริง กินข้าวหรือกินเหล้า” สายตาดื้อตั้งคำถามไม่เชิงจับผิด มือก็ล้วงเข้าไปในขวดโหลคุกกี้ที่ผมซื้อมาจากเด็กการโรงแรมที่ตั้งโต๊ะขายอยู่แถวลานเกียร์ คนบ่นหิวตั้งแต่ก้าวขาขึ้นรถหยิบเข้าปากเคี้ยวจนแก้มป่อง เห็นแล้วมันเขี้ยวเลยยื่นมือมาบีบเบา ๆ น่ารักซะขนาดนี้ผมถึงไปไหนรอด“ก็ทั้งสองอย่างนั่นแหละ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ความคิดปืนนะดื้อ พวกมันดึงดันจะมากันให้ได้ ห้ามก็ไม่ฟัง” อธิบายพลางพาดแขนโอบหัวไหล่บอบบาง ดึงรั้งคนตัวเล็กให้เอนกายลงมาซบลงที่แผงอก กดปากลงแนบที่กระหม่อมบางหอมชื่นใจ ขณะที่ท่อนแขนเล็ก ๆ ของพริกหวานก็พาดมากอดเอวผมแน่น“อือ...ถ้าอย่างนั้นเธอก็ยูเทิร์นกลับไปส่งเค้าที่หอเลยเถอะ วันนี้ไม่ต้องพาเค้าไปที่ไหนแล้วล่ะ เดี๋ยวเค้าหาข้าวหาก๋วยเตี๋ยวแถวหน้าหอกินเอง เวลาเดินไวจะตาย เผลอแป๊บเดียวก็จะค่ำแล้ว ขับรถไป ๆ มา ๆ ถ้าเลยเวลาที่นัดกับพวกเข้มเอาไว้เดี๋ยวพวกนั้นจะพาลบ่นเธอกันแย่” ออกความเห็นเสียงเจื้อยแจ
ยี่สิบนาทีต่อมาผมก็พาพริกหวานมาถึงคอนโดฯ ชั้นสิบห้าคือชั้นที่ผมอยู่ เท่าที่สังเกตดูเจ้าของมือนุ่มนิ่มที่ผมจับอยู่ดูสนใจสิ่งรอบตัวเป็นพิเศษ ตากลม ๆ เป็นประกายแวววาวตั้งแต่ผมหักพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้ามา อารมณ์เหมือนเด็กที่กำลังอยู่ในอาการตื่นตาตื่นใจ ซึ่งน่ารักเป็นบ้า อยากชวนไปเก็บเสื้อผ้าแล้วหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ด้วยกันคืนนี้เลย“หือ” ก้มมองมือที่ถูกกระตุกยึก ๆ พลางเลิกคิ้ว “อะไรคะ”“ก่อนหน้านี้ ก่อนจะพาเค้ามาเคยมีผู้หญิงคนไหนได้เข้ามาเหยียบแล้วบ้าง หมายถึงห้องเธอ” แววตาคาดคั้นบอกเป็นนัยว่าอย่าได้เล่นลิ้นกับเธอเด็ดขาด พริกหวานทำผมหลุดยิ้มเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วไม่รู้ตั้งแต่เจอหน้ากัน แต่รอยยิ้มครั้งนี้อยู่ได้ไม่นานผมก็ต้องรีบเก็บมันกลับคืนเมื่อเจ้าของคำถามกำลังกอดอกกดดันอยู่กลาย ๆ ต้องรีบลูบแขนเอาใจ“ก่อนหน้านี้ก็มีแม่ พี่แพรแล้วก็ดื้อนี่แหละ อ้อ ลืมไปมีป้าแม่บ้านที่มาทำความสะอาดให้ทุกวันจันทร์กับวันศุกร์อีกคนหนึ่งค่ะ” ผมค่อนข้างหวงพื้นที่ส่วนตัวพอสมควรเพราะฉะนั้นชงักติดหลังผมในเรื่องนี้จึงไม่มี “ปืนไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนขึ้นคอนโดฯ ดื้อเป็นผู้หญิงคนแรก” “ชัวร์” “ชัวร์ ไม่เคยพาใครมานอนด้ว
“อื้อ...พะ...พอ ไม่...ไม่เอาแล้ว เดี๋ยวหยุดไม่ได้”ผมเป่าปาก ผ่อนลมหายใจก่อนซบหน้าลงบนซอกคอขาว พลางลูบหลัง ลูบไหล่บางเล่นคลายความปรารถนา “ใครที่ว่าหยุดไม่ได้ ดื้อหรือปืนหืม” ผมยิ้มในหน้า ถามล้อคนหน้าแดงตัวแดง กลั้วหัวเราะชอบใจ กดปากจูบหนัก ๆ ที่ซอกคอขาว ๆ ไล้ปลายนิ้วที่เอวอ่อนคอดกิ่ว รัดร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่นแน่น ๆ เพื่อสงบอารมณ์ที่กำลังพุ่งสูงปรี๊ดให้ดำดิ่งลงมา พอได้กอดแล้วผมไม่อยากปล่อยเลย อยากกอดเอาไว้ทั้งวันทั้งคืน“ต้องไม่ใช่เค้าอยู่แล้ว” เสียงปนหอบกระเง้ากระงอดเล็ก ๆ“อ่าฮะ เพราะฉะนั้นก็นั่งนิ่ง ๆ อย่าขยับอีกเลย ปืนทรมานมาก” ผมกัดฟันกระซิบบอกข้างใบหูขาวสะอาด ร่างดุ๊กดิ๊กบนตักถึงกับชะงัก ตัวแข็งค้าง ตากลมโตเบิกกว้างมองต่ำลงมองตรงจุดเกิดเหตุ ปากจิ้มลิ้มค่อย ๆ เผยอขึ้นทีละน้อย ความทรมานของผมเกิดขึ้นได้ตลอดถ้ามีพริกหวานน้อยอยู่ใกล้ ๆ“ปล่อยไหม ปล่อยเถอะ” น้ำเสียงเบาหวิวถามกึ่งขอร้องผมส่ายหน้า กอดรัดเอวเล็กแน่น ถึงสถานการณ์จะสุ่มเสี่ยงแต่ก็ยังอยากอยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ “ยังไม่อยากปล่อยเลยค่ะ อยากกอดไปอีกนาน ๆ ดื้อช่วยกอดปืนให้แน่นกว่านี้หน่อยได้ไหมคะ” ผมแนบปากลงบนหัวไหล่กลมกลึงก่อนจะซุก
“สวัสดี...เราชื่อปืน”ฉันขมวดคิ้ว ร้องหืมในลำคอแล้วรีบเงยหน้า ละสายตาจากหนังสือที่เปิดกางทิ้งไว้ด้วยความงงงวยถึงขีดสุด คือที่เงยหน้าเนี่ยต้องการจะมองให้แน่ใจว่าตัวเองคือคนที่ถูกใครก็ไม่รู้พูดสวัสดีใส่พร้อมทั้งบอกชื่อที่เดาว่าคงเป็นชื่อเล่นของเขาคนนั้นจริง ๆ ใช่ไหม ผลปรากฏว่าใช่จริง ๆ นั่นแหละเขาพูดกับฉันว่ะ เพราะตรงนี้นอกจากฉันกับผู้ชายที่บอกว่าตัวเองชื่อปืนก็ไม่มีใครแล้วล่ะ แต่ก็ใช่ว่าจะร้างผู้คนไปซะทีเดียว เพื่อนนักศึกษาร่วมสถาบันคนอื่น ๆ ที่มาอาศัยนั่งอ่านตำรา ค้นข้อมูล ประกอบการทำการบ้าน ทำรายงาน ใช้บริการหอสมุด ณ บริเวณโซนชั้นสามเวลานี้ต่างเลือกที่จะนั่งโต๊ะที่อยู่ห่างกันออกไปเพื่อความเป็นส่วนตัวกันแทบทั้งนั้น รวมถึงตัวฉันเองด้วยที่ต้องการความสงบในการค้นตำราเปิดหาข้อมูลทำรายงานส่งอาจารย์อิทตย์หน้า ซึ่งถ้าเป็นช่วงตอนพีคอย่างตอนกลางวันน่ะเหรอ แค่มีที่ว่างให้อาศัยนั่งหลบร้อนระหว่างรอเรียนช่วงบ่ายบ้างก็นับว่าดีแล้วและคำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวหลังลอบสำรวจอยู่เงียบ ๆ คือเราเคยรู้จักกันไหมนะ ?เคยรึเปล่า ?ฉันมุ่นคิ้วพลางเอียงคอเล็กน้อยเพื่อมองผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งออร่าฟุ้งกระจาย ล
ฉันมุ่นคิ้วสงสัยก่อนจะเลิกสนใจแล้วก้มหน้าลงเพื่ออ่านหนังสือที่เปิดกางเอาไว้ตามเดิม คือท่าทางเหมือนจะดีอยู่หรอกฉันเนี่ย แต่ติดตรงที่ตั้งใจอ่านเท่าไรมันก็ไม่เข้าหัวแล้วนี่สิ ทั้งที่เพื่อนร่วมแชร์โต๊ะก็ไม่ได้ส่งเสียงดังรบกวนสมาธิอะไรเลยนะ ออกจะนิ่งสงบเสมือนไร้ตัวตนในสายตาฉันด้วยซ้ำ จะโทษเขาเต็มร้อยก็ไม่ได้ เอาเป็นว่าเป็นที่ตัวฉันเองนี่แหละที่สมาธิมีไม่มากพอ ทำยังไงก็ไม่สามารถจมอยู่กับตัวเองต่อไปได้เหมือนก่อนหน้าที่เขาจะปรากฏตัว จะว่าความหล่อพาใจไม่นิ่งก็...มีนิดหนึ่งแหละยอมรับ นี่ถ้ายัยแจนกับยัยเบลไม่ชิ่งหนีฉันกลับบ้านไปก่อนล่ะก็ กล้าฟันธงและคอนเฟิร์มเลยว่ายัยสองคนนั้นจะต้องออกอาการดี๊ด๊า ชนิดเก็บอาการยังไงก็ไม่เนียน เพราะโดยปกติก็ชอบส่องชอบเหล่หนุ่ม ๆ คณะวิศวฯ เป็นงานอดิเรกแก้เครียดกันอยู่แล้ว ถ้ารู้ว่าฉันได้นั่งร่วมโต๊ะกับหนุ่มหล่อคณะนี้ล่ะก็ คงได้ยินเสียงคนร้องโอดครวญแบบแพ็คคู่เพราะความเสียดายพันเปอร์เซ็นต์ และฉันก็ไม่คิดจะปิดปากเงียบด้วย ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าคืนนี้จะแชตไลน์ไปเม้าท์ให้เบลกับแจนได้ดีดดิ้นเล่นและพอคิดถึงเพื่อนขึ้นมาก็อดเสียดายไม่ได้ที่ไม่รู้ว่าปืนอยู่ชั้นปีอะไร ถ้าร
“อื้อ...พะ...พอ ไม่...ไม่เอาแล้ว เดี๋ยวหยุดไม่ได้”ผมเป่าปาก ผ่อนลมหายใจก่อนซบหน้าลงบนซอกคอขาว พลางลูบหลัง ลูบไหล่บางเล่นคลายความปรารถนา “ใครที่ว่าหยุดไม่ได้ ดื้อหรือปืนหืม” ผมยิ้มในหน้า ถามล้อคนหน้าแดงตัวแดง กลั้วหัวเราะชอบใจ กดปากจูบหนัก ๆ ที่ซอกคอขาว ๆ ไล้ปลายนิ้วที่เอวอ่อนคอดกิ่ว รัดร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่นแน่น ๆ เพื่อสงบอารมณ์ที่กำลังพุ่งสูงปรี๊ดให้ดำดิ่งลงมา พอได้กอดแล้วผมไม่อยากปล่อยเลย อยากกอดเอาไว้ทั้งวันทั้งคืน“ต้องไม่ใช่เค้าอยู่แล้ว” เสียงปนหอบกระเง้ากระงอดเล็ก ๆ“อ่าฮะ เพราะฉะนั้นก็นั่งนิ่ง ๆ อย่าขยับอีกเลย ปืนทรมานมาก” ผมกัดฟันกระซิบบอกข้างใบหูขาวสะอาด ร่างดุ๊กดิ๊กบนตักถึงกับชะงัก ตัวแข็งค้าง ตากลมโตเบิกกว้างมองต่ำลงมองตรงจุดเกิดเหตุ ปากจิ้มลิ้มค่อย ๆ เผยอขึ้นทีละน้อย ความทรมานของผมเกิดขึ้นได้ตลอดถ้ามีพริกหวานน้อยอยู่ใกล้ ๆ“ปล่อยไหม ปล่อยเถอะ” น้ำเสียงเบาหวิวถามกึ่งขอร้องผมส่ายหน้า กอดรัดเอวเล็กแน่น ถึงสถานการณ์จะสุ่มเสี่ยงแต่ก็ยังอยากอยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ “ยังไม่อยากปล่อยเลยค่ะ อยากกอดไปอีกนาน ๆ ดื้อช่วยกอดปืนให้แน่นกว่านี้หน่อยได้ไหมคะ” ผมแนบปากลงบนหัวไหล่กลมกลึงก่อนจะซุก
ยี่สิบนาทีต่อมาผมก็พาพริกหวานมาถึงคอนโดฯ ชั้นสิบห้าคือชั้นที่ผมอยู่ เท่าที่สังเกตดูเจ้าของมือนุ่มนิ่มที่ผมจับอยู่ดูสนใจสิ่งรอบตัวเป็นพิเศษ ตากลม ๆ เป็นประกายแวววาวตั้งแต่ผมหักพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้ามา อารมณ์เหมือนเด็กที่กำลังอยู่ในอาการตื่นตาตื่นใจ ซึ่งน่ารักเป็นบ้า อยากชวนไปเก็บเสื้อผ้าแล้วหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ด้วยกันคืนนี้เลย“หือ” ก้มมองมือที่ถูกกระตุกยึก ๆ พลางเลิกคิ้ว “อะไรคะ”“ก่อนหน้านี้ ก่อนจะพาเค้ามาเคยมีผู้หญิงคนไหนได้เข้ามาเหยียบแล้วบ้าง หมายถึงห้องเธอ” แววตาคาดคั้นบอกเป็นนัยว่าอย่าได้เล่นลิ้นกับเธอเด็ดขาด พริกหวานทำผมหลุดยิ้มเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วไม่รู้ตั้งแต่เจอหน้ากัน แต่รอยยิ้มครั้งนี้อยู่ได้ไม่นานผมก็ต้องรีบเก็บมันกลับคืนเมื่อเจ้าของคำถามกำลังกอดอกกดดันอยู่กลาย ๆ ต้องรีบลูบแขนเอาใจ“ก่อนหน้านี้ก็มีแม่ พี่แพรแล้วก็ดื้อนี่แหละ อ้อ ลืมไปมีป้าแม่บ้านที่มาทำความสะอาดให้ทุกวันจันทร์กับวันศุกร์อีกคนหนึ่งค่ะ” ผมค่อนข้างหวงพื้นที่ส่วนตัวพอสมควรเพราะฉะนั้นชงักติดหลังผมในเรื่องนี้จึงไม่มี “ปืนไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนขึ้นคอนโดฯ ดื้อเป็นผู้หญิงคนแรก” “ชัวร์” “ชัวร์ ไม่เคยพาใครมานอนด้ว
[ Special Puen Talks ]“ค่ำนี้พวกไอ้เข้มมันดึงดันจะไปกินข้าวที่ห้องปืน”ดื้อที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการแกะโหลขนมเงยหน้ามองผม คิ้วเรียวสวยย่นเข้าหากัน ปากเม้มนิด ๆ ก่อนจะคลายออกในเวลาต่อมา“ขอความจริง กินข้าวหรือกินเหล้า” สายตาดื้อตั้งคำถามไม่เชิงจับผิด มือก็ล้วงเข้าไปในขวดโหลคุกกี้ที่ผมซื้อมาจากเด็กการโรงแรมที่ตั้งโต๊ะขายอยู่แถวลานเกียร์ คนบ่นหิวตั้งแต่ก้าวขาขึ้นรถหยิบเข้าปากเคี้ยวจนแก้มป่อง เห็นแล้วมันเขี้ยวเลยยื่นมือมาบีบเบา ๆ น่ารักซะขนาดนี้ผมถึงไปไหนรอด“ก็ทั้งสองอย่างนั่นแหละ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ความคิดปืนนะดื้อ พวกมันดึงดันจะมากันให้ได้ ห้ามก็ไม่ฟัง” อธิบายพลางพาดแขนโอบหัวไหล่บอบบาง ดึงรั้งคนตัวเล็กให้เอนกายลงมาซบลงที่แผงอก กดปากลงแนบที่กระหม่อมบางหอมชื่นใจ ขณะที่ท่อนแขนเล็ก ๆ ของพริกหวานก็พาดมากอดเอวผมแน่น“อือ...ถ้าอย่างนั้นเธอก็ยูเทิร์นกลับไปส่งเค้าที่หอเลยเถอะ วันนี้ไม่ต้องพาเค้าไปที่ไหนแล้วล่ะ เดี๋ยวเค้าหาข้าวหาก๋วยเตี๋ยวแถวหน้าหอกินเอง เวลาเดินไวจะตาย เผลอแป๊บเดียวก็จะค่ำแล้ว ขับรถไป ๆ มา ๆ ถ้าเลยเวลาที่นัดกับพวกเข้มเอาไว้เดี๋ยวพวกนั้นจะพาลบ่นเธอกันแย่” ออกความเห็นเสียงเจื้อยแจ
Puen : รออยู่เดินออกมานอกตึกฉันก็เห็นปืนยืนกอดอกรออยู่ รอบ ๆ ตัวเขามีหญิงสาวหลายคนคอยวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ จากที่ฉีกยิ้มกว้างดีใจฉันพลันหุบยิ้ม สาวเท้ายาว ๆ มาหยุดยืนตรงหน้าพ่อคนเสน่ห์แรงเกินต้านทาน “มานานยัง”ฉันถามโดยไม่มองหน้าปืน เห็นผู้หญิงมองเขาแล้วก็เกิดความหมั่นไส้เล็ก ๆ ความจริงนั่งรอฉันอยู่ในรถก็ได้นะ ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องลงมายืนรอเลย ร้อนก็ร้อน แถมยังต้องตกเป็นเป้านิ่งให้ใครต่อใครมองอีก“เพิ่งมา” ปืนยิ้ม ไล้นิ้วที่แก้มฉันเล่น ก่อนจะรวบมือฉันไปจับ“วันหลังถ้ามารับเธอนั่งรอเค้าในรถพอนะ ไม่ต้องลงมายืนรอแบบนี้แล้ว จอดตรงไหนก็โทรมาบอก แล้วเดี๋ยวเค้าเดินไปหาที่รถเอง” ฉันบอกเสียงเรียบ หลายหนที่ปืนมารอรับฉันยังทนได้นะที่เขาต้องตกเป็นเป้านิ่งให้พวกสาว ๆ มากหน้าหลายตาทั้งที่ฉันรู้จัก และไม่รู้จักได้วิพากษ์วิจารณ์กันถึงรูปร่างหน้าตากันอย่างออกรส แต่วันนี้ฉันกลับรู้สึกไม่ชอบใจ ไม่พอใจอย่างแรง“หืม ?”“ตามนั้น” เสียงฉันสะบัดนิด ๆ รู้หรอกว่าแกล้งไม่เข้าใจพ่อคนเสน่ห์แรง!กลับกันถ้าเป็นฉันที่ถูกมองมาก ๆ ปืนเขาจะเสียอาการ และสุ่มเสี่ยงต่อการที่น็อตจะหลุดง่าย ๆ มากกว่านี้หลายเท่า เ
“ผู้ชาย” “เรื่องจริงเลย ดูอย่างน้องโทนสิ โดนหมายหัวไว้เลย” “ชงดียิ่งกว่าบาร์เทนเดอร์อีกมั้งแกสองคนเนี่ย” ฉันว่าเหน็บ “อะแน่นอนจ้า” ฉันย่นจมูก ตวัดค้อนใส่ยัยเบลเพื่อนตัวแสบ “เออแล้วพ่อว่าไงบ้างอะที่รู้ว่ามีหนุ่มมาจีบลูกสาวอะ” “จะว่ายังไงล่ะจ๊ะก็ซักประวัติปืนซะละเอียดยิบเลยอะสิ”พอพูดถึงพ่อแล้วฉันก็หลุดยิ้ม ก่อนพ่อจะรู้ฉันแย๊บผ่านทางแม่ไปก่อนแล้วว่าตอนนี้ลูกสาวแม่กำลังคุยอยู่กับหนุ่มคนหนึ่งนะ แม่จึงเป็นคนแรกของบ้านเลยที่รู้เรื่องราวระหว่างฉันกับปืน ต่อมาก็คือน้องชายสุดที่รัก นายข้าวโอ๊ตเขาเห็นความปกติของพี่สาวผ่านทางเฟซบุ๊กเลยอินบ๊อกซ์มาคาดคั้น ตอนนี้รู้จักกับปืนแล้วด้วย ส่วนคนสุดท้ายคือพ่อ ซึ่งก็เพิ่งรู้เมื่อไม่กี่วันนี้เอง ถึงกับสายตรงมาถามเองเลย มีขอดูรูปปืนด้วยเออ เรื่องนี้แม่แอบกระซิบมา “นอกจากซักประวัติแล้วยังบ่นอะไรแกอีกไหมอะ”“ก็มีบ่นบ้างอะแจน แต่เน้นเรื่องให้ดูให้ดีมากกว่า”“ความพ่ออะเนอะ ย่อมห่วงลูกสาวเป็นธรรมดา”“จริง” เบลเออออเรื่องที่พ่อเป็นห่วงฉันเข้าใจดี และที่ทำฉันอึ้งอีกเรื่องหนึ่งก็คือปืนเขาแสดงความบริสุทธิ์ด้วยการขอโทรคุยกับพ่อแม่ฉันเองเลยหลังฉันบอกว่าครอบครัวฉ
จากวันนั้นจนถึงวันนี้เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วล่ะที่ปืนสารภาพรักกับฉัน และยังเป็นหนึ่งเดือนที่เราสองคนทำตัวติดกันเป็นเงาเลย ยกเว้นตอนเราต่างเข้าเรียน ตอนนอน และตอนปืนไปกินเหล้ากับพวกรุ่นพี่รุ่นน้องในสาขา ซึ่งเรื่องอย่างหลังนี้ก็ลดปริมาณน้อยลงมาจากเดิมเยอะเลย หมายถึงเรื่องดื่มแอลกอฮอล์นะ เรื่องนี้ฉันได้รับการยืนยันจากปากเพื่อนเขาเองเลย ส่วนเรื่องสังสรรค์ก็ไม่ได้ไปติดต่อกันเกือบทุกวันอย่างที่แล้วมา มีเว้นระยะห่าง และถ้าไปจะกลับถึงคอนโดฯ เร็วกว่าปกติ ฉันไม่เคยขอนะว่าเอออย่าไปได้ไหม ได้แต่เตือน ด้วยรู้ว่าสายสัมพันธ์น้องพี่ของพวกวิศวฯ เขาเหนียวแน่น เรื่องตามไปเฝ้าฉันก็ไม่เคยทำอย่างนั้น มีแต่ปืนแหละที่รบเร้าให้ฉันไปด้วย เคยตามใจอยู่สองสามหน จะให้ไปด้วยตลอดมันเป็นไปไม่ได้ แล้วเขาเองก็มักจะหวงฉันเรื่องการแต่งตัวมาก ถามว่าฉันทำยังไง ทำมึนสิ ปกติฉันก็ไม่ได้แต่งตัวแนวเซ็กซี่ ก็แต่งแบบธรรมดาเหมือนวัยรุ่นทั่วไป อาจมีบ้างที่ใส่เอวลอย สายเดี่ยว ซึ่งมันก็ไม่ได้ทุกวันที่ฉันหยิบมาใส่‘ผู้หญิงเขามากับผัวไม่เห็นเหรอวะพวกเหี้ย’เพลียใจ พวกเพื่อน ๆ เราก็พูดแซวกันไปตามประสาเหมือนเดิมแม้ระยะเวลาที่เราใช้ศ
“จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ”“ฮะ เอ่อ” คิดอะไรเพลิน ๆ ถึงกับสะดุ้งปืนก้มหน้าลงมาหาแล้วเคลื่อนเข้ามาใกล้จนฉันต้องถอยหลังเว้นระยะห่าง ที่เงียบเป็นเพราะพูดไม่ออก มันตื่นเต้น เขิน ความรู้สึกปะปนกันมั่วซั่วไปหมด ขนาดสบตากับปืนฉันยังต้องกลั้นใจเลย ที่ผ่านมาก็เคยถูกบอกชอบนะ แต่ฉันไม่มีความรู้สึกอะไรกับคนเหล่านั้นเลยเฉย ๆ ซึ่งมันแตกต่างจากตอนนี้ “ไม่พูดอะไรไม่เป็นไร งั้นเรามาเป็นอะไรที่มากกว่าเพื่อนกันได้ไหมดื้อ แค่พยักหน้าก็ได้ ปืนไม่เรื่องมากหรอก” ได้ยินคำชวน กึ่งเร่งเร้าจากปากคนมึนแล้วฉันอดที่จะช้อนตามองค้อนคนใจร้อนเกินเบอร์ไม่ได้ แล้วทุกวันนี้นะเขาไม่เคยทำเหมือนว่าเราเป็นเพื่อนกันเลยด้วยซ้ำ คล้ายว่าความสัมพันธ์ของเรามันก้าวกระโดดมาตั้งแต่แรก เพราะสถานะไม่ชัดเจน“เธอต้องเริ่มจากจีบเค้าก่อนไหมอะ” ฉันถามเสียงอ้อมแอ้ม“ก็เฝ้าจีบอยู่ทุกวัน” เขาว่าอย่างนั้น แววตาล้อเลียนอีกด้วย “ไม่เห็นจะรู้ตัวเลยว่ากำลังถูกจีบอยู่” โต้กลับข้าง ๆ คู ๆ“แน่ใจ ?”“แน่” เป็นแน่ที่เบาบางมาก“งั้นวันนี้รู้แล้ว” มุมปากเขากดลึกเป็นรอยยิ้มจาง ๆ น่ามองโอ๊ย...ฉันถึงกับต้องยกมือกุมขมับ อีกข้างวางทาบอก ก่อนจะหันหน้าหนี เพรา
“หนาวไหม” ผมรู้สึกได้ถึงความเย็นจากลมที่โชยมาเนือง ๆ “นิดหน่อย เป็นโชคดีของเราแล้วล่ะที่มีโอกาสได้สัมผัสอากาศเย็นอย่างที่อื่นเขาบ้าง” พริกหวานน้อยหัวเราะ ยิ้มกว้างแข่งกับพระจันทร์บนท้องฟ้า “ทั้งสามฤดูของบ้านเราเค้าชอบฤดูหนาวที่ สุดเลยปืนรู้ไหม เพราะนอกจากอากาศจะเย็นแล้ว ฤดูนี้ท้องฟ้าจะสวยเป็นพิเศษ” แต่ผมว่าที่สวยกว่าท้องฟ้าในฤดูหนาวก็คนข้าง ๆ ผมนี่แหละ “ปืนก็ชอบ” “ฤดูหนาวหรือท้องฟ้าเหรอที่ปืนชอบอะ” “พริกหวาน” “ฮะ ?” “ชอบพริกหวาน” “ชอบ...ชอบพริกหวาน มะ...หมายถึงชอบเค้าเหรอ” “อ่าฮะ ชอบ” ผมพยักหน้ายืนยันหนักแน่น อมยิ้มเอ็นดูคนเริ่มไปไม่เป็น ก่อนจะย้ำอีกหลาย ๆ ครั้ง “ชอบพริกหวาน ชอบอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งชอบผู้หญิงคนหนึ่ง เรียกว่ารักก็ได้ ตกหลุมรักจนถอนตัวถอนใจไม่ขึ้นแล้ว” “ปืน...” “หืม” ผมยื่นมือลูบผมนุ่ม ปัดปอยผมออกให้อย่างเบามือ ลูบไล้ปลายนิ้วกับแก้มแดง ๆ ที่เห็นไม่ชัดเท่าไรนัก เพราะด้วยข้อจำกัดของแสงไฟด้วยความรัก “ใจเค้าเต้นแรงมากเลยอะ” “แรงเท่าของปืนไหม” แล้วผมก็จับมือนุ่มนิ่มมาทาบตรงหัวใจ ผมรอไม่ได้อีกแล้ว ขืนรอให้พริกหวานรู้ใจตัวเองผมว่าผมมีสิทธิ์เส้นเลือดในสมองแตกตายได้
[ Special Puen Talks ] “วันนี้มีดาวเคียงเดือน” “ดาวเคียงเดือน ?” ผมเลิกคิ้ว เห็นท่าทางตื่นเต้นของพริกหวานจากหางตาเลยอดที่จะยิ้มเอ็นดูไม่ได้ และก่อนที่ผมจะเอ่ยปากถาม ว่าดาวเคียงเดือนที่ว่ามันคือละครหรืออะไร ริมฝีปากอวบอิ่มจิ้มลิ้ม ที่เงียบเสียงไปหลังจากแยกย้ายกับพวกไอ้เข้มที่ลานจอดรถเมื่อประมาณสิบนาทีที่แล้วก็ชิงขยับเพื่อขยายความ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เท้าผมต้องแตะเบรกเพราะข้างหน้าเป็นสัญญาณไฟแดงพอดี คันแรกที่ติดเลยกู ผมเท้าข้อศอกข้างขวาตรงประตู ตามองจ้องอยู่ที่ตุ๊กตาหน้ารถถามว่าตอนนี้อารมณ์ขุ่นมัวของผมหายไปหรือยัง คำตอบคือมันยังอยู่ แต่เจือจางลงมากแล้วล่ะ โมโหเองหายเอง ทั้งที่ก่อนหน้านั้นผมโมโหแทบตาย เชื่อไหมผมตกอยู่ในอาการนั้นเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วไม่รู้ตั้งแต่นำพาชีวิตมาคลุกคลีอยู่กับพริกหวานน้อย เธออยู่เฉย ๆ ก็สามารถ ทำผมบ้าได้ “ดาวเคียงเดือน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าพระจันทร์ยิ้มไง ปืนรู้จักใช่ไหม เมื่อกี้เค้าอ่านเจอในเฟซบุ๊ก บอกว่าค่ำวันนี้จะมี เค้าอยากดูมากกกก” ผมพยักหน้า ร้องอ๋อ แล้วเอนตัวไปข้างหน้ามองดูท้องฟ้าที่เริ่มถูกความมืดกลืนกินด้วยความสนใจ “แล้วเราจะเห็นปราก