เพราะถูกแม่ยายเคี่ยวกรำอย่างโหดเหี้ยมทำให้ภีมวัจน์ตั้งใจเรียนรู้วิชาการต่อสู้เป็นอย่างมากหลังจากวันแรกที่เขาเรียนรู้ขั้นพื้นฐานไปแล้ววันต่อมาแก้มใสก็มอบหมายให้ไทเลอร์อาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้ประจำตระกูลพิสิฐกุลวัตรดิลกรับหน้าที่คอยฝึกสอนภีมวัจน์ที่ไม่ได้หัวไวเพียงแค่คำพูดอวดอ้างเท่านั้นแต่เพราะเขาเป็นคนที่ช่างสังเกตุและระมัดระวังอยู่เสมอทำให้เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งเดือนฝีมือของภีมวัจน์นั้นเรียกได้ว่าร้ายกาจไม่แพ้ลูกน้องของวายุเลยแม้แต่น้อย “เรียนรู้ได้ไวดีนี่”หลังจากที่ได้รับรายงานความก้าวหน้าในการฝึกซ้อมการต่อสู้ของลูกเขยแก้มใสที่กำลังนั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจอยู่ที่โรงพยาบาลก็วิ่งแจ้นกลับบ้านทันทีด้วยความดีใจเจ้าเด็กคนนี้ไม่ทำให้เธอผิดหวังเลยสงสัยคำพูดที่บอกว่าตัวเองหัวไวสามารถเรียนรู้ได้รวดเร็วไม่ใช่แค่คำโอ้อวดซะแล้วไม่เสียแรงที่ลูกสาวเธอทั้งรักและหลงเขาราวกับแมลงวันตอมขี้ เอ๊ะ !! คำเปรียบเทียบของเธอทำไมฟังดูทะแม่งชอบกลนะภีมวัจน์ที่เป็นขี้ที่ถูกแมลงวันตอม “_”กอหญ้าที่ถูกเปรียบเทียบว่าเป็นแมลงวันตอมขี้ “_”“ตอนนี้เชื่อใจผมได้หรือยังครับว่าผมสามารถปกป้องกอหญ้าได้แน่นอน”คนที่
โรงพยาบาล N ภายในห้องพักผู้ป่วยที่อบอวลไปด้วยกลิ่นยาภีมวัจน์ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดดวงตาคู่คมกระพริบไปมาหลายครั้งเพื่อปรับให้เข้ากับแสงสว่างภายในห้องก่อนที่ภาพเลือนรางตรงหน้าจะค่อยๆชัดเจนขึ้นตามลำดับจนกระทั่งใบหน้างดงามของใครบางคนสะท้อนเข้าสู่สายตาของเขา ภีมวัจน์ค่อยๆใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มียันร่างลุกขึ้นจากเตียงก่อนที่มือหยาบกร้านเพราะผ่านการฝึกที่หนักหน่วงจะแตะลงบนแก้มเนียนของกอหญ้าที่กำลังนอนฟุบหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงคนไข้ของเขา หมับ เมื่อประสาทสัมผัสรับรู้ที่ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาทำงานแม้ว่าดวงตาคู่งามจะปิดสนิทมือของกอหญ้าก็รีบคว้าจับมือที่กำลังแตะลงบนแก้มของเธอด้วยความรวดเร็วทันที“ตื่นแล้วเหรอคะ?”น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยถามภีมวัจน์ด้วยความดีใจใบหน้าที่ตอนแรกยังคงมีความงัวเงียให้เห็นอยู่บ้างพลันตื่นเต็มตาเมื่อเห็นว่าคนที่เธอนอนเฝ้าเขามาหนึ่งคืนเต็มๆฟื้นแล้ว“ขืนผมยังนอนไม่ยอมลุกแม่ยายคงได้ตามมาตีผมหลังหักอีกแน่ ๆ โทษฐานที่ทำให้ลูกสาวของท่านต้องมานอนเฝ้าทั้งคืน”กอหญ้าหลุดเราะออกมาด้วยความขบขันกับคำพูดติดตลกของภีมวัจน์ก่อนที่เธอจะแนบใบหน้าเล็กเรียวลงบนฝ่ามือให
ในขณะที่ภีมวัจน์กำลังนอนหลับพักผ่อนอย่างสบายใจส่วนกอหญ้าเองก็กำลังจัดการกับเอกสารตรงหน้าอย่างผ่อนคลายสบายอารมณ์เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นเบาๆติดกันสามครั้งกอหญ้าเอ่ยปากอนุญาตโดยที่สายตาไม่ได้ละไปจากตัวหนังสือบนเอกสารแม้แต่ตัวเดียวก่อนที่ผู้มาเยือนจะค่อยๆกระชากประตูเปิดออกและวิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้องด้วยความรู้สึกที่อัดอั้นตันใจจนแทบอยากจะร้องไห้ออกมาอยู่ร่อมร่อ“ท่านประธานของเต”เสียงแผดร้องโหยหวนของเตชินทร์ทำให้ภีมวัจน์ที่กำลังนอนหลับสนิทถึงกับสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจเขายังไม่ทันได้เอ่ยถามกอหญ้าว่าเกิดอะไรขึ้นก็ถูกใครบางคนโถมเข้ามากอดเอาไว้อย่างไม่ทันตั้งตัว“ฮือ ฮือ ท่านประธานใครมันกล้าทำให้ท่านประธานตกอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้แบบนี้”ถึงแม้น้ำเสียงจะฟังดูสะอึกสะอื้นคล้ายดั่งคนที่ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างหนักแต่ใบหน้าที่ซบลงบนไหล่ของภีมวัจน์กลับแอบเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย หึ หึ สงสัยพระเจ้าต้องสงสารเขาอย่างแน่นอนที่ถูกเจ้านายใช้งานจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนถึงได้ลงโทษเจ้านายของเขาให้ตกอยู่ในสภาพคิ้วแตกปากแตกแบบนี้ คิก คิก เตชินทร์ลอบหัวเราะในใจเขานั้นทั้งนึกสะใจและห่วงใยไปในคร
กลิ่นกายหอมกรุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของกอหญ้าที่ลอยเข้ามาแตะจมูกทำให้ภีมวัจน์ที่กำลังนอนอ่านหนังสืออยู่เตียงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองก่อนที่ดวงตาคู่คมของเขาจะเบิกกว้างเล็กน้อยจ้องมองกอหญ้าที่สวมชุดนอนลายเสือที่แทบจะปกปิดความอวบอิ่มของร่างกายเอาไว้ไม่มิดด้วยความตกตะลึงฉับพลันนั้นอยู่ ๆ เลือดลมภายในร่างกายของภีมวัจน์ก็แล่นพล่านสูบฉีดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนความร้อนรุ่มราวกับถูกยาปลุกเซ็กซ์ตรงเข้าจู่โจมอย่างกะทันหันเพียงแค่เห็นผิวเนื้อขาวเนียนราวกับหยกชั้นดีภายใต้เนื้อผ้าบางเบา เขาอยากสัมผัสลูบไล้ให้ถึงใจคือความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวของภีมวัจน์ตัวหนังสือที่เขาอ่านก่อนหน้านี้ถูกความคิดเหล่านี้ตีจนกระเจิดกระเจิงกระเด็นลอยไปไกล“ทะ ทำไมวันนี้ถึงได้ใส่ชุดนี้ล่ะคะ ปกติผมไม่เคยเห็นคุณใส่ชุดแบบนี้มาก่อนเลย”อึกภีมวัจน์เอ่ยถามกอหญ้าด้วยดวงตาที่พราวระยับเผยความต้องการอย่างปิดไม่มิดลำคอรู้สึกแห้งผากจนต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนที่กอหญ้าจะเดินมาหยุดลงที่ข้างเตียงและทิ้งตัวลงนั่งบนตักของเขาทำเอาคนที่ถูกจู่โจมถึงกับยกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจสองมือโยนหนังสือที่ตั้งใจอ่านทิ้งลงข้างเตียงอย่างไม่ใยดีและเปลี่ยนมาโอบ
หลังจากที่รักษาตัวจนแผลบนใบหน้าค่อยๆจางลงไปจนแทบไม่เหลือรอยภีมวัจน์ก็ต้องกลับเข้าสู่การฝึกด่านที่สองอีกครั้งซึ่งครั้งนี้คนที่ฝึกซ้อมให้เขาไม่ใช่แม่ยายที่แสนร้ายกาจหรือครูฝึกที่แสนขี้เล่นจนแทบจะเล่นขี้ได้อยู่แล้วแต่กลับเป็นคนที่เขาไม่คาดคิดว่าจะเข้ามามีส่วนร่วมในการทดสอบเขาในครั้งนี้ด้วยก็คือพ่อตาสุดหล่อนายแพทย์วายุที่มักจะมีสีหน้าอ่อนโยนให้เห็นอยู่เป็นประจำทำเอาภีมวัจน์อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ จากที่เขารู้มาพ่อตาของเขานอกจากจะเป็นศัลยแพทย์ที่มีฝีมือร้ายกาจแล้วท่านยังเป็นถึงลูกชายของมาเฟียใหญ่แห่งประเทศญี่ปุ่นซึ่งก็คือคุณปู่ของกอหญ้าที่เขายังไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อนครั้งแรกที่ได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้จากปากของกอหญ้าสมองของภีมวัจน์ถึงกับรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ เขาคิดไม่ถึงเลยว่านอกจากครอบครัวของแม่ยายที่เป็นมาเฟียแล้วครอบครัวทางฝั่งพ่อตาก็เป็นครอบครัวมาเฟียใหญ่ที่ไม่ได้ร้ายกาจน้อยหน้าครอบครัวของแม่ยายเลยแม้แต่น้อยที่สำคัญคุณปู่ของกอหญ้ายังเป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดกับคุณตากฤษฎิ์อีกด้วย “หน้ายังไม่หายดีเลย” กอหญ้ายกมือขึ้นลูบเบาๆตรงมุมปากของภีมวัจน์ที่ยังคงเหลื
ห้างสรรพสินค้าภาพสองหนุ่มสาวที่เดินควงแขนกันเข้ามาในห้างสรรพสินค้าชื่อดังดึงดูดสายตาผู้คนให้หันมามองด้วยความสนใจดวงหน้างดงามที่แย้มยิ้มสดใสตลอดเวลาที่คนรักก้มหน้าลงมากระซิบกระซาบพูดคุยหยอกล้อกันราวกับว่าที่ตรงนี้เวลานี้มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นชวนให้คนโสดที่เดินสวนไปสวนมารู้สึกอิจฉาตาร้อนจนไม่น้อยคนโสดที่กำลังเดินสวนไปสวนมา T_T โปรดส่งใครมารักฉันทีอยู่ตรงนี้เหงาจนทนแทบไม่ไหวแล้ว“วันนี้กอหญ้าอยากกินไอศกรีมค่ะกอหญ้าจะกินหลายๆรสให้จุใจไปเลย”กอหญ้าเงยหน้าขึ้นมาบอกภีมวัจน์ด้วยรอยยิ้มสดใสดวงตาที่งดงามเปล่งประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวบนท้องฟ้าในยามค่ำคืนบ่งบอกอารมณ์ของกอหญ้าได้เป็นอย่างดีว่าวันนี้เธอมีความสุขมากแค่ไหนที่ได้ออกมาเดินเที่ยวเล่น“ไม่กลัวอ้วนแล้วเหรอคะ? ไหนบอกว่าตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านน้ำหนักขึ้นตั้งสองโล”ภีมวัจน์เอ่ยถามคนรักด้วยน้ำเสียงหยอกล้อเมื่อเห็นว่าวันนี้กอหญ้าอยากจะทานไอศกรีมทั้ง ๆ ที่พยายามจะไม่สนใจของหวานที่หอมละมุนฉ่ำปากมาได้ตั้งสองอาทิตย์แล้ว“ถ้าน้ำหนักขึ้นกอหญ้าก็แค่ชวนพี่ภีมออกกำลังกายก่อนนอนบ่อยๆแค่นั้นไขมันก็หนีกระเจิงแล้วค่ะ”คำพูดทะลึ่งตึงตังที่กำลังกระซิบ
ดวงตาคู่คมของภีมวัจน์ค่อยๆหรี่ลงและจ้องมองไปยังประตูทางเข้าที่มีร่างสูงของคนสองคนกำลังเดินคุยกันเข้ามาภายในร้านอาหารซึ่งทั้งสองคนที่กำลังมีสีหน้ายิ้มแย้มเบิกบานนั้นเขารู้จักเป็นอย่างดีทันใดนั้นสัญญาณบางอย่างก็ร้องเตือนขึ้นมาในหัวของภีมวัจน์ทันทีใบหน้าหล่อเหลาของเขาที่เดิมทียังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าค่อยๆเลือนหายไปจนเหลือเพียงความเย็นชาเข้ามาแทนที่“กำลังคิดอะไรอยู่เหรอคะ?”กอหญ้าที่มองเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปเอ่ยถามภีมวัจน์อย่างต้องการหยั่งเชิงเพราะสิ่งที่เธอต้องการให้เขาได้เห็นในที่สุดเขาก็ได้เห็นแล้วตอนนี้เธออยากจะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ไม่มีอะไรหรอกค่ะแค่บังเอิญเห็นคนรู้จักเท่านั้น”สีหน้าเย็นชาพลันพลิกเปลี่ยนราวกับหน้ามือเป็นหลังมือภีมวัจน์เผยรอยยิ้มอ่อนโยนให้กอหญ้าก่อนที่เขาจะตักอาหารตรงหน้าลงบนจานของเธออย่างเอาอกเอาใจเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเธอที่กำลังรอคอยคำตอบของเขาอยู่ด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม“คนรู้จักที่ว่าใช่น้องชายคนละพ่อคนละแม่ที่ชื่อดนัยหรือเปล่าคะ?”ดวงตาของภีมวัจน์พลันไหววูบเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามที่ตรงไปตรงมาของกอหญ้าดวงตาคู่คมของเขาแสร้งหลุบตาลงมองพื
วันต่อมา หลังจากที่ภีมวัจน์ออกไปส่งกอหญ้าขึ้นรถไปทำงานเรียบร้อยแล้วเขาก็รีบเดินทางมายังด้านหลังของคฤหาสน์ซึ่งเป็นสนามยิงปืนส่วนตัวขนาดใหญ่เมื่อเขาเดินมาถึงก็พบเข้ากับร่างสูงของนายแพทย์วายุพ่อตาของเขาที่กำลังยืนมองท้องฟ้าด้วยสีหน้าที่ดูผ่อนคลายสบายใจช่างเป็นภาพที่งดงามชวนมองยิ่งกว่าอะไรเสียอีก อืม หล่อเหลาขนาดนี้ไม่แปลกที่แม่ยายของเขาจะคลั่งรักขนาดนี้“มาแล้วเหรอ?”“ครับคุณพ่อ”ภีมวัจน์ตอบรับวายุด้วยน้ำเสียงนอบน้อมก่อนที่เขาจะเดินตามพ่อตาไปยังบริเวณที่ฝึกซ้อมสายตาของภีมวัจน์หยุดลงบนปืนหลายขนาดที่วางอยู่ใต้พรมบนโต๊ะข้างๆที่ฝึกซ้อม ตอนอยู่ที่ต่างประเทศภีมวัจน์เคยเรียนยิงปืนมาก่อนซึ่งความแม่นยำของเขานั้นเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งไม่มีสองแต่ชนิดของปืนที่เขาเรียนนั้นมีเพียงแค่ปืนสั้นและปืนพกแบบซุกซ่อนเท่านั้นแต่บนโต๊ะที่เขากำลังมองอยู่กลับมีปืนมากมายหลายชนิดที่แยกประเภทของมันวางเรียงรายอยู่อย่างเป็นระเบียบภีมวัจน์ “_” นี่จะทดสอบเขาหรือฝึกให้เขาไปเป็นนักฆ่ากันแน่?“ตอนอยู่ที่ต่างประเทศเคยเรียนยิงปืนสั้นกับปืนพกแบบซุกซ่อนมาแล้วใช่ไหม?”คำถามของพ่อตาทำเอาภีมวัจน์ถึงกับชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เข