หลังจากเลิกงานแล้วกอหญ้ากับภีมวัจน์ก็รีบเดินทางกลับบ้านทันทีเพราะไม่อยากให้คุณปู่ต้องรอนานส่วนวัตถุดิบที่จะใช้ทำอาหารของวันนี้กอหญ้ามอบหมายให้ลูกน้องทั้งสองของเธอไปจัดเตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วซึ่งเมนูที่กอหญ้าตั้งใจจะทำให้คุณปู่ทานในวันนี้ก็คือข้าวแช่ชาววังเพราะว่าอยู่ในช่วงหน้าร้อนกอหญ้าจึงอยากจะทำเมนูคลายร้อนที่ทานง่ายถึงแม้ว่าขั้นตอนของการทำอาจจะดูยุ่งยากและต้องพิถีพิถันมากหน่อยแต่ไม่เป็นปัญหากับเธอแต่อย่างใดเพราะตั้งแต่เด็กจนโตคุณยายก็มักจะทำเมนูนี้ให้ครอบครัวทานในหน้าร้อนตลอดกอหญ้ากับรามสูรจึงได้รับการถ่ายทอดฝีมือมาจากคุณยายโดยตรงรสชาติที่ทั้งสองพี่น้องทำจึงอร่อยเทียบเท่ากับฝีมือของคุณยายที่รักทีเดียว“ทำไมคุณถึงทำกับข้าวเก่งจัง”ภีมวัจน์ที่คอยเป็นลูกมือช่วยกอหญ้าทำมื้อเย็นเอ่ยถามเธอด้วยความอยากรู้เขาจำได้ว่าตั้งแต่ที่กอหญ้าประกาศกับเขาว่าจะต้องทำให้เขาหวั่นไหวให้ได้เธอก็ทำมื้อเช้ามาให้เขาซึ่งรสชาติของอาหารมื้อแรกที่ได้รับการเอาใจใส่(ที่หวังผล)จากเธอนั้นรสชาติค่อนข้างอร่อยและถูกปากของเขามากออกไปทางคล้ายกับรสมือของแม่ที่เขาเคยทานในอดีตวัยเยาว์นี่เขาไม่ได้ต้องการอวดหรืออวยเ
เนื่องจากเมื่อวานภีมวัจน์ต้องกลับไปทานอาหารมื้อค่ำกับครอบครัวการเริ่มต้นฝึกความแข็งแกร่งกับแก้มใสตามข้อตกลงบังคับแกมขู่เข็ญจึงต้องเลื่อนเป็นวันถัดไปและวันนี้หลังจากที่จัดการกับงานตรงหน้าเสร็จเรียบร้อยและโยนงานกองใหญ่ที่เหลือให้เตชินทร์รับช่วงต่อแล้วภีมวัจน์ก็เตรียมตัวพากอหญ้าเดินทางกลับบ้านของเธอทันทีทำให้คนที่ใบหน้าแทบจะจมลงบนเอกสารที่อยู่ตรงหน้าได้แต่เอ่ยขึ้นด้วยความน้อยอกน้อยใจ“ตั้งแต่กลับมาทำงานท่านประธานก็ใช้งานผมจนแทบไม่ได้พักเลยนะครับ ผมเหนื่อยจะตายอยู่แล้วท่านประธานรู้ไหม? ฮือ ฮือ เวรกรรมอะไรของแกนะเตชินทร์ถึงได้เจอะได้เจอกับท่านประธานที่ช่างโหดเหี้ยมใช้งานไม่ให้หยุดพักแบบนี้”เสียงร้องไห้คร่ำครวญที่แสร้งทำกับใบหน้าหล่อเหลาที่ไร้ซึ่งหยดน้ำตาทำให้ภีมวัจน์อดใจไม่ไหวจับปากกาที่วางอยู่บนโต๊ะโยนใส่เตชินทร์ที่เบี่ยงตัวหลบด้วยความรวดเร็วเพราะเขาคุ้นชินกับการชอบโยนปากกาใส่เขาในยามโกรธของภีมวัจน์แล้ว“แบร่ โยนให้ตายก็ไม่มีทางโดน คิก คิก คิก”คนที่แสร้งทำตัวน่าสงสารก่อนหน้านี้แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ภีมวัจน์ด้วยความเจ้าเล่ห์ก่อนที่เขาจะส่งค้อนให้ภีมวัจน์ทิ้งท้ายเมื่อรู้ว่าต่อให้ทำตัวน่าสงสารอ
เพราะถูกแม่ยายเคี่ยวกรำอย่างโหดเหี้ยมทำให้ภีมวัจน์ตั้งใจเรียนรู้วิชาการต่อสู้เป็นอย่างมากหลังจากวันแรกที่เขาเรียนรู้ขั้นพื้นฐานไปแล้ววันต่อมาแก้มใสก็มอบหมายให้ไทเลอร์อาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้ประจำตระกูลพิสิฐกุลวัตรดิลกรับหน้าที่คอยฝึกสอนภีมวัจน์ที่ไม่ได้หัวไวเพียงแค่คำพูดอวดอ้างเท่านั้นแต่เพราะเขาเป็นคนที่ช่างสังเกตุและระมัดระวังอยู่เสมอทำให้เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งเดือนฝีมือของภีมวัจน์นั้นเรียกได้ว่าร้ายกาจไม่แพ้ลูกน้องของวายุเลยแม้แต่น้อย “เรียนรู้ได้ไวดีนี่”หลังจากที่ได้รับรายงานความก้าวหน้าในการฝึกซ้อมการต่อสู้ของลูกเขยแก้มใสที่กำลังนั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจอยู่ที่โรงพยาบาลก็วิ่งแจ้นกลับบ้านทันทีด้วยความดีใจเจ้าเด็กคนนี้ไม่ทำให้เธอผิดหวังเลยสงสัยคำพูดที่บอกว่าตัวเองหัวไวสามารถเรียนรู้ได้รวดเร็วไม่ใช่แค่คำโอ้อวดซะแล้วไม่เสียแรงที่ลูกสาวเธอทั้งรักและหลงเขาราวกับแมลงวันตอมขี้ เอ๊ะ !! คำเปรียบเทียบของเธอทำไมฟังดูทะแม่งชอบกลนะภีมวัจน์ที่เป็นขี้ที่ถูกแมลงวันตอม “_”กอหญ้าที่ถูกเปรียบเทียบว่าเป็นแมลงวันตอมขี้ “_”“ตอนนี้เชื่อใจผมได้หรือยังครับว่าผมสามารถปกป้องกอหญ้าได้แน่นอน”คนที่
โรงพยาบาล N ภายในห้องพักผู้ป่วยที่อบอวลไปด้วยกลิ่นยาภีมวัจน์ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดดวงตาคู่คมกระพริบไปมาหลายครั้งเพื่อปรับให้เข้ากับแสงสว่างภายในห้องก่อนที่ภาพเลือนรางตรงหน้าจะค่อยๆชัดเจนขึ้นตามลำดับจนกระทั่งใบหน้างดงามของใครบางคนสะท้อนเข้าสู่สายตาของเขา ภีมวัจน์ค่อยๆใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มียันร่างลุกขึ้นจากเตียงก่อนที่มือหยาบกร้านเพราะผ่านการฝึกที่หนักหน่วงจะแตะลงบนแก้มเนียนของกอหญ้าที่กำลังนอนฟุบหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงคนไข้ของเขา หมับ เมื่อประสาทสัมผัสรับรู้ที่ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาทำงานแม้ว่าดวงตาคู่งามจะปิดสนิทมือของกอหญ้าก็รีบคว้าจับมือที่กำลังแตะลงบนแก้มของเธอด้วยความรวดเร็วทันที“ตื่นแล้วเหรอคะ?”น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยถามภีมวัจน์ด้วยความดีใจใบหน้าที่ตอนแรกยังคงมีความงัวเงียให้เห็นอยู่บ้างพลันตื่นเต็มตาเมื่อเห็นว่าคนที่เธอนอนเฝ้าเขามาหนึ่งคืนเต็มๆฟื้นแล้ว“ขืนผมยังนอนไม่ยอมลุกแม่ยายคงได้ตามมาตีผมหลังหักอีกแน่ ๆ โทษฐานที่ทำให้ลูกสาวของท่านต้องมานอนเฝ้าทั้งคืน”กอหญ้าหลุดเราะออกมาด้วยความขบขันกับคำพูดติดตลกของภีมวัจน์ก่อนที่เธอจะแนบใบหน้าเล็กเรียวลงบนฝ่ามือให
ในขณะที่ภีมวัจน์กำลังนอนหลับพักผ่อนอย่างสบายใจส่วนกอหญ้าเองก็กำลังจัดการกับเอกสารตรงหน้าอย่างผ่อนคลายสบายอารมณ์เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นเบาๆติดกันสามครั้งกอหญ้าเอ่ยปากอนุญาตโดยที่สายตาไม่ได้ละไปจากตัวหนังสือบนเอกสารแม้แต่ตัวเดียวก่อนที่ผู้มาเยือนจะค่อยๆกระชากประตูเปิดออกและวิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้องด้วยความรู้สึกที่อัดอั้นตันใจจนแทบอยากจะร้องไห้ออกมาอยู่ร่อมร่อ“ท่านประธานของเต”เสียงแผดร้องโหยหวนของเตชินทร์ทำให้ภีมวัจน์ที่กำลังนอนหลับสนิทถึงกับสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจเขายังไม่ทันได้เอ่ยถามกอหญ้าว่าเกิดอะไรขึ้นก็ถูกใครบางคนโถมเข้ามากอดเอาไว้อย่างไม่ทันตั้งตัว“ฮือ ฮือ ท่านประธานใครมันกล้าทำให้ท่านประธานตกอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้แบบนี้”ถึงแม้น้ำเสียงจะฟังดูสะอึกสะอื้นคล้ายดั่งคนที่ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างหนักแต่ใบหน้าที่ซบลงบนไหล่ของภีมวัจน์กลับแอบเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย หึ หึ สงสัยพระเจ้าต้องสงสารเขาอย่างแน่นอนที่ถูกเจ้านายใช้งานจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนถึงได้ลงโทษเจ้านายของเขาให้ตกอยู่ในสภาพคิ้วแตกปากแตกแบบนี้ คิก คิก เตชินทร์ลอบหัวเราะในใจเขานั้นทั้งนึกสะใจและห่วงใยไปในคร
กลิ่นกายหอมกรุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของกอหญ้าที่ลอยเข้ามาแตะจมูกทำให้ภีมวัจน์ที่กำลังนอนอ่านหนังสืออยู่เตียงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองก่อนที่ดวงตาคู่คมของเขาจะเบิกกว้างเล็กน้อยจ้องมองกอหญ้าที่สวมชุดนอนลายเสือที่แทบจะปกปิดความอวบอิ่มของร่างกายเอาไว้ไม่มิดด้วยความตกตะลึงฉับพลันนั้นอยู่ ๆ เลือดลมภายในร่างกายของภีมวัจน์ก็แล่นพล่านสูบฉีดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนความร้อนรุ่มราวกับถูกยาปลุกเซ็กซ์ตรงเข้าจู่โจมอย่างกะทันหันเพียงแค่เห็นผิวเนื้อขาวเนียนราวกับหยกชั้นดีภายใต้เนื้อผ้าบางเบา เขาอยากสัมผัสลูบไล้ให้ถึงใจคือความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวของภีมวัจน์ตัวหนังสือที่เขาอ่านก่อนหน้านี้ถูกความคิดเหล่านี้ตีจนกระเจิดกระเจิงกระเด็นลอยไปไกล“ทะ ทำไมวันนี้ถึงได้ใส่ชุดนี้ล่ะคะ ปกติผมไม่เคยเห็นคุณใส่ชุดแบบนี้มาก่อนเลย”อึกภีมวัจน์เอ่ยถามกอหญ้าด้วยดวงตาที่พราวระยับเผยความต้องการอย่างปิดไม่มิดลำคอรู้สึกแห้งผากจนต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนที่กอหญ้าจะเดินมาหยุดลงที่ข้างเตียงและทิ้งตัวลงนั่งบนตักของเขาทำเอาคนที่ถูกจู่โจมถึงกับยกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจสองมือโยนหนังสือที่ตั้งใจอ่านทิ้งลงข้างเตียงอย่างไม่ใยดีและเปลี่ยนมาโอบ
หลังจากที่รักษาตัวจนแผลบนใบหน้าค่อยๆจางลงไปจนแทบไม่เหลือรอยภีมวัจน์ก็ต้องกลับเข้าสู่การฝึกด่านที่สองอีกครั้งซึ่งครั้งนี้คนที่ฝึกซ้อมให้เขาไม่ใช่แม่ยายที่แสนร้ายกาจหรือครูฝึกที่แสนขี้เล่นจนแทบจะเล่นขี้ได้อยู่แล้วแต่กลับเป็นคนที่เขาไม่คาดคิดว่าจะเข้ามามีส่วนร่วมในการทดสอบเขาในครั้งนี้ด้วยก็คือพ่อตาสุดหล่อนายแพทย์วายุที่มักจะมีสีหน้าอ่อนโยนให้เห็นอยู่เป็นประจำทำเอาภีมวัจน์อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ จากที่เขารู้มาพ่อตาของเขานอกจากจะเป็นศัลยแพทย์ที่มีฝีมือร้ายกาจแล้วท่านยังเป็นถึงลูกชายของมาเฟียใหญ่แห่งประเทศญี่ปุ่นซึ่งก็คือคุณปู่ของกอหญ้าที่เขายังไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อนครั้งแรกที่ได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้จากปากของกอหญ้าสมองของภีมวัจน์ถึงกับรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ เขาคิดไม่ถึงเลยว่านอกจากครอบครัวของแม่ยายที่เป็นมาเฟียแล้วครอบครัวทางฝั่งพ่อตาก็เป็นครอบครัวมาเฟียใหญ่ที่ไม่ได้ร้ายกาจน้อยหน้าครอบครัวของแม่ยายเลยแม้แต่น้อยที่สำคัญคุณปู่ของกอหญ้ายังเป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดกับคุณตากฤษฎิ์อีกด้วย “หน้ายังไม่หายดีเลย” กอหญ้ายกมือขึ้นลูบเบาๆตรงมุมปากของภีมวัจน์ที่ยังคงเหลื
ห้างสรรพสินค้าภาพสองหนุ่มสาวที่เดินควงแขนกันเข้ามาในห้างสรรพสินค้าชื่อดังดึงดูดสายตาผู้คนให้หันมามองด้วยความสนใจดวงหน้างดงามที่แย้มยิ้มสดใสตลอดเวลาที่คนรักก้มหน้าลงมากระซิบกระซาบพูดคุยหยอกล้อกันราวกับว่าที่ตรงนี้เวลานี้มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นชวนให้คนโสดที่เดินสวนไปสวนมารู้สึกอิจฉาตาร้อนจนไม่น้อยคนโสดที่กำลังเดินสวนไปสวนมา T_T โปรดส่งใครมารักฉันทีอยู่ตรงนี้เหงาจนทนแทบไม่ไหวแล้ว“วันนี้กอหญ้าอยากกินไอศกรีมค่ะกอหญ้าจะกินหลายๆรสให้จุใจไปเลย”กอหญ้าเงยหน้าขึ้นมาบอกภีมวัจน์ด้วยรอยยิ้มสดใสดวงตาที่งดงามเปล่งประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวบนท้องฟ้าในยามค่ำคืนบ่งบอกอารมณ์ของกอหญ้าได้เป็นอย่างดีว่าวันนี้เธอมีความสุขมากแค่ไหนที่ได้ออกมาเดินเที่ยวเล่น“ไม่กลัวอ้วนแล้วเหรอคะ? ไหนบอกว่าตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านน้ำหนักขึ้นตั้งสองโล”ภีมวัจน์เอ่ยถามคนรักด้วยน้ำเสียงหยอกล้อเมื่อเห็นว่าวันนี้กอหญ้าอยากจะทานไอศกรีมทั้ง ๆ ที่พยายามจะไม่สนใจของหวานที่หอมละมุนฉ่ำปากมาได้ตั้งสองอาทิตย์แล้ว“ถ้าน้ำหนักขึ้นกอหญ้าก็แค่ชวนพี่ภีมออกกำลังกายก่อนนอนบ่อยๆแค่นั้นไขมันก็หนีกระเจิงแล้วค่ะ”คำพูดทะลึ่งตึงตังที่กำลังกระซิบ
โรงเรียนอนุบาลมือเล็กขาวนุ่มนิ่มของเด็กชายตัวน้อยค่อยๆยื่นไปอุ้มเจ้าลูกแมวตัวเล็กที่ส่งเสียงร้องด้วยความสงสารดวงตากลมโตราวกับผลองุ่นจ้องมองแมวน้อยด้วยแววตาทอแสงเป็นประกายก่อนที่เด็กชายจะยื่นเจ้าแมวสีขาวที่เลอะคราบดินให้เด็กชายอีกคนที่หน้าตาเหมือนกันจนแทบแยกไม่ออกพร้อมกับหันกลับไปอุ้มเจ้าแมวน้อยอีกตัวมาไว้ในอ้อมแขนพีร์ รณพีร์ : เราจะพาเจ้าแมวน้อยสองตัวนี้กลับไปเลี้ยงจริงๆเหรอครับพี่ภาคย์ ?เด็กชายตัวน้อยเอ่ยถามผู้เป็นพี่ชายด้วยสีหน้ากังวลใจเพราะเขากลัวว่าบิดาและมารดาจะไม่เอ็นดูเจ้าตัวเล็กทั้งสองคนเหมือนเขากับพี่ชายที่รู้สึกสงสารลูกแมวน้อยที่กำพร้าแม่ตั้งแต่แรกเห็นพี่ชายของเขาจึงตัดสินใจที่จะพาเจ้าตัวเล็กทั้งสองกลับไปด้วยเพื่อขออนุญาตบิดาและมารเลี้ยงเอาไว้ภาคย์ ภูบดินทร์ : อืม แมวน้อยน่าสงสารไม่มีแม่แล้วต่อไปเราสองคนต้องตั้งใจเลี้ยงให้ดีนะรู้ไหม ?ผู้เป็นพี่ชายเอ่ยบอกน้องชายด้วยรอยยิ้มก่อนที่สองพี่น้องจะพากันเดินไปที่หน้าโรงเรียนเพื่อนั่งรอบิดากับมารดามารับระหว่างทางที่เดินไปเด็กสาวบางคนต่างก็หันมาจ้องมองพี่น้องฝาแฝดด้วยความสนใจบางคนถึงกับแก้มแดงระเรื่อด้วยความเขินอายแต่เด็กชายทั้งสอ
เวลาที่ผ่านไปวันแล้ววันเล่าในที่สุดกำหนดคลอดของกอหญ้าก็ใกล้เข้ามาทุกทีทุกคนในครอบครัวต่างพากันตื่นเต้นเป็นอย่างมากโดยเฉพาะบรรดาผู้อาวุโสอย่างคุณตากฤษฎิ์ คุณยายที่รัก รวมไปถึงคุณปู่ภาสกรของภีมวัจน์ที่ทั้งตื่นเต้นและกังวลใจเนื่องจากท้องของกอหญ้านั้นค่อนข้างใหญ่มากเพราะเจ้าเด็กตัวอ้วนในท้องนั้นเป็นเด็กแฝด ซึ่งตั้งแต่นั้นมาทุกคนต่างก็สั่งห้ามไม่ให้เธอเข้าครัวทำอาหารแต่มีหรือที่คนดื้อรั้นอย่างกอหญ้าจะฟังทันทีที่ไร้สายตาคอยจับจ้องกอหญ้าก็ยังคงเพลิดเพลินกับการเรียนรู้วิธีทำอาหารที่หลากหลายเหมือนเดิมจนกระทั่งเหลือเวลาอีกเพียงสามอาทิตย์ก่อนที่เธอจะคลอดกิจกรรมที่เธอชอบทำทุกอย่างจึงถูกสั่งห้ามอย่างเด็ดขาดซึ่งกอหญ้าก็ยอมเชื่อฟังแต่โดยดีเพราะตอนนี้เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวสักเท่าไรเธอจึงทำได้เพียงแค่นั่งๆนอนๆจนแทบจะขึ้นรากลายเป็นปลาเค็มตากแห้งอยู่แล้ววันนี้เธอจึงถือโอกาสที่ภีมวัจน์หยุดงานชวนเขาออกมาเดินเล่นด้านล่างเพื่อสูดอากาศที่บริสุทธิ์ดีกว่านอนอุดอู้อยู่ภายในบ้าน“หืม ทำไมคุณตากับคุณยายถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะคะ ? แล้วนั่นใช่คุณปู่ของพี่ภีมไหมคะ ?”เมื่อเดินมาถึงบริเวณสวนดอกไม้สายตาของกอหญ้าก็พลัน
เมื่อเดินทางกลับมาจากฮันนีมูนภีมวัจน์ก็กลับไปทำงานตามปกติส่วนกอหญ้าที่อายุครรภ์เริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆก็มองหากิจกรรมทำเพื่อไม่ให้ตัวเองว่างจนฟุ้งซ่านเมื่อต้องอยู่บ้านเพียงลำพังในช่วงที่เพิ่งกลับมาจากฮันนีมูนกอหญ้าเคยขอตามภีมวัจน์ไปที่บริษัทเพื่อช่วยเขาทำงานแต่กลับถูกวาจาออดอ้อนอ่อนหวานที่บอกให้เธอพักผ่อนอยู่ที่บ้านเพื่อดูแลครรภ์ใจของกอหญ้าพลันอ่อนยวบและยอมทำตามคำขอร้องของสามีอย่างว่าง่ายเพราะเธอเข้าใจดีว่าภีมวัจน์นั้นเป็นห่วงเธอกับลูกกิจกรรมที่กอหญ้าเลือกทำในระหว่างที่พักผ่อนอยู่บ้านส่วนใหญ่แล้วเธอจะเปิดเพลงฟังพร้อมทั้งทำอาหารไปด้วยซึ่งตั้งแต่ที่เดินทางกลับจากฮันนีมูนกอหญ้าก็เริ่มมีความสนใจอยากจะเรียนทำอาหารจีนแล้วเพราะก่อนหน้านี้ตอนที่เธออยู่อิตาลีเธอเคยลงเรียนทำอาหารและขนมหลักสูตรระยะสั้นช่วงปิดเทอมทำให้กอหญ้ามีความรู้เรื่องการทำอาหารไม่น้อยและครั้งนี้กอหญ้าเริ่มเรียนรู้การทำอาหารด้วยตัวเองโดยการดูจากสื่อตามช่องทางต่างๆด้วยความที่เธอเป็นคนหัวไวเรียนรู้เพียงไม่นานฝีมือการทำอาหารของกอหญ้านั้นเรียกได้ว่าพัฒนาแบบก้าวกระโดดมากยิ่งกว่าแม่แก้มใสของเธอเสียอีกและวันนี้ยังคงเป็นอีกหนึ่งวันที่ก
หลังจากที่แต่งงานและจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยและส่งบรรดาคุณลุงคุณป้าคุณปู่คุณย่ารวมไปถึงน้อง ๆของกอหญ้ากลับต่างประเทศเรียบร้อยแล้วภีมวัจน์ก็จัดการโยนงานทั้งหมดให้เตชินทร์ดูแลทันทีทำเอาคนที่เพิ่งไปเที่ยวกลับมาอย่างมีความสุขหน้าหงิกหน้างอไม่น่ามองไปหลายวันเลยทีเดียว ยังดีที่กลับมาจากต่างประเทศครั้งนี้เตชินทร์มีเคทกลับมาด้วยในฐานะแฟนทำให้เขาที่เคยถูกทอดทิ้งให้ทำงานคนเดียวเพียงลำพังไม่ต้องอยู่อย่างเหงาๆอีกต่อไปอีกทั้งยังมีพ่อตากับแม่ยายของท่านประธานที่คอยช่วยงานเตชินทร์จึงไม่ค่อยกังวลใจสักเท่าไรมีเพียงความโมโหเล็กน้อยจากการที่ถูกท่านประธานช่วงชิงเวลาที่เขาจะสวีทหวานกับเคทไปเท่านั้นที่ทำให้เตชินทร์โมโหจนเผลอก่นด่าเจ้านายไปหลายคำทีเดียวเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนอึกกอหญ้าลอบกลืนน้ำลายด้วยความกระหายเมื่อเห็นคนต่อแถวซื้อชานมชื่อดังที่กำลังเป็นที่นิยมในประเทศไทยก่อนหน้าที่เธอจะเลือกเดินทางมาฮันนีมูนที่ประเทศจีนเธอได้หาข้อมูลเกี่ยวกับร้านอาหารชื่อดังเอาไว้มากมายหลายร้านทีเดียวและเมนูชานมไข่มุกก็คือเมนูแรกที่เธออยากจะลองชิมหลังจากที่เดินทางมาถึงที่นี่“พี่ภีมขากอหญ้าอยากกินชานมร้านนั้น”กอหญ้าเอ่ยบอกภีม
เมื่อขบวนเจ้าบ่าวมาถึงทุกคนถึงกับรู้สึกตาพร่าไปชั่วขณะกับด่านประตูเงินประตูทองที่ดูเหมือนเป็นด่านศูนย์รวมคนหน้าตาดีที่หน้าตาหล่อเหลาคมคายยิ่งกว่าดาราชื่อดังเสียอีกสาวๆที่มากับขบวนแห่ขันหมากต่างพากันหน้าแดงหัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นจนกระทั่งเริ่มด่านประตูเงินประตูทองด่านแรกสาวๆที่หน้าแดงก่อนหน้านี้พลันยิ้มไม่ออกในทันทีเมื่อเงื่อนไขของการผ่านด่านนั้นยากจนเกินไปรามสูร : จะถอยก็ได้นะถ้าสู้ไม่ไหวน้ำเสียงของรามสูรฟังดูเนือยๆก็จริงแต่สายตาที่เขากำลังมองไปที่ภีมวัจน์กลับทำให้เจ้าตัวรู้สึกชาวาบที่หนังศีรษะในใจพลันลอบคิดว่านี่เป็นการมองข่มขู่อย่างไรสุ้มเสียงและไม่ยอมให้เขาปฏิเสธซึ่งภีมวัจน์เองก็ไม่คิดที่จะเอ่ยปฏิเสธแต่อย่างใดนี่คืองานแต่งของเขาเชียวน้ากว่าจะเดินทางมาถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเรื่องอะไรที่เขาจะต้องยอมถอยขนาดด่านทดสอบความแข็งแกร่งของแม่แก้มใสเขายังผ่านมาได้เลยนับประสาอะไรกับแค่ด่านประตูเงินประตูทองด่านแรกที่เขาต้องกินอาหารตรงหน้าให้หมดภาสกร : หลานจะกินหมดนี่จริงๆเหรอ ?ภาสกรที่ยืนอยู่ข้างๆภีมวัจน์เอ่ยถามด้วยความกังวลระคนห่วงใยเมื่อเห็นเมนูอาหารที่อยู่ตรงหน้าซึ่งรสชาติอย่าใ
“ฮึก คุณปู่ขา ฮือ ฮือ”กอหญ้าโผเข้าสู่อ้อมกอดของเรียวอิจิที่อ้าแขนกว้างโอบรั้งหลานสาวเข้าสู่อ้อมกอดด้วยความคิดถึงสุดหัวใจฝ่ามือใหญ่ที่คอยอุ้มชูเธอมาตั้งแต่เด็กค่อยๆลูบหลังที่สะสั่นท้านด้วยแรงสะอื้นอย่างปลอบโยนในขณะที่กอหญ้ารีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลด้วยความดีใจอย่างลวกๆยังดีที่เครื่องสำอางที่ช่างใช้แต่งหน้าให้เธอคือชนิดกันน้ำไม่อย่างนั้นใบหน้าของเธอคงเลอะไปด้วยคราบเครื่องสำอางอย่างแน่นอน“ไม่ร้องนะคนเก่งของปู่วันนี้หนูสวยมากๆขืนร้องไห้อีกคนสวยของปู่คงได้กลายเป็นคนขี้เหร่แน่ ๆ”น้ำเสียงอ่อนโยนของเรียวอิจิเอ่ยชมหลานสาวด้วยภาษาญี่ปุ่นที่เขามักจะใช้พูดคุยกับหลานสาวเป็นประจำเพราะว่าเรียวอิจิอยากให้กอหญ้าเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่เด็กๆเขาจึงมักจะใช้ภาษาญี่ปุ่นพูดคุยสนทนากับหลานสาวอยู่เสมอจนกระทั่งกอหญ้าค่อยๆซึมซับภาษาญี่ปุ่นทีละน้อยจนกลายเป็นว่าสามารถพูดได้คล่องในที่สุด“กอหญ้าแค่ดีใจมากไปหน่อยน่ะค่ะก็เลยกลั้นไว้ไม่อยู่ว่าแต่คุณปู่มาได้ยังไงคะเนี่ย ?”“เฮอะ แต่งงานทั้งทีก็ไม่คิดจะส่งข่าวไปบอกปู่บ้างเลยนะเรา”เรียวอิจิแค่นเสียงเฮอะขึ้นจมูกพร้อมตอบกลับหลานสาวด้วยน้ำเสียงแง่งอนทำให้กอหญ้าได้แ
เช้าวันต่อมารามสูรค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความยากลำบากทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองคล้ายกำลังถูกบางสิ่งบางอย่างทับอยู่ร่างสูงจึงลุกขึ้นพรวดด้วยความตกใจทำให้กอหญ้าที่ปีนขึ้นมานอนบนตัวของพี่ชายราวกับเด็กน้อยลื่นไถลลงบนที่นอนทันทีทำเอาคนขี้เซาถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจเช่นกัน ดวงตาคู่งามกระพริบปริบๆด้วยความงุนงงก่อนที่จะสบเข้ากับดวงตาที่ดูไม่สบอารมณ์ของรามสูรทันใดนั้นกอหญ้าก็ตื่นเต็มตาทันทีในใจพลันมีลางสังหรณ์ไม่ดีเธอจึงรีบขยับตัวออกห่างจากพี่ชายอย่างเนียนๆแต่ก็ช้ากว่ารามสูรที่ยื่นขามาถีบก้นของกอหญ้าเบาๆคนทั้งคนก็ถลาล้มลงไปนอนราบบนเตียงอย่างหมดสภาพ็ช้ากสวว่รมสรท“เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยปีนขึ้นมานอนบนตัวคนอื่นแล้วนอนน้ำลายไหลยืดสักที”น้ำเสียงดุดันที่แฝงไปด้วยความเอือมระอาเล็กน้อยทำให้กอหญ้าที่ล้มลงบนที่นอนรีบดีดตัวเองลุกขึ้นนั่งและจ้องหน้ารามสูรกลับคืนอย่างดุดันไม่แพ้กัน“พี่รามบ้าถีบมาได้กอหญ้าโตแล้วนะ”น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ต่อว่ารามสูรพร้อมถีบขารัวๆไปทางเขาที่กระโดดลงจากเตียงหลบฝ่าเท้าของน้องสาวได้อย่างหวุดหวิด“โตแล้วก็ควรจะเลิกปีนขึ้นมานอนน้ำลายไหลยืดบนตัวพี่รามสักทีเหอ
“พี่รามของยาย”ทันทีที่เห็นหน้าหลานชายที่รักก็รีบวิ่งเข้าไปกอดรามสูรด้วยความดีใจใบหน้าของเธอในยามนี้แย้มยิ้มด้วยความยินดีเพราะเป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้วที่รามสูรไม่ได้กลับมาเมืองไทย“พี่รามเองก็คิดถึงคุณยายมากเหมือนกันครับ”รามสูรเอ่ยบอกผู้เป็นยายด้วยน้ำเสียงออดอ้อนทำให้กอหญ้าที่เดินตามหลังเข้ามาทันได้ยินประโยคนี้เข้าพอดีถึงกับเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ทีกับเธอไม่เห็นว่าพี่ชายจะพูดจาออดอ้อนแบบนี้บ้างเลยเขานี่มันสองมาตรฐานชัดๆ“ปากบอกว่าคิดถึงแต่ตัวไม่ยอมกลับมาหายายบ้างเลยนะเราหรือว่าเดี๋ยวนี้พอมีสาวแล้วก็เลยลืมยาย”คำว่า มีสาวแล้ว ของที่รักทำให้รามสูรที่ไม่เคยคิดจะมีความรักพลันรีบส่ายหน้าปฏิเสธสุดชีวิตทันทีต่อให้เขาจะชอบมีความสัมพันธ์ข้ามคืนกับสาวๆมากหน้าหลายตาแต่เรื่องความรักก็ไม่เคยอยู่ในหัวของเขาหรอกนะ ฮึ้ย คิดถึงเรื่องความรักแล้วขนลุกชะมัด“มีสาวที่ไหนกันคะคุณยายปากดีไม่มีใครเกินแบบนี้จะมีสาวที่ไหนมาชายตามองกันล่ะคะ ? ”กอหญ้าที่เดินไปนั่งลงข้างๆกฤษฎิ์อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นในขณะที่รามสูรได้แต่หันขวับกลับไปถลึงตาใส่น้องสาวที่ลอยหน้าลอยตาหยิบองุ่นส่งเข้าปากด้วยความเอร็ดอร่อยทั้งๆที่เพิ่งพูด
โรงพยาบาล K“ไปดื่มด้วยกันหน่อยไหมคะ ?”ฝีเท้าของคุณหมอหนุ่มที่กำลังก้าวเดินไปยังลานจอดรถของโรงพยาบาลพลันชะงักเล็กน้อยเขาเหลือบมองสาวสวยที่อยู่ในชุดเดรสรัดรูปเพียงแวบเดียวก่อนที่จะดึงสายตากลับมาคืนและเดินไปยังรถ Rolls-Royce รุ่นล่าสุดที่ผลิตเพียงห้าคันในโลกโดยที่ไม่ตอบคำถามของสาวสวยที่มาดักรอพบเพื่อพูดคุยกับเขาแต่อย่างใดทำให้หญิงสาวที่หวังจะได้รับความสนใจจากคุณหมอหนุ่มได้แต่กระทืบเท้าด้วยความเจ็บใจ“หึ ฝากเอาไว้ก่อนเถอะราฟสักวันฉันจะทำให้คุณยอมสยบแทบเท้าฉันให้ได้”เรน่าได้แต่หมายหมาดอยู่ในใจก่อนที่เธอจะหมุนตัวเดินกลับไปขึ้นรถหรูราคาแพงและขับออกไปจากโรงพยาบาลทันทีVictoria PubRolls-Royce ที่ขับออกมาจากโรงพยาบาลอันดับหนึ่งของประเทศอิตาลีค่อยๆเลี้ยวเข้ามายังผับประจำที่เขาชอบมานั่งดื่มหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการผ่าตัดมาทั้งคืนก่อนที่ร่างสูงจะเปิดประตูและโยนกุญแจรถให้พนักงานภายในผับอย่างสนิทสนมคุ้นเคยและเดินเข้าไปภายในผับทันทีเสียงเพลงที่เปิดเบาๆคลอไปกับบรรยากาศที่ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายทำให้ลำคอของรามสูรแห้งผากอย่างบอกไม่ถูกเป็นเวลาหลายวันแล้วที่เขายุ่งอยู่กับการผ่าตัดจนแทบไม่มีเวลามาพักผ