ฉันยืนป้ำๆ เป๋อๆ อยู่หน้าผับ ฉันเลื่อนสายตาขึ้นมองป้ายไฟด้านหน้า ก็น่าจะเป็นที่นี่แหละ...ไม่ผิดแน่ แต่ทำไมไม่เจอใครเลย หันมองซ้ายมองขวาอย่างลุกลี้ลุกลนเพราะนี้มันสามทุ่มกว่าแล้ว ฉันอุตส่าห์มารอก่อนเวลา...แล้วแถมไม่มีเบอร์ใครสักคนเลยด้วย สะเพร่าจริงๆ เล๊ย
“โรส” ฉันหันกลับไปตามเสียงเรียกปรากฏร่างหนาของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทฉันและเป็นเจ้าของที่นี่ด้วย และนั่นทำให้ฉันยิ้มออกในทันที
“มาทำไรตรงนี้ แล้วมากับใคร” ดินเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
“เรามารอเพลินกับมิณอะ น้องเขาชวนมาวันเกิด” ฉันตอบกลับไปแบบยิ้มๆ เพราะรู้ว่าถ้าเอ่ยชื่อสองคนนี้ ดินต้องรู้จักอยู่แล้ว
“สองคนนั้นอยู่ข้างในแล้ว” นั่นไง...โชคดีนะที่เจอดิน อย่างน้อยก็ไม่ต้องมายืนรอโดยไร้จุดหมายแบบนี้
“อ้าวเหรอ งั้นดินพาเราไปหน่อยดิ”
ดินพยักหน้าตอบรับก่อนจะหมุนตัวไปดันประตูแต่ยังไม่ทันเปิดเข้าไป เขาก็เหมือนนึกอะไรออกแล้วหันมาหาฉันอีกรอบ
"เออ!" มือหนาล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองหยิบมือถือออกมาสแกนนิ้วปลดล็อกก่อนจะยื่นมาให้ฉัน
“เอาไลน์มาดิ”
“อ่อๆ” ฉันก็งงนิดๆ ก่อนจะรับมือถือมากดเข้าไปในแอพเพิ่มเพื่อนตามคำบอกของเพื่อนตัวเอง แล้วส่งมือถือคืนเจ้าของ ความจริงมีไว้ก็ดีเผื่อฉุกเฉินจะได้ติดต่อใครได้บ้าง
ดินยัดมือถือลงกระเป๋ากางเกงตามเดิมก่อนจะกลับไปดันประตูเข้าไปโดยมีฉันตามไปติดๆ ข้างในเต็มไปด้วยผู้คนล้นหลามที่ดีดดิ้นกันอย่างสนุกสนาน เสียงเพลงดังกระหึ่มจนแก้วหูแทบแตก แสง สี และเสียงเหล่านี้ ฉันไม่เคยได้สัมผัสมันหรอก สี่ปีที่ผ่านมาฉันใช้ชีวิตอยู่ในห้องอุดอู้ไม่ได้เห็นแม้แต่แสงตะวันเลยด้วยซ้ำ...
ฉันเดินตามเจ้าของผับมาจนถึงชั้นสองของอาคารก่อนจะมาหยุดหน้าห้องที่มีป้ายสีทองติดว่า VIP ซึ่งแตกต่างจากห้องอื่นๆ ที่เดินผ่านมา เพราะมันเป็นป้ายสีเงินและมีเลขตามหลังคำว่า VIP ประตูห้องถูกดันเข้าไปโดยเจ้าของที่นี่
“อื้อฮือ สวยพี่สวย” ผู้ชายที่นั่งบนโซฟาข้างคนที่ชื่อยูตะวางแก้วเหล้าที่อีกนิดก็จะถึงปากตัวเองลงบนโต๊ะทันทีที่เห็นฉัน ก่อนที่ดินจะเริ่มแนะนำทุกคนในห้องให้ฉันรู้จัก
“นี่หนูดา เมียฉันเองอะ เป็นรุ่นพี่เธอ” ดินเดินเอาแขนพาดไปบนไหล่เล็กของผู้หญิงคนเดียวในห้องถ้าไม่รวมฉันและแนะนำว่าเป็น...เดี๋ยวนะ เมีย...งั้นเหรอ ดวงตาเบิกกว้างขึ้นทันที เมียเนี่ยนะ...ดินเนี่ยนะ มีเมียแล้ว...มือเล็กถูกยกขึ้นไหว้เธอแบบงงๆ นี่ฉันพลาดไปหลายอย่างเลยใช่ไหม
“ส่วนนั่น เฮียวาโย แล้วก็ไอ้”
“กูรู้จักแล้ว”
ดินชี้ไปที่คนที่แซวฉันในตอนแรกและกำลังจะแนะนำต่อ..แต่ก็มีเสียงแทรกขึ้นซะก่อน และนั่นก็คือยูตะ ถูกอย่างที่เขาพูดแหละ เพราะเรารู้จักกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ฉันเลยยกมือไหว้เฮียวาโยอย่างนอบน้อม ถ้าดินเรียกว่าเฮีย...เขาก็คงเป็นรุ่นพี่ ก่อนจะหันไปหาอีกคนที่นั่งก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างเหมือนทุกคนไม่มีตัวตนอยู่บนโลก ไม่มีความหมายอะไรกับเขา หรือไม่ก็อาจเป็นฉันแค่คนเดียว...
“นี่โรส เพื่อนเก่าผม” ดินหันไปแก้ปริศนาที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฮียวาโยอย่างชัดเจน ก่อนจะฉุดแขนผู้หญิงที่บอกว่าเป็นเมียตัวเองให้ลุกขึ้นและหันไปพยักหน้าให้ยูตะ เหมือนส่งสัญญาณอะไรสักอย่าง ฉันเองก็ไม่แน่ใจ
ดินพาพี่หนูดาเดินออกไปจากห้อง ตามด้วยยูตะที่ฉุดเฮียวาโยลุกขึ้นตามออกไปด้วย ชัดเลย...ปริศนาถูกแก้เรียบร้อย นี่คงเป็นแผนการของดินแน่ๆ ตอนนี้ในห้องเหลือแค่ฉันกับ....
ธาม ผู้ชายที่เขาเพิ่งบอกว่าไม่รู้จักฉันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี่เอง
พรึบบ!
หนังสือถูกพับปิดเข้าหากันและลอยไปตกอยู่บนโซฟาที่ว่างข้างๆ อย่างแรง จนฉันสะดุ้งก่อนที่ร่างหนาจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและก้าวขาเดินออกมาผ่านฉันไปเหมือนผ่านอากาศ ผ่านฝุ่นละออง หรืออะไรสักอย่างที่ไม่มีตัวตน ใจฉันมันแปล๊บๆ ขึ้นมาทันที มันไม่มีทางไหนที่เราจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้เลยอย่างงั้นเหรอ....ฉันทำได้แค่มองตามไปแบบนี้งั้นเหรอ...ไม่! ฉันเคยทำได้มากกว่านี้
สวบบบบ
ไม่รู้อะไรดลใจให้ฉันเดินไปสวมกอดเขาจากด้านหลังอย่างถือวิสาสะ มือหนาที่กำลังเอื้อมไปเปิดประตูชะงักไปในทันที คงเพราะไม่คิดว่าฉันจะทำแบบนี้ ฉันเองก็ไม่ได้คิดไว้เหมือนกันว่าจะทำแบบนี้ แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ผลักฉันลงไปกองอยู่กับพื้น ฉันกระชับกอดแน่นด้วยความโหยหา คิดถึง...คิดถึงมากมายเหลือเกิน
“โรสขอโทษ” ฉันเอ่ยบอกคนในอ้อมกอดเสียงแผ่ว
“แค่นี้ใช่ไหม” แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเย็นชาและว่างเปล่าเหมือนเดิม มือหนาค่อยแกะแขนออกจากเอวของเขาอย่างไม่ไยดี
“อย่าเพิ่งไปได้ไหม” ฉันรีบเอาตัวไปขวางหน้าประตูเพื่อกันไม่ให้คนตรงหน้าหนีไปจากฉันอีก อย่างน้อยก็ให้ฉันได้พูดอะไรบ้าง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยากฟังก็ตาม
“โรสรู้ว่าสิ่งที่โรสทำมันเกินให้อภัย และธามเองก็ไม่อยากให้อภัยโรส แต่อย่าเย็นชาใส่กันแบบนี้เลยนะ อยากให้โรสทำอะไรเพื่อเป็นการไถ่โทษ โรสยอมทุกอย่าง ขอแค่ให้โรสอยู่ในสายตาธามบ้างได้ไหม” พอฉันเริ่มพูด ร่างหนาตรงหน้าก็เบือนหน้าหนีพลางเอามือล้วงกระเป๋าทั้งสองข้าง อาการของเขาตอนนี้บ่งบอกมากว่าหงุดหงิดแค่ไหน
“...”
“ธาม โรสคิดถึงธาม โรสเองก็เจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าธามหรอกนะ แต่หลังจากนี้ โรสจะไม่ไปไหนอีกแล้ว ให้โอกาสโรสอีกสักครั้งได้ไหม” พอเห็นเขาเงียบฉันก็พูดต่อทันทีรู้ทั้งรู้ว่าไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ฉันก็แค่อยากระบายเท่านั้นและคำตอบที่ได้กลับมาคือเงียบ ให้เขาด่าเหอะ..มันน่าจะเจ็บน้อยกว่าการเงียบแบบนี้
“...”
“ธาม พูดอะไรหน่อยได้ไหม ด่าโรสเลยก็ได้ ทำไมถึงเย็นชาแบบนี้ ทำไมใจร้ายแบบนี้ โรสเจ็บนะธาม ฮืออ” ฉันหลุดร้องไห้โฮอย่างกลั้นไม่อยู่ มือเล็กยกขึ้นทุบไปที่อกแกร่งเบาๆ เผื่อบางทีเขาจะรู้สึกตัวว่าทำอะไรอยู่ ก่อนจะค่อยๆ ลดมือลงและทิ้งหน้าผากไปพิงที่อกเขาแทน เขาเย็นชาเหลือเกินไม่มีแม้แต่จะกอดตอบฉันสักนิด ไม่มีแม้แต่ความลังเล เพราะมือหนาทั้งสองข้างยังถูกเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงยีนราคาแพงนั่นเป็นอย่างดี
“พอเหอะ ผู้หญิงคนนั้นตายไปนานแหละ” เสียงเรียบไร้อารมณ์และความรู้สึกหลุดออกมาจากปากเขา นี่เป็นประโยคที่ยาวที่สุดในรอบสี่ปีและมัน...เจ็บปวดแสนสาหัสที่สุดเช่นเดียวกัน มันเป็นเหมือนมีดแหลมคมเป็นร้อยเล่มปักเข้ามาที่ใจฉัน มันเจ็บจนพูดไม่ออก ฉันเงยหน้ามองคนตรงหน้าด้วยภาพที่พร่ามัวแต่กลับเห็นสายตาที่ว่างเปล่าของเขาอย่างชัดเจน
เขาคงหมดรักฉันแล้วจริงๆ สินะ
ฉันผละถอยออกยกมือเล็กขึ้นปาดน้ำตาอย่างลวกๆ แล้วปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ เอ่ยบอกคนตรงหน้าที่แสนจะเย็นชาและไร้หัวใจ
“งั้นเราคงไม่เคยรู้จักกัน ขอโทษนะคะรุ่นพี่ ที่ทำให้เสียเวลา” พูดจบฉันก็โค้งให้เขาน้อยๆ แล้วหันหลังดึงเปิดประตูเปิด แต่ก็ต้องชะงักไปเพราะทุกคนที่อยู่ในห้องเมื่อกี้ต่างพากันยืนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่หน้าห้อง ฉันรีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันที ทั้งเจ็บ ทั้งอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน บ้าชะมัด...เลือกเอง ทำตัวเอง...เองแท้ๆ ยังจะมาหวังอะไรลมๆ แล้งๆ ใครเขาจะบ้ามาตั้งหน้าตั้งตารอผู้หญิงที่ทิ้งเขาไปตั้งสี่ปีขนาดนั้น แกมันบ้าไปแล้ว...โรส
Tanin Talkผมมองตามแผ่นหลังเล็กที่เพิ่งเดินออกจากห้องไป ใจหนึ่งก็อยากคว้าเธอเข้ามากอด อีกใจมันก็ยังไม่พร้อมจะกลับไปเจ็บแบบนั้นอีกแล้ว ผมยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเองอย่างหัวเสีย ก่อนจะเดินกลับไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างแรงและไอ้พวกที่เผือกกันอยู่ข้างนอกก็ตามเข้ามานั่งประจำที่ตัวเองสายตาทุกคู่จับจ้องมาที่ผมอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยเฉพาะไอ้เหี้ยดิน ตัวดีเลยไอ้ห่าเนี่ย เสือกไม่เข้าเรื่อง มันคงอยากจะให้ผมกับโรสปรับความเข้าใจกัน แล้วเป็นไงล่ะทีนี้แย่กว่าเดิมเข้าไปอีก น่าตบให้กระบาลแยกจริงๆ“กูคิดดีแล้ว” ผมพูดดักคอขึ้นทันทีที่เห็นว่าไอ้ดินกำลังจะอ้าปาก ทำให้มันเม้มปากเข้าหากันแน่นและหันหน้าหนีไปอีกทาง ผมถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่และยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกทีเดียวจนหมดผมจะไม่ให้โอกาสผู้หญิงใจดำคนนั้นอีกแล้ว เพราะผมให้เธอมาตั้งสี่ปี...สี่ปีที่เธอไม่เคยคิดจะติดต่อกลับมาอธิบายให้ผมฟัง ว่าสาเหตุที่เธอทิ้งผมไปอย่างไร้เยื่อใยแบบนั้นมันคืออะไร จนกระทั่งวันนี้เธอก็ยังไม่คิดที่จะพูดมันออกมา ทั้งที่ผมให้โอกาสเธอแล้ว ไม่อยากได้ยินคำว่าขอโทษ คำว่ารัก หรือคำว่าคิดถึง แค่อยากรู้ว่าทำไมทิ้งกันไปแบบนั้นต่างหากบรรยากาศตึงเครี
“ธามมม~ โรสเจ็บ ม่ายช่ายตรงนั้น แต่มันเป็นตรงนี้ต่างหาก อึก”ผมเงยหน้าขึ้นมองร่างบางที่พูดด้วยเสียงออดอ้อนราวกับเด็กน้อยก็ไม่ป่านพร้อมกับมือข้างขวาที่ทาบอยู่บนอกข้างซ้าย ก่อนจะค่อยๆ โน้มหน้าลงมาหาผม นัยน์ตาสั่นระริกแดงก่ำที่ไม่รู้จากฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือจากการที่เธอร้องไห้กันแน่ แต่ที่แน่ๆ คือผมเงาเห็นตัวเองสะท้อนออกมาอย่างชัดเจน ใจผมที่มันแทบจะหยุดเต้นไปแล้วเมื่อสี่ปีที่ผ่านมา แต่เธอทำให้มันกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง เอาจริงๆ คือผมโคตรคิดถึงผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้เลย อยากกอด อยากหอม แล้วดูชุดที่ใส่ตอนนี้ดิ บวกกับตาหวานเยิ้มคู่นั้นอีก มันน่าไหม นี่เธอไม่ได้ยั่วผมอยู่ใช่ไหมปึกกกก“โอ๊ยย!! เจ็บๆๆ”ยัยตัวเล็กร้องออกมาพลางเอามือขึ้นลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ เมื่อหัวทุยเล็กโยกไปมาและมาจบที่หน้าผากผมอย่างแรงด้วยความเจ็บ ในขณะเดียวกับที่ผมไม่ทันตั้งตัวก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้นอย่างจังโดยมียัยขี้เมาตัวแสบหล่นลงมานั่งเอนไปเอนมาอยู่บนตักผม หมดกันความคิดเมื่อครู่ เจ็บฉิบ...หัวแข็งจังวะ“ไหนดูดิ” ผมจับมือเล็กออกจากหน้าผากพร้อมกับมืออีกข้างเลื่อนโอบเอวบางไว้หลวมๆ แล้วถามออกไปด้วยความเป็นห่วง ขนาดผมยังเจ็บเล
ผมโน้มตัวลงไปกดจูบบนหน้าผากมนด้วยความโหยหา คิดถึง...คิดถึงมากเหลือเกิน ก่อนจะผละออกและดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้ร่างกายเธอ แล้วลุกขึ้นเดินสำรวจไปรอบห้องอย่างถือวิสาสะ รูปคู่ของเราที่ถูกวางไว้หลายจุดในห้องทำให้ผมหลุดยิ้มน้อยๆ ออกมา เธอยังรักผมเหมือนอย่างที่ปากพร่ำบอกจริงๆ แต่อะไรคือสาเหตุที่เธอทิ้งผมไปล่ะใจผมหล่นวูบหุบยิ้มลงทันทีที่เหลือบไปเห็นรูปคุณน้ารัน ผู้เป็นมารดาของเจ้าของห้องวางอยู่บนหัวเตียง เธอคงจะเสียใจและเจ็บปวดไม่น้อยที่ต้องสูญเสียมารดาและญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่ดูแลเธอมาตลอดไป ถ้าผมได้เป็นคนปลอบเธอในเวลาแบบนั้นก็คงจะดีไม่น้อย ซึ่งผู้เป็นบิดาที่เธอมาอยู่ด้วยในตอนนี้ผมไม่เคยเห็นหน้าท่านด้วยซ้ำตั้งแต่วันที่ คุณน้ารันกับโรสย้ายเข้ามาอยู่บ้านใกล้ผมเมื่อสิบกว่าปีก่อนตอนผมอายุประมาณเจ็ดขวบรักครั้งแรกของผมเกิดขึ้นในตอนนั้น ผมหันกลับไปมองร่างบอบบางบนเตียงอีกครั้ง แล้วนึกถึงเด็กผู้หญิงตัวเล็กนั่งร้องไห้ฟูมฟายอยู่ที่ชิงช้าสวนสาธารณะในหมู่บ้านเพราะคิดถึงพ่อ ผมรู้สึกอยากปกป้องเธอตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีผู้หญิงคนไหนเปลี่ยนความคิดผมได้ เวลาต้องการปลดปล่อยก็แค่บอกไอ้ดินมันก็จ
@ สนามบินเชียงใหม่ฉันเดินเข็นรถกระเป๋าสัมภาระออกมาหยุดอยู่ตรงหน้า Gate ก่อนจะล้วงมือถือในกระเป๋าสะพายตัวเองออกมากดเปิดเครื่องและต่อสายไปยังผู้เป็นญาติเพียงคนเดียวของฉันทันทีตืดดด...ตืดด“โรสถึงแล้วนะคะ คุณพ่อ”ฉันเอ่ยบอกปลายสายเสียงหวานทันทีที่ปลายสายกดรับ[พ่อให้คนเอารถไปให้ที่สนามบินแล้ว ลูกลองมองหาเขาดู]ฉันทำตามคำสั่งของผู้เป็นพ่อ กวาดสายตามองหาป้ายชื่อตัวเอง ไหนหว่า...อ๋อนั่น“เจอแล้วค่ะ”[ลูกจะเข้ามาหาพ่อก่อนไหม หรือไปคอนโดเลย]“ไปคอนโดเลยดีกว่าค่ะ”[งั้นก็ตามใจละกัน ถ้าว่างแล้วพ่อจะไปหานะ]“ค่ะ”ติ๊ด…ฉันกดวางสายก่อนจะเก็บมือถือลงกระเป๋าแล้วถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ สาวเท้าเล็กไปหาคนที่ชูป้ายชื่อฉันอยู่ตรงทางออก ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากไปหาพ่อหรือไม่คิดถึงพ่อหรอกนะ แต่ท่านมีครอบครัวใหม่แล้ว ฉันไม่อยากวุ่นวายกับท่านไปมากกว่านี้ แค่นี้ก็ถือว่ารบกวนท่านมากเกินไปแล้ว“สวัสดีค่ะ ฉัน...รังศิตาค่ะ”“สวัสดีครับ นี่ครับของคุณหนู” คนของคุณพ่อโค้งน้อยๆ ให้ฉันก่อนจะยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลมาให้ ฉันรับมันมาเปิดดู พบว่าข้างในมีครบทุกอย่างที่ท่านเตรียมไว้ให้ฉัน กุญแจรถ คีย์การ์ดคอนโด ที่อยู่คอนโด บัตรเ
THE HEARTLESS : 01@มหาวิทยาลัย Aฉันนั่งสูดหายใจเข้าลึกๆ อยู่หลังพวงมาลัยหลังจากที่รถเคลื่อนมาจอดลานหน้าตึกคณะบริหารได้เพียงชั่วครู่ การเข้าเรียนแบบไม่ธรรมดาของฉันเป็นจุดสนใจไม่มากก็น้อยและฉันต้องยอมรับเสียงซุบซิบนินทาพวกนั้นให้ได้นิ่งไว้...ไม่กี่อาทิตย์พวกเขาก็จะลืมไปเองลมหายใจถูกพ่นออกจากปากฟู่ใหญ่ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูลงจากรถและปิดมันลงอย่างเบามือ นั่นไง...ยังไม่ทันได้ก้าวขาเลย เสียงนกเสียงกาก็กระทบเข้าโซนประสาทหูทันที‘คนนี้ไงมึง ที่เข้ามากลางเทอม’‘ก็พ่อเป็นถึงท่านทูต จะเข้าตอนไหนก็ได้ปะวะ’‘เออ นั่นดิเนอะ’‘เห็นว่าโอนมาจากเมกาด้วยนะมึง’บลาบลาบลา~~ฉันทำเป็นหูทวนลมแล้วเดินไปนั่งม้าหินอ่อนที่ว่างอยู่ใต้ตึกบริหาร ก่อนจะหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับหูฟังที่เตรียมไว้เพื่องานนี้โดยเฉพาะ กดเข้าแอปฟังเพลงโปรดแล้วเปิดเพลงที่ชอบดังลั่นใส่หูระหว่างที่ฉันนั่งฮัมเพลงอย่างสบายใจ ก็มีผู้ชายตัวสูงรูปร่างสันทัดและใบหน้าที่หล่อเหลาที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนหย่อนก้นลงนั่งม้าหินอ่อนตัวตรงข้ามอย่างถือวิสาสะ พร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่แสดงถึงความจริงใจมาให้...ให้ฉันเหรอ ไม่น่าใช่ฉันหันมองซ้าย มอง
Tanin Talkผมถอนหายใจยาวพร้อมกับปิดหนังสือลง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วหันไปบอกเพื่อนซี้จอมกวนที่ลากผมมานั่งเฝ้าเมียตัวเองได้ทุกวี่ทุกวัน“กูกลับก่อนนะ”สิ้นเสียงผม ไอ้ยูมันหันมาพยักหน้าให้ทีหนึ่งก่อนจะหันกลับไปจ้องรุ่นน้องที่ชื่อนนท์คนนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย มันสองคนฟัดกันตั้งไม่รู้กี่รอบก็เรื่อง มิณ ผู้หญิงที่กุมหัวใจเสืออย่างไอ้ยูไว้ได้อยู่หมัดเนี่ยแหละ ผมเองก็เพิ่งเข้าใจว่าที่เขาพูดกัน คนเจ้าชู้มักจะหวงเมียมาก.. มันคือเรื่องจริง แต่สำหรับไอ้ยูเน้นเลยว่า หวงและหึงมากผมเดินออกมาจากโต๊ะอาหารนั่นแล้วตรงไปยังลานจอดรถหน้าตึกวิศวะทันที แต่ยังไม่ทันถึงจุดหมายก็ต้องหยุดฝีเท้าลงซะก่อนเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นหญิงสาวที่ฟุบหน้าลงกับพวงมาลัยเนื้อตัวสั่นเทาอยู่ภายในรถสปอร์ตสีขาวคันหรู เพียงแค่แวบเดียวผมก็รู้ทันทีว่าคือเธอเธอคนที่ทิ้งผมไปโดยไม่ร่ำลาสักคำ เธอคนที่ทำให้ผมเจ็บปวดเจียนตาย เธอคนที่หายไปจากชีวิตผมถึงสี่ปีไม่มีแม้แต่จะติดต่อกลับมา ทั้งที่ช่องทางการติดต่อของผมไม่ได้เปลี่ยนแปลงแม้แต่อย่างเดียว และผมจะไม่มีวันกลับไปเจ็บแบบนั้นอีก ไม่มีทาง…‘โรสรักธามนะ และจะรักตลอดไปด้วย’เพ้อเจ้อฉิบห
เฮือกกก!!!ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เหงื่อผุดออกเต็มใบหน้า หัวใจกระหน่ำเต้นโครมๆ จนแทบจะหลุดออกมา ลำคอแห้งผาก ตัวชาไปทั้งตัวจนแทบขยับเขยื้อนไม่ได้ ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกสติสัมปชัญญะที่มีอันน้อยนิดกลับมา ฝันร้าย...มันแค่ฝันร้ายที่ผ่านมาแล้วเท่านั้นมือเล็กถูกยกขึ้นเช็ดเหงื่อตามกรอบหน้าพร้อมกับพยุงตัวขึ้นนั่งก่อนจะเงยหน้ามองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังห้อง ตื่นก่อนเวลาเหมือนทุกๆ วันอีกตามเคย ฝันบ้าบออะไรได้ทุกวี่ทุกวัน...ไม่เข้าใจ ฉันลุกขึ้นจากที่นอนขนาดคิงไซซ์ที่ถูกตกแต่งด้วยผ้าปูสีโรสตามสไตล์ที่ฉันชอบ และหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไปทันทีทุกอย่างในห้องถูกตกแต่งได้ตามที่ฉันต้องการทุกอย่าง สุดท้ายแล้วคุณพ่อก็ยังเอาใจใส่ฉันอย่างละเอียดอ่อนในทุกเรื่องเหมือนเดิม เหมือนที่ท่านพยายามทำมาตลอดเวลาที่ฉันอยู่กับแม่ ท่านมักจะมีของขวัญที่ถูกใจส่งให้ฉันตลอดทุกๆ เดือน ไม่เคยขาดจนไม่มีที่จะเก็บ จะมีก็แต่ระยะเวลาสี่ปีที่ผ่านมาเพราะฉันไม่ได้ติดต่อกลับมาหาใครสักคนเลยลมหายใจถูกพ่นออกมาจากปากฟู่ใหญ่เพื่อคลายความกังวลใจอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายใบโปรด กุญแจรถและคีย์การ์ดเปิดประตูออกม
@มหาวิทยาลัย Aพอลงจากรถฉันก็เหลือบไปเห็น นนท์กับน้องผู้หญิงสองคนเมื่อวาน นั่งคุยกันอยู่ที่ม้าหินอ่อนใต้ตึกบริหาร ฉันเลยเดินตรงไปหาพวกเขาทันที เพราะไม่รู้จะไปหาใคร รู้จักแค่นนท์คนเดียว“พี่โรส มาพอดีเลย นั่งๆ” มิณทักขึ้นทันทีที่เห็นฉันก่อนจะตบมือลงที่ม้าหินข้างตัวเองเป็นเชิงให้ฉันนั่งตามคำบอกของเธอ ฉันส่งยิ้มไปทักทายพวกเขาแล้วหย่อนก้นลงนั่งข้างๆ มิณ ส่วนนนท์เอาแต่ก้มหน้าอยู่กับจอมือถือ เสียบหูฟังทั้งสองข้าง มือไม่มีว่างกดยิกๆ ที่หน้าจอ คิ้วชนกันยิ่งกว่าสอบมิดเทอม คงเดาไม่ยากว่าเขากำลังทำอะไร“คุยอะไรกันอยู่เหรอ” ฉันละสายตาจากนนท์หันไปหาสองสาวนั่นทันที เพราะดูแล้วตอนนี้นนท์น่าจะไม่ได้อยู่ในโลกของความเป็นจริงสักเท่าไหร่“เย็นนี้เราจะมีงานเลี้ยง” มิณพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงและท่าทางตื่นเต้นสุดๆ ต้องมีอะไรพิเศษแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่ตื่นเต้นขนาดนี้“งานเลี้ยง?”“ช่าย วันเกิดเพลินเอง พี่โรสไปด้วยกันนะ จะได้เปิดหูเปิดตาไปด้วยไง นะ..นะ” พอฉันถามย้ำออกไปเพลินก็ตอบกลับทันควันพร้อมกับเอ่ยชวน มิณเองก็พยักหน้าทำตาปริบๆ แล้วฉันก็เป็นคนปฏิเสธคนไม่เก่งด้วยสิ เลยได้แต่พยักหน้าตอบรับกลับไป ก็ดีเหมือนกันได้ไปเที่
ผมโน้มตัวลงไปกดจูบบนหน้าผากมนด้วยความโหยหา คิดถึง...คิดถึงมากเหลือเกิน ก่อนจะผละออกและดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้ร่างกายเธอ แล้วลุกขึ้นเดินสำรวจไปรอบห้องอย่างถือวิสาสะ รูปคู่ของเราที่ถูกวางไว้หลายจุดในห้องทำให้ผมหลุดยิ้มน้อยๆ ออกมา เธอยังรักผมเหมือนอย่างที่ปากพร่ำบอกจริงๆ แต่อะไรคือสาเหตุที่เธอทิ้งผมไปล่ะใจผมหล่นวูบหุบยิ้มลงทันทีที่เหลือบไปเห็นรูปคุณน้ารัน ผู้เป็นมารดาของเจ้าของห้องวางอยู่บนหัวเตียง เธอคงจะเสียใจและเจ็บปวดไม่น้อยที่ต้องสูญเสียมารดาและญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่ดูแลเธอมาตลอดไป ถ้าผมได้เป็นคนปลอบเธอในเวลาแบบนั้นก็คงจะดีไม่น้อย ซึ่งผู้เป็นบิดาที่เธอมาอยู่ด้วยในตอนนี้ผมไม่เคยเห็นหน้าท่านด้วยซ้ำตั้งแต่วันที่ คุณน้ารันกับโรสย้ายเข้ามาอยู่บ้านใกล้ผมเมื่อสิบกว่าปีก่อนตอนผมอายุประมาณเจ็ดขวบรักครั้งแรกของผมเกิดขึ้นในตอนนั้น ผมหันกลับไปมองร่างบอบบางบนเตียงอีกครั้ง แล้วนึกถึงเด็กผู้หญิงตัวเล็กนั่งร้องไห้ฟูมฟายอยู่ที่ชิงช้าสวนสาธารณะในหมู่บ้านเพราะคิดถึงพ่อ ผมรู้สึกอยากปกป้องเธอตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีผู้หญิงคนไหนเปลี่ยนความคิดผมได้ เวลาต้องการปลดปล่อยก็แค่บอกไอ้ดินมันก็จ
“ธามมม~ โรสเจ็บ ม่ายช่ายตรงนั้น แต่มันเป็นตรงนี้ต่างหาก อึก”ผมเงยหน้าขึ้นมองร่างบางที่พูดด้วยเสียงออดอ้อนราวกับเด็กน้อยก็ไม่ป่านพร้อมกับมือข้างขวาที่ทาบอยู่บนอกข้างซ้าย ก่อนจะค่อยๆ โน้มหน้าลงมาหาผม นัยน์ตาสั่นระริกแดงก่ำที่ไม่รู้จากฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือจากการที่เธอร้องไห้กันแน่ แต่ที่แน่ๆ คือผมเงาเห็นตัวเองสะท้อนออกมาอย่างชัดเจน ใจผมที่มันแทบจะหยุดเต้นไปแล้วเมื่อสี่ปีที่ผ่านมา แต่เธอทำให้มันกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง เอาจริงๆ คือผมโคตรคิดถึงผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้เลย อยากกอด อยากหอม แล้วดูชุดที่ใส่ตอนนี้ดิ บวกกับตาหวานเยิ้มคู่นั้นอีก มันน่าไหม นี่เธอไม่ได้ยั่วผมอยู่ใช่ไหมปึกกกก“โอ๊ยย!! เจ็บๆๆ”ยัยตัวเล็กร้องออกมาพลางเอามือขึ้นลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ เมื่อหัวทุยเล็กโยกไปมาและมาจบที่หน้าผากผมอย่างแรงด้วยความเจ็บ ในขณะเดียวกับที่ผมไม่ทันตั้งตัวก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้นอย่างจังโดยมียัยขี้เมาตัวแสบหล่นลงมานั่งเอนไปเอนมาอยู่บนตักผม หมดกันความคิดเมื่อครู่ เจ็บฉิบ...หัวแข็งจังวะ“ไหนดูดิ” ผมจับมือเล็กออกจากหน้าผากพร้อมกับมืออีกข้างเลื่อนโอบเอวบางไว้หลวมๆ แล้วถามออกไปด้วยความเป็นห่วง ขนาดผมยังเจ็บเล
Tanin Talkผมมองตามแผ่นหลังเล็กที่เพิ่งเดินออกจากห้องไป ใจหนึ่งก็อยากคว้าเธอเข้ามากอด อีกใจมันก็ยังไม่พร้อมจะกลับไปเจ็บแบบนั้นอีกแล้ว ผมยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเองอย่างหัวเสีย ก่อนจะเดินกลับไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างแรงและไอ้พวกที่เผือกกันอยู่ข้างนอกก็ตามเข้ามานั่งประจำที่ตัวเองสายตาทุกคู่จับจ้องมาที่ผมอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยเฉพาะไอ้เหี้ยดิน ตัวดีเลยไอ้ห่าเนี่ย เสือกไม่เข้าเรื่อง มันคงอยากจะให้ผมกับโรสปรับความเข้าใจกัน แล้วเป็นไงล่ะทีนี้แย่กว่าเดิมเข้าไปอีก น่าตบให้กระบาลแยกจริงๆ“กูคิดดีแล้ว” ผมพูดดักคอขึ้นทันทีที่เห็นว่าไอ้ดินกำลังจะอ้าปาก ทำให้มันเม้มปากเข้าหากันแน่นและหันหน้าหนีไปอีกทาง ผมถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่และยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกทีเดียวจนหมดผมจะไม่ให้โอกาสผู้หญิงใจดำคนนั้นอีกแล้ว เพราะผมให้เธอมาตั้งสี่ปี...สี่ปีที่เธอไม่เคยคิดจะติดต่อกลับมาอธิบายให้ผมฟัง ว่าสาเหตุที่เธอทิ้งผมไปอย่างไร้เยื่อใยแบบนั้นมันคืออะไร จนกระทั่งวันนี้เธอก็ยังไม่คิดที่จะพูดมันออกมา ทั้งที่ผมให้โอกาสเธอแล้ว ไม่อยากได้ยินคำว่าขอโทษ คำว่ารัก หรือคำว่าคิดถึง แค่อยากรู้ว่าทำไมทิ้งกันไปแบบนั้นต่างหากบรรยากาศตึงเครี
ฉันยืนป้ำๆ เป๋อๆ อยู่หน้าผับ ฉันเลื่อนสายตาขึ้นมองป้ายไฟด้านหน้า ก็น่าจะเป็นที่นี่แหละ...ไม่ผิดแน่ แต่ทำไมไม่เจอใครเลย หันมองซ้ายมองขวาอย่างลุกลี้ลุกลนเพราะนี้มันสามทุ่มกว่าแล้ว ฉันอุตส่าห์มารอก่อนเวลา...แล้วแถมไม่มีเบอร์ใครสักคนเลยด้วย สะเพร่าจริงๆ เล๊ย“โรส” ฉันหันกลับไปตามเสียงเรียกปรากฏร่างหนาของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทฉันและเป็นเจ้าของที่นี่ด้วย และนั่นทำให้ฉันยิ้มออกในทันที“มาทำไรตรงนี้ แล้วมากับใคร” ดินเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย“เรามารอเพลินกับมิณอะ น้องเขาชวนมาวันเกิด” ฉันตอบกลับไปแบบยิ้มๆ เพราะรู้ว่าถ้าเอ่ยชื่อสองคนนี้ ดินต้องรู้จักอยู่แล้ว“สองคนนั้นอยู่ข้างในแล้ว” นั่นไง...โชคดีนะที่เจอดิน อย่างน้อยก็ไม่ต้องมายืนรอโดยไร้จุดหมายแบบนี้“อ้าวเหรอ งั้นดินพาเราไปหน่อยดิ”ดินพยักหน้าตอบรับก่อนจะหมุนตัวไปดันประตูแต่ยังไม่ทันเปิดเข้าไป เขาก็เหมือนนึกอะไรออกแล้วหันมาหาฉันอีกรอบ"เออ!" มือหนาล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองหยิบมือถือออกมาสแกนนิ้วปลดล็อกก่อนจะยื่นมาให้ฉัน“เอาไลน์มาดิ”“อ่อๆ” ฉันก็งงนิดๆ ก่อนจะรับมือถือมากดเข้าไปในแอพเพิ่มเพื่อนตามคำบอกของเพื่อนตัวเอง แล้วส่งมือถือคืนเจ้า
@มหาวิทยาลัย Aพอลงจากรถฉันก็เหลือบไปเห็น นนท์กับน้องผู้หญิงสองคนเมื่อวาน นั่งคุยกันอยู่ที่ม้าหินอ่อนใต้ตึกบริหาร ฉันเลยเดินตรงไปหาพวกเขาทันที เพราะไม่รู้จะไปหาใคร รู้จักแค่นนท์คนเดียว“พี่โรส มาพอดีเลย นั่งๆ” มิณทักขึ้นทันทีที่เห็นฉันก่อนจะตบมือลงที่ม้าหินข้างตัวเองเป็นเชิงให้ฉันนั่งตามคำบอกของเธอ ฉันส่งยิ้มไปทักทายพวกเขาแล้วหย่อนก้นลงนั่งข้างๆ มิณ ส่วนนนท์เอาแต่ก้มหน้าอยู่กับจอมือถือ เสียบหูฟังทั้งสองข้าง มือไม่มีว่างกดยิกๆ ที่หน้าจอ คิ้วชนกันยิ่งกว่าสอบมิดเทอม คงเดาไม่ยากว่าเขากำลังทำอะไร“คุยอะไรกันอยู่เหรอ” ฉันละสายตาจากนนท์หันไปหาสองสาวนั่นทันที เพราะดูแล้วตอนนี้นนท์น่าจะไม่ได้อยู่ในโลกของความเป็นจริงสักเท่าไหร่“เย็นนี้เราจะมีงานเลี้ยง” มิณพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงและท่าทางตื่นเต้นสุดๆ ต้องมีอะไรพิเศษแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่ตื่นเต้นขนาดนี้“งานเลี้ยง?”“ช่าย วันเกิดเพลินเอง พี่โรสไปด้วยกันนะ จะได้เปิดหูเปิดตาไปด้วยไง นะ..นะ” พอฉันถามย้ำออกไปเพลินก็ตอบกลับทันควันพร้อมกับเอ่ยชวน มิณเองก็พยักหน้าทำตาปริบๆ แล้วฉันก็เป็นคนปฏิเสธคนไม่เก่งด้วยสิ เลยได้แต่พยักหน้าตอบรับกลับไป ก็ดีเหมือนกันได้ไปเที่
เฮือกกก!!!ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เหงื่อผุดออกเต็มใบหน้า หัวใจกระหน่ำเต้นโครมๆ จนแทบจะหลุดออกมา ลำคอแห้งผาก ตัวชาไปทั้งตัวจนแทบขยับเขยื้อนไม่ได้ ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกสติสัมปชัญญะที่มีอันน้อยนิดกลับมา ฝันร้าย...มันแค่ฝันร้ายที่ผ่านมาแล้วเท่านั้นมือเล็กถูกยกขึ้นเช็ดเหงื่อตามกรอบหน้าพร้อมกับพยุงตัวขึ้นนั่งก่อนจะเงยหน้ามองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังห้อง ตื่นก่อนเวลาเหมือนทุกๆ วันอีกตามเคย ฝันบ้าบออะไรได้ทุกวี่ทุกวัน...ไม่เข้าใจ ฉันลุกขึ้นจากที่นอนขนาดคิงไซซ์ที่ถูกตกแต่งด้วยผ้าปูสีโรสตามสไตล์ที่ฉันชอบ และหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไปทันทีทุกอย่างในห้องถูกตกแต่งได้ตามที่ฉันต้องการทุกอย่าง สุดท้ายแล้วคุณพ่อก็ยังเอาใจใส่ฉันอย่างละเอียดอ่อนในทุกเรื่องเหมือนเดิม เหมือนที่ท่านพยายามทำมาตลอดเวลาที่ฉันอยู่กับแม่ ท่านมักจะมีของขวัญที่ถูกใจส่งให้ฉันตลอดทุกๆ เดือน ไม่เคยขาดจนไม่มีที่จะเก็บ จะมีก็แต่ระยะเวลาสี่ปีที่ผ่านมาเพราะฉันไม่ได้ติดต่อกลับมาหาใครสักคนเลยลมหายใจถูกพ่นออกมาจากปากฟู่ใหญ่เพื่อคลายความกังวลใจอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายใบโปรด กุญแจรถและคีย์การ์ดเปิดประตูออกม
Tanin Talkผมถอนหายใจยาวพร้อมกับปิดหนังสือลง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วหันไปบอกเพื่อนซี้จอมกวนที่ลากผมมานั่งเฝ้าเมียตัวเองได้ทุกวี่ทุกวัน“กูกลับก่อนนะ”สิ้นเสียงผม ไอ้ยูมันหันมาพยักหน้าให้ทีหนึ่งก่อนจะหันกลับไปจ้องรุ่นน้องที่ชื่อนนท์คนนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย มันสองคนฟัดกันตั้งไม่รู้กี่รอบก็เรื่อง มิณ ผู้หญิงที่กุมหัวใจเสืออย่างไอ้ยูไว้ได้อยู่หมัดเนี่ยแหละ ผมเองก็เพิ่งเข้าใจว่าที่เขาพูดกัน คนเจ้าชู้มักจะหวงเมียมาก.. มันคือเรื่องจริง แต่สำหรับไอ้ยูเน้นเลยว่า หวงและหึงมากผมเดินออกมาจากโต๊ะอาหารนั่นแล้วตรงไปยังลานจอดรถหน้าตึกวิศวะทันที แต่ยังไม่ทันถึงจุดหมายก็ต้องหยุดฝีเท้าลงซะก่อนเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นหญิงสาวที่ฟุบหน้าลงกับพวงมาลัยเนื้อตัวสั่นเทาอยู่ภายในรถสปอร์ตสีขาวคันหรู เพียงแค่แวบเดียวผมก็รู้ทันทีว่าคือเธอเธอคนที่ทิ้งผมไปโดยไม่ร่ำลาสักคำ เธอคนที่ทำให้ผมเจ็บปวดเจียนตาย เธอคนที่หายไปจากชีวิตผมถึงสี่ปีไม่มีแม้แต่จะติดต่อกลับมา ทั้งที่ช่องทางการติดต่อของผมไม่ได้เปลี่ยนแปลงแม้แต่อย่างเดียว และผมจะไม่มีวันกลับไปเจ็บแบบนั้นอีก ไม่มีทาง…‘โรสรักธามนะ และจะรักตลอดไปด้วย’เพ้อเจ้อฉิบห
THE HEARTLESS : 01@มหาวิทยาลัย Aฉันนั่งสูดหายใจเข้าลึกๆ อยู่หลังพวงมาลัยหลังจากที่รถเคลื่อนมาจอดลานหน้าตึกคณะบริหารได้เพียงชั่วครู่ การเข้าเรียนแบบไม่ธรรมดาของฉันเป็นจุดสนใจไม่มากก็น้อยและฉันต้องยอมรับเสียงซุบซิบนินทาพวกนั้นให้ได้นิ่งไว้...ไม่กี่อาทิตย์พวกเขาก็จะลืมไปเองลมหายใจถูกพ่นออกจากปากฟู่ใหญ่ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูลงจากรถและปิดมันลงอย่างเบามือ นั่นไง...ยังไม่ทันได้ก้าวขาเลย เสียงนกเสียงกาก็กระทบเข้าโซนประสาทหูทันที‘คนนี้ไงมึง ที่เข้ามากลางเทอม’‘ก็พ่อเป็นถึงท่านทูต จะเข้าตอนไหนก็ได้ปะวะ’‘เออ นั่นดิเนอะ’‘เห็นว่าโอนมาจากเมกาด้วยนะมึง’บลาบลาบลา~~ฉันทำเป็นหูทวนลมแล้วเดินไปนั่งม้าหินอ่อนที่ว่างอยู่ใต้ตึกบริหาร ก่อนจะหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับหูฟังที่เตรียมไว้เพื่องานนี้โดยเฉพาะ กดเข้าแอปฟังเพลงโปรดแล้วเปิดเพลงที่ชอบดังลั่นใส่หูระหว่างที่ฉันนั่งฮัมเพลงอย่างสบายใจ ก็มีผู้ชายตัวสูงรูปร่างสันทัดและใบหน้าที่หล่อเหลาที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนหย่อนก้นลงนั่งม้าหินอ่อนตัวตรงข้ามอย่างถือวิสาสะ พร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่แสดงถึงความจริงใจมาให้...ให้ฉันเหรอ ไม่น่าใช่ฉันหันมองซ้าย มอง
@ สนามบินเชียงใหม่ฉันเดินเข็นรถกระเป๋าสัมภาระออกมาหยุดอยู่ตรงหน้า Gate ก่อนจะล้วงมือถือในกระเป๋าสะพายตัวเองออกมากดเปิดเครื่องและต่อสายไปยังผู้เป็นญาติเพียงคนเดียวของฉันทันทีตืดดด...ตืดด“โรสถึงแล้วนะคะ คุณพ่อ”ฉันเอ่ยบอกปลายสายเสียงหวานทันทีที่ปลายสายกดรับ[พ่อให้คนเอารถไปให้ที่สนามบินแล้ว ลูกลองมองหาเขาดู]ฉันทำตามคำสั่งของผู้เป็นพ่อ กวาดสายตามองหาป้ายชื่อตัวเอง ไหนหว่า...อ๋อนั่น“เจอแล้วค่ะ”[ลูกจะเข้ามาหาพ่อก่อนไหม หรือไปคอนโดเลย]“ไปคอนโดเลยดีกว่าค่ะ”[งั้นก็ตามใจละกัน ถ้าว่างแล้วพ่อจะไปหานะ]“ค่ะ”ติ๊ด…ฉันกดวางสายก่อนจะเก็บมือถือลงกระเป๋าแล้วถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ สาวเท้าเล็กไปหาคนที่ชูป้ายชื่อฉันอยู่ตรงทางออก ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากไปหาพ่อหรือไม่คิดถึงพ่อหรอกนะ แต่ท่านมีครอบครัวใหม่แล้ว ฉันไม่อยากวุ่นวายกับท่านไปมากกว่านี้ แค่นี้ก็ถือว่ารบกวนท่านมากเกินไปแล้ว“สวัสดีค่ะ ฉัน...รังศิตาค่ะ”“สวัสดีครับ นี่ครับของคุณหนู” คนของคุณพ่อโค้งน้อยๆ ให้ฉันก่อนจะยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลมาให้ ฉันรับมันมาเปิดดู พบว่าข้างในมีครบทุกอย่างที่ท่านเตรียมไว้ให้ฉัน กุญแจรถ คีย์การ์ดคอนโด ที่อยู่คอนโด บัตรเ