พอตกเย็นทุกคนก็พากันมารวมตัวอยู่ที่สระว่ายน้ำชั้นบนเพื่อปาร์ตี้กัน กว่าฉันจะหนีเงื้อมมือของเสือร้ายตัวนั้นได้ก็แทบแย่ เกือบไม่รอด ดีนะที่เฮียวาโยเข้าไปขัดจังหวะซะก่อน ฉันเลยปลีกตัวออกมาช่วยเตรียมอาหารที่ริมสระ“แอบแซ่บนะเราอะ เห็นตัวเล็กๆ ไม่นึกว่าจะ...” เฮียหมอไวน์เดินเข้ามาแซวฉันที่ยืนย่างกุ้งตรงขอบสระ อย่างร่าเริง ฉันเริ่มสนิทกับเฮียหมอไวน์ก็ตอนเพลินเข้าโรงพยาบาลครั้งนั้น เพราะเขาไม่ได้หยิ่งหรือถือตัวเหมือนรูปลักษณ์ภายนอก ซ้ำยังออกแนวกวนๆ อีกด้วยแต่ก็ไม่ถึงขั้นเฮียยูตะนะ ค่อนข้างจะ Keep look พอสมควร ว่าแต่เขาจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไมเนี่ย“ชู่วววว์ เฮียหมอจะพูดทำไมเนี่ย เดี๋ยวปาร์ตี้ก็เละหรอก” ฉันเอานิ้วแตะปากตัวเองก่อนจะมองหาคนหัวร้อนด้วยสายตาเลิ่กลั่ก ถ้ามาได้ยินเข้านะ เป็นเรื่องอีกแน่“เหอะ...มันไม่อยู่ ออกไปซื้อของกับไอ้วา” เฮียหมอไวน์เอ่ยขึ้นพลางหยิบเหล็กคีบมาช่วยฉันพลิกกุ้งบนเตา ฉันพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะก้มลงมองกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่บนเตาต่อ“ไอ้ยูน่ะ มันเจ้าชู้ก็จริง แต่ฉันเชื่อนะ ว่ามันจะหยุดที่เธอได้จริงๆ” คำพูดของเฮียหมอทำให้ฉันชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าเลิกคิ้วถามคุณหมอคนเก่ง
พอผ่านไปสักพักใหญ่ฉันก็เริ่มรู้สึกเพลียๆ น่าจะเป็นเพราะเล่นน้ำเมื่อตอนบ่าย เลยขอตัวเข้ามานอนก่อน ฉันเดินลงมายังชั้นล่างที่เป็นห้องของตัวเอง เอื้อมมือหมุนลูกบิดเปิดเข้าไปและกำลังจะปิดลง“เฮีย! ตกใจหมด” ฉันสะดุ้งสุดตัวเมื่อมือหนามาดันประตูไว้และสวมกอดฉันจากด้านหลังก่อนจะดันประตูปิดลงด้วยมืออีกข้าง ฉันตีแขนแกร่งที่โอบเอวคอดไว้อย่างแรงโทษฐานที่ทำฉันใจหายใจคว่ำฟอดดดดด///เฮียยูตะกดจมูกลงมาสูดดมความหอมบนแก้มนวลฟอดใหญ่แล้วผละออก“ทำไมไม่อยู่ปาร์ตี้ต่ออะ เพิ่งสามทุ่มเอง” ฉันเอ่ยถามขึ้นพลางแกะแขนแกร่งออกแล้วเดินไปหน้ากระจกเพื่อถอด Accessories ออกเตรียมตัวอาบน้ำ“มิณา”“หืม”“เฮียมีอะไรจะสารภาพ” สิ้นเสียงเฮียยูตะ มือเล็กที่หวีผมอยู่ก็ชะงักไปทันที สารภาพงั้นเหรอ ใช่คำนี้ต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ๆ ฉันวางต่างหูที่เพิ่งถอดเสร็จวางลงในกล่องเล็กแล้วหันไปเลิกคิ้วถามคนตัวสูงที่ตอนนี้เอามือไขว้หลังโยกไปมาเหมือนตุ๊กตาล้มลุกยังไงยังงั้น“สารภาพ?”“มิณา อย่าโกรธเฮียแบบคราวที่แล้วได้ไหมอ่า แบบไม่ให้โดนตัวไม่เอาแบบนั้นได้ไหม มันทรมานมากเลยนะ” เฮียยูตะเอ่ยขึ้นเสียงกระเง้ากระงอด มองหน้าฉันตาปริบๆ“ว่ามา อย่าลีลา
“แล้วถ้าขออย่างอื่นด้วยล่ะ มิณาจะให้เฮียไหม” เฮียยูตะเอ่ยกระซิบข้างหูฉันเสียงแผ่ว ใบหน้าหวานร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เพราะรู้ว่าอย่างอื่นที่เขาว่านั้นหมายถึงอะไร ใจที่เต้นแรงอยู่แล้วก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ ฉันจะช็อกตายไหมเนี่ย ร่างหนาหยุดการกระทำทุกอย่างลงเหมือนกำลังรอคำตอบจากฉัน โอ๊ย...อย่ากดดัน จะให้ฉันตอบยังไงตาฉันเบิกกว้างทันทีเมื่อจู่ๆ ก็ถูกจับพลิกให้มานอนหงายก่อนร่างหนาจะพลิกตัวมาทับไว้พร้อมกับใช้ข้อศอกยันไว้ข้างหนึ่งเพื่อไม่ให้น้ำหนักทิ้งมาบนตัวฉันทั้งหมด มืออีกข้างยกขึ้นลูบปอยผมอย่างอ่อนโยน มือเล็กสองข้างของฉันยกขึ้นดันแผงอกแกร่งโดยสัญชาตญาณทันทีดวงตาคมที่หวานช้ำจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ จ้องฉันอย่างไม่ลดละ กลายเป็นฉันซะเองที่ต้องเบี่ยงหน้าไปโฟกัสที่หมอนหนุนข้างๆ แทน ดีที่แสงจากโคมไฟไม่สว่างมากพอสลัวๆ หน้าฉันที่แดงมากในตอนนี้เลยถูกแสงสีส้มกลบไปจนหมด ใจที่เต้นระรัวไม่หยุด ทำให้ฉันหายใจติดๆ ขัดๆ เหมือนเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ทัน ประมวลผลออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลย มันประหม่าไปหมด“ไม่ตอบ ก็แสดงว่าอนุญาต?” มือหนาจับคางแหลมหันสบตาคู่คมของเขาอีกครั้ง ก่อนจะเลิกคิ้วถามฉันด้วยสีหน้าและท่าทางใสซื่อ ซึ
อื้อออฉันหลุดเสียงครางในลำคอออกมาพร้อมร่างกายที่บิดขี้เกียจอยู่บนที่นอน เปลือกตาก็หนักหน่วงเหลือเกิน ลืมแทบไม่ขึ้น เมื่อยเนื้อตัวไปหมดหนำซ้ำยังปวดร้าวที่ช่วงล่างเป็นพิเศษอีกด้วย ฉันลืมตาขึ้นเต็มที่ก่อนจะกวาดสายตามองหาคนหื่นที่จัดฉันซะเกือบเช้า“ตื่นแล้วเหรอครับ” ฉันหันไปทางต้นเสียงเห็นเฮียยูตะเปลือยท่อนบนมีผ้าขนหนูพันรอบเอวเดินเข้ามานั่งลงบนเตียงข้างฉัน ใบหน้าหวานร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีก่อนจะเบี่ยงหนีไปอีกทาง ยังไงก็ไม่ชินกับภาพแบบนี้อยู่ดี“เขินอะไรอีก มากกว่านี้ก็เห็นมาแล้ว”“หยุดพูดเลยนะ” ฉันเอามือขึ้นปิดหูทันที แค่นี้ก็เขินจะแย่แล้ว ยังจะให้มาฟังอะไรแบบนั้นอีก บ้าบอที่สุด“ลุกไหวไหม ให้เฮียอุ้มไปห้องน้ำปะ เดี๋ยวแถมอาบน้ำให้ด้วยเลย” เฮียยูตะโน้มตัวลงมาจับมือฉันออกจากหูแล้วเอ่ยแซวฉันอย่างร่าเริงจุ๊บ///ฉันพลิกตัวหันไปหมายจะด่าเขาแต่ปากหนากลับจุ๊บลงมาที่ริมฝีปากฉันก่อนจะอ้าปากเสียอีก แล้วผละออกส่งยิ้มหวานมาให้จนฉันลืมไปหมดเลยว่าจะด่าเขาว่าอะไร เขามันเป็นพ่อมดชัดๆ“หิวรึเปล่า เฮียว่าอาบน้ำเสร็จจะออกไปหาอะไรมาให้กิน แต่เราดันตื่นซะก่อน” เฮียยูตะเอ่ยถามเสียงหวานพลางเอามือเกลี่ยผมฉันอย่างอ
หลังจากผ่านวันหยุดสุดขีดกับทริปทะเลสุดฟิน ก็ถึงเวลาต้องกลับมาอยู่ในโหมดปกติแต่ก็ยังมีความสุขอยู่ดี เพราะมีคนคอยเทกแคร์ดูแลอย่างดีตลอดเลย มีแฟนน่ารักมันก็จะฟินๆ หน่อย คิดแล้วก็เขิน ผู้ชายบ้าอะไร...เอาใจเก่งเป็นบ้า >////ฉันหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาแล้วกดเข้าไปในไอจีเฮียยูตะ ได้ยินเพลินตาแซวอยู่บ่อยๆ แต่ก็ยังไม่ได้เข้าไปดูสักที ฉันไม่ค่อยชอบเข้าโลกโซเชียลเท่าไหร่บวกกับแจ้งเตือนที่ปิดไว้เลยทำให้ลืมไปเลยว่ายังมีไอจีอยู่ แต่พอเปิดเข้ามาก็เจอกับสิ่งที่ทำให้ใจเต้นรัวจนจับจังหวะไม่ได้9930Like, 1098CommentUta_U หาเจอสักทีนะ….My Flower @min.minarinรูปนี้ที่บ้านใต้แสงจันทร์ตอนที่เฮียยูตะไปง้อฉันนี่นา...แถมยังแท็กฉันอีกด้วย เหอะ...ดอกไม้ของฉันงั้นเหรอ10223Like, 989CommentUta_U You make me smile…แอบถ่ายตอนฉันหลับเนี่ยนะ... เห่ย! นี่มันห้องฉันนี่ เขาเข้าไปได้ไง ตอนไหนเนี่ย ร้ายกาจที่สุด...ไอ้เฮียบ้า แต่แคปชันนี้มัน ฉันทำให้เขายิ้มได้งั้นเหรอ เหอะ...ปกติก็เห็นยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่แล้วปะ แล้วทำไมฉันต้องยิ้มตามไม่หยุดด้วยเนี่ย8095Like, 760CommentUta_U ที่ไหนก็ได้...ที่มีผู้หญิงคนนี้และโพสต์ล่าสุด
อีกด้านของมหาวิทยาลัย….Thayukorn Talkผมหยุดฝีเท้าอยู่หน้าโรงอาหารที่คนพากันเดินออกให้ชุลมุนพร้อมกับเสียงซุบซิบนินทาอะไรสักอย่างแต่ผมไม่ได้สนใจหรอก พอคนไปพ้นประตูหมดแล้ว ผมก็เดินเข้าไปทันทีพลางกวาดสายตาหาคนตัวเล็กก่อนจะสาวเท้าไปโต๊ะริมหน้าต่าง“ไง เพื่อนเราอะ” ผมเอ่ยถามเพลินตาที่นั่งอยู่คนเดียวแต่จานข้าวบนโต๊ะมีตั้งสามจาน พอเพลินตาเงยหน้าขึ้นมา รอยยิ้มผมก็หุบลงในทันที ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ“มิณคงจะตามพิ้งค์ไป แต่ฉันไม่มีแรงตามสองคนนั้นออกไป” สิ้นเสียงเพลินผมรีบวิ่งออกจากโรงอาหารแล้วมาหยุดหันซ้ายหันขวา กูจะไปทางไหนดีวะ แล้วสองคนนั้นไปไหน แม่งเอ๊ย...ถ้าเมียผมเป็นอะไรขึ้นมา ยัยเด็กนั่นไม่รอดแน่“ที่อื่นมีเยอะแยะ เสือกมาทะเลาะกันในห้องน้ำ”“นั้นดิ กูกำลังแต่งหน้าพะ…”“ที่ไหน!” ผมปรี่เข้าไปหาผู้หญิงกลุ่มนั้นทันที ไม่น่าจะมีใครมาทะเลาะกันแถวนี้อีกแล้ว ถ้าไม่ใช่สองคนนั้น“ระ...รุ่นพี่”“ฉันถามว่าคนทะเลาะกัน ที่ไหน!!!” ผมถามย้ำและตะคอกจนสุดเสียง ยัยพวกนี้น่าโมโหชะมัด อ้ำอึ้งอยู่ได้“หะ...ห้องน้ำ ตึกศิลป์ค่ะ”พอได้คำตอบผมก็รีบวิ่งไปที่จุดหมายสุดชีวิต แต่ผมก็ยังคิดว่าพิ้งค์ไม่น่าจะกล้าทำอะไรม
พอประตูห้องปิดลงน้ำตาที่กลั้นไว้มันก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะกลายมาเป็นต้นเหตุของเรื่องบ้าๆ พวกนี้ ถ้าฉันไม่ยอมตกลงเป็นเพื่อนกับเพลินในตอนนั้น ฉันคงไม่ต้องมารับรู้เรื่องพวกนี้ ความจริงฉันไม่สมควรได้มาเรียนที่นี่ด้วยซ้ำหลังจากนี้ไปฉันควรจะวางตัวยังไงดี ทุกอย่างมันยังจะเหมือนเดิมอยู่ไหม เรายังจะสนิทใจที่จะเป็นเพื่อนกันต่อไปไหม รับรองเลย ถ้าฉันเห็นหน้าเพลิน ฉันต้องรู้สึกผิดกับมันไม่มากก็น้อย มันเองก็คงรู้สึกเหมือนกัน ฉันทำให้คนสองคนที่คบกันมาหลายสิบปีแตกหักกันแบบเชื่อมต่อไม่ได้เลย นี่มันเป็นเรื่องที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตฉันเลยนะ แล้วต่อไปฉันจะกล้าสนิทสนมกับใครได้อีกว่ะเนี่ยก๊อกๆ ๆฉันสะดุ้งสุดตัวเอามือทาบอกด้วยความตกใจเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอกก่อนจะมีเสียงผู้ชายดังตามมา‘เฮียยูตะให้ผมซื้อนมกะขนมมาให้ แขวนอยู่ด้านนอกนะ’พอเสียงฝีเท้าห่างออกไปจนแทบจะไม่ได้ยินแล้ว ฉันก็ลุกขึ้นไปเปิดประตู เอื้อมหยิบถุงที่แขวนอยู่ตรงลูกบิดแล้วปิดประตูลงกดล็อกทันทีฉันชูถุงของกินขึ้นตรงหน้า นี่ก็อีกคน ทำไมต้องทำเพื่อฉันมากมายขนาดนี้ ถ้าไม่ได้เขาวันนี้ฉันไม่รู้จะไปต่อยังไงเลย
เสียงพิ้งค์ที่พูดใส่มิณาในห้องน้ำยังดังก้องอยู่ในหัวผมตลอดเวลา ยัยนั่นไม่มีสำนึกเลยสักนิด หนำซ้ำยังพูดเหมือนโยนความผิดให้มิณาอีก ถึงว่าล่ะมิณาถึงได้รู้สึกผิดและเจ็บปวดขนาดนั้น อยากตบให้ปากแตกจริงๆ เลยผมหยุดยืนส่งไลน์คุยกับคุณยูริอยู่หน้าห้องซ้อมพอเสร็จเรียบร้อยก็เก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตูพร้อมกับส่งเสียงเรียกให้คนข้างในรู้ว่าผู้มาเยือนคือผมก๊อกๆ ๆ“มิณา”ไม่นานนักประตูก็เปิดออกพร้อมกับร่างบางที่ยืนฉีกยิ้มให้ผม ดวงตาแดงก่ำที่เพิ่งหยุดร้องไห้มาหมาดๆ ทำไมผมจะดูไม่รู้ว่าเธอฝืนยิ้มแค่ไหน ผมหรี่ตามองเธออย่างจับผิด“ทำไมเร็วจัง ทำมั่วปะเนี่ย” เสียงเล็กเอ่ยแซวผมปนแหบนิดๆ พร้อมกับหันหลังเดินไปหยิบกระเป๋าและถุงพลาสติกที่น่าจะเป็นของกินที่ผมสั่งให้รุ่นน้องไปซื้อมาให้ และเดินมาหาผมที่หน้าประตู“คิดว่าเฮียจะดูไม่ออกเหรอ หื้มมม” ผมพูดขึ้นพลางยกมือขึ้นบีบจมูกคนขี้แยตรงหน้าด้วยความมันเขี้ยว“อื้ออ เฮียยย” เสียงเล็กร้องท้วงพลางจับมือผมออกจากจมูกตัวเอง ก่อนจะทำหน้ามุ่ยใส่ผม“เฮียลางานกะไอ้ดินให้แล้วนะ” ผมเอ่ยขึ้นพลางเอาแขนคล้องคอยัยตัวเล็กแล้วพาเดินออกมาจากห้องซ้อมดน
“เชี่ยยย!” ผมร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นไอ้พี่ชายตัวดีนั่งยิ้มแฉ่งอยู่ที่เบาะหลังผ่านกระจกเงานั้น แม่งขึ้นมาตอนไหนวะ“อะไรของมึงเนี่ยเฮีย ใครเชิญ” ผมหันไปด่าพี่ชายหน้ามึนอย่างหัวเสีย“ฉันเชิญเอง มีอะไรหรอ” มือเล็กยกขึ้นข้างหัวพร้อมกับออกรับแทนไอ้เฮียวาอย่างออกนอกหน้านอกตา ไม่ไว้หน้าพวกเลยสักนิด แล้วใครจะกล้ามีคิดไหม นี่ใคร...ผัวไง แล้วนั้นใคร เมียไง จะกล้าต่อกลอนด้วยเหรอผมทำได้แค่ดึงตัวเองมานั่งตรงๆ หลังพวงมาลัยพร้อมกับเหยียบคันเร่งแบบจมตีนพุ่งตัวออกจากบ้านทันที โคตรหงุดหงิด ไอ้เฮียหมอก็อีกคน มาด่าแล้วก็ไป ไม่รู้เป็นส้นตีนอะไร หวงมิเชล ยิ่งกว่าพวกผมซะอีก พ่อกับแม่ยังไม่หวงเท่ามันเลย มันคงอยากมีน้องผู้หญิงแหละมั้ง ก็ดีเหมือนกันผมจะได้ไม่ต้องห่วงมิเชลมาก ยังไงก็ยังมีคนช่วยดูแลใช่เวลาไม่นานรถก็เคลื่อนตัวเข้ามาในสนามแข่งรถของไอ้เฮียวา นี่เป็นสถานที่ที่เหมาแก่การหัดขับรถมากที่สุด กว้างขวางและไม่มีสิ่งขวางกันเยอะนัก“มา เฮียจะบอกเกียร์ก่อน” ผมหันไปบอกคนตัวเล็กข้างๆ ทันทีที่รถจอดสนิท และเธอก็หันมาหาผมพยักหน้าหงึกๆ แบบตั้งใจสุดๆ“ตัว P เกียร์จอดหรือหยุด มันจะล็อกล้อเคลื่อนไปไหนไม่ได
“ป่ะเฮีย เสร็จแล้ว”ผมเงยหน้าจากจอมือถือขึ้นมองต้นเสียงที่มาหยุดยืนก้มลงสำรวจตัวเองเล็กน้อยก่อนจะฉีกยิ้มบางให้ผม ดูเหมือนเมียผมจะอยากขับรถเป็นเอามากๆ ดูจากอาการแล้วน่าจะเตรียมตัวมาอย่างดี ผมกดล็อกหน้าจอมือถือแล้วยัดมันเข้ากระเป๋ากางยีนตัวโปรดก่อนจะหยัดกายขึ้นยืนเต็มความสูง เอื้อมแขนไปรั้งไหล่มิณาเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูเสียงเข้ม“ถ้าขับเป็นแล้ว ห้ามขับหนีผัวเด็ดขาด เพราะผัวจะพลิกแผ่นดินหาจนเจอแน่ๆ เข้าจั๋ย”“จะกลัวอะไรล่ะคะ ตราบใดที่เฮียยังทำตัวน่ารักแบบนี้….” มิณาเอียงคอหันมามองหน้าผมแล้วพูดขึ้นแบบยิ้มๆ แต่ยังไม่ทันจบประโยคปากบางก็เม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง แก้มนวลขึ้นสีนิดๆ ก่อนจะขวักมือน้อยๆ เป็นเชิงเรียกให้ผมเอาหูไปใกล้ปากเธอ ผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย“ฉันไม่มีทางไปไหนรอดหรอก”จุ๊บ///สิ้นเสียงเล็กผมก็อาศัยจังหวะที่เธอกำลังเขินๆ หันไปจุ๊บริมฝีปากบางแบบไม่ทันตั้งตัวแล้วผละออก จนตาเล็กเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่ออย่างชัดเจน น่าฟัดจังวะ เปลี่ยนใจทันไหมเนี่ย เปลือกตาบางกะพริบถี่คล้ายกับกำลังเรียกสติตัวเองอยู่ อะไรกัน ผมทำแบบนี้ออกจะบ่อย ยัยตัวเล็กนี่ยัง
@มหาวิทยาลัย Aผมเดินลงมาจากตึกวิศวะพลางยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาเรือนโปรดและพบว่ามันเหลืออีกตั้งชั่วโมงครึ่งกว่ามิณาจะเลิกคลาส เพราะผมเทสเสร็จก่อนเวลา ตอนแรกก็กะจะไปนั่งรอเมียที่ใต้ตึกบัญชีแต่เผอิญเหลือบตาไปเห็นพวกรุ่นน้องทั้งหลายแหล่มันนั่งเหงาหงอยอยู่ที่โต๊ะประจำ จุดรวมตัวของผมมันเลยแวะเข้าไปสร้างสีสันให้พวกมันหน่อยผมแล้วจัดการทักทายไอ้ไม้รุ่นน้องคนสนิทที่นั่งอยู่บนพนักพิงม้าหินอ่อนด้วยฝ่ามืออรหันต์ฟาดลงหัวมันดังสนั่นหวั่นไหวจนหัวเกือบทิ่มลงโต๊ะ ที่นั่งเขาก็มีเสือกนั่งผิดที่ผัวะ!!“โอ๊ย ใครวะแม่ง” ไอ้ไม้เอามือลูบหัวตัวเองแล้วหันมาโวยวายด้วยสีหน้าเอาเรื่องก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มแหยๆ แทนเมื่อเห็นว่าเป็นผม“กูเองอ่ะ มึงจะต่อยกูงะ” ผมถามกลับไปพลางยักคิ้วให้มันอย่างกวนตีน ก่อนไอ้พวกรุ่นน้องที่เหลือจะลุกให้ผมนั่งแทนอย่างรู้งาน“โห้เฮีย ใครจะกล้า แต่มือหนักใช้ได้เลยนะ มึนฉิบ”“ทำไมเงียบเหงาจังวะ” ผมมองซ้ายมองขวาก่อนจะเอ่ยขึ้นลอยๆ ตามความคิดตัวเอง ปกติหน้าตึกวิศวะสาวๆ เดินสวนกันเป็นขบวนพาเลซแต่วันนี้แทบจะไม่มี เกิดไรขึ้นวะ“นั่นดิเฮีย ผมนั่งรอเหยื่อตั้งนานแล้วเนี่ย” ไอ้ไม้ตอบกลับแบบเซ็งๆ ก่อนที่
พอถึงเวลางานเลี้ยงเริ่มทุกคนก็พากันไปรุมสาวน้อยสมาชิกใหม่ของบ้านกันใหญ่ ฉันอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้เลย รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของมิเชลตอนนี้บ่งบอกได้เลยว่าเธอมีความสุขแค่ไหน“โหล เทส...โหล เทต่างๆ นานา” ฉันหันไปทางต้นเสียงเห็นพวกเฮียยูตะนั่งอยู่ตรงเวทีที่ถูกจัดไว้ริมสระว่ายน้ำ โดยมีกีตาร์โปร่งอยู่บนตักและปากจ่ออยู่กับไมค์ที่เขาพยายามเทสเสียงอยู่หลายรอบ“บัดนี้ นี้ นี้” เสียงที่ดังออกมาตามลำโพงจากเฮียวาโยที่เดินขึ้นเวทีไปยืนอยู่ข้างๆ เฮียยูตะ พร้อมเสียงแอดโค่ที่ทำขึ้นมาเองนั่น เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากทุกคนในที่นี่ได้เป็นอย่างดี“เวลาอันเป็นสมควรได้มาถึงแล้ว แล้ว แล้ววว”“มึงจะเล่นแอคโค่ทำเหี้ยอะไร เอาธรรมดาพอ” เฮียยูตะหันไปด่าพี่ชายจอมขี้เล่นของตัวเองลั่นกังวานไปทั่วเพราะไมค์ที่จ่อปากอยู่ ก่อนที่เฮียวาโยจะพูดต่อแบบธรรมดาตามที่น้องชายสั่ง“เอาแหละ วันนี้บ้านเหมบดินทร์มีสมาชิกมาเพิ่มหนึ่งคน เป็นสาวน้อย น่ารักจิ้มลิ้ม ที่มีนามว่า มิเชล มิรินดา เหมบดินทร์”แปะๆ ๆ ๆ ฮู้ๆ ๆ ๆสิ้นเสียงเฮียวาโยทุกคนก็พากันปรบมือเพื่อเป็นการต้อนรับเด็กหญิงมิเชลเข้าสู่ครอบครัว เด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนข
หลายวันต่อมา…..ฉันเปิดประตูลงมาจากรถแบบงงๆ คือเฮียยูตะพาฉันมาบ้านใต้แสงจันทร์ก็เรื่องปกตินั่นแหละ...แต่ทำไม พ่อกับแม่ของเขาถึงตามมาด้วย พวกเขาจะมาทำอะไรกันที่นี่ ถ้าจะมาบริจาคเงินต้องเอาฉันมาด้วยเหรอ เฮียยูตะเดินมาจูงมือฉันเดินตามท่านทั้งสองไปจนถึงห้องคุณแม่อธิการ“สวัสดีค่ะ” คุณแม่อธิการเอ่ยทักพ่อกับแม่ของเฮียยูตะ ก่อนท่านทั้งสองจะตอบกลับไปอย่างนอบน้อมและพากันไปนั่งโซฟากลางห้อง“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ”ฉันกับเฮียยูตะก็ได้แต่ยกมือไหว้คุณแม่อธิการก่อนจะพากันไปนั่งโซฟาตรงข้ามท่านทั้งสอง คิ้วบางเริ่มขมวดเป็นปมเมื่อคุณแม่อธิการหยิบเอกสารใบรับอุปการะให้ท่านทั้งสองอ่าน อุปการะใครกัน ฉันเกินวัยที่จะต้องรับไปเลี้ยงแล้วนี่นา ไม่ใช่ฉันแน่ๆแกร่ก….แอ็ดดดดจู่ๆ ประตูก็ถูกเปิดเข้ามาอย่างถือวิสาสะ ฉันรีบหันไปทางต้นเสียงทันที และก็ได้คำตอบให้คำถามที่ค้างคาอยู่ในหัวเมื่อครู่ เมื่อเด็กหญิงมิเชลเดินเข้ามาในห้องยกมือไหว้ทุกคนตามมารยาทก่อนจะเดินมานั่งลงบนตักเฮียยูตะอย่างสนิทสนม เหอะ...คือสองคนนี้ไปสนิทกันตอนไหน แต่มิเชลไม่เคยยอมไปอยู่กับใครเลยนะ มีพวกคนใหญ่คนโตจะมารับอุปการะตั้งหลายครั้งแต่มิเชลก็ไม่ยอมไป
@คอนโดพอเปิดประตูเข้ามาในคอนโด เฮียยูตะก็รีบเข้าห้องตัวเองแล้วปิดประตูลงอย่างแรงเสียงดังสนั่น จนฉันถึงกับสะดุ้ง ระหว่างทางที่ขับรถกลับมาก็ไม่พูดอะไรเลยสักคำ ฉันรู้ว่าเขากำลังโมโหมาก พี่นนท์นี่ก็จริงๆ เลย ยั่วโมโหเฮียยูตะอยู่ได้ฉันถอนหายใจพรืดใหญ่ก่อนจะเดินไปจับลูกบิดประตูห้องเฮียยูตะออกแรงหมุนมันเปิดเข้าไปและปิดมันลงอย่างเบามือ เดินตรงเข้าไปหาเจ้าของห้องที่นั่งอยู่บนที่นอนหันหน้าไปทางหน้าต่าง“เฮีย โกรธฉันเหรอ” ฉันนั่งลงบนเตียงข้างๆ เขาก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือหนาที่สอดประสานกันแน่น ทำใจดีสู้เสือทั้งๆ ที่ใจก็กังวลไม่น้อย แต่เขาก็ยังคงเงียบได้แต่เสียงขบกรามเท่านั้นที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าแดงก่ำบ่งบอกได้ชัดเจนว่าอารมณ์เขาร้อนแค่ไหนฉันเลื่อนมือเล็กขึ้นนาบแก้มสากทั้งสองข้างแล้วออกแรงหันใบหน้าคมมาสบตาฉัน ก่อนจะกดจูบลงไปที่ปากหนาสักพักแล้วผละออก แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่ยอมเพราะมือหนารั้งท้ายทอยฉันแล้วบดจูบลงมาอย่างเร่าร้อน ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาแบบรีบๆ ฉันเองก็ตกใจไม่น้อยแต่ก็ปล่อยให้เขาจูบอยู่แบบนั้นอื้ออออ~ ~แขนแกร่งโอบรอบเอวคอดก่อนจะออกแรงยกตัวฉันขึ้นนั่งคร่อมบนตักเขา โดยที่ปากเรา
“ไหนมาให้เฮียดูก่อนดิ” เฮียยูตะเอ่ยขึ้นหลังจากที่ปลดสายเบลล์ตัวเองแล้วเอื้อมมือมารั้งท้ายทอยฉันที่กำลังจะเปิดประตูลงจากรถเข้าไปใกล้ๆ แล้วยกมืออีกข้างขึ้นเกลี่ยเช็ดตามแก้มนวลอย่างแผ่วเบา“ตาบวมหมดแล้ว ต่อไปนี้จะไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องเสียน้ำตาอีกแล้วนะ”ฉันมองหน้าแฟนตัวเองน้ำตาซึม เขาทำทุกอย่างให้ฉันด้วยความรักและความจริงใจ ฉันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกพวกนั้น ไม่เคยเสียใจเลยสักนิดที่เปิดรับเขาเข้ามาอยู่ในชีวิต“โอ้ๆๆๆ ขวัญเอ๊ยขวัญมานะเมียจ๋า” เฮียยูตะดึงฉันเข้าไปกอดแน่บอกพลางเอ่ยขึ้นเสียงทะเล้นพร้อมกับลูบผมฉันเบาๆ ฉันเหลือบตาขึ้นมองตนตัวโตที่ฉีกยิ้มกว้างอย่างร่าเริง อารมณ์แปรปรวนเหลือเกิน คือเมื่อกี้ยังซึ้งอยู่เลย ฉันต้องเป็นไบโพร่าตามเขาเข้าสักวันแน่ๆ“หาหมอไหม”“ฮึ้ย ไม่เอา” เฮียยูตะรีบผลักฉันออกพลางทำท่าขยะแขยงแบบสุดๆ เมื่อฉันพูดถึงหมอ แล้วหันไปเปิดประตูลงจากรถเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าทันทีฉันหลุดขำกับท่าทีของเขาพลางเปิดประตูลงจากรถแล้วรีบเดินตามไปคล้องแขนเฮียยูตะอย่างออดอ้อนออเซาะ เฮียยูตะเอามือขึ้นโยกหัวฉันเบาๆ ด้วยความเอ็นดู“อยากได้ไรครับเมีย”“อยากรักเฮีย” ฉันแกล้งตอบกลับเขาเสียง
สิบห้าปีก่อน…..ฉันนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนที่นอนก่อนจะลุกขึ้นมาเล่นตุ๊กตาอยู่คนเดียว เพราะนอนไม่หลับ คืนนี้พ่อกลับดึก ฉันรอพ่อก่อนดีกว่าตึงง...กรี๊ดดด...อุ๊บ“แม่!” ฉันร้องขึ้นด้วยความตกใจเพราะเสียงกรีดร้องนั่นเป็นเสียงของผู้เป็นแม่ ฉันรีบลุกจากที่นอนไปเปิดประตูออกจากห้องและวิ่งไปที่ห้องของแม่ทันทีภาพที่ฉันเห็นคือผู้ชายร่างหนาที่ฉันไม่รู้ว่าเป็นใครคร่อมอยู่บนร่างแม่ที่ดิ้นไปมาทุรนทุรายน้ำตาไหลอาบสองแก้ม ฉันไม่รู้ว่าเขาทำอะไรแม่ ฉันรู้แต่ว่าแม่เจ็บปวด ฉันต้องช่วยแม่ ฉันหันซ้ายหันขวา แล้วไปคว้าเอาปิ่นปักผมแม่โดดขึ้นเตียงออกแรงปักเข้าไปที่ต้นคอชายคนนั้นทันทีโอ๊ยยยผลั่ก...ตึงงงง“ใยไหม ไปเร็วลูก” แม่ผลักร่างหนาตกลงไปนอนโอดโอยอยู่บนพื้นห้องและรีบลุกขึ้นอุ้มฉันลงจากเตียงและวิ่งไปที่ประตูห้อง แต่ฉันไม่ทันไปถึงไหน ร่างแม่ก็หยุดกึกและปล่อยฉันลงกับพื้นพลางเอามือขึ้นจับผมตัวเองที่โดนทึ้งดึงจากชายปริศนานั้นโอ๊ยยยย“เก่งทั้งแม่ทั้งลูกเลยนะมึง” ผู้ชายคนนั้นพูดขึ้นเสียงแข็งก่อนจะจับร่างแม่โยนไปบนที่นอนอย่างแรง ฉันถูกสอนมาแบบไม่ให้อ่อนแอและไม่เคยกลัวอะไร ยิ่งเห็นแม่ถูกทำร้ายแบบนี้ฉันยิ่งยอมไม่ได
วันต่อมา….ผมเดินกอดคอมิณาเข้ามาใต้ตึกบัญชี นี่กลายเป็นกิจวัตรที่ผมต้องทำในทุกๆ เช้าวันที่มีเรียน เพราะผมไม่ไว้ใจสายตาของตัวผู้ทั้งหลายที่คอยแอบมองเมียผมอยู่เลยเวลาผมเผลอ ใจก็อยากโอนย้ายมาเรียนบัญชีด้วยซ้ำ แต่อีกแค่เทอมเดียวก็จะจบแหละ ทางมหาลัยต้องไม่สะดวกทำเรื่องให้ผมแน่ๆ เลยมานั่งเฝ้าตอนว่างๆ เอาแทน“อ้าว เฮียทำไมมานั่งนี่อะ” มิณาเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัยเมื่อเห็นผมนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ เธอ เพราะปกติผมส่งเธอถึงที่หมายเรียบร้อยก็จะตรงดิ่งไปที่ตึกวิศวะทันที แต่วันนี้เป็นไรไม่รู้ คิดถึงเมีย ยังไม่อยากห่าง แต่ความจริงก็คือมันมีกิจกรรมของชมรมห่าไรไม่รู้มาจัดอยู่หน้าตึกบัญชี และผู้แม่งก็เยอะฉิบหาย“เฝ้าเมีย” ผมพูดขึ้นพลางหันมองซ้ายมองขวาด้วยอารมณ์ที่โคตรจะหงุดหงิด ก่อนจะหันไปเห็นเพลินตานั่งอมยิ้มอยู่ เออลืมเลยว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย แต่ก็ช่าง ตอนนี้โคตรโมโหชมรมห่านี่เลย ที่อื่นมีเยอะแยะไม่ไปจัด มาจัดทำห่าอะไรตรงนี้วะ น่ารำคาญฉิบ“หยุดเลยมึง ไม่ต้องพูด” มิณาพูดดักพลางเอามือขึ้นชี้หน้าเพื่อนรักที่กำลังจะอ้าปากแซว ที่ผมพูดเมื่อกี้ ก่อนที่เพลินตาจะเม้มปากแน่นและก้มหน้าเล่นมือถือตัวเองต่อ“เอ่อ มึงรู้