“ตบเลยเหรอ”
เพื่อนสาวคนสนิทอุทานเสียงเบา ตาโตที่โตอยู่แล้วยิ่งขยายขึ้นขณะที่กุลนารีตักข้าวกลางวันเข้าปากอย่างเซ็งๆ ความจริงก็ไม่ได้อยากบอกเล่าเรื่องส่วนตัวของเจ้านายให้เพื่อนฟัง แต่อีกฝ่ายสังเกตว่าเธอแต่งหน้าหนาแถมสีบรัชออนแจ่มชัดอย่างที่ไม่เคยแต่งมาก่อน แล้วตนดันหลุดปากว่า ‘โดนตบ’ ก็เลยถูกซักไซ้ จึงจำต้องพูดในบางส่วนว่า บังเอิญไปเร็วขัดกิจกรรมเข้าจังหวะทำให้คู่ควงของเจ้านายไม่พอใจ
“ดูแรงเนาะ คุณพศินไม่น่าชอบผู้หญิงแรงๆ”
เธอพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของญาดา
“ไม่ใช่แค่นิสัยแรงหรอก ร้อนแรงไม่เบาด้วย”
พูดแล้วเจ้าตัวก็ยักไหล่อย่างไม่แปลกใจว่าทำไมถูกใจเจ้านายของตน เพื่อนสาวที่มองอยู่ถึงกับหลุดขำ
“ถึงขนาดไปรู้เห็นว่าเขาร้อนแรงนี่มันน่าสยองยังไงๆ อยู่นะ”
คนพูดทำหน้าหวาดหวั่น
กุลนารีเองก็หน้าม่อยไปเช่นกัน หากก็ไม่ได้บอกรายละเอียดกับเพื่อน แต่ที่เธอคาดการณ์ว่าสาวอวบอัดต้องร้อนแรงไม่ธรรมดาเพราะตั้งแต่คบกับคนนี้ เจ้านายของเธอใช้เวลากับอีกฝ่ายนานทุกครั้ง เธอมักไปถึงโดยที่ทั้งคู่ยังมีความสุขอยู่ในห้องเสมอ ยอมรับว่าแอบหวั่นใจกับสิ่งที่ต้องรับรู้เมื่อถูกเรียกไปคอนโดชายหนุ่ม ทว่าก็ปฏิเสธงานไม่ได้
“ไม่เจ็บแล้วใช่ไหม”
ญาดาถามพร้อมกับลอบสังเกตแก้มของเพื่อนสาว นึกเห็นใจไม่น้อยที่นอกจากต้องทำงานในเวลางานแล้ว ยังต้องคอยสแตนด์บายในวันหยุดด้วย
“ไม่แล้วล่ะ”
กลุนารีเสียงอ่อย แม้จะยังรู้สึกได้อยู่หน่อยๆ ก็ตามแต่ไม่อยากให้เพื่อนห่วง อีกอย่างมันเป็นงานของเธอ
“คุณพศินก็แปลก ทำไมต้องเรียกแก้มทุกที แค่จ่ายเงินผู้หญิงของตัวเอง”
“ไม่รู้สิ เพราะต้องจ่ายเงินสดมั้ง”
“โอนเงินเข้าบัญชีไปเลยไม่ง่ายกว่าเหรอ”
เพื่อนบอกมาอย่างนั้นกุลนารีก็ฉุกคิดขึ้นมา เพราะเทคโนโลยีสมัยนี้สะดวกสบาย โอบปุ๊บก็เช็กได้ทันที หรือไม่ก็มีแจ้งเตือน ทำไมเจ้านายต้องเรียกเธอไปจ่ายเงินทุกครั้ง
“จริงด้วยเนาะ”
“แบบนี้ถ้าแก้มมีแฟนล่ะก็ได้มีปัญหากันแน่”
“ทำไม งานก็ส่วนงาน แฟนก็ส่วนแฟนสิ”
“ก็ใช่นะ แต่...”
คนมีแฟนแล้วขมวดคิ้ว อึกอักหน้าแดง แล้วพยายามอธิบายกับเพื่อนที่บ่นเสมอว่าอยากมีคนมาพาไปเที่ยวบ้าง ตั้งแต่ญาดามีแฟนกุลนารียิ่งงอแงง้องแง้งหนักขึ้น โอดครวญว่ามีแฟนแล้วอย่าลืมเพื่อน อย่าทิ้งเพื่อน ทั้งที่ตัวเองนั่นแหละที่แทบจะปลีกตัวจากการรับรองความต้องการของท่านประธานกรรมการธนัญการไม่ได้
“มันต้องมีเวลาส่วนตัวสำหรับคนที่รักกัน ถ้าเขาไม่ได้อยู่กับเราอย่างน้อยวันหยุดก็อยากเจอ”
“คุณพริษฐ์ไม่ทำงานวันหยุดหรือไง”
ญาดาส่ายหน้า
“วินเขาพยายามเคลียร์งานดึกทุกวัน ให้วันหยุดว่างน่ะ”
“ดีจัง”
กุลนารีเอ่ยเสียงอ่อย ทว่าก็เลือกไม่ได้ ตำแหน่งของพศินมีเรื่องให้ตัดสินใจให้ตรวจสอบตลอด วันหยุดบางอาทิตย์ก็ต้องเข้าบริษัท หากไม่เข้าหรือว่างจริง เขาก็นัดผู้หญิง นั่นทำให้เธอต้องเจอหน้าเจ้านายของตนแทบทุกวัน หนึ่งอาทิตย์จะมีวันที่เป็นของเธอจริงๆ หนึ่งวันแต่ไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเป็นเสาร์หรืออาทิตย์ อย่างเช่นวันหยุดที่ผ่านมา วันเสาร์เธอได้หยุดและวันอาทิตย์ก็ถูกสั่งให้กดเงินไปจ่ายคู่ขาของพศิน
แล้วก็ได้ฝ่ามือพิฆาตมาเป็นของแถม
“หนังที่แก้มอยากดูก็จะเข้าอาทิตย์นี้แล้วด้วย วันหยุดนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไง พริกก็มีคุณพริษฐ์แล้ว ไม่ว่างสแตนด์บายไปกับแก้มแล้วสิ”
เจ้าตัวทำเสียงเง้างอด ญาดาจึงส่งยิ้มให้แล้วก็ปลอบใจ
“ถ้าว่างเสาร์หรืออาทิตย์ก็ค่อยบอกก็ได้ พริกจะบอกวินเอาไว้ว่าขอเวลาให้แก้มสักวัน”
คนได้ยินทำปากยื่น รู้สึกผิดหน่อยๆ ที่แย่งเวลาส่วนตัวระหว่างคู่รัก
“คุณพริษฐ์จะไม่เคืองแก้มเหรอ”
“เอาน่า แค่ไปดูหนังกับเพื่อนวินไม่เรื่องมากหรอก”
ญาดาเอ่ยอย่างอารมณ์ดี เพราะแม้พริษฐ์จะบ่นแต่เขาก็ต้องตามใจเธอ ถ้ายังอยากมานอนที่ห้องของเธอ
=====
พริกไปด้วยได้ แต่แก้มจะว่างไหมนะ?
แต่ทำไมพศินต้องให้แก้มไปจ่ายเงินทุกที? ^-^
“แก้ม”ร่างบางที่กำลังก้าวฉับๆ เพื่อกลับไปยังโต๊ะทำงานช่วงบ่ายหลังพักเที่ยงหยุดก่อนจะหันตามเสียงเรียก แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นคนที่กำลังเดินเข้ามาหาตน“แก้มจริงๆ ด้วย กลัวจะทักคนผิดอยู่เหมือนกันนะเนี่ย”อีกฝ่ายออกมาประตูห้องประชุม ซึ่งเธอรู้ว่าทีมออกแบบจะเข้าประชุมกับเจ้านายของตนในบ่ายนี้ กุลนารีคิดอยู่ชั่วแวบก็เอ่ยถาม“พี่ยุเพิ่งมาทำงานที่นี่เหรอ”“ใช่ เพิ่งเริ่มงานได้สองอาทิตย์ ไม่รู้นะเนี่ยว่าแก้มทำงานที่นี่”“ทำมาตั้งแต่เรียนจบน่ะ”“หือ งั้นพี่ต้องขอคำปรึกษารุ่นพี่อย่างแก้มแล้วล่ะ”“แก้มไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องออกแบบหรอกค่ะ”เธอบอกไปพร้อมยิ้มบาง“ก็ถามเรื่องทั่วๆ ไป ระบบภายใน หรือไปกินข้าวกันบ้างอะไรงี้”อีกฝ่ายบอกกว้างๆขณะที่กุลนารีมองคนที่ไม่เจอกันมานับแต่อีกฝ่ายเรียนจบมหาวิทยาลัยด้วยความรู้สึกแปลกๆ ทั้งอึ้งทั้งดีใจ หากก็อึดอัดขัดเขินอย่างบอกไม่ถูก คาดว่าศตายุน่าจะถูกดึงตัวมา จำได้ว่าหัวหน้าฝ่ายออกแบบกับพริษฐ์เข้ามาขออนุมัติคนกับเจ้านายตน เนื่องจากบริษัทเพิ่งลดคนคัดคนออก วางระบบภายในใหม่ทั้งหมด ใช้คนน้อยลงแต่ทักษะความสามารถของบุคคลต้องหลากหลายมากขึ้น ใครรับระบบใหม่ไม่ได้และพร้
สี่ทุ่มคืนวันเสาร์ถัดมา...ร่างบางออกจากห้องน้ำมาด้วยชุดนอนเรียบร้อยพร้อมทั้งมาส์กแปะบนหน้า ตั้งใจนอนโดยไม่ทำอะไรแล้ว เพราะวันนี้เธอเข้าบริษัทกับเจ้านายที่เข้าไปตรวจเอกสารอนุมัติเร่งด่วนของแต่ละแผนก กว่าจะออกมาก็บ่ายแก่ แล้วโทรชวนญาดาไปดูหนังวันพรุ่งนี้ เพราะมั่นใจว่าพศินต้องพักหนึ่งวันแน่นอนหลังจากทิ้งตัวลงนอน รอเวลามาส์กหน้าครบก็หยิบมือถือมาเปิดดูแต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นว่ามีข้อความเข้ามาตอนเธออาบน้ำ กุลนารีแทบไม่อยากอ่านทว่าก็จำต้องเปิดข้อความของเจ้านาย‘มาหาผมที่คอนโด’ข้อความเข้ามาเมื่อราวยี่สิบนาที และเป็นครั้งแรกที่เธอถูกเรียกตัวในตอนกลางคืน แม้ว่าตอนนี้รถไฟฟ้ายังไม่ปิด แต่ก็เป็นเรื่องผิดปกติ ทว่าไม่มีเวลาคิดมาก กุลนารีรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปยังคอนโดของพศินให้เร็วที่สุดเพราะชายหนุ่มไม่ได้บอกกำหนดเวลา อาจหมายถึงให้เธอไปโดยเร็ว‘ทำไมช้า คุณอยู่ไหนแล้ว’เธอถูกตามด้วยข้อความอีกครั้งก่อนจะขึ้นรถไฟฟ้ากุลนารีจึงพิมพ์ตอบกลับไป‘ขอโทษค่ะ ดิฉันเห็นข้อความหลังอาบน้ำเสร็จน่ะค่ะ ตอนนี้กำลังจะขึ้นรถไฟฟ้าค่ะ’‘เร็วหน่อยแล้วกัน’หญิงสาวก้าวเร็วๆ แทบจะวิ่งเมื่อลงจากรถไฟฟ้ากระทั่งขึ้นไปถึ
“อ๊าย!! คุณพศิน!”“คุณไม่พอใจเรื่องอะไร ผมว่าเราคุยกันเข้าใจแล้วตั้งแต่ต้นนะ ว่าแค่ใช้เวลาสนุกด้วยกัน”พศินยังคงใช้น้ำเสียงโทนเดิมไม่เปลี่ยน ทว่ากุลนารีรับรู้ได้ว่าเจ้านายของตนเริ่มไม่พอใจเพราะลมหายใจชายหนุ่มแรงขึ้น“คุณเห็นเบลเป็นอีตัว!”“เอ่อ คุณ...”“แกไม่เกี่ยว หุบปากไปเลย”เบญจวรรณโพล่งขึ้นในทันทีที่เธอเอ่ย“คุณเองก็ควรเลิกเสียงดังแล้วกลับเสีย”ชายหนุ่มตัดบทพร้อมกับพาเธอเดินตรงไปเผชิญหน้ากับหญิงสาวอีกคน“กุลนารีเข้าไปเอาเสื้อผ้าออกมาให้เธอ”คนถูกสั่งเลี่ยงหลบสาวสวยร่างอวบอัดที่ยืนหน้าประตูเข้าไป ขณะที่เจ้าตัวมองตามเธอแล้วหันไปกลับไปมองชายหนุ่ม“คุณพศินคะ เบล...”สายตาคู่คมเข้มที่มองมาทำให้เบญจวรรณตระหนักได้ว่าตัวเองพลาดไปแล้ว“พรุ่งนี้ผมจะโอนเงินเพิ่มให้ ขอบใจสำหรับช่วงเวลาที่ผ่านมา”“ไม่นะคะ อย่าเพิ่งตัดรอนเบลสิคะคุณพศิน”หญิงสาวพยายามจะคว้ามือเขาแต่ชายหนุ่มถอยออกอย่างไม่ต้องการให้แตะต้องตัว เป็นเวลาเดียวกับที่กุลนารีกลับออกมาพอดี“แล้วก็ อย่ามาดักรอผมหน้าห้องแบบวันนี้อีก”เบญจวรรณส่ายหน้า ใบหน้าสวยไม่มีน้ำตาแต่เจ้าตัวก็พยายามแสดงสีหน้าชัดเจนว่าเสียใจ“เบลไม่มารอก็ได้ แต่คุณอย่า
กุลนารีดูเวลาที่มือถือของตนหลังจากวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ เธอรู้ว่าเจ้านายเพิ่งเข้าไปอาบน้ำหลังจากคู่ขาของเขากลับไปแล้ว ที่ชายหนุ่มให้เธอเข้ามาเตรียมเอกสารในห้องทานของเขาก่อนก็เพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้านั่นเอง“ห้าทุ่มครึ่งแล้วเหรอเนี่ย”พึมพำกับตัวเองแล้วก็อดกังวลไม่ได้ว่าตนจะได้กลับบ้านเมื่อไร พศินให้ชงกาแฟเท่ากับเขาจะดูเอกสารจริงๆ อาจดูจนเสร็จ ชายหนุ่มมักทำงานแบบยิงยาวที่ทำงานบ่อยครั้ง ทว่าที่คอนโดเธอไม่เคยต้องอยู่กับเจ้านายดึกดื่น“คุณต้องลำบากเรื่องเบญจวรรณเยอะเลย”ร่างบางถึงกับสะดุ้งที่อยู่ๆ เสียงเข้มก็ดังด้านหลัง พศินมักขยับตัวรวดเร็วไม่ค่อยมีเสียงให้รู้สึกตัวเท่าไร สำหรับกุลนารีที่อยู่ด้วยกันมานานถือว่าค่อนข้างชิน แต่บางครั้งเธอคิดเรื่องอื่นอยู่ก็มีอาการบ้างนิดหน่อย“เธอเข้าใจผิด ก็เขม่นเป็นธรรมดาตามประสาผู้หญิงค่ะ”กุลนารีบอกอย่างพยายามทำใจ ไม่อาจเอ่ยไปตรงๆ ได้ว่าเพราะชายหนุ่มใช้คำพูดให้ดูกำกวม“ส่วนหนึ่งก็เพราะผมด้วย”อีกฝ่ายยอมรับพร้อมก้าวเข้ามาในห้อง หญิงสาวเองก็แปลกใจไม่น้อยที่เขาออกตัวมาง่ายๆ อย่างนี้“เขาอยู่คอนโดนี้ แล้วก็มาดักรอผม เขาควรรู้ว่าไม่ใช่อยากเจอผมเมื่อไรก็มาได้ตาม
เธอกำลังฝัน...กุลนารีรู้สึกเหมือนลอยอยู่กลางปุยเมฆ ทั้งอบอุ่นทั้งนุ่มนวล แทบไม่อยากตื่น เธอยิ้มมีความสุขทิ้งตัวลงนอนสบายอารมณ์ จู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งโน้มหน้าลงมาหา เขาหล่อมาก แม้ในมโนสำนึกจะไม่สามารถบรรยายรูปหน้าได้แต่บอกได้ว่าหล่อแน่นอนผู้ชายในฝันย่อมต้องสมบูรณ์แบบอยู่แล้วคนอยู่ในภวังค์ความฝันขยับหน้าเงยขึ้นโดยอัตโนมัติ เผยอริมฝีปากปากตนเองแตะกับปากได้รูปแสนดึงดูดใจทว่าสัมผัสหนักแน่นอุ่นวาบที่รับรู้ได้บนริมฝีปากตน กับไอระอุที่โอบล้อมรอบตัวทำให้ความเป็นจริงเข้าโจมตีกุลนารีในทันใด เปลือกตาบางเปิดขึ้นแล้วก็เห็นดวงตาคู่คมดุในระยะประชิด เธอตัวแข็งราวเป็นหินอยู่ชั่วอึดใจก่อนจะผละออกห่าง ทำให้รู้ว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงแล้ว แขนสองข้างโอบกอดลำคอแกร่งของเจ้านายหนุ่ม“เอ่อ...ขอ...โทษค่ะ”แขนเรียวเสลารีบลดลง วางสีหน้าไม่ถูกจนต้องหลบสายตาอีกฝ่าย หน้าร้อนราวกับไหม้ ไม่แน่ใจว่าอับอายการกระทำของตนหรือเพราะดวงตาคู่คมที่จ้องไม่ลดละด้วยแววตาที่เดาไม่ออกชั่วอึดใจชายหนุ่มก็ปล่อยตัวเธอ เหมือนเขาจะอุ้มเธอมายังเตียงแล้วเพิ่งวางลง และเธอดันขยับหน้าขึ้นไปหาเขาเข้า“เห็นคุณหลับที่โซฟา กลัวจะเมื่อย”“ขอบคุ
แม้จะหลับไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงกุลนารีก็รีบตื่นขึ้นมา เมื่อคืนเธอไม่อาจทำใจให้สงบได้ ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ในหัวเต็มไปด้วยจินตานาการของร่างสองร่างที่โลดโผนอย่างโจ๋งครึ่ม แม้จะเป็นสาวใสผุดผ่องแต่เธอก็เคยดูหนังหรือซีรีส์ติดเรต อย่างน้อยก็เรื่องดังคนนิยมร่างบางเดินไปแอบมองห้องทำงานเห็นประตูยังปิดสนิทก็เลี่ยงไปห้องน้ำด้านนอก หาแปรงสีฟันที่ยังไม่ได้ใช้ เพราะจำได้ว่าเธอเพิ่งซื้อมาไว้เพิ่มไม่นานเผื่อให้คู่ขาของเขาและก็มีจริงๆของใช้ภายในบ้าน หรืออาหารการกินเล็กน้อย เช่น ขนมปัง กาแฟ ผลไม้ เธอเป็นคนจัดซื้อมาไว้ ซึ่งพศินให้เธอจัดการได้เลยโดยเป็นเงินที่เพิ่มมาให้นอกเหนือจากเงินเดือน รัมภาเคยทำอยู่แล้วเธอเพียงรับช่วงต่อเท่านั้นกุลนารีไม่แน่ใจว่าเจ้านายของตนอยากกินอะไรในตอนเช้าแต่ก็ชงกาแฟกับปิ้งขนมปังและปอกผลไม้เตรียมเอาไว้ แม้จะอยากกลับไปห้องของตน แต่ในเมื่อชายหนุ่มยังไม่ตื่นขึ้นมาเธอก็ยังกลับไม่ได้ ขณะกำลังล้างอุปกรณ์ต่างๆ ร่างสูงกำยำก็เข้ามา“เตรียมอาหารไว้เหรอ ขอบใจ กินมื้อเช้าแล้วผมขออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นาน แล้วจะไปส่งคุณที่ห้อง รอไปดูหนัง”“เจ้านายจะไปรอดิฉันที่ห้อง?”“ไม่ได้เหรอ”“ได้ค่ะ”
“กุลนารี เข้ามาข้างในหน่อย ขอกาแฟด้วย”คนที่กำลังพิมพ์เอกสารสรุปการประชุมในช่วงเช้าหยุดมือ เธอเห็นเจ้านายเดินผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็วลุกขึ้นยืนแทบไม่ทัน แถมเขายังไม่หันมามองด้วยซ้ำ ทว่าไม่ถึงห้านาทีก็เรียกหากาแฟทั้งที่เพิ่งกินข้าวไปหญิงสาวรับคำแล้วรีบจัดการตามที่ชายหนุ่มสั่ง ทว่าเปลี่ยนจากกาแฟเป็นชา เมื่อวางลงบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่สายตาคมก็เพียงเหลือบมองหากไม่ได้เอ่ยอะไร เขามองหน้าเธอแล้วถาม“เย็นวันศุกร์นี้ไปงานแต่งเพื่อนกับผมหน่อย”กุลนารีได้แต่อึ้งอีกแล้ว ออกงานชายหนุ่มมักจะฉายเดี่ยวแล้วทำไมอยู่ๆ ถึงบอกให้เธอไปด้วย“งานนี้เพื่อนเยอะ ขี้เกียจตอบคำถาม มีคุณไปด้วยคงไม่ค่อยมีใครเข้ามาถามวุ่นวายเท่าไร”เธอฟังแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า ‘ถามเรื่องอะไร’ แต่ก็เพียงรับคำไม่กล้าซักใดๆ“อ้อ เรื่องชุดไปดูกับผมเย็นนี้นะ”“คะ?”“ผมจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้”“ค่ะเจ้านาย”แม้จะยังมึนอยู่ทว่าสุดท้ายแล้วกุลนารีก็ไม่มีปัญหา ตอบตกลงเหมือนตนเองเต็มอกเต็มใจ“ผู้ชายคนนั้น? แฟนเก่าคุณน่ะ ไปกินข้าวกลางวันกับเขามาเหรอ”คำถามที่มาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเหมือนที่ชวนไปงานแต่งงานทำเอาหญิงสาวตั้งตัวไม่ติด แทบจะเก็บสีหน้างุนงงขอ
ดวงตาคู่โตมองชุดสวยหลายชุดดารดาษอยู่ตรงหน้าแล้วก็ไม่รู้จะเลือกชุดไหน ทั้งยังรู้สึกเหมือนมีแรงกดดันจากคนที่นั่งไขว่ห้างรออยู่ตรงมุมโซฟา เธอไม่อยากเลือกชุดแพงนัก ทว่ามันดันแพงทุกชุดจนไม่อาจเลือกได้“เป็นยังไงบ้างคะ ถูกใจชุดไหนไหมคะ”พนักงานสาวที่คอยบริการถามพร้อมยิ้มหวานกุลนารีอยากเปิดดูราคาทุกชุดแต่ก็เกรงใจและคิดว่าทำแบบนั้นออกจะชัดเจนไปหน่อย อาจเสียหน้าคนจ่ายเงินได้พศินเลือกชุดของเขาเสร็จแล้วด้วยความรวดเร็วไม่เรื่องมาก เธอเองก็ควรเร่งตัดสินใจเช่นกันหากไม่อยากให้เจ้านายหนุ่มรอนานจนขุ่นใจเข้า สุดท้ายหญิงสาวก็เลือกแบบที่เรียบที่สุด เป็นเดรสผ้าพื้นสไตล์เรียบร้อยกระโปรงทรงสอบพอดีเข่าหลังจากลองสวมดูก็ออกมาด้านนอกเพื่อส่องกระจก ทว่าร่างสูงกำยำก้าวเข้ามาตรงส่วนนี้พอดี“เป็นยังไงบ้างครับ”เลขาสาวชะงัก ชายหนุ่มเองก็เหลือบมาทางเธอหลังถามกับพนักงานแล้วอีกฝ่ายผายมือมาพร้อมรอยยิ้มสายตาคมจับจ้องเธอด้วยแววชิดหนึ่งที่ทำให้ลมหายใจกุลนารีสะดุด แต่เพราะคำพูดที่บอกว่าพร้อมไล่เธอออกทันทีที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนทำให้ใจดวงน้อยที่ฟูลอยแฟบลงพศินเห็นเธอเป็นเลขาที่เหมือนของใช้ทั่วไปหรือรถสักคัน ใช้งานไม่ได้ก็พร
เปิดตู้เสื้อผ้าที่ชายหนุ่มบอกว่าเป็นฝั่งของตนกุลนารีก็ต้องอึ้ง มีชุดนอนแขวนอยู่ราวตั้งใจให้เห็น เป็นชุดเครสสั้นสายเดี่ยวผ้าซาตินสีครีม ไม่แน่ใจว่าพศินเป็นคนจัดการหรือมารดาของเธอกับเขากันแน่ หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอ ไม่เคยใส่ชุดนอนแบบนี้ แต่เสื้อผ้าที่เธอเอาไปฮันนีมูนก็ใส่ครบแล้ว และตอนนี้ก็ซักเสร็จเรียบร้อยเธอเพิ่งอาบเสร็จ ใส่เสื้อคลุมของชายหนุ่มอยู่ โดยพศินบอกให้ใส่เสื้อผ้าของเขาแทนเหมือนครั้งก่อน แต่เธอก็รู้สึกแปลกๆ ขณะนี้ชายหนุ่มอาบน้ำจึงดูนั่นนี่ไปพลาง แล้วก็มาเจอกับชุดนี้ ปากอิ่มกัดเบาๆ ครุ่นคิด ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจด้านหลังของเจ้าของร่างบางที่ยืนทาครีมอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งทำเอาคนเพิ่งออกมาจากห้องน้ำชะงักกึก ใจร้อนรุมขึ้นมาทันควัน หากก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แล้วก้าวเข้าไปกอดอีกฝ่าย“ชุดคุณทำผมตื่นเต้นนะเนี่ย”เขาเอ่ยแซว ก่อนจะไล่จูบซอกคอหอมกับบ่าไหล่ขาวผ่องที่แทบจะไม่มีอะไรปกปิดอย่างรุกร้อน“อื้อ อย่าเพิ่งใจร้อนสิคะ”กุลนารีท้วงเบาๆ ทว่าคนเป็นสามีก็ยังแตะไล้เนื้อผิวเธอไม่หยุด ไม่เพียงเท่านั้น มือหนายังเคลื่อนมาหาอกอวบอย่างรวดเร็วอีกด้วย“โอ๊ะ ไม่ใส่เหรอ?”คำถามที่น้ำเสียง
รถตู้คันโตของบ้านพศินมารับทั้งสองคนที่สนามบินหลังกลับจากฮันนีมูน กุลนารีเผลอหลับไปเพราะรถค่อนข้างติด และรู้สึกตัวเมื่อชายหนุ่มปลุก ก้าวลงจากรถตามร่างสูงกำยำก็รู้สึกถึงความผิดปกติ“ที่ไหนคะ”หญิงสาวถามพศินพร้อมสีหน้างุนงง เมื่อเห็นลานจอดรถไม่คุ้นเคยชายหนุ่มยิ้มบาง มือหนาวางลงบนผมเธอแล้วโยกหัวเบาๆ ยื่นหน้ามากระซิบใกล้ๆ“คอนโดของเรา”“คอนโดเรา?”“ใช่ครับ”เขาตอบรับแล้วจับมือเธอให้เดินไปยังหลังรถที่คนขับรถยกกระเป๋าสองใบลงมาให้เรียบร้อยแล้ว“ขอบคุณครับลุงชิต”“ผมขนไปให้นะครับ”“ไม่เป็นไรครับ ที่เหลือผมกับแก้มจัดการได้ ว่าแต่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ”“ครับผม คุณดารนีกับแม่ของคุณหนูจัดการดูแลทั้งหมดด้วยตัวเองเลยครับ”ลุงชิตคนขับรถตอบแล้วยื่นคีย์การ์ดให้พศิน ชายหนุ่มขอบคุณอีกครั้งก่อนจะบอกให้กลับไปได้ ขณะที่กุลนารีได้แต่ยืนงงงันว่าเรื่องอะไรกันแน่“มีอะไรเหรอคะ”“ไปคุยกันที่ห้องดีกว่า”เธอเดินตามชายหนุ่มอย่างมึนๆ พศินจัดการกับกระเป๋าทั้งสองใบด้วยตัวเอง แม้เธอจะช่วยเขาก็ส่ายหน้ากระทั่งมาถึงหน้าห้องหนึ่งชายหนุ่มก็ให้คีย์การ์ดกับเธอ“เปิดเข้าไปสิ”กุลนารีรับมาเปิด พศินพยักพเยิดให้เธอเดิน
“ไหนให้แก้มเริ่มไงคะ”เสียงหวานพร่าเบาชิดปากเขา ดูเชิญชวนจนคนถูกต่อว่าต้องกลืนน้ำลาย ยากเหลือเกินที่จะยั้งตัวเองได้ในเมื่อทุกสัดส่วนบนเรือนกายสาวที่เขาเคยสัมผัสมางดงามเย้ายวนนัก แม้ยามหลับตาก็ยังตราตรึงอยู่ในหัว ยิ่งคิดถึงก็ยิ่งอยากจับร่างนวลลออกดลงมาด้านล่างแล้วล่วงล้ำโลดแรงเสียเดี๋ยวนี้ปากได้รูปเผยอเปิดรอโดยไม่พูดอะไร หากก็บ่งบอกชัดว่าเขาต้องการให้เธอต่อแล้ว กุลนารีผ่อนลมหายใจยาว รู้สึกคนตรงหน้าช่างยั่วเสียจริง เดี๋ยวเธอจะรุกให้เขาระทวยเลยคอยดูกุลนารีเข่นเขี้ยวก่อนแตะไล้ลิ้นตนบนกลีบปากกระด้าง ตั้งใจยั่วเย้าชายหนุ่มก่อนจะสอดแทรกพัวพันกับปลายลิ้นอุ่นอย่างนุ่มนวลอ่อนหวานซ่านใจ มือบางลูบคลำอกหนากับกล้ามท้องเป็นมัดตามความพอใจ โดยลืมไปว่าสิ่งที่ตนทำนั้นไม่ได้ทำให้เจ้าของร่างสูงอ่อนระทวยทว่ายิ่งแกร่งกล้าขึ้นเท่าทวีคูณมากกว่าหญิงสาวถอนจูบย้ายมาขบเม้มใบหูอีกฝ่ายเมื่อคิดว่าตนเองน่าจะลองทำอย่างอื่นบ้าง แม้ในอกจะวูบวาบ เนื้อตัวร้อนผ่าว ทว่าก็อยากเดินหน้าปลุกกายหนุ่มต่อให้สำเร็จปลายลิ้นเล็กที่เลียเบาๆ ที่หูทำเอาพศินถึงกับต้องขบกรามแน่น ทั้งเจ้าตัวยังเปลี่ยนมาไล้ซอกคอเขาสลับเม้มแผ่วเบา มือหนา
ร่างบางยืนริมระเบียงกอดอกมองฝนที่โปรยปรายด้านนอกแล้วก็อดลูบแขนตนเองเพราะอากาศค่อนข้างเย็นไม่ได้ แต่เธอก็ชอบมอง ธรรมชาติแห่งขุนเขารอบทิศทางยามฝนตกให้ความรู้สึกชุ่มฉ่ำใจ คนที่แทบไม่มีเวลาได้พบเห็นความงดงามที่ธรรมชาติรังสรรค์ยิ้มบางครู่หนึ่งร่างกายเธอก็ถูกโอบล้อมด้วยความอบอุ่นกับกลิ่นกรุ่นอันคุ้นเคย“อากาศเป็นใจดีจัง”เสียงทุ้มพึมพำ ใบหน้าขาวคมคายแนบแก้มกับเธอขณะวางคาง คมสันมาบนบ่า“คุณวีก็”เธอเพียงท้วงเบาๆ อย่างเขินอายที่ชายหนุ่มวกเข้ามาเรื่องนี้อีกแล้วนับแต่คืนวันแต่งงานพศินไม่เคยปล่อยให้เธอนอนนิ่งๆ จนหลับไปเลยสักคืน ทั้งสองคนแต่งงานเมื่อสองอาทิตย์ก่อนทว่าเพิ่งมีเวลามาฮันนีมูน ซึ่งจริงๆ แล้วชายหนุ่มกับกุลนารีไม่เห็นว่าจำเป็นอะไร แต่บิดามารดาของทั้งสองฝ่ายอยากให้ใช้เวลาส่วนตัวด้วยกัน ทั้งคู่จึงพยายามเคลียร์งานและจองที่พักเป็นจังหวัดทางภาคเหนือ ช่วงปลายฝนเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูหนาว อากาศกำลังดี และกุลนารีโตที่ชลบุรี เธอได้เห็นทะเลบ่อยครั้งทว่ายังไม่เคยเที่ยวทางเหนือ พศินจึงตามใจ โดยมีญาดาช่วยเธอหาที่พักแสนโรแมนติกเหมาะกับคู่รัก‘บ่นว่าตัวเองไม่มีแฟนสักที สุดท้ายแต่งก่อนพริกอีกนะ’อีกฝ่ายแซ
“อะไรของแก”พ่อเธอสวนขึ้น ท่าทางไม่พอใจแต่มารดาจับแขนท่านแล้วพยักหน้าเล็กน้อย เห็นชัดว่าพ่อหงุดหงิด แต่กุลนารีลุกขึ้นก่อนแล้วเดินนำขึ้นไปชั้นบนเพราะคุยส่วนร้านด้านหน้าก็ต้องได้ยิน บิดายอมเดินตามเธอมาจนถึงชั้นสามซึ่งเป็นห้องของเธอ เป็นพื้นที่ที่กุลนารีคิดว่าน่าจะปลอดภัยเสียงไม่เล็ดลอดไปถึงแขก“แกมาขัดฉันทำไมห๊ะนังแก้ม แกก็เห็นว่าทางนั้นเขากำลังจะตกลงอยู่แล้ว”คุณสรรชัยเอ่ยเสียงเข้มทันทีที่ภรรยาของตนประตูปิดลง“มันมากไป พ่อเกรงใจบ้านคุณวีบ้างสิ แล้วก็พ่อไม่น่าพูดแบบนั้นเลย เรื่องแก้มกับเขามันต่างคนต่างเต็มใจ พ่อไปพูดเหมือนคุณวีล่วงเกินแก้มแบบนั้นได้ยังไง”เธอใส่เป็นชุด โมโหจนเสียงสั่นไปหมด“แกชักเอาใหญ่แล้วนะ ยังไงฉันก็เป็นพ่อแก ฉันมีสิทธิ์จะเรียกสินสอดแกเท่าไรก็ได้”“ไหนพ่อบอกว่าไม่ขายลูกกินไง แล้วนี่มันอะไร ถ้าพ่อเรียกขนาดนี้แก้มจะไม่แต่ง แก้มจะไปอยู่กับคุณวีเลย ไม่ต้องมีงานแต่ง สินสอดทองหมั้นอะไรทั้งนั้น”“นังแก้ม!”ร่างหนาของคุณสรรชัยพรวดเข้ามาหาลูกสาว ขณะที่หญิงสาวยืนนิ่งเชิดหน้าเข้าหา พร้อมรับมือเต็มที่ไม่ว่าจะเจอกับอะไร แต่คุณดวงกมลเข้ามาขวางสามีเอาไว้“อย่าพ่อ พ่อสัญญากับคุณวีเขา
‘แอบเก็บเงียบเลยนะคุณเลขา’ญาดาตัดพ้อมาตามสาย หากก็ไม่ได้ดูโกรธขึ้งวันนี้พศินกลับบ้านของเขา ชายหนุ่มบอกว่าจะไปคุยกับบิดามารดาเรื่องไปคุยกับที่บ้านเธอ ดูเหมือนเขาอยากไปภายในไม่กี่วันนี้ กุลนารียังกังวลว่าทางด้านครอบครัวของชายหนุ่มจะเห็นด้วยหรือไม่ กลัวกับสิ่งที่จะตามมาเมื่อครอบครัวของเขาไปเจอกับครอบครัวเธอ แต่ในใจส่วนลึกเธอมีความสุขกับคำขอแต่งงานจากพศิน“มันเกิดขึ้นเร็วน่ะ แก้มก็ตั้งตัวไม่ติดเหมือนกัน”เธอบอกไปตามตรง เพราะตัวเองก็ยังสับสนกับความสัมพันธ์ที่แปรเปลี่ยนกะทันหันอยู่‘นึกว่าแอบคบกันมานานแล้วเสียอีก’เพื่อนสาวพึมพำราวไม่น่าเชื่อ“เรียกว่าแอบมองล่ะมั้ง แก้มพยายามไม่คิดอะไรกับเจ้านาย แล้วก็คิดว่าตัวเองทำได้มาตลอด แต่มาถึงจุดนึงกลับรู้ว่าไม่ใช่”หากเป็นคนอื่นเธอคงไม่พูดสิ่งที่อยู่ในใจอย่างละเอียด แต่เพราะเป็นญาดา และเรื่องก็มาถึงขั้นที่อาจจะลงเอยด้วยการแต่งงานซึ่งหากเกิดขึ้นจริงเธอก็อยากให้อีกฝ่ายรู้เป็นคนแรก เป็นเพื่อนเจ้าสาวกุลนารีมีฝันหวานๆ เรื่องความรักและการแต่งงานตามประสาผู้หญิงทั่วไป แต่เพราะเธอต้องเลือกครอบครัวก่อน แม้จะอยากได้รับความรักจากใครสักคนมาตลอด ทดแทนทางบ้านที่
กุลนารีสบตาเพื่อนแววตาขอร้องเมื่อญาดาเข้ามาในห้องน้ำของเจ้านายหนุ่มด้วย ยังไม่อยากให้อีกฝ่ายซักถามอะไรให้มากความ“แก้มมีอะไรเหรอ คุณพศินบอกให้พริกเข้ามาคุยกับแก้มเอง”เพื่อนสาวถามเสียงเบา ดูจากสายตาแล้วเจ้าตัวเหมือนจะไม่อยากเชื่อและไม่อยากคิดลึก“เอ่อ คือ...พริกไปซื้อชุดชั้นในใหม่ให้แก้มหน่อยนะ”เธอกระซิบบอก ตอนนี้ร่างบางสวมเสื้อกับกระโปรงเสร็จแล้ว แต่ก็ยังสวมชุดคลุมอาบน้ำของชายหนุ่มทับอีกทีสายตาของญาดาล่อกแล่ก ทว่าก็พยักหน้ารับ สองสาวมองกันและกันนิ่งครู่หนึ่งก่อนที่อีกฝ่ายจะยื่นมือมาจับมือเธอ มืออีกข้างลูบเบาๆ ราวกับปลอบใจ คงเห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของเธอ“พริกจะรีบกลับมานะจ๊ะ”เพื่อนสาวไปแล้วกุลนารีก็ผ่อนลมหายใจออกมายาว คงต้องได้คุยกันอย่างจริงจังหลังจากนี้กับญาดาแน่นอน“แก้มออกมานั่งที่โซฟาเถอะ”พศินเดินมาเคาะประตูเบาๆ พร้อมบอกโดยไม่ได้เปิดเข้ามา แม้จะแง้มไว้เล็กน้อยเนื่องจากญาดาเพิ่งไปก็ตามในนี้ทั้งเย็นทั้งชื้นทำให้ไม่สบายได้ง่าย กุลนารีจึงยอมก้าวออกไปข้างนอก“อุ่นหรือเปล่า ใส่สูทของผมอีกตัวไหม”เสียงทุ้มถามอย่างห่วงใยพร้อมกับหยิบสูทของเขาส่งให้“ไม่เป็นไรค่ะ”“ห่มเอาไว้ดีกว่า”บ
“ผมรักคุณ”พศินสวนขึ้นเสียงเข้ม ใบหน้าขาวคมคายเงยขึ้นมาสบตากับเธอไม่ห่างนัก ลมหายใจของเขาค่อนข้างหนัก บ่งบอกถึงอารมณ์เข้มข้นภายใน“รัก? คนรักกันเขาทำป่าเถื่อนแบบนี้เหรอคะ”กุลนารีถามด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด“คุณทำให้แก้มรู้สึกเหมือนคุณไม่ได้รักแก้มเลย เมื่อไม่รักก็ไม่จำเป็นต้องทะนุถนอม จะทำร้ายร่างกายหรือความรู้สึกยังไงก็ได้”ดวงหน้าผุดผ่องเต็มไปด้วยคราบน้ำตากับแววตาสุดแสนเสียใจ ต่อว่าต่อขานยืดยาวทว่ากระท่อนกระท่อนเพราะเจ้าตัวร้องไห้ด้วย คนกระทำเสียใจไม่น้อย เขามีสติและตั้งใจทำแบบนี้ ทนไม่ได้จริงๆ ที่เห็นกุลนารีเดินเบียดชิดตัวติดกับผู้ชายคนอื่น อยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายคนอื่นพศินดึงคนที่ร้องไห้อย่างน่าสงสารเข้ามาแนบอกตน ลูบไหล่บางที่สั่นเพราะเจ้าตัวสะอื้นและคงเย็นอย่างเบามือกว่าก่อนหน้านี้“ผมหวง”ชายหนุ่มบอกสั้นๆ ไม่ช่วยให้เธอเข้าใจอะไร แล้วจูบหนักๆ บนหน้าผากเธอ จับให้ซบหน้ากับอกเขา“อยากฝากรอยบนตัวคุณทั้งตัว ตีตราจองให้ทุกคนรู้ว่าแก้มเป็นของผม”หญิงสาวเพียงแค่ฟังเงียบๆ ไม่พูดอะไร เธอยังไม่รู้สึกดีขึ้นสักนิด“หนาวไหม”เสียงเข้มอ่อนโยนขึ้นกุลนารีจึงพยักหน้ารับนิดๆ“เดี๋ยวผมไปเอาผ้าขนหนูมาให้
น้อยครั้งที่พศินจะเลิกงานตรงเวลา และวันนี้เข้าช้าทำให้งานร่นออกไปอีก ชายหนุ่มจึงโทรบอกน้องสาวว่าฝากให้บราลีกลับกับอีกฝ่าย เมื่อโทรบอกเจ้าตัวอีกฝ่ายก็งอแงบอกว่าพอมีแฟนแล้วก็ทิ้งตนเอง ทำเอาพศินหัวเราะในลำคอ‘ถ้าแบมมีแฟนแล้วยังอยากติดรถพี่ไปกลับอย่างนี้ทุกวันหรือเปล่า’ถามไปแบบนั้นอีกฝ่ายก็เงียบ เขารู้ว่าบราลีงอน แต่เจ้าตัวก็ต้องอยากมีเวลาส่วนตัว เมื่อโดนถามแทงใจดำจึงไม่ตอบสองทุ่มร่างสูงกำยำก็ออกจากห้องมา ยิ้มอ่อนโยนเมื่อเห็นเลขาคนสนิทเงยหน้าขึ้น“วันนี้กลับรถแก้มกันนะ”“แล้ว...แบมล่ะคะ คุณไม่ไปส่งก่อนเหรอ”“กลับไปกับวุ้นแล้ว”กุลนารีไม่ได้ซักต่อ พอเข้าใจได้ว่าเพราะชายหนุ่มเลิกงานช้า แทนที่บราลีจะต้องมารอพศินกลับกับพนิดาไปเลยย่อมง่ายกว่า ตอนสั่งอาหารเย็นมาให้เจ้านายช่วงหนึ่งทุ่มเธอถามว่าจะให้เผื่อบราลีหรือไม่ อีกฝ่ายก็บอกเพียงไม่ต้องสั้นๆ แม้จะสงสัยแต่ก็ทำตามคำสั่ง ส่วนตนก็อุ่นอาหารที่ซื้อตอนกลางวันแล้วใส่ตู้เย็นไว้กินพศินขับรถของกุลนารีพาทั้งคู่มาถึงคอนโดราวสามทุ่ม เป็นเวลาที่สามารถอาบน้ำเข้านอนได้เลย แต่แน่นอนว่าชายหนุ่มไม่ได้อยากนอน เขาดึงร่างบางเข้าหาอ้อมกอดตัวเองทันทีที่ก้าวเข้ามา