“แก้ม”
ร่างบางที่กำลังก้าวฉับๆ เพื่อกลับไปยังโต๊ะทำงานช่วงบ่ายหลังพักเที่ยงหยุดก่อนจะหันตามเสียงเรียก แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นคนที่กำลังเดินเข้ามาหาตน
“แก้มจริงๆ ด้วย กลัวจะทักคนผิดอยู่เหมือนกันนะเนี่ย”
อีกฝ่ายออกมาประตูห้องประชุม ซึ่งเธอรู้ว่าทีมออกแบบจะเข้าประชุมกับเจ้านายของตนในบ่ายนี้ กุลนารีคิดอยู่ชั่วแวบก็เอ่ยถาม
“พี่ยุเพิ่งมาทำงานที่นี่เหรอ”
“ใช่ เพิ่งเริ่มงานได้สองอาทิตย์ ไม่รู้นะเนี่ยว่าแก้มทำงานที่นี่”
“ทำมาตั้งแต่เรียนจบน่ะ”
“หือ งั้นพี่ต้องขอคำปรึกษารุ่นพี่อย่างแก้มแล้วล่ะ”
“แก้มไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องออกแบบหรอกค่ะ”
เธอบอกไปพร้อมยิ้มบาง
“ก็ถามเรื่องทั่วๆ ไป ระบบภายใน หรือไปกินข้าวกันบ้างอะไรงี้”
อีกฝ่ายบอกกว้างๆ
ขณะที่กุลนารีมองคนที่ไม่เจอกันมานับแต่อีกฝ่ายเรียนจบมหาวิทยาลัยด้วยความรู้สึกแปลกๆ ทั้งอึ้งทั้งดีใจ หากก็อึดอัดขัดเขินอย่างบอกไม่ถูก คาดว่าศตายุน่าจะถูกดึงตัวมา จำได้ว่าหัวหน้าฝ่ายออกแบบกับพริษฐ์เข้ามาขออนุมัติคนกับเจ้านายตน เนื่องจากบริษัทเพิ่งลดคนคัดคนออก วางระบบภายในใหม่ทั้งหมด ใช้คนน้อยลงแต่ทักษะความสามารถของบุคคลต้องหลากหลายมากขึ้น ใครรับระบบใหม่ไม่ได้และพร้อมออกก็สามารถเสนอตัวในช่วงเลิกจ้างได้เพราะจะได้เงินชดเชยตามกฎหมาย
“ดีใจที่เจอแก้มนะ”
คำพูดของชายหนุ่มทำเอาเธอมึนไม่น้อยเลย หากก็ยิ้มรับเพราะจะปฏิเสธว่าไม่รู้สึกอะไรก็คงไม่ใช่ เธอก็รู้สึกดีที่ได้เจอคนรู้จักโดยบังเอิญ ทว่ายังก้ำกึ่งอยู่ ไม่ถึงกับดีใจ
“กุลนารี”
เสียงเข้มคุ้นหูดังขึ้นทำให้แทนที่เธอจะต้องตอบคำถามก็ต้องหันไปมองคนพูดแทน
ร่างสูงกำยำที่เดินตรงมาจากลิฟต์ให้ความรู้สึกสบายใจผ่อนคลายขึ้น ต่างจากทุกครั้งที่เธอจะค่อนข้างตื่นตัวคอยรับคำสั่ง เพราะช่วยตัดบทคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้าได้พอดี
“ค่ะเจ้านาย”
“ทำอะไรอยู่ นึกว่าคุณจะไปเตรียมเอกสารประชุมบ่ายนี้แล้วเสียอีก”
“ค่ะ”
กุลนารีรับคำโดยไม่อธิบายใดๆ ยิ้มบางให้ศตายุเล็กน้อยก่อนจะขอตัวรีบไปจัดการเอกสาร ขณะที่สายตาคมของประธานกรรมการเหลือบมองหนุ่มพนักงานใหม่แวบหนึ่งอีกฝ่ายจึงยกมือไหว้ พศินพยักหน้ารับเล็กน้อยแล้วเดินต่อไปทางเดียวกันกับที่หญิงสาวเพิ่งเดินนำไปก่อน
ศตายุมองตามแล้วก็เข้าใจว่ากุลนารีน่าจะเป็นเลขาของท่านประธาน แม้จะเพิ่งเข้ามาทำงานทว่าก็ได้รับการอบรมนิเทศน์ไปแล้วจึงต้องจดจำหน้าของผู้บริหารให้ได้ โดยเฉพาะประธานกรรมการ เขาพยักหน้ากับตัวเองอย่างพึงพอใจก่อนจะรีบไปเข้าห้องน้ำเพราะผู้ใหญ่ในการประชุมมาถึงแล้วน่าจะได้เริ่มกันในไม่ช้า
“มีอะไรต้องคุยกัน ถึงขั้นไม่รีบเตรียมเอกสาร คุณไม่เคยเป็นแบบนี้นี่”
พศินหยุดตรงโต๊ะทำงานของเลขาหน้าห้องตนเองแล้วถามขึ้น
คนที่กำลังเช็กแฟ้มงานข้างโต๊ะตนเองเงยหน้าขึ้นมอง ไม่คิดว่าเจ้านายจะไม่พอใจจนถึงกับเอ่ยถาม เพราะเธอก็มองนาฬิกาดูแล้วว่ายังทันเวลาอยู่ ในเมื่อกำหนดการประชุมคือบ่ายโมงครึ่ง
“ขอโทษค่ะ รู้จักกันก็เลยทักทายนิดหน่อยน่ะค่ะ”
“พนักงานใหม่น่ะนะ”
“ค่ะ”
คิ้วเข้มขมวด ส่วนกุลนารีเองก็เช็กเอกสารเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวหยิบแฟ้มมาถือมองสบตาเขา
“เอกสารพร้อมแล้วค่ะ”
เธอเตรียมงานเข้าแฟ้มไว้ตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว เพียงแค่เช็กความเรียบร้อยซ้ำเท่านั้นจึงไม่เสียเวลา
“คนรู้จัก เป็นใคร?”
ชายหนุ่มยังไม่เลิกซักทำเอาคนเป็นเลขางงไปเหมือนกันทว่าก็ตอบตามตรงโดยไม่คิดปิดบัง
“แฟนเก่าค่ะ”
กับพศินแล้วเธอควรพูดความจริง ดีกว่ามัวอึกอักคิดหาคำตอบ เพราะอาจยิ่งทำให้ถูกดุเข้าไปอีก
แววตาคู่คมดุดูแปลกใจหากก็แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าขาวคมคายพยักเล็กน้อย
“พร้อมแล้วก็ไปกันเลย”
ร่างสูงกำยำเดินนำไปก่อนทันทีที่พูดจบ โดยไม่เข้าห้องทำงานของตนเองก่อนด้วยซ้ำ กุลนารีเองก็กุลีกุจอตามไปอย่างไม่ต้องการให้เจ้านายหนุ่มขุ่นเคืองใจว่าตนชักช้า
=====
เห็นกุลนารีคุยกับผู้ชายแล้วมีหงุดหงิดนะพศิน ^-^
สี่ทุ่มคืนวันเสาร์ถัดมา...ร่างบางออกจากห้องน้ำมาด้วยชุดนอนเรียบร้อยพร้อมทั้งมาส์กแปะบนหน้า ตั้งใจนอนโดยไม่ทำอะไรแล้ว เพราะวันนี้เธอเข้าบริษัทกับเจ้านายที่เข้าไปตรวจเอกสารอนุมัติเร่งด่วนของแต่ละแผนก กว่าจะออกมาก็บ่ายแก่ แล้วโทรชวนญาดาไปดูหนังวันพรุ่งนี้ เพราะมั่นใจว่าพศินต้องพักหนึ่งวันแน่นอนหลังจากทิ้งตัวลงนอน รอเวลามาส์กหน้าครบก็หยิบมือถือมาเปิดดูแต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นว่ามีข้อความเข้ามาตอนเธออาบน้ำ กุลนารีแทบไม่อยากอ่านทว่าก็จำต้องเปิดข้อความของเจ้านาย‘มาหาผมที่คอนโด’ข้อความเข้ามาเมื่อราวยี่สิบนาที และเป็นครั้งแรกที่เธอถูกเรียกตัวในตอนกลางคืน แม้ว่าตอนนี้รถไฟฟ้ายังไม่ปิด แต่ก็เป็นเรื่องผิดปกติ ทว่าไม่มีเวลาคิดมาก กุลนารีรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปยังคอนโดของพศินให้เร็วที่สุดเพราะชายหนุ่มไม่ได้บอกกำหนดเวลา อาจหมายถึงให้เธอไปโดยเร็ว‘ทำไมช้า คุณอยู่ไหนแล้ว’เธอถูกตามด้วยข้อความอีกครั้งก่อนจะขึ้นรถไฟฟ้ากุลนารีจึงพิมพ์ตอบกลับไป‘ขอโทษค่ะ ดิฉันเห็นข้อความหลังอาบน้ำเสร็จน่ะค่ะ ตอนนี้กำลังจะขึ้นรถไฟฟ้าค่ะ’‘เร็วหน่อยแล้วกัน’หญิงสาวก้าวเร็วๆ แทบจะวิ่งเมื่อลงจากรถไฟฟ้ากระทั่งขึ้นไปถึ
“อ๊าย!! คุณพศิน!”“คุณไม่พอใจเรื่องอะไร ผมว่าเราคุยกันเข้าใจแล้วตั้งแต่ต้นนะ ว่าแค่ใช้เวลาสนุกด้วยกัน”พศินยังคงใช้น้ำเสียงโทนเดิมไม่เปลี่ยน ทว่ากุลนารีรับรู้ได้ว่าเจ้านายของตนเริ่มไม่พอใจเพราะลมหายใจชายหนุ่มแรงขึ้น“คุณเห็นเบลเป็นอีตัว!”“เอ่อ คุณ...”“แกไม่เกี่ยว หุบปากไปเลย”เบญจวรรณโพล่งขึ้นในทันทีที่เธอเอ่ย“คุณเองก็ควรเลิกเสียงดังแล้วกลับเสีย”ชายหนุ่มตัดบทพร้อมกับพาเธอเดินตรงไปเผชิญหน้ากับหญิงสาวอีกคน“กุลนารีเข้าไปเอาเสื้อผ้าออกมาให้เธอ”คนถูกสั่งเลี่ยงหลบสาวสวยร่างอวบอัดที่ยืนหน้าประตูเข้าไป ขณะที่เจ้าตัวมองตามเธอแล้วหันไปกลับไปมองชายหนุ่ม“คุณพศินคะ เบล...”สายตาคู่คมเข้มที่มองมาทำให้เบญจวรรณตระหนักได้ว่าตัวเองพลาดไปแล้ว“พรุ่งนี้ผมจะโอนเงินเพิ่มให้ ขอบใจสำหรับช่วงเวลาที่ผ่านมา”“ไม่นะคะ อย่าเพิ่งตัดรอนเบลสิคะคุณพศิน”หญิงสาวพยายามจะคว้ามือเขาแต่ชายหนุ่มถอยออกอย่างไม่ต้องการให้แตะต้องตัว เป็นเวลาเดียวกับที่กุลนารีกลับออกมาพอดี“แล้วก็ อย่ามาดักรอผมหน้าห้องแบบวันนี้อีก”เบญจวรรณส่ายหน้า ใบหน้าสวยไม่มีน้ำตาแต่เจ้าตัวก็พยายามแสดงสีหน้าชัดเจนว่าเสียใจ“เบลไม่มารอก็ได้ แต่คุณอย่า
กุลนารีดูเวลาที่มือถือของตนหลังจากวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ เธอรู้ว่าเจ้านายเพิ่งเข้าไปอาบน้ำหลังจากคู่ขาของเขากลับไปแล้ว ที่ชายหนุ่มให้เธอเข้ามาเตรียมเอกสารในห้องทานของเขาก่อนก็เพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้านั่นเอง“ห้าทุ่มครึ่งแล้วเหรอเนี่ย”พึมพำกับตัวเองแล้วก็อดกังวลไม่ได้ว่าตนจะได้กลับบ้านเมื่อไร พศินให้ชงกาแฟเท่ากับเขาจะดูเอกสารจริงๆ อาจดูจนเสร็จ ชายหนุ่มมักทำงานแบบยิงยาวที่ทำงานบ่อยครั้ง ทว่าที่คอนโดเธอไม่เคยต้องอยู่กับเจ้านายดึกดื่น“คุณต้องลำบากเรื่องเบญจวรรณเยอะเลย”ร่างบางถึงกับสะดุ้งที่อยู่ๆ เสียงเข้มก็ดังด้านหลัง พศินมักขยับตัวรวดเร็วไม่ค่อยมีเสียงให้รู้สึกตัวเท่าไร สำหรับกุลนารีที่อยู่ด้วยกันมานานถือว่าค่อนข้างชิน แต่บางครั้งเธอคิดเรื่องอื่นอยู่ก็มีอาการบ้างนิดหน่อย“เธอเข้าใจผิด ก็เขม่นเป็นธรรมดาตามประสาผู้หญิงค่ะ”กุลนารีบอกอย่างพยายามทำใจ ไม่อาจเอ่ยไปตรงๆ ได้ว่าเพราะชายหนุ่มใช้คำพูดให้ดูกำกวม“ส่วนหนึ่งก็เพราะผมด้วย”อีกฝ่ายยอมรับพร้อมก้าวเข้ามาในห้อง หญิงสาวเองก็แปลกใจไม่น้อยที่เขาออกตัวมาง่ายๆ อย่างนี้“เขาอยู่คอนโดนี้ แล้วก็มาดักรอผม เขาควรรู้ว่าไม่ใช่อยากเจอผมเมื่อไรก็มาได้ตาม
เธอกำลังฝัน...กุลนารีรู้สึกเหมือนลอยอยู่กลางปุยเมฆ ทั้งอบอุ่นทั้งนุ่มนวล แทบไม่อยากตื่น เธอยิ้มมีความสุขทิ้งตัวลงนอนสบายอารมณ์ จู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งโน้มหน้าลงมาหา เขาหล่อมาก แม้ในมโนสำนึกจะไม่สามารถบรรยายรูปหน้าได้แต่บอกได้ว่าหล่อแน่นอนผู้ชายในฝันย่อมต้องสมบูรณ์แบบอยู่แล้วคนอยู่ในภวังค์ความฝันขยับหน้าเงยขึ้นโดยอัตโนมัติ เผยอริมฝีปากปากตนเองแตะกับปากได้รูปแสนดึงดูดใจทว่าสัมผัสหนักแน่นอุ่นวาบที่รับรู้ได้บนริมฝีปากตน กับไอระอุที่โอบล้อมรอบตัวทำให้ความเป็นจริงเข้าโจมตีกุลนารีในทันใด เปลือกตาบางเปิดขึ้นแล้วก็เห็นดวงตาคู่คมดุในระยะประชิด เธอตัวแข็งราวเป็นหินอยู่ชั่วอึดใจก่อนจะผละออกห่าง ทำให้รู้ว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงแล้ว แขนสองข้างโอบกอดลำคอแกร่งของเจ้านายหนุ่ม“เอ่อ...ขอ...โทษค่ะ”แขนเรียวเสลารีบลดลง วางสีหน้าไม่ถูกจนต้องหลบสายตาอีกฝ่าย หน้าร้อนราวกับไหม้ ไม่แน่ใจว่าอับอายการกระทำของตนหรือเพราะดวงตาคู่คมที่จ้องไม่ลดละด้วยแววตาที่เดาไม่ออกชั่วอึดใจชายหนุ่มก็ปล่อยตัวเธอ เหมือนเขาจะอุ้มเธอมายังเตียงแล้วเพิ่งวางลง และเธอดันขยับหน้าขึ้นไปหาเขาเข้า“เห็นคุณหลับที่โซฟา กลัวจะเมื่อย”“ขอบคุ
แม้จะหลับไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงกุลนารีก็รีบตื่นขึ้นมา เมื่อคืนเธอไม่อาจทำใจให้สงบได้ ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ในหัวเต็มไปด้วยจินตานาการของร่างสองร่างที่โลดโผนอย่างโจ๋งครึ่ม แม้จะเป็นสาวใสผุดผ่องแต่เธอก็เคยดูหนังหรือซีรีส์ติดเรต อย่างน้อยก็เรื่องดังคนนิยมร่างบางเดินไปแอบมองห้องทำงานเห็นประตูยังปิดสนิทก็เลี่ยงไปห้องน้ำด้านนอก หาแปรงสีฟันที่ยังไม่ได้ใช้ เพราะจำได้ว่าเธอเพิ่งซื้อมาไว้เพิ่มไม่นานเผื่อให้คู่ขาของเขาและก็มีจริงๆของใช้ภายในบ้าน หรืออาหารการกินเล็กน้อย เช่น ขนมปัง กาแฟ ผลไม้ เธอเป็นคนจัดซื้อมาไว้ ซึ่งพศินให้เธอจัดการได้เลยโดยเป็นเงินที่เพิ่มมาให้นอกเหนือจากเงินเดือน รัมภาเคยทำอยู่แล้วเธอเพียงรับช่วงต่อเท่านั้นกุลนารีไม่แน่ใจว่าเจ้านายของตนอยากกินอะไรในตอนเช้าแต่ก็ชงกาแฟกับปิ้งขนมปังและปอกผลไม้เตรียมเอาไว้ แม้จะอยากกลับไปห้องของตน แต่ในเมื่อชายหนุ่มยังไม่ตื่นขึ้นมาเธอก็ยังกลับไม่ได้ ขณะกำลังล้างอุปกรณ์ต่างๆ ร่างสูงกำยำก็เข้ามา“เตรียมอาหารไว้เหรอ ขอบใจ กินมื้อเช้าแล้วผมขออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นาน แล้วจะไปส่งคุณที่ห้อง รอไปดูหนัง”“เจ้านายจะไปรอดิฉันที่ห้อง?”“ไม่ได้เหรอ”“ได้ค่ะ”
“กุลนารี เข้ามาข้างในหน่อย ขอกาแฟด้วย”คนที่กำลังพิมพ์เอกสารสรุปการประชุมในช่วงเช้าหยุดมือ เธอเห็นเจ้านายเดินผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็วลุกขึ้นยืนแทบไม่ทัน แถมเขายังไม่หันมามองด้วยซ้ำ ทว่าไม่ถึงห้านาทีก็เรียกหากาแฟทั้งที่เพิ่งกินข้าวไปหญิงสาวรับคำแล้วรีบจัดการตามที่ชายหนุ่มสั่ง ทว่าเปลี่ยนจากกาแฟเป็นชา เมื่อวางลงบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่สายตาคมก็เพียงเหลือบมองหากไม่ได้เอ่ยอะไร เขามองหน้าเธอแล้วถาม“เย็นวันศุกร์นี้ไปงานแต่งเพื่อนกับผมหน่อย”กุลนารีได้แต่อึ้งอีกแล้ว ออกงานชายหนุ่มมักจะฉายเดี่ยวแล้วทำไมอยู่ๆ ถึงบอกให้เธอไปด้วย“งานนี้เพื่อนเยอะ ขี้เกียจตอบคำถาม มีคุณไปด้วยคงไม่ค่อยมีใครเข้ามาถามวุ่นวายเท่าไร”เธอฟังแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า ‘ถามเรื่องอะไร’ แต่ก็เพียงรับคำไม่กล้าซักใดๆ“อ้อ เรื่องชุดไปดูกับผมเย็นนี้นะ”“คะ?”“ผมจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้”“ค่ะเจ้านาย”แม้จะยังมึนอยู่ทว่าสุดท้ายแล้วกุลนารีก็ไม่มีปัญหา ตอบตกลงเหมือนตนเองเต็มอกเต็มใจ“ผู้ชายคนนั้น? แฟนเก่าคุณน่ะ ไปกินข้าวกลางวันกับเขามาเหรอ”คำถามที่มาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเหมือนที่ชวนไปงานแต่งงานทำเอาหญิงสาวตั้งตัวไม่ติด แทบจะเก็บสีหน้างุนงงขอ
ดวงตาคู่โตมองชุดสวยหลายชุดดารดาษอยู่ตรงหน้าแล้วก็ไม่รู้จะเลือกชุดไหน ทั้งยังรู้สึกเหมือนมีแรงกดดันจากคนที่นั่งไขว่ห้างรออยู่ตรงมุมโซฟา เธอไม่อยากเลือกชุดแพงนัก ทว่ามันดันแพงทุกชุดจนไม่อาจเลือกได้“เป็นยังไงบ้างคะ ถูกใจชุดไหนไหมคะ”พนักงานสาวที่คอยบริการถามพร้อมยิ้มหวานกุลนารีอยากเปิดดูราคาทุกชุดแต่ก็เกรงใจและคิดว่าทำแบบนั้นออกจะชัดเจนไปหน่อย อาจเสียหน้าคนจ่ายเงินได้พศินเลือกชุดของเขาเสร็จแล้วด้วยความรวดเร็วไม่เรื่องมาก เธอเองก็ควรเร่งตัดสินใจเช่นกันหากไม่อยากให้เจ้านายหนุ่มรอนานจนขุ่นใจเข้า สุดท้ายหญิงสาวก็เลือกแบบที่เรียบที่สุด เป็นเดรสผ้าพื้นสไตล์เรียบร้อยกระโปรงทรงสอบพอดีเข่าหลังจากลองสวมดูก็ออกมาด้านนอกเพื่อส่องกระจก ทว่าร่างสูงกำยำก้าวเข้ามาตรงส่วนนี้พอดี“เป็นยังไงบ้างครับ”เลขาสาวชะงัก ชายหนุ่มเองก็เหลือบมาทางเธอหลังถามกับพนักงานแล้วอีกฝ่ายผายมือมาพร้อมรอยยิ้มสายตาคมจับจ้องเธอด้วยแววชิดหนึ่งที่ทำให้ลมหายใจกุลนารีสะดุด แต่เพราะคำพูดที่บอกว่าพร้อมไล่เธอออกทันทีที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนทำให้ใจดวงน้อยที่ฟูลอยแฟบลงพศินเห็นเธอเป็นเลขาที่เหมือนของใช้ทั่วไปหรือรถสักคัน ใช้งานไม่ได้ก็พร
“ชีวิตเลขามันน่าเศร้าจริง เต้นรำครั้งแรกก็ดันได้เต้นกับเจ้านาย ไม่โรแมนติกเอาเสียเลยแก้มเอ๊ย”หญิงสาวบ่นอุบอิบอย่างเซ็งๆเมื่อเข้ามาในห้องตัวเอง หลังจากพศินมาส่งเธอหน้าคอนโดแล้ว ขณะวางกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวจะอาบน้ำเสียงมือถือก็ดังขึ้น คิ้วเรียวสวยขมวดเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์มารดา นึกแปลกใจเพราะหากท่านโทรมาขอเงินเพิ่มแล้วก็จะไม่โทรอีก เนื่องจากกลางอาทิตย์หน้าถึงจะสิ้นเดือน“จ้ะแม่”“แก้มตอนนี้หนูพอมีสักหมื่นไหมลูก”น้ำเสียงที่ดังมาไม่ค่อยดีนัก ดูเครือเล็กน้อยแต่ก็สังเกตได้“มีอะไรเหรอแม่”“พ่อน่ะ ไปบ่อนมาอีกแล้ว แม่ห้ามว่าไม่มีเงินจะไปทำไมก็ไม่ฟังกันเลย นี่ก็ต้องถอดทองให้เขาไว้ เจ้าของบ่อนเขาให้จ่ายภายในพรุ่งนี้”“แล้วทำไมแม่เหมือนร้องไห้”“เอ่อ...”“นี่พ่อทำอะไรแม่อีกแล้วเหรอ”“แม่ไม่มีเงินสำรองน่ะลูก ที่มีอยู่ก็เป็นค่ากิน กับลงทุนในร้านจนถึงสิ้นเดือน”บิดามารดาของเธอเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวที่ชลบุรี ซึ่งทำมาตั้งแต่รุ่นตายาย กุลนารีเรียนอยู่ที่นั่นจนจบมัธยมปลาย แล้วสอบเข้ามหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ และอยู่ยาวมาตลอดนานทีจึงกลับไปเยี่ยมบ้านช่วงเทศกาลหยุดยาวปีละครั้งสองครั้ง หากเธอก็ส่งเงินให้ไม่เคยข
เปิดตู้เสื้อผ้าที่ชายหนุ่มบอกว่าเป็นฝั่งของตนกุลนารีก็ต้องอึ้ง มีชุดนอนแขวนอยู่ราวตั้งใจให้เห็น เป็นชุดเครสสั้นสายเดี่ยวผ้าซาตินสีครีม ไม่แน่ใจว่าพศินเป็นคนจัดการหรือมารดาของเธอกับเขากันแน่ หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอ ไม่เคยใส่ชุดนอนแบบนี้ แต่เสื้อผ้าที่เธอเอาไปฮันนีมูนก็ใส่ครบแล้ว และตอนนี้ก็ซักเสร็จเรียบร้อยเธอเพิ่งอาบเสร็จ ใส่เสื้อคลุมของชายหนุ่มอยู่ โดยพศินบอกให้ใส่เสื้อผ้าของเขาแทนเหมือนครั้งก่อน แต่เธอก็รู้สึกแปลกๆ ขณะนี้ชายหนุ่มอาบน้ำจึงดูนั่นนี่ไปพลาง แล้วก็มาเจอกับชุดนี้ ปากอิ่มกัดเบาๆ ครุ่นคิด ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจด้านหลังของเจ้าของร่างบางที่ยืนทาครีมอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งทำเอาคนเพิ่งออกมาจากห้องน้ำชะงักกึก ใจร้อนรุมขึ้นมาทันควัน หากก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แล้วก้าวเข้าไปกอดอีกฝ่าย“ชุดคุณทำผมตื่นเต้นนะเนี่ย”เขาเอ่ยแซว ก่อนจะไล่จูบซอกคอหอมกับบ่าไหล่ขาวผ่องที่แทบจะไม่มีอะไรปกปิดอย่างรุกร้อน“อื้อ อย่าเพิ่งใจร้อนสิคะ”กุลนารีท้วงเบาๆ ทว่าคนเป็นสามีก็ยังแตะไล้เนื้อผิวเธอไม่หยุด ไม่เพียงเท่านั้น มือหนายังเคลื่อนมาหาอกอวบอย่างรวดเร็วอีกด้วย“โอ๊ะ ไม่ใส่เหรอ?”คำถามที่น้ำเสียง
รถตู้คันโตของบ้านพศินมารับทั้งสองคนที่สนามบินหลังกลับจากฮันนีมูน กุลนารีเผลอหลับไปเพราะรถค่อนข้างติด และรู้สึกตัวเมื่อชายหนุ่มปลุก ก้าวลงจากรถตามร่างสูงกำยำก็รู้สึกถึงความผิดปกติ“ที่ไหนคะ”หญิงสาวถามพศินพร้อมสีหน้างุนงง เมื่อเห็นลานจอดรถไม่คุ้นเคยชายหนุ่มยิ้มบาง มือหนาวางลงบนผมเธอแล้วโยกหัวเบาๆ ยื่นหน้ามากระซิบใกล้ๆ“คอนโดของเรา”“คอนโดเรา?”“ใช่ครับ”เขาตอบรับแล้วจับมือเธอให้เดินไปยังหลังรถที่คนขับรถยกกระเป๋าสองใบลงมาให้เรียบร้อยแล้ว“ขอบคุณครับลุงชิต”“ผมขนไปให้นะครับ”“ไม่เป็นไรครับ ที่เหลือผมกับแก้มจัดการได้ ว่าแต่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ”“ครับผม คุณดารนีกับแม่ของคุณหนูจัดการดูแลทั้งหมดด้วยตัวเองเลยครับ”ลุงชิตคนขับรถตอบแล้วยื่นคีย์การ์ดให้พศิน ชายหนุ่มขอบคุณอีกครั้งก่อนจะบอกให้กลับไปได้ ขณะที่กุลนารีได้แต่ยืนงงงันว่าเรื่องอะไรกันแน่“มีอะไรเหรอคะ”“ไปคุยกันที่ห้องดีกว่า”เธอเดินตามชายหนุ่มอย่างมึนๆ พศินจัดการกับกระเป๋าทั้งสองใบด้วยตัวเอง แม้เธอจะช่วยเขาก็ส่ายหน้ากระทั่งมาถึงหน้าห้องหนึ่งชายหนุ่มก็ให้คีย์การ์ดกับเธอ“เปิดเข้าไปสิ”กุลนารีรับมาเปิด พศินพยักพเยิดให้เธอเดิน
“ไหนให้แก้มเริ่มไงคะ”เสียงหวานพร่าเบาชิดปากเขา ดูเชิญชวนจนคนถูกต่อว่าต้องกลืนน้ำลาย ยากเหลือเกินที่จะยั้งตัวเองได้ในเมื่อทุกสัดส่วนบนเรือนกายสาวที่เขาเคยสัมผัสมางดงามเย้ายวนนัก แม้ยามหลับตาก็ยังตราตรึงอยู่ในหัว ยิ่งคิดถึงก็ยิ่งอยากจับร่างนวลลออกดลงมาด้านล่างแล้วล่วงล้ำโลดแรงเสียเดี๋ยวนี้ปากได้รูปเผยอเปิดรอโดยไม่พูดอะไร หากก็บ่งบอกชัดว่าเขาต้องการให้เธอต่อแล้ว กุลนารีผ่อนลมหายใจยาว รู้สึกคนตรงหน้าช่างยั่วเสียจริง เดี๋ยวเธอจะรุกให้เขาระทวยเลยคอยดูกุลนารีเข่นเขี้ยวก่อนแตะไล้ลิ้นตนบนกลีบปากกระด้าง ตั้งใจยั่วเย้าชายหนุ่มก่อนจะสอดแทรกพัวพันกับปลายลิ้นอุ่นอย่างนุ่มนวลอ่อนหวานซ่านใจ มือบางลูบคลำอกหนากับกล้ามท้องเป็นมัดตามความพอใจ โดยลืมไปว่าสิ่งที่ตนทำนั้นไม่ได้ทำให้เจ้าของร่างสูงอ่อนระทวยทว่ายิ่งแกร่งกล้าขึ้นเท่าทวีคูณมากกว่าหญิงสาวถอนจูบย้ายมาขบเม้มใบหูอีกฝ่ายเมื่อคิดว่าตนเองน่าจะลองทำอย่างอื่นบ้าง แม้ในอกจะวูบวาบ เนื้อตัวร้อนผ่าว ทว่าก็อยากเดินหน้าปลุกกายหนุ่มต่อให้สำเร็จปลายลิ้นเล็กที่เลียเบาๆ ที่หูทำเอาพศินถึงกับต้องขบกรามแน่น ทั้งเจ้าตัวยังเปลี่ยนมาไล้ซอกคอเขาสลับเม้มแผ่วเบา มือหนา
ร่างบางยืนริมระเบียงกอดอกมองฝนที่โปรยปรายด้านนอกแล้วก็อดลูบแขนตนเองเพราะอากาศค่อนข้างเย็นไม่ได้ แต่เธอก็ชอบมอง ธรรมชาติแห่งขุนเขารอบทิศทางยามฝนตกให้ความรู้สึกชุ่มฉ่ำใจ คนที่แทบไม่มีเวลาได้พบเห็นความงดงามที่ธรรมชาติรังสรรค์ยิ้มบางครู่หนึ่งร่างกายเธอก็ถูกโอบล้อมด้วยความอบอุ่นกับกลิ่นกรุ่นอันคุ้นเคย“อากาศเป็นใจดีจัง”เสียงทุ้มพึมพำ ใบหน้าขาวคมคายแนบแก้มกับเธอขณะวางคาง คมสันมาบนบ่า“คุณวีก็”เธอเพียงท้วงเบาๆ อย่างเขินอายที่ชายหนุ่มวกเข้ามาเรื่องนี้อีกแล้วนับแต่คืนวันแต่งงานพศินไม่เคยปล่อยให้เธอนอนนิ่งๆ จนหลับไปเลยสักคืน ทั้งสองคนแต่งงานเมื่อสองอาทิตย์ก่อนทว่าเพิ่งมีเวลามาฮันนีมูน ซึ่งจริงๆ แล้วชายหนุ่มกับกุลนารีไม่เห็นว่าจำเป็นอะไร แต่บิดามารดาของทั้งสองฝ่ายอยากให้ใช้เวลาส่วนตัวด้วยกัน ทั้งคู่จึงพยายามเคลียร์งานและจองที่พักเป็นจังหวัดทางภาคเหนือ ช่วงปลายฝนเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูหนาว อากาศกำลังดี และกุลนารีโตที่ชลบุรี เธอได้เห็นทะเลบ่อยครั้งทว่ายังไม่เคยเที่ยวทางเหนือ พศินจึงตามใจ โดยมีญาดาช่วยเธอหาที่พักแสนโรแมนติกเหมาะกับคู่รัก‘บ่นว่าตัวเองไม่มีแฟนสักที สุดท้ายแต่งก่อนพริกอีกนะ’อีกฝ่ายแซ
“อะไรของแก”พ่อเธอสวนขึ้น ท่าทางไม่พอใจแต่มารดาจับแขนท่านแล้วพยักหน้าเล็กน้อย เห็นชัดว่าพ่อหงุดหงิด แต่กุลนารีลุกขึ้นก่อนแล้วเดินนำขึ้นไปชั้นบนเพราะคุยส่วนร้านด้านหน้าก็ต้องได้ยิน บิดายอมเดินตามเธอมาจนถึงชั้นสามซึ่งเป็นห้องของเธอ เป็นพื้นที่ที่กุลนารีคิดว่าน่าจะปลอดภัยเสียงไม่เล็ดลอดไปถึงแขก“แกมาขัดฉันทำไมห๊ะนังแก้ม แกก็เห็นว่าทางนั้นเขากำลังจะตกลงอยู่แล้ว”คุณสรรชัยเอ่ยเสียงเข้มทันทีที่ภรรยาของตนประตูปิดลง“มันมากไป พ่อเกรงใจบ้านคุณวีบ้างสิ แล้วก็พ่อไม่น่าพูดแบบนั้นเลย เรื่องแก้มกับเขามันต่างคนต่างเต็มใจ พ่อไปพูดเหมือนคุณวีล่วงเกินแก้มแบบนั้นได้ยังไง”เธอใส่เป็นชุด โมโหจนเสียงสั่นไปหมด“แกชักเอาใหญ่แล้วนะ ยังไงฉันก็เป็นพ่อแก ฉันมีสิทธิ์จะเรียกสินสอดแกเท่าไรก็ได้”“ไหนพ่อบอกว่าไม่ขายลูกกินไง แล้วนี่มันอะไร ถ้าพ่อเรียกขนาดนี้แก้มจะไม่แต่ง แก้มจะไปอยู่กับคุณวีเลย ไม่ต้องมีงานแต่ง สินสอดทองหมั้นอะไรทั้งนั้น”“นังแก้ม!”ร่างหนาของคุณสรรชัยพรวดเข้ามาหาลูกสาว ขณะที่หญิงสาวยืนนิ่งเชิดหน้าเข้าหา พร้อมรับมือเต็มที่ไม่ว่าจะเจอกับอะไร แต่คุณดวงกมลเข้ามาขวางสามีเอาไว้“อย่าพ่อ พ่อสัญญากับคุณวีเขา
‘แอบเก็บเงียบเลยนะคุณเลขา’ญาดาตัดพ้อมาตามสาย หากก็ไม่ได้ดูโกรธขึ้งวันนี้พศินกลับบ้านของเขา ชายหนุ่มบอกว่าจะไปคุยกับบิดามารดาเรื่องไปคุยกับที่บ้านเธอ ดูเหมือนเขาอยากไปภายในไม่กี่วันนี้ กุลนารียังกังวลว่าทางด้านครอบครัวของชายหนุ่มจะเห็นด้วยหรือไม่ กลัวกับสิ่งที่จะตามมาเมื่อครอบครัวของเขาไปเจอกับครอบครัวเธอ แต่ในใจส่วนลึกเธอมีความสุขกับคำขอแต่งงานจากพศิน“มันเกิดขึ้นเร็วน่ะ แก้มก็ตั้งตัวไม่ติดเหมือนกัน”เธอบอกไปตามตรง เพราะตัวเองก็ยังสับสนกับความสัมพันธ์ที่แปรเปลี่ยนกะทันหันอยู่‘นึกว่าแอบคบกันมานานแล้วเสียอีก’เพื่อนสาวพึมพำราวไม่น่าเชื่อ“เรียกว่าแอบมองล่ะมั้ง แก้มพยายามไม่คิดอะไรกับเจ้านาย แล้วก็คิดว่าตัวเองทำได้มาตลอด แต่มาถึงจุดนึงกลับรู้ว่าไม่ใช่”หากเป็นคนอื่นเธอคงไม่พูดสิ่งที่อยู่ในใจอย่างละเอียด แต่เพราะเป็นญาดา และเรื่องก็มาถึงขั้นที่อาจจะลงเอยด้วยการแต่งงานซึ่งหากเกิดขึ้นจริงเธอก็อยากให้อีกฝ่ายรู้เป็นคนแรก เป็นเพื่อนเจ้าสาวกุลนารีมีฝันหวานๆ เรื่องความรักและการแต่งงานตามประสาผู้หญิงทั่วไป แต่เพราะเธอต้องเลือกครอบครัวก่อน แม้จะอยากได้รับความรักจากใครสักคนมาตลอด ทดแทนทางบ้านที่
กุลนารีสบตาเพื่อนแววตาขอร้องเมื่อญาดาเข้ามาในห้องน้ำของเจ้านายหนุ่มด้วย ยังไม่อยากให้อีกฝ่ายซักถามอะไรให้มากความ“แก้มมีอะไรเหรอ คุณพศินบอกให้พริกเข้ามาคุยกับแก้มเอง”เพื่อนสาวถามเสียงเบา ดูจากสายตาแล้วเจ้าตัวเหมือนจะไม่อยากเชื่อและไม่อยากคิดลึก“เอ่อ คือ...พริกไปซื้อชุดชั้นในใหม่ให้แก้มหน่อยนะ”เธอกระซิบบอก ตอนนี้ร่างบางสวมเสื้อกับกระโปรงเสร็จแล้ว แต่ก็ยังสวมชุดคลุมอาบน้ำของชายหนุ่มทับอีกทีสายตาของญาดาล่อกแล่ก ทว่าก็พยักหน้ารับ สองสาวมองกันและกันนิ่งครู่หนึ่งก่อนที่อีกฝ่ายจะยื่นมือมาจับมือเธอ มืออีกข้างลูบเบาๆ ราวกับปลอบใจ คงเห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของเธอ“พริกจะรีบกลับมานะจ๊ะ”เพื่อนสาวไปแล้วกุลนารีก็ผ่อนลมหายใจออกมายาว คงต้องได้คุยกันอย่างจริงจังหลังจากนี้กับญาดาแน่นอน“แก้มออกมานั่งที่โซฟาเถอะ”พศินเดินมาเคาะประตูเบาๆ พร้อมบอกโดยไม่ได้เปิดเข้ามา แม้จะแง้มไว้เล็กน้อยเนื่องจากญาดาเพิ่งไปก็ตามในนี้ทั้งเย็นทั้งชื้นทำให้ไม่สบายได้ง่าย กุลนารีจึงยอมก้าวออกไปข้างนอก“อุ่นหรือเปล่า ใส่สูทของผมอีกตัวไหม”เสียงทุ้มถามอย่างห่วงใยพร้อมกับหยิบสูทของเขาส่งให้“ไม่เป็นไรค่ะ”“ห่มเอาไว้ดีกว่า”บ
“ผมรักคุณ”พศินสวนขึ้นเสียงเข้ม ใบหน้าขาวคมคายเงยขึ้นมาสบตากับเธอไม่ห่างนัก ลมหายใจของเขาค่อนข้างหนัก บ่งบอกถึงอารมณ์เข้มข้นภายใน“รัก? คนรักกันเขาทำป่าเถื่อนแบบนี้เหรอคะ”กุลนารีถามด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด“คุณทำให้แก้มรู้สึกเหมือนคุณไม่ได้รักแก้มเลย เมื่อไม่รักก็ไม่จำเป็นต้องทะนุถนอม จะทำร้ายร่างกายหรือความรู้สึกยังไงก็ได้”ดวงหน้าผุดผ่องเต็มไปด้วยคราบน้ำตากับแววตาสุดแสนเสียใจ ต่อว่าต่อขานยืดยาวทว่ากระท่อนกระท่อนเพราะเจ้าตัวร้องไห้ด้วย คนกระทำเสียใจไม่น้อย เขามีสติและตั้งใจทำแบบนี้ ทนไม่ได้จริงๆ ที่เห็นกุลนารีเดินเบียดชิดตัวติดกับผู้ชายคนอื่น อยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายคนอื่นพศินดึงคนที่ร้องไห้อย่างน่าสงสารเข้ามาแนบอกตน ลูบไหล่บางที่สั่นเพราะเจ้าตัวสะอื้นและคงเย็นอย่างเบามือกว่าก่อนหน้านี้“ผมหวง”ชายหนุ่มบอกสั้นๆ ไม่ช่วยให้เธอเข้าใจอะไร แล้วจูบหนักๆ บนหน้าผากเธอ จับให้ซบหน้ากับอกเขา“อยากฝากรอยบนตัวคุณทั้งตัว ตีตราจองให้ทุกคนรู้ว่าแก้มเป็นของผม”หญิงสาวเพียงแค่ฟังเงียบๆ ไม่พูดอะไร เธอยังไม่รู้สึกดีขึ้นสักนิด“หนาวไหม”เสียงเข้มอ่อนโยนขึ้นกุลนารีจึงพยักหน้ารับนิดๆ“เดี๋ยวผมไปเอาผ้าขนหนูมาให้
น้อยครั้งที่พศินจะเลิกงานตรงเวลา และวันนี้เข้าช้าทำให้งานร่นออกไปอีก ชายหนุ่มจึงโทรบอกน้องสาวว่าฝากให้บราลีกลับกับอีกฝ่าย เมื่อโทรบอกเจ้าตัวอีกฝ่ายก็งอแงบอกว่าพอมีแฟนแล้วก็ทิ้งตนเอง ทำเอาพศินหัวเราะในลำคอ‘ถ้าแบมมีแฟนแล้วยังอยากติดรถพี่ไปกลับอย่างนี้ทุกวันหรือเปล่า’ถามไปแบบนั้นอีกฝ่ายก็เงียบ เขารู้ว่าบราลีงอน แต่เจ้าตัวก็ต้องอยากมีเวลาส่วนตัว เมื่อโดนถามแทงใจดำจึงไม่ตอบสองทุ่มร่างสูงกำยำก็ออกจากห้องมา ยิ้มอ่อนโยนเมื่อเห็นเลขาคนสนิทเงยหน้าขึ้น“วันนี้กลับรถแก้มกันนะ”“แล้ว...แบมล่ะคะ คุณไม่ไปส่งก่อนเหรอ”“กลับไปกับวุ้นแล้ว”กุลนารีไม่ได้ซักต่อ พอเข้าใจได้ว่าเพราะชายหนุ่มเลิกงานช้า แทนที่บราลีจะต้องมารอพศินกลับกับพนิดาไปเลยย่อมง่ายกว่า ตอนสั่งอาหารเย็นมาให้เจ้านายช่วงหนึ่งทุ่มเธอถามว่าจะให้เผื่อบราลีหรือไม่ อีกฝ่ายก็บอกเพียงไม่ต้องสั้นๆ แม้จะสงสัยแต่ก็ทำตามคำสั่ง ส่วนตนก็อุ่นอาหารที่ซื้อตอนกลางวันแล้วใส่ตู้เย็นไว้กินพศินขับรถของกุลนารีพาทั้งคู่มาถึงคอนโดราวสามทุ่ม เป็นเวลาที่สามารถอาบน้ำเข้านอนได้เลย แต่แน่นอนว่าชายหนุ่มไม่ได้อยากนอน เขาดึงร่างบางเข้าหาอ้อมกอดตัวเองทันทีที่ก้าวเข้ามา