กุลนารีดูเวลาที่มือถือของตนหลังจากวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ เธอรู้ว่าเจ้านายเพิ่งเข้าไปอาบน้ำหลังจากคู่ขาของเขากลับไปแล้ว ที่ชายหนุ่มให้เธอเข้ามาเตรียมเอกสารในห้องทานของเขาก่อนก็เพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้านั่นเอง
“ห้าทุ่มครึ่งแล้วเหรอเนี่ย”
พึมพำกับตัวเองแล้วก็อดกังวลไม่ได้ว่าตนจะได้กลับบ้านเมื่อไร พศินให้ชงกาแฟเท่ากับเขาจะดูเอกสารจริงๆ อาจดูจนเสร็จ ชายหนุ่มมักทำงานแบบยิงยาวที่ทำงานบ่อยครั้ง ทว่าที่คอนโดเธอไม่เคยต้องอยู่กับเจ้านายดึกดื่น
“คุณต้องลำบากเรื่องเบญจวรรณเยอะเลย”
ร่างบางถึงกับสะดุ้งที่อยู่ๆ เสียงเข้มก็ดังด้านหลัง พศินมักขยับตัวรวดเร็วไม่ค่อยมีเสียงให้รู้สึกตัวเท่าไร สำหรับกุลนารีที่อยู่ด้วยกันมานานถือว่าค่อนข้างชิน แต่บางครั้งเธอคิดเรื่องอื่นอยู่ก็มีอาการบ้างนิดหน่อย
“เธอเข้าใจผิด ก็เขม่นเป็นธรรมดาตามประสาผู้หญิงค่ะ”
กุลนารีบอกอย่างพยายามทำใจ ไม่อาจเอ่ยไปตรงๆ ได้ว่าเพราะชายหนุ่มใช้คำพูดให้ดูกำกวม
“ส่วนหนึ่งก็เพราะผมด้วย”
อีกฝ่ายยอมรับพร้อมก้าวเข้ามาในห้อง หญิงสาวเองก็แปลกใจไม่น้อยที่เขาออกตัวมาง่ายๆ อย่างนี้
“เขาอยู่คอนโดนี้ แล้วก็มาดักรอผม เขาควรรู้ว่าไม่ใช่อยากเจอผมเมื่อไรก็มาได้ตามอำเภอใจ”
“แต่ต้องมาเลิกกัน เพราะดิฉัน...”
หญิงสาวอึกอักไม่แน่ใจทว่าชายหนุ่มส่ายหน้า
“เขาทำตัวของเขาเอง ถ้ายอมกลับไปง่ายๆ ตั้งแต่แรกคงไม่จบแบบนี้ ผมไม่ชอบคบคนมีปัญหา”
เธอไม่รู้จะออกความเห็นอะไร แม้จะนึกแปลกใจว่าชายหนุ่มไม่เสียดายหรืออย่างไร เพราะเห็นเขาบอกว่าพอใจ ‘เซ็กส์’ ของเบญจวรรณ ตาคู่กลมโตดูนาฬิกาในมือถืออีกครั้ง ชายหนุ่มเองก็คงพอเดาออกเขาจึงเอ่ยขึ้น
“ดึกแล้ว คุณพักที่นี่เถอะ”
“เอ่อ...”
“จะขัดคำสั่งผมเหรอ”
ดวงตาคู่คมดุฉายแววแปลกอีกแล้วทว่าก็เพียงแวบเดียว กุลนารีพูดไม่ออก แน่นอนว่าเธอไม่กล้าขัดเจ้านาย แต่พักที่คอนโดกับเขาเนี่ยนะ
“กลับตอนนี้คุณก็ต้องขึ้นแท็กซี่ ถึงจะใกล้ๆ แต่...อย่ากลับดีกว่า”
คนเป็นเลขาได้แต่ขยับปากค้าง ขณะที่ร่างสูงกำยำในชุดนอนแขนยาวขายาวผ้าซาตินเดินผ่านเธอตรงไปนั่งลงบนโต๊ะทำงาน หยิบเอกสารขึ้นมากุลนารีจึงหยิบปากกาพร้อมจดบนมือถือของตนออกมาเผื่อชายหนุ่มต้องการมาร์กอะไรเป็นพิเศษ
“คุณไปนั่งพักเถอะ ผมแค่ดูงบค่าใช้จ่ายเดือนนี้แค่นั้นเอง สงสัยอะไรจะจดเอาไว้”
ร่างบางได้แต่ไปนั่งลงบนโซฟาอีกมุมตามที่ชายหนุ่มบอก เพราะดูไปแล้วก็ไม่มีอะไรเธอทำ
“อยากอ่านหนังสือก็เลือกดูได้นะ หรือเบื่ออยากดูทีวีข้างนอกก็ตามใจ”
คิ้วเรียวสวยขมวด รู้สึกฉงนใจที่เขาไม่ได้ให้เธอทำอะไร หากก็ไม่ยอมให้กลับ ทำเหมือนเอามาเป็นตุ๊กตาตั้งโชว์ไปได้
“หรือง่วงก็หลับได้ ไปนอนในห้องผมได้เลย”
“คะ?”
คราวนี้กุลนารีตัวแข็ง แทบหยุดหายใจกับคำบอกของเจ้านาย
“อย่างที่บอกนั่นแหละ คุณนอนในห้องนอน เดี๋ยวผมนอนที่นี่เอง”
‘ห้องที่เขาทำกิจกรรมสุดเร่าร้อนกับสาวสุดเซ็กซี่ไปหยกๆ น่ะนะ’
เลขาสาวได้แต่คิดในใจไม่กล้าหลุดปากออกไป แค่แปลกที่แปลกทางเธอก็หลับยากแล้ว นี่ยังเป็นสถานที่ส่วนตัวของเจ้านาย แถมรู้ๆ กันอยู่ว่าชายหนุ่มมีไว้ทำอะไร อย่างนี้ต่อให้ง่วงเธอก็คงหลับไม่ลง
“ความจริงก็ยังไม่ดึกมาก ดิฉัน...”
“กุลนารี”
ริมฝีปากอิ่มหุบฉับแล้วกลืนน้ำลายลงคอเพราะสายตาคมเลื่อนจากกระดาษขึ้นมาจ้องเธอตาเขม็ง
“ค่ะ เจ้านาย”
สุดท้ายเธอก็ไม่กล้าต่อความยาว หากก็ไม่กล้าไปนอนที่ห้องของชายหนุ่มจึงเลือกไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาอ่าน แม้ยิ่งอ่านจะยิ่งชวนให้ตาปิดมากขึ้น
=====
ไม่ผิดก็โดนดุได้ กุลนารีกล่าวในใจ ^-^"
เธอกำลังฝัน...กุลนารีรู้สึกเหมือนลอยอยู่กลางปุยเมฆ ทั้งอบอุ่นทั้งนุ่มนวล แทบไม่อยากตื่น เธอยิ้มมีความสุขทิ้งตัวลงนอนสบายอารมณ์ จู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งโน้มหน้าลงมาหา เขาหล่อมาก แม้ในมโนสำนึกจะไม่สามารถบรรยายรูปหน้าได้แต่บอกได้ว่าหล่อแน่นอนผู้ชายในฝันย่อมต้องสมบูรณ์แบบอยู่แล้วคนอยู่ในภวังค์ความฝันขยับหน้าเงยขึ้นโดยอัตโนมัติ เผยอริมฝีปากปากตนเองแตะกับปากได้รูปแสนดึงดูดใจทว่าสัมผัสหนักแน่นอุ่นวาบที่รับรู้ได้บนริมฝีปากตน กับไอระอุที่โอบล้อมรอบตัวทำให้ความเป็นจริงเข้าโจมตีกุลนารีในทันใด เปลือกตาบางเปิดขึ้นแล้วก็เห็นดวงตาคู่คมดุในระยะประชิด เธอตัวแข็งราวเป็นหินอยู่ชั่วอึดใจก่อนจะผละออกห่าง ทำให้รู้ว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงแล้ว แขนสองข้างโอบกอดลำคอแกร่งของเจ้านายหนุ่ม“เอ่อ...ขอ...โทษค่ะ”แขนเรียวเสลารีบลดลง วางสีหน้าไม่ถูกจนต้องหลบสายตาอีกฝ่าย หน้าร้อนราวกับไหม้ ไม่แน่ใจว่าอับอายการกระทำของตนหรือเพราะดวงตาคู่คมที่จ้องไม่ลดละด้วยแววตาที่เดาไม่ออกชั่วอึดใจชายหนุ่มก็ปล่อยตัวเธอ เหมือนเขาจะอุ้มเธอมายังเตียงแล้วเพิ่งวางลง และเธอดันขยับหน้าขึ้นไปหาเขาเข้า“เห็นคุณหลับที่โซฟา กลัวจะเมื่อย”“ขอบคุ
แม้จะหลับไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงกุลนารีก็รีบตื่นขึ้นมา เมื่อคืนเธอไม่อาจทำใจให้สงบได้ ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ในหัวเต็มไปด้วยจินตานาการของร่างสองร่างที่โลดโผนอย่างโจ๋งครึ่ม แม้จะเป็นสาวใสผุดผ่องแต่เธอก็เคยดูหนังหรือซีรีส์ติดเรต อย่างน้อยก็เรื่องดังคนนิยมร่างบางเดินไปแอบมองห้องทำงานเห็นประตูยังปิดสนิทก็เลี่ยงไปห้องน้ำด้านนอก หาแปรงสีฟันที่ยังไม่ได้ใช้ เพราะจำได้ว่าเธอเพิ่งซื้อมาไว้เพิ่มไม่นานเผื่อให้คู่ขาของเขาและก็มีจริงๆของใช้ภายในบ้าน หรืออาหารการกินเล็กน้อย เช่น ขนมปัง กาแฟ ผลไม้ เธอเป็นคนจัดซื้อมาไว้ ซึ่งพศินให้เธอจัดการได้เลยโดยเป็นเงินที่เพิ่มมาให้นอกเหนือจากเงินเดือน รัมภาเคยทำอยู่แล้วเธอเพียงรับช่วงต่อเท่านั้นกุลนารีไม่แน่ใจว่าเจ้านายของตนอยากกินอะไรในตอนเช้าแต่ก็ชงกาแฟกับปิ้งขนมปังและปอกผลไม้เตรียมเอาไว้ แม้จะอยากกลับไปห้องของตน แต่ในเมื่อชายหนุ่มยังไม่ตื่นขึ้นมาเธอก็ยังกลับไม่ได้ ขณะกำลังล้างอุปกรณ์ต่างๆ ร่างสูงกำยำก็เข้ามา“เตรียมอาหารไว้เหรอ ขอบใจ กินมื้อเช้าแล้วผมขออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นาน แล้วจะไปส่งคุณที่ห้อง รอไปดูหนัง”“เจ้านายจะไปรอดิฉันที่ห้อง?”“ไม่ได้เหรอ”“ได้ค่ะ”
“กุลนารี เข้ามาข้างในหน่อย ขอกาแฟด้วย”คนที่กำลังพิมพ์เอกสารสรุปการประชุมในช่วงเช้าหยุดมือ เธอเห็นเจ้านายเดินผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็วลุกขึ้นยืนแทบไม่ทัน แถมเขายังไม่หันมามองด้วยซ้ำ ทว่าไม่ถึงห้านาทีก็เรียกหากาแฟทั้งที่เพิ่งกินข้าวไปหญิงสาวรับคำแล้วรีบจัดการตามที่ชายหนุ่มสั่ง ทว่าเปลี่ยนจากกาแฟเป็นชา เมื่อวางลงบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่สายตาคมก็เพียงเหลือบมองหากไม่ได้เอ่ยอะไร เขามองหน้าเธอแล้วถาม“เย็นวันศุกร์นี้ไปงานแต่งเพื่อนกับผมหน่อย”กุลนารีได้แต่อึ้งอีกแล้ว ออกงานชายหนุ่มมักจะฉายเดี่ยวแล้วทำไมอยู่ๆ ถึงบอกให้เธอไปด้วย“งานนี้เพื่อนเยอะ ขี้เกียจตอบคำถาม มีคุณไปด้วยคงไม่ค่อยมีใครเข้ามาถามวุ่นวายเท่าไร”เธอฟังแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า ‘ถามเรื่องอะไร’ แต่ก็เพียงรับคำไม่กล้าซักใดๆ“อ้อ เรื่องชุดไปดูกับผมเย็นนี้นะ”“คะ?”“ผมจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้”“ค่ะเจ้านาย”แม้จะยังมึนอยู่ทว่าสุดท้ายแล้วกุลนารีก็ไม่มีปัญหา ตอบตกลงเหมือนตนเองเต็มอกเต็มใจ“ผู้ชายคนนั้น? แฟนเก่าคุณน่ะ ไปกินข้าวกลางวันกับเขามาเหรอ”คำถามที่มาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเหมือนที่ชวนไปงานแต่งงานทำเอาหญิงสาวตั้งตัวไม่ติด แทบจะเก็บสีหน้างุนงงขอ
ดวงตาคู่โตมองชุดสวยหลายชุดดารดาษอยู่ตรงหน้าแล้วก็ไม่รู้จะเลือกชุดไหน ทั้งยังรู้สึกเหมือนมีแรงกดดันจากคนที่นั่งไขว่ห้างรออยู่ตรงมุมโซฟา เธอไม่อยากเลือกชุดแพงนัก ทว่ามันดันแพงทุกชุดจนไม่อาจเลือกได้“เป็นยังไงบ้างคะ ถูกใจชุดไหนไหมคะ”พนักงานสาวที่คอยบริการถามพร้อมยิ้มหวานกุลนารีอยากเปิดดูราคาทุกชุดแต่ก็เกรงใจและคิดว่าทำแบบนั้นออกจะชัดเจนไปหน่อย อาจเสียหน้าคนจ่ายเงินได้พศินเลือกชุดของเขาเสร็จแล้วด้วยความรวดเร็วไม่เรื่องมาก เธอเองก็ควรเร่งตัดสินใจเช่นกันหากไม่อยากให้เจ้านายหนุ่มรอนานจนขุ่นใจเข้า สุดท้ายหญิงสาวก็เลือกแบบที่เรียบที่สุด เป็นเดรสผ้าพื้นสไตล์เรียบร้อยกระโปรงทรงสอบพอดีเข่าหลังจากลองสวมดูก็ออกมาด้านนอกเพื่อส่องกระจก ทว่าร่างสูงกำยำก้าวเข้ามาตรงส่วนนี้พอดี“เป็นยังไงบ้างครับ”เลขาสาวชะงัก ชายหนุ่มเองก็เหลือบมาทางเธอหลังถามกับพนักงานแล้วอีกฝ่ายผายมือมาพร้อมรอยยิ้มสายตาคมจับจ้องเธอด้วยแววชิดหนึ่งที่ทำให้ลมหายใจกุลนารีสะดุด แต่เพราะคำพูดที่บอกว่าพร้อมไล่เธอออกทันทีที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนทำให้ใจดวงน้อยที่ฟูลอยแฟบลงพศินเห็นเธอเป็นเลขาที่เหมือนของใช้ทั่วไปหรือรถสักคัน ใช้งานไม่ได้ก็พร
“ชีวิตเลขามันน่าเศร้าจริง เต้นรำครั้งแรกก็ดันได้เต้นกับเจ้านาย ไม่โรแมนติกเอาเสียเลยแก้มเอ๊ย”หญิงสาวบ่นอุบอิบอย่างเซ็งๆเมื่อเข้ามาในห้องตัวเอง หลังจากพศินมาส่งเธอหน้าคอนโดแล้ว ขณะวางกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวจะอาบน้ำเสียงมือถือก็ดังขึ้น คิ้วเรียวสวยขมวดเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์มารดา นึกแปลกใจเพราะหากท่านโทรมาขอเงินเพิ่มแล้วก็จะไม่โทรอีก เนื่องจากกลางอาทิตย์หน้าถึงจะสิ้นเดือน“จ้ะแม่”“แก้มตอนนี้หนูพอมีสักหมื่นไหมลูก”น้ำเสียงที่ดังมาไม่ค่อยดีนัก ดูเครือเล็กน้อยแต่ก็สังเกตได้“มีอะไรเหรอแม่”“พ่อน่ะ ไปบ่อนมาอีกแล้ว แม่ห้ามว่าไม่มีเงินจะไปทำไมก็ไม่ฟังกันเลย นี่ก็ต้องถอดทองให้เขาไว้ เจ้าของบ่อนเขาให้จ่ายภายในพรุ่งนี้”“แล้วทำไมแม่เหมือนร้องไห้”“เอ่อ...”“นี่พ่อทำอะไรแม่อีกแล้วเหรอ”“แม่ไม่มีเงินสำรองน่ะลูก ที่มีอยู่ก็เป็นค่ากิน กับลงทุนในร้านจนถึงสิ้นเดือน”บิดามารดาของเธอเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวที่ชลบุรี ซึ่งทำมาตั้งแต่รุ่นตายาย กุลนารีเรียนอยู่ที่นั่นจนจบมัธยมปลาย แล้วสอบเข้ามหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ และอยู่ยาวมาตลอดนานทีจึงกลับไปเยี่ยมบ้านช่วงเทศกาลหยุดยาวปีละครั้งสองครั้ง หากเธอก็ส่งเงินให้ไม่เคยข
โรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ของธนัญการอยู่ที่ชลบุรี ซึ่งพศินไปตรวจเดือนละครั้งและกุลนารีไปด้วยเสมอหญิงสาวเดินตามฟังสิ่งที่ชายหนุ่มคุยกับผู้จัดการโรงงานแล้วจดไว้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เธอจดสิ่งสำคัญสั้นๆ และใช่มือถืออัดเอาไว้ด้วยเพื่อความไม่ตกหล่นฝนตกลงมาในตอนที่ยังอยู่ในโรงงานแต่เพราะได้เวลาต้องกลับแล้ว ไม่อย่างนั้นจะถึงกรุงเทพฯ ดึกเกินไปทั้งสองคนจึงต้องออกมา โดยผู้จัดการรีบจัดการหาร่มมาให้เมื่อเจ้านายแจ้งความประสงค์ว่าจะกลับ ทว่ามีเพียงคันเดียว“กุลนารีสะดวกไหม”พศินหันมาถามเธอ หญิงสาวจึงยิ้มบาง มีร่มก็ยังดีกว่าไม่มี“ไม่เป็นไรค่ะ ใหญ่พอที่จะกางได้สองคนอยู่”ผู้จัดการมองเธอด้วยสายตาเห็นใจ และเอ่ยขอโทษกับเจ้านายหนุ่ม เมื่อเห็นว่าเธอไม่มีปัญหาพศินจึงส่ายหน้าไม่คิดมาก ทว่าพอเขาจะเอื้อมมือไปหยิบมากาง เลขาสาวก็รีบจัดการให้“ดิฉันถือให้ดีกว่าค่ะ”พศินมองหน้าเธอชั่วอึดใจ สายตาคู่คมราวครุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้ายินยอมร่างบางพยายามก้าวตามร่างสูงกำยำให้ทันเมื่อออกมาข้างนอกและตรงไปยังรถซึ่งจอดอยู่ไกลพอสมควร แต่ก็พยายามระวังไม่ให้ตนเองไปถูกตัวเจ้านาย และคอยสังเกตเสมอว่าชายหนุ่มเปียกหรือไม่ สุดท้ายก็กลายเป
“แม่...”กุลนารีได้แต่เรียกแม่ตนเอง นึกไม่ถึงว่าท่านจะบอกกับเจ้านายของเธออย่างนี้“เกรงใจน่ะครับ ไม่รบกวนดีกว่า”“อุ๊ย รบกงรบกวนอะไรกันคะ แต่ห้องหับอาจจะคับแคบสักหน่อย ถ้าคุณจะพักนอนห้องยายแก้มก็ได้ค่ะ ให้เจ้าตัวเขามานอนกับพ่อแม่”คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวไม่แน่ใจนัก เหมือนไม่เห็นด้วยแต่ไม่อยากแย้งมารดาของเธอ“เดี๋ยวค่อยคิดก็ได้ค่ะ ตอนนี้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า ทั้งสองคนเลย แก้มไปเอาเสื้อผ้าพ่อมาให้คุณเขานะลูก”คุณดวงกมลหันมาบอกลูกสาว“ผมมีเสื้อผ้าติดรถอยู่ครับ”พศินมักจะมีเสื้อผ้าไว้ในรถด้วยเพราะบางครั้งเขาก็พักที่ทำงานหากเคลียร์งานจนดึกดื่นและล้าเกินกว่าจะขับรถ“ดิฉันไปเอาให้ค่ะ”คนเป็นเลขาขยับตัวจะไปจัดการทุกอย่างให้เจ้านายด้วยความเคยชิน ทว่าถูกจับข้อมือไว้ด้วยมือหนา ร่างบางถึงกับชะงักกึกหันมองชายหนุ่มตาโตที่เขาจับมือถือแขนเธอต่อหน้าแม่“ผมไปเอาเอง คุณไปอาบน้ำได้แล้ว”เปลือกตาบางกะพริบปริบๆ ราวทำตัวไม่ถูก แต่เมื่อถูกมองด้วยสายตาคู่คมดุซ้ำจึงตอบเสียงเบา“ค่ะ”“ให้คุณเขาอาบห้องน้ำหนูข้างบนนะลูก แก้มมาอาบข้างล่าง”“จ้ะแม่”เธอรับคำมารดาพร้อมกับที่พศินปล่อยมือ หญิงสาวเหลือบสบตากั
“อะไร ได้ยินแว่วๆ ใครผัวใครแม่ดวง”เสียงของบิดาเธอดังขึ้นตรงหน้าร้าน กุลนารีจึงละสายตาที่สบกับเจ้านายของตน วางถังน้ำกับไม้ถูลง ขณะที่คนมาใหม่ก็มองมายังเธอพอดี“หึ รู้จักบ้านตัวเองด้วยเหรอ”คำทักทายแรกของบิดาทำเอาแทบถอนหายใจระอา แต่ก็กลั้นเอาไว้แล้วยกมือไหว้แทน แต่สายตาของพ่อกลับสนใจคนที่ยืนด้านหลังเธอ“นั่นใครล่ะ หรือว่า...ที่พูดว่าผัวนี่ หมายถึงผัวนังแก้มเหรอแม่ดวง”พ่อเธอเอ่ยเสียงดัง ขณะที่คนเป็นลูกสาวสะดุ้งวาบ แต่แม่เธอยิ้มหวานถูกใจเสียอย่างนั้น“ไปมีผัวเป็นตัวเป็นตนตั้งแต่เมื่อไร แล้วเพิ่งจะพามาบ้านเนี่ยนะ”ยังไม่มีใครได้พูดอะไร คุณสรรชัยก็คิดเองเออเองแล้วก้าวเร็วๆ มาหาลูกสาว คุณดวงกมลนึกขึ้นมาได้ว่ากลุนารีอาจจะโดนทำร้ายจึงรีบตามมาขวาง“ว่าไง ทำไมเพิ่งพามาบ้าน”“ไม่ใช่นะพ่อ นี่เจ้า...”“เดี๋ยวนะ งั้นไอ้รถที่จอดหน้าบ้านนี่รถผัวแกสินะ คันใหญ่โตดีนี่หว่า”“ไม่ใช่พ่อ...”กุลนารียังพูดไม่จบ บิดาเธอก็สวนขึ้นตาวาว อารมณ์ดูขุ่น ไม่พอใจ“อย่ามาโกหกกันเสียให้ยาก เห็นแม่แกพูดปาวๆ ว่าผัว ถ้าไม่ใช่แล้วจะมาบ้านเราทำไมวะ พาผู้ชายที่ไม่ใช่ผัวเข้าบ้านมันใช่เรื่องเหรอนังแก้ม แกคิดว่าพ่อโง่หรือไง”เส
เปิดตู้เสื้อผ้าที่ชายหนุ่มบอกว่าเป็นฝั่งของตนกุลนารีก็ต้องอึ้ง มีชุดนอนแขวนอยู่ราวตั้งใจให้เห็น เป็นชุดเครสสั้นสายเดี่ยวผ้าซาตินสีครีม ไม่แน่ใจว่าพศินเป็นคนจัดการหรือมารดาของเธอกับเขากันแน่ หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอ ไม่เคยใส่ชุดนอนแบบนี้ แต่เสื้อผ้าที่เธอเอาไปฮันนีมูนก็ใส่ครบแล้ว และตอนนี้ก็ซักเสร็จเรียบร้อยเธอเพิ่งอาบเสร็จ ใส่เสื้อคลุมของชายหนุ่มอยู่ โดยพศินบอกให้ใส่เสื้อผ้าของเขาแทนเหมือนครั้งก่อน แต่เธอก็รู้สึกแปลกๆ ขณะนี้ชายหนุ่มอาบน้ำจึงดูนั่นนี่ไปพลาง แล้วก็มาเจอกับชุดนี้ ปากอิ่มกัดเบาๆ ครุ่นคิด ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจด้านหลังของเจ้าของร่างบางที่ยืนทาครีมอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งทำเอาคนเพิ่งออกมาจากห้องน้ำชะงักกึก ใจร้อนรุมขึ้นมาทันควัน หากก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แล้วก้าวเข้าไปกอดอีกฝ่าย“ชุดคุณทำผมตื่นเต้นนะเนี่ย”เขาเอ่ยแซว ก่อนจะไล่จูบซอกคอหอมกับบ่าไหล่ขาวผ่องที่แทบจะไม่มีอะไรปกปิดอย่างรุกร้อน“อื้อ อย่าเพิ่งใจร้อนสิคะ”กุลนารีท้วงเบาๆ ทว่าคนเป็นสามีก็ยังแตะไล้เนื้อผิวเธอไม่หยุด ไม่เพียงเท่านั้น มือหนายังเคลื่อนมาหาอกอวบอย่างรวดเร็วอีกด้วย“โอ๊ะ ไม่ใส่เหรอ?”คำถามที่น้ำเสียง
รถตู้คันโตของบ้านพศินมารับทั้งสองคนที่สนามบินหลังกลับจากฮันนีมูน กุลนารีเผลอหลับไปเพราะรถค่อนข้างติด และรู้สึกตัวเมื่อชายหนุ่มปลุก ก้าวลงจากรถตามร่างสูงกำยำก็รู้สึกถึงความผิดปกติ“ที่ไหนคะ”หญิงสาวถามพศินพร้อมสีหน้างุนงง เมื่อเห็นลานจอดรถไม่คุ้นเคยชายหนุ่มยิ้มบาง มือหนาวางลงบนผมเธอแล้วโยกหัวเบาๆ ยื่นหน้ามากระซิบใกล้ๆ“คอนโดของเรา”“คอนโดเรา?”“ใช่ครับ”เขาตอบรับแล้วจับมือเธอให้เดินไปยังหลังรถที่คนขับรถยกกระเป๋าสองใบลงมาให้เรียบร้อยแล้ว“ขอบคุณครับลุงชิต”“ผมขนไปให้นะครับ”“ไม่เป็นไรครับ ที่เหลือผมกับแก้มจัดการได้ ว่าแต่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ”“ครับผม คุณดารนีกับแม่ของคุณหนูจัดการดูแลทั้งหมดด้วยตัวเองเลยครับ”ลุงชิตคนขับรถตอบแล้วยื่นคีย์การ์ดให้พศิน ชายหนุ่มขอบคุณอีกครั้งก่อนจะบอกให้กลับไปได้ ขณะที่กุลนารีได้แต่ยืนงงงันว่าเรื่องอะไรกันแน่“มีอะไรเหรอคะ”“ไปคุยกันที่ห้องดีกว่า”เธอเดินตามชายหนุ่มอย่างมึนๆ พศินจัดการกับกระเป๋าทั้งสองใบด้วยตัวเอง แม้เธอจะช่วยเขาก็ส่ายหน้ากระทั่งมาถึงหน้าห้องหนึ่งชายหนุ่มก็ให้คีย์การ์ดกับเธอ“เปิดเข้าไปสิ”กุลนารีรับมาเปิด พศินพยักพเยิดให้เธอเดิน
“ไหนให้แก้มเริ่มไงคะ”เสียงหวานพร่าเบาชิดปากเขา ดูเชิญชวนจนคนถูกต่อว่าต้องกลืนน้ำลาย ยากเหลือเกินที่จะยั้งตัวเองได้ในเมื่อทุกสัดส่วนบนเรือนกายสาวที่เขาเคยสัมผัสมางดงามเย้ายวนนัก แม้ยามหลับตาก็ยังตราตรึงอยู่ในหัว ยิ่งคิดถึงก็ยิ่งอยากจับร่างนวลลออกดลงมาด้านล่างแล้วล่วงล้ำโลดแรงเสียเดี๋ยวนี้ปากได้รูปเผยอเปิดรอโดยไม่พูดอะไร หากก็บ่งบอกชัดว่าเขาต้องการให้เธอต่อแล้ว กุลนารีผ่อนลมหายใจยาว รู้สึกคนตรงหน้าช่างยั่วเสียจริง เดี๋ยวเธอจะรุกให้เขาระทวยเลยคอยดูกุลนารีเข่นเขี้ยวก่อนแตะไล้ลิ้นตนบนกลีบปากกระด้าง ตั้งใจยั่วเย้าชายหนุ่มก่อนจะสอดแทรกพัวพันกับปลายลิ้นอุ่นอย่างนุ่มนวลอ่อนหวานซ่านใจ มือบางลูบคลำอกหนากับกล้ามท้องเป็นมัดตามความพอใจ โดยลืมไปว่าสิ่งที่ตนทำนั้นไม่ได้ทำให้เจ้าของร่างสูงอ่อนระทวยทว่ายิ่งแกร่งกล้าขึ้นเท่าทวีคูณมากกว่าหญิงสาวถอนจูบย้ายมาขบเม้มใบหูอีกฝ่ายเมื่อคิดว่าตนเองน่าจะลองทำอย่างอื่นบ้าง แม้ในอกจะวูบวาบ เนื้อตัวร้อนผ่าว ทว่าก็อยากเดินหน้าปลุกกายหนุ่มต่อให้สำเร็จปลายลิ้นเล็กที่เลียเบาๆ ที่หูทำเอาพศินถึงกับต้องขบกรามแน่น ทั้งเจ้าตัวยังเปลี่ยนมาไล้ซอกคอเขาสลับเม้มแผ่วเบา มือหนา
ร่างบางยืนริมระเบียงกอดอกมองฝนที่โปรยปรายด้านนอกแล้วก็อดลูบแขนตนเองเพราะอากาศค่อนข้างเย็นไม่ได้ แต่เธอก็ชอบมอง ธรรมชาติแห่งขุนเขารอบทิศทางยามฝนตกให้ความรู้สึกชุ่มฉ่ำใจ คนที่แทบไม่มีเวลาได้พบเห็นความงดงามที่ธรรมชาติรังสรรค์ยิ้มบางครู่หนึ่งร่างกายเธอก็ถูกโอบล้อมด้วยความอบอุ่นกับกลิ่นกรุ่นอันคุ้นเคย“อากาศเป็นใจดีจัง”เสียงทุ้มพึมพำ ใบหน้าขาวคมคายแนบแก้มกับเธอขณะวางคาง คมสันมาบนบ่า“คุณวีก็”เธอเพียงท้วงเบาๆ อย่างเขินอายที่ชายหนุ่มวกเข้ามาเรื่องนี้อีกแล้วนับแต่คืนวันแต่งงานพศินไม่เคยปล่อยให้เธอนอนนิ่งๆ จนหลับไปเลยสักคืน ทั้งสองคนแต่งงานเมื่อสองอาทิตย์ก่อนทว่าเพิ่งมีเวลามาฮันนีมูน ซึ่งจริงๆ แล้วชายหนุ่มกับกุลนารีไม่เห็นว่าจำเป็นอะไร แต่บิดามารดาของทั้งสองฝ่ายอยากให้ใช้เวลาส่วนตัวด้วยกัน ทั้งคู่จึงพยายามเคลียร์งานและจองที่พักเป็นจังหวัดทางภาคเหนือ ช่วงปลายฝนเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูหนาว อากาศกำลังดี และกุลนารีโตที่ชลบุรี เธอได้เห็นทะเลบ่อยครั้งทว่ายังไม่เคยเที่ยวทางเหนือ พศินจึงตามใจ โดยมีญาดาช่วยเธอหาที่พักแสนโรแมนติกเหมาะกับคู่รัก‘บ่นว่าตัวเองไม่มีแฟนสักที สุดท้ายแต่งก่อนพริกอีกนะ’อีกฝ่ายแซ
“อะไรของแก”พ่อเธอสวนขึ้น ท่าทางไม่พอใจแต่มารดาจับแขนท่านแล้วพยักหน้าเล็กน้อย เห็นชัดว่าพ่อหงุดหงิด แต่กุลนารีลุกขึ้นก่อนแล้วเดินนำขึ้นไปชั้นบนเพราะคุยส่วนร้านด้านหน้าก็ต้องได้ยิน บิดายอมเดินตามเธอมาจนถึงชั้นสามซึ่งเป็นห้องของเธอ เป็นพื้นที่ที่กุลนารีคิดว่าน่าจะปลอดภัยเสียงไม่เล็ดลอดไปถึงแขก“แกมาขัดฉันทำไมห๊ะนังแก้ม แกก็เห็นว่าทางนั้นเขากำลังจะตกลงอยู่แล้ว”คุณสรรชัยเอ่ยเสียงเข้มทันทีที่ภรรยาของตนประตูปิดลง“มันมากไป พ่อเกรงใจบ้านคุณวีบ้างสิ แล้วก็พ่อไม่น่าพูดแบบนั้นเลย เรื่องแก้มกับเขามันต่างคนต่างเต็มใจ พ่อไปพูดเหมือนคุณวีล่วงเกินแก้มแบบนั้นได้ยังไง”เธอใส่เป็นชุด โมโหจนเสียงสั่นไปหมด“แกชักเอาใหญ่แล้วนะ ยังไงฉันก็เป็นพ่อแก ฉันมีสิทธิ์จะเรียกสินสอดแกเท่าไรก็ได้”“ไหนพ่อบอกว่าไม่ขายลูกกินไง แล้วนี่มันอะไร ถ้าพ่อเรียกขนาดนี้แก้มจะไม่แต่ง แก้มจะไปอยู่กับคุณวีเลย ไม่ต้องมีงานแต่ง สินสอดทองหมั้นอะไรทั้งนั้น”“นังแก้ม!”ร่างหนาของคุณสรรชัยพรวดเข้ามาหาลูกสาว ขณะที่หญิงสาวยืนนิ่งเชิดหน้าเข้าหา พร้อมรับมือเต็มที่ไม่ว่าจะเจอกับอะไร แต่คุณดวงกมลเข้ามาขวางสามีเอาไว้“อย่าพ่อ พ่อสัญญากับคุณวีเขา
‘แอบเก็บเงียบเลยนะคุณเลขา’ญาดาตัดพ้อมาตามสาย หากก็ไม่ได้ดูโกรธขึ้งวันนี้พศินกลับบ้านของเขา ชายหนุ่มบอกว่าจะไปคุยกับบิดามารดาเรื่องไปคุยกับที่บ้านเธอ ดูเหมือนเขาอยากไปภายในไม่กี่วันนี้ กุลนารียังกังวลว่าทางด้านครอบครัวของชายหนุ่มจะเห็นด้วยหรือไม่ กลัวกับสิ่งที่จะตามมาเมื่อครอบครัวของเขาไปเจอกับครอบครัวเธอ แต่ในใจส่วนลึกเธอมีความสุขกับคำขอแต่งงานจากพศิน“มันเกิดขึ้นเร็วน่ะ แก้มก็ตั้งตัวไม่ติดเหมือนกัน”เธอบอกไปตามตรง เพราะตัวเองก็ยังสับสนกับความสัมพันธ์ที่แปรเปลี่ยนกะทันหันอยู่‘นึกว่าแอบคบกันมานานแล้วเสียอีก’เพื่อนสาวพึมพำราวไม่น่าเชื่อ“เรียกว่าแอบมองล่ะมั้ง แก้มพยายามไม่คิดอะไรกับเจ้านาย แล้วก็คิดว่าตัวเองทำได้มาตลอด แต่มาถึงจุดนึงกลับรู้ว่าไม่ใช่”หากเป็นคนอื่นเธอคงไม่พูดสิ่งที่อยู่ในใจอย่างละเอียด แต่เพราะเป็นญาดา และเรื่องก็มาถึงขั้นที่อาจจะลงเอยด้วยการแต่งงานซึ่งหากเกิดขึ้นจริงเธอก็อยากให้อีกฝ่ายรู้เป็นคนแรก เป็นเพื่อนเจ้าสาวกุลนารีมีฝันหวานๆ เรื่องความรักและการแต่งงานตามประสาผู้หญิงทั่วไป แต่เพราะเธอต้องเลือกครอบครัวก่อน แม้จะอยากได้รับความรักจากใครสักคนมาตลอด ทดแทนทางบ้านที่
กุลนารีสบตาเพื่อนแววตาขอร้องเมื่อญาดาเข้ามาในห้องน้ำของเจ้านายหนุ่มด้วย ยังไม่อยากให้อีกฝ่ายซักถามอะไรให้มากความ“แก้มมีอะไรเหรอ คุณพศินบอกให้พริกเข้ามาคุยกับแก้มเอง”เพื่อนสาวถามเสียงเบา ดูจากสายตาแล้วเจ้าตัวเหมือนจะไม่อยากเชื่อและไม่อยากคิดลึก“เอ่อ คือ...พริกไปซื้อชุดชั้นในใหม่ให้แก้มหน่อยนะ”เธอกระซิบบอก ตอนนี้ร่างบางสวมเสื้อกับกระโปรงเสร็จแล้ว แต่ก็ยังสวมชุดคลุมอาบน้ำของชายหนุ่มทับอีกทีสายตาของญาดาล่อกแล่ก ทว่าก็พยักหน้ารับ สองสาวมองกันและกันนิ่งครู่หนึ่งก่อนที่อีกฝ่ายจะยื่นมือมาจับมือเธอ มืออีกข้างลูบเบาๆ ราวกับปลอบใจ คงเห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของเธอ“พริกจะรีบกลับมานะจ๊ะ”เพื่อนสาวไปแล้วกุลนารีก็ผ่อนลมหายใจออกมายาว คงต้องได้คุยกันอย่างจริงจังหลังจากนี้กับญาดาแน่นอน“แก้มออกมานั่งที่โซฟาเถอะ”พศินเดินมาเคาะประตูเบาๆ พร้อมบอกโดยไม่ได้เปิดเข้ามา แม้จะแง้มไว้เล็กน้อยเนื่องจากญาดาเพิ่งไปก็ตามในนี้ทั้งเย็นทั้งชื้นทำให้ไม่สบายได้ง่าย กุลนารีจึงยอมก้าวออกไปข้างนอก“อุ่นหรือเปล่า ใส่สูทของผมอีกตัวไหม”เสียงทุ้มถามอย่างห่วงใยพร้อมกับหยิบสูทของเขาส่งให้“ไม่เป็นไรค่ะ”“ห่มเอาไว้ดีกว่า”บ
“ผมรักคุณ”พศินสวนขึ้นเสียงเข้ม ใบหน้าขาวคมคายเงยขึ้นมาสบตากับเธอไม่ห่างนัก ลมหายใจของเขาค่อนข้างหนัก บ่งบอกถึงอารมณ์เข้มข้นภายใน“รัก? คนรักกันเขาทำป่าเถื่อนแบบนี้เหรอคะ”กุลนารีถามด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด“คุณทำให้แก้มรู้สึกเหมือนคุณไม่ได้รักแก้มเลย เมื่อไม่รักก็ไม่จำเป็นต้องทะนุถนอม จะทำร้ายร่างกายหรือความรู้สึกยังไงก็ได้”ดวงหน้าผุดผ่องเต็มไปด้วยคราบน้ำตากับแววตาสุดแสนเสียใจ ต่อว่าต่อขานยืดยาวทว่ากระท่อนกระท่อนเพราะเจ้าตัวร้องไห้ด้วย คนกระทำเสียใจไม่น้อย เขามีสติและตั้งใจทำแบบนี้ ทนไม่ได้จริงๆ ที่เห็นกุลนารีเดินเบียดชิดตัวติดกับผู้ชายคนอื่น อยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายคนอื่นพศินดึงคนที่ร้องไห้อย่างน่าสงสารเข้ามาแนบอกตน ลูบไหล่บางที่สั่นเพราะเจ้าตัวสะอื้นและคงเย็นอย่างเบามือกว่าก่อนหน้านี้“ผมหวง”ชายหนุ่มบอกสั้นๆ ไม่ช่วยให้เธอเข้าใจอะไร แล้วจูบหนักๆ บนหน้าผากเธอ จับให้ซบหน้ากับอกเขา“อยากฝากรอยบนตัวคุณทั้งตัว ตีตราจองให้ทุกคนรู้ว่าแก้มเป็นของผม”หญิงสาวเพียงแค่ฟังเงียบๆ ไม่พูดอะไร เธอยังไม่รู้สึกดีขึ้นสักนิด“หนาวไหม”เสียงเข้มอ่อนโยนขึ้นกุลนารีจึงพยักหน้ารับนิดๆ“เดี๋ยวผมไปเอาผ้าขนหนูมาให้
น้อยครั้งที่พศินจะเลิกงานตรงเวลา และวันนี้เข้าช้าทำให้งานร่นออกไปอีก ชายหนุ่มจึงโทรบอกน้องสาวว่าฝากให้บราลีกลับกับอีกฝ่าย เมื่อโทรบอกเจ้าตัวอีกฝ่ายก็งอแงบอกว่าพอมีแฟนแล้วก็ทิ้งตนเอง ทำเอาพศินหัวเราะในลำคอ‘ถ้าแบมมีแฟนแล้วยังอยากติดรถพี่ไปกลับอย่างนี้ทุกวันหรือเปล่า’ถามไปแบบนั้นอีกฝ่ายก็เงียบ เขารู้ว่าบราลีงอน แต่เจ้าตัวก็ต้องอยากมีเวลาส่วนตัว เมื่อโดนถามแทงใจดำจึงไม่ตอบสองทุ่มร่างสูงกำยำก็ออกจากห้องมา ยิ้มอ่อนโยนเมื่อเห็นเลขาคนสนิทเงยหน้าขึ้น“วันนี้กลับรถแก้มกันนะ”“แล้ว...แบมล่ะคะ คุณไม่ไปส่งก่อนเหรอ”“กลับไปกับวุ้นแล้ว”กุลนารีไม่ได้ซักต่อ พอเข้าใจได้ว่าเพราะชายหนุ่มเลิกงานช้า แทนที่บราลีจะต้องมารอพศินกลับกับพนิดาไปเลยย่อมง่ายกว่า ตอนสั่งอาหารเย็นมาให้เจ้านายช่วงหนึ่งทุ่มเธอถามว่าจะให้เผื่อบราลีหรือไม่ อีกฝ่ายก็บอกเพียงไม่ต้องสั้นๆ แม้จะสงสัยแต่ก็ทำตามคำสั่ง ส่วนตนก็อุ่นอาหารที่ซื้อตอนกลางวันแล้วใส่ตู้เย็นไว้กินพศินขับรถของกุลนารีพาทั้งคู่มาถึงคอนโดราวสามทุ่ม เป็นเวลาที่สามารถอาบน้ำเข้านอนได้เลย แต่แน่นอนว่าชายหนุ่มไม่ได้อยากนอน เขาดึงร่างบางเข้าหาอ้อมกอดตัวเองทันทีที่ก้าวเข้ามา