โรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ของธนัญการอยู่ที่ชลบุรี ซึ่งพศินไปตรวจเดือนละครั้งและกุลนารีไปด้วยเสมอหญิงสาวเดินตามฟังสิ่งที่ชายหนุ่มคุยกับผู้จัดการโรงงานแล้วจดไว้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เธอจดสิ่งสำคัญสั้นๆ และใช่มือถืออัดเอาไว้ด้วยเพื่อความไม่ตกหล่นฝนตกลงมาในตอนที่ยังอยู่ในโรงงานแต่เพราะได้เวลาต้องกลับแล้ว ไม่อย่างนั้นจะถึงกรุงเทพฯ ดึกเกินไปทั้งสองคนจึงต้องออกมา โดยผู้จัดการรีบจัดการหาร่มมาให้เมื่อเจ้านายแจ้งความประสงค์ว่าจะกลับ ทว่ามีเพียงคันเดียว“กุลนารีสะดวกไหม”พศินหันมาถามเธอ หญิงสาวจึงยิ้มบาง มีร่มก็ยังดีกว่าไม่มี“ไม่เป็นไรค่ะ ใหญ่พอที่จะกางได้สองคนอยู่”ผู้จัดการมองเธอด้วยสายตาเห็นใจ และเอ่ยขอโทษกับเจ้านายหนุ่ม เมื่อเห็นว่าเธอไม่มีปัญหาพศินจึงส่ายหน้าไม่คิดมาก ทว่าพอเขาจะเอื้อมมือไปหยิบมากาง เลขาสาวก็รีบจัดการให้“ดิฉันถือให้ดีกว่าค่ะ”พศินมองหน้าเธอชั่วอึดใจ สายตาคู่คมราวครุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้ายินยอมร่างบางพยายามก้าวตามร่างสูงกำยำให้ทันเมื่อออกมาข้างนอกและตรงไปยังรถซึ่งจอดอยู่ไกลพอสมควร แต่ก็พยายามระวังไม่ให้ตนเองไปถูกตัวเจ้านาย และคอยสังเกตเสมอว่าชายหนุ่มเปียกหรือไม่ สุดท้ายก็กลายเป
“แม่...”กุลนารีได้แต่เรียกแม่ตนเอง นึกไม่ถึงว่าท่านจะบอกกับเจ้านายของเธออย่างนี้“เกรงใจน่ะครับ ไม่รบกวนดีกว่า”“อุ๊ย รบกงรบกวนอะไรกันคะ แต่ห้องหับอาจจะคับแคบสักหน่อย ถ้าคุณจะพักนอนห้องยายแก้มก็ได้ค่ะ ให้เจ้าตัวเขามานอนกับพ่อแม่”คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวไม่แน่ใจนัก เหมือนไม่เห็นด้วยแต่ไม่อยากแย้งมารดาของเธอ“เดี๋ยวค่อยคิดก็ได้ค่ะ ตอนนี้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า ทั้งสองคนเลย แก้มไปเอาเสื้อผ้าพ่อมาให้คุณเขานะลูก”คุณดวงกมลหันมาบอกลูกสาว“ผมมีเสื้อผ้าติดรถอยู่ครับ”พศินมักจะมีเสื้อผ้าไว้ในรถด้วยเพราะบางครั้งเขาก็พักที่ทำงานหากเคลียร์งานจนดึกดื่นและล้าเกินกว่าจะขับรถ“ดิฉันไปเอาให้ค่ะ”คนเป็นเลขาขยับตัวจะไปจัดการทุกอย่างให้เจ้านายด้วยความเคยชิน ทว่าถูกจับข้อมือไว้ด้วยมือหนา ร่างบางถึงกับชะงักกึกหันมองชายหนุ่มตาโตที่เขาจับมือถือแขนเธอต่อหน้าแม่“ผมไปเอาเอง คุณไปอาบน้ำได้แล้ว”เปลือกตาบางกะพริบปริบๆ ราวทำตัวไม่ถูก แต่เมื่อถูกมองด้วยสายตาคู่คมดุซ้ำจึงตอบเสียงเบา“ค่ะ”“ให้คุณเขาอาบห้องน้ำหนูข้างบนนะลูก แก้มมาอาบข้างล่าง”“จ้ะแม่”เธอรับคำมารดาพร้อมกับที่พศินปล่อยมือ หญิงสาวเหลือบสบตากั
“อะไร ได้ยินแว่วๆ ใครผัวใครแม่ดวง”เสียงของบิดาเธอดังขึ้นตรงหน้าร้าน กุลนารีจึงละสายตาที่สบกับเจ้านายของตน วางถังน้ำกับไม้ถูลง ขณะที่คนมาใหม่ก็มองมายังเธอพอดี“หึ รู้จักบ้านตัวเองด้วยเหรอ”คำทักทายแรกของบิดาทำเอาแทบถอนหายใจระอา แต่ก็กลั้นเอาไว้แล้วยกมือไหว้แทน แต่สายตาของพ่อกลับสนใจคนที่ยืนด้านหลังเธอ“นั่นใครล่ะ หรือว่า...ที่พูดว่าผัวนี่ หมายถึงผัวนังแก้มเหรอแม่ดวง”พ่อเธอเอ่ยเสียงดัง ขณะที่คนเป็นลูกสาวสะดุ้งวาบ แต่แม่เธอยิ้มหวานถูกใจเสียอย่างนั้น“ไปมีผัวเป็นตัวเป็นตนตั้งแต่เมื่อไร แล้วเพิ่งจะพามาบ้านเนี่ยนะ”ยังไม่มีใครได้พูดอะไร คุณสรรชัยก็คิดเองเออเองแล้วก้าวเร็วๆ มาหาลูกสาว คุณดวงกมลนึกขึ้นมาได้ว่ากลุนารีอาจจะโดนทำร้ายจึงรีบตามมาขวาง“ว่าไง ทำไมเพิ่งพามาบ้าน”“ไม่ใช่นะพ่อ นี่เจ้า...”“เดี๋ยวนะ งั้นไอ้รถที่จอดหน้าบ้านนี่รถผัวแกสินะ คันใหญ่โตดีนี่หว่า”“ไม่ใช่พ่อ...”กุลนารียังพูดไม่จบ บิดาเธอก็สวนขึ้นตาวาว อารมณ์ดูขุ่น ไม่พอใจ“อย่ามาโกหกกันเสียให้ยาก เห็นแม่แกพูดปาวๆ ว่าผัว ถ้าไม่ใช่แล้วจะมาบ้านเราทำไมวะ พาผู้ชายที่ไม่ใช่ผัวเข้าบ้านมันใช่เรื่องเหรอนังแก้ม แกคิดว่าพ่อโง่หรือไง”เส
เข้ามาในห้องน้ำตาก็ร่วงพรูลงอาบแก้ม ทั้งที่ไม่ได้สะอึกสะอื้นเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มพาเธอมานั่งที่โซฟา ห้องของเธอมีโซฟาเล็กๆ นั่งได้สองคน โต๊ะทำงาน โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้ เตียง ตู้เย็นขนาดเล็ก เครื่องปรับอากาศ ทุกอย่างครบพร้อม หากมาบ้านกุลนารีจะใช้ชีวิตอยู่ในห้องตนเองเป็นส่วนใหญ่เพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับบิดานัก“เป็นยังไงบ้าง”พร้อมคำถามปลายนิ้วแกร่งก็แตะข้างแก้มเธอเบาแทบไม่รู้สึก หรืออาจเพราะเธอชาหน้าอยู่แล้ว“ชาค่ะ”เธอตอบตามตรงเสียงเบา แล้วก็รับรู้ได้ว่าเขาช่วยเช็ดน้ำตาให้ ดวงตาคู่สวยสบกับตาคู่คมที่ตอนนี้ไม่ดูดุเลยแม้แต่น้อย แล้วก็อยากร้องไห้มากขึ้น เป็นครั้งแรกที่พศินมองเธอด้วยแววตาอ่อนโยนอย่างนี้“คุณโดนแบบนี้บ่อยเหรอ”“ครั้งแรกค่ะ เคยเกือบจะโดนบ่อยๆ แต่แม่ห้ามไว้ทัน ครั้งนี้แม่เห็นว่ามีแขกอยู่ด้วย คงคิดไม่ถึง”กุลนารีพูดยาวราวเก็บกด แต่เธอขยับปากเพียงเล็กน้อย“เจ้านายไม่น่าบอกว่าจะให้เงินพ่อเลยค่ะ”“ใช้หนี้ไปแล้ว คงไม่มีอะไร”“หนี้น่ะมีตลอดแหละค่ะ ก็พ่อไปบ่อนทุกวัน”ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจยาว“ผมไม่ชอบที่เขาทำร้ายคุณ จะให้ยืนดูเฉยๆ ได้ยังไง”พศินบอกจากใจจริง เขาไม่ชอบเลยที่ต้องเห็นกุลนารีเ
“พักเสียที่นี่เถอะค่ะ”แม่ของเธอเอ่ยกับพศินอีกครั้งหลังมื้ออาหาร ซึ่งตอนนี้พ่อไปอาบน้ำแล้วอย่างสบายใจแล้วเพราะได้เงินจากชายหนุ่มเรียบร้อยตามที่เขาบอก กุลนารีทั้งขายหน้าทั้งอ่อนใจที่บิดาของเธอไม่คิดจะถามไถ่ชายหนุ่มสักคำว่าเป็นใครมาจากไหน แต่มีเงินก็พอใจแล้ว“ยังไงพ่อเขาก็เข้าใจผิดไปแล้ว ถ้าคุณไปพักโรงแรมคงสงสัย แล้วซักไซ้กับแก้มน่าดู”คุณดวงกมลอ้างสามี ค่อนข้างมองออกว่าเจ้านายของลูกสาวไม่ต้องการให้ลูกของท่านมีปัญหากับพ่อ หรือถูกทำร้ายเข้า ท่านแสดงออกชัดเจนว่าพอใจชายหนุ่มและเชื่อว่าเขาเองก็คงพอเดาได้ หนุ่มหล่อรวยใครไม่อยากได้เป็นลูกเขย แต่แม้ออกตัวแรงทว่าเรื่องแบบนี้อย่างไรก็อยู่ที่คนสองคน หากเขาไม่ร่วมมือด้วยก็คงไม่มีทางสำเร็จ“แม่...เกรงใจคุณพศิน”กุลนารีเองก็ใช่ว่าจะเห็นด้วยแต่คุณดวงกมลวางแผนจะเกลี้ยกล่อมไปเรื่อยๆ น้ำหยดทุกวันหินยังกร่อน ลูกสาวของท่านอาจใจเอนเอียงในสักวัน“ลูกเกรงใจเจ้านาย แต่จะให้ขับรถไปที่อื่นอีกมันก็ไม่ใช่เรื่องนะลูก...นะคะคุณ ขับรถคนเดียวแม่เป็นห่วง พักด้วยกันที่นี่แหละค่ะ”เลขาสาวมองเจ้านายของตนอย่างลำบากใจ จุดประสงค์ของมารดาออกชัดแจ้งอย่างนี้ เธอไม่รู้จะเอาหน้าไ
“เราเป็นคนรักกันจริงๆ”ใบหน้าสวยหวานชะงักกึก สบตาคู่คมเข้มอย่างค้นหา หากก็ไม่เห็นความแตกต่างจากเวลาปกติจึงรู้ว่าเขาเพียงพูดตามเนื้อผ้า หญิงสาวอดอารมณ์ขุ่นไม่ได้ รู้สึกราวโดนชายหนุ่มแกล้งล้อ ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นไปไม่ได้“เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วนี่คะ”เสียงหวานดูเหมือนกำลังงอนทำให้คิ้วเข้มกระตุกนิดๆ สังเกตสีหน้าของอีกฝ่ายเงียบๆ โดยไม่ออกความเห็นอะไรกับสิ่งที่หญิงสาวพูด ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งเบียดใกล้เจ้าของร่างบางจนเจ้าตัวต้องเอนกายขยับห่าง พอเขามองเธอก็รีบโบกมือสองข้างไปมา“เอ่อ ดิฉันไม่ได้รังเกียจเจ้านายนะคะ”“คุณแทนตัวเองว่าแก้มกับผมก็ได้นะ”กุลนารีกะพริบตาปริบๆ เมื่อเขาพูดไปเรื่องอื่น“มาคิดดูแล้วคุณพูดกับผมห่างเหินมากเลย เจ้านายอย่างนั้น ดิฉันอย่างนี้ ทั้งที่เราทำงานด้วยกันมาเกือบสิบปีได้แล้วมั้ง ถึงคุณจะเป็นผู้ช่วยอยู่สองปีก็เถอะ”ขณะที่ชายหนุ่มพูดกุลนารีก็ค่อยๆ ถอยออกไปนั่งไกลอีกหน่อย ซึ่งเป็นส่วนพื้น มือหนาจึงยื่นมาคว้าแขนเธอเอาไว้“ระยะห่างที่คุณเว้นช่องไว้มันมากไป ทำตัวสบายๆ เถอะ พูดแบบกันเองดีกว่า”“แต่ดิฉันพูดอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว”“ไม่ต้องรีบหรอก แล้วก็เรียกผมวีก็ได้ ไม่ต
เมื่อจูบซับกลีบปากสีน่ากินจนพอใจแล้ว ริมฝีปากได้รูปก็เม้มปากล่างของหญิงสาว ปลายลิ้นซอกซอนหาทางไปต่อ กระทั่งอีกฝ่ายยอมเผยอรับตามที่ต้องการชายหนุ่มก็เข้ารุกไล่ลิ้นเล็กราวช่วงชิงความได้เปรียบที่จะเป็นผู้นำทั้งที่กลุนารีไม่มีทางก้าวล้ำเขาได้อยู่แล้วพศินเรียกร้องทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ ลิ้นอุ่นดึงรั้งดื่มความหวานล้ำด้วยอดใจต่อแรงเร้าไม่ได้ ไม่คิดเลยว่าเลขาของตนจะให้ความรู้สึกหอมหวานถึงเพียงนี้ กลิ่นเนื้อสาวกับแป้งอ่อนๆ ล่อลวงเขาเต็มๆ เรือนกายที่เบียดชิดก็ทั้งนุ่มนิ่มเต่งตึง เลี่ยงไม่ได้เลยเมื่อใกล้กันอย่างนี้แล้วจะไม่โดนเนื้อตัว หากชายหนุ่มก็พยายามเก็บมือเก็บไม้ตัวเอง เขาเพียงแค่โอบประคองและสรรค์สร้างจูบแสนดูดดื่มเท่านั้น เพียงเท่านี้ก็รู้สึกได้ว่าร่างสาวแทบละลายอยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้วแม้นวลเนื้อกรุ่นอายละมุนจะเชิญชวนหากพศินก็ยังมีสติพอที่จะไม่ก้ำเกินกุลนารีมากไป กาลเทศะความเหมาะสมยังพอฉุดรั้งอารมณ์หนุ่มเอาไว้ได้ ทั้งที่ไม่อยากปล่อยปากหวานให้เป็นอิสระเลยก็ตาม“หวาน...”เสียงเขาพร่าแผ่ว ขณะดวงตาคมจ้องดวงหน้าสวยหวานที่หลับตาพริ้มเคลิบเคลิ้มในระยะใกล้ ภายในอกแกร่งระอุร้อนรู้สึกโหยหาต้องการอย่างไ
หลังจากโอนเงิน สองหนุ่มสาวก็ไหว้ลาผู้ใหญ่ทั้งสองคนแล้วขึ้นรถขับออกมา ชายหนุ่มได้แต่หวังว่าเจ้าตัวจะคิดได้ สงสารลูกและภรรยาบ้าง ขณะที่กุลนารีนั่งเงียบ สีหน้าไม่ดีนัก แล้วเอ่ยขึ้นเสียงเบาราวไม่อยากพูด“อีกสามหมื่น คุณวีไม่น่าให้พ่อง่ายๆ เลย ถ้าพ่อขอบ่อยๆ จะทำยังไงคะ แก้มจะเอาที่ไหนไปให้ทีละเยอะๆ แบบนั้น”“ผมก็ไม่คิดว่าพ่อคุณจะใจกล้าขนาดนี้”“บอกว่าหน้าด้านก็ค่ะ”เสียงถอนหายใจดังจากคนที่มุ่งมั่นกับการขับรถ“ยังไงท่านก็เป็นพ่อของคุณนะ ถึงจะโกรธก็อย่าพูดแบบนี้เลย บาปเปล่าๆ”ขอบตากุลนารีร้อนผ่าวกับคำเตือนของเจ้านาย ใช่ว่าเธอจะอยากว่าบุพการีแต่ก็เหลือทนจริงๆ“แก้มรู้ค่ะ แต่มันทั้งเสียใจเจ็บใจ หน้าชาไปหมด ถึงเจ้านายไม่ใช่คนรักของแก้ม แต่มันก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าถ้าแก้มพาคนรักมาหาจริงๆ เขาคงเตลิดหนีแน่ๆ”คิ้วเข้มกระตุก ตาคมเหลือบมองคนพูดแวบหนึ่ง สันกรามขยับเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจนักกับความคิดของหญิงสาว“แก้มโอนคืนให้นะคะ”พร้อมกับพูดกุลนารีก็หยิบมือถือในกระเป๋า ทว่าพศินเอ่ยบางอย่างขึ้นมาเสียก่อน“ผมไม่เอาเงินคุณหรอก”“แล้วจะเอา...”ใบหน้าสวยหวานหันไปถามด้วยความพาลหงุดหงิด แต่แล้วก็ชะงักเมื่อนึกขึ
เปิดตู้เสื้อผ้าที่ชายหนุ่มบอกว่าเป็นฝั่งของตนกุลนารีก็ต้องอึ้ง มีชุดนอนแขวนอยู่ราวตั้งใจให้เห็น เป็นชุดเครสสั้นสายเดี่ยวผ้าซาตินสีครีม ไม่แน่ใจว่าพศินเป็นคนจัดการหรือมารดาของเธอกับเขากันแน่ หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอ ไม่เคยใส่ชุดนอนแบบนี้ แต่เสื้อผ้าที่เธอเอาไปฮันนีมูนก็ใส่ครบแล้ว และตอนนี้ก็ซักเสร็จเรียบร้อยเธอเพิ่งอาบเสร็จ ใส่เสื้อคลุมของชายหนุ่มอยู่ โดยพศินบอกให้ใส่เสื้อผ้าของเขาแทนเหมือนครั้งก่อน แต่เธอก็รู้สึกแปลกๆ ขณะนี้ชายหนุ่มอาบน้ำจึงดูนั่นนี่ไปพลาง แล้วก็มาเจอกับชุดนี้ ปากอิ่มกัดเบาๆ ครุ่นคิด ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจด้านหลังของเจ้าของร่างบางที่ยืนทาครีมอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งทำเอาคนเพิ่งออกมาจากห้องน้ำชะงักกึก ใจร้อนรุมขึ้นมาทันควัน หากก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แล้วก้าวเข้าไปกอดอีกฝ่าย“ชุดคุณทำผมตื่นเต้นนะเนี่ย”เขาเอ่ยแซว ก่อนจะไล่จูบซอกคอหอมกับบ่าไหล่ขาวผ่องที่แทบจะไม่มีอะไรปกปิดอย่างรุกร้อน“อื้อ อย่าเพิ่งใจร้อนสิคะ”กุลนารีท้วงเบาๆ ทว่าคนเป็นสามีก็ยังแตะไล้เนื้อผิวเธอไม่หยุด ไม่เพียงเท่านั้น มือหนายังเคลื่อนมาหาอกอวบอย่างรวดเร็วอีกด้วย“โอ๊ะ ไม่ใส่เหรอ?”คำถามที่น้ำเสียง
รถตู้คันโตของบ้านพศินมารับทั้งสองคนที่สนามบินหลังกลับจากฮันนีมูน กุลนารีเผลอหลับไปเพราะรถค่อนข้างติด และรู้สึกตัวเมื่อชายหนุ่มปลุก ก้าวลงจากรถตามร่างสูงกำยำก็รู้สึกถึงความผิดปกติ“ที่ไหนคะ”หญิงสาวถามพศินพร้อมสีหน้างุนงง เมื่อเห็นลานจอดรถไม่คุ้นเคยชายหนุ่มยิ้มบาง มือหนาวางลงบนผมเธอแล้วโยกหัวเบาๆ ยื่นหน้ามากระซิบใกล้ๆ“คอนโดของเรา”“คอนโดเรา?”“ใช่ครับ”เขาตอบรับแล้วจับมือเธอให้เดินไปยังหลังรถที่คนขับรถยกกระเป๋าสองใบลงมาให้เรียบร้อยแล้ว“ขอบคุณครับลุงชิต”“ผมขนไปให้นะครับ”“ไม่เป็นไรครับ ที่เหลือผมกับแก้มจัดการได้ ว่าแต่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ”“ครับผม คุณดารนีกับแม่ของคุณหนูจัดการดูแลทั้งหมดด้วยตัวเองเลยครับ”ลุงชิตคนขับรถตอบแล้วยื่นคีย์การ์ดให้พศิน ชายหนุ่มขอบคุณอีกครั้งก่อนจะบอกให้กลับไปได้ ขณะที่กุลนารีได้แต่ยืนงงงันว่าเรื่องอะไรกันแน่“มีอะไรเหรอคะ”“ไปคุยกันที่ห้องดีกว่า”เธอเดินตามชายหนุ่มอย่างมึนๆ พศินจัดการกับกระเป๋าทั้งสองใบด้วยตัวเอง แม้เธอจะช่วยเขาก็ส่ายหน้ากระทั่งมาถึงหน้าห้องหนึ่งชายหนุ่มก็ให้คีย์การ์ดกับเธอ“เปิดเข้าไปสิ”กุลนารีรับมาเปิด พศินพยักพเยิดให้เธอเดิน
“ไหนให้แก้มเริ่มไงคะ”เสียงหวานพร่าเบาชิดปากเขา ดูเชิญชวนจนคนถูกต่อว่าต้องกลืนน้ำลาย ยากเหลือเกินที่จะยั้งตัวเองได้ในเมื่อทุกสัดส่วนบนเรือนกายสาวที่เขาเคยสัมผัสมางดงามเย้ายวนนัก แม้ยามหลับตาก็ยังตราตรึงอยู่ในหัว ยิ่งคิดถึงก็ยิ่งอยากจับร่างนวลลออกดลงมาด้านล่างแล้วล่วงล้ำโลดแรงเสียเดี๋ยวนี้ปากได้รูปเผยอเปิดรอโดยไม่พูดอะไร หากก็บ่งบอกชัดว่าเขาต้องการให้เธอต่อแล้ว กุลนารีผ่อนลมหายใจยาว รู้สึกคนตรงหน้าช่างยั่วเสียจริง เดี๋ยวเธอจะรุกให้เขาระทวยเลยคอยดูกุลนารีเข่นเขี้ยวก่อนแตะไล้ลิ้นตนบนกลีบปากกระด้าง ตั้งใจยั่วเย้าชายหนุ่มก่อนจะสอดแทรกพัวพันกับปลายลิ้นอุ่นอย่างนุ่มนวลอ่อนหวานซ่านใจ มือบางลูบคลำอกหนากับกล้ามท้องเป็นมัดตามความพอใจ โดยลืมไปว่าสิ่งที่ตนทำนั้นไม่ได้ทำให้เจ้าของร่างสูงอ่อนระทวยทว่ายิ่งแกร่งกล้าขึ้นเท่าทวีคูณมากกว่าหญิงสาวถอนจูบย้ายมาขบเม้มใบหูอีกฝ่ายเมื่อคิดว่าตนเองน่าจะลองทำอย่างอื่นบ้าง แม้ในอกจะวูบวาบ เนื้อตัวร้อนผ่าว ทว่าก็อยากเดินหน้าปลุกกายหนุ่มต่อให้สำเร็จปลายลิ้นเล็กที่เลียเบาๆ ที่หูทำเอาพศินถึงกับต้องขบกรามแน่น ทั้งเจ้าตัวยังเปลี่ยนมาไล้ซอกคอเขาสลับเม้มแผ่วเบา มือหนา
ร่างบางยืนริมระเบียงกอดอกมองฝนที่โปรยปรายด้านนอกแล้วก็อดลูบแขนตนเองเพราะอากาศค่อนข้างเย็นไม่ได้ แต่เธอก็ชอบมอง ธรรมชาติแห่งขุนเขารอบทิศทางยามฝนตกให้ความรู้สึกชุ่มฉ่ำใจ คนที่แทบไม่มีเวลาได้พบเห็นความงดงามที่ธรรมชาติรังสรรค์ยิ้มบางครู่หนึ่งร่างกายเธอก็ถูกโอบล้อมด้วยความอบอุ่นกับกลิ่นกรุ่นอันคุ้นเคย“อากาศเป็นใจดีจัง”เสียงทุ้มพึมพำ ใบหน้าขาวคมคายแนบแก้มกับเธอขณะวางคาง คมสันมาบนบ่า“คุณวีก็”เธอเพียงท้วงเบาๆ อย่างเขินอายที่ชายหนุ่มวกเข้ามาเรื่องนี้อีกแล้วนับแต่คืนวันแต่งงานพศินไม่เคยปล่อยให้เธอนอนนิ่งๆ จนหลับไปเลยสักคืน ทั้งสองคนแต่งงานเมื่อสองอาทิตย์ก่อนทว่าเพิ่งมีเวลามาฮันนีมูน ซึ่งจริงๆ แล้วชายหนุ่มกับกุลนารีไม่เห็นว่าจำเป็นอะไร แต่บิดามารดาของทั้งสองฝ่ายอยากให้ใช้เวลาส่วนตัวด้วยกัน ทั้งคู่จึงพยายามเคลียร์งานและจองที่พักเป็นจังหวัดทางภาคเหนือ ช่วงปลายฝนเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูหนาว อากาศกำลังดี และกุลนารีโตที่ชลบุรี เธอได้เห็นทะเลบ่อยครั้งทว่ายังไม่เคยเที่ยวทางเหนือ พศินจึงตามใจ โดยมีญาดาช่วยเธอหาที่พักแสนโรแมนติกเหมาะกับคู่รัก‘บ่นว่าตัวเองไม่มีแฟนสักที สุดท้ายแต่งก่อนพริกอีกนะ’อีกฝ่ายแซ
“อะไรของแก”พ่อเธอสวนขึ้น ท่าทางไม่พอใจแต่มารดาจับแขนท่านแล้วพยักหน้าเล็กน้อย เห็นชัดว่าพ่อหงุดหงิด แต่กุลนารีลุกขึ้นก่อนแล้วเดินนำขึ้นไปชั้นบนเพราะคุยส่วนร้านด้านหน้าก็ต้องได้ยิน บิดายอมเดินตามเธอมาจนถึงชั้นสามซึ่งเป็นห้องของเธอ เป็นพื้นที่ที่กุลนารีคิดว่าน่าจะปลอดภัยเสียงไม่เล็ดลอดไปถึงแขก“แกมาขัดฉันทำไมห๊ะนังแก้ม แกก็เห็นว่าทางนั้นเขากำลังจะตกลงอยู่แล้ว”คุณสรรชัยเอ่ยเสียงเข้มทันทีที่ภรรยาของตนประตูปิดลง“มันมากไป พ่อเกรงใจบ้านคุณวีบ้างสิ แล้วก็พ่อไม่น่าพูดแบบนั้นเลย เรื่องแก้มกับเขามันต่างคนต่างเต็มใจ พ่อไปพูดเหมือนคุณวีล่วงเกินแก้มแบบนั้นได้ยังไง”เธอใส่เป็นชุด โมโหจนเสียงสั่นไปหมด“แกชักเอาใหญ่แล้วนะ ยังไงฉันก็เป็นพ่อแก ฉันมีสิทธิ์จะเรียกสินสอดแกเท่าไรก็ได้”“ไหนพ่อบอกว่าไม่ขายลูกกินไง แล้วนี่มันอะไร ถ้าพ่อเรียกขนาดนี้แก้มจะไม่แต่ง แก้มจะไปอยู่กับคุณวีเลย ไม่ต้องมีงานแต่ง สินสอดทองหมั้นอะไรทั้งนั้น”“นังแก้ม!”ร่างหนาของคุณสรรชัยพรวดเข้ามาหาลูกสาว ขณะที่หญิงสาวยืนนิ่งเชิดหน้าเข้าหา พร้อมรับมือเต็มที่ไม่ว่าจะเจอกับอะไร แต่คุณดวงกมลเข้ามาขวางสามีเอาไว้“อย่าพ่อ พ่อสัญญากับคุณวีเขา
‘แอบเก็บเงียบเลยนะคุณเลขา’ญาดาตัดพ้อมาตามสาย หากก็ไม่ได้ดูโกรธขึ้งวันนี้พศินกลับบ้านของเขา ชายหนุ่มบอกว่าจะไปคุยกับบิดามารดาเรื่องไปคุยกับที่บ้านเธอ ดูเหมือนเขาอยากไปภายในไม่กี่วันนี้ กุลนารียังกังวลว่าทางด้านครอบครัวของชายหนุ่มจะเห็นด้วยหรือไม่ กลัวกับสิ่งที่จะตามมาเมื่อครอบครัวของเขาไปเจอกับครอบครัวเธอ แต่ในใจส่วนลึกเธอมีความสุขกับคำขอแต่งงานจากพศิน“มันเกิดขึ้นเร็วน่ะ แก้มก็ตั้งตัวไม่ติดเหมือนกัน”เธอบอกไปตามตรง เพราะตัวเองก็ยังสับสนกับความสัมพันธ์ที่แปรเปลี่ยนกะทันหันอยู่‘นึกว่าแอบคบกันมานานแล้วเสียอีก’เพื่อนสาวพึมพำราวไม่น่าเชื่อ“เรียกว่าแอบมองล่ะมั้ง แก้มพยายามไม่คิดอะไรกับเจ้านาย แล้วก็คิดว่าตัวเองทำได้มาตลอด แต่มาถึงจุดนึงกลับรู้ว่าไม่ใช่”หากเป็นคนอื่นเธอคงไม่พูดสิ่งที่อยู่ในใจอย่างละเอียด แต่เพราะเป็นญาดา และเรื่องก็มาถึงขั้นที่อาจจะลงเอยด้วยการแต่งงานซึ่งหากเกิดขึ้นจริงเธอก็อยากให้อีกฝ่ายรู้เป็นคนแรก เป็นเพื่อนเจ้าสาวกุลนารีมีฝันหวานๆ เรื่องความรักและการแต่งงานตามประสาผู้หญิงทั่วไป แต่เพราะเธอต้องเลือกครอบครัวก่อน แม้จะอยากได้รับความรักจากใครสักคนมาตลอด ทดแทนทางบ้านที่
กุลนารีสบตาเพื่อนแววตาขอร้องเมื่อญาดาเข้ามาในห้องน้ำของเจ้านายหนุ่มด้วย ยังไม่อยากให้อีกฝ่ายซักถามอะไรให้มากความ“แก้มมีอะไรเหรอ คุณพศินบอกให้พริกเข้ามาคุยกับแก้มเอง”เพื่อนสาวถามเสียงเบา ดูจากสายตาแล้วเจ้าตัวเหมือนจะไม่อยากเชื่อและไม่อยากคิดลึก“เอ่อ คือ...พริกไปซื้อชุดชั้นในใหม่ให้แก้มหน่อยนะ”เธอกระซิบบอก ตอนนี้ร่างบางสวมเสื้อกับกระโปรงเสร็จแล้ว แต่ก็ยังสวมชุดคลุมอาบน้ำของชายหนุ่มทับอีกทีสายตาของญาดาล่อกแล่ก ทว่าก็พยักหน้ารับ สองสาวมองกันและกันนิ่งครู่หนึ่งก่อนที่อีกฝ่ายจะยื่นมือมาจับมือเธอ มืออีกข้างลูบเบาๆ ราวกับปลอบใจ คงเห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของเธอ“พริกจะรีบกลับมานะจ๊ะ”เพื่อนสาวไปแล้วกุลนารีก็ผ่อนลมหายใจออกมายาว คงต้องได้คุยกันอย่างจริงจังหลังจากนี้กับญาดาแน่นอน“แก้มออกมานั่งที่โซฟาเถอะ”พศินเดินมาเคาะประตูเบาๆ พร้อมบอกโดยไม่ได้เปิดเข้ามา แม้จะแง้มไว้เล็กน้อยเนื่องจากญาดาเพิ่งไปก็ตามในนี้ทั้งเย็นทั้งชื้นทำให้ไม่สบายได้ง่าย กุลนารีจึงยอมก้าวออกไปข้างนอก“อุ่นหรือเปล่า ใส่สูทของผมอีกตัวไหม”เสียงทุ้มถามอย่างห่วงใยพร้อมกับหยิบสูทของเขาส่งให้“ไม่เป็นไรค่ะ”“ห่มเอาไว้ดีกว่า”บ
“ผมรักคุณ”พศินสวนขึ้นเสียงเข้ม ใบหน้าขาวคมคายเงยขึ้นมาสบตากับเธอไม่ห่างนัก ลมหายใจของเขาค่อนข้างหนัก บ่งบอกถึงอารมณ์เข้มข้นภายใน“รัก? คนรักกันเขาทำป่าเถื่อนแบบนี้เหรอคะ”กุลนารีถามด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด“คุณทำให้แก้มรู้สึกเหมือนคุณไม่ได้รักแก้มเลย เมื่อไม่รักก็ไม่จำเป็นต้องทะนุถนอม จะทำร้ายร่างกายหรือความรู้สึกยังไงก็ได้”ดวงหน้าผุดผ่องเต็มไปด้วยคราบน้ำตากับแววตาสุดแสนเสียใจ ต่อว่าต่อขานยืดยาวทว่ากระท่อนกระท่อนเพราะเจ้าตัวร้องไห้ด้วย คนกระทำเสียใจไม่น้อย เขามีสติและตั้งใจทำแบบนี้ ทนไม่ได้จริงๆ ที่เห็นกุลนารีเดินเบียดชิดตัวติดกับผู้ชายคนอื่น อยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายคนอื่นพศินดึงคนที่ร้องไห้อย่างน่าสงสารเข้ามาแนบอกตน ลูบไหล่บางที่สั่นเพราะเจ้าตัวสะอื้นและคงเย็นอย่างเบามือกว่าก่อนหน้านี้“ผมหวง”ชายหนุ่มบอกสั้นๆ ไม่ช่วยให้เธอเข้าใจอะไร แล้วจูบหนักๆ บนหน้าผากเธอ จับให้ซบหน้ากับอกเขา“อยากฝากรอยบนตัวคุณทั้งตัว ตีตราจองให้ทุกคนรู้ว่าแก้มเป็นของผม”หญิงสาวเพียงแค่ฟังเงียบๆ ไม่พูดอะไร เธอยังไม่รู้สึกดีขึ้นสักนิด“หนาวไหม”เสียงเข้มอ่อนโยนขึ้นกุลนารีจึงพยักหน้ารับนิดๆ“เดี๋ยวผมไปเอาผ้าขนหนูมาให้
น้อยครั้งที่พศินจะเลิกงานตรงเวลา และวันนี้เข้าช้าทำให้งานร่นออกไปอีก ชายหนุ่มจึงโทรบอกน้องสาวว่าฝากให้บราลีกลับกับอีกฝ่าย เมื่อโทรบอกเจ้าตัวอีกฝ่ายก็งอแงบอกว่าพอมีแฟนแล้วก็ทิ้งตนเอง ทำเอาพศินหัวเราะในลำคอ‘ถ้าแบมมีแฟนแล้วยังอยากติดรถพี่ไปกลับอย่างนี้ทุกวันหรือเปล่า’ถามไปแบบนั้นอีกฝ่ายก็เงียบ เขารู้ว่าบราลีงอน แต่เจ้าตัวก็ต้องอยากมีเวลาส่วนตัว เมื่อโดนถามแทงใจดำจึงไม่ตอบสองทุ่มร่างสูงกำยำก็ออกจากห้องมา ยิ้มอ่อนโยนเมื่อเห็นเลขาคนสนิทเงยหน้าขึ้น“วันนี้กลับรถแก้มกันนะ”“แล้ว...แบมล่ะคะ คุณไม่ไปส่งก่อนเหรอ”“กลับไปกับวุ้นแล้ว”กุลนารีไม่ได้ซักต่อ พอเข้าใจได้ว่าเพราะชายหนุ่มเลิกงานช้า แทนที่บราลีจะต้องมารอพศินกลับกับพนิดาไปเลยย่อมง่ายกว่า ตอนสั่งอาหารเย็นมาให้เจ้านายช่วงหนึ่งทุ่มเธอถามว่าจะให้เผื่อบราลีหรือไม่ อีกฝ่ายก็บอกเพียงไม่ต้องสั้นๆ แม้จะสงสัยแต่ก็ทำตามคำสั่ง ส่วนตนก็อุ่นอาหารที่ซื้อตอนกลางวันแล้วใส่ตู้เย็นไว้กินพศินขับรถของกุลนารีพาทั้งคู่มาถึงคอนโดราวสามทุ่ม เป็นเวลาที่สามารถอาบน้ำเข้านอนได้เลย แต่แน่นอนว่าชายหนุ่มไม่ได้อยากนอน เขาดึงร่างบางเข้าหาอ้อมกอดตัวเองทันทีที่ก้าวเข้ามา