ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านนอกสูดลมหายใจลึกเพื่อเรียกความมั่นใจและบอกกับตัวเองว่าทำได้อยู่แล้ว งานนี้ไม่ได้ยากเกินความสามารถ แค่ดูแลคนคนเดียวเท่านั้น คิดถึงเงินค่าจ้างเข้าไว้จะได้มีกำลังใจทำงาน เพื่อความฝัน เพื่อโลกกว้างคนอย่างต้องดาวเหนือทำให้ได้
“ยังไม่เข้าไปอีกเหรอ” เจ้าของเสียงห้าวที่เดินมาทีหลังเอ่ยขึ้น
“โอ๊ย…อาตกใจหมด กำลังจะเข้าไปนี่ล่ะ” คนยืนอยู่ก่อนหันไปตามเสียง
“งั้นก็เข้าไปได้แล้ว ป่านนี้ตะวันน่าจะแต่งตัวอยู่”
“อย่าลืมที่เราตกลงกันไว้นะอา” หันไปบอกย้ำกับคนเป็นอาอีกรอบ
“รู้แล้วน่า มึงเองก็อย่าไปโป๊ะใส่ตะวันแล้วกัน หมอนั่นไม่ใช่คนโง่ อาเตือนไว้ก่อน”
“รับทราบครับ” คนเป็นหลานลากเสียงรับคำยาวก่อนจะเคาะประตูห้องแล้วเปิดประตูเข้าไปด้านใน
คนอยู่ด้านในห้องไปมองแล้วทักทายผู้จัดการส่วนตัว ก่อนจะมองไปที่คนแปลกหน้าอีกรอบ
“คนที่จะมาดูแลตะวันต่อจากพี่”
“คนนี้น่ะเหรอ” เจ้าของชื่อมองคนแปลกหน้านิ่งแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ
“คนนี้ล่ะ หมอนี่ชื่อดาวเหนือนะ ส่วนนี่ตะวัน ทำความรู้จักกันไว้ล่ะ พวกนายสองคนน่าจะเข้ากันได้ดี” ฟ้าครามแนะนำให้คนทั้งคู่รู้จักกัน
ก่อนหน้านี้หนึ่งอาทิตย์ตนเองได้แจ้งข่าวกับอคิราไปแล้วว่าตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไปจะมีผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่มาดูแล ส่วนตนเองนั้นต้องไปดูแลนักแสดงในสังกัดที่เพิ่งเซ็นสัญญาเข้ามา
“กูบอกงานที่ไอ้เหนือต้องทำไปคร่าวๆ แล้ว ถ้าอยากได้อะไรหรือจะเอาอะไรก็บอกกับเหนือได้เลย”
“แล้วพี่จะไปไหนหรือว่าพอได้คนใหม่ก็จะถีบหัวผมส่งเลย ใช่สิ...ผมมันหมาหัวเน่าแล้ว” ชายหนุ่มแกล้งบอกด้วยน้ำเสียงตัดพ้อแม้จะใจหายอยู่บ้างที่ต้องเปลี่ยนผู้จัดการแต่ก็พอเข้าใจได้
“เดี๋ยวจะโดน” ฟ้าครามแกล้งยกเท้าขึ้นมาจะถีบคนที่ตัวเองดูแลมาเกือบๆ สามปี ถ้าเลือกได้ใช่ว่าเขาจะอยากไปดูแลดาราในสังกัดคนใหม่ ทว่าเมื่อผู้ใหญ่สั่งมาตนเองก็ปฏิเสธไม่ได้
“กล้าทำร้ายสมบัติล้ำค่าของบริษัทเหรอ” ชายหนุ่มตอบกลับอย่างไม่กลัว
“น่าลองสักทีเหมือนกัน” แต่ก่อนที่ฟ้าครามจะทำร้ายสมบัติของบริษัททีมงานก็เข้ามาตามอคิราเสียก่อนเพราะใกล้ได้เวลาขึ้นเวทีแล้ว “ไปไอ้เหนือ ไปดูว่าต้องทำอะไรบ้าง” ฟ้าครามหันไปบอกหลานชายที่จะมารับหน้าที่ต่อจากตัวเอง เขายังมีเวลาสอนงานดาวเหนืออีกเกือบๆ สามอาทิตย์
ดาวเหนือเดินตามฟ้าครามไปเงียบๆ ส่วนอคิราหรือตะวันเดินไปพร้อมกับทีมงานที่เข้ามาตามเมื่อครู่แล้ว ทุกอย่างใหม่สำหรับตนเองไปหมดแต่ก็เชื่อว่าน่าจะทำได้ ไม่มีใครทำอะไรเป็นตั้งแต่เกิดถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ ท่องไว้ไอ้เหนือถ้าอยากออกไปแตะขอบฟ้าก็ต้องพยายาม
เมื่อเข้ามาด้านในสตูดิโอที่จะถ่าย ฟ้าครามก็เข้าไปทักทายทีมงานอย่างสนิทสนม จากนั้นจึงแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับดาวเหนือที่จะมาเป็นผู้จัดการคนใหม่ของอคิรา
“ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับพี่ๆ” ดาวเหนือยกมือไหว้ทีมงานพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
“หล่อก็หล่อยิ้มก็สวยแบบนี้พี่ว่ามาเป็นดาราแทนผู้จัดการส่วนตัวดีกว่ามั้ง ครามทำไมไม่ดันน้องให้เป็นดาราบ้างล่ะ” ทีมงานที่สนิทกับฟ้าครามหันไปถาม
จากประสบการณ์ที่ทำงานมาหลายปีตนเองเชื่อว่าคนตรงหน้าสามารถดังได้ไม่ยากเพราะชายหนุ่มเป็นสเปกสาวๆ สมัยนี้ ผิวขาว สูงยาวเข่าดี คิ้วเข้มที่รับกับริมฝีปากได้รูปอย่างพอดิบพอดีและยิ่งเห็นดาวเหนือยิ้มทีก็ทำให้สาวๆ แทบละลาย
“ให้มันไปปีนเขาหรือเดินป่าน่าจะง่ายกว่า”
“อันนั้นก็พูดเกิ๊น” ทีมงานบอกเสียงสูง “ถ้าอยากเป็นดาราบอกเจ๊ได้นะเดี๋ยวเจ๊ฝากให้”
“ไม่ดีกว่าครับ” ดาวเหนือปฏิเสธทันที
“เห็นไหมบอกแล้ว” เขาเป็นอาแท้ๆ ของดาวเหนือทำไมจะไม่รู้ นี่ถ้าหลานชายอยากเข้าวงการป่านนี้คงดังพอๆ กับอคิราไปแล้ว “ไอ้เหนือไปคอยดูตะวันตรงนู้นไป”
“ครับ”
ดาวเหนือมองอคิราที่อยู่บนเวทีตอนนี้ชายหนุ่มกำลังเช็กซาวน์และวอร์มเสียงก่อนจะเริ่มถ่ายทำจริง รายการวันนี้เป็นรายการเพลงชื่อดัง ซึ่งชายหนุ่มจะมาโปรโมตเพลงใหม่ หลังเสร็จจากที่นี่ช่วงเย็นก็จะมีไปสัมภาษณ์คลื่นวิทยุอีกที่หนึ่ง ซึ่งตนเองก็ต้องตามไปด้วย เรียกว่าการเป็นผู้จัดการส่วนตัวของดารานักร้องสักคนก็เหมือนเป็นเงาของคนนั้นเพราะต้องติดตามดูแลจนกระทั่งส่งถึงบ้าน
ทันทีที่เสียงทุ่มต่ำร้องเพลงออกมาคนที่ยืนอยู่ด้านล่างก็มองนิ่ง เขาเพิ่งเคยได้ยินอคิราร้องเพลงสดๆ เป็นครั้งแรก น้ำเสียงของคนบนเวลาราวกับมีเวทย์มนตร์สะกดให้คนฟังหยุดนิ่งและเข้าไปในโลกของชายหนุ่มอย่างไม่รู้ตัว
ดาวเหนือเริ่มไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมอคิราถึงมีแฟนคลับติดตามมากมายขนาดนี้ ถ้าจะพูดถึงรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาราวกับเป็นลูกรักอันดับหนึ่งของพระเจ้าก็ส่วนหนึ่ง ขนาดชายหนุ่มยืนหายใจเฉยๆ ยังดูดีเลย ไหนจะกรอบหน้าที่ชัดเจน ทำให้เขาดูโดดเด่นขึ้นมา ผิวพรรณก็ขาวเหมือนคนอาบน้ำวันละยี่สิบครั้ง อีกทั้งความสูงที่คาดคะเนจากสายตาแล้วว่าน่าจะสูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรได้ อคิราน่าจะสูงกว่าตนเองสักห้าถึงเจ็ดเซนติเมตรและสิ่งที่ดึงดูดตาและชวนมองที่สุดคงจะเป็นริมปากกับดวงตาคู่นั้น สมควรแล้วที่พระอาทิตย์ดวงนี้จะเป็นสมบัติล้ำค่าของบริษัทเพราะแสงสว่างของเขาเจิดจ้าไปไกลถึงระดับโลก
ผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่จึงอดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพชายหนุ่มที่อยู่ในความดูแลสักสามสี่ภาพตามประสาคนชอบถ่าย ถ้าได้อคิราเป็นนายแบบให้คงจะดีมากๆ
เสียงนาฬิกาปลุกทำให้คนที่เพิ่งได้นอนไปไม่ถึงห้าชั่วโมงต้องขยับตัวลุกขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ แม้ว่าจะอยากนอนให้นานกว่านี้อีกนิดแต่ก็ทำไม่ได้เพราะวันนี้คนที่อยู่ในความดูแลมีเรียนเช้าและต้องไปให้ทันไม่อย่างนั้นจะถูกหักคะแนนเอาได้นับวันดาวเหนือคิดว่าเขาเหมือนมีลูกเล็กที่ต้องดูแลทุกอย่าง ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือผิดที่เห็นแก่เงินก้อนโตนั่น แต่อย่างน้อยๆ ก็ถือว่าเป็นเงินที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองเวลาเอาไปใช้ทำตามความฝันจะได้ภูมิใจ พอคิดได้แบบนี้ดาวเหนือก็มีกำลังใจในการทำงานต่อ ชายหนุ่มลุกขึ้นไปอาบน้ำแปรงฟังก่อนจะลงไปอีกชั้นของคอนโดมีเนียม ดาวเหมือนมองประตูห้องตรงหน้าก่อนจะกดรหัสผ่านเข้าไปราวกับเป็นเจ้าของห้องเสียเอง ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะได้เข้ามาในนี้หรือเปล่า เพราะเจ้าของห้องหลับลึกจนเขานึกว่าซ้อมตายทุกวัน “มึงตื่นได้แล้ว เดี๋ยวสาย” คนเข้ามาใหม่เปิดประตูห้องนอนเข้ามาพร้อมกับเรียกเสียงดัง “มึง” เงียบ... ไร้สัญญาณตอบรับเหมือนเคย “ไอ้ตะวันตื่นได้แล้ว” คราวนี้ดาวเหนือเริ่มดึงผ้าห่มที่คลุมทั้งตัวออก
วันนี้ดาวเหนือและอคิราต้องเข้าบริษัทเพื่อประชุมเรื่องคอนเสิร์ตใหญ่ที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ และมาเตรียมความพร้อมสำหรับบินไปต่างประเทศในวันมะรืน “มึงจะลงตรงนี้หรือว่าไปขึ้นลิฟต์ข้างหลัง” ดาวเหนือถามเมื่อมาถึงหน้าตึก ปกติแล้วจะมีเหล่าบรรดาแฟนคลับมาดักรอศิลปินในค่ายแถวหน้าตึกเสมอ “จอดตรงนี้ก็ได้” อคิราบอกก่อนจะเปิดประตูรถลงไปขึ้นลิฟต์ด้านหน้าทันทีที่ชายหนุ่มปรากฏตัวเหล่าบรรดาแฟนคลับก็รีบเดินมาถ่ายรูปและทักทายด้วยความดีใจ ซึ่งเขาก็ส่งยิ้มกว้างไปให้เป็นการตอบแทนเช่นกัน เขาไม่รู้ว่าทุกคนมารอนานเท่าไรแล้ว บางคนอาจจะเข้ามาทุกวันเมื่อมีเวลาว่าง บางคนอาจจะแวะมาซื้อของออฟฟิเชียลที่วางขายอยู่ในตึก แต่ทุกคนน่าจะคาดหวังว่าจะได้เจอศิลปินคนโปรด นั่นไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงที่จะลงมาให้คนที่คอยซับพอร์ตนเองได้เจอ เพราะหากไม่มีทุกคนก็ไม่มีเขาในวันนี้เช่นกัน นักร้องหนุ่มใช้เวลาอยู่ราวๆ ครึ่งชั่วโมงก็ขอตัวเพราะใกล้ถึงเวลานัด “พี่ครามสวัสดีครับ” อริคาทักทายคนที่ยืนรอลิฟต์อยู่ก่อนหน้าและอดไม่ได้ที่จะมองคนไม่คุ้นตาอีกคน “เป็นยังไ
วันนี้ดาวเหนือและอคิราต้องเข้าบริษัทเพื่อประชุมเรื่องคอนเสิร์ตใหญ่ที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ และมาเตรียมความพร้อมสำหรับบินไปต่างประเทศในวันมะรืน “มึงจะลงตรงนี้หรือว่าไปขึ้นลิฟต์ข้างหลัง” ดาวเหนือถามเมื่อมาถึงหน้าตึก ปกติแล้วจะมีเหล่าบรรดาแฟนคลับมาดักรอศิลปินในค่ายแถวหน้าตึกเสมอ “จอดตรงนี้ก็ได้” อคิราบอกก่อนจะเปิดประตูรถลงไปขึ้นลิฟต์ด้านหน้าทันทีที่ชายหนุ่มปรากฏตัวเหล่าบรรดาแฟนคลับก็รีบเดินมาถ่ายรูปและทักทายด้วยความดีใจ ซึ่งเขาก็ส่งยิ้มกว้างไปให้เป็นการตอบแทนเช่นกัน เขาไม่รู้ว่าทุกคนมารอนานเท่าไรแล้ว บางคนอาจจะเข้ามาทุกวันเมื่อมีเวลาว่าง บางคนอาจจะแวะมาซื้อของออฟฟิเชียลที่วางขายอยู่ในตึก แต่ทุกคนน่าจะคาดหวังว่าจะได้เจอศิลปินคนโปรด นั่นไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงที่จะลงมาให้คนที่คอยซับพอร์ตนเองได้เจอ เพราะหากไม่มีทุกคนก็ไม่มีเขาในวันนี้เช่นกัน นักร้องหนุ่มใช้เวลาอยู่ราวๆ ครึ่งชั่วโมงก็ขอตัวเพราะใกล้ถึงเวลานัด “พี่ครามสวัสดีครับ” อริคาทักทายคนที่ยืนรอลิฟต์อยู่ก่อนหน้าและอดไม่ได้ที่จะมองคนไม่คุ้นตาอีกคน “เป็นยังไ
เสียงนาฬิกาปลุกทำให้คนที่เพิ่งได้นอนไปไม่ถึงห้าชั่วโมงต้องขยับตัวลุกขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ แม้ว่าจะอยากนอนให้นานกว่านี้อีกนิดแต่ก็ทำไม่ได้เพราะวันนี้คนที่อยู่ในความดูแลมีเรียนเช้าและต้องไปให้ทันไม่อย่างนั้นจะถูกหักคะแนนเอาได้นับวันดาวเหนือคิดว่าเขาเหมือนมีลูกเล็กที่ต้องดูแลทุกอย่าง ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือผิดที่เห็นแก่เงินก้อนโตนั่น แต่อย่างน้อยๆ ก็ถือว่าเป็นเงินที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองเวลาเอาไปใช้ทำตามความฝันจะได้ภูมิใจ พอคิดได้แบบนี้ดาวเหนือก็มีกำลังใจในการทำงานต่อ ชายหนุ่มลุกขึ้นไปอาบน้ำแปรงฟังก่อนจะลงไปอีกชั้นของคอนโดมีเนียม ดาวเหมือนมองประตูห้องตรงหน้าก่อนจะกดรหัสผ่านเข้าไปราวกับเป็นเจ้าของห้องเสียเอง ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะได้เข้ามาในนี้หรือเปล่า เพราะเจ้าของห้องหลับลึกจนเขานึกว่าซ้อมตายทุกวัน “มึงตื่นได้แล้ว เดี๋ยวสาย” คนเข้ามาใหม่เปิดประตูห้องนอนเข้ามาพร้อมกับเรียกเสียงดัง “มึง” เงียบ... ไร้สัญญาณตอบรับเหมือนเคย “ไอ้ตะวันตื่นได้แล้ว” คราวนี้ดาวเหนือเริ่มดึงผ้าห่มที่คลุมทั้งตัวออก
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านนอกสูดลมหายใจลึกเพื่อเรียกความมั่นใจและบอกกับตัวเองว่าทำได้อยู่แล้ว งานนี้ไม่ได้ยากเกินความสามารถ แค่ดูแลคนคนเดียวเท่านั้น คิดถึงเงินค่าจ้างเข้าไว้จะได้มีกำลังใจทำงาน เพื่อความฝัน เพื่อโลกกว้างคนอย่างต้องดาวเหนือทำให้ได้“ยังไม่เข้าไปอีกเหรอ” เจ้าของเสียงห้าวที่เดินมาทีหลังเอ่ยขึ้น“โอ๊ย…อาตกใจหมด กำลังจะเข้าไปนี่ล่ะ” คนยืนอยู่ก่อนหันไปตามเสียง“งั้นก็เข้าไปได้แล้ว ป่านนี้ตะวันน่าจะแต่งตัวอยู่”“อย่าลืมที่เราตกลงกันไว้นะอา” หันไปบอกย้ำกับคนเป็นอาอีกรอบ“รู้แล้วน่า มึงเองก็อย่าไปโป๊ะใส่ตะวันแล้วกัน หมอนั่นไม่ใช่คนโง่ อาเตือนไว้ก่อน”“รับทราบครับ” คนเป็นหลานลากเสียงรับคำยาวก่อนจะเคาะประตูห้องแล้วเปิดประตูเข้าไปด้านในคนอยู่ด้านในห้องไปมองแล้วทักทายผู้จัดการส่วนตัว ก่อนจะมองไปที่คนแปลกหน้าอีกรอบ“คนที่จะมาดูแลตะวันต่อจากพี่”“คนนี้น่ะเหรอ” เจ้าของชื่อมองคนแปลกหน้านิ่งแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ“คนนี้ล่ะ หมอนี่ชื่อดาวเหนือนะ ส่วนนี่ตะวัน ทำความรู้จักกันไว้ล่ะ พวกนายสองคนน่าจะเข้ากันได้ดี” ฟ้าครามแนะนำให้คนทั้งคู่รู้จักกันก่อนหน้านี้หนึ่งอาทิตย์ตนเองได้แจ้งข่าวกับอคิราไปแล