การสอบชิงทุน E ใกล้เข้ามาแล้วเหลือเวลาเพียงอีกไม่กี่สัปดาห์ให้มนันย์ได้ทบทวนเนื้อหาทั้งหมดก่อนจะเข้าสอบ ทุนนี้เป็นทุนที่โอเมก้ายากไร้ต่างใฝ่ฝัน มันเสมือนเป็นใบเบิกทางที่จะการันตีว่าผู้ที่สอบได้ทุนนี้ หากสำเร็จเล่าเรียนออกมามีงานรองรับแน่นอน และที่สำคัญคงจะเป็นการได้ร่ำเรียนในประเทศโลกที่ 1 ที่ค่าครองชีพแพงหูฉี่ อีกทั้งเป็นการเปิดโลกกว้างของตัวเอง มนันย์จึงคาดหวังไว้เอาไว้สูง และสมัครลงศูนย์สอบในตัวเมือง แต่ก็ไม่รู้ว่ากว่าจะถึงเวลานั้นจะมีเวลาปลีกตัวไปสอบหรือไม่ เพราะระยะเวลาการสอบมีทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย อีกทั้งช่วงนี้คุณชัชดูเหมือนจะเรียกใช้เขาบ่อยกว่าปกติและดูเหมือนว่าจะมีชีวิตชีวามากกว่าแต่ก่อน“ป้ามะลิทำไมวันนี้เตรียมของเยอะจังเลยล่ะครับ” มนันย์อดสงสัยไม่ได้เพราะข้าวของที่จัดเตรียมตรงลานกว้างเหมือนจะไปเข้าค่ายพักแรมสัก 2-3 วัน จึงอดถามไม่ได้“เอ้าคุณมีนาไม่ทราบเหรอคะ คุณท่านจะไปพักที่โฮมสเตย์น้ำพุร้อนที่หลังเขาน่ะค่ะ”“น้ำพุร้อน?”“ใช่ค่ะ เอาเป็นว่าคุณมีนาไปเตรียมตัวเถอะนะคะ เดี๋ยวของใช้ต่าง ๆ ป้ากับตาสงจะเตรียมเอง”“ขอบคุณมากครับ”มนันย์หมุนตัวจะเข้าไปเก็บของห้องตัวเองแต่ก็ชะงัก
“คุณพิรชัชอย่าดื่มมากไปครับเดี๋ยวต้องทานยาอีก” มนันย์เอ่ยเตือน แต่มีหรือคนอย่างพิรชัชจะฟัง“งดยาไปสักมื้อหนึ่งคงไม่เป็นไรหรอก”“แต่”“ไม่มีแต่”“นายก็ลองชิมดู ไวน์มะเกี๋ยงเป็นสินค้าชื่อดังของที่นี่”“คุณพิรชัชรู้ได้ยังไงครับว่าเป็นไวน์อะไร”มนันย์ยกขวดไวน์ขึ้นมาดูด้วยความสงสัย เป็นไวน์มะเกี๋ยงจริง ๆ อย่างที่คุณชัชว่า หรือว่าสายตาของคุณชัชจะสามารถมองเห็นได้ชัดขึ้นมาบ้างแล้ว ทำเอามนันย์เสียวสันหลังขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่พิรชัชหลับตาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย“ฉันไม่ได้พิการไปเสียหมด แม้ตาจะบอดแต่ลิ้นยังพอรับรสและจมูกยังได้กลิ่นอยู่บ้าง ถึงแม้จะไม่ใช่ทุกรสหรือทุกกลิ่น แม้ว่าก่อนหน้าจมูกจะได้กลิ่นเพี้ยนไปจากเดิมก็เถอะ ที่สำคัญไวน์ชนิดนี้ของที่นี่มีชื่อเสียงมานานแล้ว” พูดเสร็จก็กระแทกขวดไวน์ลงกับโต๊ะอย่างแรง มนันย์ละล่ำละลักตอบ “ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะตั้งคำถามกับคุณ” อีกนัยหนึ่งเขากลัวสายตาที่มองมา กลัวถ้อยคำด่าทอต่อว่าต่าง ๆ เขาคือมนันย์เป็นคนที่คุณชัชเกลียดที่สุด คิดได้ดังนั้นอาหารค่ำแม้จะรสชาติดีเลิศขนาดไหนก็รู้สึกฝืดคอกินไม่ลงขึ้นมาทันที สองมือวางตะเกียบอย่างช้า ๆ ก่อนจะก้มหน้างุดบี
“คุณชัชปล่อยเถอะครับ” น้ำเสียงมนันย์หนักแน่นจนคนที่คิดจะกลั่นแกล้ง หุบยิ้มลงไปทันที“นายอาจจะลืมเรื่องคืนนั้นแต่ฉันไม่!!”“คุณชัช”“เรื่องคืนนั้นมันเป็นอุบัติเหตุ ผมเข้าใจ อย่าทำให้มันเลยเถิดไปมากกว่านี้อีกเลยครับ” มนันย์กลั้นใจตอบกลัวว่าจะหลุดสะอื้น“จะว่าเป็นแค่เรื่องอุบัติเหตุแค่นั้นเหรอ นายแน่ใจนะว่าไม่ได้คิดอะไรกับฉัน นายแอบมอง แอบถ่ายรูปฉันมาตลอด หรือว่ามันเป็นเพียงหน้าที่”“…”“ฉันไม่ได้รังเกียจที่มีนายอยู่ข้าง ๆ บางทีอาจจะเป็นความรู้สึกบางอย่างที่ฉันเองก็ไม่แน่ใจในความรู้สึกนั้นตั้งแต่ตอนแรก”“เรื่องคืนนั้นช่างมันเถอะครับ” มนันย์ตัดบท“บางทีคุณแค่อาจจะเผลอไผล อีกทั้งอยู่ในสภาวะรัท ผมรู้สถานะตัวเองดีและไม่คิดเป็นอื่นเป็นอันขาดคุณพิรชัชสบายใจได้”“แล้วถ้าฉันบอกว่า…” จะว่าอะไรดีนะ พิรชัชก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เช่นกัน แรงกอดที่ด้านหลังแน่นมากขึ้นจนมนันย์รู้สึกอึดอัด“ฉันรู้สึกดีที่อยู่กับนายล่ะ”“…” มนันย์ไม่ได้รู้สึกยินดีแม้แต่น้อย มันผิดที่ผิดทางไปเสียหมด หากคุณชัชรักษาตาได้หายเป็นปกติ อาจจะรู้สึกเสียใจที่เคยพลั้งปากพูดอะไรกับเขาไป มนันย์หลับตาก่อนจะเอ่ย“คุณรู้สึกดีกับผมเพราะว
สองร่างเปลือยเปล่านอนกอดก่ายกันภายใต้ผ้าห่มผืนหนาอยู่บนฟูกที่นอนรุ่งสางอากาศจะหนาวเย็นกว่าช่วงกลางคืนโอเมก้าซุกกายเข้าหาไออุ่นด้านข้างอย่างลืมตัวพิรชัชลืมตาช้าๆเขารู้สึกถูกเบียดจากคนข้างๆที่ซุกตัวขยุกขยิกเข้าหาความอบอุ่นก่อนจะกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นอีกกลิ่นกายคนในอ้อมแขนนั้นหอมสดชื่นเหมือนกับดอกพีโอนีที่ติดตามร่างกายมีนาบอกเขาว่ามันเป็นกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มร่างกายนุ่มนิ่มลูบลื่นเอวคอดเว้าอัลฟ่าที่อดอยากปากแห้งมานานอย่างพิรชัชอดที่จะลูบไล้แผ่นหลังเปลือยเปล่าอีกครั้งไม่ได้เพราะอุบัติเหตุครานั้นทำเอาน้องชายของเขาไม่ตื่นมาเคารพธงชาติเป็นเวลาหลายสัปดาห์พอร่างกายได้รับการฟื้นฟูส่วนล่างก็ฟูแข็งแรงขึ้นไปด้วยความกำหนัดที่ไม่ได้รับการปลดปล่อยมาก่อนหน้าก็ได้รับการระบายเขาลากปลายนิ้วนั้นไปตามแผ่นหลังเปลือยเปล่าไปจนถึงบั้นท้ายกลมกลึงบีบเคล้นอย่างลืมตัวทำเอาเจ้าตัวดิ้นขยุกขยิกอย่างรำคาญส่งเสียงประท้วงออกมาเมื่อถูกใครบางคนรบกวนการนอนมนันย์ถูกเคี่ยวกรำมาทั้งคืนกว่าจะได้นอนหลับเต็มตาก็ไม่รู้ว่าเวลากี่โมงกี่ยามไปแล้วเมื่อคืนพวกเขาทำกันหลายที่ไม่ว่าจะระเบียงห้องน้ำสุดท้ายจบที่เตียงกว้าง“อื้อ” เมื่อถู
“คุกเข่าทำไม”“คุณจะได้มองเห็นผมชัดขึ้นไงครับ” มนันย์เอื้อมไปคว้ามือใหญ่มาทาบที่ใบหน้าของตัวเองอิงซบอุ่นไอจากฝ่ามือใหญ่“ชัดขึ้นหรือยังครับ” สองคนสบตากันแน่นิ่งมนันย์ไม่รู้ว่าคุณชัชมองเห็นเขาหรือไม่แม้จะอยากให้คุณชัชหายเป็นปกติโดยเร็วแต่เพราะความเห็นแก่ตัวในใจก็ได้แต่หวังว่าคุณชัชจะหายช้ากว่านี้อีกสักหน่อยยืดระยะเวลาให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันอีกสักหน่อยก็ยังดีแม้ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่คุ้มค่าโอเมก้าที่แสนน่ารังเกียจตัวซวยที่ทำให้ครอบครัวนันธ์เดชภาคย์เกือบพังเมื่อหลายปีก่อนตัวโง่งมที่ปลูกดอกไม้แห่งความชั่วร้ายอย่างดอกพีโอนีเอาไว้เต็มสวนหลังบ้านหวังเพียงว่าใครบางคนจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขาและความหมายที่ลึกซึ้งแฝงความนัยของมันขอบตาร้อนผ่าวไปด้วยม่านน้ำตาก่อนจะสูดหายใจเข้าปอดลึกๆจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่เมื่อก่อนเต็มไปด้วยความห่างเหินและเย็นชาจู่ๆพิรชัชก็รู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาภาพในหัวฉายภาพของเด็กน้อยคนหนึ่งที่ถูกเขาฉุดกระชากเสื้อออกจากตัวอย่างแรงภาพนั้นแตกเป็นเสี่ยงๆพิรชัชหลับตานิ่งสักครู่ก่อนจะกัดริมฝีปากข่มความเจ็บปวดในหัวเอาไว้เอ่ยกับอีกคนที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น“ลุกขึ้นมาไม่ปวดเข่าหรือยัง
เหมือนทั้งสองจะรู้ว่าเวลาแห่งความสุขเหลือลงน้อยลงไปทุกทีอัลฟ่าอย่างพิรชัชเองก็มีเรื่องราวให้ขบคิดมากเช่นกันการเข้ารับการผ่าตัดในครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดผลข้างเคียงอะไรอีกไหมการรับกลิ่นการรับรสสุดท้ายถือการกลับมามองเห็นได้เหมือนเดิมและสิ่งที่พิรชัชกังวลก็คือตอนนี้เขาชินกับกลิ่นดอกพีโอนีไปเสียแล้วอีกทั้งมันยังเป็นกลิ่นประจำกายของใครบางคนเป็นกลิ่นที่ทำให้เขารู้สึกดีทุกครั้งเมื่ออยู่ใกล้ไม่เหมือนกับกลิ่นของทุ่งพีโอนีในสวนมันหอมหวานละมุนและอธิบายออกมาไม่ได้ว่าคล้ายคลึงกับกลิ่นอะไรความวิตกกังวลที่มีทำให้พิรชัชอ่อนโยนกับมีนาหรือมนันย์โดยไม่รู้ตัวอัลฟ่าเป็นเพศรองที่หวงถิ่นหวงของสิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้ก็คือไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายสบโอกาสตีตัวออกหากเขาเอาตัวเองไปพัวพันและผูกติดกับมีนาทุกย่างก้าวพิรชัชที่ผ่านการคบหาดูใจกับใครมาต่อหลายคนแม้แต่แคทเทอลีนที่วางอนาคตจะใช้ชีวิตร่วมกันยังไม่สามารถสั่นคลอนความรู้สึกของเขาได้เท่ามีนาอัลฟ่าอย่างเขาไม่เคยเอาชีวิตอิสระไปผูกติดไว้กับใครเว้นช่องว่างให้กันและกันเสมอมาไม่เคยมีใครมีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของเขาได้เท่าคนคนนี้อีกแล้วแปลก! แต่พิรชัชก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่
หลังจากคุณหญิงพรรำไพประสบอุบัติเหตุพักผ่อนในกรุงเทพหายดีแล้วจึงคิดไปเยี่ยมเยียนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนตั้งใจกะว่าจะไปเซอร์ไพรส์จัดงานเลี้ยงฉลองกินกันพร้อมหน้าก่อนที่พิรชัชจะเข้ารับการผ่าตัดอีกครั้งลูกชายคนเล็กหลังจากหายดีก็ออกไปอยู่คอนโดข้างนอกเพื่อย่นระยะในการไปกลับและพักผ่อนมากขึ้นพิรภพเข้ามามีบทบาทในนามผู้บริหารอย่างเต็มตัวเขาดูแลกิจการหลายอย่างจนหัวหมุนไปหมดไหนจะพิษสงครามการค้าและเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยจะดีนักจนต้องโหมทำงานอย่างหนักรวมไปถึงท่านเจ้าสัวด้วยเช่นกันครอบครัวเลยไม่ค่อยได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันสักเท่าไหร่ป้ามะลิคนเก่าคนแก่ของเธอที่คอยดูแลลูกชายก็ไม่ใช่คนช่างคุยสักเท่าไหร่ถามคำตอบคำไม่รู้ว่ามนันย์ดูแลลูกชายของเธอยังไงบ้างแม้จะมีรสมือในการทำอาหารเป็นเลิศแต่ลูกชายเธอก็ยังอคติอยู่ดีไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะใช้เวลานี้มากลั่นแกล้งอะไรหรือเปล่าแม้ว่ามนันย์จะไม่ใช่คนแบบนั้นก็เถอะความคิดของเธอฟุ้งซ่านเป็นตุเป็นตะก่อนจะปรึกษากับท่านเจ้าสัวพิสิฐชัยเรื่องการเดินทางไปเยี่ยมพิรชัชที่บ้านพักต่างจังหวัดสักหน่อยอีกห้าวันก็จะถึงวันเดินทางกลับชีวิตของพิรชัชมีชีวิตชีวามากขึ้นเมื่อได้มีนาเป็นคนดูแลพวกเข
มนันย์ตื่นแต่เช้าออกมาเข้าครัวเตรียมอาหารให้พิรชัชตามปกติสองแขนกำลังจัดเรียงข้าวต้มและกาแฟลงบนโต๊ะแต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อรับรู้ถึงสองแขนที่โอบรัดบั้นเอวพร้อมกับแก้มขาวที่ถูกหอมไปหนึ่งฟอด“คุณพิรชัช”“ปล่อยเถอะครับเดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี” มนันย์ขัดขืนเพราะกลัวว่าป้ามะลิจะขึ้นมาเห็นแต่แรงกอดรัดทางด้านหลังทำให้เขาไม่สามารถขัดขืนได้อย่างเต็มที่“ไม่ดียังไง…หืม” ไม่ถามเปล่าแถมยังก้มลงหอมซอกคอไปอีกหนึ่งฟอดนิ้วเรียวยาวสัมผัสเข้ากับแผ่นแปะตรงหลังคอของโอเมก้าทำเอาเจ้าตัวตกใจจนตัวชาวาบ“นี่แผ่นอะไร”“คือ…เป็นแผ่นแปะปวดน่ะครับ” มนันย์ตอบไม่เต็มเสียงกลัวว่าพิรชัชจะจับได้“ปวดมากเลยเหรอฉันนวดให้เอาไหม”“อื้อ” สัมผัสนั้นแผ่วเบาแต่ทว่าทำให้โอเมก้าใจสั่นระรัวฟีโรโมนบางเบาสายหนึ่งปล่อยออกมาอบอวลล้อมรอบเจ้าของร่าง“กลิ่นนี่มัน…”มนันย์เบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนแกร่งนั้นออกมายืนตรงข้ามทันที“คุณพิรชัชมานั่งตรงนี้เถอะครับผมเตรียมเสร็จแล้วจะได้ทานตอนร้อนๆ”“ทานก่อนเลยนะครับผมขอเข้าเป็นดูในครัวสักหน่อย” มนันย์เดินหนีเข้าไปสงบจิตใจในห้องครัวอยู่สักครู่สองมือเย็นชืดบีบเข้าหากันด้วยใจความรู้สึกกระวนกระวายแม้
“โถ่คุณแม่มานึกเสียดายเอาป่านนี้ไม่ช้าไปเหรอครับผมบอกแล้วว่าเจ้าแก้มยุ้ยน่ารักจะตายแม่กับพี่ชัชก็มัวแต่อคติชีวิตวัยเด็กของมนันย์นั้นไม่ง่ายเลยนะครับ”เมื่อพิรภพพูดขึ้นมาบรรยากาศครึกครื้นก่อนหน้าเงียบลงทันตาพรรำไพและท่านเจ้าสัวก็คงจะรู้สึกผิดไม่น้อยตลอดระยะเวลา 20 ปีที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ไม่ต่างจากคุกไม่มีอิสระไม่มีเพื่อนฝูงวัยเยาว์ถูกพรากไปเพียงเพราะกำพร้าและถูกตราหน้าว่าเป็นลูกโสเภณีมนันย์ไม่เคยได้ออกไปเล่นที่ไหนเลยจริงๆตั้งแต่จำความได้เพื่อนเล่นของเด็กน้อยมีเพียงแต่ต้นไม้ใบหญ้าเท่านั้น“ภพรู้ว่ามนันย์เป็นโอเมก้าตั้งแต่เมื่อไหร่” พรรำไพถามออกมาด้วยความสงสัยเพราะเหมือนมีแต่เธอที่แตกตื่น“ตั้งแต่ได้กลิ่น—”“แกได้กลิ่นอะไร” เสียงดุดันของพิรชัชที่ถามขึ้นก่อนจะก้าวเท้าเข้ามาในห้องนั่งเล่นแววตาดุดันทำเอาพิรภพไม่กล้าสู้หน้าหลังผ่าตัดพี่ชายเขาคล้ายอารมณ์ไม่คงที่หนึ่งนาทีหกอารมณ์เห็นจะได้ทำเอาพนักงานกลัวจนหัวหดกันหมดเป็นพรรำไพที่เอ่ยปากทำลายบรรยากาศเมื่อสองพี่น้องทำท่าจะต่อล้อต่อเถียงกันขึ้นมาเพราะเรื่องของมนันย์อีกเช่นเคย“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก”“สักพักแล้วครับ”“เอ่อ…งั้นไปล้างม
“นี่นันไม่น่าเชื่อว่าอายุแค่นี้ทำอาหารเก่งและประยุกต์ได้เก่งมากถ้านันอยู่กับแฟนพี่นึกว่านันท้องนะเนี่ยเหมือนพี่ตอนหนุ่มๆไม่มีผิดอยากกินแต่อะไรไม่รู้” ลลนาพูดเจื้อยแจ้วอย่างเป็นกันเองก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้าอย่างเพลิดเพลินไม่ได้สนใจสีหน้าคนตรงข้ามแม้แต่น้อยหลังจากเก็บร้านก่อนจะบอกลาเพื่อนร่วมงานแล้วลลนาแล้วรอยยิ้มก่อนหน้าหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อนึกถึงคำพูดของลลนาเขาลูบท้องน้อยอย่างเหม่อลอยคงไม่หรอกมั้งฉีดยาคุมแล้วแต่เมื่อนึกถึงพฤติกรรมของตัวเองหลายเดือนที่ผ่านมาก็อดฉุกคิดไม่ได้ถ้าท้องขึ้นมาจริงๆล่ะ….วันนี้มนันย์ตื่นนอนด้วยอาการคลื่นไส้อาเจียนเหมือนทุกเช้าจึงตัดสินใจออกไปซื้อที่ตรวจครรภ์ที่ร้านขายยาข้างล่างมนันย์นั่งลุ้นยิ่งกว่าตอนประกาศทุน E เสียอีกมีความคิดสองแบบขึ้นมาในหัวไม่ท้องก็ดีเพราะพวกเขาเหมือนเส้นขนานที่ไม่อาจบรรจบกันอีกทั้งคุณชัชยังเกลียดเขาขนาดนั้นถ้าท้องขึ้นมาล่ะ… ความคิดมากมายตีกันในหัวจนเวลาครบจึงหยิบแท่งตรวจขึ้นมาด้วยความหนักอึ้งแถบสีแดงสองขีดทำเอามนันย์อ้าปากค้างเขากำลังจะเป็นแม่คนและที่ท่านเจ้าสัวเคยพูดว่าไม่อยากให้อดีตซ้ำรอยเพราะเขากำลังจะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวและลูกที
สภาพของมนันย์ดูย่ำแย่เป็นอย่างมาก เมื่อสองเท้าลงจากเครื่องบินมายังอีกซีกโลกหนึ่ง เพราะคิดจะเดินออกจากใต้ปีกท่านเจ้าสัวจึงเลือกมหาลัยและเมืองอื่น ไม่ได้เลือกตามที่บอกท่านเจ้าสัวไปตั้งแต่แรก เมืองที่ท่านเจ้าสัวแนะนำเป็นเมืองใหญ่แถมยังเป็นมหา’ ลัยเดียวกับลูกชายของท่านอีก แต่มนันย์คิดดีแล้ว ถึงที่นี่จะเป็นเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในยุโรป ประชากรโอเมก้ามีไม่มากแต่ก็ได้รับสวัสดิการต่าง ๆ ไม่น้อยกว่าเมืองใหญ่ ๆ ในแถบทวีปอื่น ๆ เมืองเล็กค่อนข้างเงียบเหงาแต่ก็เงียบสงบเหมาะกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ รออะไรเข้าที่เข้าทางเขาจะไปผ่าตัดเอาพันธะที่หลังคอออก คุณชัชคงรู้สึกไม่ดีมากนักหากรู้ว่าทำพันธะกับโอเมก้าที่ตนเกลียดโดยไม่ได้ตั้งใจผ่านเหตุการณ์นั้นมาร่วม 3 เดือนแต่มนันย์ก็นอนไม่หลับมาจนถึงทุกวันนี้ตอนแรกคิดว่าเป็นเพราะเครียดลงกระเพาะหรือเพราะ Jet lag จึงทำให้เวียนหัวคลื่นไส้ไม่หยุดอาการเหล่านั้นจะเป็นหนักโดยเฉพาะหลังตื่นนอนแต่ละคืนเขาต้องจุดเทียนหอมกลิ่นหนึ่งเป็นกลิ่นที่เขาทำขึ้นเองเพื่อช่วยให้นอนหลับสนิทตลอดทั้งคืนพอนับๆดูแล้วระยะเวลาไม่กี่เดือนเสียค่าเทียนหอมไปไม่น้อยรวมๆเกือบร้อยแก้วได้กลิ่นของมันเหม
‘ไปได้ก็ดี’ เจ็บเจ็บเหลือเกินคำพูดแค่สี่คำแต่เหมือนเข็มพิษนับหมื่นที่ทิ่มแทงหัวใจให้ขาดวิ่นแต่ก็ช่วยไม่ได้ในเมื่อเขาเลือกที่จะกลืนยาพิษด้วยตัวเองตอนสมัยยังเด็กเคยถูกพี่เลี้ยงแกล้งให้อมบอระเพ็ดแลกกับน่องไก่ที่เหลือกินจากบ้านใหญ่เพราะความอดอยากและหิวโหยจึงไม่ปริปากและไม่กล้าคายแม้จะขมแค่ไหนก็ตามย้อนกลับไปตอนนั้นเขามันตัวโง่งมจริงๆยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อิ่มท้องตอนนี้ก็ไม่ต่างกันเขารับปากท่านเจ้าสัวเพื่อแลกกับอิสรภาพรู้ทั้งรู้ว่าไม่ควรถลำลึกและสุดท้ายรู้ดีว่าจุดจบจะเป็นแบบไหนแต่เขาก็เลือกที่จะลิ้มลองรสชาติของความใคร่ความรักแม้มันจะขมกว่าบอระเพ็ดที่เคยลิ้มลองมาหลายเท่าความคิดโอเมก้าล่องลอยจนได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ก่อนจะลุกขึ้นแล้วลงไปนั่งพับเพียบข้างล่างอย่างรู้ตัว“ขึ้นมานั่งด้วยกันสิ”“ครับ” มนันย์นั่งเว้นระยะห่างกับท่านเจ้าสัวพอสมควร“ฉันจะไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้นเธอคงรู้ดีเรื่องข้อตกลงของเรา”“ครับ”“ขอบคุณที่ดูแลเจ้าชัชเป็นอย่างดี”“เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ” มนันย์ก้มหน้าตอบเสียงเรียบ“ส่วนเงินฉันโอนให้เธอตามที่ได้รับปากไว้และนี่” มนันย์เหลือบมองกล่องสีแดงกำมะหยี่กล่องขนาดสองฝ
วันนี้มนันย์ตื่นตั้งแต่เช้าและเข้าเมืองไปสอบ ความรักสวยงามและไม่แน่อาจไม่มีอยู่จริง แต่การศึกษาคือใบเบิกทางเป็นของจริง เขาสลัดความฝันฟุ้งเฟ้อออกไปก่อนจะเข้าสนามสอบไปด้วยความมั่นใจ แม้พิรชัชจะสูญเสียการมองเห็นแต่สมองยังใช้งานได้ดีเหมือนเดิม แถมยังพ่วงปริญญาเอกมาจากสถาบันชื่อดังยิ่งการันตีความสามารถของเขา ก่อนนอนก็ใช้เวลาติวหนังสือให้มนันย์ทุกคืน ส่วนไหนที่มักจะออกสอบ ส่วนไหนที่ไม่สำคัญ ยิ่งไปกว่านั้นหากเขาตอบถูกจะได้รางวัล หากตอบผิดจะถูกทรมานจนดิ้นพล่าน สองแก้มแดงด้วยความเขินอายเมื่อนึกถึงข้อที่เขาตอบผิด ไหนจะเรียงความ Essay ต่าง ๆ ที่เขาเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี การสอบกินเวลา 6 ชั่วโมงพริบตาเดียวสำหรับคนสอบ แต่คนที่นั่งรออยู่ที่บ้านหงุดหงิดจนนั่งไปติดที่ ออกมานั่งรอลานบ้านตั้งแต่เที่ยง พิรชัชรู้ว่าใช้เวลาสอบนานแต่ก็อดที่จะเงี่ยหูฟังเสียงรถยนต์ไม่ได้ เมื่อมีเสียงรถยนต์เข้ามาพลันได้ยินเสียงที่คุ้นเคย แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามเสียงของอีกฝ่ายก็ดังขึ้นมาก่อน“ตาชัชเป็นยังไงบ้างลูก” พรรำไพแผดเสียงร้องออกมาอย่างยินดีเมื่อเห็นหน้าลูกชายอีกครั้งหล่อนสวมกอดพลางสำรวจลูบหน้าตาของลูกชายสำรวจจนพิรชัชอ
สองมือสอดประสานกันแน่นอัลฟ่าโน้มกายแตะหน้าผากเนียนของอีกฝ่ายเหมือนต้องการจะส่งผ่านความจริงใจและความรู้สึกที่มีไปถึงอีกคนมนันย์ปล่อยให้น้ำตาไหลหลั่งไหล่อยู่อย่างนั้น‘นี่คุณชัชกำลังร้องขอความรักจากเขาอย่างนั้นเหรอ’สัมผัสจุมพิตแผ่วเบาที่เปลือกตาไล่ลงมาถึงโหนกแก้มก่อนจะจรดแนบริมฝีปากบางคล้ายต้องการสื่อถึงความรู้สึกบางอย่างเรียวลิ้นกวาดต้อนไปทั่วโพรงปากก่อนจะเปลี่ยนจังหวะเป็นจูบที่โหยหารุนแรงทำเอาโอเมก้าหอบหายใจแทบไม่ทัน“อื้อ” เสียงเฉอะแฉะของน้ำลายดังก้องไปทั่วห้องครัวอันคับแคบมนันย์ถูกอุ้มขึ้นมาตรงเค้าเตอร์โดยไม่รู้ตัวรู้แต่ว่าจูบครั้งนี้ทำให้เขาล่องลอยคล้ายตกอยู่ในห้วงฝันที่ไม่กล้าฝันและคิดว่ามีอยู่จริงสองแขนกอดรอบคออัลฟ่าอย่างหวงแหนปรับองศาของใบหน้าเพื่อให้สองลิ้นได้เกี่ยวกระหวัดซึมซับความหอมหวานของกันและกัน“อาหารเช้าเดี๋ยวค่อยอุ่นใหม่ละกัน” พิรชัชกระซิบที่ใบหูขาวที่ระเรื่อด้วยสีแดงอย่างหยอกเย้า“อะไรนะครับ”“เพราะฉันจะกินนายก่อน”“อื้อ”“ไม่ครับเดี๋ยวป้ามะลิมาเห็นเอา”ฝ่ามือร้อนลากไล้และบีบเคล้นก้นนุ่มอย่างมันมือไล่ผ่านเข้าไปในสาบเสื้อปัดป่ายตุ่มเชอร์รี่ไปมาสร้างความรัญจวนแก่โอเมก้
มนันย์ตื่นแต่เช้าออกมาเข้าครัวเตรียมอาหารให้พิรชัชตามปกติสองแขนกำลังจัดเรียงข้าวต้มและกาแฟลงบนโต๊ะแต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อรับรู้ถึงสองแขนที่โอบรัดบั้นเอวพร้อมกับแก้มขาวที่ถูกหอมไปหนึ่งฟอด“คุณพิรชัช”“ปล่อยเถอะครับเดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี” มนันย์ขัดขืนเพราะกลัวว่าป้ามะลิจะขึ้นมาเห็นแต่แรงกอดรัดทางด้านหลังทำให้เขาไม่สามารถขัดขืนได้อย่างเต็มที่“ไม่ดียังไง…หืม” ไม่ถามเปล่าแถมยังก้มลงหอมซอกคอไปอีกหนึ่งฟอดนิ้วเรียวยาวสัมผัสเข้ากับแผ่นแปะตรงหลังคอของโอเมก้าทำเอาเจ้าตัวตกใจจนตัวชาวาบ“นี่แผ่นอะไร”“คือ…เป็นแผ่นแปะปวดน่ะครับ” มนันย์ตอบไม่เต็มเสียงกลัวว่าพิรชัชจะจับได้“ปวดมากเลยเหรอฉันนวดให้เอาไหม”“อื้อ” สัมผัสนั้นแผ่วเบาแต่ทว่าทำให้โอเมก้าใจสั่นระรัวฟีโรโมนบางเบาสายหนึ่งปล่อยออกมาอบอวลล้อมรอบเจ้าของร่าง“กลิ่นนี่มัน…”มนันย์เบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนแกร่งนั้นออกมายืนตรงข้ามทันที“คุณพิรชัชมานั่งตรงนี้เถอะครับผมเตรียมเสร็จแล้วจะได้ทานตอนร้อนๆ”“ทานก่อนเลยนะครับผมขอเข้าเป็นดูในครัวสักหน่อย” มนันย์เดินหนีเข้าไปสงบจิตใจในห้องครัวอยู่สักครู่สองมือเย็นชืดบีบเข้าหากันด้วยใจความรู้สึกกระวนกระวายแม้
หลังจากคุณหญิงพรรำไพประสบอุบัติเหตุพักผ่อนในกรุงเทพหายดีแล้วจึงคิดไปเยี่ยมเยียนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนตั้งใจกะว่าจะไปเซอร์ไพรส์จัดงานเลี้ยงฉลองกินกันพร้อมหน้าก่อนที่พิรชัชจะเข้ารับการผ่าตัดอีกครั้งลูกชายคนเล็กหลังจากหายดีก็ออกไปอยู่คอนโดข้างนอกเพื่อย่นระยะในการไปกลับและพักผ่อนมากขึ้นพิรภพเข้ามามีบทบาทในนามผู้บริหารอย่างเต็มตัวเขาดูแลกิจการหลายอย่างจนหัวหมุนไปหมดไหนจะพิษสงครามการค้าและเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยจะดีนักจนต้องโหมทำงานอย่างหนักรวมไปถึงท่านเจ้าสัวด้วยเช่นกันครอบครัวเลยไม่ค่อยได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันสักเท่าไหร่ป้ามะลิคนเก่าคนแก่ของเธอที่คอยดูแลลูกชายก็ไม่ใช่คนช่างคุยสักเท่าไหร่ถามคำตอบคำไม่รู้ว่ามนันย์ดูแลลูกชายของเธอยังไงบ้างแม้จะมีรสมือในการทำอาหารเป็นเลิศแต่ลูกชายเธอก็ยังอคติอยู่ดีไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะใช้เวลานี้มากลั่นแกล้งอะไรหรือเปล่าแม้ว่ามนันย์จะไม่ใช่คนแบบนั้นก็เถอะความคิดของเธอฟุ้งซ่านเป็นตุเป็นตะก่อนจะปรึกษากับท่านเจ้าสัวพิสิฐชัยเรื่องการเดินทางไปเยี่ยมพิรชัชที่บ้านพักต่างจังหวัดสักหน่อยอีกห้าวันก็จะถึงวันเดินทางกลับชีวิตของพิรชัชมีชีวิตชีวามากขึ้นเมื่อได้มีนาเป็นคนดูแลพวกเข
เหมือนทั้งสองจะรู้ว่าเวลาแห่งความสุขเหลือลงน้อยลงไปทุกทีอัลฟ่าอย่างพิรชัชเองก็มีเรื่องราวให้ขบคิดมากเช่นกันการเข้ารับการผ่าตัดในครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดผลข้างเคียงอะไรอีกไหมการรับกลิ่นการรับรสสุดท้ายถือการกลับมามองเห็นได้เหมือนเดิมและสิ่งที่พิรชัชกังวลก็คือตอนนี้เขาชินกับกลิ่นดอกพีโอนีไปเสียแล้วอีกทั้งมันยังเป็นกลิ่นประจำกายของใครบางคนเป็นกลิ่นที่ทำให้เขารู้สึกดีทุกครั้งเมื่ออยู่ใกล้ไม่เหมือนกับกลิ่นของทุ่งพีโอนีในสวนมันหอมหวานละมุนและอธิบายออกมาไม่ได้ว่าคล้ายคลึงกับกลิ่นอะไรความวิตกกังวลที่มีทำให้พิรชัชอ่อนโยนกับมีนาหรือมนันย์โดยไม่รู้ตัวอัลฟ่าเป็นเพศรองที่หวงถิ่นหวงของสิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้ก็คือไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายสบโอกาสตีตัวออกหากเขาเอาตัวเองไปพัวพันและผูกติดกับมีนาทุกย่างก้าวพิรชัชที่ผ่านการคบหาดูใจกับใครมาต่อหลายคนแม้แต่แคทเทอลีนที่วางอนาคตจะใช้ชีวิตร่วมกันยังไม่สามารถสั่นคลอนความรู้สึกของเขาได้เท่ามีนาอัลฟ่าอย่างเขาไม่เคยเอาชีวิตอิสระไปผูกติดไว้กับใครเว้นช่องว่างให้กันและกันเสมอมาไม่เคยมีใครมีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของเขาได้เท่าคนคนนี้อีกแล้วแปลก! แต่พิรชัชก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่