หลังจากคุณหญิงพรรำไพประสบอุบัติเหตุพักผ่อนในกรุงเทพหายดีแล้วจึงคิดไปเยี่ยมเยียนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนตั้งใจกะว่าจะไปเซอร์ไพรส์จัดงานเลี้ยงฉลองกินกันพร้อมหน้าก่อนที่พิรชัชจะเข้ารับการผ่าตัดอีกครั้งลูกชายคนเล็กหลังจากหายดีก็ออกไปอยู่คอนโดข้างนอกเพื่อย่นระยะในการไปกลับและพักผ่อนมากขึ้นพิรภพเข้ามามีบทบาทในนามผู้บริหารอย่างเต็มตัวเขาดูแลกิจการหลายอย่างจนหัวหมุนไปหมดไหนจะพิษสงครามการค้าและเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยจะดีนักจนต้องโหมทำงานอย่างหนักรวมไปถึงท่านเจ้าสัวด้วยเช่นกันครอบครัวเลยไม่ค่อยได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันสักเท่าไหร่ป้ามะลิคนเก่าคนแก่ของเธอที่คอยดูแลลูกชายก็ไม่ใช่คนช่างคุยสักเท่าไหร่ถามคำตอบคำไม่รู้ว่ามนันย์ดูแลลูกชายของเธอยังไงบ้างแม้จะมีรสมือในการทำอาหารเป็นเลิศแต่ลูกชายเธอก็ยังอคติอยู่ดีไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะใช้เวลานี้มากลั่นแกล้งอะไรหรือเปล่าแม้ว่ามนันย์จะไม่ใช่คนแบบนั้นก็เถอะความคิดของเธอฟุ้งซ่านเป็นตุเป็นตะก่อนจะปรึกษากับท่านเจ้าสัวพิสิฐชัยเรื่องการเดินทางไปเยี่ยมพิรชัชที่บ้านพักต่างจังหวัดสักหน่อยอีกห้าวันก็จะถึงวันเดินทางกลับชีวิตของพิรชัชมีชีวิตชีวามากขึ้นเมื่อได้มีนาเป็นคนดูแลพวกเข
มนันย์ตื่นแต่เช้าออกมาเข้าครัวเตรียมอาหารให้พิรชัชตามปกติสองแขนกำลังจัดเรียงข้าวต้มและกาแฟลงบนโต๊ะแต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อรับรู้ถึงสองแขนที่โอบรัดบั้นเอวพร้อมกับแก้มขาวที่ถูกหอมไปหนึ่งฟอด“คุณพิรชัช”“ปล่อยเถอะครับเดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี” มนันย์ขัดขืนเพราะกลัวว่าป้ามะลิจะขึ้นมาเห็นแต่แรงกอดรัดทางด้านหลังทำให้เขาไม่สามารถขัดขืนได้อย่างเต็มที่“ไม่ดียังไง…หืม” ไม่ถามเปล่าแถมยังก้มลงหอมซอกคอไปอีกหนึ่งฟอดนิ้วเรียวยาวสัมผัสเข้ากับแผ่นแปะตรงหลังคอของโอเมก้าทำเอาเจ้าตัวตกใจจนตัวชาวาบ“นี่แผ่นอะไร”“คือ…เป็นแผ่นแปะปวดน่ะครับ” มนันย์ตอบไม่เต็มเสียงกลัวว่าพิรชัชจะจับได้“ปวดมากเลยเหรอฉันนวดให้เอาไหม”“อื้อ” สัมผัสนั้นแผ่วเบาแต่ทว่าทำให้โอเมก้าใจสั่นระรัวฟีโรโมนบางเบาสายหนึ่งปล่อยออกมาอบอวลล้อมรอบเจ้าของร่าง“กลิ่นนี่มัน…”มนันย์เบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนแกร่งนั้นออกมายืนตรงข้ามทันที“คุณพิรชัชมานั่งตรงนี้เถอะครับผมเตรียมเสร็จแล้วจะได้ทานตอนร้อนๆ”“ทานก่อนเลยนะครับผมขอเข้าเป็นดูในครัวสักหน่อย” มนันย์เดินหนีเข้าไปสงบจิตใจในห้องครัวอยู่สักครู่สองมือเย็นชืดบีบเข้าหากันด้วยใจความรู้สึกกระวนกระวายแม้
สองมือสอดประสานกันแน่นอัลฟ่าโน้มกายแตะหน้าผากเนียนของอีกฝ่ายเหมือนต้องการจะส่งผ่านความจริงใจและความรู้สึกที่มีไปถึงอีกคนมนันย์ปล่อยให้น้ำตาไหลหลั่งไหล่อยู่อย่างนั้น‘นี่คุณชัชกำลังร้องขอความรักจากเขาอย่างนั้นเหรอ’สัมผัสจุมพิตแผ่วเบาที่เปลือกตาไล่ลงมาถึงโหนกแก้มก่อนจะจรดแนบริมฝีปากบางคล้ายต้องการสื่อถึงความรู้สึกบางอย่างเรียวลิ้นกวาดต้อนไปทั่วโพรงปากก่อนจะเปลี่ยนจังหวะเป็นจูบที่โหยหารุนแรงทำเอาโอเมก้าหอบหายใจแทบไม่ทัน“อื้อ” เสียงเฉอะแฉะของน้ำลายดังก้องไปทั่วห้องครัวอันคับแคบมนันย์ถูกอุ้มขึ้นมาตรงเค้าเตอร์โดยไม่รู้ตัวรู้แต่ว่าจูบครั้งนี้ทำให้เขาล่องลอยคล้ายตกอยู่ในห้วงฝันที่ไม่กล้าฝันและคิดว่ามีอยู่จริงสองแขนกอดรอบคออัลฟ่าอย่างหวงแหนปรับองศาของใบหน้าเพื่อให้สองลิ้นได้เกี่ยวกระหวัดซึมซับความหอมหวานของกันและกัน“อาหารเช้าเดี๋ยวค่อยอุ่นใหม่ละกัน” พิรชัชกระซิบที่ใบหูขาวที่ระเรื่อด้วยสีแดงอย่างหยอกเย้า“อะไรนะครับ”“เพราะฉันจะกินนายก่อน”“อื้อ”“ไม่ครับเดี๋ยวป้ามะลิมาเห็นเอา”ฝ่ามือร้อนลากไล้และบีบเคล้นก้นนุ่มอย่างมันมือไล่ผ่านเข้าไปในสาบเสื้อปัดป่ายตุ่มเชอร์รี่ไปมาสร้างความรัญจวนแก่โอเมก้
วันนี้มนันย์ตื่นตั้งแต่เช้าและเข้าเมืองไปสอบ ความรักสวยงามและไม่แน่อาจไม่มีอยู่จริง แต่การศึกษาคือใบเบิกทางเป็นของจริง เขาสลัดความฝันฟุ้งเฟ้อออกไปก่อนจะเข้าสนามสอบไปด้วยความมั่นใจ แม้พิรชัชจะสูญเสียการมองเห็นแต่สมองยังใช้งานได้ดีเหมือนเดิม แถมยังพ่วงปริญญาเอกมาจากสถาบันชื่อดังยิ่งการันตีความสามารถของเขา ก่อนนอนก็ใช้เวลาติวหนังสือให้มนันย์ทุกคืน ส่วนไหนที่มักจะออกสอบ ส่วนไหนที่ไม่สำคัญ ยิ่งไปกว่านั้นหากเขาตอบถูกจะได้รางวัล หากตอบผิดจะถูกทรมานจนดิ้นพล่าน สองแก้มแดงด้วยความเขินอายเมื่อนึกถึงข้อที่เขาตอบผิด ไหนจะเรียงความ Essay ต่าง ๆ ที่เขาเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี การสอบกินเวลา 6 ชั่วโมงพริบตาเดียวสำหรับคนสอบ แต่คนที่นั่งรออยู่ที่บ้านหงุดหงิดจนนั่งไปติดที่ ออกมานั่งรอลานบ้านตั้งแต่เที่ยง พิรชัชรู้ว่าใช้เวลาสอบนานแต่ก็อดที่จะเงี่ยหูฟังเสียงรถยนต์ไม่ได้ เมื่อมีเสียงรถยนต์เข้ามาพลันได้ยินเสียงที่คุ้นเคย แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามเสียงของอีกฝ่ายก็ดังขึ้นมาก่อน“ตาชัชเป็นยังไงบ้างลูก” พรรำไพแผดเสียงร้องออกมาอย่างยินดีเมื่อเห็นหน้าลูกชายอีกครั้งหล่อนสวมกอดพลางสำรวจลูบหน้าตาของลูกชายสำรวจจนพิรชัชอ
‘ไปได้ก็ดี’ เจ็บเจ็บเหลือเกินคำพูดแค่สี่คำแต่เหมือนเข็มพิษนับหมื่นที่ทิ่มแทงหัวใจให้ขาดวิ่นแต่ก็ช่วยไม่ได้ในเมื่อเขาเลือกที่จะกลืนยาพิษด้วยตัวเองตอนสมัยยังเด็กเคยถูกพี่เลี้ยงแกล้งให้อมบอระเพ็ดแลกกับน่องไก่ที่เหลือกินจากบ้านใหญ่เพราะความอดอยากและหิวโหยจึงไม่ปริปากและไม่กล้าคายแม้จะขมแค่ไหนก็ตามย้อนกลับไปตอนนั้นเขามันตัวโง่งมจริงๆยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อิ่มท้องตอนนี้ก็ไม่ต่างกันเขารับปากท่านเจ้าสัวเพื่อแลกกับอิสรภาพรู้ทั้งรู้ว่าไม่ควรถลำลึกและสุดท้ายรู้ดีว่าจุดจบจะเป็นแบบไหนแต่เขาก็เลือกที่จะลิ้มลองรสชาติของความใคร่ความรักแม้มันจะขมกว่าบอระเพ็ดที่เคยลิ้มลองมาหลายเท่าความคิดโอเมก้าล่องลอยจนได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ก่อนจะลุกขึ้นแล้วลงไปนั่งพับเพียบข้างล่างอย่างรู้ตัว“ขึ้นมานั่งด้วยกันสิ”“ครับ” มนันย์นั่งเว้นระยะห่างกับท่านเจ้าสัวพอสมควร“ฉันจะไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้นเธอคงรู้ดีเรื่องข้อตกลงของเรา”“ครับ”“ขอบคุณที่ดูแลเจ้าชัชเป็นอย่างดี”“เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ” มนันย์ก้มหน้าตอบเสียงเรียบ“ส่วนเงินฉันโอนให้เธอตามที่ได้รับปากไว้และนี่” มนันย์เหลือบมองกล่องสีแดงกำมะหยี่กล่องขนาดสองฝ
สภาพของมนันย์ดูย่ำแย่เป็นอย่างมาก เมื่อสองเท้าลงจากเครื่องบินมายังอีกซีกโลกหนึ่ง เพราะคิดจะเดินออกจากใต้ปีกท่านเจ้าสัวจึงเลือกมหาลัยและเมืองอื่น ไม่ได้เลือกตามที่บอกท่านเจ้าสัวไปตั้งแต่แรก เมืองที่ท่านเจ้าสัวแนะนำเป็นเมืองใหญ่แถมยังเป็นมหา’ ลัยเดียวกับลูกชายของท่านอีก แต่มนันย์คิดดีแล้ว ถึงที่นี่จะเป็นเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในยุโรป ประชากรโอเมก้ามีไม่มากแต่ก็ได้รับสวัสดิการต่าง ๆ ไม่น้อยกว่าเมืองใหญ่ ๆ ในแถบทวีปอื่น ๆ เมืองเล็กค่อนข้างเงียบเหงาแต่ก็เงียบสงบเหมาะกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ รออะไรเข้าที่เข้าทางเขาจะไปผ่าตัดเอาพันธะที่หลังคอออก คุณชัชคงรู้สึกไม่ดีมากนักหากรู้ว่าทำพันธะกับโอเมก้าที่ตนเกลียดโดยไม่ได้ตั้งใจผ่านเหตุการณ์นั้นมาร่วม 3 เดือนแต่มนันย์ก็นอนไม่หลับมาจนถึงทุกวันนี้ตอนแรกคิดว่าเป็นเพราะเครียดลงกระเพาะหรือเพราะ Jet lag จึงทำให้เวียนหัวคลื่นไส้ไม่หยุดอาการเหล่านั้นจะเป็นหนักโดยเฉพาะหลังตื่นนอนแต่ละคืนเขาต้องจุดเทียนหอมกลิ่นหนึ่งเป็นกลิ่นที่เขาทำขึ้นเองเพื่อช่วยให้นอนหลับสนิทตลอดทั้งคืนพอนับๆดูแล้วระยะเวลาไม่กี่เดือนเสียค่าเทียนหอมไปไม่น้อยรวมๆเกือบร้อยแก้วได้กลิ่นของมันเหม
“นี่นันไม่น่าเชื่อว่าอายุแค่นี้ทำอาหารเก่งและประยุกต์ได้เก่งมากถ้านันอยู่กับแฟนพี่นึกว่านันท้องนะเนี่ยเหมือนพี่ตอนหนุ่มๆไม่มีผิดอยากกินแต่อะไรไม่รู้” ลลนาพูดเจื้อยแจ้วอย่างเป็นกันเองก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้าอย่างเพลิดเพลินไม่ได้สนใจสีหน้าคนตรงข้ามแม้แต่น้อยหลังจากเก็บร้านก่อนจะบอกลาเพื่อนร่วมงานแล้วลลนาแล้วรอยยิ้มก่อนหน้าหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อนึกถึงคำพูดของลลนาเขาลูบท้องน้อยอย่างเหม่อลอยคงไม่หรอกมั้งฉีดยาคุมแล้วแต่เมื่อนึกถึงพฤติกรรมของตัวเองหลายเดือนที่ผ่านมาก็อดฉุกคิดไม่ได้ถ้าท้องขึ้นมาจริงๆล่ะ….วันนี้มนันย์ตื่นนอนด้วยอาการคลื่นไส้อาเจียนเหมือนทุกเช้าจึงตัดสินใจออกไปซื้อที่ตรวจครรภ์ที่ร้านขายยาข้างล่างมนันย์นั่งลุ้นยิ่งกว่าตอนประกาศทุน E เสียอีกมีความคิดสองแบบขึ้นมาในหัวไม่ท้องก็ดีเพราะพวกเขาเหมือนเส้นขนานที่ไม่อาจบรรจบกันอีกทั้งคุณชัชยังเกลียดเขาขนาดนั้นถ้าท้องขึ้นมาล่ะ… ความคิดมากมายตีกันในหัวจนเวลาครบจึงหยิบแท่งตรวจขึ้นมาด้วยความหนักอึ้งแถบสีแดงสองขีดทำเอามนันย์อ้าปากค้างเขากำลังจะเป็นแม่คนและที่ท่านเจ้าสัวเคยพูดว่าไม่อยากให้อดีตซ้ำรอยเพราะเขากำลังจะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวและลูกที
“โถ่คุณแม่มานึกเสียดายเอาป่านนี้ไม่ช้าไปเหรอครับผมบอกแล้วว่าเจ้าแก้มยุ้ยน่ารักจะตายแม่กับพี่ชัชก็มัวแต่อคติชีวิตวัยเด็กของมนันย์นั้นไม่ง่ายเลยนะครับ”เมื่อพิรภพพูดขึ้นมาบรรยากาศครึกครื้นก่อนหน้าเงียบลงทันตาพรรำไพและท่านเจ้าสัวก็คงจะรู้สึกผิดไม่น้อยตลอดระยะเวลา 20 ปีที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ไม่ต่างจากคุกไม่มีอิสระไม่มีเพื่อนฝูงวัยเยาว์ถูกพรากไปเพียงเพราะกำพร้าและถูกตราหน้าว่าเป็นลูกโสเภณีมนันย์ไม่เคยได้ออกไปเล่นที่ไหนเลยจริงๆตั้งแต่จำความได้เพื่อนเล่นของเด็กน้อยมีเพียงแต่ต้นไม้ใบหญ้าเท่านั้น“ภพรู้ว่ามนันย์เป็นโอเมก้าตั้งแต่เมื่อไหร่” พรรำไพถามออกมาด้วยความสงสัยเพราะเหมือนมีแต่เธอที่แตกตื่น“ตั้งแต่ได้กลิ่น—”“แกได้กลิ่นอะไร” เสียงดุดันของพิรชัชที่ถามขึ้นก่อนจะก้าวเท้าเข้ามาในห้องนั่งเล่นแววตาดุดันทำเอาพิรภพไม่กล้าสู้หน้าหลังผ่าตัดพี่ชายเขาคล้ายอารมณ์ไม่คงที่หนึ่งนาทีหกอารมณ์เห็นจะได้ทำเอาพนักงานกลัวจนหัวหดกันหมดเป็นพรรำไพที่เอ่ยปากทำลายบรรยากาศเมื่อสองพี่น้องทำท่าจะต่อล้อต่อเถียงกันขึ้นมาเพราะเรื่องของมนันย์อีกเช่นเคย“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก”“สักพักแล้วครับ”“เอ่อ…งั้นไปล้างม
ร้านกาแฟแห่งหนึ่งใต้ตึกโรงพยาบาล สองคนที่นั่งตรงข้ามกันต่างเงียบไม่มีฝ่ายไหนที่ปริปากเอ่ยออกมาก่อน มนันย์นั่งจ้องมองกาแฟของตัวเองที่เย็นชืด แต่ทว่าความคิดล่องลอยไปไกล ส่วนพิรชัชก็เอาแต่นั่งจ้องมองฝ่ายตรงข้าม เหมือนกับว่าหากเขาคลาดสายตาไปเพียงเสี้ยววินาทีจะไม่สามารถพบเจอคนตรงหน้าพร้อมลูกน้อยอีกสองคนได้อีก อัลฟ่าอย่างพิรชัชเองก็มีความวิตกกังวลในหลายเรื่อง และที่สำคัญเขากำลังรู้สึกผิดหรือมีความรู้สึกอื่นอะไรอีกหรือไม่ เขาในตอนนี้ไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองมากนัก จะว่ายังไงดีล่ะไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนอีกทั้งยังทรมานไปทั้งกายและใจไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มนันย์เข้ามามีอิทธิพลกับตัวเองมากมายถึงขนาดนี้ความคิดถึงกันกินเข้าไปถึงในกระดูก“เอ่อคือ” มนันย์เงยหน้าพร้อมจ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังจะเอ่ยอะไรออกมาทำลายความเงียบการเงียบในตอนนี้ไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด“ผมไม่ปฏิเสธว่าเด็กทั้งสองเป็นลูกของคุณแต่ว่าคุณอย่าลืมพวกเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้วนะครับแล้วคุณก็ไม่ต้องรู้สึกผิดหรืออยากรับผิดชอบอะไรพวกเราอยู่ได้” และอยู่ได้ดีด้วยเมื่อไม่มีคุณมนันย์เอ่ยประโยคท้ายในใจ“ฉันรู้ว่านายจะอยู่ได้ดีอีก
เอกสารที่ให้เลขาคู่ใจไปสืบเสาะหามานั้นทำเอาพิรชัชคิ้วผูกเป็นปมไปหลายรอบ อัศวินลอบสังเกตสีหน้าเจ้านายพลางเช็ดเหงื่อข้างขมับไปด้วย“แน่ใจเหรอว่าเป็นความจริง” พิรชัชถามเสียงเรียบ“ยิ่งกว่าจริงเสียอีกครับคุณวรวิทย์ทำการจัดประชุมชี้แจงผู้ถือหุ้นและปรับแผนผังภายในบริษัทใหม่โดยมีคุณมนันย์วรวรรณเป็นผู้ถือหุ้นเปอร์เซ็นต์ก็ลดหลั่นตามกันไปแต่ที่น่าแปลกคือคุณมนันย์กลายเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัทที่คุณวรวิทย์มีแต่การจัดการบริหารยังเป็นคุณวรวิทย์และลูกชายอย่างคุณมาวินเหมือนเดิมอ้อ! รวมไปถึงเด็กชายนับอนันต์และเด็กชายนับนิรันดร์ด้วยแม้จะใช้นามสกุลวรวรรณแต่ว่าก็คล้ายว่าเป็นหนึ่งในทายาทสายตรงของคุณวรวิทย์มากกว่าจะไปในทางอื่นอีกทั้งวงในยังบอกว่าคุณมนันย์เป็นหนึ่งในบุตรชายโอเมก้าที่พลัดพรากจากกันไปนานกว่ายี่สิบปีครับ”“ไม่รู้ว่าบอสอยากรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า”“เรื่องอะไร” สายตาของอัลฟ่าที่จ้องมองมาทำเอาเบต้าอย่างอัศวินที่ทำงานรับใช้มานานไม่ชินเสียทีแม้ไม่พูดแต่สายตากลับคาดคั้นเอาคำตอบอยู่ในที“เอ่อ…คุณมนันย์เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวท้องตั้งแต่เริ่มเรียนป.โทได้ไม่นานอาศัยทำงานอยู่ในร้านอาหารไทยที่ชื่อว่าลล
“แม่ครับแม่ครับ” มนันย์ที่ได้ยินเสียงเรียกของนับอนันต์ที่อยู่ในอ้อมแขนของคุณตาร้องเรียกมาแต่ไกลก่อนจะรีบเข้าไปอุ้ม“แม่ฮะอย่างร้องไห้” สองมือป้อมเกลี่ยน้ำตาบนใบหน้าสวยนั้นอย่างแผ่วเบาแม้จะอายุเพียง 3 ขวบแต่นับอนันต์มักจะวางตัวเหมือนผู้ใหญ่อยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นคำพูดคำจาเพราะเด็กน้อยไม่อยากจะเห็นแม่ตนร้องไห้เสียใจไม่ว่าเรื่องอะไรอีกก็ตาม“เกิดอะไรขึ้น” วรวิทย์หัวใจเกือบวายทันทีที่ได้รับโทรศัพท์ว่าหลานรักถูกรถชนมนันย์ส่ายหน้าก่อนจะหันไปทางต้นเสียงที่เอ่ยแนะนำตัวพร้อมขอโทษขอโพยอย่างเป็นทางการมีสเตอร์เวนก้มหัวลงขอโทษคนทั้งสามซึ่งต่างก็เข้าใจและไม่เอาความเพราะคนที่ผิดจริงๆก็คือเด็กน้อยที่วิ่งออกมาตัดหน้ารถนับว่าโชคดีที่รถไม่ได้มาด้วยเร็วมากนักมีสเตอร์เวนยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างแต่ทางพิเศกดำรงค์ปฏิเสธภาพคนทั้งสามที่สนิทสนมกันทำเอาพิรชัชนิ่งอึ้งความคิดหลายๆอย่างวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุดไม่ว่าจะเป็นเด็กอีกคนในอ้อมกอดมนันย์ส่วนอัลฟ่าทั้งสองก็เป็นที่รู้จักดีในแวดวงธุรกิจอีกทั้งยังทำธุรกิจบางส่วนร่วมกับนันท์เดชภาคย์ด้วย‘มนันย์เป็นอะไรกับสองคนนั้นอีกทั้งเด็กแฝด? ที่อายุประมาณ 3-4 ขวบหรือ
อัลฟ่าอย่างพิรชัชมีอาการติดกลิ่นอย่างน่าประหลาดทั้งๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อนยิ่งหลังการผ่าตัดเขาคล้ายมีอาการทุรนทุรายซึ่งหมอก็ไม่ทราบสาเหตุเช่นกันดอกพีโอนีมีเวลาผลิบานไม่ได้บานตลอดทั้งปีเพราะฉะนั้นเทียนหอมที่เคยทำที่บ้านพักตากอากาศทางภาคเหนือกลายเป็นไอเทมสำคัญที่พิรชัชจะพกไว้ประจำจุดต่างๆที่เขาต้องใช้เวลาอยู่ด้วยนานไม่ว่าจะเป็นห้องทำงานที่บริษัทห้องนอนรวมไปถึงบนรถไหนจะอาการกระสับกระส่ายการรับกลิ่นหรือการรับรสแม้จะกลับมาเป็นปกติแต่ว่าอาหารเลิศรสอะไรก็ไม่ทำให้อัลฟ่าอย่างเขาน้ำลายสอกลายเป็นคนกินยากอาหารที่มีกลิ่นฉุนของน้ำส้มสายชูทำเอาอัลฟ่าแทบจะโก่งคออ้วกออกมาเสียเดี๋ยวนั้นอาการทุกอย่างจะทุเลาหากได้เทียนหอมกลิ่นดอกพีโอนีเป็นกลิ่นที่เขาเคยทำร่วมกับใครบางคนใครคนนั้นหายไปจากชีวิตรวมถึงคล้ายเอาบางสิ่งบางอย่างจากเขาไปด้วยเช่นกันพิรชัชไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไรรู้เพียงแต่ว่าร่างกายของตนไม่เหมือนเดิมการนอนบนเตียงเดี่ยวที่กว้างขวางและสะดวกสบายนั้นคล้ายฝันร้ายที่คอยหลอกหลอนอาการนอนไม่หลับยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อย่างเข้าเดือนที่ 7 ปลอกหมอนที่ไม่เคยถูกซักเป็นสิ่งเยียวยาเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้อัลฟ่าหลับตาลงอย่
“ทำอะไรอยู่เด็กๆมากินของว่างเร็ว” วรวิทย์กลายเป็นคุณตาที่ติดหลานเอามากๆกิจวัตรประจำวันของคนแก่ไม่มีอะไรมากนอกจากงานที่บริษัทแล้วก็กลับมาฟัดเด็กๆทั้งสองนี่แหละมนันย์ไม่ได้เอ่ยถึงพ่อของเด็กๆวรวิทย์เองก็ไม่คิดก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของบุตรชายเขาเป็นผู้ใหญ่ที่พบเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้มาก่อน‘รักแรกมักไม่สมหวังและมักจะฝังใจ’ไม่งั้นบุตรชายโอเมก้าคงไม่คิดตัดใจตัดสัมพันธ์ถึงขั้นผ่าตัดเอาพันธะที่ตรงหลังคอออกแม้จะมีผลข้างเคียงมากมายแต่อีกนัยหนึ่งถ้ามนันย์ไม่ผ่าตัดเอาพันธะตรงหลังคอออกวรวิทย์อาจไม่มีโอกาสพบเจอกับบุตรชายโอเมก้าของเขาโดยบังเอิญขนาดนี้วรวิทย์เชื่อว่าในโลกนี้ไม่มีความบังเอิญมีแต่ถูกที่ถูกเวลาเท่านั้นไม่ว่าเชื่อว่าอีกฝ่ายอยู่จุดไต้ตำตออยู่ในความดูแลของเจ้าสัวพิสิฐชัยไม่แปลกที่เขาจะหาไม่เจอทั้งๆที่สองครอบครัวก็ต่างก็พบปะสังสรรค์กันตามงานเลี้ยงงานสังคมอีกทั้งยังใช้ซัพพลายเออร์ที่เดียวกันแต่อย่างว่าบทจะเจอก็เจอกันได้ง่ายๆแบบนี้“มาดูเร็วตาซื้อมาเยอะแยะเลยไปล้างมือแล้วค่อยมากินนะ” วรวิทย์พูดพลางก้มลงไปหอมแก้มยุ้ยของหลานทั้งสองดังฟอดฟอด“ตามใจกันแบบนี้สองแฝดเหลิงแย่เลยครับ” มนันย์บ่นอุบอิบ“
“มาครับเด็กๆวันนี้เป็นชั่วโมงกิจกรรมสีเทียน-”“นิรันดร์ไม่เอาสีเทียนเข้าปากนะครับ”“ปะปะ” สองพี่น้องสวมเพียงผ้าอ้อมสำเร็จรูปบนกระดาษสีขาวผืนใหญ่สองมือน้อยต่างถือสีเทียนไว้ในมือต่างก็ขีดเขียนไปตามประสาหลังจากนั้นมนันย์ก็จะแต่งเติมจินตนาการนั้นให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอีกที“อนันต์วาดอะไรครับ”“มะหมา”“น้องหมาเหรอครับ” มนันย์ยิ้มให้แฝดพี่ก่อนจะลูบหัวด้วยความเอ็นดูเด็กน้อยที่หน้าตาถอดแบบเหมือนใครอีกคนสายตาสีนิลคู่นั้นทำเอาคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวโอเมก้าเผลอตกอยู่ในภวังค์หลายครั้ง‘ป่านนี้คุณชัชคงจะหายดีเป็นปกติไม่แน่อาจจะมีคนรักใหม่ไปแล้วก็ได้’ มนันย์เม้มปากปัดความคิดฟุ้งซ่านที่อยู่ในหัวออกไปจ้องมองเด็กน้อยทั้งสองที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของเขาโอเมก้าที่ขาดความรักความเอาใจใส่จากบิดามารดารู้ดีว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนถึงแม้เด็กทั้งสองจะเติบโตโดยปราศจากบิดาผู้ให้กำเนิดแต่มนันย์สัญญากับตัวเองว่าเขาจะเลี้ยงดูเด็กอัลฟ่าน้อยทั้งสองให้ดีไม่ให้ขาดความอบอุ่นแม้แต่เสี้ยวเดียวครอบครัวที่สมบูรณ์ไม่จำเป็นต้องมีทั้งพ่อและแม่ยิ่งพ่อแม่ที่ไม่ได้มีความรักให้กันด้วยแล้วจะเผื่อแผ่มาถึงลูกๆได้อย่างไรความทรมานจากการทำพ
“นี่ลูกใครน่ารักมาก”ตอนแรกพิรชัชไม่ได้สนใจแต่เพราะเพื่อนของเขาที่น้องสาวกำลังเรียนอยู่ต่างประเทศโพสต์ตลอดจนทำเอาที่บ้านตกอกตกใจนึกว่าน้องสาวแอบไปคลอดลูกโดยไม่บอกที่บ้านทางเมืองไทยที่ไหนได้เป็นรุ่นพี่โอเมก้าป.โทคนหนึ่งแม้เห็นหน้าไม่ชัดแต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าหน้าตาดีไม่น้อยดูจากผิวพรรณแม้ไม่เห็นหน้าตาเด็กทั้งสองแต่ขาและแขนเป็นปล้องจ้ำม่ำทำให้ธีรธรอดเป็น FC อีกคนไปด้วยไม่ได้เพื่อนๆในวงสนทนาต่างก็มุ่งสายตาไปเป็นจุดเดียวก้อนแป้งน้อยที่นอนหลับตาพริ้มบนเตียงหน้าตาถูกเบลอเพราะกฎหมาย PDA แขนขาเป็นมัดๆเหมือนขนมปังจนอยากจะกัดสักคำ“เห็นว่าเป็นโอเมก้าแม่เลี้ยงเดี่ยว” ใครคนหนึ่งโพล่งออกมาจากนั้นก็มีคนผสมโรงจากนัดมากินเหล้าสนทนาตามประสาเพื่อนที่ไม่พูดคุยกันมานานหัวข้อวันนี้ต่างมุ่งไปที่เด็กน้อยทั้งสอง“น่าสงสารออก”“อาจจะทำตัวไม่ดีก็ได้เค้าถึงต้องได้เลี้ยงลูกคนเดียว” พิรชัชตอบออกไปอย่างไม่ใส่ใจ“แกก็อคติเกินในโลกนี้มีทั้งคนดีและเลวไม่ว่าจะเพศรองไหนอีกทั้งตอนนี้โอเมก้าเองก็เป็นที่ยอมรับของสังคมมากขึ้นแล้วบริษัทนายเองก็ปรับการรับโอเมก้าเข้าทำงานมากขึ้นไม่ใช่เหรอ”“เห็นว่าที่บ้านนายเคยรับอุปการะโอเมก้า
“โถ่คุณแม่มานึกเสียดายเอาป่านนี้ไม่ช้าไปเหรอครับผมบอกแล้วว่าเจ้าแก้มยุ้ยน่ารักจะตายแม่กับพี่ชัชก็มัวแต่อคติชีวิตวัยเด็กของมนันย์นั้นไม่ง่ายเลยนะครับ”เมื่อพิรภพพูดขึ้นมาบรรยากาศครึกครื้นก่อนหน้าเงียบลงทันตาพรรำไพและท่านเจ้าสัวก็คงจะรู้สึกผิดไม่น้อยตลอดระยะเวลา 20 ปีที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ไม่ต่างจากคุกไม่มีอิสระไม่มีเพื่อนฝูงวัยเยาว์ถูกพรากไปเพียงเพราะกำพร้าและถูกตราหน้าว่าเป็นลูกโสเภณีมนันย์ไม่เคยได้ออกไปเล่นที่ไหนเลยจริงๆตั้งแต่จำความได้เพื่อนเล่นของเด็กน้อยมีเพียงแต่ต้นไม้ใบหญ้าเท่านั้น“ภพรู้ว่ามนันย์เป็นโอเมก้าตั้งแต่เมื่อไหร่” พรรำไพถามออกมาด้วยความสงสัยเพราะเหมือนมีแต่เธอที่แตกตื่น“ตั้งแต่ได้กลิ่น—”“แกได้กลิ่นอะไร” เสียงดุดันของพิรชัชที่ถามขึ้นก่อนจะก้าวเท้าเข้ามาในห้องนั่งเล่นแววตาดุดันทำเอาพิรภพไม่กล้าสู้หน้าหลังผ่าตัดพี่ชายเขาคล้ายอารมณ์ไม่คงที่หนึ่งนาทีหกอารมณ์เห็นจะได้ทำเอาพนักงานกลัวจนหัวหดกันหมดเป็นพรรำไพที่เอ่ยปากทำลายบรรยากาศเมื่อสองพี่น้องทำท่าจะต่อล้อต่อเถียงกันขึ้นมาเพราะเรื่องของมนันย์อีกเช่นเคย“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก”“สักพักแล้วครับ”“เอ่อ…งั้นไปล้างม
“นี่นันไม่น่าเชื่อว่าอายุแค่นี้ทำอาหารเก่งและประยุกต์ได้เก่งมากถ้านันอยู่กับแฟนพี่นึกว่านันท้องนะเนี่ยเหมือนพี่ตอนหนุ่มๆไม่มีผิดอยากกินแต่อะไรไม่รู้” ลลนาพูดเจื้อยแจ้วอย่างเป็นกันเองก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้าอย่างเพลิดเพลินไม่ได้สนใจสีหน้าคนตรงข้ามแม้แต่น้อยหลังจากเก็บร้านก่อนจะบอกลาเพื่อนร่วมงานแล้วลลนาแล้วรอยยิ้มก่อนหน้าหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อนึกถึงคำพูดของลลนาเขาลูบท้องน้อยอย่างเหม่อลอยคงไม่หรอกมั้งฉีดยาคุมแล้วแต่เมื่อนึกถึงพฤติกรรมของตัวเองหลายเดือนที่ผ่านมาก็อดฉุกคิดไม่ได้ถ้าท้องขึ้นมาจริงๆล่ะ….วันนี้มนันย์ตื่นนอนด้วยอาการคลื่นไส้อาเจียนเหมือนทุกเช้าจึงตัดสินใจออกไปซื้อที่ตรวจครรภ์ที่ร้านขายยาข้างล่างมนันย์นั่งลุ้นยิ่งกว่าตอนประกาศทุน E เสียอีกมีความคิดสองแบบขึ้นมาในหัวไม่ท้องก็ดีเพราะพวกเขาเหมือนเส้นขนานที่ไม่อาจบรรจบกันอีกทั้งคุณชัชยังเกลียดเขาขนาดนั้นถ้าท้องขึ้นมาล่ะ… ความคิดมากมายตีกันในหัวจนเวลาครบจึงหยิบแท่งตรวจขึ้นมาด้วยความหนักอึ้งแถบสีแดงสองขีดทำเอามนันย์อ้าปากค้างเขากำลังจะเป็นแม่คนและที่ท่านเจ้าสัวเคยพูดว่าไม่อยากให้อดีตซ้ำรอยเพราะเขากำลังจะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวและลูกที