“นี่นันไม่น่าเชื่อว่าอายุแค่นี้ทำอาหารเก่งและประยุกต์ได้เก่งมากถ้านันอยู่กับแฟนพี่นึกว่านันท้องนะเนี่ยเหมือนพี่ตอนหนุ่มๆไม่มีผิดอยากกินแต่อะไรไม่รู้” ลลนาพูดเจื้อยแจ้วอย่างเป็นกันเองก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้าอย่างเพลิดเพลินไม่ได้สนใจสีหน้าคนตรงข้ามแม้แต่น้อยหลังจากเก็บร้านก่อนจะบอกลาเพื่อนร่วมงานแล้วลลนาแล้วรอยยิ้มก่อนหน้าหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อนึกถึงคำพูดของลลนาเขาลูบท้องน้อยอย่างเหม่อลอยคงไม่หรอกมั้งฉีดยาคุมแล้วแต่เมื่อนึกถึงพฤติกรรมของตัวเองหลายเดือนที่ผ่านมาก็อดฉุกคิดไม่ได้ถ้าท้องขึ้นมาจริงๆล่ะ….วันนี้มนันย์ตื่นนอนด้วยอาการคลื่นไส้อาเจียนเหมือนทุกเช้าจึงตัดสินใจออกไปซื้อที่ตรวจครรภ์ที่ร้านขายยาข้างล่างมนันย์นั่งลุ้นยิ่งกว่าตอนประกาศทุน E เสียอีกมีความคิดสองแบบขึ้นมาในหัวไม่ท้องก็ดีเพราะพวกเขาเหมือนเส้นขนานที่ไม่อาจบรรจบกันอีกทั้งคุณชัชยังเกลียดเขาขนาดนั้นถ้าท้องขึ้นมาล่ะ… ความคิดมากมายตีกันในหัวจนเวลาครบจึงหยิบแท่งตรวจขึ้นมาด้วยความหนักอึ้งแถบสีแดงสองขีดทำเอามนันย์อ้าปากค้างเขากำลังจะเป็นแม่คนและที่ท่านเจ้าสัวเคยพูดว่าไม่อยากให้อดีตซ้ำรอยเพราะเขากำลังจะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวและลูกที
“โถ่คุณแม่มานึกเสียดายเอาป่านนี้ไม่ช้าไปเหรอครับผมบอกแล้วว่าเจ้าแก้มยุ้ยน่ารักจะตายแม่กับพี่ชัชก็มัวแต่อคติชีวิตวัยเด็กของมนันย์นั้นไม่ง่ายเลยนะครับ”เมื่อพิรภพพูดขึ้นมาบรรยากาศครึกครื้นก่อนหน้าเงียบลงทันตาพรรำไพและท่านเจ้าสัวก็คงจะรู้สึกผิดไม่น้อยตลอดระยะเวลา 20 ปีที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ไม่ต่างจากคุกไม่มีอิสระไม่มีเพื่อนฝูงวัยเยาว์ถูกพรากไปเพียงเพราะกำพร้าและถูกตราหน้าว่าเป็นลูกโสเภณีมนันย์ไม่เคยได้ออกไปเล่นที่ไหนเลยจริงๆตั้งแต่จำความได้เพื่อนเล่นของเด็กน้อยมีเพียงแต่ต้นไม้ใบหญ้าเท่านั้น“ภพรู้ว่ามนันย์เป็นโอเมก้าตั้งแต่เมื่อไหร่” พรรำไพถามออกมาด้วยความสงสัยเพราะเหมือนมีแต่เธอที่แตกตื่น“ตั้งแต่ได้กลิ่น—”“แกได้กลิ่นอะไร” เสียงดุดันของพิรชัชที่ถามขึ้นก่อนจะก้าวเท้าเข้ามาในห้องนั่งเล่นแววตาดุดันทำเอาพิรภพไม่กล้าสู้หน้าหลังผ่าตัดพี่ชายเขาคล้ายอารมณ์ไม่คงที่หนึ่งนาทีหกอารมณ์เห็นจะได้ทำเอาพนักงานกลัวจนหัวหดกันหมดเป็นพรรำไพที่เอ่ยปากทำลายบรรยากาศเมื่อสองพี่น้องทำท่าจะต่อล้อต่อเถียงกันขึ้นมาเพราะเรื่องของมนันย์อีกเช่นเคย“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก”“สักพักแล้วครับ”“เอ่อ…งั้นไปล้างม
“นี่ลูกใครน่ารักมาก”ตอนแรกพิรชัชไม่ได้สนใจแต่เพราะเพื่อนของเขาที่น้องสาวกำลังเรียนอยู่ต่างประเทศโพสต์ตลอดจนทำเอาที่บ้านตกอกตกใจนึกว่าน้องสาวแอบไปคลอดลูกโดยไม่บอกที่บ้านทางเมืองไทยที่ไหนได้เป็นรุ่นพี่โอเมก้าป.โทคนหนึ่งแม้เห็นหน้าไม่ชัดแต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าหน้าตาดีไม่น้อยดูจากผิวพรรณแม้ไม่เห็นหน้าตาเด็กทั้งสองแต่ขาและแขนเป็นปล้องจ้ำม่ำทำให้ธีรธรอดเป็น FC อีกคนไปด้วยไม่ได้เพื่อนๆในวงสนทนาต่างก็มุ่งสายตาไปเป็นจุดเดียวก้อนแป้งน้อยที่นอนหลับตาพริ้มบนเตียงหน้าตาถูกเบลอเพราะกฎหมาย PDA แขนขาเป็นมัดๆเหมือนขนมปังจนอยากจะกัดสักคำ“เห็นว่าเป็นโอเมก้าแม่เลี้ยงเดี่ยว” ใครคนหนึ่งโพล่งออกมาจากนั้นก็มีคนผสมโรงจากนัดมากินเหล้าสนทนาตามประสาเพื่อนที่ไม่พูดคุยกันมานานหัวข้อวันนี้ต่างมุ่งไปที่เด็กน้อยทั้งสอง“น่าสงสารออก”“อาจจะทำตัวไม่ดีก็ได้เค้าถึงต้องได้เลี้ยงลูกคนเดียว” พิรชัชตอบออกไปอย่างไม่ใส่ใจ“แกก็อคติเกินในโลกนี้มีทั้งคนดีและเลวไม่ว่าจะเพศรองไหนอีกทั้งตอนนี้โอเมก้าเองก็เป็นที่ยอมรับของสังคมมากขึ้นแล้วบริษัทนายเองก็ปรับการรับโอเมก้าเข้าทำงานมากขึ้นไม่ใช่เหรอ”“เห็นว่าที่บ้านนายเคยรับอุปการะโอเมก้า
“มาครับเด็กๆวันนี้เป็นชั่วโมงกิจกรรมสีเทียน-”“นิรันดร์ไม่เอาสีเทียนเข้าปากนะครับ”“ปะปะ” สองพี่น้องสวมเพียงผ้าอ้อมสำเร็จรูปบนกระดาษสีขาวผืนใหญ่สองมือน้อยต่างถือสีเทียนไว้ในมือต่างก็ขีดเขียนไปตามประสาหลังจากนั้นมนันย์ก็จะแต่งเติมจินตนาการนั้นให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอีกที“อนันต์วาดอะไรครับ”“มะหมา”“น้องหมาเหรอครับ” มนันย์ยิ้มให้แฝดพี่ก่อนจะลูบหัวด้วยความเอ็นดูเด็กน้อยที่หน้าตาถอดแบบเหมือนใครอีกคนสายตาสีนิลคู่นั้นทำเอาคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวโอเมก้าเผลอตกอยู่ในภวังค์หลายครั้ง‘ป่านนี้คุณชัชคงจะหายดีเป็นปกติไม่แน่อาจจะมีคนรักใหม่ไปแล้วก็ได้’ มนันย์เม้มปากปัดความคิดฟุ้งซ่านที่อยู่ในหัวออกไปจ้องมองเด็กน้อยทั้งสองที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของเขาโอเมก้าที่ขาดความรักความเอาใจใส่จากบิดามารดารู้ดีว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนถึงแม้เด็กทั้งสองจะเติบโตโดยปราศจากบิดาผู้ให้กำเนิดแต่มนันย์สัญญากับตัวเองว่าเขาจะเลี้ยงดูเด็กอัลฟ่าน้อยทั้งสองให้ดีไม่ให้ขาดความอบอุ่นแม้แต่เสี้ยวเดียวครอบครัวที่สมบูรณ์ไม่จำเป็นต้องมีทั้งพ่อและแม่ยิ่งพ่อแม่ที่ไม่ได้มีความรักให้กันด้วยแล้วจะเผื่อแผ่มาถึงลูกๆได้อย่างไรความทรมานจากการทำพ
“ทำอะไรอยู่เด็กๆมากินของว่างเร็ว” วรวิทย์กลายเป็นคุณตาที่ติดหลานเอามากๆกิจวัตรประจำวันของคนแก่ไม่มีอะไรมากนอกจากงานที่บริษัทแล้วก็กลับมาฟัดเด็กๆทั้งสองนี่แหละมนันย์ไม่ได้เอ่ยถึงพ่อของเด็กๆวรวิทย์เองก็ไม่คิดก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของบุตรชายเขาเป็นผู้ใหญ่ที่พบเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้มาก่อน‘รักแรกมักไม่สมหวังและมักจะฝังใจ’ไม่งั้นบุตรชายโอเมก้าคงไม่คิดตัดใจตัดสัมพันธ์ถึงขั้นผ่าตัดเอาพันธะที่ตรงหลังคอออกแม้จะมีผลข้างเคียงมากมายแต่อีกนัยหนึ่งถ้ามนันย์ไม่ผ่าตัดเอาพันธะตรงหลังคอออกวรวิทย์อาจไม่มีโอกาสพบเจอกับบุตรชายโอเมก้าของเขาโดยบังเอิญขนาดนี้วรวิทย์เชื่อว่าในโลกนี้ไม่มีความบังเอิญมีแต่ถูกที่ถูกเวลาเท่านั้นไม่ว่าเชื่อว่าอีกฝ่ายอยู่จุดไต้ตำตออยู่ในความดูแลของเจ้าสัวพิสิฐชัยไม่แปลกที่เขาจะหาไม่เจอทั้งๆที่สองครอบครัวก็ต่างก็พบปะสังสรรค์กันตามงานเลี้ยงงานสังคมอีกทั้งยังใช้ซัพพลายเออร์ที่เดียวกันแต่อย่างว่าบทจะเจอก็เจอกันได้ง่ายๆแบบนี้“มาดูเร็วตาซื้อมาเยอะแยะเลยไปล้างมือแล้วค่อยมากินนะ” วรวิทย์พูดพลางก้มลงไปหอมแก้มยุ้ยของหลานทั้งสองดังฟอดฟอด“ตามใจกันแบบนี้สองแฝดเหลิงแย่เลยครับ” มนันย์บ่นอุบอิบ“
อัลฟ่าอย่างพิรชัชมีอาการติดกลิ่นอย่างน่าประหลาดทั้งๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อนยิ่งหลังการผ่าตัดเขาคล้ายมีอาการทุรนทุรายซึ่งหมอก็ไม่ทราบสาเหตุเช่นกันดอกพีโอนีมีเวลาผลิบานไม่ได้บานตลอดทั้งปีเพราะฉะนั้นเทียนหอมที่เคยทำที่บ้านพักตากอากาศทางภาคเหนือกลายเป็นไอเทมสำคัญที่พิรชัชจะพกไว้ประจำจุดต่างๆที่เขาต้องใช้เวลาอยู่ด้วยนานไม่ว่าจะเป็นห้องทำงานที่บริษัทห้องนอนรวมไปถึงบนรถไหนจะอาการกระสับกระส่ายการรับกลิ่นหรือการรับรสแม้จะกลับมาเป็นปกติแต่ว่าอาหารเลิศรสอะไรก็ไม่ทำให้อัลฟ่าอย่างเขาน้ำลายสอกลายเป็นคนกินยากอาหารที่มีกลิ่นฉุนของน้ำส้มสายชูทำเอาอัลฟ่าแทบจะโก่งคออ้วกออกมาเสียเดี๋ยวนั้นอาการทุกอย่างจะทุเลาหากได้เทียนหอมกลิ่นดอกพีโอนีเป็นกลิ่นที่เขาเคยทำร่วมกับใครบางคนใครคนนั้นหายไปจากชีวิตรวมถึงคล้ายเอาบางสิ่งบางอย่างจากเขาไปด้วยเช่นกันพิรชัชไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไรรู้เพียงแต่ว่าร่างกายของตนไม่เหมือนเดิมการนอนบนเตียงเดี่ยวที่กว้างขวางและสะดวกสบายนั้นคล้ายฝันร้ายที่คอยหลอกหลอนอาการนอนไม่หลับยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อย่างเข้าเดือนที่ 7 ปลอกหมอนที่ไม่เคยถูกซักเป็นสิ่งเยียวยาเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้อัลฟ่าหลับตาลงอย่
“แม่ครับแม่ครับ” มนันย์ที่ได้ยินเสียงเรียกของนับอนันต์ที่อยู่ในอ้อมแขนของคุณตาร้องเรียกมาแต่ไกลก่อนจะรีบเข้าไปอุ้ม“แม่ฮะอย่างร้องไห้” สองมือป้อมเกลี่ยน้ำตาบนใบหน้าสวยนั้นอย่างแผ่วเบาแม้จะอายุเพียง 3 ขวบแต่นับอนันต์มักจะวางตัวเหมือนผู้ใหญ่อยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นคำพูดคำจาเพราะเด็กน้อยไม่อยากจะเห็นแม่ตนร้องไห้เสียใจไม่ว่าเรื่องอะไรอีกก็ตาม“เกิดอะไรขึ้น” วรวิทย์หัวใจเกือบวายทันทีที่ได้รับโทรศัพท์ว่าหลานรักถูกรถชนมนันย์ส่ายหน้าก่อนจะหันไปทางต้นเสียงที่เอ่ยแนะนำตัวพร้อมขอโทษขอโพยอย่างเป็นทางการมีสเตอร์เวนก้มหัวลงขอโทษคนทั้งสามซึ่งต่างก็เข้าใจและไม่เอาความเพราะคนที่ผิดจริงๆก็คือเด็กน้อยที่วิ่งออกมาตัดหน้ารถนับว่าโชคดีที่รถไม่ได้มาด้วยเร็วมากนักมีสเตอร์เวนยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างแต่ทางพิเศกดำรงค์ปฏิเสธภาพคนทั้งสามที่สนิทสนมกันทำเอาพิรชัชนิ่งอึ้งความคิดหลายๆอย่างวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุดไม่ว่าจะเป็นเด็กอีกคนในอ้อมกอดมนันย์ส่วนอัลฟ่าทั้งสองก็เป็นที่รู้จักดีในแวดวงธุรกิจอีกทั้งยังทำธุรกิจบางส่วนร่วมกับนันท์เดชภาคย์ด้วย‘มนันย์เป็นอะไรกับสองคนนั้นอีกทั้งเด็กแฝด? ที่อายุประมาณ 3-4 ขวบหรือ
เอกสารที่ให้เลขาคู่ใจไปสืบเสาะหามานั้นทำเอาพิรชัชคิ้วผูกเป็นปมไปหลายรอบ อัศวินลอบสังเกตสีหน้าเจ้านายพลางเช็ดเหงื่อข้างขมับไปด้วย“แน่ใจเหรอว่าเป็นความจริง” พิรชัชถามเสียงเรียบ“ยิ่งกว่าจริงเสียอีกครับคุณวรวิทย์ทำการจัดประชุมชี้แจงผู้ถือหุ้นและปรับแผนผังภายในบริษัทใหม่โดยมีคุณมนันย์วรวรรณเป็นผู้ถือหุ้นเปอร์เซ็นต์ก็ลดหลั่นตามกันไปแต่ที่น่าแปลกคือคุณมนันย์กลายเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัทที่คุณวรวิทย์มีแต่การจัดการบริหารยังเป็นคุณวรวิทย์และลูกชายอย่างคุณมาวินเหมือนเดิมอ้อ! รวมไปถึงเด็กชายนับอนันต์และเด็กชายนับนิรันดร์ด้วยแม้จะใช้นามสกุลวรวรรณแต่ว่าก็คล้ายว่าเป็นหนึ่งในทายาทสายตรงของคุณวรวิทย์มากกว่าจะไปในทางอื่นอีกทั้งวงในยังบอกว่าคุณมนันย์เป็นหนึ่งในบุตรชายโอเมก้าที่พลัดพรากจากกันไปนานกว่ายี่สิบปีครับ”“ไม่รู้ว่าบอสอยากรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า”“เรื่องอะไร” สายตาของอัลฟ่าที่จ้องมองมาทำเอาเบต้าอย่างอัศวินที่ทำงานรับใช้มานานไม่ชินเสียทีแม้ไม่พูดแต่สายตากลับคาดคั้นเอาคำตอบอยู่ในที“เอ่อ…คุณมนันย์เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวท้องตั้งแต่เริ่มเรียนป.โทได้ไม่นานอาศัยทำงานอยู่ในร้านอาหารไทยที่ชื่อว่าลล
ร้านกาแฟแห่งหนึ่งใต้ตึกโรงพยาบาล สองคนที่นั่งตรงข้ามกันต่างเงียบไม่มีฝ่ายไหนที่ปริปากเอ่ยออกมาก่อน มนันย์นั่งจ้องมองกาแฟของตัวเองที่เย็นชืด แต่ทว่าความคิดล่องลอยไปไกล ส่วนพิรชัชก็เอาแต่นั่งจ้องมองฝ่ายตรงข้าม เหมือนกับว่าหากเขาคลาดสายตาไปเพียงเสี้ยววินาทีจะไม่สามารถพบเจอคนตรงหน้าพร้อมลูกน้อยอีกสองคนได้อีก อัลฟ่าอย่างพิรชัชเองก็มีความวิตกกังวลในหลายเรื่อง และที่สำคัญเขากำลังรู้สึกผิดหรือมีความรู้สึกอื่นอะไรอีกหรือไม่ เขาในตอนนี้ไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองมากนัก จะว่ายังไงดีล่ะไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนอีกทั้งยังทรมานไปทั้งกายและใจไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มนันย์เข้ามามีอิทธิพลกับตัวเองมากมายถึงขนาดนี้ความคิดถึงกันกินเข้าไปถึงในกระดูก“เอ่อคือ” มนันย์เงยหน้าพร้อมจ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังจะเอ่ยอะไรออกมาทำลายความเงียบการเงียบในตอนนี้ไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด“ผมไม่ปฏิเสธว่าเด็กทั้งสองเป็นลูกของคุณแต่ว่าคุณอย่าลืมพวกเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้วนะครับแล้วคุณก็ไม่ต้องรู้สึกผิดหรืออยากรับผิดชอบอะไรพวกเราอยู่ได้” และอยู่ได้ดีด้วยเมื่อไม่มีคุณมนันย์เอ่ยประโยคท้ายในใจ“ฉันรู้ว่านายจะอยู่ได้ดีอีก
เอกสารที่ให้เลขาคู่ใจไปสืบเสาะหามานั้นทำเอาพิรชัชคิ้วผูกเป็นปมไปหลายรอบ อัศวินลอบสังเกตสีหน้าเจ้านายพลางเช็ดเหงื่อข้างขมับไปด้วย“แน่ใจเหรอว่าเป็นความจริง” พิรชัชถามเสียงเรียบ“ยิ่งกว่าจริงเสียอีกครับคุณวรวิทย์ทำการจัดประชุมชี้แจงผู้ถือหุ้นและปรับแผนผังภายในบริษัทใหม่โดยมีคุณมนันย์วรวรรณเป็นผู้ถือหุ้นเปอร์เซ็นต์ก็ลดหลั่นตามกันไปแต่ที่น่าแปลกคือคุณมนันย์กลายเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัทที่คุณวรวิทย์มีแต่การจัดการบริหารยังเป็นคุณวรวิทย์และลูกชายอย่างคุณมาวินเหมือนเดิมอ้อ! รวมไปถึงเด็กชายนับอนันต์และเด็กชายนับนิรันดร์ด้วยแม้จะใช้นามสกุลวรวรรณแต่ว่าก็คล้ายว่าเป็นหนึ่งในทายาทสายตรงของคุณวรวิทย์มากกว่าจะไปในทางอื่นอีกทั้งวงในยังบอกว่าคุณมนันย์เป็นหนึ่งในบุตรชายโอเมก้าที่พลัดพรากจากกันไปนานกว่ายี่สิบปีครับ”“ไม่รู้ว่าบอสอยากรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า”“เรื่องอะไร” สายตาของอัลฟ่าที่จ้องมองมาทำเอาเบต้าอย่างอัศวินที่ทำงานรับใช้มานานไม่ชินเสียทีแม้ไม่พูดแต่สายตากลับคาดคั้นเอาคำตอบอยู่ในที“เอ่อ…คุณมนันย์เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวท้องตั้งแต่เริ่มเรียนป.โทได้ไม่นานอาศัยทำงานอยู่ในร้านอาหารไทยที่ชื่อว่าลล
“แม่ครับแม่ครับ” มนันย์ที่ได้ยินเสียงเรียกของนับอนันต์ที่อยู่ในอ้อมแขนของคุณตาร้องเรียกมาแต่ไกลก่อนจะรีบเข้าไปอุ้ม“แม่ฮะอย่างร้องไห้” สองมือป้อมเกลี่ยน้ำตาบนใบหน้าสวยนั้นอย่างแผ่วเบาแม้จะอายุเพียง 3 ขวบแต่นับอนันต์มักจะวางตัวเหมือนผู้ใหญ่อยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นคำพูดคำจาเพราะเด็กน้อยไม่อยากจะเห็นแม่ตนร้องไห้เสียใจไม่ว่าเรื่องอะไรอีกก็ตาม“เกิดอะไรขึ้น” วรวิทย์หัวใจเกือบวายทันทีที่ได้รับโทรศัพท์ว่าหลานรักถูกรถชนมนันย์ส่ายหน้าก่อนจะหันไปทางต้นเสียงที่เอ่ยแนะนำตัวพร้อมขอโทษขอโพยอย่างเป็นทางการมีสเตอร์เวนก้มหัวลงขอโทษคนทั้งสามซึ่งต่างก็เข้าใจและไม่เอาความเพราะคนที่ผิดจริงๆก็คือเด็กน้อยที่วิ่งออกมาตัดหน้ารถนับว่าโชคดีที่รถไม่ได้มาด้วยเร็วมากนักมีสเตอร์เวนยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างแต่ทางพิเศกดำรงค์ปฏิเสธภาพคนทั้งสามที่สนิทสนมกันทำเอาพิรชัชนิ่งอึ้งความคิดหลายๆอย่างวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุดไม่ว่าจะเป็นเด็กอีกคนในอ้อมกอดมนันย์ส่วนอัลฟ่าทั้งสองก็เป็นที่รู้จักดีในแวดวงธุรกิจอีกทั้งยังทำธุรกิจบางส่วนร่วมกับนันท์เดชภาคย์ด้วย‘มนันย์เป็นอะไรกับสองคนนั้นอีกทั้งเด็กแฝด? ที่อายุประมาณ 3-4 ขวบหรือ
อัลฟ่าอย่างพิรชัชมีอาการติดกลิ่นอย่างน่าประหลาดทั้งๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อนยิ่งหลังการผ่าตัดเขาคล้ายมีอาการทุรนทุรายซึ่งหมอก็ไม่ทราบสาเหตุเช่นกันดอกพีโอนีมีเวลาผลิบานไม่ได้บานตลอดทั้งปีเพราะฉะนั้นเทียนหอมที่เคยทำที่บ้านพักตากอากาศทางภาคเหนือกลายเป็นไอเทมสำคัญที่พิรชัชจะพกไว้ประจำจุดต่างๆที่เขาต้องใช้เวลาอยู่ด้วยนานไม่ว่าจะเป็นห้องทำงานที่บริษัทห้องนอนรวมไปถึงบนรถไหนจะอาการกระสับกระส่ายการรับกลิ่นหรือการรับรสแม้จะกลับมาเป็นปกติแต่ว่าอาหารเลิศรสอะไรก็ไม่ทำให้อัลฟ่าอย่างเขาน้ำลายสอกลายเป็นคนกินยากอาหารที่มีกลิ่นฉุนของน้ำส้มสายชูทำเอาอัลฟ่าแทบจะโก่งคออ้วกออกมาเสียเดี๋ยวนั้นอาการทุกอย่างจะทุเลาหากได้เทียนหอมกลิ่นดอกพีโอนีเป็นกลิ่นที่เขาเคยทำร่วมกับใครบางคนใครคนนั้นหายไปจากชีวิตรวมถึงคล้ายเอาบางสิ่งบางอย่างจากเขาไปด้วยเช่นกันพิรชัชไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไรรู้เพียงแต่ว่าร่างกายของตนไม่เหมือนเดิมการนอนบนเตียงเดี่ยวที่กว้างขวางและสะดวกสบายนั้นคล้ายฝันร้ายที่คอยหลอกหลอนอาการนอนไม่หลับยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อย่างเข้าเดือนที่ 7 ปลอกหมอนที่ไม่เคยถูกซักเป็นสิ่งเยียวยาเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้อัลฟ่าหลับตาลงอย่
“ทำอะไรอยู่เด็กๆมากินของว่างเร็ว” วรวิทย์กลายเป็นคุณตาที่ติดหลานเอามากๆกิจวัตรประจำวันของคนแก่ไม่มีอะไรมากนอกจากงานที่บริษัทแล้วก็กลับมาฟัดเด็กๆทั้งสองนี่แหละมนันย์ไม่ได้เอ่ยถึงพ่อของเด็กๆวรวิทย์เองก็ไม่คิดก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของบุตรชายเขาเป็นผู้ใหญ่ที่พบเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้มาก่อน‘รักแรกมักไม่สมหวังและมักจะฝังใจ’ไม่งั้นบุตรชายโอเมก้าคงไม่คิดตัดใจตัดสัมพันธ์ถึงขั้นผ่าตัดเอาพันธะที่ตรงหลังคอออกแม้จะมีผลข้างเคียงมากมายแต่อีกนัยหนึ่งถ้ามนันย์ไม่ผ่าตัดเอาพันธะตรงหลังคอออกวรวิทย์อาจไม่มีโอกาสพบเจอกับบุตรชายโอเมก้าของเขาโดยบังเอิญขนาดนี้วรวิทย์เชื่อว่าในโลกนี้ไม่มีความบังเอิญมีแต่ถูกที่ถูกเวลาเท่านั้นไม่ว่าเชื่อว่าอีกฝ่ายอยู่จุดไต้ตำตออยู่ในความดูแลของเจ้าสัวพิสิฐชัยไม่แปลกที่เขาจะหาไม่เจอทั้งๆที่สองครอบครัวก็ต่างก็พบปะสังสรรค์กันตามงานเลี้ยงงานสังคมอีกทั้งยังใช้ซัพพลายเออร์ที่เดียวกันแต่อย่างว่าบทจะเจอก็เจอกันได้ง่ายๆแบบนี้“มาดูเร็วตาซื้อมาเยอะแยะเลยไปล้างมือแล้วค่อยมากินนะ” วรวิทย์พูดพลางก้มลงไปหอมแก้มยุ้ยของหลานทั้งสองดังฟอดฟอด“ตามใจกันแบบนี้สองแฝดเหลิงแย่เลยครับ” มนันย์บ่นอุบอิบ“
“มาครับเด็กๆวันนี้เป็นชั่วโมงกิจกรรมสีเทียน-”“นิรันดร์ไม่เอาสีเทียนเข้าปากนะครับ”“ปะปะ” สองพี่น้องสวมเพียงผ้าอ้อมสำเร็จรูปบนกระดาษสีขาวผืนใหญ่สองมือน้อยต่างถือสีเทียนไว้ในมือต่างก็ขีดเขียนไปตามประสาหลังจากนั้นมนันย์ก็จะแต่งเติมจินตนาการนั้นให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอีกที“อนันต์วาดอะไรครับ”“มะหมา”“น้องหมาเหรอครับ” มนันย์ยิ้มให้แฝดพี่ก่อนจะลูบหัวด้วยความเอ็นดูเด็กน้อยที่หน้าตาถอดแบบเหมือนใครอีกคนสายตาสีนิลคู่นั้นทำเอาคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวโอเมก้าเผลอตกอยู่ในภวังค์หลายครั้ง‘ป่านนี้คุณชัชคงจะหายดีเป็นปกติไม่แน่อาจจะมีคนรักใหม่ไปแล้วก็ได้’ มนันย์เม้มปากปัดความคิดฟุ้งซ่านที่อยู่ในหัวออกไปจ้องมองเด็กน้อยทั้งสองที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของเขาโอเมก้าที่ขาดความรักความเอาใจใส่จากบิดามารดารู้ดีว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนถึงแม้เด็กทั้งสองจะเติบโตโดยปราศจากบิดาผู้ให้กำเนิดแต่มนันย์สัญญากับตัวเองว่าเขาจะเลี้ยงดูเด็กอัลฟ่าน้อยทั้งสองให้ดีไม่ให้ขาดความอบอุ่นแม้แต่เสี้ยวเดียวครอบครัวที่สมบูรณ์ไม่จำเป็นต้องมีทั้งพ่อและแม่ยิ่งพ่อแม่ที่ไม่ได้มีความรักให้กันด้วยแล้วจะเผื่อแผ่มาถึงลูกๆได้อย่างไรความทรมานจากการทำพ
“นี่ลูกใครน่ารักมาก”ตอนแรกพิรชัชไม่ได้สนใจแต่เพราะเพื่อนของเขาที่น้องสาวกำลังเรียนอยู่ต่างประเทศโพสต์ตลอดจนทำเอาที่บ้านตกอกตกใจนึกว่าน้องสาวแอบไปคลอดลูกโดยไม่บอกที่บ้านทางเมืองไทยที่ไหนได้เป็นรุ่นพี่โอเมก้าป.โทคนหนึ่งแม้เห็นหน้าไม่ชัดแต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าหน้าตาดีไม่น้อยดูจากผิวพรรณแม้ไม่เห็นหน้าตาเด็กทั้งสองแต่ขาและแขนเป็นปล้องจ้ำม่ำทำให้ธีรธรอดเป็น FC อีกคนไปด้วยไม่ได้เพื่อนๆในวงสนทนาต่างก็มุ่งสายตาไปเป็นจุดเดียวก้อนแป้งน้อยที่นอนหลับตาพริ้มบนเตียงหน้าตาถูกเบลอเพราะกฎหมาย PDA แขนขาเป็นมัดๆเหมือนขนมปังจนอยากจะกัดสักคำ“เห็นว่าเป็นโอเมก้าแม่เลี้ยงเดี่ยว” ใครคนหนึ่งโพล่งออกมาจากนั้นก็มีคนผสมโรงจากนัดมากินเหล้าสนทนาตามประสาเพื่อนที่ไม่พูดคุยกันมานานหัวข้อวันนี้ต่างมุ่งไปที่เด็กน้อยทั้งสอง“น่าสงสารออก”“อาจจะทำตัวไม่ดีก็ได้เค้าถึงต้องได้เลี้ยงลูกคนเดียว” พิรชัชตอบออกไปอย่างไม่ใส่ใจ“แกก็อคติเกินในโลกนี้มีทั้งคนดีและเลวไม่ว่าจะเพศรองไหนอีกทั้งตอนนี้โอเมก้าเองก็เป็นที่ยอมรับของสังคมมากขึ้นแล้วบริษัทนายเองก็ปรับการรับโอเมก้าเข้าทำงานมากขึ้นไม่ใช่เหรอ”“เห็นว่าที่บ้านนายเคยรับอุปการะโอเมก้า
“โถ่คุณแม่มานึกเสียดายเอาป่านนี้ไม่ช้าไปเหรอครับผมบอกแล้วว่าเจ้าแก้มยุ้ยน่ารักจะตายแม่กับพี่ชัชก็มัวแต่อคติชีวิตวัยเด็กของมนันย์นั้นไม่ง่ายเลยนะครับ”เมื่อพิรภพพูดขึ้นมาบรรยากาศครึกครื้นก่อนหน้าเงียบลงทันตาพรรำไพและท่านเจ้าสัวก็คงจะรู้สึกผิดไม่น้อยตลอดระยะเวลา 20 ปีที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ไม่ต่างจากคุกไม่มีอิสระไม่มีเพื่อนฝูงวัยเยาว์ถูกพรากไปเพียงเพราะกำพร้าและถูกตราหน้าว่าเป็นลูกโสเภณีมนันย์ไม่เคยได้ออกไปเล่นที่ไหนเลยจริงๆตั้งแต่จำความได้เพื่อนเล่นของเด็กน้อยมีเพียงแต่ต้นไม้ใบหญ้าเท่านั้น“ภพรู้ว่ามนันย์เป็นโอเมก้าตั้งแต่เมื่อไหร่” พรรำไพถามออกมาด้วยความสงสัยเพราะเหมือนมีแต่เธอที่แตกตื่น“ตั้งแต่ได้กลิ่น—”“แกได้กลิ่นอะไร” เสียงดุดันของพิรชัชที่ถามขึ้นก่อนจะก้าวเท้าเข้ามาในห้องนั่งเล่นแววตาดุดันทำเอาพิรภพไม่กล้าสู้หน้าหลังผ่าตัดพี่ชายเขาคล้ายอารมณ์ไม่คงที่หนึ่งนาทีหกอารมณ์เห็นจะได้ทำเอาพนักงานกลัวจนหัวหดกันหมดเป็นพรรำไพที่เอ่ยปากทำลายบรรยากาศเมื่อสองพี่น้องทำท่าจะต่อล้อต่อเถียงกันขึ้นมาเพราะเรื่องของมนันย์อีกเช่นเคย“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก”“สักพักแล้วครับ”“เอ่อ…งั้นไปล้างม
“นี่นันไม่น่าเชื่อว่าอายุแค่นี้ทำอาหารเก่งและประยุกต์ได้เก่งมากถ้านันอยู่กับแฟนพี่นึกว่านันท้องนะเนี่ยเหมือนพี่ตอนหนุ่มๆไม่มีผิดอยากกินแต่อะไรไม่รู้” ลลนาพูดเจื้อยแจ้วอย่างเป็นกันเองก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้าอย่างเพลิดเพลินไม่ได้สนใจสีหน้าคนตรงข้ามแม้แต่น้อยหลังจากเก็บร้านก่อนจะบอกลาเพื่อนร่วมงานแล้วลลนาแล้วรอยยิ้มก่อนหน้าหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อนึกถึงคำพูดของลลนาเขาลูบท้องน้อยอย่างเหม่อลอยคงไม่หรอกมั้งฉีดยาคุมแล้วแต่เมื่อนึกถึงพฤติกรรมของตัวเองหลายเดือนที่ผ่านมาก็อดฉุกคิดไม่ได้ถ้าท้องขึ้นมาจริงๆล่ะ….วันนี้มนันย์ตื่นนอนด้วยอาการคลื่นไส้อาเจียนเหมือนทุกเช้าจึงตัดสินใจออกไปซื้อที่ตรวจครรภ์ที่ร้านขายยาข้างล่างมนันย์นั่งลุ้นยิ่งกว่าตอนประกาศทุน E เสียอีกมีความคิดสองแบบขึ้นมาในหัวไม่ท้องก็ดีเพราะพวกเขาเหมือนเส้นขนานที่ไม่อาจบรรจบกันอีกทั้งคุณชัชยังเกลียดเขาขนาดนั้นถ้าท้องขึ้นมาล่ะ… ความคิดมากมายตีกันในหัวจนเวลาครบจึงหยิบแท่งตรวจขึ้นมาด้วยความหนักอึ้งแถบสีแดงสองขีดทำเอามนันย์อ้าปากค้างเขากำลังจะเป็นแม่คนและที่ท่านเจ้าสัวเคยพูดว่าไม่อยากให้อดีตซ้ำรอยเพราะเขากำลังจะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวและลูกที