“คุณชัชปล่อยเถอะครับ” น้ำเสียงมนันย์หนักแน่นจนคนที่คิดจะกลั่นแกล้ง หุบยิ้มลงไปทันที“นายอาจจะลืมเรื่องคืนนั้นแต่ฉันไม่!!”“คุณชัช”“เรื่องคืนนั้นมันเป็นอุบัติเหตุ ผมเข้าใจ อย่าทำให้มันเลยเถิดไปมากกว่านี้อีกเลยครับ” มนันย์กลั้นใจตอบกลัวว่าจะหลุดสะอื้น“จะว่าเป็นแค่เรื่องอุบัติเหตุแค่นั้นเหรอ นายแน่ใจนะว่าไม่ได้คิดอะไรกับฉัน นายแอบมอง แอบถ่ายรูปฉันมาตลอด หรือว่ามันเป็นเพียงหน้าที่”“…”“ฉันไม่ได้รังเกียจที่มีนายอยู่ข้าง ๆ บางทีอาจจะเป็นความรู้สึกบางอย่างที่ฉันเองก็ไม่แน่ใจในความรู้สึกนั้นตั้งแต่ตอนแรก”“เรื่องคืนนั้นช่างมันเถอะครับ” มนันย์ตัดบท“บางทีคุณแค่อาจจะเผลอไผล อีกทั้งอยู่ในสภาวะรัท ผมรู้สถานะตัวเองดีและไม่คิดเป็นอื่นเป็นอันขาดคุณพิรชัชสบายใจได้”“แล้วถ้าฉันบอกว่า…” จะว่าอะไรดีนะ พิรชัชก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เช่นกัน แรงกอดที่ด้านหลังแน่นมากขึ้นจนมนันย์รู้สึกอึดอัด“ฉันรู้สึกดีที่อยู่กับนายล่ะ”“…” มนันย์ไม่ได้รู้สึกยินดีแม้แต่น้อย มันผิดที่ผิดทางไปเสียหมด หากคุณชัชรักษาตาได้หายเป็นปกติ อาจจะรู้สึกเสียใจที่เคยพลั้งปากพูดอะไรกับเขาไป มนันย์หลับตาก่อนจะเอ่ย“คุณรู้สึกดีกับผมเพราะว
สองร่างเปลือยเปล่านอนกอดก่ายกันภายใต้ผ้าห่มผืนหนาอยู่บนฟูกที่นอนรุ่งสางอากาศจะหนาวเย็นกว่าช่วงกลางคืนโอเมก้าซุกกายเข้าหาไออุ่นด้านข้างอย่างลืมตัวพิรชัชลืมตาช้าๆเขารู้สึกถูกเบียดจากคนข้างๆที่ซุกตัวขยุกขยิกเข้าหาความอบอุ่นก่อนจะกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นอีกกลิ่นกายคนในอ้อมแขนนั้นหอมสดชื่นเหมือนกับดอกพีโอนีที่ติดตามร่างกายมีนาบอกเขาว่ามันเป็นกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มร่างกายนุ่มนิ่มลูบลื่นเอวคอดเว้าอัลฟ่าที่อดอยากปากแห้งมานานอย่างพิรชัชอดที่จะลูบไล้แผ่นหลังเปลือยเปล่าอีกครั้งไม่ได้เพราะอุบัติเหตุครานั้นทำเอาน้องชายของเขาไม่ตื่นมาเคารพธงชาติเป็นเวลาหลายสัปดาห์พอร่างกายได้รับการฟื้นฟูส่วนล่างก็ฟูแข็งแรงขึ้นไปด้วยความกำหนัดที่ไม่ได้รับการปลดปล่อยมาก่อนหน้าก็ได้รับการระบายเขาลากปลายนิ้วนั้นไปตามแผ่นหลังเปลือยเปล่าไปจนถึงบั้นท้ายกลมกลึงบีบเคล้นอย่างลืมตัวทำเอาเจ้าตัวดิ้นขยุกขยิกอย่างรำคาญส่งเสียงประท้วงออกมาเมื่อถูกใครบางคนรบกวนการนอนมนันย์ถูกเคี่ยวกรำมาทั้งคืนกว่าจะได้นอนหลับเต็มตาก็ไม่รู้ว่าเวลากี่โมงกี่ยามไปแล้วเมื่อคืนพวกเขาทำกันหลายที่ไม่ว่าจะระเบียงห้องน้ำสุดท้ายจบที่เตียงกว้าง“อื้อ” เมื่อถู
“คุกเข่าทำไม”“คุณจะได้มองเห็นผมชัดขึ้นไงครับ” มนันย์เอื้อมไปคว้ามือใหญ่มาทาบที่ใบหน้าของตัวเองอิงซบอุ่นไอจากฝ่ามือใหญ่“ชัดขึ้นหรือยังครับ” สองคนสบตากันแน่นิ่งมนันย์ไม่รู้ว่าคุณชัชมองเห็นเขาหรือไม่แม้จะอยากให้คุณชัชหายเป็นปกติโดยเร็วแต่เพราะความเห็นแก่ตัวในใจก็ได้แต่หวังว่าคุณชัชจะหายช้ากว่านี้อีกสักหน่อยยืดระยะเวลาให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันอีกสักหน่อยก็ยังดีแม้ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่คุ้มค่าโอเมก้าที่แสนน่ารังเกียจตัวซวยที่ทำให้ครอบครัวนันธ์เดชภาคย์เกือบพังเมื่อหลายปีก่อนตัวโง่งมที่ปลูกดอกไม้แห่งความชั่วร้ายอย่างดอกพีโอนีเอาไว้เต็มสวนหลังบ้านหวังเพียงว่าใครบางคนจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขาและความหมายที่ลึกซึ้งแฝงความนัยของมันขอบตาร้อนผ่าวไปด้วยม่านน้ำตาก่อนจะสูดหายใจเข้าปอดลึกๆจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่เมื่อก่อนเต็มไปด้วยความห่างเหินและเย็นชาจู่ๆพิรชัชก็รู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาภาพในหัวฉายภาพของเด็กน้อยคนหนึ่งที่ถูกเขาฉุดกระชากเสื้อออกจากตัวอย่างแรงภาพนั้นแตกเป็นเสี่ยงๆพิรชัชหลับตานิ่งสักครู่ก่อนจะกัดริมฝีปากข่มความเจ็บปวดในหัวเอาไว้เอ่ยกับอีกคนที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น“ลุกขึ้นมาไม่ปวดเข่าหรือยัง
เหมือนทั้งสองจะรู้ว่าเวลาแห่งความสุขเหลือลงน้อยลงไปทุกทีอัลฟ่าอย่างพิรชัชเองก็มีเรื่องราวให้ขบคิดมากเช่นกันการเข้ารับการผ่าตัดในครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดผลข้างเคียงอะไรอีกไหมการรับกลิ่นการรับรสสุดท้ายถือการกลับมามองเห็นได้เหมือนเดิมและสิ่งที่พิรชัชกังวลก็คือตอนนี้เขาชินกับกลิ่นดอกพีโอนีไปเสียแล้วอีกทั้งมันยังเป็นกลิ่นประจำกายของใครบางคนเป็นกลิ่นที่ทำให้เขารู้สึกดีทุกครั้งเมื่ออยู่ใกล้ไม่เหมือนกับกลิ่นของทุ่งพีโอนีในสวนมันหอมหวานละมุนและอธิบายออกมาไม่ได้ว่าคล้ายคลึงกับกลิ่นอะไรความวิตกกังวลที่มีทำให้พิรชัชอ่อนโยนกับมีนาหรือมนันย์โดยไม่รู้ตัวอัลฟ่าเป็นเพศรองที่หวงถิ่นหวงของสิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้ก็คือไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายสบโอกาสตีตัวออกหากเขาเอาตัวเองไปพัวพันและผูกติดกับมีนาทุกย่างก้าวพิรชัชที่ผ่านการคบหาดูใจกับใครมาต่อหลายคนแม้แต่แคทเทอลีนที่วางอนาคตจะใช้ชีวิตร่วมกันยังไม่สามารถสั่นคลอนความรู้สึกของเขาได้เท่ามีนาอัลฟ่าอย่างเขาไม่เคยเอาชีวิตอิสระไปผูกติดไว้กับใครเว้นช่องว่างให้กันและกันเสมอมาไม่เคยมีใครมีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของเขาได้เท่าคนคนนี้อีกแล้วแปลก! แต่พิรชัชก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่
หลังจากคุณหญิงพรรำไพประสบอุบัติเหตุพักผ่อนในกรุงเทพหายดีแล้วจึงคิดไปเยี่ยมเยียนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนตั้งใจกะว่าจะไปเซอร์ไพรส์จัดงานเลี้ยงฉลองกินกันพร้อมหน้าก่อนที่พิรชัชจะเข้ารับการผ่าตัดอีกครั้งลูกชายคนเล็กหลังจากหายดีก็ออกไปอยู่คอนโดข้างนอกเพื่อย่นระยะในการไปกลับและพักผ่อนมากขึ้นพิรภพเข้ามามีบทบาทในนามผู้บริหารอย่างเต็มตัวเขาดูแลกิจการหลายอย่างจนหัวหมุนไปหมดไหนจะพิษสงครามการค้าและเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยจะดีนักจนต้องโหมทำงานอย่างหนักรวมไปถึงท่านเจ้าสัวด้วยเช่นกันครอบครัวเลยไม่ค่อยได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันสักเท่าไหร่ป้ามะลิคนเก่าคนแก่ของเธอที่คอยดูแลลูกชายก็ไม่ใช่คนช่างคุยสักเท่าไหร่ถามคำตอบคำไม่รู้ว่ามนันย์ดูแลลูกชายของเธอยังไงบ้างแม้จะมีรสมือในการทำอาหารเป็นเลิศแต่ลูกชายเธอก็ยังอคติอยู่ดีไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะใช้เวลานี้มากลั่นแกล้งอะไรหรือเปล่าแม้ว่ามนันย์จะไม่ใช่คนแบบนั้นก็เถอะความคิดของเธอฟุ้งซ่านเป็นตุเป็นตะก่อนจะปรึกษากับท่านเจ้าสัวพิสิฐชัยเรื่องการเดินทางไปเยี่ยมพิรชัชที่บ้านพักต่างจังหวัดสักหน่อยอีกห้าวันก็จะถึงวันเดินทางกลับชีวิตของพิรชัชมีชีวิตชีวามากขึ้นเมื่อได้มีนาเป็นคนดูแลพวกเข
มนันย์ตื่นแต่เช้าออกมาเข้าครัวเตรียมอาหารให้พิรชัชตามปกติสองแขนกำลังจัดเรียงข้าวต้มและกาแฟลงบนโต๊ะแต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อรับรู้ถึงสองแขนที่โอบรัดบั้นเอวพร้อมกับแก้มขาวที่ถูกหอมไปหนึ่งฟอด“คุณพิรชัช”“ปล่อยเถอะครับเดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี” มนันย์ขัดขืนเพราะกลัวว่าป้ามะลิจะขึ้นมาเห็นแต่แรงกอดรัดทางด้านหลังทำให้เขาไม่สามารถขัดขืนได้อย่างเต็มที่“ไม่ดียังไง…หืม” ไม่ถามเปล่าแถมยังก้มลงหอมซอกคอไปอีกหนึ่งฟอดนิ้วเรียวยาวสัมผัสเข้ากับแผ่นแปะตรงหลังคอของโอเมก้าทำเอาเจ้าตัวตกใจจนตัวชาวาบ“นี่แผ่นอะไร”“คือ…เป็นแผ่นแปะปวดน่ะครับ” มนันย์ตอบไม่เต็มเสียงกลัวว่าพิรชัชจะจับได้“ปวดมากเลยเหรอฉันนวดให้เอาไหม”“อื้อ” สัมผัสนั้นแผ่วเบาแต่ทว่าทำให้โอเมก้าใจสั่นระรัวฟีโรโมนบางเบาสายหนึ่งปล่อยออกมาอบอวลล้อมรอบเจ้าของร่าง“กลิ่นนี่มัน…”มนันย์เบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนแกร่งนั้นออกมายืนตรงข้ามทันที“คุณพิรชัชมานั่งตรงนี้เถอะครับผมเตรียมเสร็จแล้วจะได้ทานตอนร้อนๆ”“ทานก่อนเลยนะครับผมขอเข้าเป็นดูในครัวสักหน่อย” มนันย์เดินหนีเข้าไปสงบจิตใจในห้องครัวอยู่สักครู่สองมือเย็นชืดบีบเข้าหากันด้วยใจความรู้สึกกระวนกระวายแม้
สองมือสอดประสานกันแน่นอัลฟ่าโน้มกายแตะหน้าผากเนียนของอีกฝ่ายเหมือนต้องการจะส่งผ่านความจริงใจและความรู้สึกที่มีไปถึงอีกคนมนันย์ปล่อยให้น้ำตาไหลหลั่งไหล่อยู่อย่างนั้น‘นี่คุณชัชกำลังร้องขอความรักจากเขาอย่างนั้นเหรอ’สัมผัสจุมพิตแผ่วเบาที่เปลือกตาไล่ลงมาถึงโหนกแก้มก่อนจะจรดแนบริมฝีปากบางคล้ายต้องการสื่อถึงความรู้สึกบางอย่างเรียวลิ้นกวาดต้อนไปทั่วโพรงปากก่อนจะเปลี่ยนจังหวะเป็นจูบที่โหยหารุนแรงทำเอาโอเมก้าหอบหายใจแทบไม่ทัน“อื้อ” เสียงเฉอะแฉะของน้ำลายดังก้องไปทั่วห้องครัวอันคับแคบมนันย์ถูกอุ้มขึ้นมาตรงเค้าเตอร์โดยไม่รู้ตัวรู้แต่ว่าจูบครั้งนี้ทำให้เขาล่องลอยคล้ายตกอยู่ในห้วงฝันที่ไม่กล้าฝันและคิดว่ามีอยู่จริงสองแขนกอดรอบคออัลฟ่าอย่างหวงแหนปรับองศาของใบหน้าเพื่อให้สองลิ้นได้เกี่ยวกระหวัดซึมซับความหอมหวานของกันและกัน“อาหารเช้าเดี๋ยวค่อยอุ่นใหม่ละกัน” พิรชัชกระซิบที่ใบหูขาวที่ระเรื่อด้วยสีแดงอย่างหยอกเย้า“อะไรนะครับ”“เพราะฉันจะกินนายก่อน”“อื้อ”“ไม่ครับเดี๋ยวป้ามะลิมาเห็นเอา”ฝ่ามือร้อนลากไล้และบีบเคล้นก้นนุ่มอย่างมันมือไล่ผ่านเข้าไปในสาบเสื้อปัดป่ายตุ่มเชอร์รี่ไปมาสร้างความรัญจวนแก่โอเมก้
วันนี้มนันย์ตื่นตั้งแต่เช้าและเข้าเมืองไปสอบ ความรักสวยงามและไม่แน่อาจไม่มีอยู่จริง แต่การศึกษาคือใบเบิกทางเป็นของจริง เขาสลัดความฝันฟุ้งเฟ้อออกไปก่อนจะเข้าสนามสอบไปด้วยความมั่นใจ แม้พิรชัชจะสูญเสียการมองเห็นแต่สมองยังใช้งานได้ดีเหมือนเดิม แถมยังพ่วงปริญญาเอกมาจากสถาบันชื่อดังยิ่งการันตีความสามารถของเขา ก่อนนอนก็ใช้เวลาติวหนังสือให้มนันย์ทุกคืน ส่วนไหนที่มักจะออกสอบ ส่วนไหนที่ไม่สำคัญ ยิ่งไปกว่านั้นหากเขาตอบถูกจะได้รางวัล หากตอบผิดจะถูกทรมานจนดิ้นพล่าน สองแก้มแดงด้วยความเขินอายเมื่อนึกถึงข้อที่เขาตอบผิด ไหนจะเรียงความ Essay ต่าง ๆ ที่เขาเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี การสอบกินเวลา 6 ชั่วโมงพริบตาเดียวสำหรับคนสอบ แต่คนที่นั่งรออยู่ที่บ้านหงุดหงิดจนนั่งไปติดที่ ออกมานั่งรอลานบ้านตั้งแต่เที่ยง พิรชัชรู้ว่าใช้เวลาสอบนานแต่ก็อดที่จะเงี่ยหูฟังเสียงรถยนต์ไม่ได้ เมื่อมีเสียงรถยนต์เข้ามาพลันได้ยินเสียงที่คุ้นเคย แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามเสียงของอีกฝ่ายก็ดังขึ้นมาก่อน“ตาชัชเป็นยังไงบ้างลูก” พรรำไพแผดเสียงร้องออกมาอย่างยินดีเมื่อเห็นหน้าลูกชายอีกครั้งหล่อนสวมกอดพลางสำรวจลูบหน้าตาของลูกชายสำรวจจนพิรชัชอ
เพราะอายุห่างกันเกือบ 15 ปีทำให้นับนิรันดร์นับอนันต์แทบจะกลายมาเป็นพ่อของนับกัลป์อีกคนพ่ออย่างพิรชัชกลับกลายเป็นสปอยลูกสาวแต่ความเด็ดขาดกลับตกอยู่ที่สองแฝดพวกเขาต่างก็สรรหาสิ่งของดีๆมาให้แถมยังหวงน้องสาวมากๆด้วยนับกัลป์ที่ตอนนี้อายุ 3 ขวบแล้วหน้าตาสะสวยแต่เด็กเลยเชียวผมสีน้ำตาลอ่อนกว่าของสองแฝดอีกเมื่อเด็กน้อยเข้าโรงเรียนสองแฝดก็ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองเทียวรับเทียวส่งเพราะว่าอยู่โรงเรียนเดียวกันสองแฝดเป็นรุ่นพี่ม. 6 เด็กๆห้องอนุบาลหมีน้อยต่างก็รู้ดีว่าพี่ชายของนับกัลป์ดุเหมือนยักษ์หากมีคนแกล้งให้เด็กน้อยร้องไห้ละก็จะต้องถูกดุแน่ๆสองแฝดนั้นน่ากลัวกว่าพ่อแม่ของพวกเขาเสียอีก ส่วนนับกัลป์นั้นได้แต่ทำหน้าเซ็งเพราะสองแฝดทำตัวแบบนี้เลยไม่มีใครอยากเล่นกับเขาเลยสักคน“แม่คะหนูไม่อยากให้พี่ๆไปรับที่โรงเรียนเลย” เมื่ออยู่พร้อมหน้ามื้อเช้าของวันเด็กน้อยก็รายงานพ่อแม่ทันที“ทำไมละคะ” มนันย์เอ่ยถามส่วนพิรชัชที่สวมชุดกันเปื้อนจัดแจงข้าวเช้าให้ลูกๆอดส่งสายตาไปปรามสองแฝดไม่ได้ไม่ใช่ครั้งแรกที่นบกัลป์บ่นเรื่องความขี้หวงของสองแฝด“ก็ไม่มีใครอยากเล่นกับหนู”“ไม่เห็นต้องแคร์เลยเด็กน้อยเธออย่าลืมว่ามีพวกเ
มนันย์ยิ้มให้กับสามีของตัวเองไม่คาดคิดว่าคุณชัชจะมีมุมที่น่ารักขี้อ้อนอย่างนี้อยู่ด้วยโอเมก้ารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังปล่อยฟีโรโมนปลอบประโลมคล้ายกับว่ามีสายลมอุ่นๆห้อมล้อมสองแม่ลูกเอาไว้ตั้งครรภ์ที่สองนี้มนันย์ไม่ได้ทำรังจนกองเสื้อผ้าสุมกันเป็นกองใหญ่เหมือนท้องแรกไม่รู้เพราะมีคู่อยู่ข้างกายหรือเปล่าเขาติดกลิ่นของอีกฝ่ายมากกว่าแม้ไม่ได้กลิ่นฟีโรโมนแต่ติดกลิ่นกายอีกทั้งอ้อมกอดนี้ก็เหมือนปราการใหญ่ที่ให้เขาได้ซุกตัวคุณแม่โอเมก้ารู้สึกอุ่นใจและปลอดภัยทุกครั้งที่ได้ซุกตัวอยู่ในอ้อมอกอุ่นนี้“คิดถึงสองแฝดจังครับไม่โทรมาเลย” พิรชัชอดหัวเราะไม่ได้“จะเอาเวลาที่ไหนมาโทรคุณลืมไปแล้วเหรอว่าคุณปู่คุณย่าสปอยสองแสบนั้นแค่ไหนกว่าจะกลับมาก็เดือนหน้านู้นแหละอีกอย่างช่วงนี้คุณก็จะได้มีเวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ด้วย”“คุณมากกว่าน่ะซิครับที่ได้พักผ่อนผมรู้นะว่าคุณกับสองแฝดทะเลาะกันตลอด”“เอ้า…ผมไม่ผิดนะสองแสบนั่นติดคุณแจแถมอยากจะนอนกล่อมน้องทั้งคืนคุณเอาผมไปไว้ที่ไหน”มนันย์ส่ายหน้าให้สามีอัลฟ่าอย่างอ่อนใจ “นั่นก็ลูกคุณนะ” “ไม่เกี่ยวคุณน่ะเมียผมสองแฝดนั้นกีดกันผมกับคุณชัดๆ” มนันย์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายสองแฝดน
เสียงโอ๊กอ๊ากยามเช้าภายในห้องน้ำทำเอาพิรชัชรู้สึกกระวนกระวายไปหมดหลายวันมาแล้วที่มนันย์ทำตัวแปลกไปก่อนหน้านี้พวกเขาสองคนตัวติดกันแทบทุกวันแต่ช่วงนี้ไม่รู้ว่าเขารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่ามนันย์ไม่เหมือนเดิมหรือว่าเพราะเขายังทำตัวไม่ดีพออัลฟ่าอย่างพิรชัชได้แต่เกาะหน้าประตูห้องน้ำได้แต่ตะโกนถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าให้ผมเข้าไปไหม”“ไม่—เป็นไรครับ” แล้วก็ตามมาด้วยเสียงอาเจียนอย่างรุนแรงอัลฟ่าหางลู่หูตกได้แต่เดินวนเวียนอยู่ภายในห้องนอนด้วยความวิตกกังวลต่างๆนานาๆพวกเขาเพิ่งจะได้ใช้ชีวิตคู่เป็นครอบครัวสมบูรณ์พร้อมหน้าได้ไม่นานอย่าให้มีเรื่องราวร้ายๆเกิดขึ้นในตอนนี้เลยก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปประคองโอเมก้าที่หน้าซีดเผือดประคองให้นั่งลงบนเตียงกว้างอย่างช้าๆ “ไปหาหมอไหมหืมเป็นอะไรไปอย่าเก็บไว้คนเดียวคุณยังมีผมและลูกๆนะ” มนันย์เห็นสามีตัวเองในเวย์นี้ก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ไม่พูดเปล่าแถมยังเกลี่ยแก้มใสนั้นอย่างเบามือ “ช่วงนี้โหมงานหนักไปหรือเปล่าเหมือนว่าคุณจะเบื่ออาหารนะออกไปทานนอกบ้านกันไหมจะได้เปลี่ยนบรรยากาศด้วย” มนันย์ส่ายหน้าแทนคำตอบก่อนจะหยิบสิ่งที่เขาซ่อนไว้ในกระเป๋ากางเกงออกมาก
สองร่างเปลือยเปล่าต่างกกกอดนัวเนียกันด้วยความกระหายและต้องการเติมเต็มซึ่งกันและกัน ช่องทางหลังโอเมก้าหยาดเยิ้มไปด้วยน้ำหล่อลื่นเนื่องจากช่วงฮีท การเตรียมพร้อมช่องทางหลังที่ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปทำให้การสอดใส่ไม่ติดขัด ส่วนปลายตอกลึกเข้าไปจนถึงปากถุงครรภ์ “อ๊ะอื้อ” โอเมก้าแหงนหน้าไปทางข้างหลังพร้อมร่างกายที่บิดพริ้วไปด้วยความกระสันจังหวะเนิบนาบก่อนหน้าหยุดลงเมื่อเห็นปฏิกิริยาคนใต้ร่าง“คุณเจ็บเหรอถ้าเจ็บก็ให้บอก…อย่าทน” พิรชัชพูดพร้อมกับแช่แกนกายไว้อยู่อย่างนั้นสักพักมันอึดอัดพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างจนทำเอาคุณแม่โอเมก้าทนแทบไม่ไหว“คะคุณขยับสักทีมันทรมาน” อัลฟ่าเองก็กัดฟันกรอดเช่นกันช่องทางคล้ายกำลังดูดกลืนท่อนลำของเขาอย่างหื่นกระหาย“ซี้ด… ผมขยับแทบไม่ได้” มันทั้งคับทั้งบีบแน่นแบบนี้ไม่รู้เพราะอารมณ์ที่พุ่งกระฉุดหรือเพราะความปราถนาลึกๆเรื่องตั้งครรภ์ของโอเมก้ากันแน่ที่ทำให้คนที่ไม่ประสีประสาและอับอายเรื่องอย่างว่ากลายมาเป็นผู้ควบขี่อยู่ตอนนี้“อื้ออะ” จังหวะและแรงกระแทกลงมาทำเอาอัลฟ่าแทบจะถึงปลายทางอยู่ร่อมร่อพิรชัชปล่อยให้คุณแม่ได้ควบขี่เขาตามอำเภอใจภาพที่เห็นทำเอาอัลฟ่าแทบลืมหายใจใ
“ขอบคุณมากครับ”“คุณเก่งมากหากเป็นผมไม่รู้ว่าจะผ่านคืนวันที่ยากลำบากเหล่านั้นไปได้ไหมที่ผ่านมาผมมองไม่เห็นถึงความลำบากที่คุณเคยได้รับมาก่อนเลย”“อย่าพูดถึงมันอีกเลยครับเรื่องราวมันผ่านมาแล้วแถมต้องขอบคุณเรื่องราวเหล่านั้นที่ทำให้ผมได้เติบโตและเข้มแข็งอย่างทุกวันนี้”“ยินดีด้วยนะครับแม่แม่เก่งที่สุดเลย” สองแฝดแม้จะอายุ 10 ขวบแต่ก็ยังมีนิสัยขี้อ้อนเหมือนเด็กน้อยไม่มีผิดต่างก็เข้ามาสวมกอดแสดงความยินดี“ขอบคุณครับ” ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มนันย์ได้ถ่ายภาพร่วมกับครอบครัวของตัวเองรวมไปถึงโอเมก้าในปกครองข้างหลังที่ต่างก็ได้รับโอกาสการสนับสนุนทุกการศึกษาจนได้มีหน้าที่การงานมั่นคงส่งต่อความฝันและอนาคตให้กับโอเมก้าที่ขาดโอกาสต่อไปมนันย์ยิ้มทั้งน้ำตาภาพที่เขาได้วาดฝันไว้กลายเป็นจริงเสียทีความหมายของชื่อมนันย์ควรค่าแก่การสรรเสริญและมานัสที่ล่วงลับไปนั้นตัดสินใจไม่ผิดที่ให้บุตรชายได้ใช้ชื่อนี้เพราะโอเมก้าคนนี้กลายเป็นผู้ให้กลายเป็นที่รักของผู้คนมากหน้าหลายตาและควรค่าต่อการสรรเสริญอย่างแท้จริงหลังจากจัดงานแต่งงานมนันย์และพิรชัชก็ได้มาใช้ชีวิตคู่ร่วมกันตอนนี้ก็ผ่านมา 2 ปีแล้วที่พวกเขาต่างก็เข้านอน
มนันย์และครอบครัวกลับมาที่ประเทศไทยอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้กลับมาตลอดระยะเวลา 10 ปี ก่อนหน้านั้นโอเมก้าเองคิดว่าไม่มีที่ให้เขาได้กลับไป อีกทั้งไม่มีใครที่เขาจะต้องอาลัยอาวรณ์อีก แต่ว่าตอนนี้เขากลับมีคนรักมากมายถึงเพียงนี้ มนันย์เองไม่เคยคิดคาดฝันมาก่อนเช่นกัน การเป็นที่รักและถูกรักมันคือความรู้สึกอย่างนี้เองเพราะเป็นโอเมก้าอีกทั้งยังกำพร้าแต่เด็กด้วยโอกาสต่างๆในชีวิตหากเขาไม่รักดีและไขว่คว้ามาด้วยตัวเองก็คงไม่ได้เห็นตัวเองในอย่างตอนนี้ตอนนี้มนันย์กลายเป็นหนึ่งในโอเมก้า 100 ลำดับที่มีอิทธิพลของโลกที่ขึ้นนิตยสารชื่อดังการกระทำของเขาส่งผลต่อการขับเคลื่อนของสังคมเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเรื่องการออกมาเรียกร้องให้มีการแก้กฎหมายและเพิ่มบทลงโทษแก่อัลฟ่าที่คุกคามโอเมก้าสวัสดิการปัจจัย 4 ที่โอเมก้าถูกกีดกัดก่อนหน้าและการมายืนอยู่จุดนี้ก็เพื่ออยากให้ทุกคนตระหนักถึงความเป็นมนุษย์ไม่ว่าจะเพศรองไหนก็ไม่ควรจะถูกกีดกันและเหยียดหยามเราต่างก็อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติมนันย์เป็นเจ้าของมูลนิธิถึง 3 แห่งเพราะเขาตระหนักดีถึงเรื่องการศึกษา ‘การศึกษาเปลี่ยนชีวิต’การศึกษามันเปลี่ยนอนาคตได้จริงๆไม่ว่าคุณจะเกิดมายา
สองฝาแฝดที่แกล้งหลับโทรหาคุณตาและลุงๆของเขาที่ต่างก็ช่วยกันวางแผนนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีนับอนันต์และนับนิรันดร์โตพอที่จะเข้าใจว่าระหว่างพ่อและแม่ของพวกเขาต่างก็มีเส้นใยบางๆที่คอยกั้นระหว่างความสัมพันธ์นั้นในอดีตพวกเขาต่างก็ไม่รู้ว่าเกิดปัญหาอะไรแต่เด็กทั้งสองรวมถึงวรวิทย์และมาวินเองต่างก็มองออกว่าทั้งสองคนต่างมีเยื่อใยให้กันอยู่โอเมก้าอย่างมนันย์เองแม้จะไร้กลิ่นแต่ทว่าไม่ได้ไร้เสน่ห์ไปเสียหมดเป็นเจ้าตัวเองที่ปิดกั้นไม่ให้อัลฟ่าหน้าไหนได้เข้ามาทำความรู้จักพิรชัชเองก็เช่นกันสายตาของพวกเขาต่างก็คอยมองกันและกันอยู่ตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมาพิรชัชเองก็ได้พิสูจน์ให้พ่อตาอย่างวรวิทย์ได้เห็นความจริงใจและความรู้สึกผิดกับอดีตที่ผ่านมาระยะเวลาล่วงเลยมาป่านนี้แทนที่จะมีหลานให้ตาอย่างเขาอีกสัก 2-3 คนปัดโธ่เอ้ยอดที่จะสุมหัวกับหลานๆจัดฉากให้ไม่ได้แล้วก็สำเร็จเมื่อเวลาผ่านไปค่อนคืนก็ยังไม่เห็นมนันย์กลับมาตาหลานเฮลั่นกระโดดกอดกันจนตัวกลมก่อนจะแยกย้ายกันไปนอนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทางนันธ์เดชภาคย์เองก็ได้รับข่าวคราวเช่นเดียวกันมนันย์ไม่ได้กีดกันหากปู่หลานจะโทรคุยกันบ้างเป็นครั้งคราวยังไงเด็กทั้งสองก็มี
“ผมเจอแล้วและคนคนนั้นก็คือคุณ” ใบหน้าสวยหวานของโอเมก้าแดงก่ำด้วยความเขินอายความรู้สึกครั้งนี้แตกต่างกับที่อยู่ด้วยกันบนบ้านพักบนเขาอย่างสิ้นเชิงตอนนั้นมนันย์สวมบทเป็นพยาบาลจำเป็นที่ชื่อมีนาแต่ทว่าคราวนี้พวกเขาทั้งสองต่างก็ยอมรับและมองเห็นตัวตนของกันและกันอย่างชัดเจนสายตาสีนิลที่จ้องมองมาทำเอาโอเมก้าทำตัวไม่ถูกพิรชัชจุมพิตที่หลังคอนั้นอย่างแผ่วเบารอยแผลเป็นนั้นเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าอัลฟ่าอย่างเขาระยำเพียงใดนิ้วมือเรียวยาวสัมผัสรอยแผลนั้นด้วยความรู้สึกเสียใจและละอายใจเป็นที่สุด“เจ็บไหม”“ไม่แล้วครับ”“ตอนที่ผ่าเอามันออกล่ะเจ็บมากไหม”“การมีอยู่ของมันทำให้ผมเจ็บปวดมากกว่าในตอนนั้นโอเมก้าที่ตั้งครรภ์ต้องการฟีโรโมนของคู่มากยิ่งโอเมก้าที่ถูกทำพันธะจะทุรนทุรายเมื่อห่างจากคู่ผมในตอนนั้นไม่กล้าคาดหวังอะไรอีกอีกทั้งผมเองก็มีส่วนผิดที่โกหกคุณตั้งแต่แรก—”“อย่าโทษตัวเองอีกเลยคุณเจ็บปวดมามากพอแล้วต่อจากนี้อย่าเจ็บปวดเพราะมันอีกเลยต่อให้คุณจะไร้กลิ่นผมก็ยังจะรักคุณมีเพียงคุณจะทะนุถนอมคุณเป็นอย่างดี” ริมฝีปากหนาจุมพิตหน้าผากมนด้วยความรักและปล่อยฟีโรโมนเพื่อปลอบประโลมคู่ของตนแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่สามารถ
“ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาคุณผ่านช่วงรัทไปได้ยังไงครับ”“ออกไปเถอะผมขอร้อง”เตียงที่ยวบข้างหลังทำเอาร่างกายอัลฟ่าแข็งค้างก่อนจะพลิกตัวหันมา “จะทำอะไร!”“ผมรู้ว่าคุณทรมานแต่ว่าคุณไม่ต้องอดกลั้นขนาดนี้ก็ได้เราต่างก็ไม่ใช่เจ้าของซึ่งกันและกันอีกทั้ง…หากคุณจะมีใครสักคนผมก็ยินดีและเชื่อว่าลูกๆต่างก็ยินดีด้วยเช่นกันเพราะฉะนั้นที่ผมจะบอกคุณก็คือตลอด 5 ปีที่ผ่านมาคุณทำหน้าที่พ่อได้ดีมากมากจนเกินกว่าที่ผมจินตนาการเอาไว้มากและผมไม่คิดว่าคุณจะทำมันมาได้นานจนถึงทุกวันนี้” มนันย์บิดผ้าขนหนูในอ่างขึ้นมาเช็ดหน้าให้อัลฟ่าที่นอนนิ่งให้เขาเช็ดหน้าให้อย่างไม่ขัดขืน“เราต่างก็ไม่มีอะไรติดค้างกันตั้งนานแล้วนะครับคุณควรจะเริ่มต้นใหม่ได้แล้ว”“ผมทำไม่ได้” มือหนาจับมือขาวที่กำลังเช็ดหน้าไว้พลางจ้องมองใบหน้าสวยหวานไล่ตั้งแต่หน้าผากมนสันจมูกจนมาถึงริมฝีปากบางก่อนจะหลับตาพร้อมกอบกุมมือขาวนั้นแนบกับใบหน้าตัวเองอย่างถวิลหาเพราะที่ผ่านมาเขาทำได้เพียงโอบกอดคนตรงหน้าเพียงความฝันเขาอยากทะนุถนอมโอเมก้าตรงหน้าให้มากที่สุดไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกโกรธหรือเกลียดตัวเองไปมากกว่านี้ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาแม้จะยากลำบากสักเพียงไหนเขาก็ไม่เ