สามอาทิตย์ผ่านไป ตั้งแต่วันนั้นมาเธอเองก็ยังไม่ได้เจอหน้าณภัทรเลย มีเพียงแค่เช้าวันนั้นที่เขาโทรมาตามเพราะว่าหาเธอตอนทานมื้อเช้าไม่เจอ พอเธอบอกว่ามีธุระด่วน เลยต้องกลับกรุงเทพมาก่อน เขาก็รับรู้แล้วก็วางสายไป
อย่างว่า คนกำลังมีความสุข ตอนนี้เขาคงจะอยู่ที่ไหนสักแห่งกับลูกในท้องและภรรยา เพราะก่อนจัดงานแต่งงานเขาเคยวางแพลนเอาไว้ว่าหากงานแต่งเสร็จเรียบร้อยก็จะพาภรรยาไปฮันนีมูนต่อ
ทุกๆเช้าเวลาเปิดประตูออกไปทำงาน เธอก็จะมองไปที่หน้าประตูห้องเขาทุกครั้ง ดังกับว่าต้องการที่จะระลึกถึงช่วงวันเวลาสมัยก่อน ตอนที่เขาใช้เธอเป็นเกราะกำบังความเหงาเวลาที่ไม่มีใคร
'กั้งคิดถึงนะจัง คิดถึงเราสมัยก่อน'
เรื่องราวตั้งแต่สมัยก่อนตอนเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันย้อนประดังเข้ามา วันนั้นเธอและเขาต่างก็เป็นรุ่นน้องปีหนึ่งด้วยกันทั้งคู่ แถมยังถูกจับคู่ให้เป็นบัดดี้กันในกิจกรรมรับน้อง ตอนนั้นเริ่มแรกเธอก็ประทับใจในความหล่อของเขาเหมือนกับผู้หญิงทุกคน แต่พอนานเข้าก็เปลี่ยนมาประทับใจในความเป็นสุภาพบุรุษของเขาแทน
ในฐานะเพื่อนสนิท ณภัทรมักจะดูแลเธอดีเสมอ จนคู่ของเธอและเขาถูกเหล่าบรรดาเพื่อนๆในมหาวิทยาลัยช่วยกันตามลุ้นและจับตามอง
เมื่อเขาเป็นเดือน และเธอเป็นดาว ทำให้ทุกคนต่างก็พากันช่วยลุ้นให้ความสัมพันธ์ก้าวหน้า แต่คิดว่าน่าจะลุ้นนานไปแล้วเห็นว่าไม่มีอะไรพัฒนา ทุกคนก็เลยล้มเลิกและหมดแรงเชียร์ไป
ยิ่งพอคบกันนานเข้าก็ไม่รู้ว่าเธออนุญาตให้ณภัทรเข้ามาซุกซ่อนอยู่ในหัวใจตอนไหน ทุกๆที่ไม่ว่ามีเขาที่ไหนก็มักจะมีเธอที่นั่น ณภัทรมักจะทำตัวติดเธอแจทุกครั้งที่โสด แต่พออยู่ในโหมดคนมีแฟน เขาก็จะกลายเป็นคนติดแฟนไปจนหลายต่อหลายครั้งที่เขาถูกเธองอน แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอเคยงอนเขาอยู่นานสุดได้กี่วัน พอโดนเขาง้อเข้าหน่อยเธอก็จะรีบหาย เป็นแบบนี้อยู่ซ้ำมาซ้ำไปจนกระทั่งเรียนจบ
พอเรียนจบต่างคนก็ต่างขวนขวายไปในสายงานที่ตนเองถนัด หากแต่เป็นเธอเองที่ไม่สามารถตัดเขาออกไปจากใจได้ง่ายๆ พอทำงานมีเงินเก็บได้สักพัก ตอนณภัทรมาปรึกษาว่าอยากจะได้คอนโด เธอก็รีบเสนอหน้าตามมาซื้อคอนโดเดียวกันกับเขา ช่วงไหนที่หัวใจเขาว่าง เธอก็มักจะถูกใช้เป็นเกราะกำบังความเหงาอย่างที่บอก เพราะณภัทรไม่ชอบอยู่ตัวคนเดียว และช่วงเวลานั้นแหละที่เธอจะรีบเก็บเกี่ยวความสุขทางใจบันทึกใส่ความทรงจำเอาไว้ให้มากๆ เป็นอย่างนี้เสมอ
ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะมีคำถามค้างคาอยู่ในใจ ว่าเหตุใดแล้วเขาจึงไม่เคยคิดอยากจะพัฒนาความสัมพันธ์กับเธอให้เป็นอย่างอื่น บางทีเธอเองก็อยากจะรู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงของณภัทรนั้นคืออะไร นอกเหนือจากคำพูดกึ่งเล่นกึ่งจริงที่ณภัทรเคยบอกมาว่าต้องการรักษาสถานะความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน แต่นั่นมันคือเหตุผลที่แท้จริงแล้วใช่ไหม
กชกรรู้ตัวดีว่าตนเองถูกจัดเอาไว้ในกลุ่มคนหน้าตาดีถึงดีมากคนหนึ่ง หากแต่กระนั้นณภัทรก็ไม่เคยมองเธอในฐานะอื่นเลยสักครั้ง มีเพียงก็แค่บางทีที่มีหนุ่มๆมาจีบ เขาถึงจะรีบมาขวางเอาไว้ เหตุผลก็บอกเพียงแค่ว่าผู้ชายคนนี้ยังไม่ดีพอ
แน่นอนว่าพอตอนนี้เขาแต่งงานมีครอบครัวไป เธอก็คงจะไม่เหลือใครให้อยู่คอยเป็นห่วงอีก ตอนนี้ถือว่าเธอตัวคนเดียว ไม่ต้องห่วงใคร ไม่ต้องคอยโทรตามใครว่ากินข้าวหรือยัง หรืออยู่ที่ไหน มีเพียงเธอแค่คนเดียวเท่านั้นที่ยังยืนอยู่ตรงนี้ ในขณะที่ในโลกเขาของเขาจะมีเพียงลูกและภรรยาเท่านั้น ไม่มีแล้ววันของเรา
ทุกวินาทีของกชกรผ่านไปอย่างเชื่องช้า สิ่งเดียวที่พอทำได้คือการแอบติดตามความเคลื่อนไหวของเขาผ่านทางโลกโซเซียล กระทั่งผ่านไปเกือบสี่อาทิตย์ณภัทรถึงได้พาภรรยากลับมา และตอนนั้นแหละที่เธอพึ่งจะได้เจอหน้าเขา
'กั้งอยู่ห้องหรือเปล่า ถ้าอยู่จะเอาของฝากไปให้ เรากับน้ำหวานพึ่งกลับมาถึงเมื่อเช้า ซื้อของฝากมาให้กั้งเต็มเลย'
กชกรเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่ส่งสัญญาณแจ้งเตือนเข้ามาในระหว่างขณะที่รถของเธอจอดติดรอสัญญาณไฟแดง พอเห็นว่าเป็นข้อความที่ถูกส่งมาจากณภัทร ตอนแรกก็เกิดอาการดีใจ แต่พออ่านไล่ไปเห็นชื่อภรรยาของเขาแล้วอาการใจฟูก็ห่อแฟบลง
'เปล่าหรอกนะ วันนี้เราออกมาพบลูกค้าน่ะยังกลับไม่ถึงบ้านเลย"
นิ้วเล็กจิ้มไล่ไปบนอักษรแป้นพิมพ์ก่อนจะส่งข้อความสั้นๆกลับไปหาณภัทร ช่วงสามสี่อาทิตย์มานี้เธอคิดถึงเขาเหลือเกิน ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยเลยจริงๆที่เธอไม่ได้เจอหน้าเขานานขนาดนี้มาก่อน ทำเอาทุกอย่างรอบตัวที่เคยสดใสนั้นเปลี่ยนเป็นสีเทาหรือไม่ก็มืดครึ้มลง
ช่วงนี้กชกรไม่มีความอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย ไม่แน่ว่าขนาดเอวกางเกงที่ลองขยับดูเมื่อเช้านั้นรู้สึกว่าก็ดูจะหลวมๆไป ขืนยังเป็นอย่างนี้ต่อไปเธอคงจะต้องผอมตายก่อนจะได้อยู่เห็นหน้าลูกณภัทรเป็นแน่
"ไหนๆก็ผ่านมาทางนี้ทั้งที แวะหน่อยก็แล้วกัน"
รถยนต์สัญชาติยุโรปคันงามที่เธอพึ่งจะผ่อนหมดถูกเลี้ยวเข้ามาจอดยังภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นชื่อดังย่านใจกลางเมือง แน่นอนว่าร้านนี้ก็เป็นอีกหนึ่งร้านโปรดของเธอและณภัทรที่ชอบมา กชกรหายใจเข้าปอดลึกๆช้าๆก่อนจะตัดสินใจก้าวลงไปจากรถแล้วเดินเข้าร้านไป
พอไปถึงก็ยังนั่งลงไปโต๊ะโปรดมุมประจำของทั้งคู่ ภาพวันเก่าๆต่างย้อนกลับเข้ามาหา ทำเอาเปลือกตาร้อนผ่าวขึ้นจนต้องกระพริบมันถี่ๆ
"เอาน่าสู้หน่อยสิกั้ง ต้องสู้เข้าไว้ หนีไม่ได้เธอก็ต้องสู้"
ริมฝีปากเล็กขมุบขมิบพูดกับตัวเองเบาๆเพื่อเรียกกำลังใจ ในเมื่อทุกๆที่ที่เธอกับณภัทรเคยไปมันก็คือทุกที่ที่เธอชอบ ขืนมัวแต่หนี ชีวิตนี้เธอคงต้องนอนอยู่แต่ในห้องและไม่สามารถออกไปไหนได้
เมนูอาหารญี่ปุ่นเล่มยาวถูกกางออกและเอ่ยบอกพนักงานรับออเดอร์ออกไปตามที่ต้องการ เพียงไม่นานรายการอาหารสามสี่อย่างก็ถูกนำมาเสิร์ฟ หากแต่มันก็ยังทำให้ต่อมความอยากอาหารของเธอหยุดการทำงานไป
กชกรยังคงนั่งจ้องเซ็ตอาหารที่ตัวเองสั่งมาอยู่อย่างนั้นเงียบๆ ก่อนที่มือเล็กจะหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบซูชิหน้าอูนิของโปรดของเธอและณภัทรขึ้นมามองอย่างช้าๆ แล้วจึงได้ส่งเข้าปาก
ทั้งที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนซูชิคำนี้จะถูกกลืนลงไปอย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้กชกรกลับรู้สึกว่าข้าวปั้นที่เคี้ยวอยู่นั้นกลับเหนียวเสียจนแทบจะกลืนไม่ลง
"ไม่กงไม่กินมันแล้ว บ้าจริง"
จังหวะที่วางตะเกียบลงแล้วกะว่าจะเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อเช็ดหน้าเช็ดตาแอบเช็ดคราบน้ำตาเสียหน่อยแล้วค่อยขับกลับบ้าน ตอนที่ลุกขึ้นยืนแล้วจะเดินตรงไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งเป็นเส้นทางตรงไปตรงกลางระหว่างสองโต๊ะซ้ายขวา ที่มุมด้านในสุดด้านขวาของร้าน สายตาเธอก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่ทำเอาเธอตัวชา ใครคนนั้นที่เธอได้แต่หวังว่าโลกจะไม่กลมถึงขนาดว่าพัดพาเขาและเธอให้ได้มาเจอกันอีก
กชกรยังคงยืนมองตัวเองหน้ากระจกห้องน้ำตัวชา ไม่คิดจริงๆว่าโลกจะกลมอย่างที่เขาเคยบอกเธอเอาไว้ พอสรุปกับตัวเองได้ว่ามันคือเขา ใจก็นึกอยากเดินออกไปจากร้านให้มันรู้แล้วรู้รอดไป จะได้ไม่ต้องทนเห็นหน้านี่ถ้าไม่ติดว่าอย่างไรก็คงจะต้องขอเข้าห้องน้ำก่อน ไม่เช่นนั้นระหว่างทางกลับบ้าน ถ้าเกิดว่ารถติดบนทางด่วนขึ้นมาแล้วล่ะก็ไม่อยากจะคิดตอนที่ขาเรียวเล็กพาตัวเองขยับเดินเข้าไปใกล้ๆ แม้ว่าจะไม่ได้อยากให้เขาเห็นเธอเลยสักนิด แต่ยังไงเสียทางนั้นก็จำเป็นต้องผ่าน ในเมื่อมันเป็นทางเดียวที่จะพาเธอไปห้องน้ำและไม่มีทางเลี่ยง กชกรจึงทำได้แค่เพียงรีบก้าวยาวๆเพื่อที่จะได้ผ่านมาถึงทางเข้าห้องน้ำได้โดยไวใช่เขาจริงๆด้วย 'ผมชื่อ ณวัฒน์' คำนั้นดังก้องขึ้นมาในหู ผู้ชายคนเดียวกันกับคนที่เธอไม่ได้อยากจะเจอะเจออีกเลยตลอดชีวิต ทำไมโลกนี้ถึงได้ใจร้ายกับเธอนัก หรือว่าปีนี้ดวงเธอจะยังซวยไม่พอ อกหักก็อกหักไปแล้ว ยังจะต้องมาถูกตอกย้ำความผิดพลาดที่เกิดจากความเมามายของตัวเองโดยการที่ต้องมาเจอหน้าผู้ชายนี้ ผู้ที่อยู่ภายใต้เบื้องหลังอันหน้าอับอายของเธอ ได้โปรดหยุดเถอะสวรรค์ โปรดอย่าได้ลงโทษเธออีกเลย แค่เรื่องณภัทรคนเดียวก็ทำให้
หกเดือนผ่านไปสมาชิกใหม่ตัวน้อยก็ได้ลืมตาขึ้นมา เด็กหญิง ณารยา หน้าตาถอดแบบณภัทรออกมาราวกับลูกแกะตัวน้อยๆ เห็นแล้วก็ได้แต่นึกอิจฉาที่ตัวเธอเองกับเขาไม่ได้มีวาสนาต่อกัน ไม่เช่นนั้นลูกของเธอและณภัทรก็คงจะออกมาน่ารักแบบนี้ ช่วงหลังมานี้เธอไม่ค่อยได้จมปลักอยู่ณภัทรแล้ว เรียกได้ว่าเริ่มตัดใจขึ้นมาได้บ้างหลังจากที่ณภ้ทรเองก็มักจะหายหน้าหายตาเอาเวลาไปดูแลเอาใจใส่ภรรยาที่ท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที จึงทำให้เธอได้เห็นหน้าเขาน้อยลง และพอได้เห็นทีไรก็เป็นอันว่าต้องมีภรรยาของเขาพ่วงท้ายตามมาด้วยทุกครั้ง และนั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอเริ่มตัดใจจากณภัทรได้เร็วมากขึ้น"ลูกสาวหน้าตาน่ารักน่าชังจังเลยนะ หน้าตาถอดแบบนะมาไม่มีผิดเพี้ยนเลย ว่าแต่ชื่อเล่นว่าอะไรน่ะคิดเอาไว้หรือยัง"กชกรหอบของเยี่ยมมาเยี่ยมหลานสาวตัวน้อยตั้งแต่เช้า ทันทีที่ณภัทรส่งข่าวเธอก็รีบแหกขี้หูขี้ตามา แม้ว่าเมื่อคืนดึกดื่นกว่าที่เธอจะกลับถึงบ้านแล้วได้นอนก็เกือบจะเช้า แต่พอเป็นเรื่องของณภัทรทีไร ทั้งสมองและหัวใจก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า 'เอาไว้ค่อยกลับไปนอนต่อใหม่ก็แล้วกัน'"ชื่อขนม น้องขนมลูกพ่อนะกับแม่น้ำหวานน่ะ กั้งว่าน่ารักดีไหม"ณ
หนึ่งปีผ่านไป ทุกอย่างที่กชกรเคยคิดเอาไว้ถึงชีวิตครอบครัวอันสวยหรูของณภัทรก็ดูท่าว่าจะไม่เป็นไปตามนั้น ช่วงหลังมานี้ณภัทรและนีรยาเริ่มมีปากเสียงกันบ่อยขึ้น สาเหตุเธอเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ แต่มีหลายคราที่ณภัทรมักจะหอบเอาลูกสาวมาฝากไว้กับเธอตอนดึกๆแล้วบอกเพียงแค่ว่าจะออกไปตามหานีรยากลับบ้าน ยิ่งพักหลังๆมา เธอแอบได้ยินแม่บ้านกับลุงยามหน้าคอนโดคุยกันว่าสงสารณภัทรที่ต้องตั้งหน้าตั้งตาเลี้ยงลูกคนเดียว เมื่อนีรยามักเอาแต่เที่ยวจนดึกดื่มกว่าจะยอมกลับบ้าน หลายทีที่เธอเลิกงานกลับมาตอนดึกแล้วเดินสวนกันกับฝ่ายนั้นที่กำลังเดินออกไป หากแต่ก็ไม่ได้มีใครทักใครด้วยเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการที่จะรู้จักเธออยู่แล้ว หนักมากเข้าบางทีก็มีผู้ชายมาจอดรับทำไมชีวิตของณภัทรถึงตกมาอยู่ในสภาพนี้ได้ หรือว่าจะเป็นผลจากเวรกรรมที่เขาเคยทำเจ้าชู้เอาไว้ ทำให้ชีวิตคู่ของเขาถึงต้องเป็นแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะสงสารเขามาก แต่เธอจะไปทำอะไรได้พอเปิดประตูลิฟท์มายังชั้นที่ห้องเธออยู่ เสียงทะเลาะกันที่ดังมาจากห้องณภัทรก็เริ่มดังขึ้น มีการขว้างปาข้าวของ มิหนำซ้ำเธอยังได้ยินเสียงลูกสาวเขาร้องไห้ลั่นออกมาจากภายในห้องอีกกชกรได้แต่ย
กชกรตื่นมาโดยการที่เห็นณภัทรประกาศขายคอนโดและต้องการหาพี่เลี้ยงเด็กผ่านทางโซเซียลมีเดียของเขาเองช่องทางหนึ่ง ข้อความเหล่านั้นทำเอากชกรถึงกับใจหายวูบเมื่อระลึกได้ว่าอีกเพียงไม่นานเขาก็จะไม่ได้อยู่ที่นี่ต่อแล้ว แถมเธอเองก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าณภัทรจะย้ายไปอยู่ไหน ที่เขาบอกว่าจะพาลูกสาวหนีนีรยาไปนั้นมันที่ใดกัน แต่คงจะไม่ใช่ในกรุงเทพนี้แน่ๆ พอตั้งสติได้ โทรศัพท์มือถือก็ถูกหยิบขึ้นมาเพื่อต่อสายหาณภัทรทันที เธอยังงงอยู่เลยว่าทำไมทุกอย่างถึงได้ปุบปับแบบนี้ ทั้งๆที่เมื่อวานนี้ตอนที่คุยกันเธอยังไม่เห็นว่าณภัทรจะเอ่ยเรื่องอะไรเหล่านี้เลยด้วยซ้ำ"นะ อยู่ไหนน่ะ กั้งเห็นนะประกาศขายคอนโดแล้ว ทำไมทุกอย่างมันถึงได้เร็วปุบปับแบบนี้"'นะว่าจะพาลูกย้ายไปอยู่ที่เขาใหญ่น่ะกั้ง พอดีว่านะปรึกษาเรื่องนี้กับแม่ แล้วแม่เขาเป็นห่วงหลาน ก็เลยไปขอร้องคุณพ่อให้ช่วยหาทางออกให้ คุณพ่อก็เลยบอกว่าให้นะพาลูกไปอยู่ที่นั่นแล้วนะเองก็ไปช่วยท่านทำงาน ติดก็แค่ตรงที่ว่านะยังหาพี่เลี้ยงให้ขนมไม่ได้'"หมายความว่านะจะย้ายไปอยู่ที่โน่นเลยเหรอ งั้นต่อไปนี้กั้งก็จะไม่ได้เจอนะอีกแล้วใช่ไหม"พอถึงตอนนี้น้ำเสียงของเธอก็อ่อนลง พลาง
สรุปว่าคอนโดห้องเก่าของณภัทรนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้หญิงคนนั้น ดีที่ว่าอย่างน้อยก็ไม่ใช่ของฝ่ายชาย เธอไม่ได้ไปล่วงรู้ข้อมูลมาจากไหนหรอก แต่ว่าเป็นจากณภัทรนั่นเองที่เผอิญพูดออกมาว่าคอนโดของเขาถูกขายให้หญิงสาวที่เป็นรุ่นน้องของนีรยา ชื่อ ยลรดาคืนนี้เป็นงานเลี้ยงส่งเธอคืนสุดท้ายที่จัดโดยหัวหน้าฝ่ายแผนกที่เธออยู่ กชกรรู้ดีว่าตนเองนั้นเป็นคนเก่ง ยิ่งถ้าเป็นเรื่องงานก็ยิ่งหนักเอาเบาสู้และมีน้ำใจกับเพื่อนร่วมงาน พอมาวันนี้เป็นวันทำงานวันสุดท้าย ทำเอาทุกคนต่างก็เศร้าไปตามๆกันเข็มนาฬิกาบนข้อมือเธอบอกเป็นเวลาเกือบห้าทุ่มแล้ว คืนนี้นับว่าเธอเองก็ถือว่าดื่มเข้าไปมากอยู่ ดีที่ว่ามีเพื่อนสนิทรุ่นน้องอาสาขับรถกลับมาส่งให้ เธอเลยได้ถือโอกาสปล่อยผีไปเสียหนึ่งวัน"จอดส่งพี่ตรงนี้แหละตาล ถึงคอนโดแล้วพี่เดินกลับขึ้นไปเองได้ ขอบจายตาลมากนะ แล้วก็ขับรถกลับบ้านดีๆล่ะ พี่ไปเองได้ พี่ไหว""แน่ใจนะพี่กั้งว่าไม่ให้ตาลเดินขึ้นไปส่ง""แน่จายน่า นี่ถึงคอนโดพี่แล้วจากลัวอาราย"กชกรพยายามประครองสติ แม้ว่าน้ำเสียงจะยานคางเล็กน้อย แต่ก็พยายามดึงสติกลับมาโฟกัสทุกอย่างให้ได้เหมือนเดิม เพื่อที่ว่ารุ่นน้องจะได้ไม่เต้องเ
ทันทีที่บานประตูถูกปิดเขาก็วางเธอลงกับพื้นอย่างง่ายดายเสียอย่างนั้น พอได้โอกาสความเป็นอิสระคืนจากคนตัวใหญ่ กชกรก็รีบผละตัวเองออกจากร่างแกร่งและถอยหลังทันที แต่ดันกลับถอยเซไปชนเข้ากับเหลี่ยมของชั้นวางรองเท้าอย่างแรงจนตัวงอ"โอ๊ย เจ็บจัง""พอมีสติก็กลัวผมขึ้นมาทุกที ไอ้ตอนที่เมาๆอยู่ทำไมถึงไม่กลัวผมบ้าง ทำตัวเป็นเมรีขี้เมาแบบนี้ เกิดไปเจอผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ผมขึ้นมาจะทำยังไง"แม้ว่าจะเจ็บ แต่พอได้ยินคำพูดของคนบางคนที่แสนจะขัดหูเข้าไป คนที่ยืนตัวงออยู่ก็หันขวับกลับมามองเขาตาขวางอย่างแทบไม่อยากเชื่อหูที่เขาหยิบเอาความผิดพลาดของเธอในอดีตขึ้นมาพูดใหม่อีกครั้งได้หน้าตาเฉยราวกับว่าไม่มีส่วนรู้เห็น ทั้งๆที่ตัวเขาเองนั่นแหละตัวดี"คุณพูดอย่างกับว่าเจอคุณแล้วมันน่าปลอดภัยนัก""อย่างน้อยผมก็ไม่เคยบังคับฝืนใจใคร""แต่เมื่อกี้ตอนที่อยู่ในลิฟท์ คุณพึ่งจะฉวยโอกาสกับฉัน""เมื่อกี้คุณไม่ได้เต็มใจจูบกับผมหรอกเหรอ เห็นยืนนิ่งเชียว ไอ้ผมก็นึกว่าคุณเต็มใจ" "คุณมันทุเรศ รีบกลับออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ" "ข้อศอกของคุณเลือดออก อุปกรณ์ทำแผลบ้านคุณอยู่ไหน""ไม่จำเป็น ฉันดูแลตัวเองได้""อย่ามัวแต่ชักช้าสิคุณ เดี๋ยว
"นี่คุณ อ๊ะ""ผมชื่อน่าน เรียกชื่อผมสิ"ใบหน้างามสะบัดส่ายศรีษะไม่ยอมทำตามอย่างที่เขาบอกอย่างง่ายๆ ในขณะที่ตัวคนที่ออกคำสั่งเองก็กำลังเมามายอยู่กับโนมเนื้ออย่างไม่ยอมลืมหูลืมตา กระโปรงเดรสตัวสั้นค่อยๆถูกรูดขึ้นมาหาต้นขาอย่างช้าๆแล้วฝ่ามือร้อนก็ลูบคลึงไปตามสะโพกงามอย่างถือดีทำเอาเรี่ยวแรงกำลังที่เธอเคยมีนั้นหายวับและดับสูญ กชกรทำได้แค่นอนรอรับสัมผัสที่เขาเป็นคนบงการอย่างร้อนรุ่มเท่านั้น จากนั้นต้นขาเรียวงามด้านในก็เริ่มถูกรุกรานด้วยนิ้วแกร่งแล้วเขี่ยสะกิดเข้ากับขอบกางเกงชั้นในพร้อมทั้งแหวกมันออกมาไว้ข้างๆ"อ๊ะ ไม่นะ""ปฏิเสธผมทั้งๆที่เปียกขนาดนี้ไม่ทรมานหรือไง""มะ ไม่ อ๊ะ ไม่ อ๊า"ทุกๆคำว่า 'ไม่' ของเธอแลกมาด้วยการที่เกสรกุหลาบงามถูกนิ้วร้ายนั่นถูไถ เรียวขางามค่อยถ่างอ้าออกอย่างช้าๆ ยามเมื่อเขาสัมผัสอย่างลืมตัว จนในที่สุดก็เผยให้เห็นความงดงามสะกดสายตาที่น่าหลงใหลถูกเคลือบเอาไว้ด้วยน้ำหวานเยิ้มวาววับจับตาในขณะที่นิ้วของเขาสอดมุดเข้าไปอย่างช้าๆ กชกรก็ได้แต่หลับตานิ่งด้วยความเสียวซ่าน นี่เธอกำลังพ่ายแพ้ให้กับความต้องการทางร่างกายอีกแล้วอย่างนั้นหรือ เธอกำลังยอมให้มันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่
หลังจากเกมรักที่ถูกบงการโดยเขาจบไป กชกรก็ลืมตาตื่นขึ้นมาบนหน้าอกแกร่งอีกครั้งโดยที่เธอยังคงถูกเขากอดเอาไว้ ส่วนคนด้านบนยังคงนอนหลับเป็นตาย ฟังดูจากเสียงลมหายใจเข้าออกที่ดังสม่ำเสมอของเขาแล้วน่าจะกำลังหลับสบายดวงตากลมโตกระพริบอยู่สองสามทีขณะที่เงยขึ้นไปมองใบหน้าที่แสนจะหล่อเหลานั่น เธอยังคงทำเป็นนอนนิ่งเพราะกลัวว่าถ้าเธอขยับตัวแล้วเขาจะตื่น เลยทำเป็นยังคงนอนนิ่งให้เขาได้กอดไปเรื่อยๆไม่ขยับ จนกระทั่งที่แถวบริเวณสะโพกเริ่มถูกลูบไล้จากฝ่ามือใหญ่ คิ้วเรียวงามก็ค่อยขมวดขยุ้ม แน่นนอนว่าถ้าลองได้ลูบก้นเธอเล่นได้แบบนี้ เขาก็คงจะตื่นแล้วนั่นแหละ รวมทั้งวงแขนแกร่งเริ่มบีบกระชับกอดเธอแน่นขึ้น จากนั้นอยู่ๆมือเธอข้างหนึ่งก็ถูกเขาจับลากและดึงลงไปข้างล่างและจับเขากับบางสิ่งบางอย่างที่กำลังตื่นตัว'ไอ้คนทะลึ่ง' กชกรร้องด่าเขาอยู่คนเดียวในใจ แต่พอจะชักมือหนีไป เขาก็ไม่ยอมให้เธอปล่อย แถมยังบังคับให้เธอจับมันแน่นขึ้นอีก แล้วเขาก็หลุดเสียงครางกระหึ่มออกมาจากในลำคอ"อ่า ซี๊ด""คนบ้า ลามก ปล่อยฉันนะ!"เขาไม่ปล่อย หากแต่ขย้ำก้นนุ่มๆของเธอแรงขึ้นก่อนจะใช้ลำแขนที่กอดเธอเอาไว้อยู่รัดเธอให้เข้าหาตัวเขาแน่นขึ้น
หลังจากที่เกมจบไป เป็นอันสรุปว่าทีมเธอและณวัฒน์นั้นแพ้ บทลงโทษก็คือเขาและเธอจะต้องช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาดเก็บขวดแก้วเหล้าจานชามไปล้างหลังจากที่ทุกคนกลับไป เพราะบรรดาเพื่อนเขาบอกว่านี่คือสาเหตุที่นานๆพวกเขาจะได้นัดรวมตัวกันที ที่ไม่อยากมารวมตัวที่นี่ก็เป็นเพราะว่ามักจะถูกณวัฒน์บังคับให้ช่วยเก็บถ้วยจานชามไปล้างเสมอ พอวันนี้ได้โอกาสเอาคืน พวกเพื่อนๆก็เลยพากันสะใจใหญ่"พี่น่านไปนอนเถอะค่ะ เดี๋ยวที่เหลือกั้งเก็บต่อเอง"กชกรบอกเขาเสียงเรียบหลังจากที่เหลืออยู่กันเพียงแค่สองคน วันนี้เธอประหยัดคำพูดกับเขามากแม้แต่ตอนที่ช่วยเขาเล่นเกมส์ก็แทบจะไม่ได้คุยกับเขาเลย มันเป็นเพราะอาการที่เรียกว่าอะไรไม่รู้ รู้เพียงแค่ว่าไม่อยากจะพูด รู้สึกทั้งโกรธ หงุดหงิด งอน น้อยใจ และอีกหลายอย่างรวมกัน ณวัฒน์พึ่งประครองพาณภัทรที่เมาจนฟุบหลับไปส่งที่บ้านหลังขวา ก่อนที่เขาจะเดินกลับมาช่วยเธอยกพวกจานชามเข้าไปล้างในบ้านตัวเองที่อยู่ใกล้กว่าทางบ้านหลังซ้าย ท่าทางเขาดูเหมือนว่าไม่ได้เมาเลยสักนิด ทั้งๆที่เธอก็เห็นว่าที่ผ่านมาเขาก็ดื่มไปมากอยู่เหมือนกัน"พี่พาเพื่อนมาดื่มเองได้ พี่ก็เก็บเองได้ กั้งไม่ต้องกลัวหรอก" ส่ว
กับแกล้มสองอย่างถูกยกไปวางที่บนโต๊ะกลางวงสนทนาโดยฝีมือณภัทรที่เป็นคนเดินมายกไปให้ ก็ในเมื่อเวลามันผ่านมาน่าจะเป็นชั่วโมงได้แล้วที่พวกเขาจับกลุ่มนั่งดื่มกัน จึงทำให้บางคนเริ่มออกอาการกรึ่มจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ตอนที่เธอเดินตามณภัทรไปเพื่อไปเก็บถาดที่ยกใส่อาหารไปคืน"โหใครวะน่าน นี่บ้านมึงมีแม่ครัวสวยขนาดนี้เลยเหรอวะ"หนึ่งในกลุ่มเพื่อนของเขาคนหนึ่งเอ่ยขึ้นตอนที่เธอเดินตามณภัทรเข้าไปใกล้ๆ ทำเอาทุกคนที่อยู่ในวงสนทนานั้นต่างก็พากันหันมามองที่เธอเป็นตาเดียว รวมถึงณวัฒน์และผู้หญิงของเขาด้วย"เปล่าหรอก คนนี้พี่เลี้ยงลูกนายนะน่ะ"ด้วยความที่รู้แน่ๆว่าตัวเองเด็กกว่ากลุ่มคนที่อยู่ตรงนั้น กชกรเลยอดไม่ได้ที่จะยกมือไหว้ไปตรงกลางแบบไม่ได้เจาะจงใคร "สวัสดีค่ะพี่ๆ กั้งแค่จะมาเก็บถาดคืนเอาไปล้าง""นะ นี่น้องกั้งเขาเป็นพี่เลี้ยงลูกแกจริงๆเหรอวะ ทำไมถึงได้สวยขนาดนี้วะ" ใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่ยังคงสงสัย และดูเหมือนว่าเธอกำลังจะตกอยู่ในหัวข้อสนทนา จะมีก็แค่เพียงณวัฒน์ที่ไม่ได้สนใจหันมองมาทางเธอ หากแต่เขากลับยกแก้วเหล้าที่พึ่งชงเสร็จส่งให้กับหญิงสาวที่นั่งข้างตัวพร้อมทั้งยกแก้วขึ้นเพื่อขอชนแก้วกับผู้หญิงคนนั
หลังจากวันนั้นณวัฒน์ก็หายหน้าไป มีเพียงบางครั้งที่กชกรได้ยินเสียงรถของเขาที่ขับกลับเข้ามาตอนดึกๆ แล้วตอนเช้าก็กลับออกไปอีก เป็นอย่างนี้อยู่หลายวันจนเธอเริ่มรู้สึก..คิดถึง และอยากเห็นหน้า อาการของเธอชักจะเริ่มหนัก ด้วยความที่ไม่รู้ว่าไม่รู้ว่าควรที่จะจัดการกับความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ยังไง จึงได้เริ่มหาทางระบายความอัดอั้นด้วยการตามเข้าไปสอดส่องเขาตามโซเชียลแทน อย่างน้อยก็ยังทำให้ตัวเองได้รู้สึกว่าได้เห็นเขาบ้าง เพราะถ้าเกิดขืนเธอไปบอกกับเขาตรงๆว่าเธอคิดถึง มีหวังณวัฒน์คงจะคิดว่าเธอเป็นไบโพล่า เพราะเป็นคนไล่ให้เขาไม่ต้องมายุ่งกับเธอเองแท้ๆแน่นอนว่าบัญชีโซเชียลเธอกับเขานั้นไม่เคยมีความเกี่ยวข้องกัน หนทางเดียวที่พอจะทำได้ก็คือเริ่มสืบหาไปทางณภัทร จนกระทั่งเจอ กชกรไม่คิดจะรอช้าที่จะรีบกดเข้าไปเพื่อหวังว่าอย่างน้อยพอที่เธอจะได้เห็นความเคลื่อนไหวใดๆของเขาบ้าง แต่ใครจะคิดล่ะว่าในนั้นกลับไม่ได้มีรูปอะไรเลย นอกจากภาพบรรยากาศภายในอาณาจักรของเขา ไม่ว่าจะเป็น ภาพต้นไม้ ใบหญ้า สิงสาราสัตว์ที่มีอยู่ในการครอบครอง ทำเอาคนที่แอบทำตัวเป็นนักสืบได้แต่ผิดหวังน้อยๆ เมื่อไม่ได้เห็นในสิ่งที่ตั
หลังจากที่ณวัฒน์พาเธอไปรับณรายาจากบ้านมารดาของเขากลับมาแล้ว ตัวเขาเองก็ขับรถหายออกไปเลย ระหว่างทางไม่ได้มีการพูดคุยกันกับเธอต่อเลยสักคำ เขาเงียบมา เธอก็เงียบไป เรื่องอะไรเธอจะต้องเป็นฝ่ายอยากคุยกับเขาก่อน ในเมื่อดูท่าทางแล้วเขาเองก็คงจะไม่ได้อยากคุยกับเธอมากนัก จิตใจคงจะตั้งหน้าตั้งตารอคอยให้ถึงเวลานัดหมายไวๆเพื่อที่จะได้ออกไปหาคนที่โทรมาหามากกว่า กชกรบอกกับตัวเองว่าถ้าเขาอยากจะออกไปไหนกับใครมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา ในเมื่อเรื่องระหว่างเธอและเขาที่เกิดขึ้นนั้นมันก็เป็นเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบที่ต่างพาไปเพียงเท่านั้น ต่อจากนี้เขาอยากจะไปคั่วกับใครที่ไหนเธอก็จะไม่สนทั้งๆที่เฝ้าย้ำเตือนตัวเองว่าให้หยุดคิดถึงเรื่องนี้แล้วรีบๆลืมมันไป แต่ทำไมตอนนี้สมองกลับหยุดที่จะคิดมันไม่ได้ เข็มนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนครึ่ง หากแต่เธอกลับยังไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ ร่างเล็กนอนพลิกขยับมาขยับไป หูก็ยังรอคอยฟังเสียงรถว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับมาคืนนี้ณรายาหลับไว อาจจะด้วยเป็นไปได้ว่าพึ่งจะหายจากอาการป่วย โดยเธอบอกกับณภัทรว่าคืนนี้จะขอเป็นคนนอนเฝ้าณรายาเอง เพราะยังเป็นห่วงว่าเด็กน้อยอาจจะกลับมาตัวร้อนอีกก็ได้ แล้วก็
หกโมงครึ่งกชกรลืมตาตื่นมาตามเวลาที่เคยตื่นตามปกติ นี่เธอพึ่งจะหลับตาไปได้เพียงแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้นเองหรอกหรือ ในเมื่อคนที่ยังคงนอนกอดเธอเอาไว้ เล่นใช้เวลาในการระบายความหื่นของตัวเองไปจนถึงเกือบจะเช้าร่างงามขยับกายทำท่าว่าจะลุกขึ้นจากเตียงมา หากกลับถูกคนมือไวดึงกลับให้นอนลงไปบนเตียงด้วยกันอีกครั้ง เขาดึงเธอเข้าไปจูบอยู่เป็นพัก จนกระทั่งพออกพอใจจึงได้ยอมถอนละริมฝีปากออกมา"อื้อ พอแล้วค่ะ""ทำไมตื่นเช้าจัง พึ่งหกโมงครึ่งเอง""กั้งจะไปดูขนมค่ะพี่น่าน แต่ว่าเสื้อผ้าไม่มีใส่เลยทำยังไงดี""งั้นพี่พากั้งกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านก่อนดีไหม กั้งใส่เสื้อกับกางเกงพี่ไปก่อน แล้วคลุมด้วยแจ็คเก็ตเอาไว้"กชกรพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาเสนอมา จากนั้นทั้งสองคนก็ออกจากบ้านหลังใหญ่มาตั้งแต่เช้า โดยณวัฒน์ขับรถพาเธอกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกะว่าจะรีบพากับไปพาณรายาอย่างที่คุยกันไว้ แต่พอขับกลับมาทันทีที่รถจอดหน้าประตูบ้าน ก็เห็นว่ามีรถของณภัทรขับกลับมาจอดที่ข้างบ้านเรียบร้อยแล้ว"นะกลับมาแล้ว" กชกรยิ้มกว้างด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความดีใจก่อนจะหันกลับมาบอกณวัฒน์ที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
นาฬิกาข้อมือบอกว่าเป็นเวลาตีสี่กว่าๆ กชกรเดินตามหลังณวัฒน์มาก็จริง แต่ข้อมือเธอกลับถูกเขาดึงเข้าไปจับไว้ ข้ออ้างก็คือกลัวว่าเธอจะเดินหลงทาง หลังจากที่เธอบอกว่า เซ็กส์ระหว่างเขาและเธอมันไม่ได้มีอะไร ณวัฒน์ก็เปิดประตูลงจากรถแล้วเดินลงไปดื้อๆ ปล่อยให้เธอวิ่งตามหน้าตั้งประหนึ่งว่าถูกเขางอน แต่พอถูกเธอวิ่งตามมาทัน เขาก็หันมาคว้าข้อมือเธอเอาไปจับไว้ แล้วจากนั้นก็เดินต่อโดยที่ไม่ยอมพูดคุยอะไรกับเธออีกเลย เพียงไม่นานทั้งเขาและเธอก็พากันเดินมาจนถึงคฤหาสน์หลังใหญ่โดยปราศจากการเผชิญหน้ากับช้างตัวที่เป็นต้นเหตุของการกลับมาถึงบ้านช้าอีก ณวัฒน์พาเธอเดินเข้าบ้านไปเงียบๆ แล้วจากนั้นก็จูงมือเธอขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน จนไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องหนึ่ง เขาจึงเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตูบ้าๆและแผ่วเบา พร้อมกับยกนิ้วชี้ขึ้นมาจุ๊ที่ปากเพื่อเป็นสัญญาณว่าไม่ให้เธอส่งเสียงในห้องนั้นบนเตียงมีเด็กหญิงณารายานอนหลับปุ๋ยอยู่ข้างๆบังอร แต่พอเธอทำท่าว่าจะแทรกตัวเข้าไป ก็ถูกณวัฒน์ดึงแขนเอาไว้พร้อมทั้งส่ายหน้าห้ามเขากระตุกแขนเธอให้เดินตามเขาไปอีกทาง ซึ่งก็เป็นโถงทางเดินตรงไปยังอีกฝั่ง ก่อนจะมาหยุดยืนตรงหน้าประตูห้องๆหนึ่ง
ทันทีที่กชกรพูดคำนั้นจบ ริมฝีปากร้อนนั่นก็บดลงมาจนแทบจะทันที ร่างกายของณวัฒน์ด้านบนนั้นเปลือยเปล่า หากแต่ว่ากางเกงยีนส์ด้านล่างกลับแน่นเปรี้ยะจนแทบจะปริแตกด้วยความคับแน่นของตัวตนของเขา และเผอิญว่ากชกรเองนั้นก็เป็นคนใจดี ก็เลยช่วยจัดการปลดเข็ดขัดหนังสีน้ำตาลออกให้ ตามด้วยช่วยแกะกระดุมและปลดซิปกางเกงให้ เพราะเห็นว่ามันแฉะชื้นเต็มที นาทีนี้เธอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเป็นอะไร รู้เพียงแค่ว่าผู้ชายตรงหน้ากำลังทำให้เธอทำสิ่งท้าทายอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ยามที่ลิ้นร้อนดูดเลียวนที่สองเต้า อกขาวๆก็พร้อมจะแอ่นขึ้นให้เขาดูด"อ๊ะ คุณน่าน""เรียกพี่สิกั้ง เรียกพี่""คุณอยากเป็นพี่กั้งเหรอคะ""เปล่าหรอก พี่อยากเป็นผัว""คุณน่าน!"กชกรแหวออกมาจนณวัฒน์ยิ้มขำที่ได้แกล้งเธอ ดูสิเออ ขนาดช่วงจังหวะแบบนี้เขาก็ยังจะมีหน้ามาทำให้เธอโวยใส่เขาได้อีก จนกระทั่งถูกมือเล็กทุบลงไปที่ไหล่ใหญ่หนึ่งที"ตีพี่แรงเท่าไหร่ เดี๋ยวตอนพี่ใส่เข้าไปกั้งจะมาว่าพี่ เอา แรงไม่ได้นะครับ"แล้วเขาก็บดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง กชกรรู้ว่าด้านล่างกางเกงยีนส์ตัวเองก็กำลังถูกเขาจัดการปลดกระดุมและรูดซิบออก แต่ด้วยความเสียวซ่านที่กำลังถูกเขารุ
"ถ้ามัวแต่นั่งรออยู่ในรถอย่างนี้ พี่ว่าคืนนี้เราคงได้นอนกันที่นี่ กั้งให้พี่ลงไปดูหน่อยเถอะ เผื่อว่าจะแก้ไขตรงไหนได้บ้าง ถ้าไม่ใช่ที่กั้งห้ามพี่ไว้เพราะว่าอยากติดฝนอยู่กับพี่ที่นี่นานๆ""คุณน่าน! อยากลงไปนักก็ลงไปเลยฉันไม่ห้ามคุณแล้ว"นี่ถ้าหากว่าเป็นตอนกลางวัน ณวัฒน์คงจะเห็นว่าใบหน้าเธอที่ปรี๊ดขึ้นด้วยความโกรธนั้นแดงขนาดไหน ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าณวัฒน์แกล้งแหย่ขำๆ แต่เธอก็ยังจะโมโหที่ถูกเขาแกล้งอยู่ดีหลังจากที่นั่งรอมาประมาณกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะมีรถที่ไหนผ่านมาเลยสักคัน จนในที่สุดกชกรก็เลยจำใจต้องปล่อยให้ณวัฒน์ลงไปดูอาการของรถ แม้ว่าจะไม่อยาก แต่ว่าคราวนี้เธอก็คงจะไม่ขอขัด เพราะเดี๋ยวเขาหาว่าเธออยากอยู่ติดฝนกับเขาสองต่อสองอีกในขณะที่สายฝนก็ยังโปรยมาอย่างหนัก ยิ่งดึกบรรยากาศในรถก็ยิ่งดูเหมือนว่าจะเย็นขึ้นเรื่อยๆ มือน้อยยกขึ้นลูบถูแขนตัวเองไปมา พลางก็คอยชะโงกหน้ามองว่าเมื่อไหร่คนข้างล่างจะกลับมา ณวัฒน์ลงไปไม่นานก็เปิดประตูรถกลับขึ้นมาในสภาพเปียกโชกแล้วบอกกับเธอว่าเขาไม่สามารถซ่อมแก้ไขอะไรได้ คงต้องเรียกช่างมา ระหว่างนั้นเขาก็ถามความคิดเห็นเธอว่าจะเอายังไง โดยให้เธ
หลังจากที่นั่งไล่ชิมขนมและคุกกี้สารพัดชนิดมาจนเกือบหมดทั้งกองจนกระทั่งพระอาทิตย์เริ่มที่จะตกดิน อยู่ๆหญิงสาวที่ชื่อบังอรก็วิ่งออกมาบอกว่าณรายาดูเหมือนว่าจะตัวร้อนและเริ่มมีไข้ กชกรตกใจมากที่ได้ยินเช่นนั้น เพราะไม่คิดว่าอยู่ดีๆณรายาจะตัวร้อนมีไข้ขึ้นมาได้ จึงรีบลุกขึ้นแล้วบอกให้หญิงสาวคนนั้นรีบพาเธอหาณรายาทันทีทุกๆคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็พากันเดินตามมาด้วยความเป็นห่วง เด็กหญิงณรายานั้นแก้มเริ่มแดงเนื่องจากว่ามีไข้ พอกชกรมาถึงก็รีบแตะหลังมือลงไปบนหน้าผากเล็กและได้จัดการค่อยๆนำผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดตามใบหน้าแขนขาและลำตัวให้"คุณน่าน คุณช่วยพาฉันกับขนมไปส่งที่บ้านหน่อยได้ไหมคะ ที่บ้านพอจะมียาลดไข้เด็กอยู่"กชกรหันมาร้องขอและถามความคิดเห็นจากเขา ทีแรกณวัฒน์ก็ดูเหมือนว่าจะเห็นดีด้วย แต่คุณอำพาก็ดันขอร้องไว้ว่าให้ณรายาอยู่ที่นั่นต่อจะดีกว่า เนื่องจากว่าที่บ้านนี้อยู่กันหลายคน มีอะไรปุบปับจะได้ช่วยกันได้"แต่แม่ว่าให้ขนมนอนพักอยู่ที่นี่ก่อนดีกว่านะน่าน บ้านเราอยู่กันตั้งหลายคน มีอะไรจะได้ช่วยกันดูได้ แล้วกั้งก็นอนเฝ้าขนมที่นี่เถอะลูก ห้องหับก็มีตั้งเยอะแยะ ขืนอุ้มแกไปตอนนี้แม่ว่าเดี๋ยวแกก็จะงอแงเป