หลังจากที่พ่อเลี้ยงแสงหล้ายอมยกธงขาวยอมแพ้ให้กับความรักของหม่อนไหมกับรามสูรแล้ววันต่อมารามสูรก็ย้ายตัวเองเข้ามาอยู่ที่ห้องของหม่อนไหมเรียบร้อยโดยที่ไม่ต้องรอคำเชิญจากใครนอกจากฟังเสียงหัวใจของตัวเองที่คิดถึงลูกกับเมียจนทนแทบไม่ไหวแม้แต่วินาทีเดียว“รีบขนาดนี้กลัวเมียหายหรือไงพี่ราม”กฤษฎิ์ที่กำลังนั่งจิบกาแฟยามเช้าพร้อมสูดอากาศสดชื่นยามฝนซาเอ่ยถามหลานชายที่กำลังทยอยขนของออกจากห้องพักด้วยรอยยิ้มบางเบา“ขืนชักช้าคุณปู่เปลี่ยนใจพี่รามก็แย่สิครับ”รามสูรตอบผู้เป็นปู่พร้อมก้าวเข้าไปหยิบกระเป๋าใบสุดท้ายออกจากห้องพักด้วยสีหน้าสดใสบ่งบอกว่าเจ้าตัวอารมณ์ดีเป็นอย่างมากทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนเขาได้นอนเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเนื่องจากลูกสาวตัวน้อยของเขาเกิดอาการน้อยใจจึงชวนเขากับหม่อนไหมเล่นกันทั้งคืนจนแทบไม่ได้พักผ่อน“ตาเฒ่าหัวดื้อไม่มีทางเปลี่ยนใจหรอก มีแต่เรานั้นแหละที่ใจร้อนไปเองคิดถึงลูกกับเมียจนทนไม่ไหวต้องรีบวิ่งแจ้นมาเก็บของย้ายไปอยู่กับเขา”คำพูดรู้ทันของกฤษฎิ์ไม่ได้ทำให้รามสูรสะทกสะท้านแต่อย่างใดใบหน้าหล่อเหลาที่มุมข้างกำลังรับแสงแดดจากดวงอาทิตย์พลันเผยรอยยิ้มทะเล้นให้ผู้เป็นตาที่ได้แต่ส่ายหน้า
หลายวันต่อมาRed-Eye PUBติ้งเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าที่ดังขึ้นทำให้วัตรที่กำลังจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มถึงกับชะงักไปเล็กน้อยเขาทำเพียงปรายตามองแสงสว่างบนหน้าจอมือถืออย่างไม่ไยดีเท่านั้น ก่อนที่เขาเตรียมจะส่งเหล้าเข้าปากอีกครั้งแต่เสียงแจ้งเตือนข้อความที่รัวเข้ามาไม่หยุดก็ทำให้เขาตัดสินใจกระแทกแก้วเหล้าลงบนโต๊ะพร้อมหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูข้อความด้วยความรำคาญปนหงุดหงิดใจ“เป็นเหี้ยอะไรของมึงวะไอ้วัตร ข้อความเข้าแค่นี้ทำเป็นหงุดหงิดไปได้เมนส์ไม่มาหรือไง”ติณที่นั่งตรงกันข้ามกับวัตรเอ่ยหยอกล้อเพื่อนด้วยความแปลกใจแต่วัตรกลับไม่ได้ตอบคำถามของเพื่อนแต่อย่างใดสายตาของเขาตอนนี้เอาแต่จ้องข้อความบนมือถืออย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองว่าคนที่หายหน้าหายตาไปนานหลายเดือนจะส่งข้อความมาหาเขาเมื่อคิดมาถึงตรงนี้หยดน้ำตาแห่งความน้อยใจพลันไหลพรั่งพรูลงบนแก้มอย่างห้ามไม่อยู่“อ้าว แล้วเป็นเหี้ยไรวะนั่น”เป้ที่หันมาเห็นพอดีเอ่ยถามวัตรที่เริ่มเบะปากเล็กน้อยก่อนที่เสียงร้องไห้โฮของลูกผู้ชายอกสามศอกจะดังขึ้นเคล้ากับเสียงเพลงจนทำให้สองหนุ่มเพื่อนรักที่นั่งอยู่ตรงข้ามถึงกับพากันลุกมานั่งข้างๆวัตรด้วยความเป็นห่
สวนสนุกบรรยากาศภายในสวนสนุกนั้นอากาศดีมากทีเดียวหม่อนไหมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งชมเมฆขาวลอยละล่องพลันสายลมพัดมาวูบหนึ่งพาให้ผมยาวสลวยปลิวสะบัด ดอกไม้ในสวนข้างๆทางเดินพริ้วไหวไปตามสายลมเหมือนกำลังโบกมือทักทายหม่อนไหมที่กำลังเดินผ่านทำให้ใบหน้ารูปไข่จิ้มลิ้มพลันเผยรอยยิ้มออกมาน้อยๆอย่างรู้สึกชื่นชอบกับบรรยากาศของสวนสนุกแห่งนี้หม่อนไหมค่อยๆหันไปมองบริเวณรอบๆด้วยความคิดถึงพลันภาพความทรงจำในวัยเด็กก็ค่อยๆหลั่งไหลเข้ามาในหัวของเธอราวกับสายน้ำที่กำลังไหลย้อนกลับ เสียงหัวเราะของมารดาและเธอในวัยห้าขวบดังขึ้นอยู่ข้างๆหูรอยยิ้มของบิดายามที่ยกกล้องถ่ายรูปบันทึกภาพความความสุขของเธอและมารดาทำให้ดวงตากลมโตคลอไปด้วยหยาดน้ำใสๆก่อนที่หยดน้ำตาเม็ดโตจะไหลหยดลงบนแก้มเนียนทำให้รามสูรที่เดินเคียงข้างกันถึงกับชะงักเท้าที่กำลังเดินอยู่ส่งผลให้หม่อนไหมพลันชะงักฝีเท้าตามเขาไปด้วย“หนูหม่อนร้องไห้ทำไมคะ”รามสูรเอ่ยถามหม่อนไหมด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยนพร้อมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากแก้มเนียนของเธอให้อย่างเบามือ“หนูหม่อนแค่คิดถึงพ่อกับแม่น่ะค่ะ ตอนเด็กๆพ่อกับแม่จะชอบพาหนูหม่อนมาฉลองวันเกิดที่นี่ พอได้กลั
ท่าอากาศยานเชียงใหม่“น้องเก้า”แก้มใสตะโกนร้องเรียกน้องชายที่กำลังเดินออกมาจากสนามบินพร้อมกับครอบครัวด้วยความดีใจก่อนที่เธอจะวิ่งเข้าไปหาน้องชายพร้อมอ้าแขนออกกว้างเพื่อจะสวมกอดน้องชายสุดที่รักหวืด“อ๊ะ น้องบ้า”“สวัสดีครับพี่หมอ”เก้าทัพเบี่ยงตัวหลบอ้อมกอดของพี่สาวพร้อมเอ่ยทักทายวายุอย่างอารมณ์ดีส่วนแก้มใสที่คว้าได้เพียงอากาศก็ไม่รอช้าที่จะตะโกนด่าน้องชายพร้อมตรงเข้าไปสวมกอดหลานชายกับหลานสาวแก้เก้อที่ถูกน้องชายเมินอย่างไม่ไยดี ถ้ารู้ว่าอายุมากขึ้นแล้วจะเย็นชากับพี่สาวขนาดนี้ตอนเด็กๆเธอน่าจะแกล้งให้วิ่งร้องไห้ไปฟ้องพ่อขาวันละหลายรอบซะให้เข็ดคิดแล้วก็ได้แต่เจ็บใจแก้มใสนะแก้มใสทำไมถึงเพิ่งมาคิดได้ตอนแก่ล่ะเนี่ย“พี่ทัพ น้องพราว หลานรักของป้าคิดถึงจังเลยลูก”แก้มใสโอบกอดหลานๆของเธอด้วยความคิดถึงก่อนที่สาวน้อยหน้าตาน่ารักที่ยืนอยู่ข้างๆพราวฟ้าจะยกมือขึ้นสะกิดเธอเบาๆทำให้แก้มใสที่กำลังยิ้มแย้มด้วยความดีใจพลันชะงักไปเล็กน้อย“ป้าแก้มคิดถึงแต่พี่ทัพกับพราวฟ้าเหรอคะ?แล้วไทน์นี่ล่ะคะ?ป้าแก้มลืมไทน์นี่แล้วใช่ไหมคะ ?กระซิก กระซิก”ท่าทางน้อยอกน้อยใจพร้อมมือที่ยกขึ้นราวกับต้องการปาดน้ำตาที่ไม่มี
สองวันต่อมาในที่สุดวันที่ครอบครัวพิสิฐกุลวัตรดิลกรอคอยก็มาถึงวันนี้ทุกคนต่างพากันตื่นขึ้นมาเตรียมตัวตั้งแต่เช้าเพื่อรอคอยการมาถึงของญาติฝ่ายเจ้าสาวที่จะมาทำการขอเจ้าบ่าวหรือภาษาที่ชาวบ้านเรียกก็คือการมาขอเขย เนื่องจากงานแต่งวันนี้ครอบครัวพิสิฐกุลวัตรดิลกยกให้เป็นการตัดสินใจของฝั่งเจ้าสาวที่ต้องการจัดงานแต่งแบบล้านนาซึ่งเป็นประเพณีดั้งเดิมของชาวภาคเหนือ“มาแล้วค่ะทุกคน ญาติเจ้าสาวมาแล้ว”ไทน์นี่ที่รอคอยการมาถึงของญาติฝ่ายเจ้าสาวรีบเข้ามาบอกทุกคนในครอบครัวที่พยักหน้ารับด้วยความยินดีก่อนที่วายุกับแก้มใสจะพาทุกคนออกไปต้อนรับญาติเจ้าสาวที่นำโดยเมษาน้าสาวของหม่อนไหมตามมาด้วยป้าหอมนวล ฝ้ายคำและคนอื่นๆอีกสองสามคน“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ ที่มาวันนี้ก็เพื่อจะมาขอเขยขวัญคนดีไปเป็นแก้วตาดวงใจของลูกสาวบ้านโน้นค่ะ”เมษาเอ่ยสู่ขอเขยขวัญด้วยรอยยิ้มจริงใจพร้อมยื่นพานดอกไม้ธูปเทียนไปตรงหน้าแก้มใสกับวายุที่รับมาถือเอาไว้ด้วยความยินดี“ลูกชายของแม่ๆก็รักดั่งแก้วตาดวงใจ ไปอยู่ทางโน้นจะร้ายจะดีอย่างไรก็ช่วยอบรมสั่งสอนเขาด้วยนะคะ”แก้มใสตอบกลับเมษาที่ยกมือไหว้ขอบคุณเมื่อการเจรจาสู่ขอเขยสำเร็จก่อนที่เมษาจะเช
“เดินทางปลอดภัยนะหนูหม่อนของย่า”น้ำเสียงอบอุ่นของย่าเอื้องคำเจือด้วยกระแสเสียงแห่งความเศร้าสร้อยเมื่อถึงเวลาที่หม่อนไหมต้องเดินทางกลับไปใช้ชีวิตในเมืองใหญ่สองมือที่เหี่ยวย่นไปตามกาลเวลาค่อย ๆ ยกขึ้นลูบเส้นผมของหลานสาวเบา ๆ อย่างอ่อนโยนเธอเลี้ยงหม่อนไหมมาตั้งแต่เล็กจนโตทุกความรักและความเอาใจใส่ที่เธอทุ่มเทให้หลานสาวคนนี้ล้วนก่อให้เกิดความผูกพันที่ยากจะตัดใจเมื่อหลานสาวกำลังจะจากไป แต่ในเมื่อตอนนี้หลานสาวของเธอเติบโตรู้ความแล้วมือของเธอที่คอยประคองหม่อนไหมมาตั้งแต่เล็กจนโตก็จำต้องปล่อยให้หลานสาวของเธอมีชีวิตเป็นของตัวเองและได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่หลานสาวของเธอรัก“หนูหม่อนสัญญาค่ะว่าจะพาหนูแพรกลับมาเยี่ยมปู่กับย่าบ่อยๆ”หม่อนไหมส่งยิ้มสดใสเป็นประกายดูอ่อนหวานน่ารักราวกับดอกไม้แย้มกลีบผลิบานในหน้าฝนทำให้ดวงใจที่ห่อเหี่ยวของแม่เลี้ยงเอื้องคำนั้นพลันมีชีวิตชีวาขึ้นมาไม่น้อยในเมื่อหลานสาวของเธอมีความสุขมากขนาดนี้แล้วเธอจะมัวอาลัยตัดใจให้หลานจากไปไม่ได้อยู่ใย“นี่ไม่ได้แกล้งพูดให้คนแก่ดีใจใช่ไหม” แม่เลี้ยงเอื้องคำเอ่ยถามหลานสาวที่รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันทีด้วยสีหน้าจริงจัง“หนูหม่อนไหนเลยจะกล้า
หลังจากที่รามสูรและหม่อนไหมย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังใหม่แล้วไม่รู้ว่าเป็นเพราะรามสูรลืมดูโหงวเฮ้งตอนซื้อหรืออย่างไรเพราะตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งผ่านไปหนึ่งเดือนหัวกระไดบ้านของรามสูรไม่เคยแห้งเลยสักครั้ง เมื่อในแต่ะละวันจะมีแขกแวะเวียนมาที่บ้านของเขาเสมอไม่ว่าจะเป็นแก๊งเพื่อนๆของหม่อนไหมที่เห็นบ้านของเขาเหมือนร้านเหล้าและร้านเกมส์หลังจากที่เลิกเรียนแล้วเด็กๆพวกนั้นก็มักจะแวะมาเล่นกับแพรไหมเป็นประจำก่อนที่จะพากันนั่งดื่มที่ริมสระน้ำบ้าง ในสวนบ้างและในบางวันเจ้าเด็กโข่งพวกนี้ก็พากันนั่งเล่นเกมส์ในห้องนั่งเล่นจนกระทั่งดึกดื่นค่อนคืนก็ไม่มียอมกลับบ้านสภาพที่รามสูรตื่นขึ้นมาเห็นในตอนเช้าจึงเป็นภาพเด็กหนุ่มเจ็ดคนที่นอนเรียงรายกันอยู่หน้าจอทีวีขนาดใหญ่ใช่แล้วเด็กหนุ่ม 7 คน ทุกคนได้ยินไม่ผิดหรอกเพราะถ้าเปรียบเพื่อนของหม่อนไหมคือเด็กโข่งเพื่อนวัยว้าวุ่นของรามสูรก็คือเด็กดื้อที่จากหลังรามสูรและหม่อนไหมแต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เด็กสองกลุ่มที่เคยตั้งแง่และมักจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำกลับคืนดีรักใคร่กลมเกลียวประหนึ่งพี่น้องที่พลัดพรากจากกันเมื่อทุกคนชี้นกก็เป็นนกชี้ไม้ก็เป็นไม้ราวกั
ดวงตาเรียวเล็กของทารกน้อยวัยสามเดือนเศษที่ค่อยๆปิดสนิทพร้อมเสียงหายใจแผ่วเบาที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอทำให้หม่อนไหมเผยรอยยิ้มออกมาน้อยๆด้วยความเอ็นดู ก่อนที่เธอจะยื่นมือนุ่มนิ่มไปเช็ดคราบน้ำนมตรงมุมปากออกให้ลูกสาวอย่างอ่อนโยนส่งผลให้ดวงตาสุกสกาวของรามสูรที่กำลังแอบมองเธออยู่พลันฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างไม่อาจหักห้ามก่อนที่จะเลือนหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อแน่ใจว่าแพรไหมหลับสนิทแล้วหม่อนไหมจึงค่อยๆวางลูกสาวลงบนที่นอนนุ่มอย่างเบามือก่อนที่เธอจะหันกลับมาแล้วพบว่าร่างสูงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานก่อนหน้านี้กำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ดจนกระทั่งถึงเม็ดสุดท้ายสาบเสื้อจึงค่อยๆแยกออกจากกันเผยให้เห็นมัดกล้ามท้องเป็นลอนสวยที่ตรึงสายตาของหม่อนไหมเอาไว้ไม่ให้เธอหันหน้าจากไปไหนอึกหม่อนไหมลอบกลืนน้ำลายดังอึกด้วยความลืมตัวดวงตากลมโตของเธอจ้องมองกล้ามท้องที่เรียงตัวสวยตาไม่กระพริบด้วยความรู้สึกที่ได้แต่รำพึงรำพันอยู่ในใจว่าเธออยากจะยื่นมือไปลูบบริเวณนั้นเหลือเกิน“หนูหม่อนคะ”รามสูรส่งเสียงเรียกหม่อนไหมที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่ว้าวุ่นจนทำให้ประสาทการรับรู้ของเธอนั้นหยุดทำงานไปชั่วขณะท่าทีขอ
เมื่อทราบว่าลูกชายประสบอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดแต่เจ้าตัวก็ยังลากสังขารมาหาหม่อนไหมที่เพิ่งคลอดวายุก็ถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกในใจอยากจะต่อว่าและหยิบไม้เรียวขึ้นมาฟาดลูกชายหัวดื้อสักสิบครั้งให้หลาบจำแต่มือเจ้ากรรมกลับหยิบได้เพียงมีดและเข็มมือไม้พันกันระวิงด้วยความวุ่นวายเมื่อการผ่าตัดเป็นไปด้วยความทุลักทุเลเพราะความดื้อดึงของรามสูรทำให้เขาเสียเลือดมากการผ่าตัดจึงเข้าขั้นวิกฤติแต่วายุกลับไม่รู้สึกหวั่นใจแต่อย่างใดเพราะคนที่เขากำลังใช้มีดกรีดลงไปบนผิวหนังสีขาวซีดคือลูกชายของเขาๆไม่มีวันปล่อยให้รามสูรเป็นอะไรแน่นอนต่อให้มัจจุราชที่อยู่ในนรกขุมที่สิบหกต้องการชีวิตของลูกชายเขามากแค่ไหนถ้าเขาไม่ยินยอมใครหน้าไหนก็พรากลูกชายไปจากอกเขาไม่ได้ทั้งนั้น“พ่อขาทำไมนานจังเลยคะ” แก้มใสเริ่มนั่งไม่ติดที่เมื่อการผ่าตัดยืดระยะเวลาออกไปจากเวลาที่บิดาบอกเธอบอกในครั้งแรกว่าเพียงสองชั่วโมงแต่นี่เกือบสามชั่วโมงแล้วไฟหน้าห้องผ่าตัดยังไม่มีทีท่าว่าจะดับลงเลย แก้มใสพลันก้มหน้าพลางวางมือเอาไว้บนหน้าอกราวกับความเจ็บปวดนั้นแล่นไปทั่วร่างอย่างมิอาจทานทนพร้อมกับความรู้สึกแสบท
เมื่อถึงกำหนดคลอดหม่อนไหมกลับไม่มีอาการปวดท้องหรือรู้สึกผิดปกติเลยแม้แต่น้อยเธอยังคงกินอิ่มนอนหลับสบายทำให้รามสูรรู้สึกวิตกกังวลไม่น้อยตรงข้ามกับหม่อนไหมที่ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเธอรู้สึกว่าลูกคนที่สองของเธอนั้นดื้อมากโดยเฉพาะช่วงเวลาที่ลูกของเธอเริ่มดิ้นเจ้าตัวน้อยในท้องแทบจะไม่ยอมให้เธอได้พักผ่อนเท้าน้อยๆพยายามถีบเธอทุกวันทั้งช่วงที่กำลังนอนหลับฝันดีจนน้ำลายแทบไหลยืดหรือจะเป็นช่วงพักสายตายามบ่ายเธอก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะแรงถีบมหาศาลจากเจ้าเด็กดื้อที่ไม่รู้ว่าเกิดอารมณ์ดีอะไรขึ้นมาถึงได้ชอบคึกคักยามบ่ายและยามดึกและอยู่แบบสุขสงบเพียงแค่ในยามเช้าเท่านั้น“พี่รามไปทำงานก่อนนะคะ”ยามเช้าที่อากาศสดใสรามสูรจำใจบอกลาภรรยาแสนรักที่กำลังนั่งทานผลไม้ที่สามีปอกให้ด้วยความเอร็ดอร่อยหม่อนไหมพยักหน้ารับเล็กน้อยอย่างเข้าใจเธอไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอที่ต้องการให้สามีอยู่ด้วยตลอดเวลาในช่วงที่เธอใกล้จะคลอดถึงแม้ว่าตอนนี้จะเลยกำหนดมาแล้วสามวันก็ตาม“ตั้งใจทำงานนะคะแล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงหนูหม่อน หนูหม่อนโอเค”น้ำเสียงผ่อนคล้ายที่คล้ายกับเด็กสาวตัวน้อยคนหนึ่งทำให้รามสูรอดใจไม่ไหวต้องยื่นมือไปบีบแ
“เอามือออกไปจากชุดตัวนี้เดี๋ยวนี้”น้ำเสียงดุดันที่ดูคล้ายคนที่มีนิสัยชอบวางอำนาจจนเคยชินดังขึ้นบอกหม่อนไหมแต่เธอที่วางมือลงไปก่อนคนมาทีหลังมีหรือจะยอมเอามือออกจากชุดที่เธอหมายตาเอาไว้ตั้งแต่เดินเข้ามาภายในร้าน ในเมื่อเธอเป็นคนจับชุดก่อนนั่นก็หมายความว่าชุดตัวนี้ต้องเป็นของเธอไม่ใช่ของคนที่กำลังออกคำสั่งราวกับต้องการอวดอำนาจบาตรใหญ่คนนี้“ฉันวางมือลงไปบนชุดก่อนคุณนะคะไม่ได้วางทีหลังมีสิทธิ์อะไรมาบอกให้คนที่จับชุดก่อนเอามือออก คุณต่างหากที่มาทีหลังตามมารยาทแล้วสมควรต้องเอามือออกค่ะไม่ใช่มาบอกฉัน”จบประโยคเสียงหอบหายใจเบาๆก็ดังขึ้นบ่งบอกว่าผู้พูดกำลังสะกดกลั้นอารมณ์เดือดดาลอย่างเต็มที่ดวงตากลมโตที่เคยมองสามีด้วยสายตารักใคร่ก่อนหน้านี้พลันแปรเป็นเป็นดุดันเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างไม่ปิดบังเช่นเดียวกันกับคนที่ออกคำสั่งให้หม่อนไหมปล่อยมือเธอก็กำลังใช้สายตาดุดันจ้องตอบกลับคืนอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน“แต่ฉันจะเอาชุดนี้และต้องได้ชุดนี้ด้วย”“ฉันก็ต้องการจะซื้อเหมือนกันค่ะและอีกอย่างฉันจับก่อนเพราะฉะนั้นกรุณาเอามือของคุณออกไปด้วยค่ะ”ดวงตาสีดำสนิทของหม่อนไหมหรี่ลงฉายประกายความเกรี้ยวกราดที่ใก
หลังจากที่เคล้าคลอแนบชิดกันมาทั้งคืนเช้านี้รามสูรกลับทำตัวงอแงราวกับเด็กน้อยที่หาข้ออ้างมาบอกกับภรรยาว่าเมื่อวานเหน็ดเหนื่อยจนหมดแรงวันนี้เขาจึงขออนุญาตตัวเองลางานหนึ่งวันเพื่อพักผ่อนทำเอาหม่อนไหมถึงกับหัวเราะด้วยความขบขันกับเหตุผลหยุดงานของสามีที่เธอรู้ดีว่าเป็นข้ออ้างแต่กลับไม่ได้ตำหนิหรือเอ่ยห้ามแต่อย่างใดเพราะที่ผ่านมาสามีของเธอก็มักจะหาเหตุผลไร้สาระมาหยุดงานเพื่ออยู่ดูแลเธอที่กำลังตั้งครรภ์กับลูกสาวตัวน้อยที่กำลังหัดพลิกตัวอยู่บ่อยๆจนบางครั้งแม่แก้มใสต้องมาลากสามีเธอให้กลับไปทำงานรามสูรถึงได้ยอมกลับไปรับบทเป็นท่านประธานบริษัทเหมือนเดิม แต่ถ้าหากว่าแม่แก้มใสเดินทางไปต่างประเทศเมื่อไรสามีของเธอก็จะกลับมารับบทผู้ชายที่คลั่งรักภรรยาและลูกสาวทันทีเช่นกันทำเอาแม่แก้มใสถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเลยทีเดียว“อู้งานอีกแล้วนะคะ”หม่อนไหมยื่นมือมาบีบจมูกรามสูรเบาๆอย่างมันเขี้ยวในขณะที่คนถูกต่อว่าได้แต่ซุกใบหน้าลงบนซอกคอหอมกรุ่นของภรรยาสาวสวยอย่างออดอ้อน“ก็พี่รามเหนื่อยนี่คะเมื่อคืนออกแรงมากไปหน่อยวันนี้เลยปวดเหมื่อยไปทั้งตัว อูย ตรงนี้ก็เจ็บ ตรงนั้นก็ช้ำไม่เชื่อหนูหม่อนมาดูสิคะ”ร
เมื่อกลับมาถึงบ้านหม่อนไหมกับรามสูรก็ตรงขึ้นไปบนห้องนอนทันทีเพื่อดูว่าลูกสาวตัวน้อยของเธอหลับหรือยังเพราะปกติเวลานี้แพรไหมจะยังคงเล่นสนุกกับพี่สาลี่ไม่ยอมนอนเป็นประจำแต่วันนี้กลับแตกต่างออกไปเมื่อคุณพ่อยังหนุ่มคุณแม่ยังสาวเปิดประตูเข้ามากลับพบว่าดวงใจของทั้งคู่นั้นนอนหลับสนิทเรียบร้อยแล้วแถมน้ำลายยังไหลยืดจนเปรอะเต็มสองแก้ม“วันนี้เล่นซนเยอะไปหน่อยเลยหลับเร็วใช่ไหมคะลูกสาว”หม่อนไหมค่อยๆใช้ผ้าสะอาดเช็ดน้ำลายที่เปรอะบนแก้มออกให้ลูกสาวอย่างเบามือในขณะที่รามสูรยื่นนิ้วของตนเองไปเกี่ยวนิ้วลูกสาวเอาไว้เบาๆเมื่อถูกสัมผัสอย่างอบอุ่นเด็กน้อยก็ขยับตัวไปมาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาแต่อย่างใดบนใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมาบางเบาคล้ายกำลังฝันดี“ไม่เจอกันแค่วันเดียวลูกสาวของพ่อจ้ำม่ำขึ้นหรือเปล่าเนี่ย”เพี๊ยะ“อูยเมียจ๋าพี่รามแค่แซวเล่นลูกไม่รู้เรื่องหรอกคนที่ถูกเมียฟาดจนขึ้นรอยแดงยื่นมือมาลูบแขนตัวเองปอยๆอย่างน่าสงสารในขณะที่หม่อนไหมถลึงตาใส่สามีที่บังอาจมาว่าลูกสาวของเธออ้วนขึ้นเป็นเพราะเขาไม่ใช่เหรอที่ขยันซื้ออาหารบำรุงร่างกายและสมองสำหรับเด็กมาฝากลูกเป็นประจำจนอ้วนจ้ำหม่ำขนาดนี้“แล้วใคร
ไนท์คลับ“อาการแพ้ท้องเป็นยังไงบ้างดีขึ้นหรือยัง?”ธีร์เอ่ยถามหม่อนไหมที่นั่งตรงกันข้ามด้วยความเป็นห่วงเพราะหลังจากที่เพื่อนๆทุกคนทราบข่าวว่าหม่อนไหมตั้งครรภ์ลูกคนที่สองทุกคนก็พากันแห่ไปเยี่ยมเธอถึงที่บ้านคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับสภาพของเพื่อนที่แพ้ท้องจนแทบหมดแรงทำเอาทุกคนทั้งเป็นห่วงทั้งสงสารจนพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว“ถ้าไม่ดีขึ้นมึงจะเห็นกูมานั่งอยู่ตรงนี้ไหม?”“ลูกสองแล้วยังปากดีเหมือนเดิมเลยนะมึง”ธีร์ส่งค้อนให้หม่อนไหมพร้อมตอกกลับเพื่อไปหนึ่งกรุบอย่างอารมณ์ดีทำเอาคุณแม่ลูกสองหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจก่อนที่หม่อนไหมจะหยิบน้ำส้มขึ้นมาดื่มด้วยความคิดถึงรสชาติและบรรยากาศคุ้นเคยที่เธอห่างหายไปนานถึงแม้ที่นี่จะไม่ใช่ผับที่เธอมาเที่ยวเป็นประจำแต่พวกเธอก็ชอบมาเที่ยวบ่อยๆไม่แพ้ร้านโปรดเลยอาจจะเป็นเพราะว่าเธอกำลังตั้งครรภ์เพื่อนๆจึงเลือกเป็นที่นี่แทนผับที่ค่อนข้างวุ่นวาย“แล้วออกมาเที่ยวผัวไม่ว่าไง”เจย์ที่เพิ่งชงเหล้าให้นายน์เสร็จเอ่ยถามด้วยความแปลกใจที่รามสูรยอมอนุญาตให้หม่อนไหมมาเที่ยวคลับได้ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วรามสูรที่พวกเขารู้จักนั้นแทบจะไม่อนุญาตให้หม่อนไหมออกไปไหนมาไหนเลยด้วยซ้ำตั้งแต
วันเวลาผ่านไปช้าๆอย่างไม่เร่งรีบชีวิตคู่ของรามสูรและหม่อนไหมนั้นถือได้ว่าเต็มไปด้วยความสุขและความเข้าใจซึ่งกันและกันของสองสามีภรรยาหม่อนไหมถึงแม้จะยังเป็นเด็กที่เพิ่งย่างก้าวเข้าสู่วัยยี่สิบเอ็ดปีแต่การอบรมเลี้ยงดูของพ่อเลี้ยงแสงหล้าและแม่ลี้ยงเอื้องคำนั้นไม่ได้เปล่าประโยชน์เลยแม้แต่น้อยดรุณีน้อยซุกซนในวันวานเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักนิ่งและสงบใจตัวเองเมื่อก้าวเข้าสู่คำว่าครอบครัวและคู่ชีวิตการกระทำที่หุนหันพลันแล่นในอดีตนั้นหม่อนไหมล้วนเก็บใส่กล่องไว้เป็นความทรงจำและบทเรียนเตือนใจตนเองตอนนี้จึงมีเพียงสาวน้อยน่ารักที่มักจะชอบพูดจาอ่อนหวานออดอ้อนสามีในยามที่ทั้งคู่อยู่กันเพียงลำพังตอนนี้ลูกสาวตัวน้อยของทั้งคู่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ หม่อนไหมวางแผนเอาไว้ว่ารอให้แพรไหมอายุครบหนึ่งขวบเธอก็จะกลับไปเรียนต่อให้จบมหาวิทยาลัยซึ่งรามสูรก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใดคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวบางอย่างเมื่อเกิดขึ้นแล้วแผนการที่วางเอาไว้ต่อให้ตั้งใจและเตรียมตัวพร้อมแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องพับเก็บเอาไว้ชั่วคราวตามลำดับความสำคัญของเรื่องนั้น“ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ คุณหม่อนไหมตั้งครรภ์ได้ 5 สัปดาห์แล้ว” คำพูดแสด
ดวงตาเรียวเล็กของทารกน้อยวัยสามเดือนเศษที่ค่อยๆปิดสนิทพร้อมเสียงหายใจแผ่วเบาที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอทำให้หม่อนไหมเผยรอยยิ้มออกมาน้อยๆด้วยความเอ็นดู ก่อนที่เธอจะยื่นมือนุ่มนิ่มไปเช็ดคราบน้ำนมตรงมุมปากออกให้ลูกสาวอย่างอ่อนโยนส่งผลให้ดวงตาสุกสกาวของรามสูรที่กำลังแอบมองเธออยู่พลันฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างไม่อาจหักห้ามก่อนที่จะเลือนหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อแน่ใจว่าแพรไหมหลับสนิทแล้วหม่อนไหมจึงค่อยๆวางลูกสาวลงบนที่นอนนุ่มอย่างเบามือก่อนที่เธอจะหันกลับมาแล้วพบว่าร่างสูงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานก่อนหน้านี้กำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ดจนกระทั่งถึงเม็ดสุดท้ายสาบเสื้อจึงค่อยๆแยกออกจากกันเผยให้เห็นมัดกล้ามท้องเป็นลอนสวยที่ตรึงสายตาของหม่อนไหมเอาไว้ไม่ให้เธอหันหน้าจากไปไหนอึกหม่อนไหมลอบกลืนน้ำลายดังอึกด้วยความลืมตัวดวงตากลมโตของเธอจ้องมองกล้ามท้องที่เรียงตัวสวยตาไม่กระพริบด้วยความรู้สึกที่ได้แต่รำพึงรำพันอยู่ในใจว่าเธออยากจะยื่นมือไปลูบบริเวณนั้นเหลือเกิน“หนูหม่อนคะ”รามสูรส่งเสียงเรียกหม่อนไหมที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่ว้าวุ่นจนทำให้ประสาทการรับรู้ของเธอนั้นหยุดทำงานไปชั่วขณะท่าทีขอ
หลังจากที่รามสูรและหม่อนไหมย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังใหม่แล้วไม่รู้ว่าเป็นเพราะรามสูรลืมดูโหงวเฮ้งตอนซื้อหรืออย่างไรเพราะตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งผ่านไปหนึ่งเดือนหัวกระไดบ้านของรามสูรไม่เคยแห้งเลยสักครั้ง เมื่อในแต่ะละวันจะมีแขกแวะเวียนมาที่บ้านของเขาเสมอไม่ว่าจะเป็นแก๊งเพื่อนๆของหม่อนไหมที่เห็นบ้านของเขาเหมือนร้านเหล้าและร้านเกมส์หลังจากที่เลิกเรียนแล้วเด็กๆพวกนั้นก็มักจะแวะมาเล่นกับแพรไหมเป็นประจำก่อนที่จะพากันนั่งดื่มที่ริมสระน้ำบ้าง ในสวนบ้างและในบางวันเจ้าเด็กโข่งพวกนี้ก็พากันนั่งเล่นเกมส์ในห้องนั่งเล่นจนกระทั่งดึกดื่นค่อนคืนก็ไม่มียอมกลับบ้านสภาพที่รามสูรตื่นขึ้นมาเห็นในตอนเช้าจึงเป็นภาพเด็กหนุ่มเจ็ดคนที่นอนเรียงรายกันอยู่หน้าจอทีวีขนาดใหญ่ใช่แล้วเด็กหนุ่ม 7 คน ทุกคนได้ยินไม่ผิดหรอกเพราะถ้าเปรียบเพื่อนของหม่อนไหมคือเด็กโข่งเพื่อนวัยว้าวุ่นของรามสูรก็คือเด็กดื้อที่จากหลังรามสูรและหม่อนไหมแต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เด็กสองกลุ่มที่เคยตั้งแง่และมักจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำกลับคืนดีรักใคร่กลมเกลียวประหนึ่งพี่น้องที่พลัดพรากจากกันเมื่อทุกคนชี้นกก็เป็นนกชี้ไม้ก็เป็นไม้ราวกั