“ใครเป็นคนต้นคิด”น้ำเสียงดุดันเอ่ยถามหนุ่มๆที่ยืนเรียงแถวหน้ากระดานอยู่ตรงหน้าเธอดวงตาคู่งามพลันหรี่ลงและเป็นกายวาววับอย่างน่ากลัวก่อนที่ทุกคนจะพร้อมใจกันชี้ไปหาธีร์ที่เป็นคนคิดแผนการนี้ขึ้นมาทำให้ตัวต้นเรื่องถึงกับสะดุ้งวาบด้วยความตกใจทันที“มะ ไม่ใช่ผมนะครับ”“มึงนั่นแหละอย่ามาแถ”เจย์ที่ยืนอยู่ข้างๆรามสูรรีบหันไปต่อว่าเพื่อนที่กำลังยกมือขึ้นโบกไปมาเพื่อปฏิเสธทันทีในขณะที่แก้มใสเลิกคิ้วน้อยๆพร้อมเบนสายตามาทางธีร์ที่ตอนนี้ยืนอยู่เพียงลำพังเพราะเพื่อนๆต่างพากันหนีไปยืนอยู่ข้างๆรามสูรกันหมด“อ้อ คนนี้เองสินะ”“ที่ผมทำลงไปทั้งหมดก็เพราะว่าอยากให้ไอ้หม่อนมันยอมยกโทษให้เฮียรามนะครับคุณแม่ ผมหวังดีกับเฮียรามจากใจจริงไม่ได้มีเจตนาสร้างความวุ่นวายให้เฮียเลยนะครับ”แก้มใสสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงใจจากคำสารภาพของเด็กหนุ่มถึงแม้ละครเรื่องนี้จะค่อนข้างไร้สาระแต่เธอก็พอจะเข้าใจความหวังดีของธีร์ที่มีต่อรามสูรซึ่งจริงๆแล้วคนที่ควรถูกเธอลงโทษก็คือลูกชายตัวดีของเธอต่างหาก“แล้วไป”คำพูดของแก้มใสทำให้หนุ่มๆต่างพากันถอนหายใจออกมาพร้อมกันด้วยความโล่งอกรวมถึงรามสูรด้วยที่คิดว่ามารดาค
หลังจากที่ทานมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้วแก้มใสก็พาหม่อนไหมเดินขึ้นมาชั้นบนและเดินตรงไปที่ห้องๆหนึ่งซึ่งเป็นห้องนอนของกอหญ้าและรามสูรแต่จากคำอธิบายของแก้มใสตลอดทางที่เดินขึ้นบันไดมายังชั้นที่สองของบ้านหม่อนไหมจับใจความได้คร่าวๆว่าคฤหาสน์หลังนี้จะมีห้องนอนของทุกคนแยกเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจนชั้นที่สองปีกขวาคือห้องนอน ห้องหนังสือ ห้องทำงาน และห้องนั่งเล่นหรือจะเรียกว่าเป็นอาณาจักรของคุณตากฤษฎิ์เลยก็ว่าได้ที่รวมทุกห้องไว้ในโซนเดียวกัน ส่วนทางด้านปีกซ้ายก็คือห้องนอนของคุณแม่แก้มใสและคุณพ่อวายุตามมาด้วยห้องนอนของพี่กอหญ้าน้องสาวฝาแฝดของเฮียรามและถัดไปคือห้องของเฮียรามนั่นเองและข้างห้องของเฮียรามยังมีห้องออกกำลังกายที่คุณตากฤษฎิ์จัดเตรียมเอาไว้ให้ทุกคนในครอบครัวอีกด้วยส่วนชั้นที่สามชั้นซึ่งเป็นชั้นบนสุดทางปีกซ้ายคือห้องนอนของคุณน้าเก้าทัพและครอบครัวตามมาด้วยห้องนั่งเล่นเกมขนาดใหญ่ที่เป็นมุมโปรดของครอบครัวส่วนโซนปีกขวาที่มีห้องพักทั้งหมด 4 ห้องคือห้องพักรับรองแขกของคุณตาซึ่งในแต่ละเดือนจะมีเพื่อนฝูงเดินทางมาจากต่างประเทศแวะมาเยี่ยมเยียนเสมอ“บ้านคุณตาใหญ่จังเลยนะคะ ใหญ่เหมือนวังเลยค่ะ”หม่อนไหม
ห้องเรียน เมื่อประตูห้องเรียนถูกผลักเข้ามาเสียงพูดคุยในห้องพลันเงียบลงก่อนที่สายตาทุกคู่ของนักศึกษาจะพากันจ้องมาที่ร่างสูงของรามสูรด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไปที่มีทั้งความรู้สึกสงสาร เห็นใจ รังเกียจเดียดฉันท์และไร้การเคารพนับถือบางคนถึงกับไม่สนใจที่จะมองหน้าของเขาและเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือทำให้รามสูรที่กวาดสายตามองนักศึกษาทั่วทั้งห้องได้แต่ยกยิ้มมุมปากน้อยๆ“สามวันที่ผ่านมามีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายผมคิดว่าหลายๆคนน่าจะมีคำถามที่ต้องการคำตอบจากผมเพราะฉะนั้นวันนี้ผมอยากจะเคลียร์ทุกประเด็นร้อนบนโลกโซเชียลให้ชัดเจน พวกคุณจะได้เรียนวิชาของผมด้วยความสบายใจหากใครมีข้อสงสัยหรือคำถามที่ต้องการคำตอบที่เป็นเรื่องจริงก็เชิญถามมาได้เลยครับ”สิ้นสุดคำพูดของรามสูรวาวาที่ร้อนใจอยากจะรู้ความจริงจากปากของรามสูรรีบยกมือขึ้นสูงทันที“เรื่องที่เพจเมาท์มอยโพสคือเรื่องจริงไหมคะ อาจารย์รามสูรนอกใจภรรยาและเป็นชู้กับหม่อนไหมจริงๆเหรอคะ”วาวาเอ่ยถามรามสูรด้วยสีหน้าจริงจังครั้งแรกที่เธอเห็นโพสของเพจเมาท์มอยเธอแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองว่าอาจารย์รามสูรที่เธอและเพื่อนๆต่างชื่นชมและเคารพนับถ
“ลมหนาว พี่หม่อนเจ็บนะนี่แหนะ”หม่อนไหมย่อตัวลงกอดเจ้าลมหนาวที่เอาหัวถูไถไปมาอย่างทะเล้นอยู่ในอ้อมกอดของเธอก่อนที่หม่อนไหมจะหอมหัวเจ้าลมหนาวฟอดใหญ่และลุกขึ้นเดินเข้าไปหารามสูร โดยที่มีเจ้าลมหนาวเดินตามไปติดๆ ในขณะที่รามสูรค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองหม่อนไหมที่กำลังเดินเข้ามาหาเขาใบหน้างดงามพลันเผยรอยยิ้มละมุนให้รามสูรที่เผยสีหน้ายินดีอย่างไม่อาจปิดบัง“ทำไมถึงยิ้มแบบนั้นคะมีอะไรให้น่าดีใจขนาดนั้นเชียว”หม่อนไหมเอ่ยถามรามสูรด้วยความแปลกใจระคนสงสัยเมื่อเห็นรอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความปิติยินดีทั้ง ๆที่เขาเพิ่งกลับมาจากซื้อนมหมีปั่นให้เธอ ส่วนเจ้าลมหนาวที่พบคนที่ไม่รู้จักคุ้นเคยกันครั้งแรกเจ้าหมายักษ์ก็รีบเดินเข้าใกล้ๆและเดินวนไปมารอบตัวรามสูรเพื่อทำความรู้จักทันที“นี่คือสร้อยที่หนูหม่อนเอามาซ่อมเหรอคะ”น้ำเสียงแหบห้าวเอ่ยถามหม่อนไหมที่พยักหน้ารับพร้อมกับเดินเข้าไปหยิบสร้อยออกจากกล่องที่อยู่ในมือของรามสูรและยกขึ้นโชว์เพื่อให้เขาได้เห็นว่าสร้อยที่ขาดเป็นสองท่อนของเธอในตอนนั้นถูกซ่อมจนกลับมาอยู่ในสภาพเดิม“สร้อยที่คนสำคัญของหนูหม่อนให้มาสวยไหมคะ”เด็กสาวเอ่ยถามรามสูรด้วยรอยยิ้มสดใสโดยที่เธอไม่ได้ส
เสียงรถที่แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านทำให้แก้มใสที่กำลังทาครีมอยู่ยกยิ้มมุมปากด้วยความเจ้าเล่ห์ก่อนที่เธอจะวางกระปุกครีมลงบนโต๊ะเครื่องแป้งและวิ่งออกจากห้องนอนไปท่ามกลางความงุนงงของวายุที่เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำวิ่งเร็วแบบนี้คงไม่ได้งอนลูกจนคิดจะทำอะไรแผลงๆแกล้งลูกหรอกนะ การคาดเดาของวายุไม่ได้ผิดไปจากความเป็นจริงเลยแม้แต่น้อยแก้มใสค่อยๆเปิดประตูห้องนอนของลูกชายเข้าไปอย่างเบามือก่อนที่เธอจะมองซ้ายมองขวาเพื่อหาที่ซ่อน จนกระทั่งดวงตากลมโตเหลือบไปเห็นตู้เสื้อผ้าที่ข้างเตียงนอนร่างบางของคุณแม่ลูกสองที่ความคิดบางเรื่องยังคงคล้ายกับเด็กเล็กรีบวิ่งเข้าไปซ่อนในตู้เสื้อผ้าทันทีโดยที่เธอไม่คิดเลยว่าการมาเล่นซ่อนแอบในห้องของลูกชายจะทำให้เธอเจอเรื่องเซอร์ไพร์สที่ทำเอาเลือดกำเดาไหลไม่หยุดแกรกแอดตุบเสียงแผ่นหลังบอบบางของหม่อนไหมที่กระแทกเข้ากับฝ่ามือของรามสูรที่ยื่นมารองแผ่นหลังของเธอเอาไว้ด้วยความทะนุถนอมเขาก้มลงจูบปากจิ้มลิ้มสีพีชอย่างอดใจไม่อยู่ทั้งริมฝีปากและลิ้นของเขากำลังรุกเร้าพัวพันลิ้นเล็กหวานหอมของหม่อนไหมประดุจกระแสลมแรงที่พัดโหมเข้ามาให้หัวใจสั่นไหวแขนเรียวขาวผ่องของหม่อนไหมยกข
เมื่อหม่อนไหมทิ้งตัวลงบนที่นอนรามสูรก็รีบขึ้นตามไปทาบทับร่างบางของเธอทันทีใบหน้าหล่อเหลาก้มลงซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่นละมุนไปด้วยกลิ่นน้ำนมจากครีมอาบน้ำที่กระตุ้นความปรารถนาในกายของเขาให้ลุกโชนประหนึ่งเปลวไฟร้อนแรงที่พร้อมจะแผดเผาร่างบางของหม่อนไหมให้อ่อนละลายกลายเป็นขี้ผึ้งลนไฟปลายริ้นเร่าร้อนสอดผ่านกลีบปากนุ่มของเธอเข้าไปเกี่ยวพันลิ้นเล็กเรียวของหม่อนไหมอย่างไม่เกรงใจมือใหญ่ข้างหนึ่งลูบไล้แก้มเนียนแดงปลั่งของเธออย่างอ่อนโยนส่วนอีกข้างบีบเคล้นสะโพกอวบอิ่มของเธอราวกับมันคือฟองน้ำนุ่มนิ่มที่ยิ่งบีบก็ยิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้“อ๊า พี่รามขา”ยามที่ริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระหม่อนไหมก็เปล่งเสียงครางหวานหูออกมาด้วยความเคยชินเมื่อสัมผัสของรามสูรคล้ายกำลังทำให้เธอจมดิ่งอยู่ในห้วงมหาสมุทรที่ไม่ว่าจะพยายามแหวกว่ายขึ้นมาบนฝั่งมากเท่าไหร่ก็กลับจมดิ่งลงไปลึกถึงก้นมหาสมุทรมากเท่านั้น“อืม หนูหม่อนจ้านุ่มเหลือเกิน”รามสูรตอบสนองเสียงครางของหม่อนไหมด้วยการเลื่อนใบหน้าลงไปชิมความหอมหวานจากอกอวบอิ่มที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพราะกำลังตั้งครรภ์เรียวลิ้นซุกซนหยอกล้อปทุมถันที่เริ่มแข็งภายใต้การเล้าโลมของเขาจนน้ำลายชุ
เช้าวันต่อมากริ๊ง กริ๊งเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังอยู่บนหัวเตียงทำให้รามสูรที่เพิ่งล้มตัวลงนอนได้ไม่ถึงห้าชั่วโมงพลันลืมตาตื่นขึ้นมาทันทีแรงขยับตัวแม้เพียงเล็กน้อยของรามสูรทำให้หม่อนไหมสะดุ้งน้อยๆพร้อมกับขยับตัวตามเขาแต่ยังคงไม่ลืมตาตื่นใบหน้าเนียนใสยับย่นเล็กน้อยคล้ายกำลังรู้สึกโมโหที่ถูกรบกวนการนอนหลับพักผ่อน“จุ๊ จุ๊ จุ๊ นอนต่อนะคะเด็กดี”น้ำเสียงอบอุ่นเอ่ยบอกหม่อนไหมที่ซบใบหน้าอยู่บนอกแกร่งก่อนที่รามสูรจะยื่นมือไปตบเบาๆที่แผ่นหลังของเธอทำให้หม่อนไหมที่ขยับตัวไปมายุกยิกหยุดการเคลื่อนไหวและหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอก่อนที่รามสูรจะจัดท่านอนให้เธอใหม่โดยหยิบหมอนข้างมาให้เธอกอดแทนเขา“ได้เวลาทำมื้อเช้าให้ครอบครัวแล้วสินะเรา”เมื่อลงมาจากเตียงนอนรามสูรก็บิดตัวไปมาเบาๆพร้อมพึมพำถึงสิ่งที่จะต้องทำในวันนี้ซึ่งความจริงแล้วรามสูรไม่ได้ตั้งใจที่จะตื่นเช้าขนาดนี้ แต่เนื่องจากเมื่อวานบิดาของเขาส่งข้อความมาบอกว่ามารดาของเขานั้นน้อยใจเรื่องที่เขาไม่ยอมรับโทรศัพท์และไม่ยอมกลับมาทานมื้อเย็นที่บ้านทำให้รามสูรรู้สึกร้อนใจเขาจึงทำได้แค่เพียงรีบตื่นขึ้นมาทำมื้อเช้าให้มารดาเพื่อไถ่โทษตามคำแนะนำของบิดาเท่านั้
วันหยุดสุดสัปดาห์หลังจากที่รามสูรย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านกับบิดามารดาเขาก็เริ่มต้นทำงานอย่างจริงจังทันทีตามที่เคยได้ลั่นวาจาเอาไว้กับมารดาถึงแม้ว่าเขาจะเริ่มทำงานก่อนเวลาที่กำหนดเอาไว้ก็ตาม ในส่วนของการเรียนการการสอนที่มหาวิทยาลัยรามสูรยังคงต้องรับหน้าที่สอนนักศึกษาตามปกติโดยที่แบ่งเวลาการทำหน้าที่ท่านประธานบริษัทกับอาจารย์ได้อย่างลงตัวส่วนหม่อนไหมหลังจากที่ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของรามสูรแล้วเธอพบว่าครอบครัวของรามสูรนั้นดีกับเธอมากทุกคนต่างรักและเอ็นดูเธอโดยเฉพาะแก้มใสที่มักจะชวนเธอทำกิจกรรมหลังเลิกเรียนอย่างเช่นการเล่นโยคะ ว่ายน้ำ และเรียนถักโครเชต์ไปจนถึงการชวนเธอเล่นไพ่ที่หม่อนไหมแพ้ให้แม่สามีทุกตาจนกระทั่งมาจบที่การชวนเธอมาปีนต้นมะม่วงในสวนหลังบ้านเมื่อเธอรู้สึกอยากจะทานผลไม้รสเปรี้ยวเพื่อแก้อาการคลื่นไส้ที่อยู่ๆก็มาเยือนอย่างไม่ทันตั้งตัว“แม่แก้มคะ ลูกนั้นค่ะลูกนั้น”หม่อนไหมชี้มือไปที่ผลมะม่วงลูกอวบใหญ่ที่อยู่ฝั่งซ้ายมือของแก้มใสก่อนที่แขนเรียวยาวจะยื่นมือไปจัดการกับมะม่วงลูกนั้นและโยนลงมาให้หม่อนไหมที่เตรียมรับได้อย่างแม่นยำ“แม่แก้มคะ อีกลูกค่ะ อีกลูก”หม่อนไหมชี้มือไปทางขวาของ
เมื่อทราบว่าลูกชายประสบอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดแต่เจ้าตัวก็ยังลากสังขารมาหาหม่อนไหมที่เพิ่งคลอดวายุก็ถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกในใจอยากจะต่อว่าและหยิบไม้เรียวขึ้นมาฟาดลูกชายหัวดื้อสักสิบครั้งให้หลาบจำแต่มือเจ้ากรรมกลับหยิบได้เพียงมีดและเข็มมือไม้พันกันระวิงด้วยความวุ่นวายเมื่อการผ่าตัดเป็นไปด้วยความทุลักทุเลเพราะความดื้อดึงของรามสูรทำให้เขาเสียเลือดมากการผ่าตัดจึงเข้าขั้นวิกฤติแต่วายุกลับไม่รู้สึกหวั่นใจแต่อย่างใดเพราะคนที่เขากำลังใช้มีดกรีดลงไปบนผิวหนังสีขาวซีดคือลูกชายของเขาๆไม่มีวันปล่อยให้รามสูรเป็นอะไรแน่นอนต่อให้มัจจุราชที่อยู่ในนรกขุมที่สิบหกต้องการชีวิตของลูกชายเขามากแค่ไหนถ้าเขาไม่ยินยอมใครหน้าไหนก็พรากลูกชายไปจากอกเขาไม่ได้ทั้งนั้น“พ่อขาทำไมนานจังเลยคะ” แก้มใสเริ่มนั่งไม่ติดที่เมื่อการผ่าตัดยืดระยะเวลาออกไปจากเวลาที่บิดาบอกเธอบอกในครั้งแรกว่าเพียงสองชั่วโมงแต่นี่เกือบสามชั่วโมงแล้วไฟหน้าห้องผ่าตัดยังไม่มีทีท่าว่าจะดับลงเลย แก้มใสพลันก้มหน้าพลางวางมือเอาไว้บนหน้าอกราวกับความเจ็บปวดนั้นแล่นไปทั่วร่างอย่างมิอาจทานทนพร้อมกับความรู้สึกแสบท
เมื่อถึงกำหนดคลอดหม่อนไหมกลับไม่มีอาการปวดท้องหรือรู้สึกผิดปกติเลยแม้แต่น้อยเธอยังคงกินอิ่มนอนหลับสบายทำให้รามสูรรู้สึกวิตกกังวลไม่น้อยตรงข้ามกับหม่อนไหมที่ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเธอรู้สึกว่าลูกคนที่สองของเธอนั้นดื้อมากโดยเฉพาะช่วงเวลาที่ลูกของเธอเริ่มดิ้นเจ้าตัวน้อยในท้องแทบจะไม่ยอมให้เธอได้พักผ่อนเท้าน้อยๆพยายามถีบเธอทุกวันทั้งช่วงที่กำลังนอนหลับฝันดีจนน้ำลายแทบไหลยืดหรือจะเป็นช่วงพักสายตายามบ่ายเธอก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะแรงถีบมหาศาลจากเจ้าเด็กดื้อที่ไม่รู้ว่าเกิดอารมณ์ดีอะไรขึ้นมาถึงได้ชอบคึกคักยามบ่ายและยามดึกและอยู่แบบสุขสงบเพียงแค่ในยามเช้าเท่านั้น“พี่รามไปทำงานก่อนนะคะ”ยามเช้าที่อากาศสดใสรามสูรจำใจบอกลาภรรยาแสนรักที่กำลังนั่งทานผลไม้ที่สามีปอกให้ด้วยความเอร็ดอร่อยหม่อนไหมพยักหน้ารับเล็กน้อยอย่างเข้าใจเธอไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอที่ต้องการให้สามีอยู่ด้วยตลอดเวลาในช่วงที่เธอใกล้จะคลอดถึงแม้ว่าตอนนี้จะเลยกำหนดมาแล้วสามวันก็ตาม“ตั้งใจทำงานนะคะแล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงหนูหม่อน หนูหม่อนโอเค”น้ำเสียงผ่อนคล้ายที่คล้ายกับเด็กสาวตัวน้อยคนหนึ่งทำให้รามสูรอดใจไม่ไหวต้องยื่นมือไปบีบแ
“เอามือออกไปจากชุดตัวนี้เดี๋ยวนี้”น้ำเสียงดุดันที่ดูคล้ายคนที่มีนิสัยชอบวางอำนาจจนเคยชินดังขึ้นบอกหม่อนไหมแต่เธอที่วางมือลงไปก่อนคนมาทีหลังมีหรือจะยอมเอามือออกจากชุดที่เธอหมายตาเอาไว้ตั้งแต่เดินเข้ามาภายในร้าน ในเมื่อเธอเป็นคนจับชุดก่อนนั่นก็หมายความว่าชุดตัวนี้ต้องเป็นของเธอไม่ใช่ของคนที่กำลังออกคำสั่งราวกับต้องการอวดอำนาจบาตรใหญ่คนนี้“ฉันวางมือลงไปบนชุดก่อนคุณนะคะไม่ได้วางทีหลังมีสิทธิ์อะไรมาบอกให้คนที่จับชุดก่อนเอามือออก คุณต่างหากที่มาทีหลังตามมารยาทแล้วสมควรต้องเอามือออกค่ะไม่ใช่มาบอกฉัน”จบประโยคเสียงหอบหายใจเบาๆก็ดังขึ้นบ่งบอกว่าผู้พูดกำลังสะกดกลั้นอารมณ์เดือดดาลอย่างเต็มที่ดวงตากลมโตที่เคยมองสามีด้วยสายตารักใคร่ก่อนหน้านี้พลันแปรเป็นเป็นดุดันเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างไม่ปิดบังเช่นเดียวกันกับคนที่ออกคำสั่งให้หม่อนไหมปล่อยมือเธอก็กำลังใช้สายตาดุดันจ้องตอบกลับคืนอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน“แต่ฉันจะเอาชุดนี้และต้องได้ชุดนี้ด้วย”“ฉันก็ต้องการจะซื้อเหมือนกันค่ะและอีกอย่างฉันจับก่อนเพราะฉะนั้นกรุณาเอามือของคุณออกไปด้วยค่ะ”ดวงตาสีดำสนิทของหม่อนไหมหรี่ลงฉายประกายความเกรี้ยวกราดที่ใก
หลังจากที่เคล้าคลอแนบชิดกันมาทั้งคืนเช้านี้รามสูรกลับทำตัวงอแงราวกับเด็กน้อยที่หาข้ออ้างมาบอกกับภรรยาว่าเมื่อวานเหน็ดเหนื่อยจนหมดแรงวันนี้เขาจึงขออนุญาตตัวเองลางานหนึ่งวันเพื่อพักผ่อนทำเอาหม่อนไหมถึงกับหัวเราะด้วยความขบขันกับเหตุผลหยุดงานของสามีที่เธอรู้ดีว่าเป็นข้ออ้างแต่กลับไม่ได้ตำหนิหรือเอ่ยห้ามแต่อย่างใดเพราะที่ผ่านมาสามีของเธอก็มักจะหาเหตุผลไร้สาระมาหยุดงานเพื่ออยู่ดูแลเธอที่กำลังตั้งครรภ์กับลูกสาวตัวน้อยที่กำลังหัดพลิกตัวอยู่บ่อยๆจนบางครั้งแม่แก้มใสต้องมาลากสามีเธอให้กลับไปทำงานรามสูรถึงได้ยอมกลับไปรับบทเป็นท่านประธานบริษัทเหมือนเดิม แต่ถ้าหากว่าแม่แก้มใสเดินทางไปต่างประเทศเมื่อไรสามีของเธอก็จะกลับมารับบทผู้ชายที่คลั่งรักภรรยาและลูกสาวทันทีเช่นกันทำเอาแม่แก้มใสถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเลยทีเดียว“อู้งานอีกแล้วนะคะ”หม่อนไหมยื่นมือมาบีบจมูกรามสูรเบาๆอย่างมันเขี้ยวในขณะที่คนถูกต่อว่าได้แต่ซุกใบหน้าลงบนซอกคอหอมกรุ่นของภรรยาสาวสวยอย่างออดอ้อน“ก็พี่รามเหนื่อยนี่คะเมื่อคืนออกแรงมากไปหน่อยวันนี้เลยปวดเหมื่อยไปทั้งตัว อูย ตรงนี้ก็เจ็บ ตรงนั้นก็ช้ำไม่เชื่อหนูหม่อนมาดูสิคะ”ร
เมื่อกลับมาถึงบ้านหม่อนไหมกับรามสูรก็ตรงขึ้นไปบนห้องนอนทันทีเพื่อดูว่าลูกสาวตัวน้อยของเธอหลับหรือยังเพราะปกติเวลานี้แพรไหมจะยังคงเล่นสนุกกับพี่สาลี่ไม่ยอมนอนเป็นประจำแต่วันนี้กลับแตกต่างออกไปเมื่อคุณพ่อยังหนุ่มคุณแม่ยังสาวเปิดประตูเข้ามากลับพบว่าดวงใจของทั้งคู่นั้นนอนหลับสนิทเรียบร้อยแล้วแถมน้ำลายยังไหลยืดจนเปรอะเต็มสองแก้ม“วันนี้เล่นซนเยอะไปหน่อยเลยหลับเร็วใช่ไหมคะลูกสาว”หม่อนไหมค่อยๆใช้ผ้าสะอาดเช็ดน้ำลายที่เปรอะบนแก้มออกให้ลูกสาวอย่างเบามือในขณะที่รามสูรยื่นนิ้วของตนเองไปเกี่ยวนิ้วลูกสาวเอาไว้เบาๆเมื่อถูกสัมผัสอย่างอบอุ่นเด็กน้อยก็ขยับตัวไปมาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาแต่อย่างใดบนใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมาบางเบาคล้ายกำลังฝันดี“ไม่เจอกันแค่วันเดียวลูกสาวของพ่อจ้ำม่ำขึ้นหรือเปล่าเนี่ย”เพี๊ยะ“อูยเมียจ๋าพี่รามแค่แซวเล่นลูกไม่รู้เรื่องหรอกคนที่ถูกเมียฟาดจนขึ้นรอยแดงยื่นมือมาลูบแขนตัวเองปอยๆอย่างน่าสงสารในขณะที่หม่อนไหมถลึงตาใส่สามีที่บังอาจมาว่าลูกสาวของเธออ้วนขึ้นเป็นเพราะเขาไม่ใช่เหรอที่ขยันซื้ออาหารบำรุงร่างกายและสมองสำหรับเด็กมาฝากลูกเป็นประจำจนอ้วนจ้ำหม่ำขนาดนี้“แล้วใคร
ไนท์คลับ“อาการแพ้ท้องเป็นยังไงบ้างดีขึ้นหรือยัง?”ธีร์เอ่ยถามหม่อนไหมที่นั่งตรงกันข้ามด้วยความเป็นห่วงเพราะหลังจากที่เพื่อนๆทุกคนทราบข่าวว่าหม่อนไหมตั้งครรภ์ลูกคนที่สองทุกคนก็พากันแห่ไปเยี่ยมเธอถึงที่บ้านคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับสภาพของเพื่อนที่แพ้ท้องจนแทบหมดแรงทำเอาทุกคนทั้งเป็นห่วงทั้งสงสารจนพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว“ถ้าไม่ดีขึ้นมึงจะเห็นกูมานั่งอยู่ตรงนี้ไหม?”“ลูกสองแล้วยังปากดีเหมือนเดิมเลยนะมึง”ธีร์ส่งค้อนให้หม่อนไหมพร้อมตอกกลับเพื่อไปหนึ่งกรุบอย่างอารมณ์ดีทำเอาคุณแม่ลูกสองหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจก่อนที่หม่อนไหมจะหยิบน้ำส้มขึ้นมาดื่มด้วยความคิดถึงรสชาติและบรรยากาศคุ้นเคยที่เธอห่างหายไปนานถึงแม้ที่นี่จะไม่ใช่ผับที่เธอมาเที่ยวเป็นประจำแต่พวกเธอก็ชอบมาเที่ยวบ่อยๆไม่แพ้ร้านโปรดเลยอาจจะเป็นเพราะว่าเธอกำลังตั้งครรภ์เพื่อนๆจึงเลือกเป็นที่นี่แทนผับที่ค่อนข้างวุ่นวาย“แล้วออกมาเที่ยวผัวไม่ว่าไง”เจย์ที่เพิ่งชงเหล้าให้นายน์เสร็จเอ่ยถามด้วยความแปลกใจที่รามสูรยอมอนุญาตให้หม่อนไหมมาเที่ยวคลับได้ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วรามสูรที่พวกเขารู้จักนั้นแทบจะไม่อนุญาตให้หม่อนไหมออกไปไหนมาไหนเลยด้วยซ้ำตั้งแต
วันเวลาผ่านไปช้าๆอย่างไม่เร่งรีบชีวิตคู่ของรามสูรและหม่อนไหมนั้นถือได้ว่าเต็มไปด้วยความสุขและความเข้าใจซึ่งกันและกันของสองสามีภรรยาหม่อนไหมถึงแม้จะยังเป็นเด็กที่เพิ่งย่างก้าวเข้าสู่วัยยี่สิบเอ็ดปีแต่การอบรมเลี้ยงดูของพ่อเลี้ยงแสงหล้าและแม่ลี้ยงเอื้องคำนั้นไม่ได้เปล่าประโยชน์เลยแม้แต่น้อยดรุณีน้อยซุกซนในวันวานเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักนิ่งและสงบใจตัวเองเมื่อก้าวเข้าสู่คำว่าครอบครัวและคู่ชีวิตการกระทำที่หุนหันพลันแล่นในอดีตนั้นหม่อนไหมล้วนเก็บใส่กล่องไว้เป็นความทรงจำและบทเรียนเตือนใจตนเองตอนนี้จึงมีเพียงสาวน้อยน่ารักที่มักจะชอบพูดจาอ่อนหวานออดอ้อนสามีในยามที่ทั้งคู่อยู่กันเพียงลำพังตอนนี้ลูกสาวตัวน้อยของทั้งคู่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ หม่อนไหมวางแผนเอาไว้ว่ารอให้แพรไหมอายุครบหนึ่งขวบเธอก็จะกลับไปเรียนต่อให้จบมหาวิทยาลัยซึ่งรามสูรก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใดคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวบางอย่างเมื่อเกิดขึ้นแล้วแผนการที่วางเอาไว้ต่อให้ตั้งใจและเตรียมตัวพร้อมแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องพับเก็บเอาไว้ชั่วคราวตามลำดับความสำคัญของเรื่องนั้น“ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ คุณหม่อนไหมตั้งครรภ์ได้ 5 สัปดาห์แล้ว” คำพูดแสด
ดวงตาเรียวเล็กของทารกน้อยวัยสามเดือนเศษที่ค่อยๆปิดสนิทพร้อมเสียงหายใจแผ่วเบาที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอทำให้หม่อนไหมเผยรอยยิ้มออกมาน้อยๆด้วยความเอ็นดู ก่อนที่เธอจะยื่นมือนุ่มนิ่มไปเช็ดคราบน้ำนมตรงมุมปากออกให้ลูกสาวอย่างอ่อนโยนส่งผลให้ดวงตาสุกสกาวของรามสูรที่กำลังแอบมองเธออยู่พลันฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างไม่อาจหักห้ามก่อนที่จะเลือนหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อแน่ใจว่าแพรไหมหลับสนิทแล้วหม่อนไหมจึงค่อยๆวางลูกสาวลงบนที่นอนนุ่มอย่างเบามือก่อนที่เธอจะหันกลับมาแล้วพบว่าร่างสูงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานก่อนหน้านี้กำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ดจนกระทั่งถึงเม็ดสุดท้ายสาบเสื้อจึงค่อยๆแยกออกจากกันเผยให้เห็นมัดกล้ามท้องเป็นลอนสวยที่ตรึงสายตาของหม่อนไหมเอาไว้ไม่ให้เธอหันหน้าจากไปไหนอึกหม่อนไหมลอบกลืนน้ำลายดังอึกด้วยความลืมตัวดวงตากลมโตของเธอจ้องมองกล้ามท้องที่เรียงตัวสวยตาไม่กระพริบด้วยความรู้สึกที่ได้แต่รำพึงรำพันอยู่ในใจว่าเธออยากจะยื่นมือไปลูบบริเวณนั้นเหลือเกิน“หนูหม่อนคะ”รามสูรส่งเสียงเรียกหม่อนไหมที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่ว้าวุ่นจนทำให้ประสาทการรับรู้ของเธอนั้นหยุดทำงานไปชั่วขณะท่าทีขอ
หลังจากที่รามสูรและหม่อนไหมย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังใหม่แล้วไม่รู้ว่าเป็นเพราะรามสูรลืมดูโหงวเฮ้งตอนซื้อหรืออย่างไรเพราะตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งผ่านไปหนึ่งเดือนหัวกระไดบ้านของรามสูรไม่เคยแห้งเลยสักครั้ง เมื่อในแต่ะละวันจะมีแขกแวะเวียนมาที่บ้านของเขาเสมอไม่ว่าจะเป็นแก๊งเพื่อนๆของหม่อนไหมที่เห็นบ้านของเขาเหมือนร้านเหล้าและร้านเกมส์หลังจากที่เลิกเรียนแล้วเด็กๆพวกนั้นก็มักจะแวะมาเล่นกับแพรไหมเป็นประจำก่อนที่จะพากันนั่งดื่มที่ริมสระน้ำบ้าง ในสวนบ้างและในบางวันเจ้าเด็กโข่งพวกนี้ก็พากันนั่งเล่นเกมส์ในห้องนั่งเล่นจนกระทั่งดึกดื่นค่อนคืนก็ไม่มียอมกลับบ้านสภาพที่รามสูรตื่นขึ้นมาเห็นในตอนเช้าจึงเป็นภาพเด็กหนุ่มเจ็ดคนที่นอนเรียงรายกันอยู่หน้าจอทีวีขนาดใหญ่ใช่แล้วเด็กหนุ่ม 7 คน ทุกคนได้ยินไม่ผิดหรอกเพราะถ้าเปรียบเพื่อนของหม่อนไหมคือเด็กโข่งเพื่อนวัยว้าวุ่นของรามสูรก็คือเด็กดื้อที่จากหลังรามสูรและหม่อนไหมแต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เด็กสองกลุ่มที่เคยตั้งแง่และมักจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำกลับคืนดีรักใคร่กลมเกลียวประหนึ่งพี่น้องที่พลัดพรากจากกันเมื่อทุกคนชี้นกก็เป็นนกชี้ไม้ก็เป็นไม้ราวกั