หลังจากตัดสินใจได้เมื่อเดือนก่อน คืนนี้ก็เป็นคืนเข้าหอของดารารินทร์และแดนไทย จิตติวัฒน์สกุล หญิงสาวในชุดนอนวิคตอเรียซาตินสีชมพูหวานนอนตะแคงอยู่บนเตียงใหญ่ เธอจ้องมองหน้าแดนไทยสามีหุ่นหมีที่กำลังหลับอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ติดผนังห้องอย่างไม่ยอมหลับตา ถึงจะรู้ว่าเขาไม่ได้เต็มใจแต่งกับเธอ แต่แดนไทยก็เป็นผู้ชาย ไม่รู้ว่าเขาจะนึกคึกลุกขึ้นมาทำอะไรเธอหรือเปล่า เพราะตอนนี้เธอยังไม่พร้อมจะเป็นภรรยาตามพฤตินัยของเขา
ยอมรับว่าสามีหมาดๆของเธอไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร แถมหน้าตาดูหล่อเหลาและหุ่นดีกว่าดารานายแบบบางคนด้วย แต่เขาก็เป็นเพียงไฮโซที่ชอบการทำไร่ ไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติแบบที่เนี้ยบดูดีตลอดเวลา บริหารงานในบริษัทใหญ่โตเวลาเธอควงออกงานก็จะมีแต่คนอิจฉา หากจะต้องนอนกับเขาและทำกิจกรรมบนเตียงอย่างสามีภรรยาทั่วไปทำ เธอคงต้องขอทำใจสักพัก
อีกทั้งตอนนี้เธอยังรู้สึกช้ำใจที่ได้สามีเป็นถึงทายาทมหาเศรษฐีแท้ๆ นึกว่าจะได้อยู่เรือนหอหลังโตใช้ชีวิตสุขสบายอวดเพื่อนๆได้ แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อที่อยู่ของเธอจริงๆตอนนี้คือบ้านหลังเล็กชั้นเดียวหลังคาปั้นหยาท้ายไร่กลิ่นฝนต้นฟ้า ในอำเภอหนึ่งของจังหวัดสระบุรี ยังดีที่มีเตียงนุ่มๆให้เธอได้นอน มีของอำนวยความสะดวกในบ้านครบครัน แม้พื้นที่จะเล็กไปมากถึงมากที่สุดสำหรับเธอก็เถอะ
ดารารินทร์พูดกับตัวเองในหัวแทบจะทุกวินาทีว่ายังไงก็ต้องอดทน เพราะอย่างน้อยสามีของเธอก็ได้ชื่อว่าเป็นทายาทมหาเศรษฐี ใครรู้ว่าเธอได้เขามาครอบครองก็ต้องอิจฉาอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้คิดจะอยู่กับเขาไปตลอด เมื่อถึงวันที่กิจการของพ่อเธอฟื้นได้ วันนั้นเธอจะไปจากเขาทันทีโดยไม่คิดหันหลังกลับ
“เฮอะ!”
แดนไทยสะดุ้งเฮือกรีบยกมือกอบกุมอกข้างซ้าย ดวงตาคมกริบเบิกกว้างตกใจ ใจหายวาบแทบจะตกไปอยู่ตาตุ่ม เมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงจ้องมองมายังเขาตาเขม็ง
“ตกใจอะไร”
ดารารินทร์ขมวดคิ้วถลึงตาใส่ชายหนุ่ม เพราะหน้าตาของเขาที่มองมายังเธอทำท่าอย่างกับคนกำลังเห็นผี มั่นใจว่าหน้าตาผิวพรรณของเธอออกจะดูดีกว่าสาวๆคนไหนหลายเท่า จึงไม่พอใจเมื่อเห็นสายตาของชายหนุ่มมองมายังเธอเช่นที่เป็นเมื่อครู่นี้
“ทำไมยังไม่นอน จ้องผมอยู่ได้ คิดไม่ดีกับผมหรือไง”
คนตัวโตหายตกใจได้ก็เอ่ยกวนประสาทดารารินทร์เสียงห้วน เมื่อครู่เขาตกใจจริงๆไม่ได้คิดแกล้งหญิงสาว เพราะปกตินอนอยู่ในห้องนี้คนเดียว พอตื่นมาเห็นคนคิดว่านางไม้ที่ไหนมานอนจ้องตาหลอกให้เขากลัว
“ใครคิดไม่ดีกับคุณ ฉันยังไม่นอนเพราะไม่ไว้ใจคุณต่างหาก ฉันสวยเพอร์เฟคขนาดนี้ก็ต้องรักษาเนื้อรักษาตัวเป็นธรรมดา”
ใบหน้าสวยหงิกงอต่อว่าคนที่ลุกขึ้นมาจ้องหน้าจีบปากจีบคอ ว่าจบก็หันหลังหนีด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียด เคืองใจเหลือเกินกับสายตาของเขาที่มองเธอเมื่อครู่ เพราะไม่เคยมีผู้ชายคนไหนมองเห็นเธอแล้วทำท่าตกใจอย่างสามีหมาดๆมาก่อน แดนไทยเห็นกิริยาท่าทางคำพูดคำจาหญิงสาวก็ส่ายหัวช้าๆมีสายตาอ่อนใจ นึกถึงความอ่อนหวานเรียบร้อยของรสสุคนย่าของหญิงสาวก็นึกเสียดายที่นิสัยนั้นไม่ได้มีติดตัวดารารินทร์เสียบ้างเลย
“คุณย่าจะมาบังคับผมแบบนี้ไม่ได้นะครับ”
แดนไทยไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่าย่าตนจะใช้วิธีคลุมถุงชนเขากับผู้หญิงที่ไม่เคยเจอเคยเห็นกันมาก่อน
“ถ้าแกไม่แต่งย่าก็จะขายไร่นี้ให้เสี่ยบรรเจิด แล้วก็ไปนั่งกินนอนกินสุขสบายที่ต่างประเทศ”
แดนไทยขมวดคิ้วหน้าเสียที่ย่าตนยื่นคำขาดมาเช่นนี้ ไม่คิดว่าย่าที่สร้างไร่นี้มาด้วยกันกับปู่จะมีความคิดแตกต่างจากปู่เขาสิ้นเชิง ก่อนที่ปู่ของเขาจะเสียได้สั่งเสียกับลูกหลานว่าต้องรักษาไร่นี้เอาไว้ให้ได้ เพราะเป็นที่พึ่งพิงของคนงานในไร่หลายครอบครัว และเขาก็เลือกที่จะสานเจตนารมณ์ของปู่ เลือกที่จะมาบริหารไร่เต็มตัว แต่ย่าของเขากลับพูดขู่ว่าจะขายโดยง่ายเพียงเพราะเขาไม่ยอมทำตามใจ
“ไม่ห่วงคนงานตาดำๆบ้างหรือไงครับคุณย่า”
“อยู่ที่การตัดสินใจของแก อ่อ ถ้าแต่งแล้วมีลูกภายในหนึ่งปีฉันจะยกไร่นี้ให้เป็นชื่อแก เพราะฉะนั้นรับปากว่าจะแต่งงานมาดีๆดีกว่า”
หากไม่ติดว่ารักและหวงแหนไร่แห่งนี้มาก แดนไทยไม่ยอมทำตามคำที่ย่าตนบังคับแน่ การสนทนาไม่กี่คำกับคนเป็นย่าเมื่อเดือนที่แล้ว ทำให้แดนไทยต้องกลายเป็นเจ้าบ่าวในวันนี้ เพียงแค่เจอกับเจ้าสาวของตัวเองไม่กี่วันก่อนแต่ง พฤติกรรมของดารารินทร์ก็ทำให้เขาขมวดคิ้วหลายครั้งแล้ว นึกถาพไม่ออกเลยว่าถ้าจะต้องอยู่กับคุณหนูไฮโซจอมหยิ่งยโสคนนี้ทุกวันประสาทจะกินเขาหรือเปล่า ทั้งเมื่อนึกไปถึงวันหน้าหากเขาต้องมามีลูกกับเธอแล้วปล่อยให้หญิงสาวเลี้ยงลูก มีหวังลูกเขาได้เสียคนแน่ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกท้อแท้ในการใช้ชีวิตในวันข้างหน้าเสียเหลือเกิน
เอก อี เอ้ก เอ้กไก่หลายตัวที่อยู่ในเล้าหลังบ้านของแดนไทย เริ่มส่งเสียงขันเมื่อเข้ารุ่งสางของเช้าวันใหม่ ดารารินทร์ที่ได้ยินเสียงอันน่ารำคาญก็เริ่มขมวดคิ้วหงุดหงิดหัวใจ เธอค่อยๆพลิกตัวควานหาทั้งมอนทั้งผ้าห่มปิดหูแต่ก็ไม่สามารถที่จะต้านทานเสียงไก่พวกนั้นให้มาถึงหูของเธอได้ เมื่อทำอะไรกับเสียงพวกนั้นไม่ได้ก็เริ่มเปิดปากอาละวาด“อืม มาขันอะไรตอนนี้ จะน้อนน”สาวเจ้าไม่ชอบเอาเสียเลยในเวลาที่กำลังนอนสบายๆแล้วมีอะไรมารบกวน“หึ่”แดนไทยที่กำลังจะลุกไปอาบน้ำแต่งตัวรู้สึกขบขันคนบนเตียงพอสมควร เขาลุกยืนบิดขี้เกียจและเดินตรงไปหาหญิงสาวที่ควานผ้าห่มรวมถึงหมอนเอามาปิดหูเอาไว้ พอถึงตัวภรรยาตีทะเบียนได้ก็ยื่นมือไปจับหัวไหล่มนเขย่าเบาๆ“นี่คุณ ตื่นไปทำกับข้าวให้ผมได้แล้ว”“โอ้ย อะไรนักหนาฉันจะนอน ทั้งไก่ทั้งคนเลย หุ้ยย”สาวเจ้าดีดตัวผึงลุกนั่งหัวฟู มือน้อยรีบปัดผมออกจากใบหน้าและเงยขึ้นมามองค้อนสามีหุ่นหมีที่ยืนเท้าเอวข้างเตียง เธอหงุดหงิดมากถึงมากที่สุด เพราะตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยมีใครมารบกวนเวลานอนของเธอแบบนี้ หากเจ้าไก่พวกนั้นอยู่ใกล้ไม้ใกล้มือเป็นได้คว้าหมับจับหักคอไปแล้ว“ไปทำกับข้าวให้ผม”แดนไทยไม
“คงเย็นๆ วันนี้ผมให้คุณพักผ่อนให้เต็มที่เลย พรุ่งนี้ค่อยเข้าไร่กับผม”คนตัวโตเอ่ยขณะยกหมวกคาวบอยขึ้นมาสวม ดารารินทร์ที่รู้ตัวว่าจะได้เข้าไร่ก็เริ่มมีสีหน้าไม่พอใจ วินาทีนี้แดนไทยเริ่มถอยหลังออกจากหญิงสาวสองสามก้าว เข้าใจว่าตัวเองจะต้องแสบแก้วหูเพราะเสียงของเธอแน่นอน“ใครจะไปทำไร่ ฉันไม่ทำหรอกนะ”แล้วก็เป็นเช่นนั้น สาวเจ้ายืนเท้าเอวทำหน้ายักษ์ยืนกรานว่ายังไงเธอก็ไม่ยอมเข้าไร่เข้ากงเด็ดขาด คนอย่างดารารินทร์เกิดมาก็ได้ชื่อว่าเป็นคุณหนูไฮโซมีพี่เลี้ยงรายล้อมคอยทำโน่นทำนี่ให้ทุกอย่างอยู่แล้ว แถมตอนนี้ยังเลือกที่จะมาแต่งงานกับคนรวยมีหรือเธอจะยอมทำสวนทำไร่ให้เหนื่อยเสี่ยงกับผิวพรรณที่จะเสีย ที่มากไปกว่านั้นหากคนรู้จักรู้ว่าเธอต้องมาเป็นชาวไร่ได้ถูกหัวเราะเยาะแน่“อ้าว เป็นเมียผมก็ต้องทำไร่สิครับ จะมานั่งงอมืองอเท้าได้ยังไง”แดนไทยยังคงหยอกคนที่กำลังโมโหเล่นไม่เลิก“ก็บอกแล้วไงว่าเตรียมตัวเป็นแม่ฉันไม่คุยด้วยแล้ว”ดารารินทร์ยืนกรานก่อนจะหันหลังสะบัดก้นเข้าไปในบ้าน ท่าทีหงุดหงิดของเธอทำแดนไทยยืนสบถขำ ท่าทีไม่สบอารมณ์ของดารารินทร์แดนไทยเห็นหลายครั้งเข้าเขาก็มองภาพนั้นเป็นภาพที่น่าขบขันไปโดยปริย
แดนไทยเห็นภรรยาแต่งองค์ทรงเครื่องสวยยืนอยู่หน้าบ้านเขาไม่รู้หรอกว่าเธอกำลังจะออกไปไหน แต่หากไก่ของเขายังไม่กลับเข้าเล้าเขาจะให้เธอไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น"คุณเปิดเล้าไก่หรือเปล่า"ชายหนุ่มจอดรถได้ก็เดินดุ่มเข้ามาหาดารารินทร์ที่กำลังยืนสวมรองเท้าส้นสูงอยู่หน้าบ้าน สาวเจ้าเหลือบสายตามองคนตัวโตอย่างไม่สบอารมณ์ หากรู้ว่าเขาจะกลับมาเร็วคงได้แจ้นออกไปก่อนแล้ว"ทำไม"ดารารินทร์ตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ และยื่นมือหยิบกระเป๋าสีชมพูหวานราคาแพงหมายจะเดินออกไปที่เบนซ์คันหรูของเธอแต่ถูกชายหนุ่มขวางหน้าเอาไว้ก่อน"ผมถามว่าได้เปิดเล้าไก่ไหม""เปิด ให้มันไปอยู่ที่อื่นจะได้ไม่ขันให้รำคาญหูเวลานอน ถอยไปฉันมีธุระ"ดารารินทร์สารภาพเสียงห้วน ไม่ได้เห็นว่าการปล่อยไก่ออกไปจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร แดนไทยเริ่มกัดฟันมองคำพูดคำจาและท่าทีของหญิงสาวเขาก็รู้ได้เลยว่าเธอไม่ได้ใส่ใจว่าไก่พวกนั้นจะเป็นจะตายยังไง งานนี้เห็นทีต้องสั่งสอนคนเอาแต่ใจให้รับรู้ว่าการที่จะอยู่ที่นี่ไม่ใช่ว่าจะมาทำตามใจตัวเองทุกเรื่องได้"คุณจะมาทำอะไรตามอำเภอใจตัวเองไม่ได้ ไปตามหาไก่มาให้ครบทุกตัวเดี๋ยวนี้เลย"ชายหนุ่มคว้าหมับกระชากกระเป๋าจากมือของหญิง
ครื้นนนน ครืนนน"ฝนจะตกงั้นหรอ"ดารารินทร์ยืนเงยหน้ามองฟ้าที่มืดครึ้มเต็มไปด้วยกลุ่มเมฆ แสงสว่างจากที่เหลือน้อยๆก็น้อยเข้าไปอีกเพราะถูกกลุ่มเมฆหนาบดบัง คราแรกคิดจะก้าวเดินต่อ แต่เริ่มนึกขึ้นได้ว่าเธอเดินออกมาไกลจึงกวาดสายตามองรอบตัว ริมฝีปากบางขบเม้มกันแน่น น้ำตาหยดน้อยค่อยๆไหลเพราะจู่ๆความรู้สึกกลัวก็แล่นมาจับขั้วหัวใจ ด้วยมองไปทางไหนก็เห็นแต่ป่าแต่ดงทั้งยังลืมไปแล้วด้วยว่าเดินมาจากทางไหน ตอนนี้เนินดินเนินเขาบดบังวิสัยทัศน์ไปหมดจนไม่เห็นบ้านเรือนของคนแม้แต่หลังเดียว"อึก ฮือๆๆ ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย ฮือๆๆ"ดารารินทร์สะอื้นหายใจหอบถี่ขึ้นความกลัวทำให้ขาอ่อนนั่งฟุบลงไปกับพื้น และเริ่มยกมือปาดน้ำตาที่ดูท่าว่าจะไหลมาไม่หยุด ทั้งเสียงสะอื้นก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆอย่างคนไม่มีสติ"คุณดาว มาทำอะไรตรงนี้คะ"และแล้วก็เหมือนมีเสียงจากสวรรค์ฉุดรั้งสติของดารารินทร์ให้กลับมาอีกครั้ง หญิงสาวรีบปาดน้ำตาหันมองไปตามเสียงก็เริ่มยิ้มออกเมื่อเห็นเป็นผู้หญิงที่เธอคุ้นหน้า ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นเดือนฉายหญิงสาวที่อายุไล่เลี่ยกับแดนไทย เป็นคนงานในไร่ที่เธอเคยได้พูดคุยเมื่อวันงานแต่งของเธอนั่นเอง"ฉันมาตามหาไก่แต่ว่าห
สองสามีภรรยามาถึงบ้านได้กะรัตเพชรก็ต่อว่าหลานชายพักใหญ่ที่คิดจะแกล้งหลานสะใภ้เธอโดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมา แม้จะรู้ว่าดารารินทร์จงใจปล่อยให้ไก่หายไปก็เถอะแค่พูดตักเตือนกันก็น่าจะพอ"ขวัญเอ้ยขวัญมานะลูกนะ""หลานคุณย่าแกล้งดาว"ดารารินทร์อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เข้ามาบีบน้ำตาร้องให้กระซิกอยู่ที่อกของกะรัตเพชร อันที่จริงตอนกลับมาถึงกะรัตเพชรต่อว่าถิ่นแดนไทยแทนเธอจนพอใจแล้ว แต่เพราะเห็นกะรัตเพชรเข้าข้างเธออยู่พอสมควร หญิงสาวจึงต้องเล่นใหญ่ให้ดูน่าสงสารมากขึ้นเพราะนั่นเท่ากับว่าชายหนุ่มที่แกล้งเธอจะถูกตำหนิมากขึ้นไปด้วย"ย่าจัดการต่อว่าตาดินไปแล้วลูก""มันไม่สาสมกับที่ดาวกลัวเลยค่ะคุณย่า""เอาแบบนี้ พรุ่งนี้ย่าให้ตาดินพาหนูไปเที่ยวดีไหมลูก"มือเหี่ยวย่นยกลูบหัวสลับลูบหลังหลานสะใภ้แทบจะตลอดเวลา เพราะรู้ดีว่าดารารินทร์เป็นหลานคนเดียวของรสสุคนและเป็นแก้วตาดวงใจของคนทั้งบ้าน เมื่อหญิงสาวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวเธอแล้วก็ต้องดูแลให้ดีที่สุด"ไปเที่ยวเหรอคะ?"พอได้ยินคำว่าเที่ยวดารารินทร์ก็เริ่มหูผึ่งคิดอะไรบางอย่างออก“คุณย่าบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าพรุ่งนี้ให้พาฉันไปเที่ยว”ดารารินทร์โพล่งเสีย
"ก็เพราะคุณนั่นแหละ ให้ฉันไปตามไก่บ้าบออะไรก็ไม่รู้ ฉันเลยไม่ได้ไปงานวันเกิดเพื่อนฉัน รู้ไหมว่าเพื่อนๆเค้าหาว่าฉันตกอับเพราะพิษเศรษฐกิจเลยไม่ได้ไปออกงานสังคมแล้ว"“อ๋อ ถึงว่า”แดนไทยสบถขำที่แท้หญิงสาวก็ไม่สบอารมณ์ที่เสียหน้า"ธุรกิจคุณก็มีปัญหาจริงไม่ใช่เหรอ อย่างแรกคุณต้องยอมรับความจริง อีกอย่างพวกคนที่ว่าคุณ เหยียบซ้ำคุณ คุณยังคิดเรียกพวกนั้นว่าเพื่อนแล้วแคร์คำพูดคนพวกนั้นอีกเหรอ"แดนไทยเอ่ยให้หญิงสาวได้คิดตาม ไม่รู้ว่าเรื่องแค่นี้หญิงสาวจะคิดไม่ได้"เรื่องของฉัน คุณไม่เป็นฉันไม่รู้หรอก"ดารารินทร์บุ้ยปากไม่สบอารมณ์ ชายหนุ่มก็พูดไม่ได้ต่างจากณัฐวดีกับพิชชาอรเลย ว่าอย่าสนใจใส่ใจคนที่คิดเหยียบซ้ำ แต่จะให้เธอไม่สนใจได้ยังไงเพราะตอนนี้รู้อยู่แก่ใจว่าเธอกำลังเป็นที่พูดถึงในทางไม่ดี"แล้วนี่คุณจะไปไหม ถ้าไม่ไปผมจะเข้าไร่""มาอุ้มสิ ฉันไม่เดินวันนี้คุณต้องเป็นขี้ข้าลบล้างความผิดที่แกล้ง..ฉ.."ฟึ่บ "ว้าย.. นี่ นุ่มนวลเป็นหรือเปล่า"ไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดจบ ตัวของเธอก็ลอยขึ้นเหนือพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว"พูดมาก โยนทิ้งซะดีไหม"“นี่”สองแขนเรียวรีบยกคล้องคอคนตัวโตเอาไว้แน่น เข้าใจว่าถิ่นแดนไทยน
"เหลือแสนเดียวเองอะ ชุดนี้ก็สวย สร้อยนี่ก็อยากได้"ดารารินทร์เลือกซื้อกระเป๋ารองเท้าเพลินจนตอนนี้เหลือเงินติดบัญชีเพียงแสนกว่าบาทเท่านั้น เธอนั่งหน้ามุ่ยเพราะยังไม่ทันซื้อของที่อยากได้ครบ เงินเธอก็จะหมดเสียแล้วแดนไทยเดินกลับมาหาหญิงสาวหลังจากหายไปรอซื้ออาหารพักใหญ่"กินก่อนสิคุณค่อยเล่นมือถือ"เขาเห็นแต่ไกลว่าสาวเจ้ายังคงนั่งเล่นมือถืออยู่ที่เดิมไม่ไปไหน จึงต้องเอ่ยปากให้เธอละมือก่อน"อะไรอะ""ส้มตำปูปลาร้า ปลาดุกย่าง แล้วก็ไก่ย่างข้าวเหนียว คุณจะเอาอะไรเพิ่มไหมซุปหน่อไม้ หรือพวกลาบน้ำตก"ดวงตากลมโตมองไปยังถุงอาหารที่ชายหนุ่มถือมาวางพร้อมกับถาดโฟมและช้อนพลาสติก สิ่งที่เธอพอจะทานได้ก็น่าจะเป็นไก่ย่างสีแดงกับข้าวเหนียวเท่านั้น เพราะไม่ชอบทานอาหารที่มีกลิ่นแรงๆเท่าไร"ไม่อะ ฉันกินไก่ย่างก็ได้"ดารารินทร์เก็บมือถือลงกระเป๋าได้ก็ควักทิชชู่เปียกออกมาเช็ดมือและหยิบไก่ย่างขึ้นมากัดคำเล็กตามด้วยข้าวเหนียวใส่ปาก แม้จะไม่ใช่ของที่อยากทานแต่ก็แก้หิวได้ดีเหมือนกัน"ไม่ให้ผมป้อนแล้ว งั้นคุณก็หายโกรธผมแล้วล่ะสิ"แดนไทยเตรียมตัวเต็มที่ว่าคงจะได้นั่งป้อนข้าวหญิงสาวเสมือนกำลังดูแลคนพิการ แต่ผิดคาดตอนน
"มานี่"รถคันหรูจอดที่หน้าบ้านได้ชายหนุ่มก็รีบลากคุณหนูไฮโซลงจากรถให้ตามเข้ามาในบ้าน"อะไรของคุณ ปล่อยฉัน""รังเกียจชาวไร่นัก ผมก็จะทำให้คุณได้จำฝังใจว่าชาวไร่คนนี้เป็นผัวคุณ""นี่ปล่อย"ดารารินทร์รู้ถึงความคิดของชายหนุ่มได้ เธอก็เริ่มตื่นกลัวและรีบสะบัดข้อมือให้พ้นจากมือของเขา"จะดีดดิ้นไปทำไม ยังไงวันนึงเราก็ต้องทำลูกตามคำสั่งคุณย่าอยู่แล้ว"คนตัวเล็กที่สะบัดมือออกได้ยังไม่ทันจะได้วิ่งหนีไปไหนก็แขนแกร่งรวบเอวเธอไว้ก่อน"ฉันยังไม่พร้อม"คนตัวเล็กดิ้นหนีสุดชีวิต แต่แรงของเธอก็ไม่ได้ทำให้คนตัวโตสะท้านเลยสักนิด และแล้วสาวเจ้าก็ถูกพาเข้ามาในห้องนอนเหวี่ยงขึ้นบนเตียงนุ่มจนได้"นี่ หยุดดด อื้อ"ชายหนุ่มคร่อมกดคนตัวเล็กลงกับเตียง ก้มหน้าบดจูบริมฝีปากบางอย่างไร้ความนุ่มนวล มือหนาดึงกระชากเกาะอกของคนที่นอนดีดดิ้นจนขาดวิ่นปึก ปึก ปึกดารารินทน์มือเรียววาดทุบตีแผ่นหลังกว้าง ทั้งจิกข่วนให้คนตัวโตรู้สึกเจ็บหมายจะให้เขาผละตัวออกไป แต่ไม่มีทีท่าว่าเขาจะหยุดการกระทำแม้แต่นิดเดียว"อื้ออ..หยุดด อ๊ายยย" ปึก ปึก ปึกเมื่อริมฝีปากบางเป็นอิสระดารารินทร์ก็กรีดร้องดังลั่น รัวมือทุบตีแดนไทยไม่หยุด ขณะที่คน
“แกสองคนไปบวชแล้วปลงได้จริงหรือเปล่าเนี่ย”ณัฐวดีเดินออกมาที่ลานจอดรถก็เดินใช้หัวไหล่กระแทกมนชิดาและเปรมสินีเบาๆ เพราะเมื่อครู่ทั้งสองพูดขู่เจ็บแสบกับพิริสาพอสมควร“โอ้ย มันก็ไม่ได้ปลงจนเป็นแม่พระขนาดนั้น ใครดีมาก็ดีกลับร้ายมาก็ต้องถูกร้ายกลับเหมือนกัน”มนชิดาเอ่ยด้วยท่าทีขบขัน“ใช่ นี่ยังน้อยไป ถ้าไม่ติดว่าแขกในงานยังกลับไปไม่หมด ได้ฟาดหน้ายัยนั่นสักทีสองทีแล้ว”เปรมสินียังรู้สึกคันไม้คันมือไม่หาย เพราะมีผู้หญิงพวกที่คิดอยากจะยุ่งกับสามีชาวบ้านอยู่เยอะ มนชิดาถึงได้เจอเรื่องแย่ๆแถมผู้หญิงพวกนั้นก็เป็นคนทำให้พ่อและแม่ของเธอฟ้องหย่ากันอยู่ตอนนี้“พวกแกมันเริ่ด”ณัฐวดียกมือนิ้วโป้งสองข้างตรงหน้ามนชิดาและเปรมสินี“ฉันติดต่อยัยดาวไม่ได้เลยอะ”พิชชาอรเริ่มยิ้มไม่ออกเมื่อลองโทรหาดารารินทร์หลายสายแล้วแต่เพื่อนเธอก็ยังไม่รับ“ป่านนี้ดีกับคุณดินสวีทหวานแหววกันไปแล้วมั้ง อย่าไปกวนนางเลย”มนชิดาเดาว่าสองสามีภรรยาน่าจะเข้าใจกันแล้ว“อืม ไปเตรียมตัวจัดงานเซอร์ไพรซ์คุณดินคืนนี้ดีกว่า”“งานไรอะ”เปรมสินีเริ่มมีสีหน้าฉงนหลังจากได้ยินณัฐวดีพูดเรื่องคืนนี้“ไปกับพวกฉันเดี๋ยวก็รู้เอง”ณัฐวดีรวบทุกคนขึ้นร
“งานจะเริ่มแล้วตาดินไปไหนล่ะลูก”อดิเทพเห็นว่างานจะเริ่มแล้วคนในครอบครัวก็อยู่กับครบแต่ไม่ยักจะเห็นแดนไทยจึงสะกิดถามลูกสาว เพราะอยากจะให้คนในครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าตอนแถลงข่าวกับสื่อ“เห็นว่าจะไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวดาวไปตามให้นะคะคุณพ่อ”ดารารินทร์รีบเดินจ้ำอ้าวผ่านห้องแต่งตัวด้านหลังแล้วสายตาของเธอก็ไปสะดุดกับคนสองคนที่กำลังยืนกอดกัน หญิงสาวกลืนน้ำลายอึกใหญ่กำมือแน่นเพราะจำได้ว่าเป็นสามีของเธอแม้จะเห็นเพียงด้านหลัง“พี่ดิน!”“ดาว”แดนไทยหันหลังมาได้ดารารินทร์ก็เห็นว่าผู้หญิงคนที่สามีเธอกอดอยู่นั้นคือพิริสา มิน่าตอนเข้างานมาเขาจึงมีท่าทีแปลกไปตั้งแต่แนะนำตัวทำความรู้จักกับพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของสายการบินแล้ว ที่แท้ก็เคยรู้จักกันเป็นอย่างดีมาก่อน หญิงสาวไม่ได้อยู่สืบสาวความอะไรให้มากเรื่อง เธอเลือกที่จะวิ่งหนีออกไปจากงาน ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะมาเกิดกับตัวเพราะเพิ่งจะหดหู่ใจกับเรื่องของมนชิดาไปหยกๆ ขึ้นชื่อว่าผู้ชายน่าจะไว้ใจยากกันทุกคนไม่เว้นแม้แต่สามีที่เธอคิดว่าเขาดีนักดีหนา“ตาดิน ทำไมน้องวิ่งออกจากงานไปแบบนั้นล่ะ”กานต์มณีเดินมาดักหน้าลูกชายเธอเอาไว้หลังจากเห็นดารารินทร์วิ่งออกจากงานไป
“ป้าม้วนทอผ้าสวยมากเลยนะคะพี่ดิน ดาวว่าจะส่งไปตัดเป็นเดรสใส่วันงานของสายการบินคุณพ่อค่ะ เผื่อจะมีใครอยากได้ชุดแบบดาวบ้าง คนทอผ้าที่นี่จะได้มีรายได้ด้วย”ดารารินทร์คลี่ผ้ายกมุกสีดำน้ำตาลยกมุกด้วยสีครีมลายกระดุมทองมาอวดคนเป็นสามีขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะล้มตัวนอน เธอไปอุดหนุนผ้าทอจากคนในชุมชนเห็นว่าสวยเลยคิดว่าจะเอาไปตัดเป็นชุดใส่ในวันงานเปิดตัวพรีเซนเตอร์สายการบินคนใหม่ของพ่อเธอ“อืม ก็ดีนะ แล้วพ่อดาวบอกหรือยังว่าใครจะมาเป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่”“ยังค่ะ คุณพ่ออยากให้เงียบที่สุดเท่าที่จะเงียบได้ ดาวรู้แค่ว่าเป็นนางแบบที่เป็นคนไทยแล้วก็มีชื่อเสียงในต่างประเทศด้วยค่ะ”ดารารินทร์ส่ายหัวพยายามเค้นถามจากหลายๆคนแล้วก็ไม่ได้คำตอบอะไรเลย“วันที่เราเข้ากรุงเทพไปปรึกษาหมอด้วยเลยดีไหม พี่อยากรู้ว่าเราทำไมไม่มีลูกกันสักที”“เครียดมากเหรอคะที่ดาวไม่ท้องสักที”หญิงสาวพับผ้าเก็บในตู้ก่อนจะเดินเข้ามานอนกอดสามีซุกหน้าพูดอู้อี้กับแผงอกกว้าง มือเรียววาดกอดลูบหลังให้กำลังใจชายหนุ่ม“เปล่าหรอก พี่ก็ไม่ได้รีบขนาดนั้น แต่แค่อยากไปตรวจร่างกายให้แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่”“ก็ได้ค่ะ”แดนไทยก้มพรมจูบกระหม่อมภรรยาตัวเล
"อือ อืมมม"ดารารินทร์โอบรัดต้นคอคนตัวโตเอาไว้แน่น เมื่อลิ้นร้ายของชายหนุ่มสอดส่ายเข้ามาในโพรงปากคนที่เริ่มเป็นงานก็เริ่มตวัดรัดดูดดึงสร้างความวาบหวามให้สามีได้เป็นทวีคูณมือหนาดึงสายผูกเอวชุดนอนซาตินออกได้ร่างบางขาวนวลเนียนก็เผยล่อลวงสายตาคมได้เป็นอย่างดี ยอดอกอูมอวบอิ่มชมพูระเรื่อตั้งชูชันประจันหน้าชายหนุ่มที่พึ่งละการเล่นลิ้นอยู่ในโพรงปากหวาน"อ อ้ะ"เขาก้มลงดูดดึงยอดถันมูมมามจนคนตัวเล็กร้องลั่นแอ่นเร่าตาปรือเยิ้มระบายความเสียวกระสัน มือหนาเลื่อนลงต่ำลูบไล้ไปจนกลีบกุหลาบงาม เขาเลื่อนยกนิ้วโป้งคลึงเม็ดทับทิมสีหวานเรียกอารมณ์รักอย่างเบามือ"อ้ะ อื้อออ ส เสียวค่ะ"ความเสียวซ่านช่วงล่างบวกกับถูกละเลงลิ้นดูดดึงยอดอกทำคนตัวเล็กครางไม่ค่อยจะเป็นคำ มือเรียวสอดผ่านเสื้อยืดวาดจิกแผ่นหลังกว้างถลกเสื้อคนตัวโตขว้างออกไปข้างเตียงหลังจากที่เขาผละออกจากทรวงอกอิ่ม ชายหนุ่มรีบถอดกางเกงเหวี่ยงทิ้งไม่รีรอ สองแขนแกร่งรวบคนตัวเล็กยกกอดถลกชุดคลุมออกให้พ้นตัวจนล่อนจ้อนเหมือนกันกับตน ก่อนจะโน้มตัวนอนลงทาบทับแนบเนื้อกันอีกรอบ"อื้อ"ใบหน้าหวานเหยเกเล็กน้อยขณะคนเป็นสามีดันเจ้ามังกรยักษ์เข้าร่องสวาทคราเดียวจน
"ไม่เอาก็เอามา""เอาก็ได้ แต่คุณไม่กลัวฉันใช้ฟุ่มเฟือยเหรอ""ผมว่าตอนนี้ภรรยาผมน่าจะเอาเงินไปลงกับพวกหนังสือแล้วก็ขนมนมเนยให้เด็กๆกับคนในไร่มากกว่า"แดนไทยเชื่อใจดารารินทร์ว่าคงเอาเงินที่เขาให้ไปใช้ในทางที่มันเป็นประโยชน์ เพราะพักหลังมานี้เธอได้เงินเท่าไรก็เร้าแต่จะให้เขาพาไปซื้อโน่นซื้อนี่ทำประโยชน์ให้โรงเรียนบ้างให้คนในไร่บ้าง จนเขาแทบอยากจะเปิดมูลนิธิให้เธอแล้ว"ก็จริงค่ะ ฉันเอาเงินไปลงกับพวกเค้ามีความสุขกว่าตอนที่ซื้อชุดแพงๆใส่เยอะเลย""คุณน่ารักขึ้นมากขึ้นทุกวันรู้ตัวหรือเปล่า แล้วตอนนี้ผมก็อยากจะฟัดคุณจะแย่แล้วด้วย"แดนไทยเริ่มก้มหน้าซุกไซร้ลำคอระหงส์จนสาวเจ้าต้องรีบผละตัวหนี เพราะยังรู้สึกเหนื่อยจากการขับรถไม่หาย หากให้เขาหาความสุขกับเธอตอนนี้คงสลบเหมือดคาเตียงในไม่กี่นาทีแน่"ฉันเหนื่อยมากเลยค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ"แดนไทยยืนเท้าเอวมองตามหลังคนตัวเล็กด้วยสายตาเว้าวอน เขายอมปล่อยเธอไปก่อนก็ได้แต่คืนนี้ยังไงเธอก็ไม่รอดเงื้อมมือของเขาแน่สามวันต่อมาวันนี้ที่บ้านเล็กท้ายไร่ดูจะครึกครื้นเอามากๆ เพราะทั้งสองครอบครัวมารวมตัวกันที่นี่เนื่องในวันเกิดของกะรัตเพชร"คิดถึงทุกคนจังเลยค่ะ"ดาราริ
"เรียกว่ารัก"เสียงทุ้มนุ่มลึกเอ่ยกระซิบข้างหูคนตัวเล็ก แต่หญิงสาวก็ยังไม่ค่อยมั่นใจว่าเธอจะรู้สึกแบบนั้นกับชายหนุ่มจริงๆ เพราะเธอยังอยู่กับเขาไม่ถึงสองเดือนเลยด้วยซ้ำ"ฉันสามารถรักคุณได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ""การที่เราจะตกหลุมรักใครสักคนไม่ต้องใช้เวลาหรอก แล้วมันก็ไม่ค่อยมีเหตุผลด้วย ขนาดคุณพยศทำตัวดื้อกับผมตั้งหลายครั้งผมยังมองว่าคุณน่ารักเลย""หืม คุณคิดแบบเดียวกับฉันเหรอ""ถ้าผมไม่รู้สึกดีกับคุณ คงไล่คุณออกจากบ้านไปตั้งนานแล้ว"แดนไทยก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปเผลอใจให้เธอตอนไหน พอจะรู้ตัวจริงจังก็เมื่อวันที่สาวเจ้ากลับมาและเขาก็ใจอ่อนยวบยกโทษให้เธอเพียงแค่หญิงสาวพูดขอโทษไม่กี่คำ พอเห็นเธอเศร้าเขาก็พลอยใจเสีย ยิ่งเห็นเธออยากจะทำความดีอย่างตั้งใจก็ชื่นชมและคอยเอาใจช่วยเธอตลอดเวลา อยากให้หญิงสาวเป็นคนดีขึ้นไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อตัวของเธอเอง สำหรับเขาตอนนี้ดารารินทร์คือความสุขของเขาไปแล้ว"จริงอ๋อ"ดารารินทร์อมยิ้มเขินก้มหน้างุดซุกเข้ากับอกอุ่น รู้สึกเขินเกินกว่าจะเงยหน้ามองชายหนุ่ม"ถ้าคุณไม่อยากเหนื่อย อย่าเอาหน้ามาถูหัวนมผม"แดนไทยเริ่มมีเสียงกระเส่าแค่กอดก่ายหญิงสาวคราแรกก็เริ่มกลืนน
"อร่อยไหม พวกแกคิดว่าคนอื่นจะหายโกรธฉันเมื่อไรเหรอ ฉันไม่รู้ว่าจะแบกรับความรู้สึกผิดหวังไหวแค่ไหน พวกแกเป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะ"หญิงสาวยืนหน้าละห้อยเอ่ยพูดกับไก่ที่กำลังรุมจิกมะละกอราวกับพวกมันฟังรู้เรื่อง แดนไทยที่เดินมาเห็นภาพนั้นก็อดอมยิ้มไม่ได้ เพราะไม่คิดว่าดารารินทร์จะเป็นมิตรกับพวกไก่ในเล้าของเขาได้"คิดว่าคุณจะชอบมันไม่ได้ซะอีก""ก็ไม่คิดว่าจะชอบได้ แต่พอกลับไปอยู่กรุงเทพไม่กี่วันคิดถึงมันเหมือนกัน แล้วทำไมวันนี้คุณกลับเร็วล่ะ"หญิงสาวหันหลังเปรยยิ้มให้กับคนมาใหม่“ไม่มีงานอะไรแล้วเลยกลับมาพักผ่อน ทำไม..ไม่อยากเห็นหน้าผมเหรอ”“เปล่าซะหน่อย ฉันจะไปทำไข่เจียวคุณกินไหม”“ทำเป็นด้วยเหรอ”เห็นทีการกลับมาของหญิงสาวจะมีเรื่องให้เขาได้แปลกใจอีกเรื่องแล้ว“ค่ะ ฉันฝึกมา ต่อไปนี้ฉันว่าจะหัดทำงานบ้านงานครัว ช่วงแบ่งเบาภาระคุณเอง”สาวเจ้าเดินนำหน้าแดนไทยเข้าบ้านมาได้ก็เริ่มยิ้มไม่ออก เมื่อสายตามองเห็นถาดขนมเค้กหลายสิบชิ้นที่เธอเอาไปให้คนในไร่วางอยู่ที่กลางโต๊ะอาหาร เธอเห็นจำนวนแล้วก็เดาได้ว่าน่าจะไม่ได้มีใครหยิบไปเลยสักชิ้น"พวกเค้าไม่ได้เอาไปกิน ผมก็เลยต้องเอากลับมา"แดนไทยเอ่ยไปตามความจร
"พรุ่งนี้ฉันว่าจะเข้าไปในโรงเรียน ชวนเด็กๆมาเรียนภาษากันหลายๆคนคุณว่าดีไหม"หลังคุยปรับความเข้าใจกันได้ ตอนนี้ทั้งสองก็มานั่งคุยกันต่อที่โต๊ะอาหาร"ดีสิ แต่อาจจะมีบางคนที่ไม่อยากมาเรียนกับคุณ"แดนไทยเห็นด้วยที่หญิงสาวจะทำเรื่องที่ดี แต่เขาอยากให้เธอเผื่อใจเพราะเรื่องที่เธอสร้างเอาไว้สร้างความเจ็บปวดในใจของคนงานไนไร่ไม่น้อย พวกเขาไม่ได้โกรธที่รู้ว่าจะไม่มีที่อยู่ แต่สิ่งที่หญิงสาวทำเหมือนกับการกลั่นแกล้งไล่ที่โดยที่ไม่บอกให้พวกเขาเหล่านั้นได้รู้ล่วงหน้า"เพราะเรื่องที่ฉันทำสินะคะ"ดารารินทร์บุ้ยปากเขี่ยข้าวในจานไปมา"คุณเป็นคนผูก ก็ต้องเป็นคนแก้""ช่างเถอะ ต่อไปนี้ฉันจะยอมรับให้ได้ทุกอย่าง"หญิงสาวถอนหายใจอ่อน ใช่อย่างที่แดนไทยพูด เธอเป็นคนผูกก็ต้องเป็นคนแก้ แดนไทยมองท่าทีจริงจังของหญิงสาวด้วยแววตาชื่นชม แอบกังวลว่าหญิงสาวจะถอดใจก่อนหรือเปล่า เพราะคนที่นี่ค่อนข้างใจแข็งกันอยู่พอสมควรวันต่อมาวันนี้ดารารินทร์เข้ามาที่ตลาดช่วงสายเธอมาหาซื้อขนมเค้กเพื่อไปให้เด็กๆที่โรงเรียนและเผื่อให้คนในไร่ เสร็จแล้วจึงแวะเข้าไปที่โรงเรียนเพื่อชวนเด็กๆชั้นประถมปีที่6 เรียนภาษาอังกฤษกับเธอฟรี"เด็กๆ พี่นี
"อื้ม.. ฉันโชคดีแค่ไหนที่ได้กินไข่เจียวฝีมือคุณหนูดาวเนี่ย นี่ถ้าคุณแม่แกรู้ว่าแกหัดเข้าครัวทำตัวเป็นแม่บ้านศรีเรือนคงดีใจแทบน้ำตาไหลแน่เลย"หลังจากที่สอนให้ดารารินทร์ลองผิดลองถูกกับการทำไข่เจียวมาพักใหญ่ พิชชาอรก็ได้ทานไข่เจียวสีสวยกลิ่นหอมละมุนฝีมือของเพื่อนเธอเสียที“นึกว่าวันนี้จะได้กินไข่เจียวทูโทนซะแล้วนะเนี่ย”ณัฐวดีมองไข่เจียวสีสวยในจานตาเป็นประกาย ภาพไข่เจียวในจานกระเบื้องสีขาวตรงหน้าหากไปอยู่ที่อื่นมันอาจจะดูธรรมดาๆ แต่เมื่อรู้ว่าเป็นฝีมือของดารารินทร์คุณหนูที่หยิบจับอะไรในครัวไม่เป็นเลยหัดทำไข่เจียวเป็นวันแรกก็ทำได้ดีขนาดนี้มันเลยดูพิเศษสำหรับเธอพอสมควร"เมื่อก่อนที่ฉันไม่อยากทำก็เพราะไม่ชอบไอร้อนๆกลัวตัวเหม็น แต่พอได้ลงมือฉันว่าการทำอาหารก็สนุกดีนะ ตอนนี้อยากทำเป็นอีกหลายๆเมนูเลย"ดารารินทร์ยิ้มกว้างปลื้มปริ่มกับไข่เจียวตรงหน้ามากๆ การเข้าครัวมันก็ไม่ได้เลวร้ายอย่าวที่เธอเคยคิด กลับรู้สึกสนุกมากๆจนอยากเรียนรู้และทำเมนูอื่นเป็นเร็วๆหลังจากเพื่อนๆกลับบ้านกันไปหมดแล้วดารารินทร์ก็ออกมายืนมองวิวทิวทัศน์ของเมืองใหญ่ยามค่ำคืน ภาพที่เธอเคยเห็นว่ามันสวยงามกลับไม่เป็นเช่นเดิม ตอนนี