ครื้นนนน ครืนนน
"ฝนจะตกงั้นหรอ"
ดารารินทร์ยืนเงยหน้ามองฟ้าที่มืดครึ้มเต็มไปด้วยกลุ่มเมฆ แสงสว่างจากที่เหลือน้อยๆก็น้อยเข้าไปอีกเพราะถูกกลุ่มเมฆหนาบดบัง คราแรกคิดจะก้าวเดินต่อ แต่เริ่มนึกขึ้นได้ว่าเธอเดินออกมาไกลจึงกวาดสายตามองรอบตัว ริมฝีปากบางขบเม้มกันแน่น น้ำตาหยดน้อยค่อยๆไหลเพราะจู่ๆความรู้สึกกลัวก็แล่นมาจับขั้วหัวใจ ด้วยมองไปทางไหนก็เห็นแต่ป่าแต่ดงทั้งยังลืมไปแล้วด้วยว่าเดินมาจากทางไหน ตอนนี้เนินดินเนินเขาบดบังวิสัยทัศน์ไปหมดจนไม่เห็นบ้านเรือนของคนแม้แต่หลังเดียว
"อึก ฮือๆๆ ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย ฮือๆๆ"
ดารารินทร์สะอื้นหายใจหอบถี่ขึ้นความกลัวทำให้ขาอ่อนนั่งฟุบลงไปกับพื้น และเริ่มยกมือปาดน้ำตาที่ดูท่าว่าจะไหลมาไม่หยุด ทั้งเสียงสะอื้นก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆอย่างคนไม่มีสติ
"คุณดาว มาทำอะไรตรงนี้คะ"
และแล้วก็เหมือนมีเสียงจากสวรรค์ฉุดรั้งสติของดารารินทร์ให้กลับมาอีกครั้ง หญิงสาวรีบปาดน้ำตาหันมองไปตามเสียงก็เริ่มยิ้มออกเมื่อเห็นเป็นผู้หญิงที่เธอคุ้นหน้า ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นเดือนฉายหญิงสาวที่อายุไล่เลี่ยกับแดนไทย เป็นคนงานในไร่ที่เธอเคยได้พูดคุยเมื่อวันงานแต่งของเธอนั่นเอง
"ฉันมาตามหาไก่แต่ว่าหลงค่ะ"
ดารารินทร์รีบลุกขึ้นเดินเข้ามาหาเดือนฉาย เอ่ยตอบกลับผู้หญิงตรงหน้าด้วยเสียงปนสะอื้น
"งั้นมาบ้านฉันก่อนค่ะ เดี๋ยวฉันโทรตามให้คุณดินมารับค่ะ"
"ขอบคุณนะคะ ฮือๆๆ"
ดารารินทร์น้ำตารื้นขึ้นมาอีกรอบครั้งนี้ไม่ได้ร้องให้เพราะเสียใจ แต่เพราะดีใจที่ไม่ต้องมานั่งกลัวอยู่ที่นี่นาน คิดว่าจะต้องติดอยู่ที่นี่มืดๆคนเดียวเสียแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหแดนไทยเป็นเท่าตัว ที่บังคับให้เธอมาตามหาไก่จนต้องมาอยู่ในสภาพนี้ และรู้ตัวว่าคงจะไปงานไม่ทันแล้วด้วย
“ใจเย็นๆค่ะ เดี๋ยวก็ได้กลับบ้านแล้วไม่ต้องกลัวอะไรแล้วนะคะ”
เดือนฉายลูบหลังหญิงสาวที่สะอื้นตัวสั่นเทิ้ม นึกไปถึงว่าหากเธอไม่ได้มาหาเห็ดหลังเลิกงานแล้วมาเจอหญิงสาว ป่านนี้ดารารินทร์จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้
"ลูกจันทร์ไปเอาน้ำให้คุณดาวหน่อยลูก"
“ค่ะแม่”
เดือนฉายพาดารารินทร์มาถึงบ้านพักของเธอก็รีบโทรหาแดนไทยบอกข่าวว่าภรรยาของเขาอยู่ที่นี่ ก่อนจะใช้ลูกสาววัย11ย่าง12ขวบไปหาน้ำมารับแขก
"น้ำค่ะพี่ดาว"
“ขอบใจนะ”
ดารารินทร์เปรยยิ้มหวานให้เด็กหญิงหน้าตาน่ารักน่าชังก่อนจะรับแก้วน้ำมาดื่มรวดเดียวจนหมด เธอรู้สึกกระหายมากพอที่จะไม่สนใจจะรักษาภาพพจน์
"ปกติไก่บ้านคุณดินก็ถูกปล่อยให้ออกมาหากินเองบ้างนะคะ แล้วมันก็กลับเข้าเล้าเองได้ด้วย ทำไมคุณดินให้คุณดาวมาตามหาล่ะคะ"
"กลับเองได้เหรอคะ?"
"ค่ะ"
ดวงตากลมโตถลึงเบิกกว้าง คิ้วเรียวที่แต่งเติมวาดจนได้รูปเริ่มขมวดเข้าหากัน ดารารินทร์พอจะรู้แล้วว่าตัวเองนั้นถูกแดนไทยแกล้ง
"หรือว่าพี่ดาวทำบางตัวหายไปคะ"
"อ๋อใช่ พี่ทำบางตัวหายไปก็เลยต้องออกมาตาม"
ดารารินทร์จำต้องพยักหน้าไหลตามน้ำคำถามของเด็กหญิงจริญญา เพราะจะไปบอกเหตุผลที่เธอต้องออกมาตามหาไก่จริงๆจะทำให้เธอดูไม่ดีในสายตาคนอื่นเปล่าๆ
"เจอหรือเปล่าคะ"
ดารารินทร์ส่ายหัว
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะเดี๋ยวลูกจันทร์ขอร้องพี่ดินไม่ให้โกรธพี่ดาวเอง"
เด็กหญิงเอ่ยเสียงใสด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม
"ขอบใจนะ"
ดารารินทร์พอจะยิ้มออกได้บ้างเมื่อได้ฟังคำพูดคำจาไร้เดียงสาของเด็กหญิง ตอนนี้เธอไม่ได้คิดเรื่องแดนไทยจะโกรธหรือไม่โกรธ แต่เธอกำลังคิดว่าจะเอาคืนเขาอย่างไรมากกว่าที่แกล้งเธอจนเกือบจะต้องอยู่ในป่ามืดๆคนเดียว
"นั่นคุณดินน่าจะมาแล้วล่ะค่ะ"
ดารารินทร์หันไปมองตาขวางตั้งแต่รถกระบะสี่ประตูสีดำของชายหนุ่มยังไม่จอดดับเครื่องดี
"งั้นดาวขอตัวนะคะ ขอบคุณพี่เดือนอีกครั้งนะคะ พี่ไปก่อนนะลูกจันทร์"
"ค่ะพี่ดาว"
ลาสองแม่ลูกได้สาวเจ้าก็เดินจ้ำอ้าวมองตาขวางมองคนที่กำลังลงจากรถมาแต่ไกล มาถึงตัวรถได้เธอก็ไม่พูดไม่จาและรีบเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถกระบะด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก แดนไทยเห็นเนื้อตัวสาวเจ้ามอมแมมไปด้วยดินโคลนความรู้สึกผิดก็แล่นเข้ามาอีกรอบ รู้ตัวเลยว่าตนนั้นน่าจะสั่งสอนหญิงสาวจนเกินเหตุไป
ชายหนุ่มเดินไปขอบอกขอบใจเดือนฉายและอยู่คุยกับสองแม่ลูกครู่หนึ่งก็เดินกลับมาที่รถและขับพาหญิงสาวกลับ
"พี่เดือนบอกว่าไก่บ้านคุณปกติมันกลับเข้าเล้าเองได้ คุณแกล้งฉันทำไม ฉันมีแผลแทบทั้งตัวจะเป็นแผลเป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้ ฉันเดินหาไก่คุณจนหลงไปเจอแต่ป่าฉันกลัวแค่ไหนคุณรู้ไหม ถ้าพี่เดือนไม่ไปเจอฉันจะเกิดอะไรขึ้น ฮือๆๆๆ"
ชายหนุ่มขับรถออกจากหน้าบ้านเดือนฉายได้ไม่เท่าไรดารารินทร์ก็ร่ายยาวระบายความโกรธเสียงดังโวยวายและเริ่มสะอึกสะอื้นออกมาอีกรอบ
"เอาเป็นว่าผมขอโทษแล้วกัน ผมแค่อยากดัดนิสัยคุณ ไม่คิดว่าคุณจะกลัวขนาดนี้"
แดนไทยมองเนื้อตัวหญิงสาวใกล้ๆก็เริ่มมีสายตาสลดเพราะเนื้อตัวผิวสวยๆไม่ได้เปื้อนแค่ดินอย่างเดียว ยังมีรอยขีดเขี่ยนแดงเต็มไปหมด
"ฮือๆๆ " ปึก "หึ้ยย"
มือเรียวยกปาดน้ำตาลวกๆเสร็จก็วาดทุบไปที่ท่อนแขนของคนตัวโต แดนไทยไม่ได้คิดจะตอบโต้การกระทำของเธอ หากมันจะทำให้หญิงสาวดีขึ้นได้เขาก็ต้องยอมไปก่อน ทั้งยังกังวลถึงเหตุการณ์ข้างหน้าหากเขาพาดารารินทร์กลับไปสภาพนี้จะต้องถูกย่าตนต่อว่าหูชาแน่นอน
สองสามีภรรยามาถึงบ้านได้กะรัตเพชรก็ต่อว่าหลานชายพักใหญ่ที่คิดจะแกล้งหลานสะใภ้เธอโดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมา แม้จะรู้ว่าดารารินทร์จงใจปล่อยให้ไก่หายไปก็เถอะแค่พูดตักเตือนกันก็น่าจะพอ"ขวัญเอ้ยขวัญมานะลูกนะ""หลานคุณย่าแกล้งดาว"ดารารินทร์อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เข้ามาบีบน้ำตาร้องให้กระซิกอยู่ที่อกของกะรัตเพชร อันที่จริงตอนกลับมาถึงกะรัตเพชรต่อว่าถิ่นแดนไทยแทนเธอจนพอใจแล้ว แต่เพราะเห็นกะรัตเพชรเข้าข้างเธออยู่พอสมควร หญิงสาวจึงต้องเล่นใหญ่ให้ดูน่าสงสารมากขึ้นเพราะนั่นเท่ากับว่าชายหนุ่มที่แกล้งเธอจะถูกตำหนิมากขึ้นไปด้วย"ย่าจัดการต่อว่าตาดินไปแล้วลูก""มันไม่สาสมกับที่ดาวกลัวเลยค่ะคุณย่า""เอาแบบนี้ พรุ่งนี้ย่าให้ตาดินพาหนูไปเที่ยวดีไหมลูก"มือเหี่ยวย่นยกลูบหัวสลับลูบหลังหลานสะใภ้แทบจะตลอดเวลา เพราะรู้ดีว่าดารารินทร์เป็นหลานคนเดียวของรสสุคนและเป็นแก้วตาดวงใจของคนทั้งบ้าน เมื่อหญิงสาวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวเธอแล้วก็ต้องดูแลให้ดีที่สุด"ไปเที่ยวเหรอคะ?"พอได้ยินคำว่าเที่ยวดารารินทร์ก็เริ่มหูผึ่งคิดอะไรบางอย่างออก“คุณย่าบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าพรุ่งนี้ให้พาฉันไปเที่ยว”ดารารินทร์โพล่งเสีย
"ก็เพราะคุณนั่นแหละ ให้ฉันไปตามไก่บ้าบออะไรก็ไม่รู้ ฉันเลยไม่ได้ไปงานวันเกิดเพื่อนฉัน รู้ไหมว่าเพื่อนๆเค้าหาว่าฉันตกอับเพราะพิษเศรษฐกิจเลยไม่ได้ไปออกงานสังคมแล้ว"“อ๋อ ถึงว่า”แดนไทยสบถขำที่แท้หญิงสาวก็ไม่สบอารมณ์ที่เสียหน้า"ธุรกิจคุณก็มีปัญหาจริงไม่ใช่เหรอ อย่างแรกคุณต้องยอมรับความจริง อีกอย่างพวกคนที่ว่าคุณ เหยียบซ้ำคุณ คุณยังคิดเรียกพวกนั้นว่าเพื่อนแล้วแคร์คำพูดคนพวกนั้นอีกเหรอ"แดนไทยเอ่ยให้หญิงสาวได้คิดตาม ไม่รู้ว่าเรื่องแค่นี้หญิงสาวจะคิดไม่ได้"เรื่องของฉัน คุณไม่เป็นฉันไม่รู้หรอก"ดารารินทร์บุ้ยปากไม่สบอารมณ์ ชายหนุ่มก็พูดไม่ได้ต่างจากณัฐวดีกับพิชชาอรเลย ว่าอย่าสนใจใส่ใจคนที่คิดเหยียบซ้ำ แต่จะให้เธอไม่สนใจได้ยังไงเพราะตอนนี้รู้อยู่แก่ใจว่าเธอกำลังเป็นที่พูดถึงในทางไม่ดี"แล้วนี่คุณจะไปไหม ถ้าไม่ไปผมจะเข้าไร่""มาอุ้มสิ ฉันไม่เดินวันนี้คุณต้องเป็นขี้ข้าลบล้างความผิดที่แกล้ง..ฉ.."ฟึ่บ "ว้าย.. นี่ นุ่มนวลเป็นหรือเปล่า"ไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดจบ ตัวของเธอก็ลอยขึ้นเหนือพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว"พูดมาก โยนทิ้งซะดีไหม"“นี่”สองแขนเรียวรีบยกคล้องคอคนตัวโตเอาไว้แน่น เข้าใจว่าถิ่นแดนไทยน
"เหลือแสนเดียวเองอะ ชุดนี้ก็สวย สร้อยนี่ก็อยากได้"ดารารินทร์เลือกซื้อกระเป๋ารองเท้าเพลินจนตอนนี้เหลือเงินติดบัญชีเพียงแสนกว่าบาทเท่านั้น เธอนั่งหน้ามุ่ยเพราะยังไม่ทันซื้อของที่อยากได้ครบ เงินเธอก็จะหมดเสียแล้วแดนไทยเดินกลับมาหาหญิงสาวหลังจากหายไปรอซื้ออาหารพักใหญ่"กินก่อนสิคุณค่อยเล่นมือถือ"เขาเห็นแต่ไกลว่าสาวเจ้ายังคงนั่งเล่นมือถืออยู่ที่เดิมไม่ไปไหน จึงต้องเอ่ยปากให้เธอละมือก่อน"อะไรอะ""ส้มตำปูปลาร้า ปลาดุกย่าง แล้วก็ไก่ย่างข้าวเหนียว คุณจะเอาอะไรเพิ่มไหมซุปหน่อไม้ หรือพวกลาบน้ำตก"ดวงตากลมโตมองไปยังถุงอาหารที่ชายหนุ่มถือมาวางพร้อมกับถาดโฟมและช้อนพลาสติก สิ่งที่เธอพอจะทานได้ก็น่าจะเป็นไก่ย่างสีแดงกับข้าวเหนียวเท่านั้น เพราะไม่ชอบทานอาหารที่มีกลิ่นแรงๆเท่าไร"ไม่อะ ฉันกินไก่ย่างก็ได้"ดารารินทร์เก็บมือถือลงกระเป๋าได้ก็ควักทิชชู่เปียกออกมาเช็ดมือและหยิบไก่ย่างขึ้นมากัดคำเล็กตามด้วยข้าวเหนียวใส่ปาก แม้จะไม่ใช่ของที่อยากทานแต่ก็แก้หิวได้ดีเหมือนกัน"ไม่ให้ผมป้อนแล้ว งั้นคุณก็หายโกรธผมแล้วล่ะสิ"แดนไทยเตรียมตัวเต็มที่ว่าคงจะได้นั่งป้อนข้าวหญิงสาวเสมือนกำลังดูแลคนพิการ แต่ผิดคาดตอนน
"มานี่"รถคันหรูจอดที่หน้าบ้านได้ชายหนุ่มก็รีบลากคุณหนูไฮโซลงจากรถให้ตามเข้ามาในบ้าน"อะไรของคุณ ปล่อยฉัน""รังเกียจชาวไร่นัก ผมก็จะทำให้คุณได้จำฝังใจว่าชาวไร่คนนี้เป็นผัวคุณ""นี่ปล่อย"ดารารินทร์รู้ถึงความคิดของชายหนุ่มได้ เธอก็เริ่มตื่นกลัวและรีบสะบัดข้อมือให้พ้นจากมือของเขา"จะดีดดิ้นไปทำไม ยังไงวันนึงเราก็ต้องทำลูกตามคำสั่งคุณย่าอยู่แล้ว"คนตัวเล็กที่สะบัดมือออกได้ยังไม่ทันจะได้วิ่งหนีไปไหนก็แขนแกร่งรวบเอวเธอไว้ก่อน"ฉันยังไม่พร้อม"คนตัวเล็กดิ้นหนีสุดชีวิต แต่แรงของเธอก็ไม่ได้ทำให้คนตัวโตสะท้านเลยสักนิด และแล้วสาวเจ้าก็ถูกพาเข้ามาในห้องนอนเหวี่ยงขึ้นบนเตียงนุ่มจนได้"นี่ หยุดดด อื้อ"ชายหนุ่มคร่อมกดคนตัวเล็กลงกับเตียง ก้มหน้าบดจูบริมฝีปากบางอย่างไร้ความนุ่มนวล มือหนาดึงกระชากเกาะอกของคนที่นอนดีดดิ้นจนขาดวิ่นปึก ปึก ปึกดารารินทน์มือเรียววาดทุบตีแผ่นหลังกว้าง ทั้งจิกข่วนให้คนตัวโตรู้สึกเจ็บหมายจะให้เขาผละตัวออกไป แต่ไม่มีทีท่าว่าเขาจะหยุดการกระทำแม้แต่นิดเดียว"อื้ออ..หยุดด อ๊ายยย" ปึก ปึก ปึกเมื่อริมฝีปากบางเป็นอิสระดารารินทร์ก็กรีดร้องดังลั่น รัวมือทุบตีแดนไทยไม่หยุด ขณะที่คน
แดนไทยกลับมาจากไร่อาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนผ้าปูเตียงที่เปื้อนไปด้วยเลือดเรียบร้อย ออกมาข้างนอกก็ยังเห็นหญิงสาวในชุดนอนสีขาวนอนหลับอยู่ที่โซฟาหน้าทีวีไม่ตื่น คราแรกที่เขากลับมาถึงไม่ได้สนใจที่จะปลุกเพราะคิดว่าเธอคงจะแกล้งหลับหลังจากได้ยินเสียงรถของเขา แต่ท่าทางจะไม่ใช่อย่างที่คิด"คุณ มานอนอะไรตอนนี้"ชายหนุ่มเดินเข้ามาหาดารารินทร์ที่หลับสนิท เขาเอื้อมมือแตะตัวหญิงสาวหมายจะปลุกให้เธอตื่นไปนอนในห้อง แต่เมื่อมือของเขาสัมผัสกับตัวเธอได้คิ้วหนาก็เริ่มขมวดเข้าหากัน เพราะรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ผิดปกติจากตัวของเธอ และพอรู้ว่าสาวเจ้ามีไข้จึงรีบเดินไปหยิบกล่องยาสามัญ และรีบเข้ามาประคองคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นนั่ง"คุณดาว"แดนไทยหน้าเสียเมื่อเรียกคนในอ้อมอกเท่าไรเธอก็ไม่มีวี่แววว่าเธอจะรู้สึกตัว"อืม ปวดหัว"เสียงพึมพำในลำคอพอจะเป็นสัญญาณให้ชายหนุ่มได้รู้สึกใจชื้นได้บ้าง แต่ก็ยังไม่คลายกังวลเพราะเนื้อตัวเธอร้อนจนเขาไม่ต้องวัดอุณหภูมิก็รู้ว่าไข้สูง"ตื่นมากินยาแก้ไข้ก่อนครับ"ริมฝีปากบางเผยอตามคำสั่งอย่างไม่ค่อยมีสติเท่าไรนัก แดนไทยเห็นดารารินทร์ยอมเปิดปากจึงรีบป้อนยาหญิงสาวและยกแก้วให้เธอดื่มน้ำตาม หลังจ
ณัฐวดีและพิชชาอรทานอาหารกันเรียบร้อยก็ถือโอกาสมาเที่ยวที่บ้านท้ายไร่ของแดนไทยเสียเลย สองสาวที่เคยมางานแต่งของดารารินทร์ที่เรือนใหญ่หน้าไร่ที่เป็นบ้านของกะรัตเพชรไม่กี่วันก่อนรู้สึกชอบวิวทิวทัศน์ที่นี่มากพอสมควรแล้ว แต่พอได้ขับรถเข้ามาที่บ้านของแดนไทยท้ายไร่ได้มองวิวทิวทัศน์ของไร่ด้านในก็รู้สึกชอบที่นี่มากขึ้นไปอีกเพราะสวนองุ่นสองข้างทางที่กำลังออกผลเป็นภาพที่สวยงามน่าประทับใจ ผ่านมาไม่ไกลนักก็เป็นสวนทับทิมและอโวควาโดสลับกับสวนองุ่นเล็กๆคนละสายพันธ์กับสวนด้านหน้าทำให้พวกเธออยากจะค้างคืนที่นี่เสียให้ได้ เพราะอยากจะได้รูปสวยๆลงไอจีไปเสียทุกสวน แต่ก็ต้องตัดใจเพราะมีเวลามาที่นี่แค่วันเดียวเท่านั้น รู้สึกอิจฉาดารารินทร์อยู่เหมือนกันที่ได้มาอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้สองสาวขับรถตามดารารินทร์มาถึงหน้าบ้านของแดนไทยได้ก็รีบลงรถมาดูแปลงผักสวนครัว และเหล่าไม้ดอกไม้ประดับที่เรียงรายกันอยู่ใกล้กับต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านหลังเล็กหลังคาปั้นหยา"บ้านสวนของแท้เลยนะ ฉันเคยอยากมีบ้านแบบนี้เหมือนกันนะดาว"ณัฐวดีมองไปที่หน้าบ้านหลังเล็กสลับกับแปลงผักสวนครัวแสนงามที่เธอกำลังถ่ายรูป เคยคิดในหัวเหมือนกันว่าอยากมีบ้านที
"คุณดินอาบน้ำเสร็จแล้วมาทานข้าวด้วยกันสิคะ อาหารร้านนี้อร่อยมากเลยนะคะ"พิชชาอรกำลังจัดเตรียมแกะกล่องอาหารที่ซื้อมาเมื่อหลางวันวางเรียงรายอยู่ที่โต๊ะ พร้อมกับอีกสองสาว เธอเห็นแดนไทยออกมาจากห้องได้ก็รีบเรียกชายหนุ่มทานข้าวพร้อมกัน"ครับ"แดนไทยเดินยิ้มอ่อนเข้ามานั่งข้างกับดารารินทร์ เขาชำเลืองมองหญิงสาวแต่ไม่ยักจะเห็นเธอจะสนใจมองเขาแม้แต่น้อย ครั้นจะไม่เข้ามาร่วมโต๊ะอาหารก็เกรงใจคนชวน พอมานั่งก็ต้องอึดอัดกับท่าทีของภรรยตนอีกพิขชาอรและณัฐวดีเห็นท่าทีบึ้งตึงของดารารินทร์ก็เริ่มมองหน้ากัน พอจะรู้ว่าดารารินทร์ไม่ปลื้มสามีคนนี้เท่าไรแต่ก็ไม่คิดว่าจะตึงใส่เขาขนาดนี้"ยัยดาว ตักข้าวให้สามีแกสิ"เป็นณัฐวดีที่ต้องเอ่ยกระตุ้นดารารินทร์ หากปล่อยให้เพื่อนเธอไม่มีปฏิสัมพันธ์กับสามีขณะร่วมโต๊ะอาหารกัน พวกเธอก็คงพลอยอึดอัดกันไปด้วย"พอไหม"ดารารินทร์ตักแบ่งข้าวผัดจากกล่องใหญ่ใส่จานที่พิชชาอรส่งมาให้ก่อนจะวางตรงหน้าชายหนุ่ม"ครับ ขอบคุณครับ"แดนไทยพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มอ่อน แม้นเสียงของดารารินทร์ที่พูดกับเขาจะดูห้วนไม่มีหางเสียง แต่ยังดีกว่าเธอไม่พูดอะไรกับเขาเลย"คุณดินออกไปทำงานที่ไร่ทุกวันเลยเหรอค
"จริงนะ"ใบหน้าสวยกลับมาเปื้อนรอยยิ้มอีกครั้ง เพราะเท่ากับว่าวันงานหมั้นของมนชิดา เธอได้ควงชายหนุ่มไปอวดใครต่อใครได้แล้ว"อืม แล้วคุณก็อย่าพูดแบบนี้อีก เราแต่งงานกันแล้ว คุณก็เป็นของผมแล้วอนาคตเราต้องมีลูกด้วยกันอยู่ด้วยกันทุกวัน ลืมคำว่าแต่งงานเพราะเรื่องจำเป็นไปผมว่าจะดีต่อเรา ผมไม่รู้ว่าวันข้างหน้าเราจะรักกันแบบคนรักหรือเปล่า แต่ผมขอว่าอย่างน้อยตอนนี้ให้คุณคิดว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันจะได้ไหม""อืม ก็ได้ค่ะ"สาวเจ้าพยักหน้าหงึกหงักไม่ได้ใส่ใจฟังคำพูดเขาเท่าไรนัก แค่เพียงแดนไทยตกลงที่จะไปกับเธอแค่นี้เธอก็พอใจแล้ว หากไม่ใช่เพราะต้องขอร้องให้เขาออกงานด้วย ดารารินทร์ไม่มีทางพูดดีกับเขาแน่ และไอ้ที่ขอโทษไปคราแรกก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองผิดจริง แค่พูดเพื่อเอาใจแดนไทยก็เท่านั้นเขาจะได้ตอบรับคำขอร้องเธอง่ายๆ"ดูคุณจะภูมิใจกับกระเป๋าใบนี้เหลือเกินนะ"แดนไทยเห็นดารารินทร์นั่งตรวจดูกระเป๋าแบรนด์เนมสีหวานใบใหม่ที่เพิ่งผาดเพิ่งขับรถเอามาให้เมื่อช่วงเย็นพักใหญ่แล้วไม่ยักจะเห็นเธอยอมเก็บมันเข้าที่และเตรียมตัวนอนเสียที"แน่นอน ผู้หญิงทุกคนเป็นปลื้มทั้งนั้นแหละค่ะที่ได้จับกระเป๋ารองเท้าเครื่องประดับหร
“แกสองคนไปบวชแล้วปลงได้จริงหรือเปล่าเนี่ย”ณัฐวดีเดินออกมาที่ลานจอดรถก็เดินใช้หัวไหล่กระแทกมนชิดาและเปรมสินีเบาๆ เพราะเมื่อครู่ทั้งสองพูดขู่เจ็บแสบกับพิริสาพอสมควร“โอ้ย มันก็ไม่ได้ปลงจนเป็นแม่พระขนาดนั้น ใครดีมาก็ดีกลับร้ายมาก็ต้องถูกร้ายกลับเหมือนกัน”มนชิดาเอ่ยด้วยท่าทีขบขัน“ใช่ นี่ยังน้อยไป ถ้าไม่ติดว่าแขกในงานยังกลับไปไม่หมด ได้ฟาดหน้ายัยนั่นสักทีสองทีแล้ว”เปรมสินียังรู้สึกคันไม้คันมือไม่หาย เพราะมีผู้หญิงพวกที่คิดอยากจะยุ่งกับสามีชาวบ้านอยู่เยอะ มนชิดาถึงได้เจอเรื่องแย่ๆแถมผู้หญิงพวกนั้นก็เป็นคนทำให้พ่อและแม่ของเธอฟ้องหย่ากันอยู่ตอนนี้“พวกแกมันเริ่ด”ณัฐวดียกมือนิ้วโป้งสองข้างตรงหน้ามนชิดาและเปรมสินี“ฉันติดต่อยัยดาวไม่ได้เลยอะ”พิชชาอรเริ่มยิ้มไม่ออกเมื่อลองโทรหาดารารินทร์หลายสายแล้วแต่เพื่อนเธอก็ยังไม่รับ“ป่านนี้ดีกับคุณดินสวีทหวานแหววกันไปแล้วมั้ง อย่าไปกวนนางเลย”มนชิดาเดาว่าสองสามีภรรยาน่าจะเข้าใจกันแล้ว“อืม ไปเตรียมตัวจัดงานเซอร์ไพรซ์คุณดินคืนนี้ดีกว่า”“งานไรอะ”เปรมสินีเริ่มมีสีหน้าฉงนหลังจากได้ยินณัฐวดีพูดเรื่องคืนนี้“ไปกับพวกฉันเดี๋ยวก็รู้เอง”ณัฐวดีรวบทุกคนขึ้นร
“งานจะเริ่มแล้วตาดินไปไหนล่ะลูก”อดิเทพเห็นว่างานจะเริ่มแล้วคนในครอบครัวก็อยู่กับครบแต่ไม่ยักจะเห็นแดนไทยจึงสะกิดถามลูกสาว เพราะอยากจะให้คนในครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าตอนแถลงข่าวกับสื่อ“เห็นว่าจะไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวดาวไปตามให้นะคะคุณพ่อ”ดารารินทร์รีบเดินจ้ำอ้าวผ่านห้องแต่งตัวด้านหลังแล้วสายตาของเธอก็ไปสะดุดกับคนสองคนที่กำลังยืนกอดกัน หญิงสาวกลืนน้ำลายอึกใหญ่กำมือแน่นเพราะจำได้ว่าเป็นสามีของเธอแม้จะเห็นเพียงด้านหลัง“พี่ดิน!”“ดาว”แดนไทยหันหลังมาได้ดารารินทร์ก็เห็นว่าผู้หญิงคนที่สามีเธอกอดอยู่นั้นคือพิริสา มิน่าตอนเข้างานมาเขาจึงมีท่าทีแปลกไปตั้งแต่แนะนำตัวทำความรู้จักกับพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของสายการบินแล้ว ที่แท้ก็เคยรู้จักกันเป็นอย่างดีมาก่อน หญิงสาวไม่ได้อยู่สืบสาวความอะไรให้มากเรื่อง เธอเลือกที่จะวิ่งหนีออกไปจากงาน ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะมาเกิดกับตัวเพราะเพิ่งจะหดหู่ใจกับเรื่องของมนชิดาไปหยกๆ ขึ้นชื่อว่าผู้ชายน่าจะไว้ใจยากกันทุกคนไม่เว้นแม้แต่สามีที่เธอคิดว่าเขาดีนักดีหนา“ตาดิน ทำไมน้องวิ่งออกจากงานไปแบบนั้นล่ะ”กานต์มณีเดินมาดักหน้าลูกชายเธอเอาไว้หลังจากเห็นดารารินทร์วิ่งออกจากงานไป
“ป้าม้วนทอผ้าสวยมากเลยนะคะพี่ดิน ดาวว่าจะส่งไปตัดเป็นเดรสใส่วันงานของสายการบินคุณพ่อค่ะ เผื่อจะมีใครอยากได้ชุดแบบดาวบ้าง คนทอผ้าที่นี่จะได้มีรายได้ด้วย”ดารารินทร์คลี่ผ้ายกมุกสีดำน้ำตาลยกมุกด้วยสีครีมลายกระดุมทองมาอวดคนเป็นสามีขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะล้มตัวนอน เธอไปอุดหนุนผ้าทอจากคนในชุมชนเห็นว่าสวยเลยคิดว่าจะเอาไปตัดเป็นชุดใส่ในวันงานเปิดตัวพรีเซนเตอร์สายการบินคนใหม่ของพ่อเธอ“อืม ก็ดีนะ แล้วพ่อดาวบอกหรือยังว่าใครจะมาเป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่”“ยังค่ะ คุณพ่ออยากให้เงียบที่สุดเท่าที่จะเงียบได้ ดาวรู้แค่ว่าเป็นนางแบบที่เป็นคนไทยแล้วก็มีชื่อเสียงในต่างประเทศด้วยค่ะ”ดารารินทร์ส่ายหัวพยายามเค้นถามจากหลายๆคนแล้วก็ไม่ได้คำตอบอะไรเลย“วันที่เราเข้ากรุงเทพไปปรึกษาหมอด้วยเลยดีไหม พี่อยากรู้ว่าเราทำไมไม่มีลูกกันสักที”“เครียดมากเหรอคะที่ดาวไม่ท้องสักที”หญิงสาวพับผ้าเก็บในตู้ก่อนจะเดินเข้ามานอนกอดสามีซุกหน้าพูดอู้อี้กับแผงอกกว้าง มือเรียววาดกอดลูบหลังให้กำลังใจชายหนุ่ม“เปล่าหรอก พี่ก็ไม่ได้รีบขนาดนั้น แต่แค่อยากไปตรวจร่างกายให้แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่”“ก็ได้ค่ะ”แดนไทยก้มพรมจูบกระหม่อมภรรยาตัวเล
"อือ อืมมม"ดารารินทร์โอบรัดต้นคอคนตัวโตเอาไว้แน่น เมื่อลิ้นร้ายของชายหนุ่มสอดส่ายเข้ามาในโพรงปากคนที่เริ่มเป็นงานก็เริ่มตวัดรัดดูดดึงสร้างความวาบหวามให้สามีได้เป็นทวีคูณมือหนาดึงสายผูกเอวชุดนอนซาตินออกได้ร่างบางขาวนวลเนียนก็เผยล่อลวงสายตาคมได้เป็นอย่างดี ยอดอกอูมอวบอิ่มชมพูระเรื่อตั้งชูชันประจันหน้าชายหนุ่มที่พึ่งละการเล่นลิ้นอยู่ในโพรงปากหวาน"อ อ้ะ"เขาก้มลงดูดดึงยอดถันมูมมามจนคนตัวเล็กร้องลั่นแอ่นเร่าตาปรือเยิ้มระบายความเสียวกระสัน มือหนาเลื่อนลงต่ำลูบไล้ไปจนกลีบกุหลาบงาม เขาเลื่อนยกนิ้วโป้งคลึงเม็ดทับทิมสีหวานเรียกอารมณ์รักอย่างเบามือ"อ้ะ อื้อออ ส เสียวค่ะ"ความเสียวซ่านช่วงล่างบวกกับถูกละเลงลิ้นดูดดึงยอดอกทำคนตัวเล็กครางไม่ค่อยจะเป็นคำ มือเรียวสอดผ่านเสื้อยืดวาดจิกแผ่นหลังกว้างถลกเสื้อคนตัวโตขว้างออกไปข้างเตียงหลังจากที่เขาผละออกจากทรวงอกอิ่ม ชายหนุ่มรีบถอดกางเกงเหวี่ยงทิ้งไม่รีรอ สองแขนแกร่งรวบคนตัวเล็กยกกอดถลกชุดคลุมออกให้พ้นตัวจนล่อนจ้อนเหมือนกันกับตน ก่อนจะโน้มตัวนอนลงทาบทับแนบเนื้อกันอีกรอบ"อื้อ"ใบหน้าหวานเหยเกเล็กน้อยขณะคนเป็นสามีดันเจ้ามังกรยักษ์เข้าร่องสวาทคราเดียวจน
"ไม่เอาก็เอามา""เอาก็ได้ แต่คุณไม่กลัวฉันใช้ฟุ่มเฟือยเหรอ""ผมว่าตอนนี้ภรรยาผมน่าจะเอาเงินไปลงกับพวกหนังสือแล้วก็ขนมนมเนยให้เด็กๆกับคนในไร่มากกว่า"แดนไทยเชื่อใจดารารินทร์ว่าคงเอาเงินที่เขาให้ไปใช้ในทางที่มันเป็นประโยชน์ เพราะพักหลังมานี้เธอได้เงินเท่าไรก็เร้าแต่จะให้เขาพาไปซื้อโน่นซื้อนี่ทำประโยชน์ให้โรงเรียนบ้างให้คนในไร่บ้าง จนเขาแทบอยากจะเปิดมูลนิธิให้เธอแล้ว"ก็จริงค่ะ ฉันเอาเงินไปลงกับพวกเค้ามีความสุขกว่าตอนที่ซื้อชุดแพงๆใส่เยอะเลย""คุณน่ารักขึ้นมากขึ้นทุกวันรู้ตัวหรือเปล่า แล้วตอนนี้ผมก็อยากจะฟัดคุณจะแย่แล้วด้วย"แดนไทยเริ่มก้มหน้าซุกไซร้ลำคอระหงส์จนสาวเจ้าต้องรีบผละตัวหนี เพราะยังรู้สึกเหนื่อยจากการขับรถไม่หาย หากให้เขาหาความสุขกับเธอตอนนี้คงสลบเหมือดคาเตียงในไม่กี่นาทีแน่"ฉันเหนื่อยมากเลยค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ"แดนไทยยืนเท้าเอวมองตามหลังคนตัวเล็กด้วยสายตาเว้าวอน เขายอมปล่อยเธอไปก่อนก็ได้แต่คืนนี้ยังไงเธอก็ไม่รอดเงื้อมมือของเขาแน่สามวันต่อมาวันนี้ที่บ้านเล็กท้ายไร่ดูจะครึกครื้นเอามากๆ เพราะทั้งสองครอบครัวมารวมตัวกันที่นี่เนื่องในวันเกิดของกะรัตเพชร"คิดถึงทุกคนจังเลยค่ะ"ดาราริ
"เรียกว่ารัก"เสียงทุ้มนุ่มลึกเอ่ยกระซิบข้างหูคนตัวเล็ก แต่หญิงสาวก็ยังไม่ค่อยมั่นใจว่าเธอจะรู้สึกแบบนั้นกับชายหนุ่มจริงๆ เพราะเธอยังอยู่กับเขาไม่ถึงสองเดือนเลยด้วยซ้ำ"ฉันสามารถรักคุณได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ""การที่เราจะตกหลุมรักใครสักคนไม่ต้องใช้เวลาหรอก แล้วมันก็ไม่ค่อยมีเหตุผลด้วย ขนาดคุณพยศทำตัวดื้อกับผมตั้งหลายครั้งผมยังมองว่าคุณน่ารักเลย""หืม คุณคิดแบบเดียวกับฉันเหรอ""ถ้าผมไม่รู้สึกดีกับคุณ คงไล่คุณออกจากบ้านไปตั้งนานแล้ว"แดนไทยก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปเผลอใจให้เธอตอนไหน พอจะรู้ตัวจริงจังก็เมื่อวันที่สาวเจ้ากลับมาและเขาก็ใจอ่อนยวบยกโทษให้เธอเพียงแค่หญิงสาวพูดขอโทษไม่กี่คำ พอเห็นเธอเศร้าเขาก็พลอยใจเสีย ยิ่งเห็นเธออยากจะทำความดีอย่างตั้งใจก็ชื่นชมและคอยเอาใจช่วยเธอตลอดเวลา อยากให้หญิงสาวเป็นคนดีขึ้นไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อตัวของเธอเอง สำหรับเขาตอนนี้ดารารินทร์คือความสุขของเขาไปแล้ว"จริงอ๋อ"ดารารินทร์อมยิ้มเขินก้มหน้างุดซุกเข้ากับอกอุ่น รู้สึกเขินเกินกว่าจะเงยหน้ามองชายหนุ่ม"ถ้าคุณไม่อยากเหนื่อย อย่าเอาหน้ามาถูหัวนมผม"แดนไทยเริ่มมีเสียงกระเส่าแค่กอดก่ายหญิงสาวคราแรกก็เริ่มกลืนน
"อร่อยไหม พวกแกคิดว่าคนอื่นจะหายโกรธฉันเมื่อไรเหรอ ฉันไม่รู้ว่าจะแบกรับความรู้สึกผิดหวังไหวแค่ไหน พวกแกเป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะ"หญิงสาวยืนหน้าละห้อยเอ่ยพูดกับไก่ที่กำลังรุมจิกมะละกอราวกับพวกมันฟังรู้เรื่อง แดนไทยที่เดินมาเห็นภาพนั้นก็อดอมยิ้มไม่ได้ เพราะไม่คิดว่าดารารินทร์จะเป็นมิตรกับพวกไก่ในเล้าของเขาได้"คิดว่าคุณจะชอบมันไม่ได้ซะอีก""ก็ไม่คิดว่าจะชอบได้ แต่พอกลับไปอยู่กรุงเทพไม่กี่วันคิดถึงมันเหมือนกัน แล้วทำไมวันนี้คุณกลับเร็วล่ะ"หญิงสาวหันหลังเปรยยิ้มให้กับคนมาใหม่“ไม่มีงานอะไรแล้วเลยกลับมาพักผ่อน ทำไม..ไม่อยากเห็นหน้าผมเหรอ”“เปล่าซะหน่อย ฉันจะไปทำไข่เจียวคุณกินไหม”“ทำเป็นด้วยเหรอ”เห็นทีการกลับมาของหญิงสาวจะมีเรื่องให้เขาได้แปลกใจอีกเรื่องแล้ว“ค่ะ ฉันฝึกมา ต่อไปนี้ฉันว่าจะหัดทำงานบ้านงานครัว ช่วงแบ่งเบาภาระคุณเอง”สาวเจ้าเดินนำหน้าแดนไทยเข้าบ้านมาได้ก็เริ่มยิ้มไม่ออก เมื่อสายตามองเห็นถาดขนมเค้กหลายสิบชิ้นที่เธอเอาไปให้คนในไร่วางอยู่ที่กลางโต๊ะอาหาร เธอเห็นจำนวนแล้วก็เดาได้ว่าน่าจะไม่ได้มีใครหยิบไปเลยสักชิ้น"พวกเค้าไม่ได้เอาไปกิน ผมก็เลยต้องเอากลับมา"แดนไทยเอ่ยไปตามความจร
"พรุ่งนี้ฉันว่าจะเข้าไปในโรงเรียน ชวนเด็กๆมาเรียนภาษากันหลายๆคนคุณว่าดีไหม"หลังคุยปรับความเข้าใจกันได้ ตอนนี้ทั้งสองก็มานั่งคุยกันต่อที่โต๊ะอาหาร"ดีสิ แต่อาจจะมีบางคนที่ไม่อยากมาเรียนกับคุณ"แดนไทยเห็นด้วยที่หญิงสาวจะทำเรื่องที่ดี แต่เขาอยากให้เธอเผื่อใจเพราะเรื่องที่เธอสร้างเอาไว้สร้างความเจ็บปวดในใจของคนงานไนไร่ไม่น้อย พวกเขาไม่ได้โกรธที่รู้ว่าจะไม่มีที่อยู่ แต่สิ่งที่หญิงสาวทำเหมือนกับการกลั่นแกล้งไล่ที่โดยที่ไม่บอกให้พวกเขาเหล่านั้นได้รู้ล่วงหน้า"เพราะเรื่องที่ฉันทำสินะคะ"ดารารินทร์บุ้ยปากเขี่ยข้าวในจานไปมา"คุณเป็นคนผูก ก็ต้องเป็นคนแก้""ช่างเถอะ ต่อไปนี้ฉันจะยอมรับให้ได้ทุกอย่าง"หญิงสาวถอนหายใจอ่อน ใช่อย่างที่แดนไทยพูด เธอเป็นคนผูกก็ต้องเป็นคนแก้ แดนไทยมองท่าทีจริงจังของหญิงสาวด้วยแววตาชื่นชม แอบกังวลว่าหญิงสาวจะถอดใจก่อนหรือเปล่า เพราะคนที่นี่ค่อนข้างใจแข็งกันอยู่พอสมควรวันต่อมาวันนี้ดารารินทร์เข้ามาที่ตลาดช่วงสายเธอมาหาซื้อขนมเค้กเพื่อไปให้เด็กๆที่โรงเรียนและเผื่อให้คนในไร่ เสร็จแล้วจึงแวะเข้าไปที่โรงเรียนเพื่อชวนเด็กๆชั้นประถมปีที่6 เรียนภาษาอังกฤษกับเธอฟรี"เด็กๆ พี่นี
"อื้ม.. ฉันโชคดีแค่ไหนที่ได้กินไข่เจียวฝีมือคุณหนูดาวเนี่ย นี่ถ้าคุณแม่แกรู้ว่าแกหัดเข้าครัวทำตัวเป็นแม่บ้านศรีเรือนคงดีใจแทบน้ำตาไหลแน่เลย"หลังจากที่สอนให้ดารารินทร์ลองผิดลองถูกกับการทำไข่เจียวมาพักใหญ่ พิชชาอรก็ได้ทานไข่เจียวสีสวยกลิ่นหอมละมุนฝีมือของเพื่อนเธอเสียที“นึกว่าวันนี้จะได้กินไข่เจียวทูโทนซะแล้วนะเนี่ย”ณัฐวดีมองไข่เจียวสีสวยในจานตาเป็นประกาย ภาพไข่เจียวในจานกระเบื้องสีขาวตรงหน้าหากไปอยู่ที่อื่นมันอาจจะดูธรรมดาๆ แต่เมื่อรู้ว่าเป็นฝีมือของดารารินทร์คุณหนูที่หยิบจับอะไรในครัวไม่เป็นเลยหัดทำไข่เจียวเป็นวันแรกก็ทำได้ดีขนาดนี้มันเลยดูพิเศษสำหรับเธอพอสมควร"เมื่อก่อนที่ฉันไม่อยากทำก็เพราะไม่ชอบไอร้อนๆกลัวตัวเหม็น แต่พอได้ลงมือฉันว่าการทำอาหารก็สนุกดีนะ ตอนนี้อยากทำเป็นอีกหลายๆเมนูเลย"ดารารินทร์ยิ้มกว้างปลื้มปริ่มกับไข่เจียวตรงหน้ามากๆ การเข้าครัวมันก็ไม่ได้เลวร้ายอย่าวที่เธอเคยคิด กลับรู้สึกสนุกมากๆจนอยากเรียนรู้และทำเมนูอื่นเป็นเร็วๆหลังจากเพื่อนๆกลับบ้านกันไปหมดแล้วดารารินทร์ก็ออกมายืนมองวิวทิวทัศน์ของเมืองใหญ่ยามค่ำคืน ภาพที่เธอเคยเห็นว่ามันสวยงามกลับไม่เป็นเช่นเดิม ตอนนี