“ป้าม้วนทอผ้าสวยมากเลยนะคะพี่ดิน ดาวว่าจะส่งไปตัดเป็นเดรสใส่วันงานของสายการบินคุณพ่อค่ะ เผื่อจะมีใครอยากได้ชุดแบบดาวบ้าง คนทอผ้าที่นี่จะได้มีรายได้ด้วย”ดารารินทร์คลี่ผ้ายกมุกสีดำน้ำตาลยกมุกด้วยสีครีมลายกระดุมทองมาอวดคนเป็นสามีขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะล้มตัวนอน เธอไปอุดหนุนผ้าทอจากคนในชุมชนเห็นว่าสวยเลยคิดว่าจะเอาไปตัดเป็นชุดใส่ในวันงานเปิดตัวพรีเซนเตอร์สายการบินคนใหม่ของพ่อเธอ“อืม ก็ดีนะ แล้วพ่อดาวบอกหรือยังว่าใครจะมาเป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่”“ยังค่ะ คุณพ่ออยากให้เงียบที่สุดเท่าที่จะเงียบได้ ดาวรู้แค่ว่าเป็นนางแบบที่เป็นคนไทยแล้วก็มีชื่อเสียงในต่างประเทศด้วยค่ะ”ดารารินทร์ส่ายหัวพยายามเค้นถามจากหลายๆคนแล้วก็ไม่ได้คำตอบอะไรเลย“วันที่เราเข้ากรุงเทพไปปรึกษาหมอด้วยเลยดีไหม พี่อยากรู้ว่าเราทำไมไม่มีลูกกันสักที”“เครียดมากเหรอคะที่ดาวไม่ท้องสักที”หญิงสาวพับผ้าเก็บในตู้ก่อนจะเดินเข้ามานอนกอดสามีซุกหน้าพูดอู้อี้กับแผงอกกว้าง มือเรียววาดกอดลูบหลังให้กำลังใจชายหนุ่ม“เปล่าหรอก พี่ก็ไม่ได้รีบขนาดนั้น แต่แค่อยากไปตรวจร่างกายให้แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่”“ก็ได้ค่ะ”แดนไทยก้มพรมจูบกระหม่อมภรรยาตัวเล
“งานจะเริ่มแล้วตาดินไปไหนล่ะลูก”อดิเทพเห็นว่างานจะเริ่มแล้วคนในครอบครัวก็อยู่กับครบแต่ไม่ยักจะเห็นแดนไทยจึงสะกิดถามลูกสาว เพราะอยากจะให้คนในครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าตอนแถลงข่าวกับสื่อ“เห็นว่าจะไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวดาวไปตามให้นะคะคุณพ่อ”ดารารินทร์รีบเดินจ้ำอ้าวผ่านห้องแต่งตัวด้านหลังแล้วสายตาของเธอก็ไปสะดุดกับคนสองคนที่กำลังยืนกอดกัน หญิงสาวกลืนน้ำลายอึกใหญ่กำมือแน่นเพราะจำได้ว่าเป็นสามีของเธอแม้จะเห็นเพียงด้านหลัง“พี่ดิน!”“ดาว”แดนไทยหันหลังมาได้ดารารินทร์ก็เห็นว่าผู้หญิงคนที่สามีเธอกอดอยู่นั้นคือพิริสา มิน่าตอนเข้างานมาเขาจึงมีท่าทีแปลกไปตั้งแต่แนะนำตัวทำความรู้จักกับพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของสายการบินแล้ว ที่แท้ก็เคยรู้จักกันเป็นอย่างดีมาก่อน หญิงสาวไม่ได้อยู่สืบสาวความอะไรให้มากเรื่อง เธอเลือกที่จะวิ่งหนีออกไปจากงาน ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะมาเกิดกับตัวเพราะเพิ่งจะหดหู่ใจกับเรื่องของมนชิดาไปหยกๆ ขึ้นชื่อว่าผู้ชายน่าจะไว้ใจยากกันทุกคนไม่เว้นแม้แต่สามีที่เธอคิดว่าเขาดีนักดีหนา“ตาดิน ทำไมน้องวิ่งออกจากงานไปแบบนั้นล่ะ”กานต์มณีเดินมาดักหน้าลูกชายเธอเอาไว้หลังจากเห็นดารารินทร์วิ่งออกจากงานไป
“แกสองคนไปบวชแล้วปลงได้จริงหรือเปล่าเนี่ย”ณัฐวดีเดินออกมาที่ลานจอดรถก็เดินใช้หัวไหล่กระแทกมนชิดาและเปรมสินีเบาๆ เพราะเมื่อครู่ทั้งสองพูดขู่เจ็บแสบกับพิริสาพอสมควร“โอ้ย มันก็ไม่ได้ปลงจนเป็นแม่พระขนาดนั้น ใครดีมาก็ดีกลับร้ายมาก็ต้องถูกร้ายกลับเหมือนกัน”มนชิดาเอ่ยด้วยท่าทีขบขัน“ใช่ นี่ยังน้อยไป ถ้าไม่ติดว่าแขกในงานยังกลับไปไม่หมด ได้ฟาดหน้ายัยนั่นสักทีสองทีแล้ว”เปรมสินียังรู้สึกคันไม้คันมือไม่หาย เพราะมีผู้หญิงพวกที่คิดอยากจะยุ่งกับสามีชาวบ้านอยู่เยอะ มนชิดาถึงได้เจอเรื่องแย่ๆแถมผู้หญิงพวกนั้นก็เป็นคนทำให้พ่อและแม่ของเธอฟ้องหย่ากันอยู่ตอนนี้“พวกแกมันเริ่ด”ณัฐวดียกมือนิ้วโป้งสองข้างตรงหน้ามนชิดาและเปรมสินี“ฉันติดต่อยัยดาวไม่ได้เลยอะ”พิชชาอรเริ่มยิ้มไม่ออกเมื่อลองโทรหาดารารินทร์หลายสายแล้วแต่เพื่อนเธอก็ยังไม่รับ“ป่านนี้ดีกับคุณดินสวีทหวานแหววกันไปแล้วมั้ง อย่าไปกวนนางเลย”มนชิดาเดาว่าสองสามีภรรยาน่าจะเข้าใจกันแล้ว“อืม ไปเตรียมตัวจัดงานเซอร์ไพรซ์คุณดินคืนนี้ดีกว่า”“งานไรอะ”เปรมสินีเริ่มมีสีหน้าฉงนหลังจากได้ยินณัฐวดีพูดเรื่องคืนนี้“ไปกับพวกฉันเดี๋ยวก็รู้เอง”ณัฐวดีรวบทุกคนขึ้นร
ท้องฟ้าในเมืองใหญ่คืนนี้แม้นจะโปร่งสวยงามเต็มไปด้วยแสงของดวงดาวระยิบระยับ ช่างเป็นภาพที่ตรงข้ามกับหัวใจของคุณหนูดารารินทร์หรือคุณหนูดาวจรัสฟ้าอย่างที่เหล่าเพื่อนไฮโซให้ฉายา หัวใจของคุณหนูไฮโซหน้าสวยกำลังมืดมน เพราะชีวิตที่สุขสบายอยากได้อะไรก็ได้กำลังจะพังลง ตอนนี้ธุรกิจสายการบินของพ่อเธอกำลังจะล้มละลาย หลังจากพิษเศรษฐกิจที่เป็นผลพวงมาจากโรคระบาดที่ทำให้ผู้คนต่างต้องใส่หน้ากากป้องกันบดบังใบหน้าทั่วบ้านทั่วเมือง“ฮึก ฮือๆๆ ทำไมเรื่องนี้ต้องมาเกิดกับฉันด้วย”ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยน้ำตา มือน้อยหยิบทิชชู่ราคาแพงยกปาดน้ำตาที่หล่นลงมาหยดแล้วหยดเล่าไม่เว้นว่าง พลางหันหลังเข้าไปมองยังเหล่าของแบรนด์เนมราคาแพงอันเป็นที่รักที่เรียงรายกันอยู่ในตู้กระจกในห้องใหญ่หน้าละห้อย เธอได้คำแนะนำจากคนในบ้านว่าให้ขายของพวกนี้เอาเงินมาใช้แต่ก็ตัดใจขายไม่ลง เพราะหากเพื่อนๆในวงสังคมไฮโซรู้ว่าเธอกำลังจะเป็นคุณหนูตกอับจนต้องเอาของรักมาปล่อยขายไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเลย“เทวดาบนสวรรค์มีอยู่จริงหรือเปล่าคะ ถ้ามีจริงช่วยอย่าให้คุณหนูคนนี้ตกอับหน่อยค่ะ ฉันไม่เคยคิดทำร้ายใคร ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องมาเกิดกับฉันด้วยมันไม่ย
หลังจากตัดสินใจได้เมื่อเดือนก่อน คืนนี้ก็เป็นคืนเข้าหอของดารารินทร์และแดนไทย จิตติวัฒน์สกุล หญิงสาวในชุดนอนวิคตอเรียซาตินสีชมพูหวานนอนตะแคงอยู่บนเตียงใหญ่ เธอจ้องมองหน้าแดนไทยสามีหุ่นหมีที่กำลังหลับอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ติดผนังห้องอย่างไม่ยอมหลับตา ถึงจะรู้ว่าเขาไม่ได้เต็มใจแต่งกับเธอ แต่แดนไทยก็เป็นผู้ชาย ไม่รู้ว่าเขาจะนึกคึกลุกขึ้นมาทำอะไรเธอหรือเปล่า เพราะตอนนี้เธอยังไม่พร้อมจะเป็นภรรยาตามพฤตินัยของเขายอมรับว่าสามีหมาดๆของเธอไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร แถมหน้าตาดูหล่อเหลาและหุ่นดีกว่าดารานายแบบบางคนด้วย แต่เขาก็เป็นเพียงไฮโซที่ชอบการทำไร่ ไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติแบบที่เนี้ยบดูดีตลอดเวลา บริหารงานในบริษัทใหญ่โตเวลาเธอควงออกงานก็จะมีแต่คนอิจฉา หากจะต้องนอนกับเขาและทำกิจกรรมบนเตียงอย่างสามีภรรยาทั่วไปทำ เธอคงต้องขอทำใจสักพักอีกทั้งตอนนี้เธอยังรู้สึกช้ำใจที่ได้สามีเป็นถึงทายาทมหาเศรษฐีแท้ๆ นึกว่าจะได้อยู่เรือนหอหลังโตใช้ชีวิตสุขสบายอวดเพื่อนๆได้ แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อที่อยู่ของเธอจริงๆตอนนี้คือบ้านหลังเล็กชั้นเดียวหลังคาปั้นหยาท้ายไร่กลิ่นฝนต้นฟ้า ในอำเภอหนึ่งของจังหวัดสระบุรี ยังดีที่มีเตียงนุ่
เอก อี เอ้ก เอ้กไก่หลายตัวที่อยู่ในเล้าหลังบ้านของแดนไทย เริ่มส่งเสียงขันเมื่อเข้ารุ่งสางของเช้าวันใหม่ ดารารินทร์ที่ได้ยินเสียงอันน่ารำคาญก็เริ่มขมวดคิ้วหงุดหงิดหัวใจ เธอค่อยๆพลิกตัวควานหาทั้งมอนทั้งผ้าห่มปิดหูแต่ก็ไม่สามารถที่จะต้านทานเสียงไก่พวกนั้นให้มาถึงหูของเธอได้ เมื่อทำอะไรกับเสียงพวกนั้นไม่ได้ก็เริ่มเปิดปากอาละวาด“อืม มาขันอะไรตอนนี้ จะน้อนน”สาวเจ้าไม่ชอบเอาเสียเลยในเวลาที่กำลังนอนสบายๆแล้วมีอะไรมารบกวน“หึ่”แดนไทยที่กำลังจะลุกไปอาบน้ำแต่งตัวรู้สึกขบขันคนบนเตียงพอสมควร เขาลุกยืนบิดขี้เกียจและเดินตรงไปหาหญิงสาวที่ควานผ้าห่มรวมถึงหมอนเอามาปิดหูเอาไว้ พอถึงตัวภรรยาตีทะเบียนได้ก็ยื่นมือไปจับหัวไหล่มนเขย่าเบาๆ“นี่คุณ ตื่นไปทำกับข้าวให้ผมได้แล้ว”“โอ้ย อะไรนักหนาฉันจะนอน ทั้งไก่ทั้งคนเลย หุ้ยย”สาวเจ้าดีดตัวผึงลุกนั่งหัวฟู มือน้อยรีบปัดผมออกจากใบหน้าและเงยขึ้นมามองค้อนสามีหุ่นหมีที่ยืนเท้าเอวข้างเตียง เธอหงุดหงิดมากถึงมากที่สุด เพราะตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยมีใครมารบกวนเวลานอนของเธอแบบนี้ หากเจ้าไก่พวกนั้นอยู่ใกล้ไม้ใกล้มือเป็นได้คว้าหมับจับหักคอไปแล้ว“ไปทำกับข้าวให้ผม”แดนไทยไม
“คงเย็นๆ วันนี้ผมให้คุณพักผ่อนให้เต็มที่เลย พรุ่งนี้ค่อยเข้าไร่กับผม”คนตัวโตเอ่ยขณะยกหมวกคาวบอยขึ้นมาสวม ดารารินทร์ที่รู้ตัวว่าจะได้เข้าไร่ก็เริ่มมีสีหน้าไม่พอใจ วินาทีนี้แดนไทยเริ่มถอยหลังออกจากหญิงสาวสองสามก้าว เข้าใจว่าตัวเองจะต้องแสบแก้วหูเพราะเสียงของเธอแน่นอน“ใครจะไปทำไร่ ฉันไม่ทำหรอกนะ”แล้วก็เป็นเช่นนั้น สาวเจ้ายืนเท้าเอวทำหน้ายักษ์ยืนกรานว่ายังไงเธอก็ไม่ยอมเข้าไร่เข้ากงเด็ดขาด คนอย่างดารารินทร์เกิดมาก็ได้ชื่อว่าเป็นคุณหนูไฮโซมีพี่เลี้ยงรายล้อมคอยทำโน่นทำนี่ให้ทุกอย่างอยู่แล้ว แถมตอนนี้ยังเลือกที่จะมาแต่งงานกับคนรวยมีหรือเธอจะยอมทำสวนทำไร่ให้เหนื่อยเสี่ยงกับผิวพรรณที่จะเสีย ที่มากไปกว่านั้นหากคนรู้จักรู้ว่าเธอต้องมาเป็นชาวไร่ได้ถูกหัวเราะเยาะแน่“อ้าว เป็นเมียผมก็ต้องทำไร่สิครับ จะมานั่งงอมืองอเท้าได้ยังไง”แดนไทยยังคงหยอกคนที่กำลังโมโหเล่นไม่เลิก“ก็บอกแล้วไงว่าเตรียมตัวเป็นแม่ฉันไม่คุยด้วยแล้ว”ดารารินทร์ยืนกรานก่อนจะหันหลังสะบัดก้นเข้าไปในบ้าน ท่าทีหงุดหงิดของเธอทำแดนไทยยืนสบถขำ ท่าทีไม่สบอารมณ์ของดารารินทร์แดนไทยเห็นหลายครั้งเข้าเขาก็มองภาพนั้นเป็นภาพที่น่าขบขันไปโดยปริย
แดนไทยเห็นภรรยาแต่งองค์ทรงเครื่องสวยยืนอยู่หน้าบ้านเขาไม่รู้หรอกว่าเธอกำลังจะออกไปไหน แต่หากไก่ของเขายังไม่กลับเข้าเล้าเขาจะให้เธอไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น"คุณเปิดเล้าไก่หรือเปล่า"ชายหนุ่มจอดรถได้ก็เดินดุ่มเข้ามาหาดารารินทร์ที่กำลังยืนสวมรองเท้าส้นสูงอยู่หน้าบ้าน สาวเจ้าเหลือบสายตามองคนตัวโตอย่างไม่สบอารมณ์ หากรู้ว่าเขาจะกลับมาเร็วคงได้แจ้นออกไปก่อนแล้ว"ทำไม"ดารารินทร์ตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ และยื่นมือหยิบกระเป๋าสีชมพูหวานราคาแพงหมายจะเดินออกไปที่เบนซ์คันหรูของเธอแต่ถูกชายหนุ่มขวางหน้าเอาไว้ก่อน"ผมถามว่าได้เปิดเล้าไก่ไหม""เปิด ให้มันไปอยู่ที่อื่นจะได้ไม่ขันให้รำคาญหูเวลานอน ถอยไปฉันมีธุระ"ดารารินทร์สารภาพเสียงห้วน ไม่ได้เห็นว่าการปล่อยไก่ออกไปจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร แดนไทยเริ่มกัดฟันมองคำพูดคำจาและท่าทีของหญิงสาวเขาก็รู้ได้เลยว่าเธอไม่ได้ใส่ใจว่าไก่พวกนั้นจะเป็นจะตายยังไง งานนี้เห็นทีต้องสั่งสอนคนเอาแต่ใจให้รับรู้ว่าการที่จะอยู่ที่นี่ไม่ใช่ว่าจะมาทำตามใจตัวเองทุกเรื่องได้"คุณจะมาทำอะไรตามอำเภอใจตัวเองไม่ได้ ไปตามหาไก่มาให้ครบทุกตัวเดี๋ยวนี้เลย"ชายหนุ่มคว้าหมับกระชากกระเป๋าจากมือของหญิง
“แกสองคนไปบวชแล้วปลงได้จริงหรือเปล่าเนี่ย”ณัฐวดีเดินออกมาที่ลานจอดรถก็เดินใช้หัวไหล่กระแทกมนชิดาและเปรมสินีเบาๆ เพราะเมื่อครู่ทั้งสองพูดขู่เจ็บแสบกับพิริสาพอสมควร“โอ้ย มันก็ไม่ได้ปลงจนเป็นแม่พระขนาดนั้น ใครดีมาก็ดีกลับร้ายมาก็ต้องถูกร้ายกลับเหมือนกัน”มนชิดาเอ่ยด้วยท่าทีขบขัน“ใช่ นี่ยังน้อยไป ถ้าไม่ติดว่าแขกในงานยังกลับไปไม่หมด ได้ฟาดหน้ายัยนั่นสักทีสองทีแล้ว”เปรมสินียังรู้สึกคันไม้คันมือไม่หาย เพราะมีผู้หญิงพวกที่คิดอยากจะยุ่งกับสามีชาวบ้านอยู่เยอะ มนชิดาถึงได้เจอเรื่องแย่ๆแถมผู้หญิงพวกนั้นก็เป็นคนทำให้พ่อและแม่ของเธอฟ้องหย่ากันอยู่ตอนนี้“พวกแกมันเริ่ด”ณัฐวดียกมือนิ้วโป้งสองข้างตรงหน้ามนชิดาและเปรมสินี“ฉันติดต่อยัยดาวไม่ได้เลยอะ”พิชชาอรเริ่มยิ้มไม่ออกเมื่อลองโทรหาดารารินทร์หลายสายแล้วแต่เพื่อนเธอก็ยังไม่รับ“ป่านนี้ดีกับคุณดินสวีทหวานแหววกันไปแล้วมั้ง อย่าไปกวนนางเลย”มนชิดาเดาว่าสองสามีภรรยาน่าจะเข้าใจกันแล้ว“อืม ไปเตรียมตัวจัดงานเซอร์ไพรซ์คุณดินคืนนี้ดีกว่า”“งานไรอะ”เปรมสินีเริ่มมีสีหน้าฉงนหลังจากได้ยินณัฐวดีพูดเรื่องคืนนี้“ไปกับพวกฉันเดี๋ยวก็รู้เอง”ณัฐวดีรวบทุกคนขึ้นร
“งานจะเริ่มแล้วตาดินไปไหนล่ะลูก”อดิเทพเห็นว่างานจะเริ่มแล้วคนในครอบครัวก็อยู่กับครบแต่ไม่ยักจะเห็นแดนไทยจึงสะกิดถามลูกสาว เพราะอยากจะให้คนในครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าตอนแถลงข่าวกับสื่อ“เห็นว่าจะไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวดาวไปตามให้นะคะคุณพ่อ”ดารารินทร์รีบเดินจ้ำอ้าวผ่านห้องแต่งตัวด้านหลังแล้วสายตาของเธอก็ไปสะดุดกับคนสองคนที่กำลังยืนกอดกัน หญิงสาวกลืนน้ำลายอึกใหญ่กำมือแน่นเพราะจำได้ว่าเป็นสามีของเธอแม้จะเห็นเพียงด้านหลัง“พี่ดิน!”“ดาว”แดนไทยหันหลังมาได้ดารารินทร์ก็เห็นว่าผู้หญิงคนที่สามีเธอกอดอยู่นั้นคือพิริสา มิน่าตอนเข้างานมาเขาจึงมีท่าทีแปลกไปตั้งแต่แนะนำตัวทำความรู้จักกับพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของสายการบินแล้ว ที่แท้ก็เคยรู้จักกันเป็นอย่างดีมาก่อน หญิงสาวไม่ได้อยู่สืบสาวความอะไรให้มากเรื่อง เธอเลือกที่จะวิ่งหนีออกไปจากงาน ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะมาเกิดกับตัวเพราะเพิ่งจะหดหู่ใจกับเรื่องของมนชิดาไปหยกๆ ขึ้นชื่อว่าผู้ชายน่าจะไว้ใจยากกันทุกคนไม่เว้นแม้แต่สามีที่เธอคิดว่าเขาดีนักดีหนา“ตาดิน ทำไมน้องวิ่งออกจากงานไปแบบนั้นล่ะ”กานต์มณีเดินมาดักหน้าลูกชายเธอเอาไว้หลังจากเห็นดารารินทร์วิ่งออกจากงานไป
“ป้าม้วนทอผ้าสวยมากเลยนะคะพี่ดิน ดาวว่าจะส่งไปตัดเป็นเดรสใส่วันงานของสายการบินคุณพ่อค่ะ เผื่อจะมีใครอยากได้ชุดแบบดาวบ้าง คนทอผ้าที่นี่จะได้มีรายได้ด้วย”ดารารินทร์คลี่ผ้ายกมุกสีดำน้ำตาลยกมุกด้วยสีครีมลายกระดุมทองมาอวดคนเป็นสามีขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะล้มตัวนอน เธอไปอุดหนุนผ้าทอจากคนในชุมชนเห็นว่าสวยเลยคิดว่าจะเอาไปตัดเป็นชุดใส่ในวันงานเปิดตัวพรีเซนเตอร์สายการบินคนใหม่ของพ่อเธอ“อืม ก็ดีนะ แล้วพ่อดาวบอกหรือยังว่าใครจะมาเป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่”“ยังค่ะ คุณพ่ออยากให้เงียบที่สุดเท่าที่จะเงียบได้ ดาวรู้แค่ว่าเป็นนางแบบที่เป็นคนไทยแล้วก็มีชื่อเสียงในต่างประเทศด้วยค่ะ”ดารารินทร์ส่ายหัวพยายามเค้นถามจากหลายๆคนแล้วก็ไม่ได้คำตอบอะไรเลย“วันที่เราเข้ากรุงเทพไปปรึกษาหมอด้วยเลยดีไหม พี่อยากรู้ว่าเราทำไมไม่มีลูกกันสักที”“เครียดมากเหรอคะที่ดาวไม่ท้องสักที”หญิงสาวพับผ้าเก็บในตู้ก่อนจะเดินเข้ามานอนกอดสามีซุกหน้าพูดอู้อี้กับแผงอกกว้าง มือเรียววาดกอดลูบหลังให้กำลังใจชายหนุ่ม“เปล่าหรอก พี่ก็ไม่ได้รีบขนาดนั้น แต่แค่อยากไปตรวจร่างกายให้แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่”“ก็ได้ค่ะ”แดนไทยก้มพรมจูบกระหม่อมภรรยาตัวเล
"อือ อืมมม"ดารารินทร์โอบรัดต้นคอคนตัวโตเอาไว้แน่น เมื่อลิ้นร้ายของชายหนุ่มสอดส่ายเข้ามาในโพรงปากคนที่เริ่มเป็นงานก็เริ่มตวัดรัดดูดดึงสร้างความวาบหวามให้สามีได้เป็นทวีคูณมือหนาดึงสายผูกเอวชุดนอนซาตินออกได้ร่างบางขาวนวลเนียนก็เผยล่อลวงสายตาคมได้เป็นอย่างดี ยอดอกอูมอวบอิ่มชมพูระเรื่อตั้งชูชันประจันหน้าชายหนุ่มที่พึ่งละการเล่นลิ้นอยู่ในโพรงปากหวาน"อ อ้ะ"เขาก้มลงดูดดึงยอดถันมูมมามจนคนตัวเล็กร้องลั่นแอ่นเร่าตาปรือเยิ้มระบายความเสียวกระสัน มือหนาเลื่อนลงต่ำลูบไล้ไปจนกลีบกุหลาบงาม เขาเลื่อนยกนิ้วโป้งคลึงเม็ดทับทิมสีหวานเรียกอารมณ์รักอย่างเบามือ"อ้ะ อื้อออ ส เสียวค่ะ"ความเสียวซ่านช่วงล่างบวกกับถูกละเลงลิ้นดูดดึงยอดอกทำคนตัวเล็กครางไม่ค่อยจะเป็นคำ มือเรียวสอดผ่านเสื้อยืดวาดจิกแผ่นหลังกว้างถลกเสื้อคนตัวโตขว้างออกไปข้างเตียงหลังจากที่เขาผละออกจากทรวงอกอิ่ม ชายหนุ่มรีบถอดกางเกงเหวี่ยงทิ้งไม่รีรอ สองแขนแกร่งรวบคนตัวเล็กยกกอดถลกชุดคลุมออกให้พ้นตัวจนล่อนจ้อนเหมือนกันกับตน ก่อนจะโน้มตัวนอนลงทาบทับแนบเนื้อกันอีกรอบ"อื้อ"ใบหน้าหวานเหยเกเล็กน้อยขณะคนเป็นสามีดันเจ้ามังกรยักษ์เข้าร่องสวาทคราเดียวจน
"ไม่เอาก็เอามา""เอาก็ได้ แต่คุณไม่กลัวฉันใช้ฟุ่มเฟือยเหรอ""ผมว่าตอนนี้ภรรยาผมน่าจะเอาเงินไปลงกับพวกหนังสือแล้วก็ขนมนมเนยให้เด็กๆกับคนในไร่มากกว่า"แดนไทยเชื่อใจดารารินทร์ว่าคงเอาเงินที่เขาให้ไปใช้ในทางที่มันเป็นประโยชน์ เพราะพักหลังมานี้เธอได้เงินเท่าไรก็เร้าแต่จะให้เขาพาไปซื้อโน่นซื้อนี่ทำประโยชน์ให้โรงเรียนบ้างให้คนในไร่บ้าง จนเขาแทบอยากจะเปิดมูลนิธิให้เธอแล้ว"ก็จริงค่ะ ฉันเอาเงินไปลงกับพวกเค้ามีความสุขกว่าตอนที่ซื้อชุดแพงๆใส่เยอะเลย""คุณน่ารักขึ้นมากขึ้นทุกวันรู้ตัวหรือเปล่า แล้วตอนนี้ผมก็อยากจะฟัดคุณจะแย่แล้วด้วย"แดนไทยเริ่มก้มหน้าซุกไซร้ลำคอระหงส์จนสาวเจ้าต้องรีบผละตัวหนี เพราะยังรู้สึกเหนื่อยจากการขับรถไม่หาย หากให้เขาหาความสุขกับเธอตอนนี้คงสลบเหมือดคาเตียงในไม่กี่นาทีแน่"ฉันเหนื่อยมากเลยค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ"แดนไทยยืนเท้าเอวมองตามหลังคนตัวเล็กด้วยสายตาเว้าวอน เขายอมปล่อยเธอไปก่อนก็ได้แต่คืนนี้ยังไงเธอก็ไม่รอดเงื้อมมือของเขาแน่สามวันต่อมาวันนี้ที่บ้านเล็กท้ายไร่ดูจะครึกครื้นเอามากๆ เพราะทั้งสองครอบครัวมารวมตัวกันที่นี่เนื่องในวันเกิดของกะรัตเพชร"คิดถึงทุกคนจังเลยค่ะ"ดาราริ
"เรียกว่ารัก"เสียงทุ้มนุ่มลึกเอ่ยกระซิบข้างหูคนตัวเล็ก แต่หญิงสาวก็ยังไม่ค่อยมั่นใจว่าเธอจะรู้สึกแบบนั้นกับชายหนุ่มจริงๆ เพราะเธอยังอยู่กับเขาไม่ถึงสองเดือนเลยด้วยซ้ำ"ฉันสามารถรักคุณได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ""การที่เราจะตกหลุมรักใครสักคนไม่ต้องใช้เวลาหรอก แล้วมันก็ไม่ค่อยมีเหตุผลด้วย ขนาดคุณพยศทำตัวดื้อกับผมตั้งหลายครั้งผมยังมองว่าคุณน่ารักเลย""หืม คุณคิดแบบเดียวกับฉันเหรอ""ถ้าผมไม่รู้สึกดีกับคุณ คงไล่คุณออกจากบ้านไปตั้งนานแล้ว"แดนไทยก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปเผลอใจให้เธอตอนไหน พอจะรู้ตัวจริงจังก็เมื่อวันที่สาวเจ้ากลับมาและเขาก็ใจอ่อนยวบยกโทษให้เธอเพียงแค่หญิงสาวพูดขอโทษไม่กี่คำ พอเห็นเธอเศร้าเขาก็พลอยใจเสีย ยิ่งเห็นเธออยากจะทำความดีอย่างตั้งใจก็ชื่นชมและคอยเอาใจช่วยเธอตลอดเวลา อยากให้หญิงสาวเป็นคนดีขึ้นไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อตัวของเธอเอง สำหรับเขาตอนนี้ดารารินทร์คือความสุขของเขาไปแล้ว"จริงอ๋อ"ดารารินทร์อมยิ้มเขินก้มหน้างุดซุกเข้ากับอกอุ่น รู้สึกเขินเกินกว่าจะเงยหน้ามองชายหนุ่ม"ถ้าคุณไม่อยากเหนื่อย อย่าเอาหน้ามาถูหัวนมผม"แดนไทยเริ่มมีเสียงกระเส่าแค่กอดก่ายหญิงสาวคราแรกก็เริ่มกลืนน
"อร่อยไหม พวกแกคิดว่าคนอื่นจะหายโกรธฉันเมื่อไรเหรอ ฉันไม่รู้ว่าจะแบกรับความรู้สึกผิดหวังไหวแค่ไหน พวกแกเป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะ"หญิงสาวยืนหน้าละห้อยเอ่ยพูดกับไก่ที่กำลังรุมจิกมะละกอราวกับพวกมันฟังรู้เรื่อง แดนไทยที่เดินมาเห็นภาพนั้นก็อดอมยิ้มไม่ได้ เพราะไม่คิดว่าดารารินทร์จะเป็นมิตรกับพวกไก่ในเล้าของเขาได้"คิดว่าคุณจะชอบมันไม่ได้ซะอีก""ก็ไม่คิดว่าจะชอบได้ แต่พอกลับไปอยู่กรุงเทพไม่กี่วันคิดถึงมันเหมือนกัน แล้วทำไมวันนี้คุณกลับเร็วล่ะ"หญิงสาวหันหลังเปรยยิ้มให้กับคนมาใหม่“ไม่มีงานอะไรแล้วเลยกลับมาพักผ่อน ทำไม..ไม่อยากเห็นหน้าผมเหรอ”“เปล่าซะหน่อย ฉันจะไปทำไข่เจียวคุณกินไหม”“ทำเป็นด้วยเหรอ”เห็นทีการกลับมาของหญิงสาวจะมีเรื่องให้เขาได้แปลกใจอีกเรื่องแล้ว“ค่ะ ฉันฝึกมา ต่อไปนี้ฉันว่าจะหัดทำงานบ้านงานครัว ช่วงแบ่งเบาภาระคุณเอง”สาวเจ้าเดินนำหน้าแดนไทยเข้าบ้านมาได้ก็เริ่มยิ้มไม่ออก เมื่อสายตามองเห็นถาดขนมเค้กหลายสิบชิ้นที่เธอเอาไปให้คนในไร่วางอยู่ที่กลางโต๊ะอาหาร เธอเห็นจำนวนแล้วก็เดาได้ว่าน่าจะไม่ได้มีใครหยิบไปเลยสักชิ้น"พวกเค้าไม่ได้เอาไปกิน ผมก็เลยต้องเอากลับมา"แดนไทยเอ่ยไปตามความจร
"พรุ่งนี้ฉันว่าจะเข้าไปในโรงเรียน ชวนเด็กๆมาเรียนภาษากันหลายๆคนคุณว่าดีไหม"หลังคุยปรับความเข้าใจกันได้ ตอนนี้ทั้งสองก็มานั่งคุยกันต่อที่โต๊ะอาหาร"ดีสิ แต่อาจจะมีบางคนที่ไม่อยากมาเรียนกับคุณ"แดนไทยเห็นด้วยที่หญิงสาวจะทำเรื่องที่ดี แต่เขาอยากให้เธอเผื่อใจเพราะเรื่องที่เธอสร้างเอาไว้สร้างความเจ็บปวดในใจของคนงานไนไร่ไม่น้อย พวกเขาไม่ได้โกรธที่รู้ว่าจะไม่มีที่อยู่ แต่สิ่งที่หญิงสาวทำเหมือนกับการกลั่นแกล้งไล่ที่โดยที่ไม่บอกให้พวกเขาเหล่านั้นได้รู้ล่วงหน้า"เพราะเรื่องที่ฉันทำสินะคะ"ดารารินทร์บุ้ยปากเขี่ยข้าวในจานไปมา"คุณเป็นคนผูก ก็ต้องเป็นคนแก้""ช่างเถอะ ต่อไปนี้ฉันจะยอมรับให้ได้ทุกอย่าง"หญิงสาวถอนหายใจอ่อน ใช่อย่างที่แดนไทยพูด เธอเป็นคนผูกก็ต้องเป็นคนแก้ แดนไทยมองท่าทีจริงจังของหญิงสาวด้วยแววตาชื่นชม แอบกังวลว่าหญิงสาวจะถอดใจก่อนหรือเปล่า เพราะคนที่นี่ค่อนข้างใจแข็งกันอยู่พอสมควรวันต่อมาวันนี้ดารารินทร์เข้ามาที่ตลาดช่วงสายเธอมาหาซื้อขนมเค้กเพื่อไปให้เด็กๆที่โรงเรียนและเผื่อให้คนในไร่ เสร็จแล้วจึงแวะเข้าไปที่โรงเรียนเพื่อชวนเด็กๆชั้นประถมปีที่6 เรียนภาษาอังกฤษกับเธอฟรี"เด็กๆ พี่นี
"อื้ม.. ฉันโชคดีแค่ไหนที่ได้กินไข่เจียวฝีมือคุณหนูดาวเนี่ย นี่ถ้าคุณแม่แกรู้ว่าแกหัดเข้าครัวทำตัวเป็นแม่บ้านศรีเรือนคงดีใจแทบน้ำตาไหลแน่เลย"หลังจากที่สอนให้ดารารินทร์ลองผิดลองถูกกับการทำไข่เจียวมาพักใหญ่ พิชชาอรก็ได้ทานไข่เจียวสีสวยกลิ่นหอมละมุนฝีมือของเพื่อนเธอเสียที“นึกว่าวันนี้จะได้กินไข่เจียวทูโทนซะแล้วนะเนี่ย”ณัฐวดีมองไข่เจียวสีสวยในจานตาเป็นประกาย ภาพไข่เจียวในจานกระเบื้องสีขาวตรงหน้าหากไปอยู่ที่อื่นมันอาจจะดูธรรมดาๆ แต่เมื่อรู้ว่าเป็นฝีมือของดารารินทร์คุณหนูที่หยิบจับอะไรในครัวไม่เป็นเลยหัดทำไข่เจียวเป็นวันแรกก็ทำได้ดีขนาดนี้มันเลยดูพิเศษสำหรับเธอพอสมควร"เมื่อก่อนที่ฉันไม่อยากทำก็เพราะไม่ชอบไอร้อนๆกลัวตัวเหม็น แต่พอได้ลงมือฉันว่าการทำอาหารก็สนุกดีนะ ตอนนี้อยากทำเป็นอีกหลายๆเมนูเลย"ดารารินทร์ยิ้มกว้างปลื้มปริ่มกับไข่เจียวตรงหน้ามากๆ การเข้าครัวมันก็ไม่ได้เลวร้ายอย่าวที่เธอเคยคิด กลับรู้สึกสนุกมากๆจนอยากเรียนรู้และทำเมนูอื่นเป็นเร็วๆหลังจากเพื่อนๆกลับบ้านกันไปหมดแล้วดารารินทร์ก็ออกมายืนมองวิวทิวทัศน์ของเมืองใหญ่ยามค่ำคืน ภาพที่เธอเคยเห็นว่ามันสวยงามกลับไม่เป็นเช่นเดิม ตอนนี